อย่าครับ สำหรับผมแล้ว ต้นทาง[ไฟล์เพลง] สำคัญที่สุดแล้วครับ - -

ต้นทางไม่ดีปลายทางก็อย่างหวังครับ

ปล.ไฟล์เพลงดีๆหาไม่ยากนะครับ

ขึ้นอยู่กับไฟล์เพลงด้วยน่ะค่ะ

320k ควรเป็นขั้นต่ำนะครับ

สรุปคือมีเงินซื้อชุดแพงๆแต่ไม่ซื้อแผ่นใช่มั้ยครับ อ่านแล้วน่าเห็นใจศิลปินจริงๆเลยครับ

ผมคิดว่าไม่มีปัญหา
แต่คิดว่าถ้าท่านเจ้าของกระทู้ได้ลองฟัง
.wav .flac
คงจะเปลี่ยนชีวิตท่านแน่นอนครับ
ยิงเล่น system ราคา 110k ไปซักพัก
ไปฟัง audiophile ปุ๊ป หูเสียแน่นอน

ชุดดีๆ กะหูดีๆหลายตัวมันขี้ฟ้องมากๆเลยนะครับ--"

เสียดายของอ่ะ

จัดชุดหูฟัง เครื่องเล่น สายดีๆ จะได้ฟังเพลงเพราะๆ
ไฟล์เพลงดีๆ เดี่ยวก้อตามมา

ถ้าได้หูฟัง + Player มาแล้ว ลองฟังเพลงที่เป็นไฟล์ WAV เทียบกับ mp3 128 k เทียบกันดู ถ้าฟังแล้วไม่แตกต่าง หรือต่างกันนิดหน่อยก็ฟัง mp3 ไปเถอะครับ ไม่ต้องคิดมาก แต่หลายๆท่านที่เล่นชุดระดับนั้น มักจะฟังออกว่ามันต่างกันพอสมควรทีเดียว ถึงได้พยายามหาไฟล์ 24/192 หรือไม่ก็ DSD ส่วนตัวฟังแค่ wav 16/44.1 ริปจาก CD ก้เพียงพอแล้วครับ ส่วน mp3 อย่างต่ำก็ 320k ครับ

ผมว่าคิดมากไป

เป็นเหมือนกันsourcไฟล์มันบังคับ ดันชอบฟังอินดี้ต่างประเทศ
แผ่นนี้ต้องบินไปอย่างเดียว ใช้วิธีพิเศษก็ได้ความละเอียดต่ำมา
ผมใช้ ak120+toxic virus+jh16 ฟ้องกะจาย แต่ไม่ทุกไฟล์
ถึงจะแค่ 128k แต่ถ้าบันทึกเสียงมาดี ก็พอไปไหว ถึงจะขาดอรรถรสของเพลงไปบ้าง

เรากลับกับจังเลย ครับพี่

หูฟังผม10k dac ไม่มีครับ amp ไม่อยู่ดีครับ

มีแต่เพลง 16 / 24/ dsd /dxd หาทุกมุมโลก บนinternet ซื้อบ้าง ยกเว้นdsd dxdไม่เคยซื้อ (ขอส่วนแบ่งมา555)

หมดไปกับเพลงแทน


ผมว่าตามแบบที่+คห.1 บอก. แต่เชื่อผม 50k ซื้อมานี้เดียวไฟล์มันก็ตามๆมา อีกอย่างมัน 24 bit sacd หาง่ายจะตายไป /

ปล ชักอย่างซื้อใหม่มั้งแล้วหุหุ

ผมคิดว่า
เล่นที่สบายใจ
วงการนี้เราเล่นเพราะเราชอบ

ที่หลายครั้ง เราจะชอบเหมือนๆกันแค่นั้น

ถ้าเล่น 128kbps แล้วมีความสุข ก็ไม่มีใครว่าครับ

โถ จะเสียเงินเป็นแสน เพื่อเอามาฟัง mp3 128kbps .....


ถ้าจะฟังแค่นี้ ไปซื้อหูฟังตัวละ 199 ในเซเว่นก็พอแล้ว แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ
อย่างที่หลายคนบอกแหละ ทำแบบนี้เสียของเปล่าๆ เสียเงินเปล่าๆ

เล่นถึงระดับนั้นแล้ว
เดี๋ยวไฟล์เสียงดีๆก็ตามมาเองแหละครับ
ผมเล่นแค่หลักพัน มันยังตามมาเลย
55+

เพราะหูฟังมันให้รายละเอียดเพิ่มขึ้น รวมถึงความไม่เพราะด้วย ฟังไปสักพักจะเริ่มสงสัยว่าเราเสียตังค์ขนาดนี้แล้วผลลัพธ์มันได้แค่นี้เองหรือ ลองหาเพลงแผ่นแท้เลหลังแผ่นล่ะ20มาลองดูก็ได้ไม่ว่ากัน แล้วจะลืม128kbps ไปเลย

ผมก็ฟังmp3 320นะ หูใช้um3x ริปจากแผ่นแท้ ซ์้อเก็บ เคยริปลอสเลสมาฟังเทียบละ ฟังไม่ออก ผมเชื่อว่าหลายๆคนที่เลือกlosslessด้วยเหตุผลทางจิตใจด้วย จับมา ABX Test ก็น่าจะรู้

.wav กับ mp3 320kbps ฟังออกนะครับ เป็นเล่นไป

ไม่มีอะไรมีความสุขเท่ากับการฟังเพลงที่ชอบผ่านชุดที่ชอบหรอกครับ เอาจริงๆไฟล์จะ 16 24 32 64 bit อะไรก็แล้วแต่ มันไม่สำคัญเท่ากับการอัดเสียงกับการทำ master เสียงนะครับ หลักการเดียวกับเวลาถ่ายภาพครับ สี 16 bit จากกล้องดิจิตอลคอมแพ๊ค กับ Hasselblad มันไม่ได้มีการไล่โทนหรือความอิ่มเหมือนกันหรอกครับ แผ่นบลูเรย์ถ้าใช้กล้อง dslr ธรรมดาถ่ายมันก็สู้แผ่น DVD ที่ใช้กล้อง RED ไม่ได้ครับ

อย่างผมฟังเพลงยุค 60s-80s เยอะมากๆครับ ซีดีเพลงพวกนี้มี remaster ออกมาวุ่นวาย 24 bit บ้าง HDtrack บ้าง แต่แผ่นที่เสียงสมดุลยโทนเสียงสมจริงมากที่สุด กลับเป็น cd ปั๊มแรกที่มีการ transfer จากตัวเทปมาสเตอรที่ดีครับ ถ้าจะซีเรียสเรื่องไฟล์นี่ ต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกแล๊ปอัด ซาวเอ็นจิเนียรที่ทำการอัดเสียงแผ่นนั้นๆเลยครับ
ซีดีเพลง commercial สมัยนี้รวมๆอัดมาแบบ loudness war หมดแล้วหละครับ จะ 320 จะ aiff ให้ตายมันก้มี sibliance เหมือนกันแหละครับ ถ้าต้นฉบับมันมี ต่อให้กี่บิทมันก็มีครับ ส่วนใหญ่พวก HDtrack หรือแผ่นทองค่ายพวก mo-fi, jvc-xrcd อะไรพวกนี้เค้าเอามา transfer อัดเสียงด้วยเทคนิคต่างๆของบริสัทนั้นๆหนะครับ เสียงมันเลยดูแต่ต่างจากแผ่นปกติ แต่ย้ำไว้ว่ามันต่างกันส่วนใหญ่มาจากเทคนิคพวกนี้หนะครับ ไม่ใช่มาจากจำนวนบิทอะไรวุ่นวาย บางค่ายทำ sacd ยังมักง่ายเอาไฟล์ cd ธรรมดามาทำเป็น 24 bit เลยครับ
โดยส่วนใหญ่พวก 24 bit masterring อะไรพวกนี้จะถูกใช้ในเชิง Marketing ด้วยซ้ำครับ

สรูป อย่าไปซีเรียสเลยครับ ซื้อชุดเครื่องเสียงที่ชอบครับ เปิดเพลงที่ชอบกับมัน มีความสุขไปกับมันดีกว่าครับ แผ่นไหนหาได้ก็หาครับ หาแผ่นล็อตทีเสียงดีที่สุดไม่ได้ก็เอาเท่าที่จะหาได้ครับ อย่าไปคิดคุ้มไม่คุ้มเลยครับ ความต่างของ bit rate นี่ต่างจริงครับ ชุดยิ่งดียิ่งแยกได้ง่าย แต่มันก็ยังน้อยกว่าความต่างของเทคนิคการอัดเสียงอะไรพวกนั้นเยอะครับ อย่าไปเครียดมากกับไฟล์เพลงครับ ผมเคยบ้าถึงขนาดต้องฟังจากแผ่นล็อตนี้ ปั๊มปีนี้ ยิ่งเป็นแผ่นเสียงยิ่งหนักไปใหญ่ครับ มีความหนา สภาพในการเก็บ อะไรๆก็มีผลไปหมด สุดท้ายปลงจะฟังอะไรก็ฟังครับ ขอเพลงที่ชอบมีเสียงร้องของ karen carpenter/Olivia newton John/Frank sinatra เสียงกีต้าของ george benson/lee litnour/larry cartion/eric johnson อะไรแบบนี้ดีกว่าไปนั่งฟังพวกเสียงกีต้าน่าเบื่อๆ ลีลาการร้องทื่อๆในแผ่นเทสเครื่องเสียงเยอะครับ

ชอบที่คุณ hvk เขียนมากๆ ถูกใจสุดๆ

+1 ความเห็นคุณ hvk จ้าาาา

แค่ฟังสิ่งที่เราชอบและพอใจกับมัน เยี่ยม..!!

ผมว่านะ ถ้าอยากซื้อชุดแพงๆเพื่อความสุข ซื้อไปเลย แล้วถ้าเอามาฟัง mp3 ถ้าฟังแล้วมีความสุขก็ฟังเลยครับ

ทุกวันนี้ผมฟังแต่เพลงที่ rip เอง ส่วนเพลงเก่าๆสมัยตอนผมหนุ่มๆ (ปีนี้ 51) หาแผ่นไม่ได้ ก็ mp3 128 เนี่ยแหละครับ ฟังแล้วมีความสุข

อย่าง the Beatles ผมมีครบเซ็ท UK Release Original Master ต่อให้ทำทั้ง remaster ทั้ง digital remaster ออกมา มันก็ฟังไม่ดิบ ไม่ได้อารมณ์เหมือนต้นฉบับ

เรื่องแบบนี้ต้องลองเองครับ

อย่าไปทุกข์อยู่กับการฟังอุปกรณ์เลย
มาฟังเพลงเถอะครับแล้วจะมีความสุขที่ซู๊ดดดดดดด... 555

ชอบที่คุณ hvk เขียนมากๆ ผมว่าฟังแล้วมีความสุข จ่ายตามฐานะ ความสุข ก็คือความสุข จริงไหมครับ

คิดมากไปป่าวๆ ความสุขแต่ละคนไม่เท่ากัน

ของผม หู 32K สายหู 8K แอมป์ 20K DAC 20K อุปกรณ์เสริม 8K ไม่รวมคอมอีก 40K

รู้มั้ยครับว่าผมฟังอะไร ผมฟังอะไรก็ได้ จะไฟล์อะไรก็ได้ที่ฟังแล้วมีความสุข ผมฟังได้หมด

หนัง เพลง ใน Youtube mp3 ที่โหลดมา หรือจะเป็นคอนเสริต หรือเล่นเกมส์

ปล. ผมยังไม่เคยใช้ฟังพวกเพลง hires เลย เพราะไม่มี

+10000 คุณ hvk

เขียนเล่าเรื่องราว และได้ข้อคิดเห็นที่โดนใจ แสดงทัศนคติได้ชวนคิดตามมากครับ

ต่ำกว่า 128 บางเพลงผมยังฟังเลยครับ 555

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แผ่นแท้มันแพงหรอกครับผมว่า สำหรับคนที่เล่นขนาดนั้นอะนะ

แต่ทำไงได้ล่ะครับ เพลงที่เราชอบบางเพลงมันก็หาซื้อแผ่นไม่ได้จริงๆ เพลงบางเพลงผมแทบพลิกแผ่นดินหาซื้อละครับ จนได้ไปเจอที่โหลด ถึงไฟล์คุณภาพต่ำมากๆ ก็น้ำตาจะใหลละครับ ผมเคยเมล์ไปขอซื้อแผ่นคนปล่อยโหลด บอกว่าให้ราคาเกี่ยง เค้าก็ไม่มีบอกอัดมาจากเทปอีกที

จริงโลกเรามันมีความสามารถในอัดให้ดีมานานมากๆแล้วครับ

แต่เค้าเก็บตัวเทปมาสเตอร์ไว้ แล้วเอามาปั้มลงแผ่นขายอีกที

ง่ายๆลองฟังจาก carpenter -----สามแผ่นนี้ดู แบบธรรมดา, xrcd , sacd.

ไฟล์ดีๆมันมีเยอะครับ

จริงการที่ซื้อหูฟังก็หมายความว่าเราอยากได้เสียงที่ดีกว่าเดิม แล้วเราจะไปกั้นความสามารถจากตัวไฟล์ทำไมละคับ

ดีครับมองต่างมุมได้ความรู้หลากหลาย ผมว่าทุกคนอยากได้สิ่งดีที่สุดที่สามารถสรรพหาได้
ตามกำลังตนเอง
อนึ่งถ้าไม่มีร้านมั่นคง และผู้รู้ในแต่ละด้านของบอร์ด ผมคงไม่รู้อะไรอีกเยอะเกี่ยวกับเรื่องHeadPhone , HeadPhone Amp , DAC
ขอบคุณและขอบคุณอีกครั้ง :)

สุขอยู่ที่ใจครับ ทำในสิ่งที่ท่านเชื่อ และ ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงทุกๆท่านครับ :D

หาโอกาสฟังให้เยอะ ฟังให้ครบหลายๆแนว แล้วเราจะค้นพบว่าตัวเราชอบแบบไหน แนวไหนที่เหมาะกับเรา แผ่นเพลงดีๆ ไฟล์ที่บันทึกดีๆมีเยอะครับ แต่มันจะไม่มีความหมายใดๆเลยหากมันเป็นเพลงที่เราไม่ชอบ ไม่ใช่แนวที่อยากฟัง

ส่วนตัวเคยเสาะหาแผ่น CD Import ที่บันทึกเสียงได้ยอดเยี่ยม ทั้ง แผ่นทอง XRCD K2HD หมดไปหลายหมื่นบาท ยอมรับว่าเสียงดีจริง ทุกวันนี้ก็อาศัย ริปเป็นไฟล์ wav ใช้โปรแกรม EAC ถ้าไม่มีแผ่นก็หาโหลด mp3 320 k มาฟัง ถ้าเป็นเพลงที่เราชอบ บันทึกเสียงมาอย่างไรก็เพราะครับ เพราะกว่าไฟลื DSD แต่เป็นเพลงที่เราไม่ชอบซะอีก

งั้นก็หาไฟล์ที่ชอบ และดี เลย จะได้ up up up

หูแถมทั่วๆไป ถ้าฟังดีๆก็ฟังออกแล้วนะครับ ยิ่งชุดแพงๆ ยิ่งฟ้อง ทรมาณนะครับ

ต่อให้ไฟล์เพลง 24Bit 100Bit แต่ไม่ใช่แนวที่ชอบ ก็ไม่มีความหมายที่จะฟังครับ


เช่นเดียวกัน หูฟัง เครื่องเล่น สาย Amp ต้องเลือกให้เหมาะกับแนวที่ฟัง แนวที่ชอบ


---------------

ถ้าได้ที่ชอบแล้ว MP3 ควรจะ 320Kbps ที่มาจากแผ่น ,มาจาFlac Losslessต่างๆ
พยายามหา ถ้าหาไม่ได้ก็เอาเท่าที่มี
-------------

เล่นสายนี้ ต้องให้ความสุข ไม่ใช่ให้ความทุกข์นะครับ

มาเสริมต่อนะครับ ที่ผมบอกไปนี่ไม่ใช่ให้ละเลยไปถึงว่าไฟล์เพลงไม่สำคัญนะครับ จริงๆสำคัญมากๆถึงมากที่สุด แต่ว่าปัจจัยที่จะให้ไฟล์เพลงมันดีได้นี่มันเยอะมากครับ และเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคควบคุมไม่ได้ด้วยครับ เห็นด้วยครับว่าการอัดเทปมาสเตอรที่ดีนี่มีมานานมากๆแล้ว แต่สื่อของผู้บริโภค ส่วนมากก็ยังเป็น cd ครับ จะให้ละเอียดจริงๆ แยกแนวเพลงไปเลยครับ เพลง jazz. rock, jazz-fushion, classic, heavy metal, blues, soul, rock-rolls, etc

ประเด็นคือ target group ของแต่ละแนว มีรสนิยมในการเสพเสียงเพลงต่างกันนะครับ
ตัวอย่างง่ายๆว่าโดยส่วนมากผู้ใหญ่จะเสพเพลงแจ็ส เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อเครื่องเสียงชุดใหญ่ๆ ไดนามิกดีๆ รายละเอียดมาครบๆ เวลาบันทึก เค้าก็บันทึกมาโดยใช้ลำโพงดีๆมาอ้างอิงเสียง เพื่อจะได้กะได้ว่าผู้บริโภคจะได้เสียงประมานไหนจากซีดี
กลับกันเพลงป๊อป จังหวะสนุกๆ ส่วนใหญ่เป็นเด็กๆถึงกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มๆนี้ไม่สนใจอะไรมากครับกับคุณภาพไฟล์ พวกเค้าเหลานี้เลือกจะฟังเพลงผ่านคอมกับเพื่อน ฟังไปร้องไปเป็นกลุ่มโดยเปิดจากโทรสับ วิทยุ อะไรก้แล้วแต่ บริสัทเพลงเค้ารู้ครับ เค้าเอางบไปทุ่มส่วนอื่นแทน โปรโมทเอย ของแถมเอย แพคเกจเอย เวลาอัดลงแผ่น เค้าก็เอาลำโพงที่เสียงมันคล้ายๆหูแถม ลำโพงรถยนตธรรมดา มาเป็นตัวอ้างอิงครับ ไม่ใช่เพราะเปนการลดต้นทุนนะครับ แต่ว่าถ้าในเมื่อผู้บริโภคในส่วนนี้ฟังเพลงจากลำโพงพื้นๆทั่วไป ผู้ผลิตก้ต้องพื้นตามครับ นั่นคือเหตุผลทำไมเสียงเพลงป๊อปมาเปิดบนเครื่องเสียง hi-fi แล้วโทนออก loudness ไปหมด

คำถามคือแล้วทำไมไม่อัดให้มันดีๆตั้งแต่แรกหละ ในเมื่อเด้กๆเหลานั้น ในอนาคตอาจกลายเป็นนักฟัง audiophile ตัวเอ้ก็ได้ คำตอบก็เป็นเพราะว่า ลำโพงที่กล่นๆนี้ใช้ฟัง มันตอบสนองเสียงได้ไม่เต็มที่ครับ เลยต้องบูสบางย่านความถี่มาชดเชย และอัดให้ดังเข้าไว้ก่อนเพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์ว่าเวลาได้ยินอะไรดังๆละรู็สึกมีพลัง นึกถึงเสียง wall of sound อะไรประมานนั้น พอเอาไปเปิดในชุดที่ให้เสียงพอดี เพลงเหล่านี้กลายเป็นแหลมเกินพอดีบ้าง ไดนามิกน้อยเกินไปบ้าง เป็นต้น

ตัวคนมิกซ์เสียง ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันครับ เค้าก็มิกซ์ในแบบที่เค้าว่าพอดีของเขาครับ แต่ทีน้ความพอดีของคนมันไม่เท่ากัน จะใกล้เคียงแค่ไหนมันก็มีเหลือมครับ เป็นรสนิยมส่วนตัว คล้ายๆคุณไปถามโคชฟุตบอล เก่งเหมือนกันหมด แต่คนนึงชอบเล่นเกมส์รุก เกมส์ต้องสวย คนนึงชอบปลอดภัย ให้คนชอบปลอดภัยไปทำเกมสรุก ก็คงเป็นรุกแบบปลอดภัยอะครับ ไม่ใช่รุกแท้ๆ เป็นต้น

อันนี้เป็นส่วนที่ผมอยากจะสื่อมากที่สุดครับ ไฟลสำคัญมากๆ แต่มันก็เป็นส่วนที่เราควบคุมได้ยากที่สุดครับ ไม่ชอบลำโพง ไม่ชอบแอมป์ ขายแล้วเปลี่ยนญี่ห้อได้ครับ แต่กับไฟลเพลงที่เค้าอัดอันครั้งๆเดียว มันทำไม่ได้แบบนั้นอะครับ เมื่ออัดมาไม่ได้ จะบิทเรตเท่าไหร่ให้ตายมันก็ไม่ดีครับ นี่คือเหตุผลจริงๆว่าทำไมผมถึงไม่อยากให้ไปซีเรียสกับมันมากครับ ประเด็นจะแผ่นแท้แผ่นเถื่อยอะไรมันไม่ใช่คำตอบครับ มันมีผลมาตั้งแต่ตอนอัดก่อนลงแผ่นแล้งครับ เลือกชุดที่ชอบละฟังๆไปเถอะครับ ไม่มีคุ้มไม่คุ้มหรอกครับ ง่ายๆถ้าคุณชอบแอมป์ Mark levinson เอาเพลงอะไรไปเปิด เสียงมันก็เป็น Mark Levinson ครับ ไม่ใช่เอาเพลง 128 ไปเปิด ละจะกลายร่างเป็น Krell พอ 256 กลายร่างไปเป็น Audio Research ครับ โอเค 128 มันอาจจะมีสากมีเสี้ยนอยู่ ก็ให้คิดว่าเป็นวันที่ mark ไม่ได้ท๊อปฟอมรละกัน แต่ก็ยังมีเค้ามาครอยู่ กลับกันเอาไฟล์ 1ล้านบิทไปเปิดใน bose dock เปิดให้ตายมันก็ให้เสียงเหมือนลำโพงตั้งพื้นวูฟเฟอร 14 นิ้วติดฮอนร์หรือซุปเปอร์ทวิตเตอร์หรอกครับ เลือกเอาแนวที่ชอบละเปิดเพลงไปเลยครับ หาไฟล์เท่าที่จะหาได้ตามกำลังและความสะดวกดีกว่าครับ

ตอนนี้ ผมใช้แค่ AAC 256 kbps ก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ซื้อ iTune เอา สะดวกดี ไม่ต้องกลัวอะไรมาก โหลดใหม่ได้ จบ (ชุดฟังเพลง40k แค่AAC ก็สุขใจ)

+ 1 ให้คุณ hvk ครับ มีความสุขกับเพลงที่ชอบคือความสุขที่สุดแล้ว

+ 1 ให้คุณ hvk ครับ

+ 1 ให้คุณ hvk ด้วยครับ

+ 1 ให้คุณ hvk ด้วยครับ

แนวคิด วิธีคิดคล้ายๆผมครับ

เห็นด้วยกับคุณ hvk ครับ

ผมฟังเพลงพวกเพลงทางเลือกสมัยก่อน ร่วมๆ 20 ปีที่แล้วของไทยน่ะครับไล่มาเรื่อยๆ

จะหาแผ่นแท้ก็ไม่รู้จะหาจากไหน บางทีที่หาได้ ก็ราคาทะลุฟ้าไปไกลมากๆ ไม่มีปัญญาครับ สารภาพ

ลองไปหาในเนทก็มีแต่พวก 128 ซะส่วนใหญ่ ก็ดีที่สุดที่มีละครับ ถ้า จขกท. เป็นผมจะไม่ฟังเหรอครับ 555+

ปล. บางแผ่น บางชุดผมเคยมี 2 - 4 ชุดเลยนะครับ แต่แตกบ้าง เสียบ้าง เทปยืดบบ้าง ทำใจเลยครับ

พี่ hvk ตอบดีมากๆ เลยครับผม เห็นด้วยทุกกระบวนคำตอบ :-)

:)

เห็นด้วยครับที่หาตามกำลังสะดวกดีกว่า จริงผมก็ไม่ใช้พวกบ้าไฟล์ ผมก็ฟังทุกอย่างที่ชอบเหมือน ทั้ง256 320 แผ่นมั้ง linn hdtracks itunes เหลือacousticว่าจะลองโหลดดู ----> ผมมีหูฟังหรือdacแพงๆหรือ ก็ไม่ใช้ มีแต่ของธรรมดาๆ

แต่
จริงๆเพลงป็อป อัดดีก็ไม่ใช้น้อย นิครับ เช่นอัลบั้ม random memory access แต่เรื่องลำโพงอันนี้ผมไม่มีความรู้ อันนี้ไม่ทราบ
แต่ผมว่าไฟล์ ดีๆ ฟังกับหูแถม มันก็ดีกว่าไฟล์แย่ไม่ใช้หรอคับ ในความคิดก็ยังอยากให้เล่น 16bit flacมากกว่า 128
คือผมไม่ได้เทียบฝั้ง jazz กับpopนะ เทียบในเพลงเดียวกันเลย. ระหว่าง 128 กับ aiff wav ส่วนพวกhi resนั้นอีกเรื่องไม่เกี่ยวกัน. เรื่องอัดดีไม่ดี ผมคิดอยู่กับค่าย records มากกว่า ค่ายไหนอัดดี มันก็อัดดีตลอด

เพลงหาไม่ได้นี้ก็ตามมี แหละครับ ชอบก็ฟังได้หมด

เรื่องItune หลังผมไมชอบซื้อมันเท่าไหรแล้ว เพราะผมคิดว่าราคามันสูง // ซื้อแผ่นมาเก็บดีกว่า