ผมกลับมาเมืองไทยได้ไม่กี่วัน แม่กับพ่อก็ปรารภอยากให้บวช ก่อนทำงานและแต่งงาน
เพราะเป็นลูกชายคนเดียว
แม่ : บวชให้แม่หน่อยนะ, มีเวลาก็บวชซะก่อน
ผม : ครับ, ดีเหมือนกัน บวชสักเจ็ดวัน
แม่ : (หัวเราะ) ใครเค้าบวชกัน เจ็ดวัน ทำอย่างกับบวชหน้าไฟ
ผม : ถ้างั้นสิบห้าวันก็ได้ครับ
พ่อ : สิบห้าวันไม่ได้อะไรหรอกลูก, บวชสักเดือนนึง กำลังดี
ผม : (โห..!) เอ่อ..ครับ
แม่ : บวชวัดพระศรีฯนี่ละ (วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน) แม่จะได้ไปใส่บาตรได้
พ่อ : โธ่..คุณ, บวชวัดในกรุงเทพฯ จะไปมีประโยชน์อะไร เดี๋ยวพ่อไปกราบ
ฝากอาจารย์เลี่ยมให้ (พระอาจารย์เลี่ยม ฐิตธัมโม เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง
อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ผม : !!?? # @?? ไอ๊ย่ะ !! อยู่อเมริกามา 8 ปี กลับมาบ้านกลิ่นตัวยังไม่ทันจะ
ติดห้องนอนเลย จะถูกส่งไปอยู่นู่นนน อุบลฯ โอยย..ชีวิต
เมื่อพ่อกับแม่ร่วมมือกันกำหนดชะตาชีวิตผมได้สำเร็จอีกครั้ง ก็เป็นว่าผมต้องบวช
กันละ ไม่มีทางเลี่ยงไปได้
แต่เมื่อพ่อติดต่อทางวัดหนองป่าพงเรียบร้อย ก็ได้รายละเอียดอันเป็นกฏระเบียบ
ของทางวัด ซึ่งกำหนดไว้ว่า ผู้บวชจะต้องไปปฏิบัติตัวเป็น "ผ้าขาว"ก่อน โดยการ
ฝึกปฏิบัติตัวแบบพระ หัดท่องขานนาค สวดมนตร์นั่งสมาธิเพื่อเป็นการเตรียมความ
พร้อม ก่อนที่จะอนุญาตให้ได้รับการบวชเป็นพระต่อไป ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลา
ถึงสองเดือนเป็นอย่างน้อย ซึ่งผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น
อา ! สงสัยไม่ต้องบวชแล้ว ผมคิดเข้าข้างตัวเองแบบลมๆแล้งๆ แต่...ยัง ยังก่อน
แม่ : เอาไงดีละคุณ?
พ่อ : มีวิธี, เดี๋ยวบวชที่วัดพระศรีฯนี่ละ
ผม : โอเช
พ่อ : บวชเสร็จก็ไปเป็นพระอาคันตุกะ ปฏิบัตรอยู่กับพระอาจารย์ที่วัดหนองป่าพง
ผม : แป่ววว !
หลังจากเตรียมการ หัดท่องขานนาค ผ่านขั้นตอนต่างๆครบถ้วนแล้ว ผมก็ได้บวช
สมใจ (พ่อแม่) ได้ฉายาว่า "ปภัสสโร" แปลว่าอะไรก็จำไม่ได้แล้ว เมื่อบวชได้สาม
วัน ก็ขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหนองป่าพง ซึ่งพ่อในฐานะที่เคย
เป็นศิษย์ของหลวงปู่ชา ได้ฝากฝังไว้เป็นกรณีพิเศษเรียบร้อยแล้ว
วัดหนองป่าพงเป็นวัดป่า ผมจึงได้รับการปลูกฝัง อบรมให้ปฏิบัติในแนวทางของพระป่า
ตื่นตั้งแต่ตีสาม ฉันมื้อเดียว เน้นการปฏิบัติ สวดมนตร์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
จำได้ว่าไปบิณฑบาตรไกลมาก เจ็บเท้าสุดๆ เพราะไม่เคยเดินเท้าเปล่ามาก่อน ทั้งจีวรหลุด
บาตรหล่น เกือบโดนหมากัด ควายไล่ขวิด "ปภัสสโรภิกขุ" ผ่านมาแล้ว !!
แต่ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่วัดหนองป่าพง ผมกลับได้พบความสงบที่แท้จริง อย่างที่ไม่
เคยพบมาก่อน ด้วยความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เข้าใจและเข้าถึงธรรมชาติของความเป็นมนุษย์
ได้อย่างชัดเจน มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมและประวัติของหลวงปู่ชา อดีตเจ้าอาวาสวัดหนอง
ป่าพง ซึ่งท่านได้มรณภาพไปตั้งแต่ปีพ.ศ. 2535 ก่อนผมบวชเกือบสิบปี
ณ วันนี้เมื่อมองย้อนกลับไป ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมาก ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ ที่ทำให้ผมมีโอกาส
ได้บวช แม้จะเป็นเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็มีอิทธิพลต่อชีวิตผมเป็นอย่างมาก ธรรมและแนวทาง
ในการปฏิบัติที่ได้รับมา เป็น "ปัญญา" ส่องทางสว่างให้กับชีวิตผมมาหลายครั้งหลายครา
รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เกิดเป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินที่มีพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสศึกษาหลักธรรม
ที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ได้พบครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐ ที่ท่านได้เมตตาชี้นำแนวทางที่ถูกต้อง เพราะ
ธรรมของพระพุทธเจ้าสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเห็นผลในการดำเนินชีวิตได้จริง ตามหลัก
ของเหตุและผล
วันนี้จึงขออนุญาต นำธรรมของหลวงปู่ชา สุภัทโท มาฝากพี่ๆ เพื่อนๆและน้องๆด้วยครับ
--------------------------------------------------------------------------------------------
เธอจงระวัง ความคิด ของเธอ
เพราะ ความคิด ของเธอ
จะกลายเป็น ความประพฤติ ของเธอ
เธอจงระวัง ความประพฤติ ของเธอ
เพราะ ความประพฤติ ของเธอ
จะกลายเป็น ความเคยชิน ของเธอ
เธอจงระวัง ความเคยชิน ของเธอ
เพราะ ความเคยชิน ของเธอ
จะกลายเป็น อุปนิสัย ของเธอ
เธอจงระวัง อุปนิสัย ของเธอ
เพราะ อุปนิสัย ของเธอ
จะกำหนด ชะตากรรม ของเธอ ตลอดชีวิต.