หากย้อนไปเมื่อวันที่ 12 เดือนพฤศจิกายน 2549 (หรือประมาณ 6 ปีที่แล้ว) ผมก็ได้มีโอกาสครอบครองหูฟัง Full-size ตัวแรกที่ซืื้อมาจากร้านเฮียมั่นคง ซึ่งในช่วงเวลาที่จะซื้อนั้นกัดฟันและอดทนเก็บตังค์ที่จะซื้อหูฟังตัวนี้ (ที่มือผมอยู่ไม่สุข เอาไปลอง ตอนนั้นยังอยู่ที่สาขาสำราญราษฎร์) อีกทั้งราคา ณ ตอนนั้นก็ถือว่าค่อนข้างสูง เมื่อเทีบกับเงินค่าขนม (อีกทั้งเพิ่งเล่นหูฟังมาได้ไม่กี่เดือน) ในที่สุดผมก็ตกลงปลงใจกับหูฟังตัวนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าทำใจลำบากมากมาย กว่าจะตัดสินใจซื้อ ทั้งในแง่ของราคาและการหลบหลีก ผบ. และเมื่อทำใจได้ ก็กำเงินจำนวน 4,190 บาท (ราคาในขณะนั้น) ไปจัดหูฟัง Full Size ที่ (เฮียมั่นฯ บอกว่า) เสียงดีหนักหนาในงบประมาณที่ไม่แพงมาก ซึ่งหูฟังตัวนั้นก็คือ Alessandro MS1 ครับ ซึ่งในขณะนั้นมีตัวที่เปรียบเทียบให้คิดนักๆ อย่าง Grado SR60 และ SR80 (รุ่นที่มี i ยังไม่ออกวางจำหน่าย)

เมื่อเดินทางไปถึงร้านมั่นคงแก็ดเก็ท สาขาประตูน้ำ ที่ชั้น 1พันธ์ทิพย์ประตูน้ำ ทางพนักงานขาย (ในขณะนั้น) ก็สอบถามถึงความต้องการ ซ่งผมก็ยังคงจะขอลองเปรียบเทียบ ทั้ง Grado SR60, SR80 และ Alessandro MS1 ก่อนที่จะซื้อ ซึ่งในช่วงแรกๆ ที่ฟัง (ต่อตรงๆ จาก CD Walkman เนื่องจากยังจนไม่มี iPod ใช้) ผมกลับรู้สึกชอบ SR60 มากกว่า แต่ด้วย คำบรรยายสรรพคุณจากพนักงานร้านเฮียฯ อีกทั้งคำวิจารณ์จากเพื่อนผม ก็กลายเป็นว่า MS1 เสียงดีกว่า ก็เลยยอมรับและตั้งใจฟังอีกครั้ง ก็กลับกลายเป็นว่า จัด MS1 มาใช้งาน ครั้นเมื่อแจ้งความจำนงค์ต้องการที่จะจัด ทางพนักงานก็จัดแจงบรรจงหยิบกล่องออกจากด้านล่างตู้โชว์ และก่อนที่จะเปิดกล่อง ก็ยังถามยืนยันว่าผมจะเอาจริงๆ หรือเปล่า เนื่องจากว่า ผมยังลังเลๆ กับ SR60 อยู่… แต่สุดท้ายก็เอา MS1 กลับบ้าน.... ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 6 ขวบปี ผ่านการเบิร์นและฟังมาไม่ต่ำกว่า 3,000 ชั่วโมง ทั้งจาก CD, วิทยุ และเครื่องเล่น MP3 ทั่วๆ ไป

เมื่อถึงบ้านก็จัดแจงเอาออกมาฟัง แต่ที่ไหนได้ เสียงห่วยมากมายไม่เห็นเหมือนกับที่ร้านเลย ด้วยกำลังจะโทรไปด่าเฮียมั่นฯ ก็อ่านๆ ในเว็บก่อนก็ได้ความว่ามันต้องเบิร์นก่อน.... ก็เลยจัดแจงต่อตรงๆ กับ CD Walkman ของ Sony ที่มีอยู่เครื่องเดียวในขณะนั้น เปิดแผ่นเพลงคลาสสิควนไปวนมา (ประมาณ 3-4 แผ่น) เมื่อเบิร์นไปได้สักพัก ผมก็ได้รู้จักกับพี่ชิม ที่ได้สอนวิธีการเบิร์นให้ ทำให้ผมเบิร์นหูฟัง MS1 ตัวนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากผ่านการเบิร์นช่วงแรกๆ ไปราวๆ 300 ชั่วโมง (เปลี่ยนถ่านไปหลายก้อน) ก็รู้สึกว่าสากเสี้ยนหายไป เสียงร้องหวาน เปิดนิดๆ ดนตรีมีประกายไม่ทับกัน เบสก็ไปได้ดีลงได้พอสมควรไม่ลึกมาก แต่ก็ไม่ไปตีกับย่านเสียงกลาง อีกทั้งปลายแหลมไปได้ไกลมากและมีกระกายนิดๆ มีรายละเอียดของดนตรีได้ดีและที่สำคัญเสียงใสมากมาย และเมื่อยิ่งใช้หูฟังตัวนี้ ต่อไปๆๆ เสียงก็ดีขึ้นๆ ในแนวทางของ MS1 ตามที่เฮียมั่นฯ เคยรีวิวเอาไว้อยู่ อย่างเช่น

"เบสที่ได้อยู่ในโทนอุ่น และอิ่ม เบสช่วงบนพอดี เบสของ MS-1 นั้นหากท่านเป็นพวกกระหายเบส และรับประทานเบสต่างอาหาร คงต้องบอกว่าอาจจะไม่ตรงใจ แต่เบสของ MS-1 เป็นพวกเบสสะอาดครับ คือไม่ขุ่น และไม่ล้ำไปกลบในย่านเสียงกลาง หากตั้งใจฟัง จะรู้สึกว่าเบสช่วงต่ำลึก ยังคงทำได้ดีพอควร เสียงกลางของ MS-1 เป็นการที่พุ่งเปิดเล็กน้อย  มีความสดใสสำหรับเพลงร้องอยู่มากพอควรครับ  มีเสียงที่เรียกว่า Forward in Mid ซึ่งมีข้อดีคือ ดนตรีที่ฟังจะสนุกถ้าเสียงกลางดี และพุ่งเปิดเล็กน้อยแต่พองาม  ส่วนปลายเสียงแหลม ไม่มีอาการด้วนปลายแน่นอน  ปลายแหลมของ MS-1 นั้นไปได้ไกลสุดๆ จริง ผมว่าเผลอๆ จะไปไกลกว่าเชียงใหม่ อาจจะทะลุเชียงราย ออกไปทางแม่ฮ่องสอน ไถลเข้าพม่าไปนู่นเลย  5555   เป็นแหลมที่ละเอียด ปลายเล็กๆ ของเสียงแหลมที่ไม่จำเป็นมักจะไม่ได้ยินใน MS-1 
อีกประการหนึ่งก็คือเสียงรวมๆของ MS-1 นั้นมักจะออกไปทางหวาน พริ้ว เปิด แยกแยะในรายละเอียด ดนตรีไม่กองรวมกันหรือไม่สุมรวมกันเหมือนตู้เสื้อผ้าของท่านที่บ้านแน่นอน 5555  สไตล์ของ MS-1 นั้นเป็นหูฟังที่ให้รายละเอียดสูง แต่ก็ยังประคับประคองรายละเอียดย่านอื่นด้วยเช่นกัน
ส่วน Alessandro นั้นมันเหมาะกับแนวเพลงร้องหวานๆ วงดนตรีน้อยชิ้น และที่คัญเหมาะกับเพลงที่มีไดนามิกสูงๆ เพราะว่าไดรเวอร์ของ Alessandro นั้นสามารถขึ้นทันกับสัญญาณที่ฉับพลันได้  หูฟังที่ไดนามิกไม่ดี ฟังแล้วเหมือนพระสวดครับ  คือเสียงสูงต่ำมันจะโชว์ออกมาได้ไม่เต็มที่  ยิ่งหูฟังตัวไหนไดนามิกต่ำ ก็เหมือนพระที่กำลังสวดตอนขึ้นเมรุนั่นเลย 555"

ถ้านับตั้งแต่ผมใช้หูฟังมา หูฟัง MS1 ตัวนี้อยู่กับผมมานานที่สุด เป็นเวลาถึง 6 ปี ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงใช้งานอยู่ ถึงแแม้ว่า ในปัจจุบันผมก็มีหูฟังอื่นๆ หลายๆ ตัวที่คุณภาพดีกว่า MS1 ตัวนี้ อย่างเช่น Grado HF-2, Audio Technica ATH-A900, ATH-AD900, AKG K701 และ Sennheiser HD800 แต่ผมก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะปล่อย Alessandro MS1 ตัวนี้
ตลอดระยะเวลาที่ใช้งานมากว่า 5-6 ปี หูฟังตัวนี้ยังคงร้องเพลงขับขานท่วงทำนองต่างๆ ให้ฟังได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งในส่วนของความหวานของเสียงเพลง สเตจที่ไม่แคบจนเกินไป และท่วงทำนองการตอบสนองที่ได้ค่อนข้างจะครอบคลุมในหลายๆ แนวเพลง และถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปเมื่อตอนที่ซื้อ

แต่แล้ว เมื่อช่วงกลางๆ ปีผ่านมา ได้เกิดเหตุอันน่าเศร้าสำหรับหูฟังตัวนี้เนื่องจากว่า สายหูฟังขาดในช่วงตัว Y ของสาย ซึ่่งเป็นจุดที่บัดกรีเชื่อมต่อค่อนข้างยากก็เลยตัดสินใจปรึกษาพี่ชิม ว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนและต่อสายให้ และเพิ่งได้กลับมาเมื่อเดือน กันยายนที่ผ่านมา ก็เลยได้ใช้งานต่อมาจนถึงทุกวันนี้

หูฟัง MS-1 ตัวนี้ เป็นหูฟังที่ผมทำใจปล่อยขายไม่ลง ทั้งในช่วงที่จะระดมทุนหาซื้อ AKG K701 หรือช่วงที่สลายกรุเล็กๆ ในช่วงปี 2552 - 2553 ซึ่งในช่วงนั้นผมได้ขายหูฟังไปหลายตัว ทั้ง Grado SR60, AKG K512, Audio Technica ATH-SJ3, ATH-FC5 และ Denon D1000 หรือแม่้กระทั้งแอมป์ Audio Technica AT-HA20 และเครื่องเล่น CD Walkman

ผ่านมา 6 ฝน 6 หนาว สำหรับหูฟัง Full size ที่อยู่กับผมได้นานขนาดนี้ และเป็นหูฟังที่เปิดประตูสู่หนทางมาม่า ที่ทำให้ผมคันและจัดหูฟัง (และแอมป์) มาอีกมากมาย และเข้าสู้ปีที่ 7

ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณเฮียมั่นคง เฮียเบียส พี่ชิม และอีกหลายๆ ท่าน ที่ทำให้ผมได้ใช้หูฟังที่ค้มค่าคุ้มราคาและอยู่กับผมมานาน และสุดท้ายจริงๆ ก็ขอขอบคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านที่อ่านผมโม้เกี่ยวกับความประทับใจของผมกับ MS1 ตัวนี้ครับ หากผิดพลาดประการใด และตกหล่นประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ...

หากท่านใดสนใจ รีวิว MS1 (กระกาฬเรียกตั่วเฮีย) ของเฮียมั่น ก็สามารถอ่านได้จาก Link นี้ครับ http://www.munkonggadget.com/article.php?id=12771&lang=th