Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

รบกวนปรึกษาเฮียเรื่องธุรกิจร้านผมหน่อยครับ

nopphong

01/07/2007 23:36:34
ช่วงนี้เศรฐกิจไม่ค่อยดี
แต่ก็มักจะมีปัญหาที่ร้านว่า ลูกค้าบ่นว่าต้อนรับไม่ดี เพราะผมก็ก้มหน้าซ่อมอยู่ต้อนรับไม่ได้ ลูกจ้างก็ต้องรับเครื่องช่วยขันน๊อตเช็กเบื้องต้น ฯลฯ ทำให้รับลูกค้าไม่ค่อยได้อีกทั้งเธอหน้าตาไม่ค่อยดีเสียงไม่ดีชอบพูดห้วนๆทำให้ไม่ค่อยถูกใจลูกค้า (แต่มีดีตรงที่ไว้ใจได้ช่วยคิดบัญชีได้ และมีฝีมืองานช่างนิดๆหน่อยๆช่วยงานผมได้) โดนลูกค้าด่าหลายท่แล้วไม่รู้ว่าที่เสียลูกค้าไปแบบไม่ด่าอีกกี่คน
เลยคิดว่าจะรับลูกจ้างเพิ่มมาทำงานเป็นพนักงานต้อนรับโดยเฉพาะ โดยคิดค่าซ่อมเพิ่มตัวละ 150 เอามาเป็นเงินเดือนลูกจ้างคนใหม่ คือคิด minimum จาก 300 เป็น 450 เฮียคิดว่าเป็นยังไงครับ แล้วคิดว่าเศรฐกิจแบบนี้น่าจะลงทุนตรงนี้เพิ่มหรือเปล่า หรือเป็นแบบโดนด่าช่างมันเอาประหยัดงบไว้ก่อน
รบกวนช่วยแนะนำทีครับ
ขอบคุณครับ
ปล.ผมมีลูกค้าน่าจะโดยเฉลี่ยวันละ 4 เครื่องขึ้นไป เปิดร้านเดือนละ 20 วันครับ
อ้อท่านอื่นที่มีประสพการณ์ด้านนี้ก็รบกวนขอความเห็นด้วยนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

โอ

02/07/2007 00:14:28
ถ้าเป็นผม นะครับ ผมจะเเก้ที่ต้นเหตุน่าจะง่ายกว่า ซะละเวลาขันน็อตซักนิด เเล้วมาคุยกับลูกค้าสักนิดหน่อย เเล้วก็พูดจาให้ดีอีกนิดหน่อย น่าจะโอ เเล้วล่ะครับ ผมไม่ทราบว่าที่ร้านมีที่ให้นั่งรึป่าว ท่าไม่มีน่าจะมีครับ หรือท่ามีอยู่เเล้วก็หาอะไรมาเพิ่มให้มันดูน่านั่งก็ได้ครับ ถ้าไม่มีที่นั่งจริงๆ ก็บอกให้ลูกค้าไปเดินเล่นก็ได้ครับ คำพูดมันสำคัญมากๆครับ ต่อให้ร้านคุณ nopphong ขายของถูกที่สุดในห้างถ้าบริการไม่ดีก็ไม่มีคนเข้าครับ
   
    อันนี้ผมไม่มีประสพการณ์ด่านนี้หลอกครับ เเค่ลองเสนอดู
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

G1ZMO

02/07/2007 00:33:20
ผมไปซ่อม PPC ที่ร้านพี่นพ 2-3 ครั้งครับ...
ผมชอบ พี่ผู้ ญ นะครับ พูดตรงดี...อาจจะห้วนๆไปบ้าง แต่ผมว่า รวดเร็วตรงไปตรงมาดีครับ

ร้านพี่นพ เป็นร้านเดียว ที่ผมไว้ใจซ่อมด้วยนะครับ
คราวที่แล้ว ที่เสียงไม่ออก พี่นพ ก็ซ่อมให้ผมฟรี....

ผมว่าบริการดีๆแบบนี้แหละครับ ที่ทำให้ลูกค้าติด...


ผมว่า พี่นพ แค่ปรับ จัด เค้าเตอร์ใหม่ก็พอครับ ให้สะดวกพี่นพ แบบว่า ซ่อมไปคุยไปกับลูกค้าได้...

เพราะ ผมคิดว่า ถ้าจ้างคนเพิ่ม แล้วต้องคิดค่าบริการเพิ่มอีก...มันอาจจะเสี่ยง ต่อ การได้ลูกค้า(ขาจร)น้อยลงไปอีกนะครับ...

แต่....อย่างที่คุณโอบอกครับ ว่า การต้อนรับ เป็นปราการด่านแรกเลยครับ ที่จะทำให้เค้าตัดสินใจใช้บริการเรารึเปล่า...

มันจึงอาจจะลำบากนิดนึง เวลาพี่นพ ไม่อยู่ แล้วต้องให้พี่ผู้ ญ รับแทนน่ะครับ...

ยังไงสู้ๆนะครับพี่...แล้วว่างๆ ผมจะแวะไปทักทายครับผม


สวัสดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

nopphong

02/07/2007 00:36:30
ฮ่าๆใช่ครับแก้ที่ต้นเหตุดีที่สุด แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่มันแก้ไม่ได้นี่สิครับ เพราะถ้าเป็นคนทำงานช่างที่ละเอียดซักหน่อยจะรู้ว่าทำไปตอบปัญหาไปนี่มันไม่ได้จริงๆ เพราะถ้าขาดสมาธิปั๊บงานจะช้าลงกว่าครึ่งครับ จะสังเกตุได้ว่าร้านช่างที่ไหนๆก็จะกั้นส่วนของช่างไว้ต่างหากไม่ให้ลูกค้าเข้ามาถามโน่นนี่ก็ด้วยสาเหตุนี้แหละครับ และด้วยสาเหตุนี้ทำใหผมต้องจ้างลูกน้องคนแรกมาก็เพื่อต้อนรับลูกค้านี่แหละ แต่พอรับมาดันบุคลิคไม่ค่อยรับแขก จะไล่ออกรับใหม่รึเขาก็ช่วยงานด้านอื่นๆได้ สุดท้ายเลยมาลงที่ว่าจะรับคนใหม่เพื่อมาทำงานสำคัญนี้แหละครับ ส่วนจะให้ผมซ่อมไปคุยไปคงไม่ไหว แต่ถ้าว่างๆนี่คุยได้เรื่อยนะครับ ถามคุณยิมได้อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

สาคร

02/07/2007 01:05:00
คำณวนต้นทุนดีๆ ถ้าพอรับได้กับการจ้างคนเพิ่ม กำไรน้อยลงหน่อยก็เอาเหอะครับ

คนบางคนไม่ได้เกิดมาเพื่องานบริการจริงๆ แต่เขาหรือเธอก็มีคุณค่ามากเกินพอกับงานด้านที่เหมาะสม

ข้อสำคัญคือประเมิณต้นทุนและทางบัญชีให้ดีครับ ถ้าถึงขั้นแบกรับไม่ไหวก็ต้องทนต่อไปครับ

การจ้างคนเพิ่มในลักษณะที่คุณ Nopphong ว่า จริงๆแล้วก็มีข้อดีนะครับ นั่นคือเป็นการฟอร์มทีมงานที่มีความแข็งแกร่งขึ้นเมื่อ มีโอกาศขยายตัวครับ


จริงๆแล้ว เวลาที่เศรษฐกิจตกสะเก็ดนี่ เ็ป็นช่วงเวลาที่ดีของ ธุรกิจซ่อมแซมนะครับ เพราะคนที่จะมีำกำลังซื้อใหม่ได้เื่รื่อยๆนี่ มีน้อยลง

ถ้ามีเครดิตเรื่องฝีมือและความไว้วางใจมากขนาดนี้ อย่าลังเลที่จะอุดช่องโหว่อย่างที่เจอะเจอนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

KiZe

02/07/2007 02:51:59
เคยเจอหน้าตาลูกน้องพี่นพมาแล้วครั้งนึง

บอกได้คำเดียว สี่ถั่วดำก็เหอะ อาจจะเงียบเอาได้

- -" น่ากลัวชิบ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Non_Ms1

02/07/2007 04:17:39
แอร๊ยยยย น่ากัวขนาดนั้นเลยเหรอ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

nopphong

02/07/2007 06:58:43
ฮ่าๆจริงครับ เด็กร้องไห้มาเห็นหน้าเธอยังต้องหยุดเพราะกลัวโดนกินตับ อ่ะไม่ถึงขนาดนั้น แต่อยู่ในระดับที่บางคนแค่เห็นหน้าก็หาว่าเธอหน้าหงิกเสียแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

nopphong

02/07/2007 07:05:08
พูดถึงธุรกิจซ่อมแซมดีช่วงนี้ ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับ เพราะบัตรเครดิตโปรโมชั่นกันกระหน่ำทั้งเครื่องถูกลงทั้งผ่อน 0% 6 เดือน รวมทั้งเครื่องรุ่นใหม่ๆเล็กลงถูกลง
ขนาดเมื่อวานมีลูกค้า o2 จอแตก เข้ามาพอผมบอกซ่อมไม่ได้เพราะไม่มีอะไหล่ต้องเปลี่ยนจอที่ศูนย์ เขาก็บอกว่างั้นขายเป็นอะไหล่ได้ไหม ผมบอกไม่ได้รับเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเงิน เขาก็เลยบอกว่าเอ้างั้นยกให้ไปเลยก็แล้วกัน ผมก็เลย งง อย่างนี้ก็มีด้วย แต่ก็ไม่ได้รับไว้เปล่าๆได้เขียนใบรับฝากไว้ หากขายอะไหล่เขาได้เมื่อไรก็จะโทรไปบอกให้เขามารับเงิน เพราะไม่อยากรับของใครฟรีๆน่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Non_Ms1

02/07/2007 07:19:52
มีแบบนี้ด้วยเหรอคับ พี่ นพพงษ์ ผมว่าเขาคงคิดว่าเปลี่ยนจอก็เสียเงินก้อน สู้ซื้อใหม่เลยดีกั่ว ผ่อนก็ได้ ได้เครื่องใหม่อีกด้วย :158:
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

ต้า

02/07/2007 07:35:39
เอ๊ะ นี่รายการ หมอ นพพร เหรอครับ
อุ้ย เข้าผิดช่องแล้วเรา หุ หุ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

Num

02/07/2007 08:05:34
ผมเองก็อยู่ในกลุ่มธุรกิจบริการคนหนึ่ง

ธุรกิจของคุณนพจัดว่าเป็นธุรกิจบริการเต็มตัวเลยครับสิ่งสำคัญที่สุดของธุรกิจนี้คือ "Service Mind" ครับ

เพระลูกค้าที่มาใช้บริการ เขาหวังเรื่องการบริการที่ดีก่อนสิ่งอื่นใด เรื่องซ่อมมือถือได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องรอง และเป็นอย่างนั้นจริงๆ ร้านซ่อมที่ซ่อมเร็วฝีมือดีมากๆ แต่บริการไม่ดี กับร้านที่ซ่อมก็ช้าฝีมือก็งั้นๆ (ต้องดีพอควร เปิดร้านซ่อมนี้หว่า) แต่บริการดีผมเลือกอย่างหลัง (ถ้ามันซ่อมไม่ได้ค่อยไปลุ้นร้านแรก) ผมจะบอกว่าประสพการณ์ที่ได้รับจะเป็นที่จดจำมากว่าผลงาน (ซ่อมได้หรือไม่ได้) แต่ถ้าได้รับประสพการณ์ที่ดีแต่ผลออกมาไม่ดี ครั้งหน้าถ้ามือถือผมเสียอีก ผมก็จะเอาไปให้คุณนพดูก่อนเป็นร้านแรก

เพราะฉะนั้นถ้าเป็นผม (ความเห็นส่วนตัวน่ะ) เรื่องที่จะรับเด็กเพิ่มกับภาวะเศษฐกิจอย่างนี้ (และเลวร้ายลงเรื่อยๆ จบสิ้นปี ฟันธง!!!) ผมว่าเสี่ยงเกินไป และการขึ้นราคาควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดจะทำ เพราะอาจทำให้เราเสียลูกค้าเก่าๆ แถมลูกค้าใหม่ๆก็น้อยลง (ลองสำรวจราคาร้านซ่อมอื่นๆดูด้วยว่าเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับเรา)

1) คงต้องคุยกับลูกน้องเราเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะการพูดจา รอยยิ้ม (แต่เท่าที่เคยเจอมา Service Mind สร้างยากกว่าหาใหม่) คนที่ไม่มีทำยังไงก็ไม่มี หรือดีขึ้นบ้างแต่ไม่คุ้มกับเวลาที่อบรม

2) ถ้าพยายามปรับเขาแล้วปรับไม่ได้ คุณนพคงต้องตัดสินใจแล้ว อย่าลืมว่าการช่วยคุณทำบัญชี กับซ่อมเล็กๆน้อยๆ มันไม่ใช่ Core ของธุรกิจคุณ การบริการที่ดีต่างหากที่ต้องใส่ใจ

3) ร้านซ่อมมือถือมีข้อดึงดูดกว่าศูนย์บริการคือเรื่องราคา และเรื่อง "ความอยากรู้อยากเห็นของเจ้าของเครื่อง" ถ้าเรามีความสามารถพิเศษ คุยไปซ่อมไป มันยิ่งเสริมร้านเรา แต่ถ้าทำไม่ได้ก็แยกส่วนเลย รับของหน้าร้านซ่อมหลังร้าน แล้วหาน้องๆพูดจาเก่งๆยิ้มง่าย น่ารัก ปากหวาน มาอยู่หน้าร้านแทน (เห็นพี่เบียส กับปิงๆ พยายามฉุดพนักงานร้านข้างๆ)

4) สำคัญที่สุดคือต้องซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า พลาดครั้งเดียวเสียหายมหาศาล เช่นกรณีทุบรถ CRV

ถ้าจะให้ดีต้องคิดบริการเสริมอื่นๆ เช่นจดเบอร์ลูกค้าไว้ แล้วลองโทรหาหลังจากซ่อมเสร็จไปแล้วซักอาทิตย์ว่าใช้ได้ดีหรือเปล่า เพิ่มต้นทุนอีก 3 บาทแต่ได้ใจลูกค้า ทำให้เกิดปรากฏการณ์ Mouth to Mouth (ปากต่อปาก ฮิฮิ) จำเป็นสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีการโฆษณา

"อย่าลืมว่า Core Business ของคุณนพคือการสร้างประสพการณ์ที่ดีในบริการที่เรามอบให้ ส่วนการซ่อมมือถือเป็นแค่สื่อที่ทำให้ลูกค้ามาหาเรา มองหาประสพการณ์ดีๆที่ลูกค้าคาดไม่ถึง"

"เริ่มต้นจากรอยยิ้ม การพูดคุยแบบเป็นกันเอง ไม่ต้องลงทุนเพิ่มอยู่ที่ตัวเรา"

สุดท้าย ยอมรับเถอะว่า "ลูกค้าเป็นยิ่งกว่าพระเจ้า"

อย่างร้านเฮียมั่นก็เป็นกรณีศึกษาของผมเหมือนกัน "ได้ลองก่อนซื้อ ความเป็นกันเอง บริการหลังการขาย" เป็นจุดแข็งของร้านมั่นคง (นอกนั้นอ่อนปวกเปียก ปั่นยังไงก็ไม่ขึ้น)

ความเห็นส่วนตัว จากประสพการณ์จริงครับ

ฮิฮิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

Num

02/07/2007 08:17:30
แบบดู Look Good ดูเป็นผู้ใหญ่พอใหม่ครับคุณนพ!!!

(แผนบันได 10 ขั้น) ฮิฮิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

iTui

02/07/2007 08:24:14
....เห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มกับความเห็นคุณ Num ครับ :243:

สำคัญมากๆ ก็การต้อนรับเนี่ยแหล่ะ หลายๆ ธุรกิจยอมลงทุนกับตรงนี้มากๆ ไม่ว่าจะหาสาวๆ สวยๆ มาคอยต้อนรับ หรือหาพนักงานพูดเก่งๆ มายืนหน้าตู้ เอ๊ย!! อันนี้ผมเดาเอานะ (จะเชื่อมั๊ยเนี่ย อิ อิ) :187:

ดังนั้นถึงชั่วโมงนี้ ก็ต้องตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะต่อชั่วโมงดีมั๊ย ว๊าก....ไม่ใช่ๆ จะเลือกวิธีใดที่ทำให้ธุรกิจเราไปรอด ผู้อ่อนแอและปรับตัวไม่ได้เท่านั้นที่ต้องจากหายไป

อ้อ....มีอีกอย่างที่เสริมได้ คือหากต้องใช้เวลาซ่อมนาน (กรณีเจ้าของไม่อยู่รอ) เมื่อซ่อมเสร็จ ก็ส่ง sms ไปบอก ลูกค้ามารับเร็ว เราก็ได้ตังค์เร็ว :158:

แต่มีบางบริการเหมือนกันนะ ที่ลูกค้าไม่อยากให้เสร็จเร็ว อิ อิ :174:
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

Non_Ms1

02/07/2007 08:29:00
พี่ตุ่ย นะ พี่ ตุ่ย อ่านแล้ว วกวน มั่กๆๆอิอิอิ แต่เรื่องการบริการ ผมว่าก็สำคัญ จริงๆอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

ตั่วปุ๊ย

02/07/2007 08:36:26



รอยยิ้ม + กับความเป็นกันเอง + ความซื้อสัตย์ไงครับพี่ ถ้าหา 3 อย่างนี้ไว้ที่ร้านได้ ลูกค้าตรึม

พนักงานที่อยู่หน้าร้าน นั่นก็คือตัวแทนเราน๊ะพี่ เราก็ต้องเลือกครับ ไม่งั้นธุรกิจเราเสียหายแน่

เหมือนร้านเฮียมั่น วันอาทิตย์ ไอ้หมู ไอ้หมา ไอ้กา ไอ้ไก่ คนบ้า นั่งเต็มร้านเลย คนเดินผ่านมามองทุกคนเลย มันขายไรว๊ะ คนเยอะกว่าโออิชิ ข้างล่างอีก แล้วไอ้คนที่สงสัยนั่นแหล่ะ ก็เข้ามาลองฟังโน่น ฟังนี่ มันซื้อ PK 1 เฉยเลย ...... เพราะเฮีย , พี่เบียส ปิง ปิง สิบสาม มีแต่รอยยิ้ม และความเป็นกันเอง กับลูกค้าทุกคนไงครับ ทุกคนที่เข้ามาเลยรู้สึกอบอุ่่น (ไม่อุ่นได้ไง เดินออกร้านเหงื่อแตกผลั่กเลย ..หูฟังไรว๊ะแมร่งซื้อมอไซค์ขี่ได้เลย..555)
:173::173::194::194:
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

nopphong

02/07/2007 08:37:51
ขอบคุณคุณนัมครับ ได้ข้อคิดดีทีเดียวตรงกับใจผมครับ แต่มันก็ลำบากตรงที่ลูกน้องคนนี้ผมคงจะสอนไม่ขึ้นแล้วล่ะครับ จะไล่ออกรึก็ลำบากใจเพราะคนทำงานกันมานาน เธอทำงานด้วนความซื่อสัตย์และขยันมาตลอด แต่หน้ากับเสียงเธอเป็นอย่างนั้นเอง สุดท้ายเลยมาลงที่จ้างคนใหม่และขึ้นราคานี่แหละครับ แฟนบอกว่าขึ้นไปเถอะ ซ่อมที่ 300 ไม่ได้ขึ้นราคามา 5 ปีแล้ว แต่ก็ยังลังเลอยู่ว่าจะเอาไงดี ถ้าจะไล่คนเก่าออกจะต้องทำยังไงเพราะรู้สึกเหมือนไล่น้องออกจากบ้านยังไงก็ไม่รู้สิครับ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

nottdum

02/07/2007 09:12:08
ว่าแต่ร้านพี่นพอยู่ตรงไหนอ่ะคับ แบบว่าใช้ ppc เหมือนกันง่าคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

นายมั่นคง

02/07/2007 09:12:29



5555

เอ้า ผมออกความเห็นมั่ง

กรณีคุณ nopphong นั้น ผมว่ามันน่าหนักใจในหลายๆ เรื่องเหมือนกัน คือตัวธุรกิจเองไม่ได้เคลื่อนไหวเข้าออกมากมาย จนถึงขั้นจะเพิ่มพนักงานต้อนรับ หรือพนักงานรับงานโดยแน่นอนครับ ผมว่าตัดไปได้เลย เพราะทำงานซ้ำซ้อนกันกับน้องผู้หญิงคนปัจจุบันเปล่าๆ

การขึ้นราคาก็น่าจะตัดสินใจชลอไว้ก่อน เพราะบอกตามตรงราคาเป็นตัวปรจำคัญที่จะทำให้งานมากหรืองานน้อยด้วยครับ ยิ่งถ้าใกล้เคียงมีคู่แข่งที่สามารถทำราคาขายหรือค่าบริการได้ใกล้เคียงยิ่งลำบาก อย่าลืมนะครับว่าการขึ้นราคาจาก 300 บาท ไปที่ 450 บาท นั้นมันเท่ากับอีก 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวครับ เสี่ยงเกินไปที่จะเพิ่มค่าบริการขนาดนี้

การพูดคุยกับน้องผู้หญิงให้ช่วยปรับหน้าตาอารมณ์หรือคำพูด อาจจะช่วยได้มั่ง แต่เป็นการยืดเวลาออกไป ไม่ใช่การแก้ปัญหาครับ คนในโลกนี้บางคนไม่ได้เกิดมาเพื่องานบริการโดยเฉพาะ บางคนจิตใจเยือกเย็นไม่พอที่จะมายืนอยู่จุดนี้

และอีกอย่างพี่ nopphong ต้องทำใจอีกข้อนึงก็คือ การขายของอยู่บนห้างที่จอแจสูงอย่าง fortune หรือมาบุญครอง พันทิพย์ประตูน้ำ หรือคลองถม โอกาสที่คนดีๆ จะกลายเป็นคนเสียๆ มีเยอะจริงๆ ครับ เพราะความเครียดค่อนข้างสูง ความคาดหวังจากลูกค้าสูงเกินมาตรฐาน ฯลฯ

อย่างคลองถม บ้านหม้อ โอกาสที่จะเจอคนโอภาปราศัยดีๆ แทบจะไม่เจอ เพราะว่าตัวรูปแบบงาน รูปแบบการขายมันเครียดครับ อากาศร้อน เสียงโวยวาย กลุ่มลูกค้าเลือดร้อน ขายสินค้าผิดกฏหมาย ต้องแข่งกับเวลา ใครที่ซื้อของตามแหล่งเหล่านี้แล้วไม่เคยกระทบกระทั่งเลยมั่ง ???

--------------------------------------------------------------
แต่ผมมีไอเดียอันนึงที่คิดว่าพี่ nopphong อาจจะปรับไปใช้ได้มั่งนั่นก็คือ ปรับให้น้องเค้าทำงานเรื่องการรับงานให้น้อยลง แต่ปรับตัวคุณ noppong ออกมายืนรับงานให้มากขึ้น ถ้าจะปรับกิจการใหม่ เป็นผม ผมจะเลือกหาช่างที่มีความสามารถมานั่งทำงานแทนคุณ nopphong

แล้วคุณ noppong ออกมารับงานหน้าร้านแทน ต้อนรับแนะนำลูกค้าแทน แล้วให้น้องผู้หญิงเข้าไปช่วยหลังร้าน หรือช่วยซ่อมก็ได้ (พี่ noppong บอกว่าหล่อนพอช่วยได้มั่ง) น้องผู้หญิงก็จะรับงานน้อยลง ลูกค้าก็จะหลุดน้อยลง หรือมีปัญหาน้อยลง

น้องผู้หญิงก็ไม่โดนฝืนใจด้วย ได้ทำงานที่ไม่ต้องพูดคุยให้หงุดหงิดด้วย คุณ noppphong ก็ว่างขึ้นด้วย มีโอกาสคุยแนะนำมากขึ้น แถมมีโอกาสและเวลาจะคิดอ่านทำอย่างอื่นมากขึ้น

แบกค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่ตัวเจ้าของกิจการมีโอกาสขยับตัวได้มากขึ้น ผมว่าอันนี้น่าทำมากที่สุด ธุรกิจที่เถ้าแก่ลงมือเองทุกขั้นตอน ทำให้ไม่มีเวลาปลีกตัวทำอย่างอื่น หรือไม่มีเวลาปรับขยายธุรกิจออกไปอีก อันนี้อันตรายในระยะยาว
-----------------------------------------------------------------
----------------------------------------------------------------

ธุรกิจบางอย่างที่มันเติบโตได้ยาก ก็คือธุรกิจที่เป้นวันแมนโชว์ วันไหนที่เราเหนื่อย หรืออ่อนล้า มันก็ต้องหยุดตามเราไป ซึ่งไม่ค่อยถูกหลักเท่าไหร่นักครับ การหาช่างนั้นยากมากๆ อันนี้ผมทราบดี ช่างดีๆ และยอมทำงานให้นั้นมันหายากครับ ซึ่งตรงนี้อาจจะแก้ไขด้วยการรับเด็กมาฝึก หาดูที่หน่วยก้านดีๆ แล้วฝึกฝนขึ้นมาครับ




ว้า.....................อ่านแล้วไม่เห็นจะช่วยอะไรคุณ nopphong ได้เลย 5555

ยิ่งผมอ่านความเห็นของท่าน iTui ยิ่งขำหนัก บริการที่ลูกค้าไม่ยอมให้เสร็จเร็ว 55555


ก๊ากกกกก.......................คิดได้ไง ??? 555



เอ้า เดี๋ยวมาคุยต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

Num

02/07/2007 09:39:54
บริการไม่อยากให้เสร็จเร็วของพี่ตุ่ย....อะไรหว่า???

อ้อ...ก็พวกบริการเช่าทั้งหลายแหล่ รถเช่า ตู้เกมส์ ฯลฯ ฮิฮิ

เรื่องงานบริการเนี้ย ทัศนคติ ของเจ้าของสำคัญครับ...เดี๋ยวมาต่อท้ายเฮียบ่ายๆแล้วกันนิ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

nopphong

02/07/2007 10:17:59
ง่าหาช่าง ยากมากๆครับ เพราะงานมันละเอียดมากๆ เพราะถ้าทำง่ายๆป่านนี้คงจะมีร้านคู่แข่งเพียบ ตอนนี้ผมพูดได้เลยว่าร้านซ่อม pda หลักๆมีร้านผมที่เดียวในประเทศไทยครับ (และน่าจะในยุโรบด้วยมั้งเพราะมีฝรั่ง เยอรมัน ออเตรเลีย ฯลฯ เข้ามาซ่อมแล้วบอกว่าประเทศเขาไม่มีคนซ่อมแถมยังชวนผมไปทำงานประเทศเขาบ่อยๆ)
จะมีก็ร้านย่อยๆประเภทงานง่ายๆเขาก็ทำๆยากๆก็โยนมาร้านผม อันนี้เจอมีอยู่หลายร้าน แล้วก็มีอีกหลายร้านที่เปิดขึ้นมาแข่งแล้วก็เลิกไป เพราะรายได้ไม่คุ้ม(อาจจะเพราะจากเขาซ่อมไม่ถึงระดับลึกๆทำให้ต้องเปลี่ยนยกบอร์ดบ่อยๆ)
อุปกรณ์เล็กมากๆเท่าขี้เล็บสายไฟเล็กกว่าเส้นผม แถมวงจรก็ไม่มีพิมพ์ออกมาเหมือนมือถือต้องใช้ความรู้ไล่วงจรเองทั้งหมด
จากที่บอกมาจะเห็นว่างานผมมันยากจริงๆครับเพื่อนที่จบมาด้วยกันก็ไม่มีใครทำได้ซักคน และอีกอย่างเครื่องมันราคาแพง หากให้ลูกน้องลองซ่อมแล้วพัง ผมตายสถานเดียวครับ เรื่องจ้างช่างนี่เลยแทบจะเป็นไปไม่ได้ครับ ไว้รอผมรวยๆพอที่จะมีเงินชดใช้เครื่องลูกค้าได้หลายๆตัวค่อยคิดเรื่องเทรนช่างครับ
ตอนนี้เลยมีสองช๊อยว่า ไล่คนเก่าออกรับคนใหม่ หรือรับคนใหม่เข้ามาเลยแล้วคิดราคาเพิ่ม+ขยายงานเพิ่ม(กำลังคิดว่ารับเข้ามาแล้วสอนให้ทำซ๊อฟแวร์รับลงโปรแกรม และให้มารับลูกค้าในวันที่ผมหยุด จะได้เปิดร้าน 7 วันไปเลย)
เอาแบบไหนดีครับ ถ้าบอกว่าไล่คนเก่าออกดี นี่จะต้องทำยังไงดีครับรู้สึกลำบากใจจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

MUyong

02/07/2007 10:55:31



แนะนำคือรับ parttime มาช่วยในส่วนใดส่วนหนึ่ง จะได้แบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการ และค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่มากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

superkek

02/07/2007 11:25:48
อ่านแนวทางเฮียแล้วผมว่าเป็นคำตอบที่"ใช่"
ที่สุดเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

นายมั่นคง

02/07/2007 18:10:29



เอาล่ะ มาช่วยดำน้ำวิเคราะห์ต่อก็แล้วครับ

ตอนนี้ก็มาถึงกรณีที่สืบลงเบื้องลึกไปอีก ก็คืองานเชิงนี้ไม่ใช่เทรนกันได้ง่ายๆ ซึ่งผมเข้าใจครับ งานพวกนี้มันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง เหมือนช่างซ่อมนาฬิกาโรเล็กซ์ของร้านนำสว่าง เค้าก็มีช่างที่ฝีมือฉกาจอยู่ เพราะของพรรค์นี้ ไม่ใช่ให้ช่างที่ไหนทำก็ได้ เหมือนกับช่างตามอู่ซ่อมรถ

มันละเอียดอ่อนมากเกินไปว่างั้นเหอะ โอกาสที่ช่างจะทำพลาดและกระทบกระทั่งกํบลูกค้า มีค่อนข้างสูง ผมเชื่อว่าแค่ฝาที่ปิดไม่สนิท หรือมีรอยแงะจากไขควง แค่นี้ก็ม่องเท่งแล้วล่ะ

เห็นใจ เห็นใจ


ทีนี้ทำไงให้ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ผมยังอยากให้แก้แนวทางแบบนี้มากกว่า

- ต้องเรียกน้องผู้หญิงมาถามถึงความมุ่งมั่น และเต็มใจที่จะอยู่ทำงานด้วยกัน ถ้าเค้าเต็มใจและเต็มที่ และอยากจะทำจริงๆ แต่หน้าตามันเป้นหยั่งงั้นเองทำไงได้ การคุยผมว่าเน้นถึงความต้องการจะทำงานของน้องผู้หญิงเป็นหลัก

- ถ้าน้องเค้ายืนยันว่ารักและชอบ ผมก็จะคุยต่อไป แต่ถ้าเค้าบอกว่าไม่ชอบเท่าไหร่ หรือแค่ทำฆ่าเวลาในการรอคอยงานที่อื่น อันนี้ก็คงต้องจบกันไป แต่ถ้าเค้ายังมี "ใจ" จะทำให้จริงๆ คงต้องชี้แจงเลยว่า เราอาจจะเจ๊งเพราะอะไร

- ต้องให้น้องเค้ารับรุ้ปัญหาจริงๆ เลยครับว่าเพราะอะไร และเราอยากจะอยากให้เค้าปรับและแก้ไขให้อยู่ในมาตรฐานยังไงมั่ง ซึ่งน่าจะพอแก้ไขได้บ้างในระดับหนึ่ง

- ลดบทบาทในการเป็นตัวยืนหน้าร้านลง โดยเพิ่มงานในส่วนเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้าทำมากขึ้น เรียกว่าสร้างช่างจำเป็นขึ้นมาผ่อนแรง อย่างน้องเวลามีงานง่ายๆ พื้นๆ น้องคนนี้น่าจะช่วยคุณ nopphong ได้เหมือนกัน

- รับพนักงานใหม่อีกคน จะเป้นพาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ก็ได้ แต่ให้มีบุคลิกที่ดี สามารถรับหน้าลูกค้า รับออร์เดอร์ได้ นัดเวลารับงานกับลูกค้าได้ และสามารถพูดจาผลัดผ่อนเป็น และที่สำคัญที่สุด คือต้อง "ใจเย็น" และต้องยิ้มแย้มพอสมควรเลย

- ปรับราคาได้ทันทีเลยครับ ยิ่งถ้าหากเรามีความจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่เป็นการปรับเพื่อหวังกำไร ยิ่งมีแต่คนเห็นใจ ถือเสียว่าเป็นการปรับเพื่อปรับปรุงร้านไปในตัว และปรับภูมิทัศน์ให้ลูกค้าสบายตา สบายใจ คาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่องานที่จะเข้าในแต่ละวันนะครับ


ผมยังยืดหลัก รกคนดีกว่ารกหญ้า...........คนเก่าแก่นั้น เหมือนม้ารู้ใจ หากไม่มีความผิด ไม่เคยสะบัดเจ้าของตกจากหลัง ก็ไม่มีความจำเป้นต้องขายม้าตัวนั้นทิ้งครับ


แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งม้าตัวนั้น เอาไปใช้ในโรงนา หรือจะเอาไปเทียมรถ หรือจะเอาไปขี่เพื่อนำริ้วขบวน อันนั้นสุดแท้แต่เจ้าของจะวินิจฉัย

ไม่จำเป็น อย่าลดขนาดองค์กรลงเลยครับ เพราะลำพังแค่นี้มันก็น้อยเต็มทนแล้ว ซึ่งนายจ้างแทบจะลงมือเองเกือบทุกขั้นตอน หากไปลดขนาด ลดบุคลากรลง ผมเกรงว่าคุณ nopphong อาจจะไม่มีเวลาจะจัดการงานได้อย่างมีประสทิธิภาพครับ

เลือกวิธีปรับคนให้ถูกตำแหน่ง และเพิ่มคนที่มีคุณภาพเข้าในร้านครับ !



ใครอ่านมาถึงตรงนี้ อย่าได้นึกเชียวว่า ผมเก่งมาจากไหน 5555 ทุกวันนี้ผมก็ปวดกบาลเองลูกน้องจนผมร่วงหมดหัวไปนานแล้ว

555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

ไอ้เกรียนที่หลายคนว่ากัน

02/07/2007 18:21:34
ลูกน้องเฮียแต่ละคนหุ่นอื้อหือ
ส่วนเฮีย ผอมเอา ๆ
เพราะเหตุนี้นี้เอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

นายมั่นคง

02/07/2007 18:36:25




เอาล่ะ มาช่วยดำน้ำวิเคราะห์ต่อก็แล้วครับ

ตอนนี้ก็มาถึงกรณีที่สืบลงเบื้องลึกไปอีก ก็คืองานเชิงนี้ไม่ใช่เทรนกันได้ง่ายๆ ซึ่งผมเข้าใจครับ งานพวกนี้มันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง เหมือนช่างซ่อมนาฬิกาโรเล็กซ์ของร้านนำสว่าง เค้าก็มีช่างที่ฝีมือฉกาจอยู่ เพราะของพรรค์นี้ ไม่ใช่ให้ช่างที่ไหนทำก็ได้ เหมือนกับช่างตามอู่ซ่อมรถ

มันละเอียดอ่อนมากเกินไปว่างั้นเหอะ โอกาสที่ช่างจะทำพลาดและกระทบกระทั่งกํบลูกค้า มีค่อนข้างสูง ผมเชื่อว่าแค่ฝาที่ปิดไม่สนิท หรือมีรอยแงะจากไขควง แค่นี้ก็ม่องเท่งแล้วล่ะ

เห็นใจ เห็นใจ


ทีนี้ทำไงให้ได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

ผมยังอยากให้แก้แนวทางแบบนี้มากกว่า

- ต้องเรียกน้องผู้หญิงมาถามถึงความมุ่งมั่น และเต็มใจที่จะอยู่ทำงานด้วยกัน ถ้าเค้าเต็มใจและเต็มที่ และอยากจะทำจริงๆ แต่หน้าตามันเป้นหยั่งงั้นเองทำไงได้ การคุยผมว่าเน้นถึงความต้องการจะทำงานของน้องผู้หญิงเป็นหลัก

- ถ้าน้องเค้ายืนยันว่ารักและชอบ ผมก็จะคุยต่อไป แต่ถ้าเค้าบอกว่าไม่ชอบเท่าไหร่ หรือแค่ทำฆ่าเวลาในการรอคอยงานที่อื่น อันนี้ก็คงต้องจบกันไป แต่ถ้าเค้ายังมี "ใจ" จะทำให้จริงๆ คงต้องชี้แจงเลยว่า เราอาจจะเจ๊งเพราะอะไร

- ต้องให้น้องเค้ารับรุ้ปัญหาจริงๆ เลยครับว่าเพราะอะไร และเราอยากจะอยากให้เค้าปรับและแก้ไขให้อยู่ในมาตรฐานยังไงมั่ง ซึ่งน่าจะพอแก้ไขได้บ้างในระดับหนึ่ง

- ลดบทบาทในการเป็นตัวยืนหน้าร้านลง โดยเพิ่มงานในส่วนเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้าทำมากขึ้น เรียกว่าสร้างช่างจำเป็นขึ้นมาผ่อนแรง อย่างน้องเวลามีงานง่ายๆ พื้นๆ น้องคนนี้น่าจะช่วยคุณ nopphong ได้เหมือนกัน

- รับพนักงานใหม่อีกคน จะเป้นพาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ก็ได้ แต่ให้มีบุคลิกที่ดี สามารถรับหน้าลูกค้า รับออร์เดอร์ได้ นัดเวลารับงานกับลูกค้าได้ และสามารถพูดจาผลัดผ่อนเป็น และที่สำคัญที่สุด คือต้อง "ใจเย็น" และต้องยิ้มแย้มพอสมควรเลย

- ปรับราคาได้ทันทีเลยครับ ยิ่งถ้าหากเรามีความจำเป็นจริงๆ ไม่ใช่เป็นการปรับเพื่อหวังกำไร ยิ่งมีแต่คนเห็นใจ ถือเสียว่าเป็นการปรับเพื่อปรับปรุงร้านไปในตัว และปรับภูมิทัศน์ให้ลูกค้าสบายตา สบายใจ คาดว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่องานที่จะเข้าในแต่ละวันนะครับ


ผมยังยืดหลัก รกคนดีกว่ารกหญ้า...........คนเก่าแก่นั้น เหมือนม้ารู้ใจ หากไม่มีความผิด ไม่เคยสะบัดเจ้าของตกจากหลัง ก็ไม่มีความจำเป้นต้องขายม้าตัวนั้นทิ้งครับ


แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งม้าตัวนั้น เอาไปใช้ในโรงนา หรือจะเอาไปเทียมรถ หรือจะเอาไปขี่เพื่อนำริ้วขบวน อันนั้นสุดแท้แต่เจ้าของจะวินิจฉัย

ไม่จำเป็น อย่าลดขนาดองค์กรลงเลยครับ เพราะลำพังแค่นี้มันก็น้อยเต็มทนแล้ว ซึ่งนายจ้างแทบจะลงมือเองเกือบทุกขั้นตอน หากไปลดขนาด ลดบุคลากรลง ผมเกรงว่าคุณ nopphong อาจจะไม่มีเวลาจะจัดการงานได้อย่างมีประสทิธิภาพครับ

เลือกวิธีปรับคนให้ถูกตำแหน่ง และเพิ่มคนที่มีคุณภาพเข้าในร้านครับ !



ใครอ่านมาถึงตรงนี้ โปรดระลึกเสมอว่าผมมั่วๆ เอานะครับ หากตรงไหนพอมีประโยชน์ก็พิจารณาเอาละกัน
555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

nopphong

02/07/2007 20:15:09
ขอบคุณมากครับเฮียที่ให้คำปรึกษา
นึกแล้วว่าเฮียต้องช่วยได้ เพราะลูกน้องเฮียก็ตั้งหลายคนต้องมีฝีมือด้านบริหารคนบ้างและ แล้วก็ไม่ผิดหวังครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

นายมั่นคง

02/07/2007 21:01:45



อย่าเชื่อผมมากนักเลยครับ นึกว่าอ่านหนังสือเพลินๆ ก็แล้วกันครับ ตรงไหนพอใช้ประโยชน์ได้ก็ลองเอาไปใช้ดู ตรงไหนฟังแล้วไม่เข้าท่าก็ไม่ต้องเอาไปใช้ 5555


เกิดเป็นคนทนหมั่นขยันเอย.....................5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

ออย

02/07/2007 22:11:17
ถ้าหน้าตาไม่ดี พูดห้วน ผมว่าลองทำแนวใบ้ไปเลยครับ
แถวบ้านผมมีร้านขายล็อตตารี่ี่ร้านหนึ่งซึ่งลูกชายเป็นคยขายครับแต่แกเพดานโหว่-ปากแหว่งเด็กบางคนมาเห็ฯก็ร้องไห้ไปเลย ลูกค้าก็ไม่ค่อยอยากซื้อเพราะพูดไม่ชัด
เขาแก้ปัญหาคือเอาผ้ามาปิดปาก แล้วไม่พูดใช้วิีธีชูป้ายคำพูดเอาครับ เช่น ขอบคุณครับ,หาเลขอะไรอยู่ครับ,รอสักครู่ครับ ฯลฯ
ตอนนี้ร้านนี้ขายดีมากที่สุดเลย คนเห็นในความแปลกแล้วง่ายครับไม่เหนื่อยในการสื่อสาร
แนะนำเล่นแบบขำๆนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

zaiouar

03/07/2007 05:11:23
โฮ๊วววว ร้านขายลอตเตอรี่ใน ความเห็น 27 เจ๋งไปเลยค่ะ

ไอ้เดียบรรเจิดมากคนนั้น

เออแต่ก็จริงนะ เพียงแค่มีไอเดียเท่านั้น

ก็พลิกสถานการณ์ได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

คนผ่านมา

03/07/2007 19:10:52
ในมุมมองผม เงิน 150 บาทที่เพิ่มขึ้นมา อาจจะสร้างภาระให้ลูกค้าพอสมควรนะครับ การที่จะจ้างพนักงานต้อนรับเพิ่มนั้น เป็นความคิดที่ดีครับ แต่ลองคำนวนว่า จะเพิ่มราคาให้น้อยกว่า 150 บาทได้อย่างไรดี โดยยึดหลักคร่าวๆว่า ถ้าพนักงานต้อนรับที่เพิ่มมานั้นสามารถเรียกลูกค้าเพิ่มได้กี่คน คุ้มมั้ยกับค่าจ้างที่จ่ายไป โดยไม่ต้องพึ่งราคาที่ต้องเพิ่มขึ้นมา เพราะลูกค้าบางกลุ่ม ไม่ต้องการคนพูดจาดีมาต้อนรับน่ะครับ แค่งานซ่อมดี ออกมาพอใจ ราคาถูกกว่า ประมาณว่า ปากหมา แต่เก่งแถมคิดไม่แพงอีก ตูไม่ซีเรียสประมาณนี้น่ะครับ แต่ลูกค้าบางกลุ่ม ก็ยินดีจะจ่ายเพิ่ม เพื่อการบริการที่สบายใจกว่าครับ
ลองพิจารณาดูละกันนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

ลูกค้าเก่า

04/07/2007 12:02:17
เคยไปติดต่อที่ร้านเลย คุณนพพงศ์กับพนักงาน
หน้าไม่รับแขกจริง ๆ อ่ะ มีของจะไปให้ช่วยซ่อม
เลยไม่ค่อยอยากไปติดต่ออีก แพงอีกนิดแต่บริการดี
ยอมจ่าย แต่ขอให้บริการดีจริง ๆ น่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

It&squot;s up to you.

04/07/2007 19:11:44
พอดีผ่านมาเจอ .. ขอแจมด้วยคนนะครับ 444

ขอบังอาจให้คำแนะนำดังนี้ครับ

ไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงอะไรหรอกครับ 444
ทำเหมือนเก่าที่เคยทำๆมานั่นแหละครับ .. หากคุณไม่ได้เดือดร้อนเรื่องกิจการขาดทุน !

ที่สำคัญคือต้องพอใจในสิ่งที่ตนทำได้นะครับ

ผมว่าถ้าในราคาค่าซ่อมเท่านี้ คุณมีลูกค้าเท่านี้ คุณอยู่ได้แล้ว น่าจะพอใจนะครับ
แต่พิจารณาจากบริการของคุณที่บอกว่าไม่ค่อยมีคู่แข่ง ผมว่าหากอยากขึ้นราคาค่าซ่อมขึ้นไปได้เลย
หากขึ้นแล้วทำให้ตัวเองมีรายรับที่น่าพอใจ แต่อย่าขึ้นไปสูงมาก และน่าจะพิจารณาหลายๆอย่างประกอบด้วย เช่น ซ่อมยากก็คิดค่าซ่อมมากหน่อย ซ่อมไม่ยากก็คิดราคาปรกติ ซ่อมง่ายๆก็ไม่คิดเงิน ฯลฯ

PDA แต่ละเครื่อง ราคาเรือนหมื่นทั้งนั้น ผมว่าค่าซ่อม 500 บาท ไม่แพงเลยนะครับ

ผมว่าการหาลูกน้องเพิ่ม เพื่อต้องการลูกค้าเพิ่ม แต่ตัวเองทำได้ในจำนวนจำกัด ไม่น่าจะทำครับ

อีกอย่าง คุณจะรู้ได้ไงว่าลูกน้องที่คุณจะรับมาเพิ่มจะทำได้อย่างที่ใจคุณนึก ??

จงพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ครับ
ในกรณีนี้ คุณมีความภูมิใจที่สามารถแก้ไขเครื่องที่เสียให้ลูกค้าได้(ฝรั่งยังยกนิ้วให้เลย) ตนเองก็มีรายได้เลี้ยงครอบครัว สามารถเลี้ยงลูกน้อง(และครอบครัวของลูกน้อง)ได้มาตลอด ลูกน้องที่ไว้ใจไดหายากนาขอรับ 444 :238:
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

nopphong

04/07/2007 21:25:03
เรื่องของเรื่องกลัวลูกค้าจะเบื่อขี้หน้าค่อยๆหนีไปทีละคนสองคนสิครับ คนใช้ pda ส่วนใหญ่จะคนมีกะตัง คงต้องการการนอบน้อมมากกว่าคนทั่วไปมั้งครับ เพราะเห็นผมโดนโพสด่าหลายทีแล้วเรื่องลูกน้องหน้าไม่รับแขกเนี่ยแหละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

90210

05/07/2007 17:28:26
เคยเจอคุณนพพงศ์ตั้งแต่สมัยตอนโชว์ up ram palm V ที่ปิยรมณ์สปอร์ทคลับ ตอนมี meeting mrpalm ตอนนั้นทึ่งในฝีมือคุณนพพงศ์มาก ๆ ครับ

เห็นใจทั้งสองฝ่าย ผมเป็นฝ่ายลูกค้าคงต้องการการต้อนรับบ้าง คงไม่ถึงกับนอบน้อมมากกว่าคนทั่วไป
แต่ก็อย่าให้ถึงกับไม่ใส่ใจเลย ร้านเฮียมั่นคงก็ไม่ได้นอบน้อมกับลูกค้า แต่ลูกค้าก็รักที่จะไปทั้ง ๆ ที่ไกลพอสมควร น่าจะที่ความเป็นกันเองที่ดึงดูดใจมากกว่า

คุณนพพงศ์รู้ปัญหาแล้ว อีกทั้งมีคอมเม้นท์ดี ๆ ลองหาทางเปลี่ยนแปลงแก้ไข ผมว่ากิจการน่าจะไปได้ด้วยดีครับ ขอเป็นกำลังใจให้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

num

05/07/2007 18:40:53
เพื่อนผมคนหนึ่ง เค้าชอบร้อยถักตุ๊กตา นั่งถักทั้งวันได้อยากมาก 2 ตัว ขายส่งตัวหนึ่งประมาณ 300 วันล่ะ 600

ปัจจุบันเขารับสอนถักตุ๊กตา มีคนเรียนวันล่ะ 40 - 50 คน รายได้วันล่ะเกือบ 2000

แถมลูกศิษฐ์เรียนจบพอมีฝีมือ ขยันๆ ส่งตุ๊กตามาฝากให้ช่วยขายวันล่ะหลายสิบตัว

และลูกศิษย์ก็ช่วยกันคิดรูปแบบตุ๊กตาแบบใหม่ๆ

ปัจจุบันเริ่มจากคนเดียวกลายเป็นธุรกิจหลักล้าน เปิด Web และมีแผนส่งออกนอกอีก

เป็นอีกตัวอย่างให้อ่านเล่นๆครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

ฺBoat

05/07/2007 19:39:06
ไม่มีความรู้ด้านนี้ แต่ขอเป็นกำลังใจให้คุณ nopphong ครับ
คนดี ขยัน รับผิดชอบ วันนี้เหนื่อย วันหน้ารวยแน่่นอนครับ :132:
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

นายมั่นคง

05/07/2007 21:24:00



ขอบคุณคุณ 90210 ครับ ที่ช่วยแนะนำติชมมา ผมเองพยายามจะให้กันเองที่สุดครับ แต่ก็เกรงบางท่านอาจจะเข้าใจผิดว่าทำไมพนักงานขายของสไตล์แบบนี้

ทุกวันนี้สไตล์ขายของของผม ผมว่าเข้าทำนองขี้เกียจหลังยาว มีลูกค้ามาก็ให้หาที่นั่งเอาเอง แล้วก็เอาหูฟังกองๆให้เค้าเลือก จะเลือกนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ถูกใจแล้วค่อยว่ากัน

ซึ่งลูกค้าบางรายอาจจะไม่คุ้น บางท่านอาจจะรุ้สึกหงุดหงิดอยากจะเตะซักป้าบก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไร ก็หวังว่าแฟนๆ ทุกท่านคงเห็นใจน่ะครับ มีปัญหาอะไรติชมได้ตลอดจริงๆ ครับ


ขอบคุณมากๆ จ้า 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

เบียส

06/07/2007 14:07:35



ถ้าอยากเตะพนักงานขายคนไหน บอกผมได้นะครับ อาทิ บริการไม่ถึงใจ ถามแล้วตอบกวนโอ๊ย ฯลฯ สามารถแจ้งที่ผมได้เลยครับ เดี๋ยวจัดการให้ครับ อิ อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

ปิง ปิง & XIII

06/07/2007 18:51:41



:141::141::141::141::141::141::141::141::141::141:
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

นายมั่นคง

06/07/2007 21:30:14



ผมพยายามจะปั้นทั้งปิงปิง และ XIII ขึ้นมาเป็นพระเอกครับ ถึงพระเอกทั้งคู้จะขี้เหร่กว่าขี้เป็ดก็ตาม แต่คาแลคเตอร์ของทั้ง 2 คนถือว่ามีจุดขาย


นี่ผมว่าจะให้ปิงปิงเพิ่มบริการให้สุดยอดขึ้น

ถ้าหากลูกค้าคนใดปวดเยี่ยว ผมจะให้ปิงปิงกับ XIII ไปคอยนวดถึงในห้องส้วมเลยครับ 555



อ้อ ขอฝากปิงปิงไว้ในอ้อมใจด้วยนะครับ สาขาที่ประตูน้ำ จะมีปิงปิง นำทีมไปให้การบริการทุกท่านนะครับ


5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"รบกวนปรึกษาเฮียเรื่องธุรกิจร้านผมหน่อยครับ"