Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

อยากฟังประวัติชีวิตของพี่ๆแต่ละคนจังเลยคับ

Genocide

06/07/2009 10:03:04
0
ตอนนี้อยู่ม.6คับ เริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้า
ตอนนี้ยังหาตัวเองไม่พบเลย ว่าเราชอบอะไร อยากเป็นอะไร
พอมาอ่านกระทู้ของพี่nopphong

ก็เลยอยากทราบว่าพี่ๆผ่านอะไรกันมามั่งแล้วในชีวิต
เคยเจออะไรที่ดีหรือที่เลวร้ายมามั่งแล้ว
มีแนวทางการใช้ชีวิตอย่างไรแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร

เล่าไว้เป็นแนวทางว่าการที่จะเป็นผู้ใหญ่ต้องไปประสบพบเจอกับอะไร
เพราะผมคิดว่าการที่เราไปนั่งอ่านหนังสือของผู้ที่ประสบความสำเร็จนั้น
มันก็ไม่ค่อยได้อะไรเท่ากับประสบการณ์ของพี่ๆแต่ละคนหรอกคับ

ผมมองว่าคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็สามารถพูดอะไรก็ได้
คนก็เชื่อแต่ที่ผมอยากได้มากที่สุดคือประสบการณ์ของพี่ๆคับ

ผมเชื่อว่าคนเรามีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน
แต่ในความแตกต่างกันนั้นเราสามารถนำไปใช้ประโยชน์จากมันได้

...ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่เข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต...
...ขอบคุณมากๆๆคับ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

ย่องมาฟัง...

06/07/2009 10:33:35
0
ผมของตอบตรงนี้เลยนะครับว่า....ต่อให้คุณจะเรียนเก่งและจบมาสูงแค่ไหนปริญญาท่วมหัว แต่ถ้าคุณเป็นคนที่อกตัญญู ไม่รู้จักบุญคุณคนที่คอยเลี้ยงดูคุณมาสิ่งนี้แหละครับ ที่จะทำให้ชีวิตคุณไม่มีความเจริญ ถึงแม้ว่าชีวิตที่ผมเกิดมาอาจยังไม่เยอะๆเหมือนใครๆเค้า แต่สำหรับประสบณ์การณ์ชีวิตที่ผมเจอมา สิ่งที่เรียกว่า
.
.
.
\"กตัญญู\" ต่อ พ่อ แม่ และผู้มีพระคุณ นั้นจะทำให้ชีวิตเราเจริญนะครับ
.
.
.
ผมอาจจะตอบไม่ตรงคำถามนะครับ น้อง\"Genocide\"ตอนที่อยู่ ม.6 พี่ก็เป็นคนคนหนึ่งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะดำเนินชีวิตไปทางไหนดี แต่พี่ก็ไม่ได้ปล่อยให้มันเป็นไปตามดวงนะครับ ในเมื่อเราไม่รู้ว่าเราจะไปไหนต่อดี ไม่รู้ว่าชอบอะไร ไม่รู้ว่าอยากเรียนอะไร ไม่รู้ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร นี้เป็นคำถามที่เกิดกับพี่ตอนที่พี่จบ ม.6
.
.
.
ดังนั้นเมื่อเรายังไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่พี่คิดก็คือทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การอยู่เฉยๆ หาในสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราเจริญขึ้น เจริญขึ้น อ่ะครับสิ่งที่จะทำให้ชีวิตเราเจริญขึ้นได้แหละไม่แค่มีคำว่าสายเลยก็คงเป็น\"การเรียน\"ครับ เรียนในสิ่งที่เราอยากเรียนครับ ทำในสิ่งที่เราอยากทำ สิ่งนี้แหละครับที่จะทำให้น้อง\"Genocide\"มีความสุขกับการเรียน
.
.
.
GooD LuCk...นะครับ\"Genocide\"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

NaMkAnG

06/07/2009 11:01:59
0
ป๋าทำมาหมด ทั้งร้านเสริมสวย ตึกแถว น้ำข้าวกล้อง.............
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

ANUBIS

06/07/2009 11:28:05
0
ตอบเป็นส่วนๆไปน่ะครับ

1. เห็นน้องบอกว่า ม.6 แล้วน้องยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ถามว่ามันสายไหม มันไม่มีคำว่าสายหรอกครับสำหรับการเริ่มต้น แต่ยิ่งค้นพบตัวเองไวแค่ไหนมันก็ยิ่งดี จริงไหม ?

มาถึงตัวผม ตอนจบ ปวช. ผมยังไม่รู้เลยว่าผมจะไปทำอะไรต่อ ?
เนื่องจากไม่ชอบสายช่างโดนพ่อแม่บังคับให้เรียน เลยเรียนสังกะตายไปวันๆจนจบ
พ่อแม่ท่านก็แสนดีจริงๆ ที่ไม่กดดันให้พี่เรียนต่อเหมือนเค้ารู้ว่าพี่เองก็อับจนหนทางและกำลังคิดหาอยู่
ผมเองก็เรียนไม่เก่ง และไม่ชอบวิชาเลขอย่างรุนแรง (เรียนวิศวะไม่ไหว)

ตอนนั้นพ่อแม่ผมพาไปเที่ยวกระบี่ ผมก็ไปแบบเซ็งๆ พอตอนขากลับพ่อแม่จะกลับตามมาทีหลัง
เค้าให้ผมกลับก่อน ผมเองตอนนั้นที่เซ็งเป็ดเต็มที ก็บอกไม่อยากนั่งรถนานๆ (เริ่มดื้อแพ่ง)

พ่อคงเห็นใจเลยซื้อตั๊วเครื่องบิน ให้ รวดเดียวถึงดอนเมือง
ในชีวิตผมที่ไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อนก็คึกเป็นพิเศษไม่ต่างอะไรกับเด็กได้ของเล่นอารมณ์ดีขึ้น

ได้เวลาขึ้นเครื่องที่นั่งผมดันไปอยู่ข้างๆปีกพอดี

\\\'\\\'แล้วตอนเท็คออฟนี่และ ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล\\\'\\\'
\\\'\\\'ผมสังเกตเห็น แฟลบมันทำงานกางออกและพับเข้า แรงกดอากาศมหาศาลแบบนี้มันทำงานแบบไม่รู้สึกรู้สาได้ไง?\\\'\\\'

ตลอดเวลาที่เรียนปวชผมเรียนแต่ รถยนต์ ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเครื่องจักรที่ไกล้ชิดมนุษย์สุดๆ เห็นจนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ค่อยน่าสนใจสำหรับผม

แต่นี่ความสงสัยอย่างรุนแรง ความรู้สึกแบบนี้ที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน มันออกจะหนักแบกคนก็เยอาะๆไปได้ยังไง
เครื่องใหญ่บินร่วม 10 ช.ม มันไว้ใจขนาดนั้นได้อย่างไง ?

เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยนทันทีนับแต่นั้น ผมเลือกเรียนช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน
เรียนจบทีนี้และความแสบสันต์ สุดๆในชีวิตกำลังจะเริ่ม

อยากทำงาน อยากทำงาน อยากทำงาน !! เสี้ยนวิชาสุดๆ
ตอนนั้นไม่มีประสบการณ์ทำงานอะไรมาเลย

ไปสมัครการบินไทย ดันได้แค่ งาน ซัพคอนแท๊ค แต่มันได้ประสบการณ์ในสนามบิน
ไอเราก็เข้าไปทำอย่างมั่นใจหวังว่าจะได้บรรจุ ที่ไหนได้บริษัทซับมันหลอกลวงด้วยความหวังว่าจะได้บรรจุ

ไปกลับสุวรรณภูมิ-บางกรวยทุกวัน เข้ากะเช้า บ่าย ดึก ค่าไปกลับค่ากินเงินเดือนก็หมดพอดี

ตอนทำงานที่นั่น ถูกโทลบาร์ชน นิ้วแตกไปรอบนึง เจอรถดันอากาศยานบี้ข้อเท้าโชคดีที่ดึงเท้าออกมาทันไม่งั้นคงพิการไปแล้ว ผลคือเอ็นข้อเท้าอักเสบ

เจ็บก็เจ็บแต่ที่สุดๆคือ คนในสนามบินเอาไปส่งที่ด้านนอก โดยไม่เอาไปโรงบาล ให้ผมโทรหาพ่อแม่มารับเอง
สรุปว่า 3 ช.ม ผมถึงจะถึงมือหมอ (เพราะเป็นซับเค้าเลยไม่สนใจ) นอนเดี้ยงไป หลายวัน แถมโดนตัดวันล่ะ 400

และวันนั้นเป็นวันประกาศผลสอบเข้าฝ่ายช่างการบินไทยที่ดอนเมือง
แต่ด้วยความที่ผมกินเกาเหลา ผมเลยไม่ได้...อด (ไร้เส้น)

พ่อแม่ทัดทานไม่อยากให้ทำต่อผมก็ยังดื้อ เพราะเชื่อว่าซักวันนึงต้องเป็นวันของเรา

อยู่ไปผ่านพ้นปีลาออกกะว่าจะเรียน ไปสอบเข้าพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทะลึ่งติดซะอีก
เอาว่ะเรียนก็เรียน

แต่... รางวัลแห่งความพยายามมาถึงในช่วงนาทีสุดท้ายจริง ผมได้งานที่สายการบินแห่งนึงพร้อมกับการสอบเข้ามหาลัยได้ ผมเลือกงานแบบไม่ลังเลทิ้งมหาลัยไปได้เลย (วันเซ็นสัญญาเป็นวันเดียวกับวันมอบตัวมหาลัย)

\\\'\\\'อยากเป็นอัศวินน่ะจงเช็ดขี้ม้าอาบน้ำให้ม้าก่อน\\\'\\\' คำของอาจารย์ผมที่จำได้จนทุกวันนี้

จนถึงตอนนี้ล่าสุดสอบเข้านกแอร์ได้ หลังจากสายการบินแรกที่เข้าเจ๊งไป

จนวันนี้ผมก็ยังคิดว่า ถ้าวันนั้นเรายอมแพ้ไป เราจะมีวันนี้ไหมน้อ ?

ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ผมเชื่อคำๆนี้จริงๆ

ยังไงก็ตามพี่ก็ขอให้น้องค้นหาตัวเองให้เจอได้ในเร็ววันน่ะครับ
และจงจำไว้อย่างนึงว่า เราเรียนเพื่อไปทำงาน เลือกจังหวะก้าวของชีวิตให้ดีที่สุด เลือกอย่างฉลาดไม่ไช่เลือกตามใจอย่างเดียว

ถึงพี่ทำงานระดับนี้ พี่ก็มีความฝันนึงที่พี่ทำควบคู่ไปได้แล้วนั่นก็คือการวาดการ์ตูนทำ CG นี่คือเหตุผลว่าทำไมพี่ดื้อไม่อยากเรียนช่างนี่และ สุดท้ายแล้วพี่มีงานทำ พี่ก็ทำสิ่งที่ตัวเองรักได้อย่างเสรีด้วย

พอแค่นี้ดีกว่าเดียวจะได้รวมเล่มเป็นพ๊อกเก๊ตบุ๊คซะก่อน คร่าวๆมีแค่นี้แต่ที่เจ็บๆแสบๆ ยังมีอีกเยอาะ

ซึ่งผมเชื่อว่าแต่ล่ะคนในบอร์ดนี้ ชีวิตคงแสบๆคันๆไม่น้อยเลยและ

สู้ๆเค้าน้อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Tokiotorr

06/07/2009 11:59:58
2
เล่ายาวน้า

ไว้ว่างๆจะมาเหลาให้ฟังคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

ฝันที่เป็นจริง

06/07/2009 12:04:20
^
^
ทางรายการขอมอบ บรีส หนึ่งกล่อง พร้อมรถเข็น ให้กับคุณ ANUBIS ครับ

แปะ แปะ แปะ ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

jo..1234

06/07/2009 12:44:24
0
..........................................................................

เพิ่งดู สลัมด็อก มิลเลี่ยนแนร์ มา

18 ปีของเขา เจ็บปวดมากกว่า ชีวิตของผมทั้งชีวิตเลย.....

ชอบคำพูดของคุณ ย่องฯ.......กตัญญู\" ต่อ พ่อ แม่ และผู้มีพระคุณ นั้นจะทำให้ชีวิตเราเจริญ

ชีวิตมันมีทางออกของมันเสมอ......

งานของคุณ ANUBIS ท้าทายมากครับ ผมกลัวทุกครั้งที่นั่งเครื่อง แต่เชื่อในระบบ

ถ้ามันจะถึงที่นอนอยู่ในบ้าน
ทหารซ้อมโดดร่มทะลุหลังคาลงไปทับตายยังมีเลย



ผมจืดสนิท....เล่าไม่หนุกแน่นอน

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Collagen

06/07/2009 12:54:01
4
ช่วง ม.ปลาย เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในชีวิตผมครับ.... ชีวิตมีทั้งบ้าๆ บอๆ ไปตามเรื่อง
ตอนที่ผมเรียน ม.ปลาย ผมเรียนถึงแค่ ม.5 แล้วก็สอบเทียบเข้ามหาลัยไปเรียนได้ครับ... แต่ตอนนั้นผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเรียนอะไรที่เราชอบ ยังไม่รู้ว่าเราถนัดด้านไหน ผมชอบอะไร และที่สำคัญจบแล้วจะไปทำงานอะไร....

แต่จดแล้วจนรอดก็เข้าเรียน วิศวฯ เรียนมาเทอมแรกก็เกือบไทร์ ได้เกรด 1 กว่าๆ พอเรียนเทอมที่สอง ก็เริ่มที่ขึ้น แต่ก็ยังติดโปร อยู่ดี (เกรดยังไม่ถึง 2) ตอนนั้นเครียดมากๆ จะทำอย่างไรดี... ก็เลยสมัครสอบ Ent ไปใหม่อีกรอบนึง จะไปเรียนสาขา Com Sci (วิทยาการคอมพิวเตอร์) แทน แต่สุดท้ายก็ไม่เอา นั่งเรียนวิศวฯ ต่อไป....

ชีวิตในตอนเรียนวิศวฯ ก็มีทั้ง สุขและทุกข์ปนกัน เรียนบางวิชาก็ผ่านไปได้ด้วย (เกรด) D บางวิชาก็ตก (เรียนใหม่ 2-3 รอบ) แต่สุดท้ายก็ฮึดจบมาได้ ภายในระยะเวลาการเรียน 4 ปี ด้วยกำลังใจจากคุณพ่อ คุณแม่ คนในครอบครัว เพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง และอาจารย์ ....

เมื่อจบการศึกษาก็รู้ว่าตัวเองคนจะไปทำงานแข่งกับชาวบ้านไม่ได้ เพราะว่าเกรดที่จบมาแค่ 2 กว่าๆ ก็เลยตัดสินใจเรียนปริญญาโท ต่อ.... ปัญหาเดิมๆ ก็มาอีก ว่าจะเรียนอะไรดีจบไปจะได้งานไหม และควรจะเรียนดีหรือเปล่า... ผมก็เลยปรึกษากับคุณพ่อ คุณแม่ว่าจะเรียนดีหรือเปล่า หรือว่าทำงานเลยดี... ท่านก็บอกว่าตราบใดที่อยากจะเรียน มีไฟอยู่ก็เรียนไป อย่างน้อยก็ยังมีความรุ้ติดตัว... ก็เลยเลือกตัดสินใจเรียนสาขาเดิม (ก็วิศวฯ อยู่ดี) แต่ว่าในสาขานั้นต้องทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งในจุดนี้ก็ถือว่าเป้นประสบการณ์ที่ทำให้ผม เกือบสติแตก ครับ.... คือในวิทยานิพนธ์ ผมทำด้านวิศวกรรมการแพทย์ (ชื่อดูดีมาก) แต่พอเข้าไปทำจริงๆ แล้ว มันยากกว่าที่คิดไว้มาก แต่ก็ดีครับ เพราะว่าท้าทายและคิดว่า จบไปน่าจะได้งานทำด้านนี้ชัวร์ๆ (บุคลากรขาดแคลน) ตอนที่ทำวิทยานิพนธ์ก็ไม่คิดว่า จะต้องไป ผ่าอาจารย์ใหญ่ ต้องผ่าหนู ต้องอ่านผลการวิเคราะห์ทางด้านพยาธิวิทยา (Pathology) ต้องไปนั่งเรียนบางวิชากับนักศึกษาแพทย์ ต้องเลี้ยงหนุทดลอง และต้องฆ่าทิ้งเมื่อการทดลองสิ้นสุด ในช่วงทำการทดลอง ผมไม่มีทักษะการทำการทดลองในส่วนด้านการแพทย์เลย (เพราะว่าจบวิศวฯ มา) ทำการทดลองพลาดไปหลายครั้ง โดนอาจารย์ว่าไปก็เยอะ (เพราะว่า วัสดุอุปกรณ์แพง และทำการทดลองที่ต้องใช้ชิ้นส่วนร่างกายคน มันพลาดได้ง่ายมาก และชิ้นส่วนพวกนี้ก็หายากมากเช่นกัน) บางครั้งจนแทบถอดใจว่าลาออกดีกว่า ซึ่งทางบ้านก็เข้าใจว่าช่วงนั้นเครียดมาก ก็บอกว่า ถ้าจะออกก็ออก แต่ว่าต้องตัดสินใจดีๆ เมื่อคิดไปคิดมา ก็ไปคุยกับอาจารย์ว่า ผมจะทำอย่างไรดี สุดท้ายก็นั่งทำการทดลองต่อ... แต่จนแล้วจนรอด ระยะเวลาในการทำก็ไม่เสร็จง่ายๆ พอทำเสร็จตามที่เขียนในจุดประสงคืก็ไปสอบวิทยานิพนธ์ แต่สอบไม่ผ่าน เพราะว่าข้อมูลไม่เพียงพอ ก็เลยต้องทำเพิ่ม (อยู่ต่ออีกปี) ถึงจะจบมาได้...... กว่าจะจบมาได้ก็เหนื่อยมากมาย.....

พอจบแล้วก็เริ่มหางานทำ.... หาไม่ได้เลย ว่างงานไป 8 เดือนกว่าๆ ความฝันที่วางไว้ก็เจ๊งหมด... สุดท้ายก็ได้งานทำงานเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ (ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่เรียนมาเลย) การทำงานผมถือว่าผมโชคดีมากที่พี่ๆ (รวมทั้งระดับผู้บริหาร) เพื่อนๆ มีความเป้นกันเองกันมาก สวัสดิการดี ดูแลพนักงานเป้นอย่างดี.... แต่สุดท้ายผมก็ลาออกมาเรียน เนื่องจากโดนกึ่งๆ บังคับจากทางบ้านให้มาเรียนต่อครับ....

ชีวิตผมส่วนมากอยู่กับการเรียนมากกว่าครับไม่ค่อยมีสีสันการทำงานเท่าไร... ผมก็คิดอย่างเดีวกับคุณ Anubis ครับ ที่ใครหลายๆ คนมีประการณ์ชีวิตที่ดุเด็ดเผ็ดมัน มากมาย....

ในตอนนี้การได้ยินของผมมีปัญหา (ประสาทรับรู้การได้ยินเสื่อมสภาพ) แต่ผมก็ยังเล่นหูฟังต่อไป.... เพราะว่าผมมีปัญหานี้ก่อนที่จะมาเล่นหูฟังครับ....

ท้ายนี้ก็ยกคำพูดของคุณย่องฯ ว่า \"\"กตัญญู\" ต่อ พ่อ แม่ และผู้มีพระคุณ นั้นจะทำให้ชีวิตเราเจริญนะครับ\"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

H5N1

06/07/2009 13:10:38
0
นี่มันโร่นิหว่า...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

บุค

06/07/2009 13:22:44
0
กระทู้ดีดี มาเยอะจริงๆครับช่วงนี้

เห็นด้วยกับ พี่ย่องมาฟัง และขอบคุณประสบการณ์ของพี่ANUBIS มากๆนะครับ

จะไปเรียนอะไรต่อก็แล้วแต่ ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร
ต้องลองหางานพิเศษทำดูอะครับ ในสิ่งที่เราสนใจ เรื่องเงินผมว่าเรื่องรองลงมาอะครับ

ถ้าเรารู้ว่าเราต้องการแล้ว มุ่งไปทางนั้นได้จนเป็น อาชีพของเรา ถือว่า โชคดีสุดๆ เลยอะครับ

ขอให้ น้องโชคดีครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

วังวน

06/07/2009 14:16:39
หมั่นทำทาน ทำความดีครับ

มีใจในธรรม

ชาติหน้าจะได้ไม่มาเกิดเพื่อใช้กรรมอีก

จะทำได้มั้ยอ่ะ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

ota_hay

06/07/2009 14:31:10
3
ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฎ ไม่รู้จะเล่าไรให้ฟัง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

TOON

06/07/2009 14:42:00
0
ขอมาเล่าแบบแหวกแนวเล็กน้อย ออกแนวปรัชญาส่วนตัวของผม อาจดู งง งง

คุณเชื่อหรือไม่ว่าชีวิตคุณถูกลิขิตมาแล้วว่าให้คุณเป็นอะไร ประมาณว่าคุณเกิดมาเพื่อสิ่งนั้น แต่ไม่หมายความคุณจะถูกลิขิตชีวิตทุกย่างก้าว คุณมีสิทธิ์เลือกแล้วผลจะได้ตามที่คาดหวังไว้ก่อนเลือกเสมองั้นหรือ? ผมเคยได้แนวคิดนี้ตั้งแต่ตอนปีหนึ่ง ซึ่งผมสงสัยว่ามันจะจริงเหรอ ตอนนี้ไม่สงสัยอีกแล้ว

คุณมีสิทธิ์เลือกว่าจะเรียนอะไร จบมาแล้วคุณก็มีสิทธิ์เลือกว่าอยากทำงานอะไร สมัครงานที่ไหน แต่ในที่สุดแล้วคุณก็ต้องไปเป็นในสิ่งที่คุณถูกลิขิตไว้แล้วโดย \\\"กรรม\\\" เช่นคุณอยากเรียนหมอ คุณตั้งใจเรียน เอนเข้าหมอได้ จบมาคุณก็สมัครเป็นหมอได้ แต่ ชีวิตของใครหลายๆคนอาจจะต้องมีเหตุอันที่จะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป ไปเป็นในสิ่งที่\\\"คุณถูกลิขิตมาแล้ว\\\" (ถ้าคุณไม่ได้ถูกลิขิตมาให้เป็นหมอ)

ชีวิตเราเราเลือกได้ แต่เรามักจะได้เป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เลือก นั้นเป็นเพราะ\\\"กรรม\\\"ซึ่งเป็นเหตุและผลที่พิสูจน์ได้ กรรมนั้นได้ผูกชีวิตคุณได้ให้เดินไปในทางที่มันควรจะเป็น ที่คุณต้องชดใช้หรือสิ่งดีที่คุณต้องได้รับ กรรมทำให้คุณได้เจอ รู้จัก คนที่กรรมนั้นได้ผูกคุณไว้แล้ว

เชื่อหรือไม่ก็ตามลองย้อนมองชีวิตดู จะเห็นว่า คนสำคัญๆบางคนในชีวิตคุณ หรือเหตุการณ์บางเหตุการณที่สำคัญซึ่งอาจมีผลเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตคุณนั้น \\\"มันเป็นสิ่งที่คุณไม่ได้ตั้งใจจะเลือก\\\" แต่มันเป็นโอกาสที่เหมือนเข้ามาและเข้าไปในชีวิตคุณโดยคุณเลือกไม่รู้ตัว ลองดูประวัติคนดัง ดาราหลายคน จุดเริ่มของความดังนั้นคล้ายๆกับเป็นโอกาสที่เข้ามาโดยความบังเอิญ จะมีสักกี่คนเชียวที่คู่ชีวิตของเขาคือคนที่เขาบอกว่านี่แหละแม่ของลูกแล้วเดินเข้าไปจีบ

สิ่งที่ทำได้คือ \\\"เลือกเดินไปในประตูที่ดีที่สุดที่เปิดรอคุณ เรียนรู้ และยอมรับมัน(ประมาณว่าคิดบวกเข้าไว้)\\\" ไม่ว่าชีวิตจะเลยร้ายเพียงไหน จะมีประตูที่เปิดรอสำหรับคุณเสมอ อย่าไปพยายามเคาะประตูที่ปิดไปแล้วแม้ว่าคุณจะต้องการมันเพียงใดก็ตาม เพราะ\\\"กรรม\\\"ไม่อนุญาตให้คุณทำอย่างนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะฝืนลิขิตจาก\\\"กรรม\\\"

ขีวิตผม ผมอยากหนีในสิ่งที่ไม่ต้องการเท่าไหร่มันก็ไม่พ้นเพราะมันถูกลิขิตมาแล้ว ผมอยากจะไขว่คว้าในสิ่งที่ต้องการเท่าไหร่ก็ไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณถูกลิขิตนั้นคุณได้มันมาโดยง่ายแสนง่าย(ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่น) ผมเดินไปในประตูที่เปิดเสมอ ถ้ามันดูดีไม่มีไรเสียหายให้ say yes เสมอ ผลที่ได้ก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ลองดูหนังเรื่อง YES MAN ดู มันคล้ายๆอย่างนั้น แต่ไม่บ้า เว่อขนาดนั้น เมื่อประตูที่ปิดอย่างแฟนเก่าพระเอก แม้ว่าจะอยากได้เพียงใดก็ไม่ได้ ในขณะประตูที่เปิดนั้นเข้ามาง่ายได้เหลือเกิน ดูหนังหลายเรื่องจะเห็นได้ว่า \\\"สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเราซึ่งเหมือนจะเป็นความบังเอิญแต่มันไม่ใช่ มันเป็นเหตุและผลเพื่อนำทางเราไปสู่สิ่งๆหนึ่งที่ถูกลิขิตไว้แล้ว\\\" ตัวอย่างที่ดีและชัดมากคือเรื่องเบนจามินบัดทอนตอนที่นางเอกถูกรถชน (แม้จะเป็นเรื่องแต่ง แต่เรื่องจริงประมาณนั้นก็มีให้เห็นบ่อยๆ)

ดังนั้นไม่ต้องคิดไรมาก คิดดี คิดให้บวกเข้าไว้ ทำดี ทำให้เต็มที่ ขอให้พระเจ้าที่คุณนับถือ ยึดเหนี่ยวใจคุณ ทำให้คุณมีพลัง ความกลัวหายไป ความมั่นใจมาแทน(พระเจ้าในที่นี่คือใครก็ได้ หรือไม่มีตัวตนก็ได้ ที่คุณคิดว่ายึดเหนี่ยวใจได้ เช่น พ่อ แม่ ลูก แฟน)

สิ่งสำคัญที่สุดในการทำให้ชีวิตคุณมีความสุขคือ \\\"ความพอใจในสิ่งที่คุณมีอยู่\\\" ตัวอย่างที่ดีลองไปดูหนังเรื่อง shinjuku incident ดู ความไม่พอดีคือทุกข์ คุณจะขวนขวายไปไม่มีที่สิ้นสุด สุดท้ายก็คือ อนัตตา เมื่อทุกอย่างเปลี่ยน (อนิจจัง) ถ้าคุณไม่ทุกข์ คือคุณยอมรับและพอใจกับมันไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นดีหรือร้ายก็ตาม นั่นแหละก้าแรกสู่ ทางสว่าง จำไว้ ลองฟังเพลง เรื่อธรรมดาของอพาทเมนต์คุณป้าดู แล้วจะเข้าใจมากขึ้น

http://www.imeem.com/twitnomercy/music/FgWasBZu/apartment-khun-phar-reung-tam-ma-da/

เหมือนหูฟัง คุณจะเสียตัง และกระวนกะวายหาของใหม่เสมอ ถ้าคุณยังไม่รู้สึกว่า คุณพอใจในเสียงของตัวที่คุณมีแล้ว สำหรับคนที่มีหูที่ตัวเองชอบและพอใจแล้ว ก็อย่าขวนขวายหาสิ่งที่คิดว่าดีกว่าเลย เพราะมันจะไม่มีที่สิ้นสุด ก็หาไปเรื่อยๆสุดท้ายก็คือ อนัตตานั่นเอง(หาไม่เจอเพราะที่ดีที่สุดมันอยู่ที่ใจคุณต่างหาก) สรุปก็ต้องเอามาขายมือสองเหมือนผมที่กำลังจะปล่อยของเร็วๆนี้ 555

ปล. ผมไม่เคยเรียนศาสนาปรัชญาจากการไปวัดหรือฟังบทสวด เทศน์อันน่าปวดหัว ผมจำจากที่เรียนภาคทฤษฎีตอนมัธยมกับมหาลัยแล้วทำให้เห็นจริง กระจ่างชัดในใจจาก ชีวิตจริง เพลง และหนัง ลองเสพอย่างใช้ความคิดไปด้วย คุณจะได้อะไรเยอะมากๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

Estheria Von Aesir

06/07/2009 16:04:29
0
ประวัติไม่มีอะไรเรยจ้า

ตอนม.6 อยากสอบติด อักษรศาสตร์ จุฬา แต่พลาดพลั้งดันไปติดครุศาสตร์ มศว. ตอนนั้นอยากเรียนสายภาษาเอามากๆ สุดท้ายก็ไม่เอาครุศาสตร์ ไปเข้า ABAC คณะบริหารธุรกิจ สาขา ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ (Business Information System)

พอตอนนี้ใกล้จะเรียนจบ ค้นพบว่า เพื่อนๆที่เรียนสายเดียวกันตกงานกันเพียบ การเรียนต่อจึงเป็นอีกทางเลือกนึงในตอนนี้ แต่ก็ไม่เรียนต่อทันทีเพราะว่าเลือกจะเรียนภาษาอังกฤษ สอบ TOELF แล้วก็เรียนภาษาญี่ปุ่นหวังจะสอบวัดระดับ 3 จาก 5 (สมัยก่อน 4 ปีหน้า 5 แล้ว) แล้วก็จะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ว่าจะเลือกคณะบริหารธุรกิจอีก โดยอาศัยพ่อแม่แค่ค่าเล่าเรียน ส่วนค่าที่อยู่อาศัย ค่ากินก็ต้องทำงานพิเศษเอา แต่ตอนเรียนจบปริญญาโท ว่าจะสอบวิชาชีพครูที่ญี่ปุ่นแล้วเป็นครูภาษาอังกฤษ

ตอนนี้ยังคิดอยู่เรยว่า แล้วจะเรียนบริหารทำไม ถ้าจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเด็กๆตั้งแต่แรก แต่ต้องบอกเรยจ้า ว่าตัวตนแล้วไม่ชอบการทำงานในบริษัทเอามากๆ เป็นไปได้อยากใช้ชีวิตกับเด็กๆมากกว่า เรยเลือกจะเป็นครูถ้าเลือกได้ก็คงสอนประถม-มัธยมปลาย ส่วนวิชาบริหารก็มีไว้ประดับตัวเท่านั้นแหละ (มั้ง)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

Tanan

06/07/2009 22:37:39
0
จริงๆถ้าจะเล่าอะยาวเอาเป็นว่า ถ้าเจอกันแล้วจะเล่าให้ฟัง
ทั้งรัก เศร้า ตลก นองเลือด และอื่นๆอีกมากมาย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

BECK

06/07/2009 23:28:25
1
ชีวิต ผม ธรรมดา มากเลย ครับ

ธรรมดา ประมาน กินเส้นหมี่ น้ำใส ไม่ปรุง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

BECK

06/07/2009 23:29:27
1
แต่สิ่งเดียว ที่สำคัญ ที่สุดใน ชีวิต คือ

ผม และ คนที่ผมรัก ยังมีชีวิต กันอยู่

แค่นี้ ก็ แฮปปี้ แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

ซิลเวอร์

07/07/2009 00:56:55
0
อืม..ผมจะลองเล่าเรื่องของผมเป็นแนวทางให้นะครับ

ตอน ม.ปลายผมไม่ได้ตั้งใจเรียนเล้ยยสาบานนนจบมา2.01

อ่านมันแต่การ์ตูน เล่นมันแต่เกม แต่กลับอยากเรียนเก่งแต่ดันไม่อ่านหนังสือ- -*

ไห้วพระก็ขอให้สอบได้ที่1(มันจะได้หรอ)

วิชาที่เกลียดคือเคมี ไก้เกรด1กับ0ตลอด + ฟิสิก1ตลอด

ตอนจะเอนท์ ไม่รู้จะเรียนอะไร สุดท้ายเลือกเรียนประมง แต่ที่เลือกเรียนก็เพราะมี ญาติทำงานในบริษัทใหญ่แห่งนึงที่มีตำแหน่งพอจะเอื้อได้ในอนาคต

ผมก็ได้มหาลัยแห่งทางด้านการเกษตรที่ภาคเหนือ

พอเข้ามหาลัยผมก็มาคิดได้ว่า4ปีนี้แหละชีวิตเราจะไปทางไหนนน

ถ้าเีรียนเกรดดีๆมันก็มีโอกาสชีวิตมากกว่า(ผมคิดงี้จิงๆในตอนนั้น)

ผมก็เลยตั้งใจเรียนอ่านหนังสือหนักๆๆ

จนผมเรียนจบเกรดผมเกือบได้เกียรนิยม - -*(ทำกิจกรรมมากไปนิด อิอิ)

เวลาผมกลับไปไหว้ อ. ที่ผมนับถือตอนมัธยม

แกก็ถามผมว่าทำได้ไง(เคมีกับกลายเป็นวิชาที่ผมชอบซะงั้น- -)

ผมก็แค่เปลี่ยนทัศนะคติอะ

แล้วผมมาค้นหาว่าจิงๆแล้วผมชอบวิชาทางด้านชีวมากกกก

พอผมเรียนโทผมก็เลยมาเรียนด้านไบโอตอนเรียนโท

ผมอยากจะบอกแค่ว่าค่อยๆคิด

แต่ถ้าคิดได้ทำอะไรให้ทำจริง

มันก็ต้องสำเร็จจนได้อะ

สู้ๆครับน้องงงง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

aor

07/07/2009 09:02:51
ตาม15.ช่างเปรียบเทียบมากเลยนะครับคุณbeck เสีนหมี่ น้ำใส ไม่ปรุง อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

นายมั่นคง

07/07/2009 10:06:16
0
ขออ่านเงียบๆๆ ล่ะจ้า ชีวิตคนเรามันน่าศึกษาครับ หลากหลายรูปแบบจริงๆๆ ล่ะ.....55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

e100ขวัญใจ

07/07/2009 14:33:47
0
555 สนับสนุนคุณTOOn ครับเพราะมันเป็นพรมลิขิต ผมจบม. 6โดยไมาสนใจเอเน็ต
จบปุบ กุจาเรียนอะไรดีหว่าประจวบเหมาะกับฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีเท่าไหร่พ่อแม่ทำนาน้อออ
ป้ายืนเงินให้ 100บาท ไปซื้อระเบียบ มหาลัยราม มาซะ พอดีอยู่กะลุงกะป้าจบนิติ ม.ธรรมศาตร์ อะ แล้วก็ใด้เรียนนิติที่ราม จบปี1 46หน่วยกิจเิอาละวะชีวิตกุรุ่งแน่คราวนี้ พออยู่ปี 2 เทอม 1ก็ใด้งานทำซะงั้นที่อัยการจังหวัด งานเข้าเลยกู ทำมาจะปี 1แระ ไปจับใบแดงใด้อีก
ตกลงออกจากงานแล้วก็ไปเป็นทหารอีกเศร้าเดือน พ.ย. นี้ก็จะไปแล้ว ใครน้อจะเลียงพ่อแม่ ตอนผมทำงานผมก็ส่งให้ครอบครัวเดือนละ2พันบาท ออกจากทหารก็ต้องมาเรียนต่ออีกชีวิตนี้สุดยอดเลยละท่านเอ้ยไม่รู้จะเรียนจบหรือเปล่าไฟเริ่มหมดแล้วด้วยเฮ้อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

วรุตม์

07/07/2009 14:42:00
0
สำหรับตัวพี่เอง พี่ก็เพิ่งจะมารู้เอาจริงๆจังว่าอยากทำอะไรก็ตอน ม.6 เนี่ยล่ะจ้าา

พอรู้แล้วก็เริ่มทำ เริ่มขวนขวายที่จะทำเลย พี่ว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ

เมื่อรู้แน่แล้วว่าจะทำอะไร ชอบอะไร รีบทำ อย่าช้า เพราะเวลามันไม่คอย

ช้าไปอาจไม่ทันการ

แล้วอีกอย่างนึงก็คือ เราต้องเป็นตัวของตัวเองครับ

ตัดเสียงรอบตัวเราออกไปให้หมด ให้เราได้ยินแต่เสียงตัวเราเอง แล้วเราก็จะรู้ว่า

เราอยากทำอะไร เราชอบอะไร ทำอะไรแล้วมีความสุข แล้วอะไรที่เราจะสามารถอยู่กับมัน ทำมันเลี้ยงชีพไปได้ทั้งชีวิต

เมื่อรู้แล้ว จงทำซะ อย่าช้า

เป็นกำลังใจให้น้องมีชีวิตที่ดี สมหวังดังที่ปราถนาจ้าาา ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

BigBump In Ear

07/07/2009 15:08:01
ขอเล่าบ้างนะครับ

ผมจบจากโรงเรียนประจำมาด้วยความงุนงงว่าจะทำอะไรต่อไป สอบเอ็นก็เลือกคณะแบบเกินฝัน เพราะรู้ว่าไม่ติดอยู่แล้ว สุดท้ายก็ดังคาด

หลังจากเอ็นไม่ติดก็ตัดสินใจเรียน ม.เอกชน เรียนไปได้ซักพักก็เบื่อ ไม่เรียนอีก ไม่รู้จะทำอะไร ไปเรียนทำอาหารอยู่หลายเดือน อยู่ ๆ ลูกพี่ลูกน้องพ่อก็ชวนไปทำงานที่ร้านอาหาร ทำไปได้ซักพัก ญาติคนนั้นก็ชวนไปทำร้านอาหารที่อังกฤษ ก็ไปทำ ทำไปเรื่ีอย ๆ ก็เลยลงเรียนภาษา เรียนไปเรียนมา ก็อยากเรียนมหาลัย ญาติคนนี้ก็ดีใจหาย เป็นสปอนเซอร์ให้ ตอนที่เข้าเรียนไม่รู้จะเรียนอะไรดี พอเข้า interview เค้าก็แนะนำให้ลองเรียนดูก่อนหลาย ๆ อัน สุดท้ายไปสนใจกับกฏหมาย หลังจากเรียนจนจบ ญาติก็ไม่ยอมให้ทำงานที่ร้าน

บอกให้ลองไปสู้ชีวิตเอง หลังจากนั้นฝึกงานอยู่ที่อังกฤษ อยู่ปีหนึ่ง ก็ตัดสินใจกลับเมืองไทย มาทำงานบริษัทที่ปรึกษาทางกฏหมาย ได้เงินเยอะมาก หลงละเลิงสุด ๆ ซื้อบ้าน ซื้อรถ กระจุย หลังจากใช้ชีวิตแบบบ้าบออยู่ ๔ ๕ ปี ก็ได้ไปช่วยงานกองทัพ ตอนนั้นพึ่งผ่อนบ้านผ่อนรถหมด มีเงินเก็บอีกนิดหน่อย อยู่ ๆ ผู้ใหญ่ก็ชวนไปทำงานด้วย ชวนอยู่ ๒ ๓ ครั้ง ด้วยความชอบงานแบบนี้อยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจเข้าสู่ชีวิตราชการ จนถึงปัจจุบัน ทำมาแล้ว ๕ ปี มีความสุขมาก ได้เงินน้อยหน่อย แต่ก็ทำงานเสริมด้านการแปลไปด้วย ก็อยู่ได้ ครับ

น้องลองคิดดูแล้วกันครับ ชอบอะไรก็ทำตามนั้น

ถ้าเราตั้งใจอะไรก็จะสำเร็จครับ ผมเชื่ออย่างนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

Square

07/07/2009 16:00:59
ม.6 น่าจะต้องรู้แล้วนะครับ ว่าัเองจะเรียนอะไร ถ้ายังไม่ได้คิดผมว่าตัดเรื่องอื่นออกไปจากหัว
ไปนั่งคิดคนเดียวเงียบๆดีกว่าครับ เวลามันจวนเจียนแล้วนะ
ถ้าจะเอาคณะดีๆ เวลาเหลือน้อยครับ ม.6เป็นเวลาของการอ่านหนังสือเตรียมสอบ อย่างอื่นที่ไม่จำเป็นในชีวิตบางอย่างก็ตัดออกไปก่อนครับ

การเลือกเรียนเนี่ย จำไว้อย่างครับ เลือกที่พ่อแม่ชอบนะ อีกไม่นานพ่อแม่ก็ตายแล้ว แต่คุณเองจะอยู่ไปอีกทั้งชีวิต
เลือกที่ตัวเองชอบ อย่าเลือกตามพ่อแม่ เลือกตามเพื่อนก็เป็นอีกcaseที่เห็นได้บ่อย ไม่ต้องไปเสียดายเพื่อนครับ
พอคุณก้าวเข้ารั้วมหาวิทยาลัย คุณก็จะมีเพื่อนกลุ่มใหม่ ซึ่งต่างไปจากแบบเดิม

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

bankhalkdown

07/07/2009 16:20:29
0
ผมเห็นด้วยตามความเห็น23 ครับคือ ควรจะใช้เวลาที่เหลือนั่งคิดทบทวนดูว่า

เราชอบอะไร อะไรคือตัวตนของเรา ผมไม่เห็นด้วยกับการถูกบังคับ

ให้เรียนสายนู้นสายนี้ เพราะว่าถ้าเราไม่ชอบ แต่เราถูกบังคับให้เรียน

เมื่อจบไปทำงาน เราก็จะไม่มีความสุขกับงานที่เราทำหรอกครับ

สู้เรียนตามที่ใจเราอยากจะดีกว่า และอีกอย่างเรื่องเอ็นไม่ติดก็ไม่ต้องเครียด

นะครับ ทำให้ดีที่สุดถ้ามันไม่ได้ก็ช่างมัน ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเองทั้งนั้นแหละครับ

ไม่ได้อยู่ที่มหาลัย คุณจบมหาลัยรัฐดีๆ แต่คุณทำตัวไม่ดีมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก

ตัวอย่างง่ายๆที่ผมเจอมาเลยก็คือ นักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิด ปีนี้สอบเนติบัณฑิต ได้อันดับที่ 1

ที่ผมบอกไม่ได้จะโชว์หรืออะไรหรอกนะครับ

แต่อยากจะบอกว่า สถาบันไม่ได้บ่งบอกถึงการประสบความสำเร็จ ในอนาคต

หรอกครับ



อันนี้นอกเรื่องนิดครับ

ทุกวันนี้ผมเจอบ่อยครับเรื่่องการดูถูกสถาบัน ซึ่งอยากจะฝากไว้ว่า

คนมีความรู้เป็น ปัญญาชนแล้วเขาไม่เอาเวลามานั่งดูถูกสถาบันอื่นหรอกครับ

การกระทำแบบนี้ก็บ่งบอกถึงความคิดแล้วละ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"อยากฟังประวัติชีวิตของพี่ๆแต่ละคนจังเลยคับ"