อ่านเรื่องนี้ก่อนนะครับ ตอนท้ายของเมล์นี้ ผมมีเรื่องจะบอก
วิศวกรรมแห่งชีวิต
1 เรื่องกล้วยๆ
คุณวางกล้วยหนึ่งหวีบนโต๊ะอย่างไร? วางโดยให้มันหงายขึ้น ส่วนที่สัมผัสพื้นโต๊ะคือโค้งด้านนอกของกล้วย หรือวางโดยคว่ำมันลง ให้ส่วนปลายทั้งสองของผลกล้วยสัมผัสพื้นโต๊ะ? คำตอบที่ดีที่สุดน่าจะอธิบายด้วยหลักวิศวกรรมโครงสร้าง
การวางกล้วยหงายขึ้นโดยให้โค้งด้านนอกของกล้วยสัมผัสพื้นจะทำให้กล้วยส่วนนั้นช้ำ เพราะน้ำหนักทั้งหมดของกล้วยถ่ายลงที่จุดจุดเดียว ส่วนการวางส่วนปลายทั้งสองของผลกล้วยสัมผัสพื้น เป็นการถ่ายน้ำหนักของกล้วยทั้งหมดผ่านลงไปยังจุดปลายทั้งสองซึ่งเป็นโครงแข็ง เฉลี่ยลงฝั่งละครึ่ง ไม่ก่อให้เกิดการช้ำของผลกล้วย
นี่ก็คือหลักการก่อสร้างอาคารแบบโค้งรับน้ำหนัก (arch) น้ำหนักจากด้านบนส่วนโค้งถูกถ่ายลงทั้งสองข้าง รับน้ำหนักได้อย่างสมดุล เราจึงไม่เคยเห็นอาคารทรงโค้งหงาย ในทางวิศวกรรม การรับแรงที่ดีคือการกระจายแรงเฉลี่ยออกไปอย่างสม่ำเสมอ ไม่ตกหนักที่จุดใดจุดหนึ่ง
เราสามารถใช้หลักการกระจายน้ำหนักนี้ในการใช้ชีวิตของเรา เมื่อเจอปัญหาหนัก แต่ละคนมีวิธีเผชิญหน้าปัญหาต่างกัน บางคนแบกรับน้ำหนักที่จุดจุดเดียว ไม่ยอมแชร์ปัญหากับใคร เช่นลูกสอบตกก็ไม่ยอมบอกพ่อแม่ เพราะกลัวพ่อแม่จะผิดหวัง สามีเครียดเรื่องงานก็ไม่บอกภรรยา เป็นต้น ปล่อยทิ้งไว้ไม่นาน ความเครียดก็ทำลายตัวเอง
ในภาพยนตร์เรื่อง Tokyo Sonata หัวหน้าครอบครัวหนึ่งตกงาน แต่ไม่กล้าบอกภรรยาและลูก ทุกๆ วันเขาแต่งตัวออกจากบ้าน ทำทีเหมือนไปทำงานตามปกติ ทั้งที่ไม่มีที่ทำงานให้ไป
คนที่สามารถกระจายน้ำหนักของปัญหาออกไปได้มากกว่าจะข้ามพ้นปัญหานั้นได้ง่ายกว่า เพราะหลายหัวดีกว่าหัวเดียว และได้ทางเลือกของการแก้ปัญหามากทางกว่า อีกทั้งมีโอกาสระบายความทุกข์ออกไป เมื่อทุกข์ลด ใจก็ว่างขึ้น
มีเพื่อนก็ใช้เพื่อนให้เป็นประโยชน์ ปรึกษา ปรับทุกข์ มีครูอาจารย์ก็ขอคำปรึกษาจากท่าน มีพ่อแม่ก็รับคำปลอบโยนจากท่าน
เหล่านี้คือการกระจายน้ำหนักของปัญหาออกไป เป็นศิลปะการใช้ชีวิตที่ดี รู้จักรักษาสมดุลของความทุกข์-ความสุข
ลองใช้หลักรับน้ำหนักของกล้วย ก็จะพบว่า ปัญหาไม่ว่าหนักแค่ไหน ก็อาจกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ!
2 รอยพับ
ลองหยิบกระดาษแผ่นบางหนึ่งแผ่นมากางไว้บนโต๊ะ วางปากกาด้ามหนึ่งลงบนกระดาษแผ่นนั้น แล้วจับขอบกระดาษยกปากกาดู แน่นอนคุณยกมันขึ้นมาไม่ได้
คราวนี้พับกระดาษแผ่นเดิมเข้าออกทั้งแผ่น แต่ละพับกว้างสักหนึ่งเซนติเมตร กระดาษบางเรียบแผ่นนั้นก็จะกลายเป็นแผ่นลูกฟูก วางปากกาบนกระดาษพับ คราวนี้คุณสามารถใช้กระดาษยกปากกาได้อย่างสบาย
นี่เป็นหลักวิศวกรรมอย่างง่ายๆ ที่ใช้มานานแล้ว โครงสร้างที่พับเป็นลอนหรือลูกฟูกรับน้ำหนักดีกว่าโครงสร้างที่ไม่พับหลายเท่า ทั้งที่หนาเท่ากัน วิศวกรใช้หลักนี้กับพื้นคอนกรีต ไม่เพียงจะรับน้ำหนักได้ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ยังประหยัดวัสดุกว่าเดิม เพราะสามารถลดความหนาของมันลงจากแบบไม่พับได้มาก
โครงสร้างของกระเบื้องหลังคาก็ใช้หลักการนี้ จะเห็นว่าความหนาของกระเบื้องไม่มาก แต่เมื่อพับเป็นหยักแล้วจะแข็งแรงขึ้นกว่าไม่พับหลายเท่า เราก็สามารถใช้หลักรอยพับ-รอยหยักในการใช้ชีวิตของเราเช่นกัน
รอยพับแห่งชีวิตคือประสบการณ์ ไม่ว่ารอยพับนั้นจะเป็นความเจ็บปวด ความทุกข์ ความลำบาก ความสูญเสีย หากรู้จักใช้ มันก็ทำให้เราแกร่งขึ้น รับน้ำหนักของอุปสรรคได้มากขึ้น รอยพับก็คือความรู้ คือรอยหยักของสมอง ยิ่งใช้มากยิ่งฉลาด คนเราไม่มีความรู้ ต้านอะไรไม่ได้ แต่หากได้รับความรู้มากๆ ก็ต้านแรงได้
นอกจากวิธีถ่ายน้ำหนักและโครงสร้างแบบพับแล้ว โครงสร้างวิศวกรรมอื่นๆ อีกหลายชนิดก็สอนเราในการดำเนินชีวิตเช่นกัน เคยสังเกตเห็นไหมว่า เวลาพายุมา ต้นไทรใหญ่อาจหักโค่น แต่ต้นอ้ออยู่ได้ดี การสร้างอาคารสูงใหญ่ที่ต้องตระหง่านตั้งโด่จึงต้องออกแบบ ‘ช่อง’ ให้ลมผ่านออกไปได้ เพื่อลดแรงกดอาคาร อาคารหลายหลังออกแบบให้โอนอ่อนเอนไปตามแรงพายุได้พอสมควร เพื่อลดแรงกระทำ
โครงสร้างที่ยืดหยุ่นมักอยู่ได้นานกว่าเสมอ
ในชีวิตของเรา การรู้จักโอนอ่อนในเรื่องที่ควรโอนอ่อนอาจช่วยทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างคนดีขึ้น แต่ไม่ใช่โอนเอนจนอ่อนแอเหยาะแหยะ เช่น เพื่อนชวนเข้าสู่อบายมุข ก็ยอมโอนอ่อนตาม
วิศวกรรมโครงสร้างเป็นเรื่องของการใช้แรง วิศวกรรมแห่งชีวิตก็เป็นเรื่องของการจัดการรักษาความสมดุลของแรงต่างๆ ที่มากระทบชีวิตเรา เพราะศิลปะการใช้ชีวิตก็คือการรู้จักจัดการแรงต่างๆ นั่นเอง
วินทร์ เลียววาริณ
23 กรกฎาคม 2554
------------------------------------------------------------
จะเห็นได้ชัดเจนนะครับว่า หลักการรับโหลด ไม่ว่าจะของโครงสร้าง ของงาน หรือแม้แต่ของชีวิต เรามีวิธีที่ดีที่สุดในการรับโหลด นั่นก็คือการกระจายแรงแบ่งกันรับ ในชีวิตเป็นเช่นนี้ ในงานก็เป็นเช่นเดียวกัน
ขอวกกลับเข้ามาเรื่องงานนะครับ เราเคยบอกกล่าวกันไปแล้วว่า เราจะหันมาทำงานเชิงรุก การจะทำงานเชิงรุกได้คือ คิดล่วงหน้าว่าลูกค้าของเราต้องการอะไร ไม่ใช่แค่ทำตาม หรือแค่คิดให้ทัน แต่ต้องคิดล่วงหน้า ข้อต่อมาก็คือ ทำงานให้ทันความคิดของเรา การจะทำงานออกมาสักชิ้น ไม่ใช่เรื่องง่าย และก็ไม่ใช่เรื่องยาก อาชีพของเรา คือการขายทักษะ ความชำนาญ การวางแผน การระแวดระวัง นี่คือคุณค่าของเรา
ถามตัวเองว่า โหลดที่เรารับอยู่ณ.ขณะนี้นั้น มากน้อยแค่ไหน อะไรคืองานที่เร่งด่วน อะไรคืองานที่สำคัญ (ไม่เหมือนกันนะครับ เราเคยคุยกันในห้องประชุมไปแล้ว) คำถามต่อมาคือ ทีมของเรา มีความยืดหยุ่นในการทำงานแค่ไหน ทำงานกันแบบตัวใครตัวมัน งานแต่ละชิ้น แบ่งแล้วแบ่งเลย ส่งช่วงรับไม้กันต่อได้หรือไม่ ทำแทนกันได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวบอกว่า ท่านและทีมของท่าน มีความเป็น”มืออาชีพ” มากน้อยแค่ไหน project team ที่ดี ต้องนำพาทั้งงานที่สำคัญ และงานที่เร่งด่วน ไปถึงที่หมายได้อย่าง”ทันเวลา” เวลาพูดก็ฟังดูดี และดูเหมือนง่ายนะครับ เอาจริงไม่ง่ายเลย แต่ภูมิใจเถิดครับ ที่ท่านได้ทำแต่งานยากๆๆๆๆ เพราะงานง่ายๆ เค้าจ้างแรงงานต่างด้าวทำไปหมดแล้ว
ทีนี้จะทำอย่างไร ให้งานที่ทำ ได้ทั้งคุณภาพ และความรวดเร็ว ? กระจายโหลดสิครับ แต่ละทีม อาจจะมีวิธีแบ่งงานที่แตกต่างกันไป เช่น สองคนรับแต่งานเร่งด่วน อีกสองคนรับแต่งานสำคัญ และสลับหน้าที่กันทุกครึ่งปี หรือจะเอาแบบว่า แต่ละคนจะรับงานเร่งด่วน กับงานสำคัญ คนละงานต่อแถวกันไป (ผมขอให้ในทีมจัดการกันเองนะครับ ว่าเอาแบบไหน) แต่สิ่งสำคัญคือ หัวหน้าทีมของท่าน จะดูให้ว่า ตอนนี้โหลดฝั่งไหนมันล้น มันเกิน มันโอเว่อร์ออกมา ก็จะต้องรีบบาลานซ์โหลด ให้การกระจายงายออกไป หรือไม่ก็ให้เข้ามาช่วยกันรีบรับงาน สถานการณ์สร้างวีรบุรุษฉันใด ปัญหาในงาน ก็สร้าง project engineer ชั้นนำได้เสมอเช่นกัน
มาถึงตรงจุดนี้แล้ว ผมว่าระดับพวกเรา ผมคงไม่ลงรายละเอียดกว่านี้ให้แล้วนะครับ เอาไปคิดต่อกันเอง ว่าท่านควรจะจัดการกระจายโหลดกันอย่างไร ต่องานกันอย่างไร ทำอย่างไรจึงมีความยืดหยุ่นในการทำงานได้อย่างดี ส่วนเรื่องความขัดแย้งในงานที่อาจเกิดขึ้นบ้าง ผมว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ดูนักฟุตบอลมืออาชีพแต่ละคนสิครับ นอกสนาม มันก็เพื่อนกันทั้งนั้น แต่พอลงสนาม มันเตะกันกระจายทั้งบอลทั้งคน ต้องแยกให้ออกนะครับ เพื่อนก็คือเพื่อน งานก็คืองาน ขอให้อาชีวกรทุกท่าน จงเป็นมืออาชีพที่รู้ว่า เวลาไหนควรทำงานเชิงรุก เวลาไหนควรทำงานเชิงรับ (ผมได้พูดในห้องประชุมไปหมดแล้ว ใครที่ไม่ได้เข้าประชุม หรืออยากฟังอีก อยากให้จัดนอกรอบอีก ก็เมล์มาบอกได้นะครับ เดี๋ยวจะจัดให้)
เมล์ชักยาวแล้ว เอาแค่นี้ก่อนครับ