ต้องใช้แอมป์ไหมครับ ตอบทีครับ

หูฟัง grado เหมาะกับเพลงร็อกไหมครับ

ผมใช้ 80i ครับก็ไม่น่าต่างกันมาก
amp ไม่ต้องครับขับได้อยู่แล้ว
ผมว่า rock ok เลยครับ

ควรหาซื้อ DAC หรือ external soundcard ครับ เพราะฟังตรงจาก notebook มันจะมีเสียงรบกวนเข้ามาเยอะเหมือนกัน ประเภทเสียง hdd หมุน ฯลฯ ครับ

พี่tanan ผมมีความคิดอยากได้ notebook มีงบประมาณ15000+ แต่ยังเก็บตังอยู่ ช่วยแนะนำหน่อยได้ไหมครับ notebook อันเก่า ตายแล้ว

ถ้าแค่ฟังเพลงรุ่นอะไรก็ได้ครับแต่อยู่ได้นานแล้วก็เล็กเล็กคับ ส่วนตัวผมก็มีเหมือนกันนะ60iเนี่ยะ
ลองหาdacมาใช้ดู ไม่ก็ใช้program srs audio ก็ได้คับ

จะใช้งานประเภทใหนละครับ NB งบนี้เอา netbook ไปก็ได้ครับถ้างานไม่หนักมาก

Grado ฟังผ่าน NB ได้เลยครับ แต่อย่างที่คุณ nopphong ว่า ควรหา DAC ราคาไม่แพงอีกซักตัว
ผมเคยใช้ iBasso D2 Boa กับ Alessandro MS-1 เสียงดีกว่าต่อตรงจาก NB มากอย่างไม่น่าเชื่อ

พอดีสงสัยครับ ที่คุณ nopphong บอกว่า เสียงหมุนของ hdd จะเป็นเสียงรบกวนนี่หมายถึงยังไงครับ

พอดีไม่ค่อยเข้าใจซักเท่าไร

ถ้าฟังเพลง หรือ ทำอะไรก็ตาม hdd มันก็จะหมุนปกติอยุ่แล้ว เสียงที่เกิดจากการหมุนของ hdd มันก็จำเป้นต้องมีอยู่แล้ว

แต่มันจะเข้ามาในหูฟังได้ยังไงครับ

พอดี มือใหม่อยู่เลย ถาม

ผมค่อนข้างโรคจิตแฮะ ถ้าสงสัยอะไรจะต้องรู้ให้ได้แหมะ

แหะๆ

เข้าใจว่าเป็นการรบกวนทางไฟฟ้า และสนามแม่เหล็กนะครับ
เพราะระบบจ่ายไฟของ pc,notebook มีขยะแฝงมาเยอะอยู่ครับ
อย่าง hdd ก็มีการทำงาน(หมุน+เหวี่ยง)ซึ่งตัวมันเองก็น่าจะก่อให้เกิดผลรบกวนทางไฟฟ้า
....เดานะครับ....

จริงๆ ไม่ใช่แค่ HDD หรอกครับ อุปกรณ์ภายในของคอมพิวเตอร์สร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนทั้งนั้น แต่ HDD มันต้องมีการหมุนจานแม่เหล็ก (เว้นแต่จะใช้ SSD) ไอ้ตัวนี้มันเหนี่ยวนำสัญญาณไปรบกวนในระบบไฟฟ้าทั้งหมด คลื่นไฟฟ้ารบกวนนี้แหละมันแพร่กระจายไปหมดในระบบไฟของคอมพิวเตอร์ มันไม่ได้ทำอันตรายอะไรหรอกใครหรอกครับ

อย่างไรก็ดี การฟังเพลงจากคอม สำหรับพวกหูฟังที่ sensitive มาก อย่างพวกกราโด้ กระบวนการในการแปลงข้อมูลดิจิตอลเป็นอนาลอก (สัญญาณไฟฟ้า) เกิดขึ้นในคอมพิวเตอร์ คลื่นไฟฟ้าที่เกิดจากการทำงานของเครื่องคอมนี้พวกนี้จึงไปกวนสัญญาณเสียง (ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้า) ทำให้เกิดเสียงรบกวนเวลาใช้หูฟัง แต่คลื่นรบกวนนี้ฟังออกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับหูฟังและคนฟังด้วยครับ บางคนก็ไม่ได้ยินหรอก เพราะมันไม่ได้ดังมากจนกลบเสียงเพลง มันแค่เป็นคลื่นซ่าๆ ยืนพื้นอยู่ในเสียงดนตรี

DAC จึงเป็นทางออกที่ดี ในการลดเสียงรบกวนการจะบบไฟฟ้าเหล่านี้ เพราะในการแปลงสัญญาณดิจิตอลออกมาเป็นสัญญาณอนาลอกจะมีการประมวลผลที่ภายนอกเครื่องคอม (ก็ที่ DAC นั่นเอง) ทำให้คลื่นเสียงสัญญาณไฟฟ้ามันสะอาดขึ้น ลดจากการรบกวนของคลื่นไฟฟ้าอื่นๆ ในคอม (แต่ก็ยังเสี่ยงกับปัญหาอื่นๆ อยู่ดี อาทิ jitter อิอิ)

ปล.ผมงูๆ ปลาๆ นะ

เขียนงงไปหน่อย ขอโทษนะครับ คือในวรรคที่สองหมายความว่า พอมีสัญญาณไฟฟ้ารบกวนในสัญญาณไฟฟ้าเสียงแล้วเนี๊ยะ หูฟังที่ Sensitive มากๆ อย่าง กราโด้ ก็รับเอาไอ้สัญญาณรบกวนที่มาพร้อมเสียงเนี๊ยะ ไปแปลงออกมา (ที่ driver) เป็นคลื่นเสียงด้วย มันเลยมีเสียงอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสียงดนตรีที่เค้าอัดมา ปนออกมาให้ได้ยินด้วย น่ะ

ตามที่คุณ hannibal บอกครับ
คือในคอมสัญญาณรบกวนเยอะ โดยเฉพาะการหมุนของฮาร์ดดิส และการขยับหัวอ่านของฮาร์ดดิส มันจะมีการกินไฟเป็นระยะๆ มันจะปล่อยสัญญาณรบกวนเข้าไปในระบบไฟครับ ซึ่งถ้าเป็นส่วนของดีจิตอล สัญญาณพวกนี้แทบจะไม่มีผล เพราะระดับสัญญาณมันต่ำ
แต่พอผ่านซาวการ์ดแล้วแปลงเป็นอนาลอก ตรงส่วนนี้ให้สัญญาณที่อ่อนมากๆเป็น mV ก็สามารถรับรู้ได้ครับ ทีนี้ซาวการ์ดในเครื่องมันอยู่ชิดกับตัวปล่อยสัญญาณรบกวนข้างใน จะเป็นยังไงก็คิดดูครับ ถ้าไม่เป็นแบบที่ออกแบบมาพิเศษชีลด์กันสัญญาณรบกวนอย่างดีก็มักจะไม่รอดโดนกวนทุกรายไปครับ
ใช้เป็น DAC ต่อข้างนอกจะได้สัญญาณที่สะอาดกว่า และ DAC ข้างนอกมักจะมีคุณภาพสูงกว่าซาวออนบอร์ดด้วยครับ
แต่ก็จะมีข้อเสียที่การส่งสัญญาณผ่าน usb บางครั้งถ้าใช้คอมไปฟังเพลงไปอาจจะมีสะดุดได้บางช่วงเวลาใช้โหลดหนักๆครับ แต่โดยรวมแล้วยังไงก็ดีกว่า คุ้มค่าการลงทุนครับ

ผมใช้ปรีแอมป์หลอดรับสัญญาณจากช่องหูฟังโนตบุ้คและถีงป้อนเข้าแอมป์อีกที คุณภาพเสียงดีขี้นมาก ฟังแบบไม่ซีเรียสสบายๆ

ตามวิธีที่คุณ boy บอก คือต่อเข้าปรีหลอด อันนี้ช่วยได้จริงๆครับ
เพราะหลอดจะตอบสนองความถี่สูงมากๆได้ไม่ดีนัก พวกสัญญาณรบกวนเลยโดนกรองหายไปมาก เสียงมีมาแบบแข็งๆก็นุ่มลง
อย่างผมทำ dac ขึ้นมาตัวนึงแล้วใช้ output เป็นหลอดนั้นเสียงดีกว่าใช้เป็น opamp มากครับ

note book ผม asus ขับแบบเต็มกลืนครับ เปิดสุดๆแล้ว ถ้าจะหวังให้ดังเลยคงยากหน่อย (sr225)

ถ้าเน้นฟังกับ notebook คงต้องหาตัวช่วยแล้วครับ ถ้าฟังไม่ดังมากก็คงพอได้

ผมใช้ macbook pro อยู่ ผมว่ากำลังขับดีมากเลยนะ ผมเปิดเสียงแค่ จุด เดียว จากประมาน 15จุด ก็ดังเพียงพอแล้วครับ คุณภาพเสียงออกมาก้ดีกว่า iphone 3g อีกนะ เต็มอิ่ม และ วอรม กว่าหน่อย

คุณ nopphong ครับ เอาอย่างคุณ boy ว่าเป็นทางแก้ที่เข้าท่าเหมือนกันนะ แต่มันจะเป็นการ double amplification รึเปล่าครับ คือถึงแม้จะแก้เรื่อง noise ได้ แต่มันเป็นการแก้แบบที่ปลายเหตุ (เหมือนใช้อุปกรณ์ noise reduction) ถึงมีเนื้อหนัง แต่ลด sound quality ลง รายละเอียดเสียงจะหดหาย ความเป็น liquid ในน้ำเสียงจะกระด้างขึ้นและ dynamic เสียนะครับ การ double amp เป็นหนทางที่ควรหลีกเลี่ยงนะครับ

ใหนๆ คุณ boy ก็ใช้แอมป์หลอดแล้ว ลองหา dac มากั้นระหว่าง com และ amp น่าจะให้สัญญาณที่มีคุณภาพมากขึ้นนะครับ ออกมาดีกว่าเดิมแน่นอน

ลืมบอก note book ผม asus ถ้าใช้กับ kac35 AKG420 ดังใช้ได้เลย แต่ SR225 นี่อย่างที่บอกครับ เต็มกลืน

ตอบคุณ hannibal นะครับ
คือจะว่ามันไปลดรายละเอียดมันก็ใช่น่ะครับ แต่โดยน้ำเสียงระหว่างหลอด กับ solid มันต่างกันอยู่แล้ว หลอดจะให้เสียงออกแนวนุ่มนวลฟังสบาย แต่โซลิดจะออกแนวคมชัดทุกรายละเอียด แล้วแต่ชอบแหละครับ

จริงๆจะต่อพ่วงอีกชั้น หรือ double amp ถ้ามันเป็น โซลิตกับโซลิต หรือหลอดกับหลอด อันนี้ไม่น่าทำเพราะจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนอกจากคุณภาพที่จะลดลง แต่ถ้าจากหลอดไปโซลิดหรือโซลิดไปหลอด อันนี้จะมีความแตกต่างในน้ำเสียงเยอะจนเรื่องคุณภาพที่ลดลงอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ยอมรับได้ครับ

แต่ว่าออกจากปรีหลอดก็ต้องไปเข้าแอมป์อีกที ดูจะเป็นการต่อพ่วงที่ยาวววที่เดียว อิอิ
ถ้าจะตรงๆได้ใจความ วิธีต่อ DAC ที่มีแอมป์ในตัวดูจะเข้าท่ากว่าครับ

สุดยอดครับ

ความรู้ใหม่ๆ

ขอบคุณทุกๆ ท่านครับ

อ่า ด้วยความเคารพนะครับ

ปรีแอมป์ กับ แอมป์ธรรมดา (น่าจะเรียกว่าเพาเวอร์แอมป์ใช่ไม๊ครับ) มันเป็นเครื่องขยายเสียงที่เหมือนกันรึป่าวครับ

เช่น ถ้าจากคอมมาเข้าลูกเจี๊ยบ แล้วจาก ลูกเจี๊ยบ มาเข้า ibasso d2 นี่ จะเรียกว่า ลูกเจี๊ยบเป้น ปรีแอมป์ รึป่าวครับ

หรือว่า ปรีแอมป์ เป็นเครื่องขยายเสียงที่ทำมาเฉพาะๆๆๆ เลยทีเดียว คืออ่านในกระทู้ก่อนๆ แล้วก็ยัง งง ครับ

ขอบคุณครับ

DAC มันคืออะไรครับ ผม งง มาก จะว่าโง่ก็ได้นะครับ

DAC ย่อมาจาก Digital Analog Converter หรือย่อได้ว่า D/A หมายถึงวงจรแปลงสัญญาณครับ

อ่า ตามความเข้าใจผมแล้วปรีแอมป์ไม่ใช่เครื่องขยายเสียงนะครับ แต่เป็นตัวปรับจูนเสียง โดยมากแล้วจะมาให้เห็นในหน้าตาของEQ ส่วนตัวที่ขยายเสียงคือเพาเวอร์แอมป์ครับ คือเพิ่มกำลังขับอ่างเดียว แต่บุคลิคเสียงต่างกันออกไป
ไม่รู้เอามะพร้าวห้าวมาขายสวนรึเปล่า เอิ๊กส์ๆ

อูย...เป็นคำถามที่เจ็บฟันมากครับ แต่ผมขออนุญาตแชร์ความรู้แบบงูๆ ปลาๆ ของผมนะ

ก่อนอื่น การมี preamp และ poweramp ไม่เป็นการ double amplification ครับ เพราะเป็นการขยายที่มีเหตุต่างกัน

Preamp เป็นศัพท์แสงที่ทางผู้เล่นเครื่องเสียง \"มัก\" หมายถึง กระบวนการปรับแต่ระดับของสัญญาณให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ระหว่างตัวอุปกรณ์หนึ่งกับอุปกรณ์อีกตัวหนึ่งก่อนที่จะมีการดำเนินการอื่นใดต่อไป ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือการปรับระดับของสัญญาณที่ออกมาจาก output ของอุปกรณ์หนึ่ง (อาทิ เครื่องเล่นแผ่น) ให้มีระดับที่เหมาะสมที่จะเข้าไปสู่ input ของอุปรณ์หนึ่ง (อาทิ power amp)

Power amp คือการขยายสัญญาณที่ได้รับมา เพื่อเพิ่มกำลังไฟฟ้าขับดันให้กรวยลำโพงมันขยับ การเร่ง poweramp คือการเร่งเสียงให้ดัง

ในวงจรเครื่องเสียงแบบพื้นฐาน สามารถวาดรูปดูง่ายๆ คือ...
Source (อาทิ cd player) --> Preamp (ขยาย gain ให้เหมาะสมสำหรับการส่งต่อไปขยาย) ---> Power amp (เพิ่มกำลังขับให้เหมาะแก่การดัน coil ให้ขยับ) ----> Speakers

ปัญหาคือ เมื่อกล่าวถึงกรณีของผู้เล่นหูฟังนั้น... Source และ preamp (และในหลายๆกรณี รวม poweramp ไปด้วย) มักเป็นอุปกรณ์เดียวกัน (pre+power เช่น standalone headphone amp ส่วน source+pre+power เช่น iPod) มันเลยมองไม่เห็นภาพเส่นทางการทำงานเท่าใหร่ แต่จริงๆ ก่อนการขยายกำลัง (poweramp) เพื่อขับลำโพงหรือหูฟังนั้นนั้น จะต้องมีการปรับสัญญาณให้เหมาะสมแก่การขยายกำลัง ซึ่งในขั้นตอนนี้ หลายๆ ครั้ง จะมีการทำปรับแต่งสี (coloration) หรือการปรับ Equalizer ให้เสียงออกมาถูกอกถูกใจก่อนขยายเสียงออกลำโพงนั่นเอง

ปล. หลายๆ ครั้ง ผู้เล่นเครื่องเสียงอาจวางอุปกรณ์ EQ ไว้ก่อน ระหว่าง หรือหลัง preamp ก็ได้ หรือจะวางไปไว้ระหว่างหรือหลัง poweramp ก็ได้ ผลที่ได้นั้นต่างกันมาก ใครที่เล่นเครื่องเสียงบ้านหรือ เล่นกีต้าร์ไฟฟ้าและใช้แอมป์แบบแยกชิ้นจะเห็นภาพได้ชัดเจนเลยครับ

ย้ำอีกที ผมงูๆ ปลาๆ นะ

โอววว ... มันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์จิงๆ ...

สรุปแล้วเจ้าibassoนี่มันคือDACหรือpowerampเหรอครับ ผมยังงงๆ เพิ่งจะสนใจครับ เพราะกำลังรอbid Graham Slee ตัวsolo จากebay อยุ่พอดี สรุปมันคือampอย่างเดียวหรือ dac ด้วยครับ

เป็นทั้งคู่เลยครับ มีทั้ง dac และแอมป์ในตัว

อ้อ ดีเลยถ้างั้น ขอบคุณครับ (^^,)

นี่ๆ ผมสงสัยอีกแล้วครับ

จากที่ว่า hdd มันหมุนแล้วมันจะมีผลกระทบต่อเสียงมากมายใช่ไหมครับ

แล้วอย่างพวก iPod มัน ก็น่าจะเป็นเหมือนกับ notebook ใช่ไหมครับ

หรือยังไง อธิบายให้ฟังหน่อยครับ

ขอบคุณครับ