จริงๆไ้ด้ลองไป search อ่านกระทู้เกี่ยวกับ Impedance ที่พี่ nopphong โพสไว้แล้วอ่านไปรอบนึงก็ยังมึนๆ จิงๆไม่ได้มึนมันงงเลยแหละ(เรื่องไฟฟ้าเนี่ยะ โง่ทั้งทางทฤษฎีและปฎิบัติ เปลี่ยนหลอดไฟ นี่ยังกล้าๆ กลัวๆ เลยคับ)
เลยขอถามเลยแบบบื้อๆเลยครับ
ผมกำลังสนใจหูฟัง Beyerdynamic DT770 คราวนี้ในมันมีให้รุ่นให้เลือกค่า impedance ได้ถึง 3 ค่า
- 32 ohms
- 250 ohms
- 600 ohms
จุดประสงค์การซื้อ: ผมอยากเอามาตีกับกลองไฟฟ้าเป็นหลัก + ฟัง Ipod ด้วย
1. ผมต้องเลือกตัวไหนครับ และ
2. เพราะิอะไรครับ เพราะราคาแทบจะไม่ต่างกันเลยใน 3 ตัวเลือกด้านบน
3. ที่ผมเข้าใจนะคือ ควรเลือก 32 ohms เพราะมันจะเหมาะกับการใช้งานของผมที่สุด แต่ผมก็มาติดใจตรงที่ถ้าผมเลือก 32 ohms แล้ว แสดงว่าผมดึงเอาความสามารถของหูฟังตัวนี้ได้ออกมาไม่หมด ใช่รึเปล่าครับ ผมจะควายปะคับ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความคิดเห็นนะคับ ตอบเอาขำๆ แบบไม่ต้องมี formula กราฟเกริฟมาประกอบนะคับ
ปล อย่าพาไปเที่ยวทะเลเลยนะค๊า งานนี้น้องอำนวยขอนะคะ... นะ นะ นะ
ความเห็นทุกท่านมีผลกับการเสียตังของหนูค่ะ ราคาของมันก็ไม่เบา น้องๆ 701 ค่ะ เลยต้องรอบคอบค่ะ
(โย่วว ขอแปลงเพศตอนจบหน่อยค่ะเผื่อจะมีคนสนใจบ้าง โพสถามทีไรคนตอบล้นหลาม...หลักหน่วยตลอดดด)
Guest
ช่องทางการติดต่ออื่น
Therm
05/09/2009 21:53:17
0
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0TOON
05/09/2009 22:43:45
0
ฟัง Ipod
32 ohms
เลย
ความต้านทานมากกระแสไหลน้อย ที่โวลต์ของsourceเท่ากัน (V=IR)
ความต้านทานมากต้องใช้sourceที่ให้ output โวลต์สูง พอที่จะให้กระแสไหลได้วัตต์เท่าที่ที่หูฟังต้องการ
(P=V^2/R)
เลือก หูความต้านทานมากหรือน้อย ขึ้นกับแรงขับของsourceนั่นเอง
สรุปว่าที่พูดมาผมมั่วเอา ไม่รู้ถูกป่าว 5555
32 ohms
เลย
ความต้านทานมากกระแสไหลน้อย ที่โวลต์ของsourceเท่ากัน (V=IR)
ความต้านทานมากต้องใช้sourceที่ให้ output โวลต์สูง พอที่จะให้กระแสไหลได้วัตต์เท่าที่ที่หูฟังต้องการ
(P=V^2/R)
เลือก หูความต้านทานมากหรือน้อย ขึ้นกับแรงขับของsourceนั่นเอง
สรุปว่าที่พูดมาผมมั่วเอา ไม่รู้ถูกป่าว 5555
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0nopphong
05/09/2009 23:05:02
5
ถ้าฟังตรงๆต้อง 32โอมห์ครับ
เพราะที่ 32 โอมห์จะใช้แรงดันที่ต้องการในการขับต่ำๆได้ เช่นใน ipod จะมีแรงดันขับแค่ 3.3V
ส่วนหูที่โอมห์สูงขึ้นมาเช่น 250 โอมห์ ก็จะต้องใช้แรงดันในการขับเพิ่มขึ้น(แต่กระแสที่ใช้ขับจะลดลง) เหมาะสำหรับใช้กับแอมป์ที่มีแหล่งจ่ายโวลท์สูงเช่น 12-18V ส่วนที่ 600 โอมห์น่าจะเหมาะกับแอมป์ที่สามารถจ่ายแรงดันสูงมากๆแต่ปล่อยกระแสได้น้อยเช่นแอมป์หลอดครับ
โดยเสียงว่าโอมห์สูงต่ำอันไหนดีกว่า ผมก็ยังไม่เคยลอง
แต่ถ้าว่ากันเรื่องไฟฟ้า หูโอมห์สูงจะประสิทธิภาพสูงกว่า คือที่โอมห์สูงหมายถึงสามารถพันได้จำนวนรอบมากขึ้น ค่าความเป็นขดลวดก็จะมากขึ้น โดยหลักการแล้วน่าจะทำให้ความสามารถในการตอบสนองความถี่ต่ำดีขึ้นครับ
เพราะที่ 32 โอมห์จะใช้แรงดันที่ต้องการในการขับต่ำๆได้ เช่นใน ipod จะมีแรงดันขับแค่ 3.3V
ส่วนหูที่โอมห์สูงขึ้นมาเช่น 250 โอมห์ ก็จะต้องใช้แรงดันในการขับเพิ่มขึ้น(แต่กระแสที่ใช้ขับจะลดลง) เหมาะสำหรับใช้กับแอมป์ที่มีแหล่งจ่ายโวลท์สูงเช่น 12-18V ส่วนที่ 600 โอมห์น่าจะเหมาะกับแอมป์ที่สามารถจ่ายแรงดันสูงมากๆแต่ปล่อยกระแสได้น้อยเช่นแอมป์หลอดครับ
โดยเสียงว่าโอมห์สูงต่ำอันไหนดีกว่า ผมก็ยังไม่เคยลอง
แต่ถ้าว่ากันเรื่องไฟฟ้า หูโอมห์สูงจะประสิทธิภาพสูงกว่า คือที่โอมห์สูงหมายถึงสามารถพันได้จำนวนรอบมากขึ้น ค่าความเป็นขดลวดก็จะมากขึ้น โดยหลักการแล้วน่าจะทำให้ความสามารถในการตอบสนองความถี่ต่ำดีขึ้นครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0นายมั่นคง
06/09/2009 00:57:43
0
ต้องให้พี่ Nopphong จัด 555
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0Therm
06/09/2009 01:57:06
0
Thank you หลาย หลาย คร้าบบบ
เพิ่งไปดู impedance output กลองมา อยู่ที่ 1000 ohems
เลยว่าจเล่นที่่ 250 ohmsคับ
เผื่อได้เล่น amp ด้วยคับ
เพิ่งไปดู impedance output กลองมา อยู่ที่ 1000 ohems
เลยว่าจเล่นที่่ 250 ohmsคับ
เผื่อได้เล่น amp ด้วยคับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0ทัตเทพ บุณอำนวยสุข
06/09/2009 07:39:40
0
เลยขอรบกวนถามคุณนพพงค์เลยว่า Impedance กับ Resistance ต่างกันอย่างไรครับ เพราะมีค่าเป็นโอห์มเหมือนกันครับ ในทางแพทย์เกี่ยวกับหูเราใช้ Impedance กันครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0
ขออนุญาตตอบคร่าวๆ นะครับ รีซิสแตนซ์นั้นเป็นค่าความต้านทานที่เกิิดจาก Resistor หรือตัวต้านทานในวงจร เป็นค่าความต้านทานที่มีค่าคงที่ ส่วนอิมพีแดนซ์(Z)นั้นเป็นค่าความต้านทานเชิงซ้อนในวงจร RCL เกิดจากผลรวมของค่าความต้านทาน Resistance (R) กับ capacitance (C) (ค่าความต้านทานที่เกิดจากตัวเก็บประจุ คาปาซิเตอร์) และ Inductance (L) (ค่าความต้านทานที่เกิดจากขดลวดเหนี่ยวนำ Inductor) เนื่องจากค่าความต้านทานที่เกิดจากคาปาซิเตอร์ และค่าความต้านทานที่เกิดจากขดลวดเหนี่ยวนำนั้นจะมีการเปลี่ยนค่าไปตามสัญญาณที่ได้รับ ทำให้ค่าของอิมพีแดนซ์มีค่าที่เปลี่ยนแปลงได้ครับ (เป็นความต้านทานที่เปลี่ยนค่าได้ตามสัญญาณที่ผ่านเข้ามา) Z = R + L + C
วงจร RCL มักจะถูกนำไปใช้ในวงจรตัดแบ่งความถี่เสียง อย่างครอสโอเวอร์เนตเวิร์คของลำโพง หรือวงจรกรองความถี่น่ะครับ เพราะคุณสมบัติของ C จะยอมให้ความถี่สูงเท่านั้นที่ผ่านไปได้ (จะสูงเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับค่าของ C) และ L จะยอมให้เฉพาะความถี่ต่ำผ่านไปได้ครับ (ขึ้นอยู่กับค่าของ L เหมือนกัน) ส่วน Rจะทำให้ทุกความถี่มีระดับสัญญาณลดลง
วงจร RCL มักจะถูกนำไปใช้ในวงจรตัดแบ่งความถี่เสียง อย่างครอสโอเวอร์เนตเวิร์คของลำโพง หรือวงจรกรองความถี่น่ะครับ เพราะคุณสมบัติของ C จะยอมให้ความถี่สูงเท่านั้นที่ผ่านไปได้ (จะสูงเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับค่าของ C) และ L จะยอมให้เฉพาะความถี่ต่ำผ่านไปได้ครับ (ขึ้นอยู่กับค่าของ L เหมือนกัน) ส่วน Rจะทำให้ทุกความถี่มีระดับสัญญาณลดลง
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0nopphong
06/09/2009 11:01:56
5
ตามนั้นเลยครับ
ส่วน impedance ของหูฟังนั้นจะวัดกันที่ความถี่ 1Khz ครับ ซึ่งถือว่าเป็นความถี่กลางๆของช่วงความถี่ที่คนได้ยิน โดยจะรวมความต้านทานของ R L และ C เข้าด้วยกัน ซึ่งในหูฟังส่วนใหญ่จะเป็นค่า L กับ R ค่า C น้อยมาก
ทีนี้ที่ความถี่ต่ำ ความต้านทานจากค่า L ลดลง จึงทำให้อิมพิแดนซ์ของหูฟังที่ความถี่ต่ำลดลง
ก็เลยจะพบว่าแอมป์จะขับเต็มหรือไม่เต็มก็ต้องลองฟังกันที่เบสเนี่ยแหละครับเพราะมันจะกินกำลังในการขับที่ความถี่ต่ำมากกว่า
ส่วนอิมพีแดนซ์กลองมาที่ 1000 โอมห์อันนี้คงไม่ได้ออกแบบมาให้เอาหูฟังเสียบตรงน่ะครับ คงต้องหาแอมป์มาต่อเพิ่มอีกทีครับ
ส่วน impedance ของหูฟังนั้นจะวัดกันที่ความถี่ 1Khz ครับ ซึ่งถือว่าเป็นความถี่กลางๆของช่วงความถี่ที่คนได้ยิน โดยจะรวมความต้านทานของ R L และ C เข้าด้วยกัน ซึ่งในหูฟังส่วนใหญ่จะเป็นค่า L กับ R ค่า C น้อยมาก
ทีนี้ที่ความถี่ต่ำ ความต้านทานจากค่า L ลดลง จึงทำให้อิมพิแดนซ์ของหูฟังที่ความถี่ต่ำลดลง
ก็เลยจะพบว่าแอมป์จะขับเต็มหรือไม่เต็มก็ต้องลองฟังกันที่เบสเนี่ยแหละครับเพราะมันจะกินกำลังในการขับที่ความถี่ต่ำมากกว่า
ส่วนอิมพีแดนซ์กลองมาที่ 1000 โอมห์อันนี้คงไม่ได้ออกแบบมาให้เอาหูฟังเสียบตรงน่ะครับ คงต้องหาแอมป์มาต่อเพิ่มอีกทีครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0Therm
06/09/2009 15:46:12
0
อ่อ ไอ้กลองที่มันเขียน 1000 ohms นี่ไว้ต่อแอมป์ของช่อง output นี่เอง
ช่อง phone ที่เอาไว้เสียบหูฟังนี่ไม่เกี่ยว และมันก็ไม่ได้บอกด้วยใน spec
เอา 250 ohms และ ค่อยมาหา amp ต่อเพิ่ม แฮ่ แฮ่
ช่อง phone ที่เอาไว้เสียบหูฟังนี่ไม่เกี่ยว และมันก็ไม่ได้บอกด้วยใน spec
เอา 250 ohms และ ค่อยมาหา amp ต่อเพิ่ม แฮ่ แฮ่
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 00 dB
06/09/2009 22:02:49
แถมอีกนิด impedance ของอุปกรณ์ที่รับสัญญาณเช่น หูัฟัง ควรมีค่าเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ impedance ของแหล่งจ่ายสัญญาณ เช่น K701 impedance = 600 Ohm ควรใช้กับแอมป์ที่มี out put impedance ประมาณ 600 Ohm (เท่าที่เจอ แอมป์ทั่วไปไม่ค่อยบอกค่านี้ เคยเห็นแต่ในแอมป์ที่ใช้งานระดับ prof. ที่มักจะขายแพง)
ในกรณีที่ impedance ของแหล่งจ่ายสัญญาณ (เช่น เราใช้แอมป์ที่มี out put impedance ต่ำกว่า 600 Ohm) ไปขับอุปกรณ์รับสัญญาณที่ impedanceสูงกว่า (เช่น ต่อกับ K701) พลังงานไฟ้ฟ้า(หรือ พลังเสียง) จากต้นทางจะไม่สามารถส่งไปยังปลายทางได้เต็มที่ เสียงที่ได้จะไม่สุดๆ
ในทางกลับกันถ้า อุปกรณ์รับสัญญาณมี impedance ต่ำมากๆ (เช่น ลำโพงบางตัวอาจมี impedance ต่ำกว่า 2 ohm ที่บางความถี่) ไปต่อกับแหล่งจ่ายสัญญาณที่ไม่สามารถขับโหลดที่มี impedance ต่ำๆ (เช่น แอมป์ทั่วไปไม่ควรต่อกับลำโพงที่มีimpedance ต่ำกว่า 2 ohm) จะทำให้ overload (ควันขึ้น แอมป์...เจอกับตัว) ครับ
ในกรณีที่ impedance ของแหล่งจ่ายสัญญาณ (เช่น เราใช้แอมป์ที่มี out put impedance ต่ำกว่า 600 Ohm) ไปขับอุปกรณ์รับสัญญาณที่ impedanceสูงกว่า (เช่น ต่อกับ K701) พลังงานไฟ้ฟ้า(หรือ พลังเสียง) จากต้นทางจะไม่สามารถส่งไปยังปลายทางได้เต็มที่ เสียงที่ได้จะไม่สุดๆ
ในทางกลับกันถ้า อุปกรณ์รับสัญญาณมี impedance ต่ำมากๆ (เช่น ลำโพงบางตัวอาจมี impedance ต่ำกว่า 2 ohm ที่บางความถี่) ไปต่อกับแหล่งจ่ายสัญญาณที่ไม่สามารถขับโหลดที่มี impedance ต่ำๆ (เช่น แอมป์ทั่วไปไม่ควรต่อกับลำโพงที่มีimpedance ต่ำกว่า 2 ohm) จะทำให้ overload (ควันขึ้น แอมป์...เจอกับตัว) ครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 00 dB
06/09/2009 22:36:39
ข้อมูลสนับสนุนว่า
\"แอมป์ทั่วไปไม่ค่อยบอกค่านี้ เคยเห็นแต่ในแอมป์ที่ใช้งานระดับ prof. ที่มักจะขายแพง\"
Predator Amplifier Specifications
Input Impedance: 50K
Output Impedance: 5 to 300 Ohms
Frequency Response: 5Hz to 100kHz
\"แอมป์ทั่วไปไม่ค่อยบอกค่านี้ เคยเห็นแต่ในแอมป์ที่ใช้งานระดับ prof. ที่มักจะขายแพง\"
Predator Amplifier Specifications
Input Impedance: 50K
Output Impedance: 5 to 300 Ohms
Frequency Response: 5Hz to 100kHz
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0nopphong
06/09/2009 22:43:57
5
701 อิมพีแดนซ์ 60 โอมห์ครับ :)
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 00 dB
07/09/2009 00:56:43
อ้าว ไก่ตัวใหญ่บินออกเป็นเล้าเลยแฮะ
ขอบคุณคุณ nopphong ที่ทักท้วง AKG 701 อิมพีแดนซ์ 60 โอมห์จริงด้วย K240 ถึง 600 โอมห์ ยินดีที่ได้รู้ว่ามีที่พึ่งทางเทคนิคแถวนี้ วันหลังมีปัญหาจะต้องรบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ขอบคุณคุณ nopphong ที่ทักท้วง AKG 701 อิมพีแดนซ์ 60 โอมห์จริงด้วย K240 ถึง 600 โอมห์ ยินดีที่ได้รู้ว่ามีที่พึ่งทางเทคนิคแถวนี้ วันหลังมีปัญหาจะต้องรบกวนขอคำแนะนำด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0