สายสัญญาณที่เรียกว่า mini-mini ที่ร้านเฮียขายซึ่งเราจะเห็นว่ามีขนาดเล็กๆ สั้นๆ ยาวไม่เกิน 6 นิ้วสักคน เฮ้ย! สักเส้นนั้น เราใช้สำหรับต่อระหว่างเครื่องเพศ เฮ้ย! เครื่องเล่นกับแอมป์เพื่อการพกพาครับ ไม่ได้ใช้สำหรับการต่อกับลำโพงภายนอก ซึ่งจำเป็นต้องมีความยาวของสายมากกว่า..

ที่จำเป็นต้องสั้นก็เพราะว่า ยิ่งสายสัญญาณมีความยาวมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสูญเสียสัญญาณมากขึ้น ซึ่งมันมีผลต่อคุณภาพของเสียง (ทางเทคนิคเรียกอะไรอย่ารู้เลยครับเพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน..555)

อีกอย่างสายสัญญาณที่มีคุณภาพดีๆ มักมีราคาที่สูงมากครับ เห็นสั้นๆอย่างนั้น ไม่ใช่ถูกนะครับ..ไม่เชื่อลองไปสอบถามเฮียมั่นซิครับว่า...Black Diomond ของเฮียจะขายเท่าไหร่....อิอิ

ถ้าอยากได้สายสัญญาณดีๆ ราคาไม่แพง แนะนำให้ไปปรึกษาเฮียหมูหวาน แห่งร้าน HifiMod เลยครับ...

สาย mini to mini มีหลากหลายจ้า ขึ้นกับวัสดุของสาย และหัว jack

สายที่นิยมมีสองแบบ

แบบแรก
ทำจากทองแดงปลอดออกซิเจน สายที่ดีๆอาจมีขนาดใหญ่ พกยาก ราคาแพง
เช่น ยี่ห้อ Kimber, Monster, Furutech, Cardas .....

แบบที่สอง
ทำจากเงิน 99.99% ที่แนะนำมีของ Homegrown มีแบบถักไข้ว 3, 4, 8 เส้น
คุณภาพเสียงและราคา เพิ่มตามจำนวนสายที่ใช้ สายเส้นเล็ก กระทัดรัด พกพาง่ายเสียงดีมาก น่าเล่นมาก สายดูที่ร้านคุณหมูหวานได้

หัว Jack mini 3.5 mm มาตราฐานที่นิยมใช้และเสียงดี
Neutrik เงิน, ดำทอง เบา ถูก ทนปานกลาง เสียงดีใช้ได้
Canare ทน ถึก ดี แต่หัวใหญ่ หนัก ค่อนแพง
Switchcraft เงิน, ดำทอง ดี เบา แต่แพง

ความยาว mini to mini ปกติจะประมาณ 6 นิ้ว แต่ยาวกว่านี้ต้องสั่งทำพิเศษครับ
ถามคุณหมูหวาน ที่พันทิพย์ประตูน้ำได้ครับ แนะนำครับ

เอ่อ... พี่ Vichien กะคุณ Musicogenic51 เป็นนกฮูกเหรอครับ ....
ไม่หลับไม่นอนเน้อออ.....
อย่างว่านะ หมอบอกว่า คนเรายิ่ง \"อายุมากกกกขึ้น\" จะพักผ่อนน้อยลง อิๆๆๆ
ไปดีกว่า ..... เด๋วโดนเตะ 5 5 5

สายสัญญาณมีผลต่อเสียงจริงๆ นะครับ เพราะมันทำหน้าที่เหมือนท่อส่งสัญญาณจากเครื่องเล่นไปยังหูฟังน่ะครับ ถ้าสายสัญญาณคุณภาพต่ำ ข้อมูลที่ส่งผ่านย่มอถูกรบกวนทั้งจากสัญญาณรบกวนภายนอก และค่าความต้านทานภายในสาย ทำให้ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับครับ

สายสัญญาณระดับเริ่มต้นที่ไม่แพงก็มีเยอะนะครับ บางเส้นไม่กี่ร้อยเอง สายมินิทูมินิมันมีความยาวสั้นกว่าสายสัญญาณเครื่องเสียงมาก แถมใช้เส้นเดียวอีก ทำให้ต้นทุนมันถูกกว่าสายสัญญาณเครื่องเสียงบ้านเยอะครับ อย่างสายคิมเบอร์ ฮีโร่ที่เป็นสายสัญญาณเครื่องเสียงบ้านยอดนิยม(เพราะถูกและดี) ชุดสำเร็จขายกันห้าพันกลางๆ พอเอามาทำสายมินิทูมิ ยังเส้นละไม่ถึงพันเลยครับ (ขึ้นอยู่กับหัวแจ๊กมินิด้วย)

แต่ถ้าจะเอาถูกๆ ไปซื้อสายไมค์ canare หรือ Belden มาเข้าหัวมินิเอาเองก็ได้ครับ ถ้าใช้หัวนิวทริกรุ่นธรรมดา ทำเอง เส้นละไม่เกินสองร้อยบาทด้วยซ้ำไป (ให้ช่างที่นั่นเข้าหัวให้ก็ไม่เกินสามร้อยหรอก) ไม่ก็แวะร้านคุณหมูหวาน ซื้อสายฮีโร่สักครึ่งเมตร หัวสวิทซ์คราฟสองหัว แล้วให้ช่างที่นั่นเข้าหัวให้ก้ได้ครับ อย่างมากก็พันต้นๆ นั่นแหละ ^^

^
^
คห.ตามนั้น ไม่ต้องช่วย จขกท.คิดเพิ่มเลย 555
---------------------------------------------------------
หมอบอกว่า คนเรายิ่ง \"อายุมากกกกขึ้น\" จะพักผ่อนน้อยลง
.
.
.
ขอประท้วงน้า piggy ชี้แจงไม่เคลียร์ครับ ทั่นประธานนน.. งานนี้ต้องมีขยายความ

ต้องบอกว่า \"ใช้เวลาในการพักผ่อนแต่ละครั้งสั้นลง\"

แต่มักจะหาโอกาศเปลี่ยนสถานที่และผู้ร่วมพักผ่อน บ่อยขึ้น 555

อ่ะ ชี้เป้าให้ครับ ใช้งานเริ่มต้นราคา สองสามร้อยบาท ลองเข้าไปดูเลยครับ

http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=319466

สายมินินั้น เราใช้ต่อโยงจากเครื่อง PC มา Jamo เราได้ 2 วิธี

คือ - เอาสายมินิทูมินิต่อออกมาเลย ความยาวก็น่าจะพอเหมาะกับตำแหน่งที่เราใช้งานสะดวก
- เอาสาย RCA ที่มีอยู่ มาต่อแปลงหัวท้าย ด้วยแจ๊ค RCA to mini ซึ่งใช้ได้เหมือนๆๆ กันจ้า

สายมินินั้น ที่เล่นๆ กับใน Headphone นั้น พวกตัวแพงๆๆ มันฟังได้ง่ายกว่าจะมาฟังกับลำโพงอย่าง Jamo เรียกว่าฟังออก แต่ฟังยากขึ้นกว่าครับ ไม่เหมือนกับการใช้ในหูฟัง อันนี้ฟังง่ายกว่ามาก

ว่าต่อแล้วดีหรือไม่ดี อันนี้ง่ายกว่าจริงๆๆ จ้า

ถามว่าตอนแรกจำเป็นไม๊ต้องหาสายมินิแพงๆๆ เส้นยาวๆๆ ผมว่าไม่จำเป็น เพราะจะหมดตูดค่าสายมากจนเกินไปครับ ผมยังแนะว่าวิธีตั้ง การจัดตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุด ยังเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก อันดับสองคือเรื่องไฟล์ที่นำมาเปิดครับ พยายามเน้นสองจุดนี้ก่อนล่ะ

สายมินิผมแนะให้ใช้พื้นๆๆ ก็พอ 2-300 บาท ผมว่าพอแก่ความต้องการของชุดพวก 2.1 แบบนี้แล้วจ้า ไม่จำเป็นต้องเพิ่มงบไปซื้อ

ลองลุยเรื่องการจัดวางและไฟล์เพลงก่อนเลยเน้อ....555

ได้ความรู้มากมายครับ มีแต่เซียน ๆ ทั้งนั้นเลย ^_^

ผมก้เล่นJamo ตัวนี้อยู่ใช้กับ ipod photo ผ่าน dock ของมันครับ ดดย rip แผ่นแท้ผ่านโปรแกรมใน pc โปรแกรม Easy CD-DA Extractor ออกมาเป็น Wave 16bit 48 Khz เสร็จแล้วไปที่โปรแกรม Db powerAmp Music converter เปลี่ยน Sampling เป็น 16 bit 96 Khz แล้วใช่โปรแกรม Itune up เข้า Ipod photo เสียงออกมาแจ่มมากๆ bitrate 16 bit 96Khz มีแต่Ipod Photo กับ Gen3 เท่านั้นที่ dacในตัวมันรับได้ Ipod Classic รุ่นใหม่ยัะงทำไม่ได้เลยครับ
เพิ่มอีกนิด Jamo ตัวนี้เป็นลำโพง 3 ทาง ครอสโอเวอร์ของใช้ electrolite 105c ขนาด 2.2 uf ถ้าเครื่องหมดประกันวันไหนเอา c ลำโพงยี่ห้อดีๆใส่เข้าไปเสียงดีขึ้นมากมาย ผมทำดูแล้วดีจริงนะจะบอกให้ แต่ส่วนใหญ่ผมใช้ discovery sc1 เสียบแทนเสียงดีกว่าอีกขั้นหนึ่ง

โอ้ ขอบคุณทุกท่านมากครับ

เปิดโลกทัศน์ผมเสียหลุดกรอบเลย (ไม่เข้าใจศัพท์เทคนิค)
ตอนนี้ที่ผมฟัง ผมฟังไฟล์ FLAC ครับ ฟังกับคอมฯเนี่ยละ ไม่ก็ bit rate 320 ตามที่หาได้
และตอนนี้ก็ใช้สายแถมของลำโพง Creative อยู่ครับ
เลยอยากได้ใหม่ เพราะจะได้เอาลำโพง Creative นี่ไปใช้กับคอมเครื่องอื่น
อยากได้ ก็เลยอยากได้ดีๆหน่อยน่ะครับ ไม่ต้องดีมากขนาดแพงๆ แต่อยากให้ดีกว่าเจ้า Creative เป็นพอ

ขอขอบคุณ คุณ Vichien และ เฮียมั่น ที่ให้ความรู้ประดับโศตประสาทผมครับ
และขอขอบคุณ คุณ PlanaRIA คุณ Noize และ คุณ Musicogenic51 ที่ช่วยชี้เป้าร้านเรียกได้ว่าปูพรมให้เลยก็ว่าได้

ขอแนะนำตัวนิดนะครับ ผมจบสถาปัตย์ภายใน ถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก เลยไม่ค่อยได้แตะงานทางด้านเสียงมากเท่าไหร่นัก ฟังอะไรไปตามสภาพน่ะครับ
แต่พอดีทำงานได้เงินมาก็เลยอยากฟังเพลงเสียงดีๆกะเค้าบ้าง เลยมาสนใจน่ะครับ
ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวกับทุกท่านด้วยครับ ผมคงได้เข้ามาถามนู่นถามนี่อีกเยอะเหมือนกัน

ขอบคุณมากๆคร๊าบบบ

ยินดีต้อนรับครับคุณอ๊อฟ

งั้นเชิญที่กระทู้แนะนำตัวที่ปักหมุดไว้ด้านบนหน่อยก็ดีนะครับ...

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ชมรมนิยมมาม่าครับ

(เนื่องจากซื้อของเล่นหมดตัว เลยต้องกินมาม่าประทังชีวิต อิ อิ)

ชมรมนี้เข้าง่ายออกยากกกก อิ อิ

ถามนิด ชอบมาม่ารสไหนครับ อิ อิ

5555 ผมก็ไม่มีความรู้อะไรหรอกครับ อาศัยลูกชุลมุนมั่วๆๆ ตอบล่ะครับ แต่เท่าที่อ่านจากหลายๆๆ ท่าน นี่เป็นประสพการณ์ตรงเลยนะครับ คือผ่านการปฏิบัติมาแล้ว และได้เอามาแนะนำกันต่อ

ค่อยๆๆ ลองครับ แก้ไขเรื่องต้นทางก่อน ปลายทางต้องทีหลังเพื่อนเน้อ 555

โอ้ว ขอบคุณมากครับทุกท่าน

ผมชอบมาม่ารส \"ข้าวซอย\" มันหายไปจากวงการแล้วครับ
ตอกไข่ใส่ไมโครเวฟ เพียงพอแล้วครับ ความสุขเล็กๆที่หาได้ในวันนั้น
แต่ที่กินบ่อยๆตอนนั่งทำทิสิทแล้วไม่มีเวลาหาข้าวกินนี่คือรสต้มยำกุ้งครับ

ขอบคุณเฮียมากครับ ที่ตอบคำถามงี่เง่าๆของผมทุกคำถามเลย
เพิ่งอ่าน \"อาแปะ\" ไปครับ อ่านแล้วอยากเจอเลย กำลังใช้เงินไม่เป็นอยู่พอดี
ได้อาแปะมาเซี้ยมสอนให้กำพืดมันดีขึ้น

ไว้ประมาณเดือนหน้าจะไปที่ร้านให้พี่เฮียหมูหวานช่วยจัดสายให้เส้นนึงครับ
เพิ่งรู้ว่าร้านตรงข้ามเฮียเป็นร้าน Hifimod ผมก็ดันไม่ได้ถามอะไรเลย
คราวที่แล้วได้รับความช่วยเหลืออย่างดี คราวนี้จะไปสอบถามขอความรู้กับพี่ๆครับ

ขอบคุณความอบอุ่นในครอบครัวหูทองคำคร๊าบบ

ขอออกทะเลหน่อย ไหนๆ คุรอีอฟ จบอินทีเรียร์ ขอปรึกษาซะเลย ผมจะซื้อคอนโด ไอริส ที่อยู่หน้าสมิตตเวส ให้เด็กๆพักเรียนหนังสือ อยากถามว่า อินทีเรียที่แถมมาครบเซทมันคุ้มไหม คือเขาแต่งให้หมดหิ้วกระเป๋าเข้าไปอยู่ได้เลย
http://www.prakard.com/Default.aspx?g=posts&t=65448

สวัสดีครับคุณ Mumee

เท่าที่ผมดูตามลิ้งค์ที่คุณแนบมาผมว่าก็โอเคนะครับ ถือว่ามีรสนิยมพอตัว
ไม่เหมือนคอนโดตามที่ผมเห็นๆห้องตัวอย่างมา ที่ยังขาดความเก๋ไป
แต่ผมมองว่ามันจะขาดเรื่องของการใช้งาน อาจจะลำบากไปนิดเพราะพื้นที่จำกัด
อาจจะทำให้ทำการดีไซน์จัดองค์ประกอบการใช้งาน ลำบากนิดนึง ฟังค์ชั่นเลยออกมาแปลกๆ
แต่ถ้าผู้อยู่อาศัยรับได้ก็ถือว่าคุ้มนะครับกับชุดที่คุณ Mumee นำมาให้ดู
แต่มันออกเป็นแนวๆผู้หญิงไปนิดนะครับ ถ้าผู้ชายอยู่มีแขกมาดูก็อาจจะคิดไปไกล เหอๆ
ว่าแต่คุ้มไม่คุ้ม มันเท่าไหร่เหรอครับเนี่ย? เพราะตามปกติราคาจะขึ้นกับทำเลของโปรเจคเป็นอันดับแรก รองลงมาก็ตำแหน่งและขนาดของห้อง ส่วนอินทีเรียจะเป็นลูกเมียน้อยครับ T T ส่วนใหญ่อินทีเรียจะต้องมาตามแก้ปัญหาของสถาปนิกที่จัดสรรพื้นที่ไม่เพียงพอ เลยออกมากะท่อนกะแท่นยังงี้แหละคร๊าบบบ แต่ส่วนใหญ่ค่า Built-in จะประมาณ 10000-30000 ต่อจุดแล้วแต่ชนิดวัสดุครับ และเท่าที่ดูรูป Built-in ไม่เยอะ ราคาค่าอินทีเรียอาจจะถูกลงมาหน่อย ส่วน Furniture ผมมองว่ามันแล้วแต่วัสดุอีกเช่นกัน ราคาก็ตามคุณภาพแหละครับ
เพราะอย่าง index ก็เป็น furniture ระดับกลาง ราคาจะสมเหตุสมผล แต่อาจจะไม่มี concept การออกแบบ คือขายเป็น mass มากกว่าเน้นความมีเอกลักษณ์ (จุดนี้ถ้าผมพูดอะไรกระทบความคิดใครก็ขอประทานโทษด้วยครับ พูดในแง่ของ Designer น่ะครับ แหะๆ)
มันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ของบางเจ้าราคาแพง เพราะเค้าคิดเยอะจริงๆครับ ตอนผมเรียนก็คิดเยอะมากๆ มันเลยดูไม่ดาษดื่นน่ะครับ

หวังว่าคำตอบผมคงช่วยอะไรคุณ Mumee ได้บ้างนะครับ

อาวละครับ แล้วก็มาถึงคำถามผมบ้าง ใครรู้ช่วยตอบทีครับ
คือวันนี้ผมบังเอิญไปพันธุ์ทิพย์มา เลยไปสอย mini-mini ที่ HifiMod มาใช้
ผมบอกความต้องการไปว่าอยากได้ยาวๆครับ
เค้าก็แนะนำ Monster 3 ฟุต กับ Belkin 6 ฟุต ให้
ผมเลยเลือก Belkin เพราะยาวกว่า ประมาณว่าเสียงไม่สนเพราะคิดว่ามันต้องดีกว่าสายแถมของ Creative แน่นอนอยู่แล้ว เลยเอายาวๆไว้ก่อนครับ
แล้วพอผมเอากลับมาเสียบฟัง ตอนแรกมันมีเสียงเหมือนขาดๆช่วง แต่พอขยับไปมันก็หาย
เลยอยากรู้ว่าสายระดับนี้ต้องเบิร์นรึป่าวครับ?
แล้วต้องเบิร์นนานเท่าไหร่ ด้วยเพลงแนวไหน ความดังเท่าไหร่?
ผมเป็นคนฟัง Bossa Jazz Electronic ครับ Rock เบสหนักๆนี่ข้ามเลย แต่ชอบความรู้สึกของ แชลโล่ น่ะครับ

ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบคร๊าบบบ

ขอบคุณมากครับคุณ อ๊อฟ
คอนโดนี้ผมดูแล้วตอนแรกก็ตื่นเต้นมันสวยงามมาก แต่..คิดนานๆ การออกแบบห้องนอนแบบเป้นกระจกใสมองทะลุ ตามตำราจีนนี่ห้ามเลย เจ้ของห้องจะหลับไม่สนิทผวาแสงเงา ราคาห้องขนาด 32 ตรม.ล้านหกครับ

เร่องสายสัญญาณผมว่าลองเบริรนสัก 100 ชม. ถ้าไม่ใช่เสียงที่ชอบเอาไปเปลี่ยนที่ คุณหมูหวานเลยครับ คงคุยกันได้ถ้าไม่ทำชำรุดเสียก่อน

ใช่ครับ ก็ถ้ามองในแง่ของฮวงจุ้ย มันไม่ดีเหมือนกัน แต่ผมไม่กล่าวถึงเพราะด้วยพื้นที่มันแคบจนทำให้จัดสัดส่วนยากมากๆ แต่เรื่องว่าแก้เคล็ดอะไรยังไง ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะว่ายังไมได้ศึกษาเรื่องนี้ แต่ก็จำเป็นเหมือนกันครับ จะได้ครบเครื่อง ฮ่าๆ

แต่ทางแก้ทางด้านสถาปัตย์ก็คงต้องจัดสัดส่วนใหม่และพยายามเน้นวัสดุไม่ทึบแสงเกินไปอาจเป็นพวก polycarbonate แทนการกั้นห้องอะครับ แล้วส่วนที่ใช้งานก็ต้องเน้นแสงให้มากๆ แล้วก็ต้องจัดฟังชั่นให้เหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไปและให้เป็นระเบียบ เพราะจะทำให้มองโดยรวมแล้วสบายตา แล้วกลมกลืนไปในแนวเดียวกัน

แล้วก็ขอบคุณด้วยครับที่แนะนำการเบิร์น ^^

วันนี้ได้ตกลงซื้อเรียบร้ยแล้วคงให้เด็กๆได้เข้าอยู่ไปก่อน ถ้าจะเปลี่ยนอินทีเรียร์ จะรบกวน คุณอ๊อฟอีกครั้ง ขอบคุณมากครับ

กลายเป็นกระทู้ปรึกษาปัญหาอินทีเรียดีไซน์ไปซะแล้วนะครับ
ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณ Mumee ไม่ถือสาความรุ้อันน้อยนิดของผม ผมก็ยินดีครับ