Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

อยากรู้เรื่องอุปกรณ์จ่ายสัญญาณเพลงครับ

kamonplu

26/03/2013 18:05:27
0
คือ ปัจจุบันเนี่ยมันก็มีโทรศํพท์แรงๆออกมาเยอะใช่ป่ะครับ ไหนจะ Sony Htc Iphone Samsung คือขอถามแบบโง่ๆเลยนะครับ ทำไมไออุปกรณ์พวกเนี้ยให้เสียงสัญญาณแตกต่างกัน อย่าง Htc one ล่าสุดจะมี boomsound ที่มี beat equalizer ที่ให้เบสค่อนข้างแน่น กับ Iphone 5 ที่ให้เสียงค่อนข้างโปร่ง ผมก็เลยงงว่า ทำไม Eqaulizer เปลี่ยน หรือ เครื่องเล่นเปลี่ยน ก็ให้เสียงต่างกันคนละเรื่องเลย ทั้งๆที่ในไฟล์เสียงก็มีเป็นคลื่นความถี่ ตัวแอมป์น่าจะขยายเสียงตามไฟล์ที่ให้มา ถ้าจะต่างน่าจะอยู่ที่รายละเอียดเสียงหรือคุณภาพที่ออกมาไม่แตก หรืออะไร ไม่ใช่มิติเสียง หรืออะไรที่มันต่างกันนี่ครับ =w= พูดไม่ค่อยถูก คือไฟล์อันเดียวกันทำไมเล่นต่างเครื่องเสียงต่างกันอ่ะครับ เครื่องเล่นที่ดี น่าจะต้องให้เสียงตรงกับคลื่นความถี่ของไฟล์มากที่สุดใช่ป่ะครับ? จากที่ผมลองฟังโทรศัพท์ ไอพอด หรือ Htc ที่มาแรงที่สุดในเรื่องการฟังเพลง มันถึงให้เสียงคนละรูปแบบกันลยครับ เพราะ Equalizer หรอครับ แล้วทำไม Eqaulizer ถึงเปลี่ยนเสียงอ่ะครับ

ขอบคุณที่ตอบนะครับ ผมเขียนงงนิดนึง พึ่งมาศึกษาเรื่องพวกนี้ปกติก็ใช้หูฟังฟังไม่ไ้ดสนใจอะไร แต่อยู๋ๆสงสัยขึ้นมา ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับผมม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

คนนี้

26/03/2013 18:29:09
0
ขอตอบแบบง่ายๆก็แล้วกันนะ โทรศัพท์มันเกิดมาสำหรับใช้โทรคุยกัน ส่วนฟังเพลงได้ ถ่ายรูปได้ เขาทำมาเพื่อให้มันมีเป็นของแถมเพื่อดึงดูด ล่อตาล่อใจให้คนซื้อ แต่จะไปหวังคุณภาพแบบเครื่องเสียงโดยตรง ก็คงไม่ได้ เพราะข้อจำกัดในเรื่อง1.ราคาขาย ถ้าสูงเกินไป คู่แข่งรายอื่นก็จะได้เปรียบทันที 2.ขนาด ก็ตัวถังเล็กนิดเดียวแต่อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะแยะมากมายไปหมด จะไปหวังอะไรได้มาก ผมเห็นเครื่องเล่นCD หรือ เครื่องเล่นUSB คุณภาพดี แค่เครื่องเดียวก็ตัวใหญ่กว่าโนตบุคขนาด 15นิ้วเข้าไปแล้ว เคยเปิดดูเครื่องภายในมันมีวงจรอัดแน่นเต็มไปหมด บางครั้งก็ยังหวังผลอะไรไม่ได้ ต้องมาลองฟังดู แล้วก็ต้องมาดูอีกว่ามันยี่ห้ออะไร รุ่นไหน (ยี่ห้อบอกคุณภาพ)ผมเคยใช้โทรศัพท์เปิดลองหูฟังตอนไปซื้อก็แค่เช็คดูว่ามันใช้งานได้ปกติ ไม่ชำรุดเท่านั้น เสียงที่ได้ยินจากโทรศัพท์เหมือนคนตีกลองไม่มีแรง แต่พอเอามาเปิดกับเครื่องเล่นCD (ที่ตัวมีช่องเสียบหูฟัง)เวทีเสียงกว้างขึ้นคนละเรื่องกับโทรศัพท์เลย และพอไปเสียบกับแอมป์ขยาย เสียงก็ยิ่งไปไกลขึ้นอีกหลายเท่าในทุกแง่มุม ที่เป็นเช่นนี้เพราะ แอมป์Hi-Endทั้งหลาย จะมีไดนามิคเฮดรูม(พลังสำรอง) 3-4 เท่า ซึ่งในโทรศัพท์ไม่มี เสียงที่ได้จึงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

kamonplu

26/03/2013 19:16:27
0
แล้วถ้าหมายถึงเครื่องเสียง hiend ล่ะครับ ที่จะมีเครื่องอ่านต่อไปที แอมพ์ พ่อผมเคยเล่นพวกนี้อ่ะ อันนึงก็ครึ่งแสน แต่ละตัว เสียงก็ไม่เหมือนกัน คือ ไฟล์ตัวเดียวกัน ความถี่ช่วงเดียวกัน เสียงน่าจะไปในทางเดียวกันป่ะครับ? หรือ แต่ละตัว ทั้งไอพอด โทรศํพท์ จะมีการปรับแต่งเสียงที่เป็น output ไปในตัวหรอครับ?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

borpit

26/03/2013 21:42:29
1
ต่างกันที่ชิพถอดรหัสเสียงเรียกว่า DAC ครับ digital to analog converter
เหมือนเอาแผ่นซีดีไปใส่เครื่องคนละรุ่นเสียบหูฟังแล้วเพราะไม่เท่ากัน ก็DACนี่หล่ะตัวหลักเลย
นอกจากนี้ก็ยิ่งมีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์วางเบียดกันยิ่งมากสัญญาณยิ่งกวนกันเยอะครับ
เหมือนเอาโทรศัพท์มือถือไปวางข้างเครื่องเสียงแพงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

veedemort

26/03/2013 22:22:44
58
ต่างกันที่ dac และ amp ภายในเครื่องคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

คนนี้

26/03/2013 22:33:25
0
การออกแบบเครื่องเสียง Hi-End วิศวกรที่ออกแบบแต่ละยี่ห้อ เขาจะมีโจทย์จากทางบริษัทอยู่ มีเอกลักษณ์ของเขา จะพบว่า ไม่ว่าจะเป็น มีการพัฒนารุ่นใหม่ๆ โดยศึกษาค้นคว้าจากรุ่นเก่าๆของเขา โดยยึดหลักแนวทางเดิมของเขา อย่างเช่น McIntosh ,Marklevinson,Krell,Pass Lap ,Accuphase ต่างก็มีดีอยู่ในตัว ไม่ว่ายี่ห้อไหนรุ่นใหม่/รุ่นเก่า ก็จะมีแนวเสียวคล้ายๆกัน แต่แนวทางเสียงก็มีดีไปคนละด้าน อย่างAccuphase จะเน้นไปทางเที่ยงตรง McIntosh จะเน้นไปทางนุ่มๆฟังสบายๆ(คล้ายๆNAD แต่ละเอียดกว่า)ส่วน Marklevinsonออกไปทางกังวานใส Krell ไปในมางนุ่มลึก Pass lapเจ้านี้ เนลสัน พาสเป็นผู้ออกแบบ มีความลุ่มลึกมากในวงการวิศวกรออกแบบเครื่องเสียง ถ้าเปรียบกับ หนังมังกรหยก ว่ากันว่า" เนลสัน พาส เปรียบได้กับ อึ้งเอี๊ยชือ" ผลิตภัณฑ์จาก Pass lap จะออกไปทางกังวาน หวานใสละเอียดระยิบระยับ อีกอย่างหนึ่ง การออกแบบวงจรของแต่ละค่ายก็มีลิขสิทธิ์อยู่ อีกนัยหนึ่ง เพราะคนเราไม่ได้ชอบเหมือนๆกัน มันจึงต้องมีผลิตภันฑ์มากมายหลายรุ่น หลายยี่ห้อ ถ้าคนเราชอบเหมือนๆกันหมด ก็คงไม่ต้องมีมากมายหลายยี่ห้อให้เรามาค้นหากันให้ปวดหัวเหมือนทุกวันนี้หรอก ถูกไหม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

planaria

06/04/2013 20:30:02
117
เป้าหมายหลักจริงๆ ของเครื่องเสียง คือการถ่ายทอดเสียงให้ออกมาเหมือนต้นฉบับที่สุดครับ แต่เนื่องด้วย ดนตรีเป็นเรื่องของมนุษย์ ทำให้มีเรื่องของรสนิยมเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องปัจเจก หูใครหูมัน ความชอบคนเราแตกต่างกันไป ครั้นจะทำให้เสียงออกมาตรงตามต้นฉบับทุกอย่าง แต่ไม่ถูกหูคนมันก็จะขายไม่ได้เอา มันจึงต้องมีการปรุงแต่งเสียงกันบ้าง (เหมือนการปรุงก๋วยเตี๋ยวน่ะครับ ก๋วยเตี๋ยวที่ตรงตามอุดมคติที่สุดคือก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ต้องปรุง อร่อยเสร็จมาจากในครัวเลย แต่จะอร่อยแค่ไหน มนุษย์เราก็ยังอดใจเอาไปปรุงไม่ได้อยู่ดี เพราะเราชอบกินรสชาติแบบที่เราชอบ ไม่ใช่รสชาติของก๋วยเตี๋ยวชามนั้น) เช่นเดียวกับดนตรีครับ ดนตรีที่ควรจะเป็นคือดนตรีที่ถ่ายทอดออกมาจากศิลปินตรงๆ แต่คนเราชอบเสียงไม่เหมือนกัน ก็เลยมักจะปรุงเสียงนั้นให้ตรงกับความต้องการของตัวเอง จึงเป็นที่มาของ Eqaulizer (ซึ่งจริงๆ มันเอาไว้ปรับแก้ปัญหาด้านอคูสติกเสียงของพื้นที่ที่เปิดเพลงต่างหาก) พวกเครื่องเสียงแบรนด์ต่างๆ ทั่วไป ที่เป็นคอนซูมเมอร์โปรดักซ์ก็เลยมักจะทำการปรุงแต่งเสียงเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนส่วนใหญ่ (และใช้คำที่สวยหรูว่า ความเป็นดนตรี) โดยเทคนิคการปรับแต่งเสียงก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละค่ายและผลลัพธ์ที่มุ่งหวังจะให้เป็น รวมถึงหลักการโฆษณานั่นแหละครับ (จริงๆ มันก็คือการปรับแต่งความถี่เสียงในแต่ละย่านนั่นแหละ)

ถ้าอยากฟังเสียงที่ใกล้เคียงต้นฉบับมากหน่อย ให้ไปฟังเครื่องเล่น Recorder กับหูฟังมอติเตอร์ดูครับ คุณอาจจะได้รู้ว่าเสียงดนตรีที่ยังไม่ได้ปรุงมันเป็นยังไงน่ะ ^^" (ไม่รับรองว่าจะถูกใจนะครับ เพราะคนเราชอบกินก๋วยเตี๋ยวที่ปรุงแล้วฉันใด ก็ชอบเสียงดนตรีที่ปรุงแล้วฉันนั้นครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"อยากรู้เรื่องอุปกรณ์จ่ายสัญญาณเพลงครับ"