AK240 นั้นถือว่าเป็นเครื่องเล่น DAP รุ่นที่สามของ Astell&Kern ต่อจาก AK100 , AK120 ซึ่งในสองตัวแรกนั้นยังมีพื้นฐานหน้าตาและแนวเสียงที่ละม้ายคล้ายกันอยู่พอสมควร แต่พอมาเป็น AK240 ทุกอย่างนั้นแตกต่างออกไปไม่ว่าจะเป็นทั้งภายนอกและภายใน ที่ถูกออกแบบมาใหม่หมดจด และแตกต่างจากสองรุ่นแรกไปอย่างสิ้นเชิง

คอนเซปท์ของ AK240 นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานระหว่างแสงและเงา ด้านหน้าที่ดูเหมือนจะไม่สมมาตรกัน (asymmetric design) นั้นถูกออกแบบมาจากรูปทรงของเงาเมื่อถูกแสงตกกระทบ ซึ่งรูปลักษณ์แบบนี้เป็นการแสดงให้เห็นภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งของแบรนด์ Astell & Kern และเป็นการพรรณนาถึงความมีระดับและแตกต่างจากเครื่องเล่นพกพาตัวอื่นๆ

ในส่วนของ Hardware นั้น AK240 ใช้วัสดุที่นำมาทำเป็นโครงบอดี้ทั้งหมดจาก Duralumin (ดูราลูมิน ) ซึ่งเป็นวัสดุ Aluminium Alloy ประเภทหนึ่งที่แข็งแรง ทนทานต่อกาลเวลา มีลักษณะแข็ง แต่น้ำหนักเบา ส่วนใหญ่มักจะนำไปใช้ในการสร้างอากาศยานและเครื่องบินเป็นต้นครับ

โดยที่ Duralumin 1 ก้อนนั้นต้องผ่านกรรมวิธิในการผลิตต่างๆถึง 12 ขั้นตอนเลยทีเดียครับ โดยเริ่มแรกจาก Duralumin ดิบๆแบบเป็นก้อนที่มีน้ำหนักถึง 435g. โดยเนื้อ Duralumin จะถูกตัดแต่งออกไปมากกว่า 90% ในการทำเป็นโครงบอดี้ และหลังจากขัดแต่งพื้นผิวทุกอย่างแล้วจะเหลือน้ำหนักที่ใช้งานอยู่จริงเพียงแค่ 41g. เพียงเท่านั้นครับ และหลังจากที่ผ่านกรรมวิธิขัดแต่งพื้นผิวเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าสู่กระบวนการ anodizing ออกมาเป็นเป็นสี gun metal นอกจากเพื่อความสวยงามแล้วยังทำให้วัสดุนั้นแข็งแกร่งและทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีขึ้นอีกด้วยครับ

และในส่วนของลายเคฟล่าร์ด้านหลังนั้นยังเป็น real carbon fiber แท้ๆอีกด้วย ซึ่งทำให้มิติของชิ้นงาน AK240 นั้นดูสมบูรณ์แบบมากขึ้นครับ อ่านมาถึงตรงนี้ก็ทำให้รู้เลยว่าส่วนหนึ่งที่ราคาสูงนั้นมาจากวัตถุดิบที่ไม่ธรรมดานี่เองครับ

รอบๆตัวเครื่องก็จะมีรายละเอียดดังนี้ครับ
-ด้านบน จะมีช่อง หูฟังขนาด 3.5mm(สามารถใช้เป็น Optical out ได้) และช่อง Balance out แบบ 2.5mm.
-ด้านขวามือจะมี Volume control แบบหมุน
-ด้านล่างจะมีช่องเสียบ Micro USB
-ด้านซ้ายมือจะมีช่องใส่ Micro sd card ที่รองรับสูงสุด 128g. เยื้องมาด้านบนจะมีปุ่มกดสามปุ่มเอาไว้ใช้ควบคุมเพลงดังนี้ Next /Forward , play/pause ,Back/Backward

ในแพ็คเกจนั้นจะมาพร้อมกับเคสหนัง ที่บอกได้เลยว่างานปารณีตมากๆ เก็บมุมและขอบอันพิศดารของ AK240 ได้อย่างยอดเยี่ยม พอพลิกดูรอบๆเคสก็ถึงบางอ้อ เพราะมีคำว่า “Made in Italy” ติดอยู่ข้างใน โดยมีประวัติความเป็นมายาวเหยียดทีเดียวครับ และสรุปสั้นๆได้ว่า ทำโดยใช้กรรมวิธีในการผลิตแบบคลาสสิค(แบบโบราณ) ซึ่งจะมีขั้นตอนการผลิตที่ใช้ระยะเวลานานกว่าแบบใหม่อยู่พอสมควรเลย ซึ่งถ้าหากเป็นเคสที่ต้องซื้อแยกเอง งานหนังระดับนี้อาจจะต้องจ่ายกันหลายพันบาท แน่นอนครับ

มาถึงเรื่องระบบภายในของ AK240 กันบ้างครับ

AK240 นั้นใช้หน้าจอเป็นแบบ” AMOLED” Full Touch Screen ขนาด 3.31 นิ้ว ให้สีสันที่สวยและคมชัดมากๆ การสำผัส(touch screen )นั้นทำได้ดีกว่าทุกรุ่นที่เคยทำมาของ Astell&Kern ทั้งหมด ถึงแม้จะไม่ลื่นเท่ามือถือแรงๆในท้องตลาด แต่ถ้าเทียบกับเครื่องเล่นพกพาจากหลายๆค่าย ก็ถือว่าอยู่แนวหน้าเรื่องความลื่นในการใช้งานเลยครับ

หน้าตาของเมนูนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากครับ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วจิ้มเลือกตามแท็บตัวหนังสือ สามารถเลือกเล่นเพลงโดยแยกประเถทจาก
-Songs(ข้างในจะมีเมนูย่อยแยกประเภทของไฟล์เป็น All= รวมทั้งหมดทุกเพลง / MQS=24bit / DSD )
-Album
-Artists
-Genres
-Playlist
-Folder

โดยที่ด้านบนสุดของจอสามารถใช้นิ้วจิ้มแล้วเลลื่นลงมาจะมีหน้าต่าง เมนูย่อย ให้ตั้งค่าเพิ่มเติม รวมทั้งตั้งค่าการเล่นเพลงด้วยครับ โดยที่สามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ทั้งจากหน้าจอทัชสกรีน และจากปุ่มกดด้านข้างของตัวเครื่องได้ทั้งคู่เลยครับ

ส่วนระบบ EQ นั้น AK240 จะมีให้เลือกหลากหลายมากๆครับ ทั้ง Pro EQ ที่เซ็ตมาจากโรงงาน และทีเด็ดจะอยู่ที่ Manual EQ ที่สามารถตั้งชื่อเองได้ และสามารถตั้งค่าอย่างง่ายดาย เพียงแค่ใช้นิ้ววาดเป็นกราฟเสียงแนวยาวได้ที่หน้าจอโดยตรงเลยครับ และยังสามาถปรับแบบละเอียดแบบทีละจุดได้อีกเช่นกันครับ ซึ่งสามารถใช้งานได้จริงและให้เสียงที่ตรงตามที่ปรับเลยครับ

ในส่วนของการตั้งค่านั้นก็จะมีให้เลือกดังนี้ครับ
- Wifi เปิด/ปิด เอาไว้ใช้ตอนอัพเฟิร์มแวร์แบบ OTA(Over The Air) และเอาไว้ใช้ซื้อเพลงออนไลน์ผ่าน Groovers Music Store
-Bluetooth เปิด/ปิด เอาใว้ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆที่รองรับ Bluetooth
-Equalizer เปิด/ปิด ปรับเลือก EQ ต่างๆ
-Gapless เปิด/ปิด เป็นฟังกชั่นการเล่นเพลงแบบต่อเนื่องไม่เว้นช่องว่างระหว่างจบเพลง
-Line out เปิด/ปิด จะเป็นโหมดให้เลือก output จากช่องหูฟัง (3.5mm.)ให้เป็น Line out mode
-Balance Out เปิด/ปิด
-LR Balance 60/60 เป็นการปรับระดับ Balance เสียงของข้างซ้ายและข้างขวา (เต็ม60ทั้งคู่)
-Brightness ปรับค่าความสว่างของหน้าจอ
-Theme ปรับเลือกธีม background ของ AK240 เบื้องต้นจะมีให้เลือก 4 แบบ

AK240 นั้นได้เปลี่ยนชิป DAC จากตระกูล Wolfson ที่ใช้ในรุ่นก่อนหน้านี้ทุกรุ่น มาเป็น Cirrus Logic CS4398 จำนวน 2 ตัว(Dual DAC) นอกจากจะรองรับไฟล์เพลง 24/192 Khz. แล้ว ยังสามารถรองรับไฟล์เพลง DSD128 ในแบบ Native ได้อีกด้วยซึ่งจะเป็นการเล่น DSD โดยตรงแบบไม่ต้องแปลงมาเป็น PCM ส่วนไฟล์เพลงที่รองรับก็มีดังนี้ครับ WAV, FLAC, WMA, MP3, OGG, APE, AAC, ALAC, AIFF, DFF, DSF


AK240 นั้นมีความจุภายในมาให้ถึง 256G. ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างเพียงพอและรองรับความต้องการพื้นที่ในการเก็บเพลง hi-res ได้อย่างสบายๆโดยที่ยังสามารถเพิ่มความจุภายนอกได้จาก Micro SD Card ได้อีก 128G. พอรวมกันแล้วก็จะมีความจุถึง 384G. และถือว่าเป็นเครื่องเล่นพกพาที่มีความจุมากที่สุดในตลาด ณ.เวลานี้เลยทีเดียวครับ

ในส่วนของเรื่องเสียงนั้นถือว่าฉีกแนวมาจากตระกูล AK100 AK120 ไปอีกเช่นกันครับ AK240 นั้นให้เสียงที่เอาจริงเอาจังกว่าพอสมควร บาลานซ์โดยรวมนั้นดูดีขึ้นกว่าเดิมผิดหูผิดตา เพราะให้ไทม์มิ่งที่เร็วขึ้นกว่ารุ่นเก่าๆอีกเล็กน้อย ทำให้ฟังแล้วไม่รู้สึกว่าอืดเลยซักนิด

จังหวะแรกที่เสียบหูฟังเทสนั้นสิ่งแรกที่เห็นได้ชัดก่อนเลย และเป็นจุดแข็งของเครื่องเล่นตระกูล AK แทบทุกรุ่นนั่นก็คือแบ็คกราวด์พื้นหลังที่นิ่งสงัดมากๆ AK120 ว่าทำได้ดีหนือชั้นแล้ว AK240 นั้นทำได้ดียิ่งกว่า เพราะให้ฉากหลังที่เงียบสงัดกว่าทุกรุ่นที่มีมาทั้งหมดเลยครับ ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้สามารถฟังและแยกแยะองค์ประกอบเสียงอื่นๆได้อย่างง่ายดาย รวมทั้งช่องไฟระหว่างชิ้นดนตรีที่มีระยะห่างและซ้อนทับกันอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีอาการฟุ้งออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อยครับ

เสียงร้องของ AK240 นั้นถูกเอาม่านหมอกที่เคยมีในรุ่นก่อนหน้านี้ออกไปทั้งหมด จึงให้เสียงร้องที่กระจ่างและจะแจ้งกว่าเดิมมาก เนื้อเสียงร้องนั้นเนียนไร้ขอบคมตามแบบฉบับ Astell&Kern และเป็นเสียงร้องที่กลมกล่อมฟังได้ไหลลื่นไม่มีสะดุดเลยครับ

อย่างในเพลง Spanish Harlem ของ Rebeca Pigeon นั้นสามาถถ่ายทอดและเข้าถึงอารมณ์ของเพลงได้เป็นอย่างดี ด้วย Dynamic Contrast ที่ยอดเยี่ยมของ AK240 ที่แสดงให้เห็นถึงการผ่อนหนักผ่อนเบาและลูกคอของเสียงร้อง ที่มีการไล่ระดับได้อย่างมีชั้นเชิง เสมือนฟังเพลงจาก System ระดับ Hi-end อย่างแท้จริง รวมไปถึงเสียงสีไวโอลีน ตอนกลางของเพลงที่ไม่เคยได้ยินเสียงที่สมจริงและสำผัสได้ถึงการสั่นของสายได้แบบนี้มาก่อนจากเครื่องเล่นพกพาตัวอื่น

โทนัลบาลานซ์โดยรวมของ AK240 นั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ให้คาแรคเตอร์เสียงที่เป็นกลาง ไม่แหลมหรือทุ้มจนเกินไป ให้เสียงที่เนียนแต่ไม่เรียบจนน่าเบื่อ ฟังได้ทั้งเพลงช้าและเพลงที่มีจังหะเร็ว ซึ่งทีมงานของ Astell&Kern นั้นจูนเสียงออกมาได้น่าชื่นชมมากๆ เพราะมีความลงตัวในทุกๆย่านเสียงเป็นอย่างมาก ไม่มีส่วนไหนหรือย่านไหนที่ล้ำเส้นของคำว่าพอดีมาแม้แต่น้อย

การแยกชิ้นดนตรีนั้นถือว่าเป็นเบอร์ 1 ของเครื่องเล่นพกพาในเวลานี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะให้ Dynamic Contrast ที่ยอดเยี่ยมแล้ว ยังเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆได้อย่างหมดจด ทั้งฮาร์โมนิกของเสียงร้องและเครื่องดนตรี ที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาเสมือนของจริงมาเล่นให้ฟังยังไงยังงั้นเลยครับ ฟังเพลงไหนก็เพราะไปหมด และถ้าหากทดสอบกับไฟล์เพลง DSD ที่แถมมาให้ในเครื่องแล้วจะรู้ได้ทันทีว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดนั้นไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใดครับ เพราะครั้งแรกที่ได้ทดสอบกับเพลง Touched by Tango_five Tango Tango Sensations – Anxiety นั้นจะสำผัสและรับรู้ได้ถึงทุกอย่างที่กล่าวมาได้อย่างครบถ้วนเลยทีเดียวครับ

เวทีเสียงของ AK240 นั้นไม่ได้กว้างมากนัก แต่แน่นอนครับด้วยแป็คกราวด์พื้นหลังที่นิ่งสงัดแบบเหนือชั้น และการโฟกัสตำแหน่งต่างๆของชิ้นดนตรีที่ยอดเยี่ยม จึงทำให้ฟังแล้วไม่มีอาการอึดอัดแม้แต่น้อย เสียงสูงนั้นทอดตัวได้ยาวจนสุดเสียง และไม่มีอาการฟุ้งหรือคมจนบาดหูเลยแม้แต่น้อย และเสียงย่านต่ำนั้นให้รายละเอียดของโน้ตเบสได้อย่างยอดเยี่ยมน่าเหลือเชื่อ ให้เบสที่ลงได้ลึกและแน่นกระชับเก็บตัวดี ซึ่งเป็นเบสในอุดมคติของคอเพลง Audiophile เลยทีเดียวครับ

ในส่วนของการใช้งานเป็นภาค DAC กับคอมพิวเตอร์ก็ยังให้เสียงที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกันกับตอนที่ต่อฟังเป็นเครื่องเล่นพกพาเช่นกันครับ โดยเชื่อมต่อผ่านทางสาย Micro USB และปรับ Sound output ของคอมพิวเตอร์ให้เป็น AK240 เท่านั้นเองก็สามารถใช้งานได้เลยครับ

และสามารถดาวน์โหลด driver ของ AK240 เอาไว้ใช้เล่นกับคอมพิวเตอร์ได้ตามลิงค์นี้เลยครับ

Driver for mac
http://www.iriver.com/support/download_view.asp?dNum=1094

Driver for PC
http://www.iriver.com/support/download_view.asp?dNum=1093

สรุปแล้วเป็นเครื่องเล่นที่ให้เสียงสมบูรณ์แบบมากๆ สามารถฟังเพลงได้แทบทุกแนวโดยเฉพาะ Classic นั้นสามารถทนรับในช่วง peak ของเพลงได้อย่างง่ายดาย และให้เสียงที่ฟังง่าย แม้แต่เพลงป็อบหรือเพลงตลาดทั่วไปก็สามารถทำได้ดี และไม่เกี่ยงกับหูฟังที่เอามาจับคู่ด้วยเท่าไหร่ครับ เท่าที่ลองดูเล่นได้กับหูฟังที่ขับไม่ยากได้แทบทุกรุ่นเลยครับ

AK240 ราคาอยู่ที่ 85000 บาทครับ

มีให้ DEMO ให้ทดลองที่สาขาเรือธง สามารถเข้ามาลองฟังได้ทุกวันเลยครับ

ส่วนรายละเอียดอื่นๆจะนำมาอัพเดทเพิ่มเติมในกระทู้อีกทีครับ

สุดยอดครับ Like!

General Specifications

งานนี้ ขวาตาย ซ้ายสลบ

แล้วกำลังขับของAK240มากกว่าAK120หรือเปล่าครับ

ท่านใดสนใจฟังเล่นๆ ไปหาเจ้าหลุยส์ได้เลยนะครับ 555

กำลังขับก็ใกล้เคียงกับ AK120 ครับ ถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ

กระเป๋าฉีกครับ

หนาขนาดไหนหรอครับ มีรูปถ่ายแบบเทียบด้านข้างกับ AK100 AK120 ไหมครับ

ไซส์ของ AK240 นั้นไม่ใหญ่ย่างที่คิดครับ มีหน้าตัดที่กว้างกว่า120 ไม่มากนัก
และความหนาที่ไกล้เคียงกันกับ AK120 จึงไม่เป็นปัญหาต่อการพกพาเลยครับ

น้ำลายฟูมปาก พึ่งนึกออกว่าเจ้า 3 ตัวที่ขี่กันอยู่ราคารวมกันแสนห้า

เดี๋ยวนี้เพลย์เยอร์ตัวนึงราคาแรงขึ้นไปเรื่อยๆๆล่ะครับ 555

โหหหหหหห ราคาโหหหห อยากได้มากๆเลยโหหหหหๆๆๆๆ

จะมีผ่อน 0 % ไหมครับเนี่ย ถ้าได้ 10 เดือนอาจจะลองคิดดูบ้าง

พี่โอชาเระซัง.....พี่แก๊ป จัดซะ ให้หายอยากอย่าลืมนะครับว่า กิเลศย่อมระงับด้วย
....................การซื้อ อิๆ

คห.27 ถูกต้องที่สุดครับ เพราะฉะนั้น แก๊ป จัดซะ

0% จัดให้ได้ครับ ติดต่อคุณหลุยส์ได้เลยจ้าๆๆๆ

พรุ่งนี้ขอเข้าไปลองหน่อยนะครับ (ไม่ค่อยอยากได้โซหนี้แล้วอะครับ 5 5 5+)

แพงเพราะมีแอลฟ่าแล๊กตาบูมีนนี่เอง...

ตอนนี้รู้สึกจะมองไฟล์ aiff แบบ 16bit ไม่เห็นนะครับ ส่วนไฟล์ 24bit aiff มองเห็นปกติครับ

ไฟล์เพลง Aiff 16 bit เท่าที่ลองตอนนี้เครื่องที่ร้านก็มองเห็นปกติอยู่ครับ เเต่เดี๋ยวดึกๆผมจะลองหลายๆโฟลเดอร์ดูครับ

มีคำถามครับ คุณหลุยส์
1. Line out นี่ต่อเข้า Woo WA7 ได้โดยตรงเลยใช่ไหมครับ (RCA input)
2. เล่นเพลงแบบ browse file mode ได้ไหมครับ คือเลือกเล่นเองตามแต่ละโฟลเดอร์
3. สามารถตั้ง off ฟังชั่น auto update library ได้ไหมครับ คือเปลี่ยน SD card บ่อยครับ ไม่อยากให้ update library ทุกครั้งที่เปลี่ยน card
4. ข้อสุดท้ายสำคัญที่สุด 0% 10 เดือน จัดกับ citi bank visa ได้ด้วยไหมครับ ถ้าได้เดี๋ยวอาทิตย์หน้าขอเข้าไปฟังเลยครับ

คืนนี้ผมลองดูใหม่อีกทีบ้างครับ ขอบคุณครับ

ตอบพี่ [email protected]

1 ต่อได้เลยครับ สามารถปรับช่องหูฟังเป็นโหมด line out จากฟังก์ชั่นในเครื่องได้ครับ
2 เล่นได้ครับ เหมือนกับ X3 ที่พี่ใช้อยู่เลยครับ
3 รุ่นนี้จะสเเกนอัตโนมัติเองเเล้วครับ เเต่ CPU เป็น Dual core จึงใช้ระยะเวลาที่สเเกนไม่นานเท่าไหร่ครับ

4 ได้ 0% 6 เดือน กับบัตรในเครือ กสิกรไทย และกรุงศรีครับ

คู่นี้จัดว่าเป็นคู่กัดที่ทุกคนจับมาประกบกันมากที่สุดครับ
ไม่ว่าจะเป็นทั้งไทยเเละเทศ ซึ่งทั้งคู่เป็น GADGET ที่ร้อนเเรงที่สุด ณ เวลานี้เลยครับ
ขึ้นอยู่ว่าสะดวกใช้งานแบบไหนมากกว่ากันล่ะครับ


แต่มาเเจ้งข้าวร้ายนิดๆครับ AK240 ล็อตเเรกหมดไปเเล้วครับ เเต่ตัวเดโม่ยังมีให้เทสอยู่ที่เรือธงครับ ส่วนของขายกำลังมาต้นเดือนหน้าจ้าๆๆๆ

เฮียหลุยส์ลงรูปนี้มี Hugo วางคู่กับ AK240 พอแฟนผมมาเห็นเข้าก็ค้อนตาขวางใส่ผมเลย 555

น้าชาอย่าช้า จัดไป

น้าชามี 240 แล้วเหรอ จำได้ว่ามีแต่ Hugo นี่นา 555

ป่าวครับ.... ผมว่าแฟนผมมาเห็นรูปที่หลุยส์แปะเอาไว้เท่านั้นละครับ ตาค้อนใส่ผมใหญ่เลย หุหุ
นี่ถ้าผมไปซื้อมา ผมว่าแฟนผมอาจจะใช้ชื่อ login ว่า FireDragon แหงๆ ส่วนผมอาจจะได้เป็น หินเหล็กไฟ ที่กำลังโดนเผาอยู่ก็ได้นะครับ 555

รายงานเพิ่ม 240 หลังเบิร์นมาได้ซักพัก เสียงที่เเข็งกร้าวนิดๆในตอนเเรกนั้น ฟังดูเนียนขึ้นเรื่อยๆเเล้วครับ แต่จังหวะจะฟังเพลงมันส์ๆก็ยังให้สปีดเเละไดนามิคที่ดีกว่า 120 อยู่พอสมควรจึงทำให้ฟังเพลงที่มีจังหวะได้สบายๆเลยครับ

เห็นราคาแล้วเอาสองตีนก่ายหน้าผากเลยครับ 555
ถ้าจะสอยต้องขอ 12 เดือนถึงจะไหว 555

555 ระดับเสี่ยดิวไม่มีอ่อนไหวอยุ่แล้วอ่ะ 555

อ้าว! หมดสะงั้น! ว่าพรุ่งนี้จะเข้าไปจัดอยู่! ล็อตหน้ามาต้นเดือน? ไม่ต้องเก็บไว้ให้น่ะ ป่านนั้นคงหายอยากได้แล้ว!!!

ฟังดูรวยเริ่ดยังงัยไม่รู้ 555 จริงๆแล้วไม่มีปัญญาจัดครับ เลยมาตอนของแรงหมดทุกที 555

555 ผมหยิบฟังเองยังมือสั่นเลยครับพี่ (กลัวหล่น)

เฮียปัญหาผมก้อเหมือนคนอื่นๆคือเบื่อๆอยากๆครับ ... จัดมาสักพัก .... เบื่อก้อขาย .... ขายเสร็จก้อคิดถึง .... คิดถึงก้อต้องไปจัดใหม่ .... แล้วก้อวนไปเรื่อยๆครับ 555


อย่าง PK1 นี่ไปๆมาๆกะผมน่าจะสัก 3 รอบ .... แต่สรุปก้อเสร็จ 980 โมสาย ขาดนิด เกินหน่อย แต่สะดวก ไม่ต้องพกแอมป์ 555

ตัวนี้น่าจะเบื่อยากหน่อยครับเพราราคาเเพงมาก เลยทำให้ไม่กล้าเบื่อครับ 555
ว่าเเต่เสียงมันดีจริงๆๆๆนะครับพี่ Tanawat Na Ja ถ้าได้ลองเเล้วเสียงจะตามหลอนไปถึงบ้านเลยครับ

แรกๆ ak100 ผมว่าแพงแล้วนะ เดียวนี้มันดูราคาทั่วไปเลย!!!

รอเครื่องเล่นdsdราคาไม่เกินak120. ทำไมเค้าไม่เอาdsd ลงak120ด้วยเนอะ

ลองฟังมาแล้วครับ ฟังแล้วไม่อยากถอดเลยจริงๆครับ :)

ยุบหนอ พองหนอ

งบน้อย AK100 มีผ่อน 0 เปอ ไหมครับ บัตรกรุงศรี คับ

AK100 ตอนนี้มีเป็น AK100 MK2 เเล้วครับ ราคา 24900 ผ่อนได้สามเดือนครับ

วันนี้เป็นวันพบญาติของ Astell & Kern AK240 จริงๆครับ เพราะเหลือเชื่อว่าเครื่องเล่นราคาขนาดนี้ แต่คนรุมกันสอยราวกับเพลย์เยอร์ MP3 ราคาถูกๆยังไงยังงั้นเลยครับ

งงๆๆๆๆ จริงๆๆ ^^ เอ้า ขอบคุณแฟนๆๆค่าย AK ทุกๆๆท่านด้วยนะคร้าบบ

รอ AK360 ดีกว่า 555

85000 บาท !!!

555 คุณหลุ่งเล่นรอซะยาวเลยนะนั่น 555

มีขายที่สาขา ไหนบ้าง สาขาเรือธงอยู่ที่ไหน

สั่งได้จากทุกสาขา (มั้ง) คับ เดียวเค้าก็ส่งไปสาขากันเองได้ เพราะผมก็ซื้อจาก สาขาพาราก้อน

ส่วนเรือธง ลง BTS ชิดลมล้ะเดินไปอัมพริ คับ

ผมรู้แค่นี้ 555

ตอนนี้ของยังมีอยู่ครับ ส่วนสาขาเรือธงอยู่ห้างอมรินทร์พลาซ่าชั้น 3 เลยครับ

สาขาเรือธงหาไม่ยากครับ ลง BTS ที่ชิดลม แล้วเดินย้อนขึ้นนิดหน่อยก็ถึงตัวห้าง Amarin ครับ หรือถ้าเดินตามสกายวอล์คมาจากสยามก็เดินมาเรื่อยๆ พอเหงื่อซึมๆๆ ก็ถึงได้เช่นกันครับ

แล้วเดินขึ้นชั้น 3 เลยครับ เดินวนรอบเดียวเจอแน่ๆๆครับ ร้านจะอยู่ข้างๆบันไดเลื่อนฝั่งหน้าห้างครับ หาไม่ยากครับ เพราะห้างอัมรินทร์ไม่ได้กว้างใหญ่เท่าไหร่จ้าๆๆ

อยากได้ 0% 3ปี อ่า
85000/36 เดือนประมาณ 2300 ถอด true vision ออก ดู 3579 พอ 55555555

amarin ชิดลมมาง่ายกว่าหรอคับพึ่งรู้ 555
ปกติผมลง siam แล้ววิ่งไปทุกรอบเลย -*-