Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ความรู้นิดหน่อยเกี่ยวกับ "หมาๆ...แมวๆ...งูๆ...ปลาๆ..."

ย่องมาฟัง...

11/09/2009 07:45:09
0
หลังจากที่ผมเสียน้องหมาที่รักไปผมก็พอจะทำใจได้แล้วครับ...ขอบคุณทุกท่านมากๆนะครับที่ส่งข้อความมาให้ผม(ในกระทู้ขาย Ipod) เป็นกำลังใจที่ดีมากๆสำหรับผมครับ และผมต้องขอขอบคุณ"คุณหมอ เพชร(petch)"มากๆมา ณ. ที่นี้ด้วยเพราะได้โทรมาหาผมและให้คำปรึกษาด้วยตัวเองเลย (คุณหมอใจดีทุกท่านเลยนะในนี้ คุณหมอทัตเทพ ก็ใจดีคุณหมอ เพชร ก็ใจดี)
.
.
.
สำหรับผมแล้วกระทู้ขาย IPOD มันคงไม่น่าสนใจเท่าไรแต่ข้างในสาระเพียบ ก็เลยอยากแยกเอาสาระในนู้นมาใส่ในนี้เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับทุกท่านที่รัก "หมาๆ...แมวๆ...งูๆ...ปลาๆ..."(โดยเฉพาะ"งู"ซึ่งชุมเป็นพิเศษ)...555
.
.
.
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

ย่องมาฟัง...

11/09/2009 07:45:57
0



ถาม:::: ผมสงสัยมานานแล้วครับ หมาเป็นมะเร็งเพราะอะไรครับ
ตอบ::: คือว่า ที่จริงเมื่อเราเห็นอะไรที่มันงอกออกมาผิดปกติ
เรายังไม่ควรที่จะไปเรียกเจ้าก้อนนั้นว่า มะเร็งนะครับ
ที่ถูกควรจะเรียกว่า เนื้องอก ก่อนครับ ทีนี้ไอ้เจ้าเนื้องอกเนี่ย
ในสัตว์มันก็มีหลายประเภทครับ บางประเภทก็เกิดมาเป็นเนื้องอกธรรมดาก่อน
แล้วต่อมาค่อยกลายเป็นเนื้อร้าย หรือว่า บางครั้ง
มันก็เกิดมาเป็น เนื้อร้ายเลยอะครับ
ทีนี้ในสุนัขนี่มันจะแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือมันมีเนื้องอกชนิดที่ติดต่อจากการ
สัมผัสด้วยอะครับ คือว่า ถ้าสุนัขเอาอวัยวะส่วนไหนก็แล้วแต่ไปสัมผัสโดน
ไอ้เจ้าเนื้องอกชนิดนี้เข้า มันก็จะเป็นเนื้องอกตรงตำแหน่งนั้นครับ
แต่ว่า เนื้องอกชนิดนี้มักจะพบที่อวัยวะสืบพันธุ์ของสุนัขมากกว่าที่อื่น
เลยทำให้มันมีการติดต่อโดยทางเพศสัมพันธ์เป็นหลักครับ
ฝรั่งเค้าก็เลยตั้งชื่อให้มันเป็นภาษาอังกฤษว่า Transmissible Venereal Tumor
หรือชื่อย่อๆก็เรียกว่า TVT ครับ ผมว่า หลายๆคนเคยได้เห็นเนื้องอกชนิดนี้มาแล้ว
เพียงแต่ว่า อาจจะไม่รู้ว่า มันคือเนื้องอกอะครับ
ที่เราพบเนื้องอกชนิดนี้บ่อยๆเลย ก็คือ สุนัขจรจัดครับ เราจะเห็นที่อวัยวะเพศเค้า
เหมือนมีก้อนเนื้อเละๆห้อย (โดยเฉพาะตัวเมีย) ออกมาน่ะครับ
และที่สำคัญคือ สุนัขจร ไม่มีใครคอยไปทำหมันให้ เค้าก็เลยผสมพันธุ์กันไปๆมาๆ
มันก็เลยติดกันถ้วนทั่วทุกตัว (เนื่องจากมันติดต่อผ่านทางการสัมผัสไง)ครับ

อีกชนิดที่เราเจอได้บ่อยๆก็คือ เนื้องอกเต้านมในสุนัขตัวเมียครับ
เนื้องอกชนิดนี้เค้าเชื่อกันว่า มันเกิดจากการถูกกระตุ้นด้วยระบบของฮอร์โมน
ในตัวสุนัขเองครับ และเค้าก็มีงานวิจัยออกมาสนับสนุนความคิดนี้ค่อนข้างจะมากครับ
โดยเค้าพบว่า ในสุนัขเพศเมียที่ทำหมันตั้งแต่เค้ายังไม่เคย
เข้ารอบการเป็นสัดเลย จะมีโอกาสการเกิดเนื้องอกเต้านมลดลง
ใกล้เคัยง 0% เลยครับ และเค้าก็พบว่า ถ้าสุนับเพศเมีย
ที่ทำหมันตอนที่เป็นสัดไปแล้วแม้เพียง 1 ครั้ง เค้าก็จะมีโอกาศเกิดเนื้องอกเต้านมได้
พอๆกับสุนัขที่ไม่ได้ทำหมันเลยครับ ทีนี้ก็คงมีคำถามต่อกันมาว่า
แล้วมันเกี่ยวกะฮอร์โมนตรงไหน
โดยเบื้องแรก(พื้นฐาน)แล้ว วงรอบการเป็นสัดของสุนัข (รูปที่ 1) เค้าจะมี 4 ระยะใน 1 รอบการเป็นสัด ถ้าเราสังเกตให้ดีเราจะเห็นว่า ในระยะหลังการเป็นสัดนั้น
ไม่ว่าสุนัขตั้งตั้งท้องหรือไม่ก็ตามมันก็จะกินเวลาโดยเฉลี่ยอยู่ที่
ประมาณ 2 เดือนครับ ไอ้ตรงนี้และครับที่มันจะเรื่มก่อปัญหาครับ ไปดูกระทู้ถัดไปที่รูปที่ 2 ครับ
โดยจะกินระยะเวลาประมาณ 4-7 เดือนต่อ 1 รอบครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

ย่องมาฟัง...

11/09/2009 07:46:50
0



รูปที่ 2 จะเป็นรูปที่อธิบายถึงระดับฮอร์โมนครับ ไม่ว่าสุนัขจะตั้งท้องหรือไม่ก็ตาม
มันก็จะมีหน้าตาแบบนี้ครับ ทีนี้ที่มันมีปัญหาคือ สังเกตที่กราฟเข้มๆที่เขียนกำกับไว้ว่า
progesterone ครับ จะเห็นว่า มันอยู่ในระดับสูงขึ้นเมื่อสุนัขไข่ตก (และ สุนัขเพศเมียก็จะยอมรับการผสม จากสุนัขตัวผู้) แล้วก็ยังคงสูงต่อไปเรื่อยๆประมาณ 2 เดือนครับ ปัญหามันเรื่มจากไอ้การที่มันคงอยู่ 2 เดือนนี่แหละครับ ถ้าเทียบกับ
กราฟเดียวกันที่เป็นของมนุษย์ ถ้าผู้หญิงไม่ได้ตั้งท้อง
ไอ้เจ้า progesterone มันจะตกลงหลังจากไม่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น
แต่ถ้าผู็หญิงตั้งท้องไอ้เจ้า progesterone มันก็จะคงอยู่คล้ายๆกับรูปนี้แหละครับ
แต่ต่างกันที่เวลาครับ คือสุนัขจะอยู่ระดับสูงไป 2 เดือน (ไม่ว่าท้องหรือไม่ก็ตาม)
แต่ของมนุษย์จะคงอยู่ไปประมาณ 10 เดือน
กลับมาถึงเรื่องของสุนัขกันต่อครับ
ในเมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น (progesterone สูงค้าง) จะเป็นตัวที่กระตุ้นให้เกิด
ความผิดปกติต่างๆขึ้น ที่เห็นบ่อยที่สุดคือ มดลูกอักเสบเป็นหนอง
(ไหลออกมาหรือไม่ไหลออกมาก็ได้)ในสุนัขเพศเมียที่แก่ๆครับ
อีกอันที่พบบ่อยก็คือ ไอ้เจ้าเนื้องอกเต้านมนี่แหละครับ ทีนี้ไอ้การเกิดแบบนี้มันทำให้เกิด
เนื้องอกได้ไง ผมว่า ถ้ายิ่งอธิบายมันก็จะยิ่งงงหนักกว่าเดิม
(เพราะแคค่นี้ผมว่า ส่วนมากก็คงงงเต็กไปแล้ว อิอิ) แต่สรุปก็คือ
วงรอบของฮอร์โมนในช่วงเป็นสัดมันไม่ดี ทำให้ไปกระตุ้นให้เกิดเนื้องอกเต้านมนั่นเอง
สวนมากในสุนัขก็จะพบไไอ้เจ้าสองชนิดนี้แหละครับที่เป็นหลัก
ส่วนชนิดอื่นๆ เค้าก็คาดกันว่า ในปัจจุบันนี้ สุนัขโดยเฉพาะในประเทศที่เจริญแล้ว
มักจะมีแนวโน้มเป็นเนื้องอกสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเค้าคาดกันว่า น่าจะมีส่วนมาจาก
ในเรื่องของอาหารการกินที่มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของเอาให้เค้ากิน
แต่ว่า ในสุนัขก็มีเรื่องแปลกๆอีกแล้ว คือว่า มีบริษัทอาหารสุนัขที่ผลิด
อาหารเกี่ยวกับการรักษาโรค (ซึ่งเค้าได้ออกอาหารสูตรสำหรับสุนัขที่มีเนื้องอกออกมาแล้ว)
เค้าได้วิจัยพบว่า ในสุนัขที่มีเนื้องอกเกิดขึ้นนั้น
เนื้องอกจะมีอัตตรการเติบโตที่สูงขึ้น ถ้าสุนัขได้รับ carbohydrate หรือ อาหาร
จำพวกแป้งในปริมาณมากขึ้น แต่ในคนเอง(ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ) เค้าบอกว่า
มักจะเกิดจากการได้รับโปรตีนในปริมาณที่สูง

ทีนี้กลับมาที่คำถามว่า เกิดจากอะไร และ ป้องกันอย่างไร

ถ้าเป็นเนื้องอกเต้านม และ TVT ก็จะป้องกันได้โดยการทำหมันให้สุนัขตั้งแต่อายุ 4-5 เดือน
(เมื่อก่อนฝรั่งเค้าวิจัยไว้เมื่อประมาณ 10 ปีก่อนว่าให้ทำหมันที่ 6-7 เดือน แต่งานวิจัยหลังๆประมาณ 2-3 ปีนี้เค้าแนะนำให้ทำเมื่ออายุ 4-5 เดือน)

แต่ถ้าเป็นเนื้องอกชนิดอื่นๆเค้าก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรนักอยู่ดี (คงคล้ายๆกับในคนมั๊งครับ)
ก็ได้แต่คาดเดากันไปต่างๆนานาครับ
ทางที่ดีก็คือว่า ให้อาหารแต่พองาม เลือกอาหารที่มีประโยชน์
งดอาหารที่เป็น junk food แล้วก็พาเค้าไปออกกำลังกายบ่อยๆให้ร่างกายแข็งแรง
พยายามอย่าให้เค้ากินอาหารจำพวก ตับปิ้ง ไก่ย่าง หมูย่างติดมันมากนั้ แต่ถ้าเลิกได้ก็ดีครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

ย่องมาฟัง...

11/09/2009 07:47:18
0
คือจริงๆแล้วสุนัขในอดีตส่วนมากมักจะเป็นสัดแค่ปีละครั้งครับ
ถ้าเป็นสุนัขยุคใหม่ที่เป็นสัดปีละครั้งอยู่ก็คือพันธุ์ บาเซนจิ ครับ
แต่ส่วนมากสุนัขในประเทศที่อากาศเย็นมากๆก็เป็นสัดปีละครั้ง
เนื่องจากอาหารการกินมันยากลำบากนั่นเองครับ
ยกเว้นว่าปีไหนอากาศอบอุ่นมากหน่อยก็เป็นสัดปีละ 2 ครั้งได้ครับ

อย่างในประเทศแถบนี้เป็นเขตร้อนชื้น อาหารสามารถหากินได้ตลอดทั้งปี
ก็ทำให้สุนัขเป็นสัดได้มากขึ้น เพราะว่าความสมบูรณ์พันธุ์มีสูงครับ

อีกเกร็ดความรู้หนึ่งเกี่ยวกับการเป็นสัดคือ สุนัขจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์
เมื่อมีน้ำหนักตัว (พูดง่ายๆก็คือ มีความสมบูรณ์นั่นเอง) ถึงเกณฑ์ของแต่ละพันธุ์
เมื่อไหร่ก็จะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุครับ ดังนั้นแล้ว
ถ้าสุนัขอายุ 2 ปีแล้ว แต่ผอมมาก ก็อาจไม่เข้าวงรอบการเป็นสัดครั้งแรกก็ได้ครับ
(น่าจะ)แตกต่างกับในมนุษย์ครับ

แล้วก็เรื่องเมนส์ ในผู้หญิงจะเกิดเมื่อมีการตกไข่แล้ว แต่ไม่เกิดปฏิสนธิขึ้น
สภาวะต่างๆของมดลูกที่มีการเตรียมตัวขึ้นมาสำหรับรองรับการตั้งท้องนั้น
ก็จะเกิดการลอกหลุดไปทำให้เป็นเลือดไหลออกมาที่เราเรียกว่า เมนส์นั่นเองครับ
(ไม่ใช่การขับไข่ครับ)
ส่วนในสุนัขนั้นจะเรียกว่า คนละเรื่องเลยก็ได้ครับ เพราะว่า
ที่เราเห็นเลือดหยดๆจากอวัยวะเพศของสุนัขนั้น
ไม่ได้เกิดจากการตกไข่ครับ แต่มันเกิดอยู่ในช่วงระยะก่อนการเป็นสัด
(ตามรูปที่ 1) ซึ่งในระยะนี้ สุนัขเพศเมียจะมีกลิ่นที่ดึงดูดเพศผู้ให้เข้ามาหา
แต่ว่า เค้าจะยังไม่ยอมรับการผสมจนกว่าจะผ่านพ้นระยะนี้ไปสู่ระยะเป็นสัดครับ
จึงจะยอมรับการผสม
ส่วนเลือดที่เห็นนั้นเป็นเหมือนสารคัดหลั่งที่ออกมาจากตัวมดลูกซึ่งกำลังอยู่
ในช่วงของการเตรียมรับการตั้งท้องครับ
(ของคนเกิดการสลายตัวเพราะไม่ท้อง ของสุนัขเกิดจากกำลังสร้างตัวเพื่อจะท้องครับ อิอิ)

ส่วนเรื่องการให้แป้งมากไม่ดีนั้น จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเพราะว่า ในอดีตกาลอันไกลแสนไกลจากปัจจุบัน
(ว่าไปนั่น 555) สุนัขเป็นสัตว์กินเนื้อ 100%
(สัตว์กินเนื้อ = Carnivore ครับ , กินพืชจะเรียกว่า Herbivore ครับมาจากรากศัพธ์ของคำว่า Herb ไงครับ อิอิ)
เหมือนกับแมวและสัตว์ตระกูลเสือครับ
(ฝรั่งบางที่เค้าจะเรียกเสือว่า big cat ครับ เพราะว่าวงศ์มันมาจากต้นกำเนิดเดียวกันครับ
คือวงศ์ Felidae spp.[spp = species] หรือที่เราจะเห็นบ่อยๆก็คือคำว่า Feline ที่หมายถึงแมวครับ)
แต่ว่า สุนัขกับแมว ไม่ได้อยู่ร่วมวงศ์เดียวกันนะครับ ส(สุนัขจะอยู่ในวงศ์ Canidae spp. ครับ
ดังนั้นเค้าจึงเรียกสุนัขบ้านว่า canine แล้วเค้าเอามาแผลงเขียนเป็น K9 ไงครับ)
มาต่อเรื่องกินเนื้อไม่กินเนื้อต่อนะครับ
คือว่า ต่อมาสุนัขมีความใกล้ชิดกับคนมากขึ้น(คนนำมาเลี้ยง) พอผ่านเวลานานเข้าๆ
ก็เลยเกิดการวิวัฒน์กลายเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและเนื้อ (กินทั้งพืชและสัตว์ = Omnivore ครับ)
ตามอาหารการกินที่มนุษย์หยิบยื่นให้ครับ
เพราะฉะนั้นแล้ว การที่สุนัขที่เป็นเนื้องอกแล้วให้ลดอาหารจำพวกแป้งลง ก็อาจเป็นเพราะ
สาเหตุนี้ก็ได้ครับ (อันนี้ผมคิดเอง เพราะว่า คนวิจัยเค้าไม่ได้บอกไว้ครับ
ว่า ทำไมกินแป้งแล้วทำให้เนื้องอกเป็นมากขึ้นครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

ย่องมาฟัง...

11/09/2009 07:47:43
0
ตอบคุณ ota_hay ครับสุนัขที่เป็นเนื้องอกเต้านมนั้น
มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นมะเร็ง หรือ เนื้อร้ายครับ
โดยเฉพาะเนื้องอกเต้านมที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 ซ.ม. ครับ

มาถึงเรื่องการผ่าตัดนั้น ขอเรียนตามตรงนะครับว่าไม่หายครับ
แต่การผ่าตัดจะทำให้คุุณภาพชีวิตเค้าดีขึ้นครับ
(ลองนึกดูว่า ถ้าเราไม่ตัดออก เนื้องอกก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พอถึงจุดๆหนึ่งที่ผิวหนังไม่สามารถยืดตามการใหญ่ของเนื้องอกได้แล้ว
มันก็จะปริแตกออก แล้วเกิดการติดเชื้อซ้ำซึ่งจะกลายเป็น
สาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ และ ความเจ็บปวดครับ

ประเด็นเรื่องการหายหรือไม่หายนี้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า เนื้องอกเต้านมเป็น เนื้องอกชนิดที่เรียกวา round cell tumor
หรือ เซล์เนื้องอกชนิดกลมครับ ซึ่งเนื้องอกชนิดนี้
มักจะลามไปตามเส้นน้ำเหลือง
และเต้านม(ทุกเต้า)เป็นจุดผ่านของเส้นน้ำเหลือง
และไปรวมกับเส้นน้ำเหลืองใหญ่ที่เป็นเส้นหลักเพื่อกลับไปสู่
อวัยวะที่ให้เก็บน้ำเหลือง และก็อีกเช่นกัน เมื่อเซลเนื้องอก
สามารถเดินทางไปตามเส้นน้ำเหลืองแล้ว
สิ่งที่จะตามมาคือการลุกลามาของเซลเนื้องอกครับ
โดยเฉพาะปอด มักเป็นอวัยวะถัดไปที่เซลเนื้องอกจะไปต่อจากเต้านมครับ

ดังนั้นแล้ว ยิ่งเนื้องอกเต้านมมีขนาดใหญ่มากเท่าไหร่
ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการลุกลามของเซลเนื้องอกครับ

อ้อ อีกประเด็นคือ พอเราได้ยินคำว่า เนื้องอก เรามักจะเนื้องอก
ที่มันมีก้อนใหญ่ๆน่าเกลียด
แต่จริงๆแล้ว เนื้องอกมีได้ตั้งแต่ขนาดไม่ถึง 1 ม.ม.ขึ้นไปครับ
ดับนั้น เมื่อคุณพาสุนัขที่เป็นเนื้องอกเต้านมไปหาหมอ
สิ่งแรกที่หมอ(ส่วนมาก)จะทำคือ การถ่ายภาพรังสี (X-ray)
แต่ไม่จำเป็นเสมอไปว่า x-ray แล้วจะต้องเห็นเนื้องอกที่ลุกลาม
มายังปอดเสมอไปครับ เนื่องจากเหตุผลทางด้านบนนั่นเองครับ

มาถึงเรื่องการพยากรณ์โรค เราจะให้เกรดตามขนาดของเนื้องอกเต้านมครับ
ถ้าขนาดน้อยกว่า 5 ซ.ม. จะพยากรณ์โรคว่า Guard
แต่ถ้ามมีีขนาดมากว่า 5 ซ.ม. จะพยากรณ์โรคว่า poor ครับ
การพยากรณ์โรคเราจะให้เกรดเป็น 5 เกรดครับ คือ good, fair, guard, poor และ grave ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

โอตะ เฮย์

11/09/2009 09:11:47
ขอบพระคุณมากครับคุณย่อง +10
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

iAsa

11/09/2009 10:21:58
0
ขอบคุณค่า~~~~


น้องหมาเช้าเป็นไขมันงอกอะ งอกเท่าๆกันทั้งตัวเป็นหมูไปแร้ว ><


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Vichien

11/09/2009 12:04:29
0
^
^
^
คิดได้งัย....อุอุ....งี้ถ้างอกไปเลยๆๆๆไม่เป็นผมเหรอ....เหอเหอ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

petch_a_vet

11/09/2009 12:12:30
0
มีอะไรก็มาถามในกระทู้นี้ก็ได้นะครับ ถ้าผมตอบได้ก็ยินดีตอบให้ครับ
ขอบคุณคุณย่องมาฟังครับ ที่ย้ายเนื้อหาที่นู่นมาที่กระทู้นี้
ถ้าคุณย่อง(หรือใครๆก็แล้วแต่)มีอะไรให้ผมช่วยเหลือก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ
ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยเต็มที่ครับ

คุณย่องทำใจได้ก็ดีแล้วครับ เพราะผมว่า เค้าเองก็คงไม่อยากให้เราเศร้าไปตลอด
ดอกครับ เค้าคงจะดีใจมากกว่าถ้าคุณย่องจะนึกถึงเค้าบ้าง ในช่วงที่เค้าและคุณย่อง
มีความรู้สึกดีๆต่อกัน แต่ในทางกลับกัน เค้าก็คงจะเสียใจ ถ้าหากเค้ารู้ว่าคุณย่องจม
อยู่กับความเสียใจและโทษตัวเองครับ

เป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปได้ครับ

คุณ iAsa ครับผมว่า สงสัยน้องหมาของคุณ iAsa นี่คงต้องเอามาผ่าตัดแล้วนะครับ
ต้องผ่าตัดเปลี่ยนตัวครับ แล้วมันจะได้ไม่มีไขมันงอกทั้งตัวอีกครับ อิอิ (ล้อเล่นนะครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

kongkirch

11/09/2009 12:45:06
0
เสียใจด้วยนะครับ ผมก็มีหมาตัวนึงรักมันมากๆเลย
http://img188.imageshack.us/img188/1268/11381875.jpg
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

kongkirch

11/09/2009 12:46:33
0



รูปไม่มา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

Leader

11/09/2009 12:56:45
0



ขอโพสรูปมั่ง เจ้าอ้วนของผมเอง อ้วนจนเหมือนกับว่าเป็นแมวที่กำลังท้องแต่ไม่ใช่

ปล.อายุ ย่าง13ขวบแล้วนะเจ้าตัวนี้แต่ยังดูไม่แก่เลย ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

Leader

11/09/2009 12:57:46
0



ชอบแมวแย่งผมนอนบนผ้าห่มผมตลอด แต่ผมไม่ว่านะเพราะขนมันไม่ร่วง ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

Tokiotorr

11/09/2009 13:24:01
2
คุณ Leader คับ เจ้าอ้วนน่ารัก น่าฟัดมากคับ

ผมเคยมีแมวอ้วนอยู่ตัว หน้าคล้ายๆกันเลยคับมันชื่อตุ้มเม้งอ้ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

เบียส

11/09/2009 13:27:34
11
555 ผมเกิด มาไม่เคยเลี้ยงสัตว์ อะไรเลย ครับ ตอนเด็ก พ่อกะแม่ ไม่ให้ เลี้ยงอ่ะ 555 .................อิ อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

petch_a_vet

11/09/2009 13:47:11
0
เจ้าาอ้วนนี่น้ำหนักสักเท่าไหร่เหรอครับ แมวไข้ผมที่เคยเจอมากสุดนี่ 8 กิโลครับ เป็นแมวยักษ์ไปแล้ว

แมวแก่ที่อ้วนมีสิ่งที่ต้องระวังก็คือภาวะไตวาย และ เบาหวานครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

Joey

11/09/2009 14:05:34
0
ผมล่ะเซ็งหมาที่บ้าน มากๆๆๆ ครับ

มันชอบไปคุ้ยขยะ อ่ะ ..

ทั้งๆที่ เลี้ยงก็ดีนะ

ให้้ ไก่ย่าง วันล่ะ 1 น่องขา
บางวันเป็นข้าวคลุกตับปิ้ง
บางวันเป็นข้างคลุก ปลาป๋๋องแดง

แต่ก็ยังไม่รักดี ชอบไปคุ้ย ถัง ขยะ ซะอีก ..

บางวันที่ให้เป็นไก้่ย่างไปหลายๆ ไม้หน่อย มันก็เอาไปฝังดินอ่ะครับ สงสัย จะชอบ aging เนื้อก่อนกิน ..


แถมเลือกกินเป็นที่สุก อาหาร นี่ ถ้า สามวัน ซ้ำกันแล้ว มัน เมินเลยไม่ ยอมกิน ดมๆ แล้วก็ หันตูด หนี ...

ช่างเลือกจริง นังหมา นี่ ..
แต่ผมก็รักมันนะ ..


แถมวันสองอาทิตย์ก่อน ซัดปลาทอง ฮอลันดาไป ซะ 25 ตัว เกลี้ยงบ่อ เลย .. เพิ่งจะเอามาลงแท้ๆ .... T^T 350 เลยนะนั่น ..
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

Leader

11/09/2009 14:10:39
0
ไม่เคยชั่ง นน. มันเหมือนกันอะ น่าจะอยู่ราวๆ 7 กก.มั่ง (มันตัวเล็กแต่อ้วน)

ภาวะไตวาย และ เบาหวาน มีสาเหตุมาจากอะไรบ้างครับ เจ้าอ้วนมันกินแค่อาหารเม็ดอย่างเดียวเลย ของวิสกัสมั้งสีแดงเขียว อย่างอื่นไม่แตะเลยจริงๆ!! แม้ปลาต้ม ย่าง หรืออะไรมาล่อก็ไม่กินครับ แบบว่าหยิ่งอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

petch_a_vet

11/09/2009 14:22:37
0
ภาวะไตวายในแมวจะพบได้บ่อย เพราะว่า
ในแมวจะมีหน่วยไตประมาณ 1 ล้านหน่วย แต่ประสิทธิภาพต่อหน่วยจะดีมาก
ถ้าเทียบกับสุนัข เค้าจะมีหน่วยไตถึง 5 ล้านหน่วย แต่ประสิทธิภาพสู้แมวไม่ได้
ดังนั้นเมื่อมีน้อยกว่า ถ้าหากเค้าเสียหน่วยไตไปเพียงเล็กน้อย
จะพบได้ว่า หน่วยไตเสียหายไปเป็นจำนวนหลายเปอร์เซนต์เลยครับ

ทีนี้หน่วยไตเสียหายจากอะไรได้บ้าง อันนี้ต้องขอบอกว่า เยอะมากถึงมากที่สุดครับ
แต่ที่ง่ายๆเลยก็เช่น ความเสื่อมขอหน่วยได้ตามความชรา, การได้รับสารต่างๆที่มี
พิษต่อไต ไม่ว่าจะโดยทางตรงคือกินเข้าไปเอง หรือ ทางอ้อมคือปนเปื้อนมากับอาหาร,
หารได้รับยาบางอย่างที่ทำให้ไตทำงานหนักขึ้น เป็นต้น จากเรื่องง่ายๆที่เรานึกไม่ถึงเหล่านี้
เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะไตเสื่อม ซึ่งภาวะไตเสื่อมจะเกิดมาก่อนไตวายครับ
ดูได้จากรูปใน คห ถัดไปครับ แต่ว่าตอนนี้ผมขออนุญาตไปผ่าตัดสุนัขก่อนนะครับ เดี๋ยวกลับมาต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

นายมั่นคง

11/09/2009 14:33:34
0
เย้...ยินดีจริงๆๆ ครับ คุณย่อง สำหรับสาระดีๆๆ เชิญเลยนะครับ เว็บนี้ไม่ได้จำกัดว่ามาคุยกันเรื่องซื้อขายของ ผมเองอยากให้มันเป็นวาไรตี้ สำหรับคนทุกๆคน ที่ต้องการมาหาความรู้ น้ำใจ หาเพื่อน...

ผมอยากให้มันเป็นพื้นที่สาธารณะที่ใครอยากจะแสนอ อยากจะแนะนำ หรือแม้แต่อยากจะทำสิ่งดีๆๆ ให้กับเพื่อนๆๆ บ้าง ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนก็ตามที....

ด้วยความยินดีจริงๆๆ ครับ....555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

Tanan

11/09/2009 15:03:53
0
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

ย่องมาฟัง...

11/09/2009 15:21:10
0
\"ย่องข้ามเช็ด\"ขอขอบคุณเฮียมั่นคงมากนะครับ...ที่ให้ยืมพื้นที่สำหรับสาระแบบนี้
ว่าแต่ผมชักอยากจะไปลูบต้นขาเฮียมั่นซะแล้วดิครับ...อยากเจอเช่นกันครับ ไว้เมื่อฟ้าฝนเป็นใจ ชะตาย่อมลิขิตให้ศิษย์พี่มั่นคง และศิษย์น้อง...ข้ามช่อง ได้พบปะกันแน่นอนครับ...5555
เชิญ...ดื่ม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

petch_a_vet

11/09/2009 15:47:17
0
ต่อนะครับ จากรูปนี้จะเห็นช่วงตั้งแต่ 100% ลงมาถึง 66% จะเห็นกราฟเป็นขั้นบันได
แคบบ้าง กว้างบ้าง ช่วงนี้ไตยังคงทำงานได้เต็มระบบอยู่ และ ไม่สามารถตรวจได้ว่า
ไตเสียหายไปกี่มากน้อยแล้วครับ

แต่ช่วงตั้งแต่ 66% ถึง 33%
นี่จะเห็นว่า กราฟเริ่มดิ่งลงในแนวชันขึ้น ช่วงนี้จะเรียกว่า ภาวะไตเสื่อมครับ
ในระยะนี้นั้น สุนัขหรือว่าแมวของเราจะยังคงไม่มีอาการใดๆให้เห็นครับ
การตรวจเลือดจะไม่สามารถบอกได้ครับ ว่า ไตเค้าเข้าสู่ระยะนี้แล้วครับ
แต่การตรวจที่จะช่วยบอกเราได้คือ การตรวจปัสสาวะครับ โดยปัสสาวะ
จะบอกเราถึงค่า ความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะ เมื่อเทียบกับน้ำกลั่นบริสุทธิ์
โดยน้ำกลั่นบริสุทธิ์จะมีค่าความถ่วงจำเพาะเท่ากับ 1 ครับ ดังนั้น ของเหลวต่างๆ
ยิ่งมีสารปนเปื้อนอยู่มากเท่าใกค่าก็จะยิ่งห่างไกล 1 มากขึ้นเท่านั้นครับ
ทีนี้ค่าความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะมันก็จะมีค่าอยู๋ในช่วงของมันอยู่ เนื่องจากว่า
ปัสสาวะไม่ใช่น้ำกลั่นบริสุทธิ์ (ถ้าบริสุทธิ์เราก็คงดื่มปัสสาวะตัวเองกันแล้ว อิอิ)
ซึ่งจะมีไตทำหน้าที่คอยเจือจางปัสสาวะ (เช่นเวลาเราดื่มน้ำมากเกินไปปัสสาวะก็จะใส)
หรือ เข้มข้นปัสสาวะ (เช่นเวลาเราดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะก็จะข้น) ซึ่งการทำหน้าที่เหล่านี้
มีบทบาทสำคัญมากๆๆๆๆต่อร่างกายครับ ฉะนั้นเมื่อเริ่มมีภาวะไตเสื่อม
ก็แปลว่าไตทำงานได้ไม่ดีพอ ดังนั้นการเจือจาง หรือ เข้มข้นน้ำปัสสาวะก็จะทำไม่ได้
เต็มที่ ค่ามันจึงเปลี่ยนไปจากค่าที่มันควรจะเป็นเมื่อเราตรวจค่าความถ่างจำเพาะของปัสสาวะ
ครับ แต่ว่าอาการต่างๆของสุนัขจะยังปกติอยู่ไม่มีอะไรให้เราสังเกตเลยว่า เค้าเริ่มมีภาวะ
ไตเสื่อมแล้ว

ทีนี้มาถึงช่วง 33% ลงมานี่แสดงว่า ไตมันแย่แล้วมันทำหน้าที่ของมันไม่ค่อยได้แล้ว
ร่างกายสัตว์ป่วยก็เริ่มแสดงอาการของภาวะไตวายให้เราเห็นแล้ว เราก็เลยเรียกช่วงนี้ว่า
ไตวายครับ

มาถึงเรื่องเบาหวาน ในสัตว์อ้วนก็จะคล้ายๆกับการเกิดเบาหวานในคน
ที่ถ้าหากอ้วนก็มีแนวโน้มเป็นเบาหวานได้ง่ายกว่าครับ ทีนี้สาเหตุเนี่ยก็เลยไปตก
อยู่ที่ความอ้วนเป็นหลักเลยครับ เพราะว่าเมื่ออ้วนแล้วกระบวนการเผาผลาญพลังงาน
มันก็จะผิดปกติไปครับ เลยทำให้เกิดเบาหวานได้ครับ แต่เรื่องของกระบวนการที่มัน
ผิดปกตไปนี่ผมคิดว่ามันต้องกล่าวถึงเรื่องวิชาการที่เข้าใจยากเยอะอะครับ ก็เลย
คิดว่า ไม่พูดดีกว่า แต่เป็นสรุปไปเลยตามข้างต้นครับ

55 โม้เพลินเลย งง ไหมครับท่านผู้อ่าน อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

petch_a_vet

11/09/2009 15:48:18
0



อ้าวรูปไม่ขึ้น เอาใหม่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

petch_a_vet

11/09/2009 16:00:59
0
ลืมนิดหนึ่งครับ ตรงช่วง 33% ลงมานี่จะเห็นว่า การาฟมันทิ่มหัวดิ่งลงมา
แล้วมันก็กระดกขึ้นนิดหน่อย ไม่ต้องงงครับ ตรงที่มันดิ่งลงมานี่คือว่า
สัตว์ป่วยนั้นปางตายแล้วครับ ถ้าไปถึงมือหมอแล้วรักษาได้ทัน และ ที่สำคัญ
เค้าต้องตอบสนองกับการรักษาดัวยนะครับ กราฟมันก็จะกระดกขึ้นนิดหน่อย
(ผมวาดมันกระดกมากขึ้นไปนิดหนึ่ง ขออภัยด้วยครับ) คือไม่ใช่ว่าหน่วยไตมัน
กลับมานะครับ แต่มันเป็นเพราะว่า การรักษาทำให้ไตทำงานได้มากขึ้นกว่าตอนที่
เค้านอนเตรียมไปเฝ้าเง็กเซียนน่ะครับ ซึ่งถ้าจะอธิบายมันก็เหมือนว่า รถ 2000 ซี.ซี.
4 สูบ 16 วาวล์ เกิดวาวล์ไอดีมันเสียไปวาวล์หนึ่ง รถมันก็จะกำลังตกใช่ไหมครับ
ทีนี้ภาวะไตวายมันเหมือนกับวาวล์มันเสียไป 3/4 แล้ว แล้วทีนี้ทำยังไงให้รถวิ่งต่อไปได้ดีครับ
ถ้าสมมุติว่า วาวล์นี้ไม่สามารถซ่อมแซมใหม่ได้ เราก็อาจต้องพยายามรักษาวาวล์ที่มันมีอยูให้
ดีที่สุด พยายามรีดกำลังจากวาวล์ที่ดีอยู่มาใช้ใช่ไหมครับ
พอเป็นอย่างนี้แล้ว ก็เท่ากับว่า วาวล์ที่มันดีอยู่ มันก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรับภาระแทน
วาวล์ที่เสียหายไปถูกไหมครับ ฉันใดก็ฉันนั้น หน่วยไตก็เหมื่อนกันครับ ส่วนที่เหลืออยู่มันก็
จะต้องทำงานทดแทนส่วนที่เสียหายไป(ตามอัตภาพที่จะทำได้) เมื่อหน่วยไตนั้นๆต้องทำงานมากขึ้นเพื่อชดเชยแทนส่วนที่เสียหายไป สิ่งที่ตามมาก็คือ มันก็จะจากไปในที่สุดเพราะ
ว่ามันหมดอายุไขเร็วขึ้นครับ นี่คือผลที่เกิดขึ้น ดังนั้น กราฟมันก็เลยกระดกขึ้นนิดหนึ่งแล้ว
ก็รูดลงไปต่อไงครับ
ขึ้นเป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

LOUIS

13/09/2009 22:38:40
หมาผมก็เป็นไตตัวนึง ไปตรวจเลือดแล้วหมอบอกเป็นไต ซึ่งมีค่าไตสูง เอาอาหาร K/D มากินก็ไม่ยอมกิน (มันคงไม่อร่อยด้วยมั๊ง) แต่ก็บังคับให้กิน ตอนนี้ก็ต้องเอาอาหารเม็ด K/D ผสมกับปลาต้ม ให้มันกิน ดีที่มันยังยอมกิน ไปตรวจเลือดครั้งล่าสุด มันอยู่ที่ค่าปกติแล้ว มันก็ซนมากๆๆ อายุ 1 ปี แต่ถ้ามันยังซนมากๆๆๆ เล่นทั้งวัน แบบนี้คงไม่ต้องไปตรวจเลือดซ้ำแล้วมั๊งครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

Tokiotorr

14/09/2009 07:52:10
2
พี่หมอ เปิดคลนิคแถวไหนครับ กลับไปจะไปเป็นลูกค้าประจำ อ้ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

--*--

14/09/2009 16:35:35
0
ขอบคุณสำหรับความรุ้ดีๆนะครับเพราะว่าผมก็เป็นคนรักหมาเหมือนกัน ที่บ้านเล่นบางแก้วด้วยอิอิมันน่ารักดีๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

petch_a_vet

14/09/2009 19:12:54
0
ตอบคุณ LOUIS ครับ ส่วนมากแล้วสุนัขอายุน้อยๆ มักจะมีปัญหา
ไตวายจากการได้รับสารบางอย่างเข้าไป เช่นสารพิษปนเปื้อนในอาหาร
อย่างในต่างประเทศ(เมืองหนาว)จะพยได้บ่อยคือ สุนัขชอบไปกิน
เอาสารที่เอาไว้ใส่หม้อน้ำกันการแข็งตัวของน้ำในหม้อน้ำครับ เพราะว่า
รสชาติมันจะหวานๆทำให้สุนัขกินไปทีละมากๆ ซึ้่งสารนี้จะเป็นตัวทำให้ไตวายครับ

ส่วนในกรณีที่สุนัขมีค่าไต(จริงๆแล้วมันคือ องค์ประกอบที่เกิดจากการสันดาปโปรตีน
พูดง่ายๆมันก็เหมือนกับขยะที่เตรียมจะทิ้งนั่นแหละครับซึงสารนี้มันไม่ดีต่อร่างกาย
ดังนั้นไตจึงต้องขับสารนี้ทิ้งผ่านทางปัสสาวะครับสูงขึ้น(จากการตรวจเลือด) เป็นตัวบ่งบอกว่า
ไตได้เกิดความเสียหายขึ้นกับไตแล้ว และหน่วยไตเป็นเซลที่มักจะไม่มีการงอกเพิ่มเติม
ขึ้นมาอีกได้ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วครับ แต่ที่ค่ามันลงมาได้นั้น
เป็นเพราะว่า หน่วยไตส่วนที่เหลือสามารถทำงานชดเชยหรือทดแทรเซล
ที่เสียหายไปได้ครับ (กรณีที่หน่วยไตมีเหลืออยู่เกิน 25% แต่ถ้าหน่วยไตที่มีอยู่
เหลือไม่ถึง 25% ค่าที่วัดได้มักไม่ลงมาถึงระดับปกติได้ครับ) ดังนั้นไม่ว่า
จะหายดีแล้วหรือไม่ก็ตาม มันแปลว่า เราต้องพยายามรักษาให้หน่วยไตที่เหลือ
อยู่ไปได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้คับ ส่วนเรื่องอาหาร K/D นั้น ก็ดีอยู่แล้วครับ
แต่ถ้าเค้าไม่ยอมกินก็อาจจะลองเปลี่ยนยี่ห้อดูครับ(ผมคงไม่สามารถเอ่ยชื่อยี่ห้อในที่
นี้ครับ ถ้าอยากรู็ลองเมล์มาถามดูครับ)

ตอบน้องต่อ ผมเปิดคลินิคอยู่ชลบุรีครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"ความรู้นิดหน่อยเกี่ยวกับ "หมาๆ...แมวๆ...งูๆ...ปลาๆ...""