
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวบนหนทางของการหาหูฟังคู่ใจของผมมาเล่าให้ฟังกัน ซึ่งหลังจากที่ผมได้รู้จักกับเฮียมั่นคงเมื่อหลายปีที่แล้วเนี่ย ถึงตอนนี้ผมหมดกะตังค์ไปมากหลายกับกิเลสที่เฮียแกเป็นคนเริ่มต้นให้ ไม่น่าเชื่อว่าจาก Koss KSC-35 ผมจะมาไกลจนถึงหูฟัง IEM Custom ได้
หลังจาก Koss ผมลองใช้ Alessandro MS-2 อย่างมีความสุขอยู่พักใหญ่ๆ แล้วก็เปลี่ยนวิถีทางไปเล่นเครื่องเสียงบ้านหมดเงินไปหลายแสน ซึ่งก็มีความสุขสุดๆ ครับ จนกระทั่งภรรยาตั้งท้อง... วันๆ ฟังแต่เพลงคลาสสิคเผื่อลูกเกิดมาจะฉลาดกะเขาบ้าง ผมก็เลยหันเหกลับมาเล่นหูฟังอีกครั้ง (เพื่อจะได้ฟังเพลง Metal ได้โดยไม่โดนเมียด่า) คราวนี้เปลี่ยนแนวมาเป็น IEM ซึ่งก็ตัวเดียวจบเลยกับ Shure E500 และคิดว่าคงจะไม่เปลี่ยนอีกแล้ว จนกระทั่งมีเหตุจำเป็น...
เหตุจำเป็นที่ว่าก็คือ หูฟัง Shure E500 ของผมมันแกนที่ใส่จุกยางมันหักครับ ซึ่งทำให้กลายเป็นหูฟังหมดสภาพไปในทันที วิธีแก้แบบยั่งยืนมีทางเดียวเท่านั้นคือแกะเอาไปทำ Custom กับพี่อ้วน ณ มารุ่งโรจน์นั่นเองครับ
หลังจากหาข้อมูล ติดต่อกับพี่เขาซักระยะนึง จนแน่ใจ ผมก็เข้าไปพิมพ์หูและเอาซากหูฟังไปให้พี่อ้วนครับ ช่วงนั้นกำลังมี Group Buy ของเพื่อนๆ ในเวป TAF อยู่พอดี ทำให้คิวค่อนข้างยาว กว่าผมจะได้ก็ต้องรอประมาณหนึ่งเดือนโน่นแน่ะ
วันที่หนึ่ง
วินาทีแรกที่ลองใส่ โอ้ว ทำไมมันถึงได้ใส่ยากใส่เย็นอะไรขนาดนี้ แล้วก็ไม่เห็นว่ามันจะฟิตพอดีกับหูของผมตรงไหน แถมยังรู้สึกเจ็บที่หูอีกด้วยเหมือนกับว่าคับเกินไปครับ เฮ้อ ท่าจะเหลวซะละมั้ง
แต่หลังจากน้องที่มาดูแล ช่วยขยับให้มันเข้าที่เข้าทาง ความรู้สึกอึดอัดตอนแรกก็หายไปโดยสิ้นเชิง แต่นั่นก็เฉพาะหูข้างซ้ายเท่านั้น ข้างขวายังคงอึดอัดอยู่นิดหน่อยครับ เฮ้อ แต่น้องเขาก็บอกว่าแรกๆ จะรู้สึกแปลกๆ หน่อยเพราะยังไม่ชิน ลองเอากลับไปฟังดูก่อนซักสองสามวัน ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็กลับมาแก้ไขใหม่ครับ
วันแรกนี่ยังไม่ต้องพูดกันเรื่องเสียง เพราะว่าใส่แล้วเจ็บหูขวาเลยพาลไม่อยากจะฟังนานๆ เอาน่ะครับ
วันที่สอง และวันต่อๆ มา
วันนี้ลองใหม่ ใส่ๆ ถอดๆ ถอดๆ ใส่ๆ จนกระทั่ง... เฮ้ย อยู่ดีๆ ทำไมไม่เจ็บแล้วละ...
สรุปว่า ตอนแรกน่ะผมใส่ไม่ถูก 555 ตอนนี้รู้ทริคแล้วครับ ใส่แล้วต้องหมุนนิดนึงแล้วมันจะเข้าที่ของมันเองอย่างไม่ยากเย็นนัก ความอึดอัดที่เคยรู้สึกตอนแรกหายไปโดยสิ้นเชิง
ที้นี้ก็เริ่มฟังจริงๆ จังๆ ได้แล้วละ
สิ่งแรกเลยที่ฟังออกอย่างชัดเจนก็คือ ผมเปิดโวลุ่มได้น้อยลงกว่าเดิมเยอะมากๆ คงเป็นเพราะการซีลเสียงที่ดีขึ้นกว่าเดิมครับ
สิ่งต่อมาที่รู้สึกก็คือ คาแรคเตอร์เดิมๆ ของ E500 ยังอยู่ครบถ้วน ความเป็นมอนิเตอร์ตรงไปตรงมาทื่อๆ ของมันก็ยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นมาก็คือ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน และเสียงเบสที่กระชับขึ้น (Opus 3 Test CD 4, Jazz at the Pawnshop, Best Audiophile Voices, The Greatest Basso, Sheffield Lab : The Sheffield Jazz Experience, Eric Tingstad & Nancy Rumbel : Give And Take)
นอกนั้น มันก็ยังเป็น E500 ที่ผมชอบนั่นละครับ เพียงแต่ตอนนี้มันกลายเป็น E500 ที่ใส่สบาย ไม่ต้องกลัวเบสหายจากการที่ใส่ไม่พอดี และรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
แผ่นทดสอบผ่านไปแล้ว ก็ลองมาฟังเพลงสไตล์ Metal ที่ผมชอบอย่าง Dream Theater ชุด Awake โอ้ว เสียงแน่นมากๆ แต่ยังเต็มไปด้วยรายละเอียด เสียงกระเดื่องก็สะท้านทรวง เสียงแฉก็กรุ๊งกริ๊งได้ใจมากๆ ฟังแล้วต้องโยกหัวตามโดยที่ไม่กลัวว่าหูฟังจะหลุด
สรุปว่า ผมชอบมากครับ นอกจากเสียงจะดีแล้ว ตัวหูฟังเองก็สวยงามสมใจเลยครับ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ (โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการต้องไปซื้อหูฟังใหม่) คงไม่เปลี่ยนหูฟังไปอีกนาน จนกว่า driver จะเจ๊ง ไม่ก็ทำหายนั่นละครับ
ณ ตอนนี้ หูฟังคู่นี้คือปลายทางของผมแล้วละ คงไม่ขวนขวายหาอะไรมาแทนที่อีกแล้ว ทุกวันนับจากนี้ไปคือความสุขในการฟังเพลงล้วนๆ ครับ เอิ๊กๆ ซีดีกว่าพันแผ่นของผมคงต้องขุดขึ้นมาฟังกันให้หูแตกกันไปข้างนึงเลย (ถ้าเมียไม่ด่าซะก่อนนะ 555)