อ่านไปอ่านมา เริ่มฮึกเหิม เอาว่ะ
หลังจากเลิกเล่นเครื่องเสียงบ้านไปนานสิบปีได้
กลองไฟฟ้ายังไม่ซื้อละกัน เอางบทั้งหมดมาใส่ชุดหูฟังดีๆซักชุดดีกว่า
ไปจัด iPod Classic มาก่อนเลย Rip เพลงเป็น AIFF มาเตรียมให้พร้อม
แล้วค่อยไปหา In Ear, Full Size, DAC, Amp, สายสัญญาณ กันทีหลัง



ไล่อ่าน Review
ไล่หาหูฟังของเพื่อนๆมาลอง
ฟังมาพอควร แม้จะไม่เยอะมากมายอะไร
เพื่อหาความพึงพอใจแบบ style เรา ในงบที่ตั้งไว้
ล่อมันมั้ง Bose, Shure, Klipsch, Sony, Philips, AKG, Denon, Creative, Monster ฯลฯ
(ฟังอย่างละนิดๆหน่อยๆนะครับ)
ได้ข้อสรุปว่า ตอนนี้เอา In Ear ก่อน Full Size ว่ากันช่วงปลายๆปี


ความต้องการของผมคือ อยากได้ In ear ที่ฟังสบายๆ รายละเอียดดีๆ เสียงใสๆ
ไม่เน้นเบสมากมาย(แต่ต้องมี)
ฟังเพลงได้หลากหลายแนว
หน้าตาต้องสวยถูกใจ
ราคาไม่เกิน 1 หมื่น

ตาม criteria ที่วางไว้

มีผู้เข้ารอบสุดท้าย 2 รุ่นคือ
Klipsch X5 กับ UE700


Shure 425 ถูกตัดออกไปนาทีสุดท้าย เนื่องจากหน้าตายังไม่โดน
กอปรกับ จะสอย Shure 940 หรือ 1440 ในอนาคตอยู่แล้ว เลยตัดออกดีกว่า
ลองยี่ห้ออื่นบ้าง

….. เครื่อง Player พร้อม !!
….. งบประมาณพร้อม !!
….. ข้อมูลเบื้องต้นพร้อม !!
ไปลองฟังที่ร้านเลยดีกว่า แน่นอนที่สุด

เดินดุ่ยๆไปที่สาขา “สวนสวรรค์” (Paradise Park)


TBJTBT “พี่ครับของลอง UE700 หน่อยสิครับ”

ไล่ฟังเพลงหลายๆแนวไปเรื่อยๆ เสียงดีแฮะ
ใสๆ เบาๆ ระรื่นหูดี
แต่มันยังไม่ใช่แบบที่อยากได้ (ว่ะ) !!
แหลมมันฝอยๆ ฝื๊ดๆ ฝ๊าดๆ ยังไม่ใช่ ยังไม่ใช่
และถึงแม้ผมจะไม่เน้นเบสมากนัก แต่รู้สึกว่ามันยังไม่มีตัวตนมากพอ

TBJTBT “มันยังไม่ใช่อ่ะพี่ มีตัวไหนแนวๆเดียวกันแนะนำบ้างมั้ย”
คนขาย “งั้นน้องเอาไวแสง 04 ไปลอง ถูกกว่าด้วย”
....
....
....
TBJTBT “อื้มมมม ดีขึ้น ดีขึ้น แต่ขออีกนิดดดดดน่า”

ฟังเทียบ UE700 กับ ไวแสง 04
สลับไป สลับมา
สลับมา สลับไป
Rock, Pop, Jazz, Classic, ….


TBJTBT “พี่ครับ มี Klipsch X5 ให้ลองมั้ยครับ”
คนขาย “ตัวนี้ไม่มีตัวให้ลองอ่ะครับ ต้องไปที่สาขา xxx”
TBJTBT “ว้า..... เสียดายจัง”

ยืนเก้ๆกังๆ ฟังหูอื่นๆแก้ขัด คุยกับคนขายไปพลางๆ
ซักพักนึง มีเสียงดังขึ้นมาว่า
“จัด Klipsch ให้พี่เค้าลองหน่อยซิ แกะกล่องใหม่เลย”
โอ้ว สสสสสสสสส !!


สัมผัสทางสายตา
ดูหรูหรา สวยงามดีจัง (ความเห็นส่วนตัว)

สัมผัสแรกที่ใส่หู
อื้มมมมม ใส่สบายแฮะ

สัมผัสต่อมาผ่านทางคลื่นเสียง
เฮ้ยยยยย แบบนี้แหละ ที่ผมอยากได้ ขนาดยังไม่ได้ Burn นะเนี่ย


ฟังๆๆๆ เลือกแนวเพลงหลายๆเพลงที่เราฟังบ่อยๆ
และท้ายที่สุด เอาให้แฟนฟัง ไม่ถึง 15 นาที ตัดสินใจได้เลย
TBJTBT “พี่ครับ เอาอันนี้ละครับ”


ต่อรองราคา ชำระค่าเสียหาย เดินออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
โดยมีเสียงกำชับจากคนขายก่อนกลับว่า
“Burn อย่างน้อยซัก 200 ชม ก่อนนะครับ
เพื่อให้หูฟังแสดงศักยภาพสูงสุดที่มันทำได้ออกมา
รับรองว่าดีกว่าที่คุณฟังวันนี้แน่นอน”

รีบกลับบ้านไป Burm ดีกว่า
ขนาดไม่ Burn ยังถูกใจขนาดนี้
Burn แล้วจะไปได้ถึงไหนละเนี่ย


เผากันแบบบ้านๆละกัน เสียบกับ iPod Classic เปิดทิ้งไว้ ใช้ไฟล์ AIFF
แล้วก็เสียบกับ Mini Compo ของ YAMAHA ฟังกับแผ่น CD แท้
สลับกัน Burn 1-3 ชม พักทีนึง

อัลบั้มที่เอามา Burn เป็นหลักก็เพลงที่ผมฟังบ่อยๆนี่แหละ (เน้นแผ่นนำเข้าเป็นหลัก) ได้แก่
Pop :
Atomic Kitten – Greatest Hits
Gloria Estefan - Greatest Hits
Eric Clapton - Unplugged

Raggae :
T-Bone – รวมเพลงดี

Rock :
U2- No Line On Horizon, How To Dismantle The Atomic Bomb
Third Eye Blind – Out Of Vien

Classic :
วงไหมไทย , ดนู ฮันตระกูล

แกะกล่องออกมา ก็ประกอบไปด้วย หูฟัง, จุกยาง 1 ชุด,
ไม้แคะทำความสะอาด, Adaptor สำหรับบนเครื่องบิน
กล่องใส่อุปกรณ์ กล่องหนังสำหรับเก็บหูฟัง และ สุดท้ายก็คือ คู่มือใช้งาน

กล่องใส่หูฟังนั้นสวยงาม ดูหรูหราดี (ผมชอบ)

ส่วนจุกที่ให้มามีทั้งหมด 5 ชุด
ประกอบไปด้วย จุกแบบชั้นเดียว 3 คู่ เล็ก / กลาง / ใหญ่
ส่วนจุกแบบ 2 ชั้น มีมาให้ 2 คู่ เล็ก / ใหญ่


เริ่มต้นผมใช้จุกชั้นเดียว ขนาดกลางก่อน ซึ่งเป็นขนาดที่ใส่พอดีหูผมพอดี
ซักพักจึงเปลี่ยนมาใช้จุก 2 ชั้นขนาดใหญ่แทน


ความต่างของจุกแบบชั้นเดียว กับ 2 ชั้นก็คือ แนวเสียงครับ
จุกชั้นเดียว จะให้เสียงเบส ที่มีมวลใหญ่กว่า กระแทกกว่า
ฟังเพลงที่เบสหนักๆ เปิดดังหน่อยนี่ ขี้หูออกมาเต้นระบำกับเขาได้เหมือนกัน

ส่วนจุก 2 ชั้น มวลของเบสจะน้อยกว่า แต่ลักษณะ แนวเสียงเบส ยังคงเดิม
แต่สิ่งที่ทดแทนกันก็คือ เสียงกลางสูง และเสียงแหลมเปิดมากขึ้น จะแจ้งกว่าจุกชั้นเดียว
และที่สำคัญ มันเงียบกว่า


โดยรวมๆแล้วผมชอบแบบ 2 ชั้นมากกว่าครับ

และต่อไปนี้คือ วิวัฒนาการของเสียงจากหูฟังตั้งแต่ก่อนเผา ถึงปัจจุบัน
(ปล. นี้คือความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ท่านอื่นๆอาจคิดต่าง
รวมถึงผมยังเป็นมือใหม่ในวงการหูฟังครับ วิธีการอาจดูบ้านๆ ง่ายๆเข้าว่า)



ช่วงแกะกล่องใหม่........
เสียงโดยรวม สมดุลดีครับ
แต่ยังดูมนๆ กลมๆ แยกแยะอะไรไม่เด็ดขาด
เบสเป็นลูกๆ ไม่หนักเกิน แต่ก็ตุ๊บๆมันส์ๆ กับเขาได้เช่นกัน
ที่ชอบมากคือกระชับ เก็บตัวไวดี
ผมเพิ่งเข้าใจคำว่ากระชับ เก็บตัวไวก็ตอนนี้ละครับ

เสียงกลางหนา นุ่มนวล อุ่นๆ ดูมีชีวิตชีวา ใสๆ แต่ไม่กลวง

เสียงร้องชัดๆ หวานดี โดยเฉพาะเวลาฟังสาวๆจาก Atomic Kitten

ย่านเสียงสูง ดูใสๆ โปร่งๆ แต่ไม่จัด (UE700 จัดจ้านกว่าเยอะเลย)

เสตจกว้างขวางดี ฟังแล้วไม่อุดอู้ ทึบ หรืออึดอัดแบบบางตัว






เอาวะ .....เริ่มต้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว ภาพรวมดูดีเลยทีเดียว
แต่รายละเอียดเรื่องยิบๆย่อยๆ ยังต้องรอการพิสูจน์

ผ่านพ้นไปประมาณ 50 ชั่วโมง……

ภาพรวมของแนวเสียงยังคง style เดิมที่เราชอบ
ทุกอย่างยังทรงเดิมๆ รายละเอียด, เวทีเสียง, มิติ ดีขึ้นนิดๆหน่อยๆ (นิดเดียวจริงๆ)
แต่เฮ้ย !! เบสมาจากไหน(ว่ะ)

ลูกใหญ่ขึ้น
หนาขึ้น
Impact ชัดมากๆ
แต่ยังคงเป็นเบสแบบสุภาพ มาเป็นลูกๆ เก็บตัวไว เช่นเดิม

ฟังไปฟังมา มันเยอะไปรึป่าวเนี่ย !! ไหนใครๆต่างบอกว่าเสียง FLAT
ชอบแบบพอดีๆ มากกว่า เริ่มใจเสียนิดๆ
แต่แนวเสียงยังคงใช่อยู่ เอาน่า อดทน Burn ต่อไป (ถึงตรงนี้ผมแอบผิดหวังเล็กๆแฮะ)

เริ่มเปิดเพลงหลากหลายมากขึ้น แต่ยังเน้นใช้แผ่นนอกเป็นหลักอยู่
อัลบั้มไหนบันทึกมาแบบบ้านๆ พยายามหลีกเลี่ยงไว้ก่อน

และแน่นอน ผมมีแค่ iPod Classic กับ YAMAHA เช่นเดิม

ช่วงประมาณ 100-200 ชม

ผมเริ่มสังเกตการเปลี่ยนแปลงของหูฟังได้มากขึ้นแล้วแฮะ
แถมเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วยสิ !!
เบสที่เคยรบกวนผม มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ยังคงแน่น กระชับ เก็บตัวดี

แต่ ”อยู่เป็นที่เป็นทาง” มากขึ้น


เสียงกลาง ชัดขึ้น จะแจ้งขึ้น รายละเอียดมาครบถ้วน สมบูรณ์ขึ้น
เสียงร้อง ยังดีเช่นเดิม แอบหวานขึ้นนิดๆ
เสียงแหลม ชัด และเป็นตัวเป็นตนมากขึ้น และยังคงไม่จัดเช่นเดิม


ภาพรวมทุกย่านเสียงดีขึ้นอย่างละนิด ละหน่อย
บอกไม่ถูก ว่าอะไรดีขึ้นแบบชัดๆบ้าง
แต่โดยรวมๆ ผมว่ามัน ”สมดุล” และ “พริ้ว” ขึ้นเยอะเลยทีเดียว

การแยกแยะขึ้นดนตรี มิติ ความต่อเนื่อง รายละเอียด
เป็นสิ่งที่สัมผัสได้มากที่สุดว่ามันดีขึ้น
โดยรวมๆแล้ว ความผิดหวังจากช่วงก่อนหน้า ได้หายไปหมดสิ้น
ผมเริ่ม”หลงรัก”เจ้าหูฟังตัวนี้แล้วสิเนี่ย

มาถึงบทสรุปของเจ้า Klipsch X5 หลังจากผ่าน 200 ชั่วโมงไปแล้วละกันนะครับ

เสียงเบส : ดีกว่าที่คิดไว้ทีแรก ตอนนั่งอ่าน Review เยอะมาก
เป็นจุดที่ผมแปลกใจที่สุด เพราะใครๆต่างบอกว่าเบสน้อย เสียง FLAT
ผมฟังแล้วกลับรู้สึกว่าเบสเป็นลูกๆ พอดีคำ และหูฟังตัวนี้ทำให้ผมได้รู้จักคำว่า
เบสกระชับ เก็บตัวไว ที่สำคัญเบสแน่น แต่ฟังนานๆ แล้วไม่เหนื่อย ไม่ล้าหู
ไม่มีเสียงครางออกมาให้ระคายหู อย่างเพลง Who is it ? ของ Michael Jackson
ซึ่งเพลงนี้เบสมันต่ำ กระแทก และยากยาวมากๆ ช่วง Burn อยู่ ถ้าเปิดดังๆหน่อย มีอาการครางเล็กน้อย
แต่ให้อภัยได้ เพราะเพลงนี้มันสุดๆจริงๆ เพลงอื่นๆเบสกระแทกมายังไงก็ยังเป็นลูกๆ สวยๆปกติดี
หลัง Burn พ้น 200 ชม อาการครางนิดๆก็หายไปในบัดดล สรุปว่าเอาอยู่ครับ !!

เสียงกลาง,เสียงร้อง : อันนี้น่าจะเป็นจุดเด่นของหูฟังตัวนี้อยู่แล้ว กลางหนา ฟังแล้วสบายๆ
ใสๆ แต่ไม่กลวง ดูมีเนื้อมีหนังดี เสียงร้องก็หวานๆใสๆ ไม่แห้ง และชัดมาก
(เสียงร้องชัดขนาดได้ยินเสียงน้ำลายเหนียวติดคอนักร้องขณะบันทึกเสียงเลยทีเดียว 555)
นี่ก็เป็นจุดเด่นอีกเรื่องของหูฟังตัวนี้อีกเช่นกัน
ซึ่งเป็นเหตุผลหลักข้อนึงที่ผมเลือกหูฟังตัวนี้ด้วย


เสียงแหลม : กลางแหลมก็ยังดูดี เปิดเป็นประกาย ฟังแบบสบายๆ เพลินๆ
ส่วนย่านที่สูงขึ้นไปอีก ยังไม่ค่อยพุ่งมากนัก เทียบกับ UE700 จะเห็นความต่างมากมาย
แต่ผมกลับชอบนะ เพราะมันไม่ฝอยๆจนเกินไป
(แต่บางอารมณ์ก็อยากได้กรุ้งกริ้งแบบเทพๆบ้างเหมือนกัน)

โดยรวมๆแล้ว Klipsch X5 เป็นหูฟังแบบสบายๆ ฟังแล้วสดชื่น
รายละเอียดดีมาก การแยกแยะชิ้นดนตรีก็ทำได้ไม่เลว เวทีเสียงกว้างใช้ได้ ไม่อึดอัดแต่อย่างใด
เสียงดนตรีออกแนวโปร่งๆ แต่ไม่กลวง ใสๆแบบมีเนื้อมีหนัง
หากถึงคราวต้องลุกขึ้นมาเต้น มาโยกมันส์ๆ ก็ยังทำได้แบบไม่ขัดเขิน
เพลงสนุกๆ มันส์ๆ ก็ยังให้อารมณ์ร่วมได้แบบผ่านฉลุย
อันนี้ผมลองฟังกับเพลง Rock ประมาณ OASIS, U2, Smashing Pumpkins
หรือเพลง Electronic รุ่นเก่าอย่าง Pet Shop Boys

มากันที่ข้อเสียบ้าง

ข้อแรกเลย ผมว่าแพงอ่ะ 8 พันก่าๆแหนะ (แต่ก็ยังซื้อมาลอง)
ซัก 6 พันนิดๆได้มั้ย !! 5555


ในเรื่องของเสียง
หากจับ Klipsch X5 มาเทียบกับหูฟังอื่นๆในระดับเดียวกัน หรือใกล้ๆกัน
หากเจาะเป็นส่วนๆ ผมว่ามันไม่มีเรื่องใดที่หูฟังตัวนี้ เหนือกว่าชาวบ้านเขามากมายนัก
อาจจะมีเสียงกลาง และเสียงร้องที่ดูจะเป็นจุดเด่นของหูฟังตัวนี้

เรื่องเบส แม้จะทำได้ดี
แต่หากต้องการกระแทกสุดๆ ออกแนวอลังการณ์ ก็ยังสู้พวก Monster ไม่ได้
หากต้องการเบสนุ่มๆกลมๆ ผมว่าก็ยังแค่ใกล้ๆกับ Bose แต่ก็ยังสู้ Bose ไม่ได้

เสียงสูง ก็ยังมีหูฟังตัวอื่นๆ กรุ้งๆ กริ้งๆ แกร๊งๆ มากกว่า

เวทีเสียง การแยกแยะชิ้นดนตรี อยู่ในระดับที่ดีทีเดียว
ถ้าเทียบกับหูฟังระดับเดียวกัน ผมว่าก็สู้ได้ ไม่อายใคร
แต่ถ้าเทียบกับบางตัวที่แพงกว่า อาจจะยังเป็นรองอยู่นิดๆ




สรุปก็คือ ยังไม่มีอะไรเป็นที่สุดนั่นเอง นั่นคือทำได้ดี แต่ไม่ใช่ที่สุด............
แต่เมื่อเอาองค์ประกอบทุกอย่างมารวมกัน ผมกลับรู้สึกว่ามันพอดีๆ ลงตัวแบบที่ผมชอบ
และตอบโจทย์การฟังเพลงของผมได้อย่างกลมกลืน
เหมาะกับการฟังเพลงของผู้ที่เป็น Music Lover แต่ก็ใส่ใจในรายละเอียดของเสียงด้วย


หากเปรียบหูฟังตัวนี้เป็นอาหาร ผมขอยกให้เป็นเหมือนกับ “ข้าวแช่”
กินแล้วเย็นสบาย ชื่นใจ หอมหวานน้ำลอยดอกมะลิ
แต่ก็มีความจัดจ้านเล็กๆ คล้ายๆอาหารคาว
จำพวกพริกหยวกสอดไส้ กะปิหทอดผสมผสานอยู่ด้วย

ขอให้นิยามความรู้สึกโดยรวมว่า “กลมกล่อม” ละกันครับ

เพิ่มเติมเอีกนิด เรื่องความแตกต่างของแนวเสียง เปรียบเทียบกัน
เมื่อฟังจาก iPod Classic กับ Mini Compo ของ YAMAHA
หรือแม้แต่ต่อฟังตรงๆจาก Notebook


iPod Classic : ผมเอาแผ่น CD มาแปลงเป็น AIFF
16 bit , Sample Rate 48,000 ด้วยโปรแกรม iTune นี่แหละ
เสียงที่ได้จะออกแนวๆใส นุ่มนวล ทุกอย่างจะดูกลางๆ สมดุลดี
เบสจะมีมวลมากที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกับอีก 2 ตัวที่เหลือ


YAMAHA : อันนี้ฟังกับแผ่น CD ตรงๆเลย
เสียงที่ได้จะออกแนวกระฉับกระเฉง Impact จากกลองชัดเจนกว่า iPod มาก
เวลามือกลองหวดสแนร์นี่ เสียงดังโป๊ะ โป๊ะ เลยทีเดียว
แต่ดนตรีจะออกแนวแข็งๆหน่อย ไม่หวานๆ กลมๆ เหมือน iPod
แล้วก็เบสน้อยกว่าฟังจาก iPod Classic พอควร
Stage นั้นกว้างกว่า iPod แบบรู้สึกได้ชัดๆเลย รวมถึงรายละเอียดที่ดีกว่านิดๆ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฟังจาก CD ตรงๆเลย
หรือว่าเกิดจากกำลังขับของเครื่องเสียงที่มีมากกว่า
(ท่านใดทราบ ช่วยแนะนำเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ)



สำหรับการฟังกับ Notebook : ทุกอย่างดูกลางๆไปเสียหมด ดรอปไปเยอะพอควรเลย
เบสหาย กลางหด แหลมไม่เปิด รายละเอียดลดลง
(แบบนี้น่าจับมาคู่กับ Dac+Amp ยิ่งนัก !!)

สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด
ทั้งหมดที่เขียนมานั้น เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว
จากคนที่มีประสบการณ์เพียงน้อยนิดในวงการหูฟัง (แม้จะเคยเล่นเครื่องเสียงบ้านมาบ้าง)
ลองทดสอบหูฟังมาแค่ไม่กี่ยี่ห้อ ไม่กี่รุ่น และระยะเวลามานานนัก


หากชอบใจก็กด Like (ปุ่มกดอยู่ตรงไหนฟ่ะ !! )
ไม่ชอบใจก็ข้ามไป ได้โปรดอย่าถือสา
หากมีข้อผิดพลาด, คำแนะนำ, หรือข้อคิดเห็นอะไร ผมยินดีรับฟังครับ




หูฟังที่ผมชอบ อาจจะไม่ใช้หูฟังดีสำหรับคนอื่นๆก็ได้
ดังนั้นอย่าเชื่อผมครับ ต้องลองฟังด้วยหูคุณเองนั่นแหละ ดีที่ซู๊ดดดดด !!

รีวิวดีๆ การบริการดีๆ มีที่มั่นคงที่เดียวครับ *0*

โอ้โห รีวิว+ภาพประกอบสวยๆ ยอดเยี่ยมไปเลยครับ อ่านจบผมหยิบเป๋าตังมาดูว่าจะไปซื้อลืมไป ต้องซื้อมาม่าก่อน อิอิ

สุดยอดดด คร้าบบ กด Like

รีวิวแจ่มครับ อ่านไปนึกภาพตามได้เลย....

สำหรับผม อ่านดูแล้ว เหมือน เฮียมั่นคง แยกร่าง มาเขียน สมัยเมื่อ เริ่มเข้าวงการ ริวิว ใหม่ๆ

สวดยวด ก๊าป

เออ ...... หรือเป็นเฮียจริงๆ

ไม่ใช่ ก็ ใกล้เคียง ... อิอิ

อ่านเพลินดีครับ รีวิวได้สนุกและผู้อ่านได้ลุ้นตามไปด้วย เอาไปห้ากะโหลกครับ !!
^^

อ่านเพลินๆดีครับ ^^

ผมชอบ X8 แต่ราคามันนี่ อื้อหือเ้ลย
มองไปมาแล้วก็เหมือนถั่วงอกนะครับ

รีวิวสนุกมากครับ 55

แต่เหมือนเล่นหูฟังมาเยอะเลยนะครับ

รีวิวดีมากครับ ขอบคุณครับ :D

โอววว ผมขออนุญาตเอารีวิวแปะไว้หน้าเว็บเลยนะครับ 555 เยี่ยมๆๆ ทุ่มเทจริงๆๆๆ ขอบคุณมากๆๆๆๆเลยครับ 555

เดี๋ยวผมจะเอาไปให้ศูนย์ไทยเค้าได้อ่านมั่งว่าแฟนคลับสนใจกันแยะเลยล่ะครับ 555

เย้ เย้ เยี่ยมไป เลย ครับ อ่านเพลินดี ทีเดียวจ้า 55............อิ อิ อิ

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ

555 มาบอกอีกทีว่าปุ่ม like ยังไม่มีเน้อๆๆๆๆ 555

เยี่ยมๆๆครับ รีวิวชุดนี้ จัดเต็มข้อจริงๆๆๆ 55

รีวิวได้เยี่ยมครับ เหมือนๆ คุณพี่จะเล่นหูฟังมานาน แยกแยะเสียงได้ดีกว่าผมเยอะเลย 555

นี่มันไม่ใช่มือใหม่รีวิวแล้วววว

โอ้ววว ได้รับเสียงตอบรับดีเกิดคาดแฮะ
ทีแรกนึกว่าจะเงียบๆ เพราะเห็นในเว็บนี้ไม่ค่อยมีคนเล่นยี่ห้อนี้กัน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านครับ
แล้วก็ขอบคุีณเฮียมั่นด้วยครับ ที่ให้เกลียด เอ๊ย...ให้เกียรติแปะ link ให้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
คุณ lucidzx, คุณping_seksan, คุณloss
ผมเพิ่งเริ่มเล่นหูฟังไม่กี่เดือนเองครับ
แต่สมัยก่อนโ้น้นนนนน เคยเล่นเครื่องเสียงบ้านมาบ้าง
แล้วก็เล่นพวก Dicsman สมัยวันรุ่นตอนต้นอยู่พักนึง เดี๋ยวนี้กลายเป็นของหายากไปซะแล้ว

like+ ครับ
เขียนดี อ่านเพลิน เนื้อหาเยอะ ชอบๆๆ
มีภาคสองเมื่อไร บอกด้วยนะครับ

ตัว x5 ถ้าใช้ player Sony x หรือ ่iPhone 4s คงเทียบไม่ติดกับ jvc ha-fxc51 หรือ Panasonic rp-hje270 ราคาสองตัวนี้ถูกกว่ามากเเถมยังเสียงดีกว่าทุกด้านครับ

Like+

ตอนนี้ Klipsch ประกาศเดินหน้าวิจัยเรื่องหูฟังแบบเต็มสูบแล้วครับ

อีกไม่กี่วันผมจะเอารุ่นใหม่ๆๆมาเปิดตัวให้ชมกันนะครับ ขอบคุณคุณTBJTBT มากๆๆครับ เดี๋ยวลิงค์ผมจะแปะหน้าเว็บ 1-2 วันนี้ล่ะจ้าๆๆๆ


อ่านตรงว่าเคยเล่นตั้งแต่สมัยวัยรุ่นตอนต้นนี่ ท่าทางจะรุ่นเดอะเลยนะครับ 555

ขอบคุณครับ ละเอียดยิบเลย

เคยคิดจะตั้งฉายาให้เจ้า Klipsch X5 มานานแล้ว ว่าเป็นพระกาฬอะไรดี
พออ่าน คคห ของคุณ สมัครเล่น แล้ว ผมว่าใช่เลยแฮะ

"พระกาฬถั่วงอก"

"พระกาฬถั่วงอก" 555+

“ข้าวแช่” เห็นภาพชัดเจนเลยครับ 555+

ขุดขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากเปลี่ยนไปใช้ Meridian Explorer + สาย usb GT2 แทน DAC ตัวเดิม
ขอบอกว่า Klipsch X5 สุโค่ยยิ่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
รายละเอียดพรั่งพรูยิ่งกว่าเดิม
Balance และ ความโปร่งฟังสบายดีขึ้น
เสียงแหลมๆที่เคยกุดๆนิดหน่อย กลับมาทอดยาวสวยงามกว่าเดิม

สรุปว่า...สุดยอดจริงๆ
ของเดิมว่าเสียงดีแล้วนะ
เปลี่ยน DAC+ สาย usb แล้วยิ่งดีขึ้นไปอีก

.....ฟินกับ Fidelio X1 แล้ว ยังมาฟินต่อกับเสียงที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นของ X5 อีก

รีวิวดีมากครัส
ไม่ค่อยเห็นรีวิวแบบจัดเต็มมานานแล้วครับ อ่านเพลินจริงๆ เป็นกำลังใจให้ครับ
อยากให้มีรีวิวดีๆแบบนี้ออกมาบ่อยๆจัง