Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ทดสอบ D-Zero ภาคเสริม แบบหูทอง(แดง) กับกระผมนาย Telemaster

Telemaster

30/01/2013 22:33:46
0



สวัสดีครับกระผม ห่างหายไปนานเลยกับการรีวิว วันนี้ก็กลับมาอีกครั้งหลังจากลองฟัง วิจัย วิเคราะห์ เจาะลึก ล้วงลูก จับเข่า ฯลฯ เยอะไปและ5555 เอาเป็นว่า เรามาดูรายละเอียดกันดีกว่าคับ วันนี้กระผมขอนำเสนอ D Zero บางคนบอกเอาอีกและ มาอีกและ5555 คับ ผมยอมรับว่ามีหลายๆท่านนั้น เห็นการรีวิวกันค่อนข้างเยอะแล้ว จะมาพูดอะไรอีก มันมีเรื่องที่กระผมเองบังเอิญว่าไปเจอเรื่องที่สอดคล้องกัน และดูน่าจะเป็นประโยชน์และให้ความรู้กันบ้างล่ะ(มั้ง) 5555 เอาละคับ มาดู D Zero ของกระผมกันก่อนดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

13meaw

30/01/2013 22:40:29
0
รออ่านครับ :))
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Telemaster

30/01/2013 22:41:36
0



เจ้า D Zero ตัวนี้อยู่กลับผมมาได้เกือบจะปีนึงแล้วล่ะคับ ตอนนั้นกำลังหา DAC มาใช้กับคอมพิวเตอร์อยู่พอดี เท่านั้นบอกตรงๆว่าที่ซื้อเพราะตัวนี้ดูคุ้มตังมากที่สุดคับ 5555 เพราะมีทั้ง DAC และเป็นแอมป์หูฟังอยู่ในตัวเดียวกันเลย โอ้ย คุ้มสุดๆ5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Telemaster

30/01/2013 22:42:51
0



ตัวนี้ผมใช้ทุกวันคับสภาพนี้ ตามกาลเวลาเลยคับ5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Telemaster

30/01/2013 23:10:20



เอาล่ะ เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะคับ เจ้าตัวนี้ในการรีวิวของ พี่แพะ หรือจะเป็นเฮียมั่น นั่นก็ได้แจกแจงเรื่องรายละเอียดของเจ้า D Zero กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นกระผมขอข้ามไปเลยนะคับ
เรื่องที่จะมาพูดวันนี้จะมี 3 เรื่องคับ
เรื่องแรกนั้น แน่นอนคับว่าต้องเป็นเรื่องของ เสียงของเจ้า D Zero นั่นเอง ต้องบอกก่อนว่าอันนี้เป็นความคิดส่วนตัวของผมนะคับ ไม่ต้องยึดเอาเป็นหลัก เอาไปเป็นตัวประกอบในการตัดสินใจเองนะคับ หูของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ผมมันหูทอง(แดง)55555

อุปกรณ์ที่ผมใช้นั่น มีดังนี้คับ
Ipod touch 4
mini to mini handmade by กระผมเอง5555
Doc to mini ALO
Yuin PK3 Mod by กระผมเอง(อีกแล้ว)5555
Audio Technica ATH-RE70
Audio Technica ATH-CKL200
Onkyo CR-185
Sony speaker
เท่าที่ฟังมานะคับ อย่างแรกที่ประทับใจเลย และเป็นเรื่องที่โดดเด่นมากๆของเจ้า D Zero นั่นก็คือเวทีเสียงคับ มันกว้างออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างดูชัดเจน เป็นชิ้นเป็นอัน มันรู้สึกว่าให้รายละเอียดได้มากกว่าตอนที่ไม่ได้ใช้เสียอีก แล้วก็เป็นเช่นเดียวกันเมื่อเวลาใช้งานเป็น DAC แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเวลาใช้เป็น DAC จะให้เสียงที่อิ่มกว่าเล็กน้อย เรื่องนี้ผมได้ทำการวิเคราะห์แล้วเดี๋ยวจะเล่าในหัวข้อถัดไปคับ ในช่วงแรกๆรู้สึกให้เสียงที่โปร่ง อย่างที่พี่แพะบอกว่า แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว หลังจากพ้นระยะการเบิร์นไปแล้วเสียงมันเริ่มหนามากขึ้น เบสดูแน่นขึ้น ลูกใหญขึ้น ลงได้ลึกขึ้นกว่าตอนแรกมาพอสมควรเลย เป็นเบสกลมๆคับ ไม่หนาไป และไม่น้อยไป เจ้า D zero นี่ก็เป็นแอมป์ที่ขี้ฟ้องใช้ได้เลย เปลี่ยนสายสัญญาณ ความรู้สึกก็เปลี่ยน เป็นเรื่องที่ดีคับ ไม่ใช่ว่าเสียบสายนั่น สายนี้ ยังเหมือนเดิม55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Telemaster

30/01/2013 23:56:30



เรื่องที่สอง นี้ผมจะว่าถึง Gain 2 ระดับ ที่เจ้าตัว D zero นั้นติดมาให้ ผมได้ไปเจอเรื่องที่คล้ายๆกันซึ่งพอคิดดูดีๆมันเป็นเรื่องเดียวกันก็เลยอยากเอามาแชร์กันคับ
อันนี้จริงกระผมเองนั้นเป็นนักดนตรี ก็ได้ติดตามเรื่องที่เกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับดนตรี ทีนี้เมื่อปีที่แล้ว หากใครเป็นมือกีต้าร์นี่จะเห็นค่ายที่ผลิตแอมป์กีต้าร์พวกรุ่นใหญ่ๆทั้งหลายนี้เค้าแห่กันออกหัวแอมป์ตัวเล็กๆ หรือถ้าเป็นตัวใหญ่นี้จะมาพร้อมกับฟังชั่นนึงที่สามารถลดทอนวัตต์ลงมา ซึ่งไอ้ฟังชั่นนี้ล่ะคับ ตรงกับเจ้า D zero เลย คือ ถ้าแอมป์ถูกลดทอนวัตต์ลงมามากๆนี้ ความดังของมันก็จะลดลงมาด้วย ซึ่งดูจากการทำงานนี้เหมือนกันเลย แล้วเค้าทำทำไม

เรื่องที่จะต่อจากนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่อง การฟังเพลงสักเท่าไหร่นะคับผม แต่มันเกร็ดความรู้ที่อยากเอามาแชร์กันคับผม^^

เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อในอดีตนั้น การเล่นดนตรีในสมัยก่อนไม่มีพวกเครื่อง PA
มาช่วยชักเท่าไหร่ เค้าเลยต้องเล่นกันเสียงดังมากๆ ทีนี้เวลาเล่นดนตรีเนี่ย แน่นอนคับว่า เครื่องดนตรีในตอนนั้นที่ดังสุดในวงเลยก็คือ กลองชุดนี่ล่ะคับ พอเล่นเป็นวงเนี่ย มือกีต้าร์กับมือเบสเนี่ยมันไม่ค่อยได้ยินสักเท่าไหร่ ก็เลยต้องเร่งแอมป์ชนิดที่เรียกว่า ถ้ามีเบอร์ 11 บิดไปเบอร์ 11 แล้ว พอต่อมานั่นระบบ PA ก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการแสดงสด แล้วที่นี้ไอ้ครั้นที่เราจะไปบิดสุดเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้แล้ว ก็ลดโวลุ่มลง ปรากฏว่าเนื้อเสียงมันหายไป ทำไงล่ะทีนี้ ก็ต้องหาแอมป์ที่มีกำลังวัตต์ลดลง นั่นแหละคับถึงจะได้เนื้อเสียงที่มาแบบเต็มอื่มเหมือนเดิม ในสมัยนี้ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไปคับ ปัญหาของมือกีต้าร์ส่วนใหญ่นั่นก็คือ เวลาจะซ้อมที่บ้านเนี่ย ก็กะจะเอาแอมป์ที่ใช้เล่นมาซ้อมที่บ้าน ก็กลัวเสียงดังจนข้างบ้านอาจจะเขวี้ยงกระถางดอกไม้มาให้คุณก็ได้ ซึ่งก็มีคนผลิตตัวลดวัตต์ของแอมป์ลง แล้วมันก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

แล้วทำไมเค้าถึงต้องลดวัตต์ลงมาล่ะ?? ก็เพราะว่า มันจะมีจุดๆ นึงที่ให้เนื้อเสียงของกีต้าร์ออกมาแบบเต็มๆยังไงล่ะคับ ในที่นี้ผมเรียกว่า Sweet Spot ก็แล้วกัน พอทีนี้ผมเริ่มสงสัยในการปรับ Gain 2 ระดับของเจ้า D Zero ผมจึงลองดู ในตอนนี้ผมใช้เจ้า Yuin PK3 เป็นหลัก ผมจะยกตัวอย่างจากตัวนี้นะคับ ผมลองปลับไป Hi เลยแล้วลองฟังในระดับเสียงที่ผมฟังปกติเนี่ย เสียงที่ออกมามันกร้าวๆ คม ย่านกลางรู้สึกได้ว่าแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสียงแหลมมันจะดูขุ่นๆนิดๆ กลางแหลมจัดขึ้มมาทันที แต่พอผมปรับไป Lo ทุกอย่างดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ฟังนานๆไม่ล้าหูคับ หูฟังแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อนั้น ก็จะมีจุด Sweet Spot ที่ต่างกัน ซึ่งฟังชั่นนี้มีประโยชน์มากๆเลยล่ะคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Telemaster

31/01/2013 00:17:47
0



ส่วนเรื่องที่สามนี้ ผมจะมาพูดถึงเรื่อง โวลุ่ม ของเจ้า D zero กันหน่อยนะคับ

เมื่อไม่นานมานี้กระผมนั้นได้ได้มีปัญหากับเจ้า D zero มาคับ อาการของมันคือ เสียงจะออกมาไม่เท่ากัน เวทีเสียงเลยดูแปลกๆ ในตอนแรกผมคิดว่ามันคงต้องเข้าศูนย์แล้วสินะ งานงอกเลย เครียด เพราะขาดมันไม่ได้55555 แต่ด้วยความซนของกระผมเอง เลยถือวิสาสะ แกะมันออกมาดูเลยว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะถ้าส่งศูนย์นี้ผมคงเครียด เพราะติดมันงอมแงม แกะออกมาดูเลยคับว่าเกิดอะไรขึ้น พอแกะออกมาก็สำรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่า มันฝุ่นจำนวนมากตรงโวลุ่ม ก็เลยจัดแจงเช็ดชะ แล้วลองมาฟังอีกที ถึงกับโล่ง อาการเสียงไม่เท่ากันนี่หายเป็นปลิดทิ้ง ดีใจมากๆคับ แต่พอมาสังเกตว่าทำไม ใช้ของก็ใกล้เคียงกับเจ้า D2+ แต่เสียง D zero มันถึงบางกว่า พอมองมาที่ โวลุ่ม เท่านั้นล่ะคับ กระจ่างเลย จริงๆแล้ว โวลุ่ม ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญอีกอย่างนึงที่จะบ่งบอกที่คุณภาพเสียงที่ออกมาให้เราได้ยินกัน ทำให้ผมหายสงสัยเลยว่าทำไมเวลาใช้ D zero เป็น DAC เนี่ย เสียงมันถึงอิ่มกว่า เพราะมันไม่ผ่านเจ้า โวลุ่ม ยังไงล่ะคับ ถ้าเป็นไปได้อยากจะเปลี่ยนโวลุ่มชะ ผมเชื่อว่ามันจะดีขึ้นแน่นอน^^

ก่อนจากกัน ก็อยากจะบอกว่า หากเราใช้สิ่งใดสิ่งนึงเนี่ย เราควรใช้มันให้เต็มประสิทธิภาพเสียก่อนนะคับ นี้พูดไรเนี่ย เรื่อยเปื่อย555555 เอาเป็นว่าสิ่งที่เขียนมาเนี่ยอาจจะเป็นประโยชน์ไม่มาก ก็น้อยมากนะคับ5555555

กระผมขอจบการรีวิวแบบ หูทอง(แดง) เพียงเท่านี้นะคับผม

เจอกันเมื่อผมต้องการ5555

สวัสดี

Mr.Telemaster
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

13meaw

31/01/2013 00:43:21
0
เราสามารถ ใช้ d-zero เป็นภาค dac กับ Ipod touch 4 ได้มั้ยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

Telemaster

31/01/2013 02:10:41
0
ตอบได้เลยว่าไม่ได้คับ เพราะ Line Out ที่ออกมาจาก Doc เนี่ยมันก้อคือสัญญาณ Analog นี่ล่ะคับ เพียงแค่เค้ายิงสัญญาณข้ามแอมป์ในตัวเค้าเท่านั้นเองคับ ถ้ามีอแดปเตอร์ Doc ที่สามารถเสียบช่อง 3.5 เราจะได้ยินเสียงของเพลงที่เราเปิดอยู่ นั่นก็หมายความว่ามันเป็นสัญญาณ Analog คับ เพราะ Digital มันจะไม่มีเสียงคับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

13meaw

31/01/2013 02:36:54
0
มันเป็นอย่างนี้นี้เอง ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"ทดสอบ D-Zero ภาคเสริม แบบหูทอง(แดง) กับกระผมนาย Telemaster"