Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

วันนี้ไปทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัดหัวลำโพงมาละครับ

สันติ

15/05/2012 16:00:35
50
วันนี้ไปทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัดหัวลำโพงมาละครับ เลยนำบุญมาบอกกล่าวเพื่อนสมาชิกเว็บมั่นคง

ตอนแรกเลยนั้น ผมก็ไปทำบุญบริจาคโลงศพที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนั่นละครับ
พอบริจาคเสร็จ ก็เลย เดินเข้าวัดหัวลำโพง
ก็มีให้ทำบุญหลายอย่างนะครับ มีซื้อกระเบื้องมุงหลังคาด้วย

จากนั้น ผมก็จะเดินออกจากวัดละ ได้กลิ่นเหมือนกลิ่นสาบ ๆ ของสัตว์
เลยหันไปมองเจอป้ายนี้ครับ




ก็ถึง 31 กรกฎาคม 55 นี้ครับ

จะซื้อชีวิตแบบเป็นตัว ๆ เลยก็ได้นะครับ หรือจะแล้วแต่ศรัทธา
ถ้าซื้อคนเดียวตัวนึงก็ 9,000 บาทครับ

พอเดินเข้าไป ก็พบเลยว่า เจ้าของกลิ่นสาบ ๆ นั่นคือ วัว มานอนกันในบริเวณวัดเลย




ก็ตรงที่เราบริจาคเลยนี่ละครับ

เดินเข้านิดเดียว ก็จะมีโต๊ะยาว ๆ ซึ่งจะมี กระดาษวางอยู่ให้เราเขียนชื่อนามสกุล
และจำนวนเงินที่เราบริจาคครับ เขียนเสร็จแล้วก็เอาใส่กล่องครับ
หน้าตาแบบฟอร์มแบบนี้ครับ





พอเราเขียนเสร็จ ข้าง ๆ ก็จะมีถาด ใส่ฟาง ใส่น้ำ และ พวงมาลัยครับ
ก็เอาพวงมาลัยไปแขวนที่ตรงรูปปั้นข้าง ๆ เป็นรูปโคกระบือนี่ละครับ
ส่วนน้ำก็เอาไปเทใส่กะละมังใหญ่ ๆ ให้วัวไว้ดื่มครับ
และส่วนฟางก็เอาไปใส่ไว้ในถังกะละมังใหญ่ ๆ เหมือนกันครับ




ตัวนี้น่ารักมาก ผมลูบหัวมันเล่นด้วยละ

ฟางเพียบ กินกันยังไงก็ไม่อ้วนซักที






ก็ขอเชิญชวนนะครับ ท่านใดกำลังมองหาการทำบุญบริจาคไถ่ชีวิตโคกระบือ
แบบเห็นตัวโคกระบือเป็น ๆ ไม่ต้องไปใส่เงินตามกล่องบริจาคตามห้าง
แนะนำมาเลยครับ ที่วัดหัวลำโพง มาง่าย ๆ ครับ
รถไฟฟ้าใต้ดิน สถานี สามย่าน ขึ้นฝั่งวัดหัวลำโพงเลยครับผม

ก็นำบุญมาบอกกันนะครับ เพื่อน ๆ สมาชิก
ท่านใดที่ไปทำบุญก็ขอให้มีความสุขความเจริญ ในด้าน ความรัก การงาน การเงิน ด้วยเทอญ
สาธุ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

สันติ

15/05/2012 16:02:48
50




ตัวนี้น่ารักมาก ผมลูบหัวมันเล่นด้วยละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Mr.Burst

15/05/2012 16:10:31
3
อนุโมทนาครับ เดี๋ยวจะไปทำบ้างครับ ใกล้ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Bigbass

15/05/2012 16:16:43
0
ขออนุโมทนาด้วยคนครับพี่อั๋น :-)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

สันติ

15/05/2012 16:32:52
50
อ้อ ฝากอีกที่นึงครับ
วัดพระบาทน้ำพุ ช่วยเหลือผู้ป่วยเอดส์ครับ
ผมทำทุกเดือน แม้จะไม่มาก แต่ก็อยากช่วยเหลือครับ
ผมทำโดยโอนผ่าน net นี่ละ ไม่เสียค่าธรรมเนียมนะครับ




เลขที่บัญชี ก็ตามในภาพเลยครับผม

ทำบุญกันเยอะ ๆ นะครับ สาธุ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

สันติ

15/05/2012 16:36:36
50
สำหรับวัดพระบาทน้ำพุนั้น มีหลายบัญชีครับ เลยเอาข้อมูลมาฝากครับ


ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ทุนในการให้การศึกษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งท่านสามารถบริจาคโดยโอนเงินผ่านธนาคาร ดังนี้
ทางธนาคารโดยเข้าบัญชี “กองทุนอาทรประชานาถ”
ธนาคารกรุงเทพ สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 289-0-84697-1
ธนาคารทหารไทย สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 304-2-41277-9
ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนสุรสงคราม เลขที่บัญชี 174-2-39000-0
ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 579-2-33730-7
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาลพบุรี เลขที่บัญชี 111-1-47300-7
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขานางเลิ้ง เลขที่บัญชี 000-2-12022-0
หรือจะติดต่อโดยตรงกับ พระอุดมประชาทร วัดพระบาทน้ำพุ ลพบุรี
โทรศัพท์ 0-1831-3441 หรือ 036-413805 ต่อ 106 โทรสาร 036-422600
ค่าใช้จ่ายของวัดเดือนละประมาณ 2 - 4 ล้านบาท ช่วย ๆ กันบริจาคนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

jomjomjom

15/05/2012 16:39:45
อนุโมธนาสาธุด้วยครับพี่สันติย์

ผมมีข้อกังวลสงสัยแบบไม่รู้คิดมากไปรึป่าว ... นิดนึงครับ ไม่ทราบว่า จะขออนุญาตสอบถามได้ไม๊ครับ ... (ได้ครับ)

คือ

เส้นทางที่ 1
1. เจ้าของวัว ขาย วัวให้โรงฆ่าสัตว์ ใช่หรือไม่ครับ
2. ทางคณะผู้จัด/วัด ไป ขอ หรือ ไปซื้อ วัวเหล่านั้นมาจากโรงฆ่าสัตว์ เพื่อมาให้คนทั่วไปได้ร่วมทำบุญไถ่ชีวิต ....​
3. เมื่อคนมาร่วมทำบุญไถ่ชีวิต กันจนครบกำหนดวัน ไม่ว่าจะได้เงินมาเท่าไรก็ตาม ก็จะนำวัวทั้งหมดไปปล่อยเลี้ยงไปจนแก่ตายเลยหรือไม่ หรือว่า หักลบเงินที่ได้รับจากการร่วมทำบุญไถ่ชีวิต แล้วคัดบางตัวไปปล่อย บางตัวไปโรง ... หรือว่า ตัวที่เหลือ ก็ยังได้เข้าโครงการไถ่ชีวิตรอบต่อไปได้ ...​

เส้นทางที่ 2
1. เจ้าของวัว มาติดต่อคณะผู้จัด/วัด ว่ามีวัวอยู่ อยากนำมาให้ทางคณะ/วัด จัดโครงการให้คนได้ร่วมทำบุญไถ่ชีวิต ...
2. เมื่อคนมาร่วมทำบุญไถ่ชีวิต กันจนครบกำหนดวัน ไม่ว่าจะได้เงินมาเท่าไรก็ตาม ก็จะนำวัวทั้งหมดไปปล่อยเลี้ยงไปจนแก่ตายเลย
3. เงินที่ได้ก็จะนำไปใช้ตามจุดประสงค์ของโครงการที่ตั้งไว้ ... หรือมีหักไว้ให้เจ้าของวัวบ้าง ...​

สรุปที่อยากทราบคือ
1. โคกระบือทุกตัวที่อยู่ในโครงการไถ่ชีวิตครั้งนั้นๆ จะได้รับการปล่อยทุกตัวหรือไม่ครับ ....
2. นี่เป็นธุรกิจบุญ หรือไม่ครับ
3. ทำไมเจ้าของโคกระบือเหล่านี้ไม่พามันไปปล่อยในที่ที่จัดเตรียมไว้เลยหละครับ ถ้าเลี้ยงต่อไม่ไหว ... ขายให้โรงฆ่าสัตว์ทำไม

รู้สึกสับสนกังวลใจครับ ...

ขอโทษด้วยครับ 555ย์

ผมสงสารโคกระบือนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

สันติ

15/05/2012 16:47:59
50
ข้อกังวลพวกนี้ผมก็เคยคิดในสมัยรุ่น ๆ แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว ผ่านโลกมาบ้าง
ก็พอจะเข้าใจและมองให้เห็นถึงการทำบุญ

มันคงเป็นไปได้ทั้งอย่างที่ท่านคิดละครับ

แต่ถ้าเราเลือกที่จะทำบุญ เราอย่าไปคิดครับ

เหมือนเรื่องการปล่อยนกเหมือนกัน แต่ก่อนผมก็คิดมากนะ ปล่อยไป มันก็จับกลับมาอีก

แต่ถ้านึกอีกมุม (มุมผมนึกเองนะ) ว่าถ้าผมเป็นนกอยู่ในกรงนั่น
ขอแค่ได้ออกไปบินแบบที่นกมันจะได้บิน ผมก็น่าจะมีความสุขดีกว่าตายในกรง
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า เขาอาจจะต้องจับเรากลับเข้าไปอีกก็เป็นได้ แต่อย่างน้อย ก็ได้บิน

ฉันใดก็ฉันนั้นครับ

เรื่องการทำบุญ เราไปคิดมากไม่ได้ครับ
เราคนทำบุญ เราเอาบุญ
ส่วนคนที่เขาจะไปทำอะไรต่อ หรือเขาจะทำอะไรยังไงอย่าไปสงสัย
ให้เรามีจิตใจตั้งใจมั่นที่จะไปทำบุญก็พอครับผม


ผมเคยฟังพระท่านเทศน์
คนไปทำบุญในวัดได้บุญกลับมาไม่เท่ากัน
(คนมีญาณจะเห็นแสงที่ตรงท้องของแต่ละคน บุญไปสะสมตรงนั้น)
เล่าว่า บางคน ไปทำบุญด้วยใจศรัทธา จิตใจคิดแต่ทำบุญ บุญก็ได้เต็ม ๆ
แต่บางคน ไปทำบุญ หวังนู่นหวังนี่ หวังโชคหวังลาภ ก็ได้บุญเช่นกัน แต่แสงก็จะสว่างน้อยกว่า
คงจะเป็น การบอกให้เห็นถึงการตั้งใจในการทำบุญนั่นเองครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

สันติ

15/05/2012 16:51:47
50
เกือบลืม

ขอทิ้งท้ายอีกซักนิดครับ

ผมเอามาแนะนำนี้ ใครจะทำก็ไปทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องไปทำนะครับ


แค่เอาบุญมาฝากบอกครับผม ^_^ คือเห็นวัวแล้ว น่ารักดี
จริง ๆ หมู ก็น่ารัก แต่พอเป็น เบค่อน แล้วอร่อยมาก ๆ เลย -_-"

ดังนั้น ถ้ามีข้อสงสัยอะไร คงต้องไตร่ตรองและพิจารณาตามสภาวะกันเองนะครับ ^_^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Mr.Burst

15/05/2012 17:02:33
3



^_______^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

sylar1980

15/05/2012 17:03:24
0
ผมละสงสัยเหมือนคุณ jomjomjom ว่าจะตั้งคำถามเหมือนกัน - -* ถ้าเช่นนั้นไม่ว่าเราจะทำบุญหรือทำความดี ถ้ามันเป็นสิ่งที่ดี เราไม่ต้องไปสนใจว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร แบบนี้ใช่ไหมครับ *-*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

สันติ

15/05/2012 17:15:22
50
ผมไม่สงสัยครับ
เพราะผมตั้งใจไปทำบุญ สบายใจเราก็เพียงพอแล้ว
ทำแล้วหวังได้บุญ ก็ได้บุญครับ คิดดี ทำดี ได้ดีครับ

ส่วนเขาจะเอาเงินเราไปทำบุญหรือไปทำบาปอันนั้น ก็เข้าตัวคนนั้นครับ
เป็นความเชื่อพื้นฐานของศาสนาพุทธเราอยู่แล้วครับเรื่องการทำบุญทำทาน

ส่วนเรื่องคนที่เอาธุรกิจทำบุญทำทานมาเป็นธุรกิจ
อันนั้น เขาก็ต้องรับของเขาไปครับ เขาทำดีก็ได้ดี ทำไม่ดีก็ได้ไม่ดีครับ
คิดง่าย ๆ พอครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

sylar1980

15/05/2012 17:24:09
0



ต้องขอขอบคุณ คุณพี่สันติมากๆเลยครับ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องการทำบุญทำทาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

leeja

15/05/2012 17:33:31
0
สำหรับผมการทำบุญอยู่ที่เจตนาและความตั้งใจครับ แค่เจตนาเราดีก็ได้บุญแล้วครับ

การทำบุญควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจครับ ไม่ใช่ทำบุญเผื่อหวังผลครับ

ถ้าจะทำบุญแล้วแล้วรู้สึกกังวลหรือไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งทำครับ

ไว้พอใจที่จะทำบุญแบบไหนแล้วค่อยทำครับ ไม่จำเป็นต้องทำตามคนอื่นครับ

ทำบุญที่เรารู้สึกสบายใจครับเป็นการดีครับผม

ขออนุโมธนาด้วยคนครับคุณอั๋น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

คาวบอย เขามะกา

15/05/2012 18:58:21
0
จากหนังสือแก่นพุทธศาสน์
พุทธทาสภิกขุมาลงนะคะ (หน้า60-62)
ว่าด้วยเรื่องทาน ศีล สมาธิ และปัญญา

ทาน

การให้ทาน การบริจาคนี้
ก็หมายความว่าให้ออกไป ให้หมดความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวกู หรือ ของกู
ส่วนการทำบุญที่คิดว่าจะได้ผลตอบแทนกลับมาหลายเท่า
เช่น ทำบุญหน่อยหนึ่งก็ขอให้ได้วิมานหลังหนึ่ง อย่างนี้มันเป็นการค้ากำไรเกินควรไม่ใช่การให้ทาน
การให้ทานต้องเป็นการบริจาค
สลัดสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่น ว่าเรา ว่าของเรานั่นแหละออกไป
เพราะฉะนั้น
ในขณะที่ผู้ใดมีจิตว่างจากความรู้สึกว่าตัวเรา-ว่าของเรา ในขณะนั้นเรียกว่าบุคคลนั้นได้บริจาคทานถึงที่สุด

เพราะว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มี
แล้วจะเอาอะไรมาเหลืออยู่
ส่วนของเราก็พลอยหมดไป
ตามความที่ไม่มีตัวเรา
เพราะเมื่อหมดความรู้สึกว่ามีตัวเรา
สิ่งที่เป็นของเราก็สลายตัวลงไปเอง

เพระฉะนั้นในขณะใดผู้ใดมีจิตใจว่างจากตัวตน ผู้นั้นได้ชื่อว่าได้บำเพ็ญทานอย่างยิ่ง
แม้แต่ตัวเราก็บริจาคไปจนหมดสิ้น และพ่วงความรู้สึกว่าของเราเข้าไปด้วยจนหมดสิ้น ดังนั้นในขณะที่มีจิตว่างอันแท้จริงนั้น
จึงได้ชื่อว่ามีการบำเพ็ญทานถึงที่สุด

ศีล

คนที่มีจิตว่างไม่ยึดมั่นถือมั่น ตัวตน-ของตนนั้น
เรียกว่าเป็นคนที่มีศีลที่แท้จริง และเต็มเปี่ยมถึงที่สุดด้วยศีล

นอกนั้นเป็นศีลล้มลุกคลุกคลาน
คือศีลที่ตั้งเจตนาว่าเราจะเว้นอย่างนั้น เราจะเว้นอย่างนี้
แล้วก็เว้นไม่ได้ ลุ่มๆ ดอนๆ อยู่นั่นเอง
เพราะว่าไม่รู้จักปล่อยวางตัวตนเสียก่อน
ไม่รู้จักปล่อยวางของของตนเสียก่อน
คือไม่มีความว่างจากตัวตนเสียก่อน
ศีลก็มีขึ้นไม่ได้

แม้จะมีก็ลุ่มๆ ดอนๆ ไม่เป็นอริยกันตศีล คือไม่เป็นศีลชนิดเป็นที่พอใจของพระอริยะเจ้าได้ เป็นโลกียะศีล ที่ลุ่มๆดอนๆ อยู่เรื่อยไม่เป็นโลกุตตรศีลขึ้นมาได้ ถ้าเมื่อใดมีจิตว่างแม้ชั่วขณะหนึ่งวันหนึ่ง หรือคืนหนึ่งก็ตาม มันก็มีศีลที่แท้จริงตลอดเวลาเหล่านั้น


สมาธิ

ทีนี้ถ้าพูดถึง สมาธิ จิตว่างนั้น
เป็นสมาธิอย่างยิ่ง เป็นจิตที่ตั้งมั่นอย่างยิ่ง

สมาธิที่พยายามปลุกปล้ำล้มๆ ลุกๆ มันก็ยังไม่ใช่สมาธิ และยิ่งสมาธิที่มีความมุ่งหมายเป็นอย่างอื่น นอกไปจากเพื่อความไม่ยึดมั่นถือมั่นในเบญจขันธ์
แล้วล้วนแต่เป็นมิจฉาสมาธิทั้งนั้น

ท่านต้องทราบไว้ว่ามันมีทั้ง มิจฉาสมาธิ และสัมมาสมาธิ
เพราะฉะนั้นคำว่า "สมาธิ" ในที่นี้เราหมายถึง สัมมาสมาธิ ถ้าเป็นสมาธิอย่างอื่นก็เป็นมิจฉาสมาธิไปหมด

จิตที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นว่าเราว่าของเราเท่านั้น ที่จะมั่นคงเป็นสมาธิได้อย่างแท้จริงและสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นผู้ที่มีจิตว่างจึงเป็นผู้ที่มีสมาธิอย่างถูกต้อง


ปัญญา

ทีนี้เลื่อนขึ้นมาถึงปัญญา

ยิ่งบ่งชัดว่ารู้ความว่างหรือเข้าถึงความว่างหรือเป็นตัวความว่างนั้นเองก็ตาม
นั้นเป็นตัวปัญญาอย่างยิ่ง เพราะว่า ขณะที่มีจิตว่างนั้น เป็นความเฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง

ขณะที่เป็นความโง่อย่างยิ่งก็คือ ขณะที่โมหะหรืออวิชชาเข้ามาครอบงำอยู่
แล้วทำให้ยึดมั่นถือมั่นนั่นนี่ ว่าเป็นตัวตนหรือของตน

ลองคิดดูก็จะเห็นได้ง่ายๆ ชัดแจ้งด้วยคนเองว่า
พอสิ่งเหล่านี้ออกไปแล้ว มันจะโง่ได้อย่างไร
เพราะว่าความโง่มันเพิ่งเข้ามาต่อเมื่อมีอวิชชา
ไปหลงยึดมั่นว่าเป็นตัวเราว่าของเรา

ขณะใดที่จิตว่างจากความโง่อย่างนี้
ก็เข้าถึงความว่างจากตัวเราว่างจากของเรา
มันก็ต้องเป็นความรู้หรือเป็นปัญญาเต็มที่

เพราะฉะนั้นผู้ที่ฉลาดเขาจึงพูดว่า ความว่างกับปัญญาหรือสติปัญญานี้เป็นสิ่งเดียวกัน
ไม่ใช่เป็นของสองสิ่งที่เหมือนกัน แต่ว่าเป็นสิ่งๆเดียวกันเลย

ข้อนี้ย่อมหมายความว่าปัญญาที่แท้จริงหรือถึงที่สุดของปัญญานั้น
ก็คือความว่างนั่นเองคือว่างจากโมหะที่หลงยึดมั่นถือมั่นนั่นเอง หมายความว่าพอเอาโมหะอันนี้ออกไปเสีย จิตก็ถึงสภพาเดิมของจิตที่เป็นจิตเดิมแท้ คือปัญญา หรือสติปัญญา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

คาวบอย เขามะกา

15/05/2012 19:16:41
0
ก้อปปี้ลิงค์มาครับ http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=18112&sid=e7dc2c891bc237c709cba1177a6f8614
เครดิต คุณคามินธรรม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

sylar1980

15/05/2012 19:21:46
0
^
^
^
อ่านไปอ่า่นมาชักเพลิน มีให้อ่านอีกมั้ยครับ กำลังสนุกเลย *-*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

eeman2

15/05/2012 20:09:24
0
อนุโมทนาครับน้าอั๋น
คหสต.ในมุมมองของผมต่อกรณีนี้
เห็นต่างไม่ได้แปลว่าจะมาม่านะน้าอั๋น ผมให้ความเคารพในความคิดน้าอั๋นเสมอมา แต่เพราะความขี้ระแวงของผมเช่นกัน ทำให้ผมไม่ค่อยได้บุญเท่าไหร่ (อันนี้รู้ตัวดีอยู่ อิอิ)

อุปสงค์ = อุปทาน

ดังนั้นถ้าผมเป็นพ่อค้า เดิมผมต้องขายเนื้อวัววันละร้อยตัว มีคนซื้อแยกไปสิบตัว ดังนั้นผมก็ต้องสั่งเป็นร้อยสิบตัว
no.1 - no.10 รอด
no.101 - no.110 ตายเร็วขึ้นหนึ่งวัน ชดเชย no.1-no.10
no.201 - no.210 ตายเร็วขึ้นหนึ่งวัน ชดเชย no.101-no.110
no.ที่ลงท้ายด้วย xxx01-xxx10 ตายเร็วขึ้นอีกตัวละหนึ่งวัน

คนเอาไปเลี้ยงก็คงไม่ได้เลี้ยงฟรีๆ ใช้งานอีกแน่นอน ถ้าเลี้ยงจนตายก็เอาไปกินไม่ได้ ตายแล้วก็เป็นภาระต้องฝัง(ถ้าเลี้ยงจนตายนะ)

กรณีที่ไม่ได้เลี้ยง แต่"จัดการ"ซะแต่เนิ่นๆ ก็คือการซื้อวัวไปส่งให้คน"จัดการ"เช่นเดิม

คิดแล้วผมก็เครียด ว่าจะไม่คิดก็อดไม่ได้ทุกที สุดท้ายคือไม่ได้บุญ ฉี่เหลืองอีกต่างหาก .... เง้อออออ

ท้ายนี้เอาตารางมาให้เทียบกันครับ ว่าใครตกอยู่บรรทัดไหนกัน

ผมเอง สตืไม่ค่อยดี ปัญญาไม่ค่อยมี สมาธิสั้น ขี้เกียจอีกต่างหาก 5555

--------------------------------------

สติ มีมากเท่าไรยิ่งดี มีแต่คุณไม่มีโทษ
ศรัทธา มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นงมงาย
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดศรัทธา กลายเป็นทิฏฐิมานะ
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดปัญญา กลายเป็นโมหะ
ปัญญา มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นฟุ้งซ่าน
วิริยะ มีมากเกินไป ขาดสมาธิ กลายเป็นเหน็ดเหนื่อย
สมาธิ มีมากเกินไป ขาดวิริยะ กลายเป็นเกียจคร้าน

พระราชนิโรธรังสี คัมภีร์ปัญญาวิศิษฏ์
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

jomjomjom

15/05/2012 20:10:00
5
ขอบคุณมากครับพี่สันติย์และทุกๆท่านนครับ

สาธุ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

sylar1980

15/05/2012 20:19:33
0
สาาาาาธุด้วยคนครับ *-*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

jomjomjom

15/05/2012 20:49:43
5
ขอบคุณครับพี่อีแม้นนนยยย์

ผมเองชอบพูดให้คนอื่นปล่อยวาง ....

แต่ตัวผมเอง บางทีมันหลุดไปครับ ทำให้ฟุ้งซ่าน ... แต่ก็พยายามเรียกสติกลับมา ให้ ปล่อยวางครับ

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

นายมั่นคง

15/05/2012 22:00:03
4,294
อนุโมทนาด้วยครับพี่สันติ ผมเองไปมาหลายครั้งเหมือนกัน ถ้าสบโอกาสก็จะไปบริจาคโลงกับผ้าดิบครับ ที่ไปบ่อยๆ มักจะเป็นปอเต๊กตึ๊งตรงวันคณิกาผล

แต่อันของพี่สันติเดี๋ยวต้องผ่านไปให้ได้ล่ะครับ ขอให้กุศลผลบุญจงประสบแก่พี่สันติและทุกๆๆท่านนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

manoi

16/05/2012 09:41:48
4
อนุโมทนาบุญด้วยครับพี่สันติ.......

ขอบคุณมากครับที่เอาบุญมาฝากและช่วยบอกบุญต่อ

สาธุ....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

bk

10/07/2012 09:07:18
เท่าที่ทราบมาปกติแล้วจะไถ่เพื่อนำวัวไปให้กับผู้ยากไร้เลี้ยงไว้ เมื่อได้ลูก ก็จะสามารถนำลูกไปขายได้หรือทำประโยชน์ต่อไป เป็นการสร้างโอกาส
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

SunnyPhu

10/07/2012 10:52:15
0
อนุโมทนาสาธุทุกคนครับ

เราทุกคนเริ่มได้ ด้วยตัวเรา และคนรอบข้าง

ลดการกินเนื้อ ลด demand ลง เพื่อไม่ให้เกิดกระบวนการฆ่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

มุ้ย

02/10/2012 11:02:27
คืนวันศุกร์ก็ไปทำบุญบริจาคโลงศพมาค่ะ พอดีเห็นเพื่อนโพสต์ทำบุญไถ่ชีิวตโคกระบือมาเลยถามเขาๆว่าที่วัดหัวลำโพง แบ่บว่าไปบ่อยๆบ่อยมากๆแต่ส่วนใหญ่ไปปุ๊บเข้าไปหาโลงอย่างเดียวเลยไม่เคยเดินดูไร จนสุดท้ายล่ะขึ้นรถเตรียมออกเหลือบมองไป อ้อ อยุ่ตรงทางเข้านี่เอง เสียดาย อดไปอีก แต่คิดว่าอาทิตย์นี้ล่ะ 7/10 จะพาแม่ไปทำให้ได้เลย สักตัว เพื่อสิ่งที่ดีดีกับชีวิตเราบ้าง ขออนุโมทนากับคนที่ไปทำมาแล้วด้วยนะคร้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

Salek

02/10/2012 13:13:28
187
การช่วยชีวิตโคกระบือแบบง่ายๆ ก็ตาม คคห.24 เลยครับ
อ้อ...อนุโมทนาย้อนหลัง(หลายเดือน)ด้วยนะครับน้าอั๋น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

Papillon_

02/10/2012 21:38:51
ผมเข้าใจนะครับว่าพี่สันติอยากทำบุญส่วนคนนั้นจะเอาเงินของพี่ไปทำบุญหรือบาปก็เข้าคนนั้นเองมันเป็นหลักการของพี่

แต่ทั้งๆที่พี่ก็รู้ว่ามันมีโอกาสที่เค้าจะเอาเงินส่วนที่พี่ให้ไปทรมานสัตว์ต่อ แบบนี้มันได้อะไรกับสัตว์ครับนอกจากความสบายใจของพี่

ผมสับสนจริงๆครับ ผมเข้าใจนะครับว่าเจตนาดีก็อิ่มบุญแต่ผมงงครับว่าสรุปเราอยากทำบุญเพราะอยากช่วยเหลือสังคมเกื้อกูลกันหรือเราอยากทำเพื่อให้เราสบายใจและรู้สึกว่า"ได้ทำ"พอใครๆมาว่าเราเราก็ตอบว่าเราสบายใจคนอื่นยังไงไม่รู้ แล้วปล่อยให้คนอื่นมาหากินบนความ"สบายใจ"ของเราหรือหากินบน"ความเฉยเมย"ของเรา แน่นอนครับเราเจตนาดีเราไม่ผิดครับ เหมือนเราเอามันมา"ป้องกัน"ตัวเองในทางที่ผิด

ผมไม่ได้ขวางโลกนะครับ เราทำอะไรแล้วเราสบายใจก็ทำเถอะครับ แต่ผมเกรงว่าการเฉยเมยต่อสิ่งที่เราทำมันไม่ดีครับเปรียบเปรยว่าเราทำอาชีพขายปืน้วมีคนมาขอซื้อปืน20กระบอกกระสุน1000นัดระเบิด10ลูกเราก็ขายไปสิครับ เราทำอาชีพสุจริตนิครับใครจะเอาปืนเราไปทำอะไรก็สุดแล้วแต่ชั่งหัวปะไรสุดท้ายมันเอาไปกราดยิงคนในวันเปิดตัวหนังbatman dark rise ครับ คนขายก็บอกเข้าทำอาชีพสุจริตนิครับ มันจะซื้อไปทำสงครามห่าเหวอะไรก็ชั่งหัวมัน สุดท้ายนี้เราคิดว่าคนขายผิดหรือปล่าวครับ ถ้าเค้าเอาเรื่อมีคนมาขอซื้อปืนไปแจ้งตำรวจตามจริยธรรมอันแสนธรรมดาของผู้ขาย(คล้ายกลับกรณีรับซื้อของโจร) ตำรวจในเรื่องนี้ก็เปรียบได้กลับกรรมครับ ผมไม่ได้ตามข่าวว่าสุดท้ายคนขายปืนนั้นมีความผิดหรือไม่ มันก็แล้วแต่เราครับที่จะเลือกแหละครับ

สุดท้ายนี้ผมจะบอกว่ามันมีความคลาดเคลื่อนระหว่างเจตนาและการกระทำครับ และยิ่งคลาดเคลื่อนไปใหญ่ระหว่างการกระทำกับผลลัพธ์
ผมก็ไม่ได้"perfect"หรอกครับถึงมากล้าสอนแบบนี้ ผมไม่กล้าไปตัดสินใครหรอกนะครับ ประเด็นของผมคือทั้งๆที่รู้แล้วปล่อยไปแบบนี้จะดีหรอครับ ผมว่ามันไม่มีจริยธรรมเอาซะเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

ตรีชา

08/03/2014 16:41:38
ผมเห็นด้วยกับคุณ Papillon นะครับ

ผมเป็นคนที่ชอบทำบุญและทำทาน ที่เรียกว่าเป็นขาประจำเลยครับ ซึ่งนอกจากทำบุญทำทานก็จะเน้นการคิดดีทำดีและเป็นผู้ให้

หลักในการทำบุญในปัจจุบัน ผมจะเน้นทำบุญกับสถานที่ที่ลำบากเช่นสำนักสงฆ์หรือทำกับพระธุดงค์เพื่อเป็นปัจจัยหรือถวายสิ่งของที่จำเป็นเช่นไฟฉาย จีวร หรืออื่นๆ

ส่วนทำทาน ก็จะเน้นให้กับคนที่ทำอาชีพสุจริตจริงๆ เช่นคนเก็บขยะ ลูกคนงานก่อสร้างอะไรประมาณนี้

ในการให้มักจะรู้สึกอิ่มเอิบใจ รู้สึกซึ้งในบุญ เพราะดูแววตาของผู้ที่ได้รับ มันมีความหมายต่อพวกเขามากๆ

ในส่วนขอธุรกิจขอทาน หรือธุรกิจบุญนั้น ผมจะเน้นไม่ให้โดยปัจจัย แต่จะเน้นซื้ออาหารให้ เช่นซื้อผลไม้ ข้าว ให้ขอทานที่นั่งทำงานอยู่ บางครั้งถูกขอทานประชดไม่เอาก็มี (ดูเหมือนขอทานปัจจุบันอยากได้เงินมากกว่า 555) หรือจะซื้อผักบุ้งไปเลี้ยงโค และบริจาคเงินเล็กน้อย

เพราะในสังคมปัจจุบันมีธุรกิจบุญและธุรกิจทานเฟื่องฟูมาก และจะอาศัยความใจบุญของคนไทยเพื่อสนองธุรกิจของเขา จนปัจจุบันมีธุรกิจประมาณนี้เกิดขึ้นมาก จนแยกไม่ออกว่าอันไหนจริงหรือหลอก แม้ว่าจะใช้วิธีคิดแบบ ช่างมัน อย่าไปสนใจว่าที่เราทำบุญไปจะไปที่ไหน จนเป็นการสนับสนุนธุรกิจดังกล่าวให้เกิดเยอะจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม ผมไม่ต้องการบอกว่าอย่าทำบุญหรือทำทาน แค่ขอให้ทำด้วยสติ ทำด้วยความรอบคอบ หรือทำด้วยวิธีปัญญาชน เราก็จะได้บุญเฉกเช่นเดียวกัน แม้ว่าจะจับต้องไม่ได้ แต่เราสัมผัสด้วยใจ

เจอขอทานแบบประจันหน้า ก็อย่าปฏิเสธ จงให้ทานไป แล้วบอกเขาว่าเก็บไว้ทำบุญนะ "บุญจะส่งเสริม กรรมจะซ้ำเติม" เพื่อให้เขาคิดเล่นๆ 555

ขอให้ทุกคนอิ่มเอิบด้วยบุญนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"วันนี้ไปทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือที่วัดหัวลำโพงมาละครับ"