ที่เล่ามาเข้าใจถูกต้องแล้วครับ ถ้าเข้าใจกันแบบเราๆท่านๆ เสียงคัลเลอร์ก็คือเสียงที่ปรุงแต่ง มีสีสัน จะเป็นแหลมจัดจี๊ด หรือเบสทุ้มสุดขั้ว อันนี้ถือว่าเป็นหูฟังที่ให้เสียงคัลเลอร์ครับ แต่ monitor นั้นน่าจะประมาณว่าใช้เป็นเครื่องวัด ตรวจ ทดสอบ ซึ่งหูฟังที่น่าจะเข้าข่าย monitor น่าจะเป็นหูฟังที่ให้เสียงราบเรียบเสมอกันในทุกๆย่านเสียง (เรียบแต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงดีก็เป็นได้)

บางคนที่ใช้หูฟังในการทำงานบ้นทึกเสียง เลนคอนเสิร์ท ความต้องการที่จะได้ยินเสียงในบางย่าน จะมีความเจาะจงลงไปเป็นย่านๆไปเลยก็มี ซึ่งคนฟังเพลงจริงๆ เวลาฟังหูฟังที่เป็นมอนิเตอร์ดีๆ อาจจะฟังไม่เพราะก็ได้เช่นกันครับ แต่บางท่านก็ชื่นชอบที่จะฟังหูฟังที่เป็นเส่ียงแบบมอนิเตอร์

ตัวอย่างที่จะระบุไปเลยไม่ชัดเจนนักครับ เพราะหูฟังหลายต่อหลายตัวระบุว่าเป็น monitor แต่จริงๆเสียงไม่ได้เป็นแบบที่ว่า หรือหูฟังที่ใช้คำว่า studio ก็ไม่ได้ให้เสียงที่เป็นมาตรฐานของ studio แต่อย่างใด หรือแม่แต่คำว่า IEM ก็มาจากคำว่า in ear monitor ซึ่งไม่ได้หมายความว่าจะต้องเที่ยงตรงเป็นมอนิเตอร์แต่อย่างใดครับ ^^

หูฟังที่เสียงคัลเลอร์ก็น่าจะเป็นแบรนด์อย่าง Beat, Grado, Monster ซึ่งเป็นหูฟังที่ให้เสียงมีสีสัน ฟังสนุกสำหรับนักฟังบางกลุ่มล่ะครับ

บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจ เหมือนกันทำไม ผู้ผลิตชอบใส่ คำว่า มอนิเตอร เข้ามาทั้งที่จริงมันไม่ใช่ พาจะทำให้ผู้ซื้อสับสนซะเปล่าๆ อย่าง ciem ก็เหมือนกัน เอาจริงๆเท่าที่ลองฟัง มันก็ไม่ได้ ใช้ สำหรับมอนิเตอร ทุกตัวสักหน่อย บางตัว ก็เป็น คัลเลอร์ก็มี ผมว่าสมัยนี้ ผู้ผลิต ไม่ใส่ใจการสื่อสารกับผู้บริโภค อย่าง akg tiseto ชื่อก็บ่งบอก เทคโนแดนส์คลับ สตูดิโอซะ ขนาดนี้ แต่ หูฟังกลับกันเสียงรบกวนจากภายนอกไม่ได้ =_=

m50 เป็นสาย monitor คับ

อีกแบรนนึงที่ให้เสียง flat ขั้นสูง คือของค่าย beyerdynamic ครับ

มันมีความปนเป และใช้คำว่า monitor เยอะจนแยกลำบากเหมือนกันครับ แต่ก็มีหูฟังหลายตัวที่ออกแบบสำหรับมืออาชีพที่ใช้ในงานบันทึกเสียงก็มีเยอะครับ แต่สิ่งที่อยากให้พิจารณาก็คือเลือกฟังหูที่ให้เสียงต่างๆได้ถูกใจครับ อย่าให้คำว่า monitor มาเป็นการตัดตัวเลือกออกไปนะครับ 55

ขอบคุณมากๆครับ ทุกๆท่าน :D

ผมว่าหูฟังมอนิเตอร์ จะใส่ใจในความถูกต้องเที่ยงตรงของเสียงน่ะครับ จะไม่เข้าไปปรุงแต่งเสียงให้ผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับ เช่นเน้นเสียงกลางให้เด่นขึ้น หรือยกความถี่เสียงต่ำให้มากขึ้น หูฟังพวกนี้จึงเหมาะกับงานในห้องอัด มากกว่าการฟังเอาบันเทิง เพราะจะให้เสียงที่เที่ยงตรง ให้ความสมจริงของเสียงเครื่องดนตรีมากกว่า ซึ่งบางทีอาจทำให้สูญเสียความเป็นดนตรีไป คือเสียงมันจะจริงจังมาก ชัดเจนไปทุกเส้นเสียง ไม่ผ่อนคลาย ทำให้บางทีคนฟังอาจจะฟังแล้วอึดอัดได้น่ะครับ หูฟังประเภทนี้จึงไม่เหมาะกับทุกคนครับ โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ที่มักจะฟังเพลงเอาเพลิน เอาบันเทิงน่ะครับ ^^"