...น้องสาวผมปีนี้ขึ้นม.6เรียนอย่างกับคนบ้าเพื่อนแข่งกับเรียนเขม่นกัน สารพัด ทุกวันนี้ ค่าติวเตอร์แพงกว่าค่าเทอมมันเยอะ 555 อะไรนะ อ.อุ๊ อนิมานต์ ห่าเหวอะไรนั่น อยากจะปวดกระบาลแทนมันจริงๆ นี้กำลังจะไปติวเข้าวิศวะ อีก ...สมัยผมเรียนๆเล่นสบายๆ จะสอบค่อยเก็งข้อสอบ อ่านหนังสือ 3คืนสอบเลย สงสารน้องเหมือนกัน การศึกษาไทยถอยหลังลงคลอง

ท่าน Guzzo อยู่ JKG เปล่าครับ

นึกย้อนเวลากลับไป อืม.... เราก็เป็นคนหนึ่งที่โชคดีกับเค้าเหมือนกันที่เกิดเร็ว

อ่านหนังสือ ซื้อใบสมัคร ดูห้องสอบ เข้าสอบ รอประกาศผลข้อเขียน แล้วสอบสัมภาษณ์ รอประกาศผลครั้งสุดท้าย รอเปิดเทอม

แล้วก็สอบครั้งเดียวเลย ง่ายๆ ชัดเจน ติดก็ติด ไม่ติดก็รอสอบใหม่ปีต่อไป ออกไปหางานทำก่อนแล้วค่อยมาสอบใหม่

ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเข้ามหาลัยเลยครับ ว่าเค้าต้องทำอย่างไรบ้าง งงมากมาย

คุณ SinSu ว่าแต่มันคืออะไรหรอครับ JKG เนี่ย

แหะๆ

เดี๋ยวขอวนมาดูเน้อๆๆๆ

ทีแรกนึกว่า เกลียดเว็บเฮีย ที่เข้ามาทีไร มีแววสต๊อกมาม่าเพิ่มตลอด - -*

สงสัยผิดคน แหะๆ เห็นชื่อยูสเหมือนกัน
ขออภัยครับ

ขอพูดถึงเด็กประถมบ้าง

ระบบการศึกษายุคใหม่ ที่เขาบอกว่าจะไม่ให้เด็กท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง เป้าหมายสูงสุดคือ จะได้สนตะพายได้ง่ายๆ

ระบบใหม่มาหลายปีแล้วจนทุกวันนี้ไอคิวเด็กไทยลดลง อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้เพิ่มขึ้น ไม่เหมือนสมัยสิบกว่าปีก่อน ที่นกแก้วนกขุนทองต้องท่องต้องอ่านก่อนกลับบ้าน

ปัจจุบันไม่ต้องท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง เด็กจึงไม่มีอะไรในหัวเลย
แต่ละโรงเรียนเนื้อหากันดันเสือกไม่เหมือนกัน
สอบแต่ละทีเนื้อหาข้อสอบก็ดันมากกว่าที่เรียนในห้องเรียน
พอเด็กไปพึ่งติวเตอร์กันดันเสือกพยายามเปลี่ยนระบบเพื่อให้เด็กไม่ไปเรียนพิเศษ ... เปลี่ยนจนเละเทะไปหมด

คิดถึงเพลงไผ่แดง "แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใคร มาสนตะพาย..."

ผมว่านักการเมืองนั่นแหละควรกลับไปเรียนตั้งแต่ประถมปลายกันใหม่ เดี๋ยวผมติวเรื่องจริยะธรรมให้

ขอพูดถึงเด็กประถมบ้าง

ระบบการศึกษายุคใหม่ ที่เขาบอกว่าจะไม่ให้เด็กท่องเหมือนนกแก้วนกขุนทอง เป้าหมายสูงสุดคือ จะได้สนตะพายได้ง่ายๆ

ระบบใหม่มาหลายปีแล้วจนทุกวันนี้ไอคิวเด็กไทยลดลง อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้เพิ่มขึ้น ไม่เหมือนสมัยสิบกว่าปีก่อน ที่นกแก้วนกขุนทองต้องท่องต้องอ่านก่อนกลับบ้าน

ปัจจุบันไม่ต้องท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง เด็กจึงไม่มีอะไรในหัวเลย
แต่ละโรงเรียนเนื้อหากันดันเสือกไม่เหมือนกัน
สอบแต่ละทีเนื้อหาข้อสอบก็ดันมากกว่าที่เรียนในห้องเรียน
พอเด็กไปพึ่งติวเตอร์กันดันเสือกพยายามเปลี่ยนระบบเพื่อให้เด็กไม่ไปเรียนพิเศษ ... เปลี่ยนจนเละเทะไปหมด

คิดถึงเพลงไผ่แดง "แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใคร มาสนตะพาย..."

ผมว่านักการเมืองนั่นแหละควรกลับไปเรียนตั้งแต่ประถมปลายกันใหม่ เดี๋ยวผมติวเรื่องจริยะธรรมให้

เห็นด้วย กับเฮียหมีอ่ะ เรียนระบบเก่า ป.1ผมอ่านออกเขียนได้(ถึงจะผิดบ้างถูกบ้างก็เถอะ)ป.3ผมก็อ่านภาษาอังกฤษได้แล้ว(ถึงจะแปลไม่ออกอ่านผิดบ้างก็เถอะ) หลานผมขึ้นม.1 ยังอ่านภาษาไทย ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลยเห็นแล้วกลุ้ม - -

ผม ม.6 เลยตอนนี้เครียดมาก ความรู้สึกเหมือนในนั้นเลย
เซ็งงง T^T

ผมเป็นคนนึงที่เจอเหตุการแบบนี้ (ปีนี้เลยแหละครับ)ข้อสอบแม้งปัญญาอ่อนมาก บางข้อก็เกินหลักสูตร บางข้อ ช๊อยผิด (กุเสียเวลาคิดแม่งตั่งนานไม่ได้คำตอบทั้งๆทีทำเป็น แล้วมาเฉลยว่าข้อนี้ช๊อยผิด เสียเวลาทำข้ออื่นอิ๊บอ๋าย) โอ้ยยย เซงครับ แต่ผมก็ผ่านมันไปได้ด้วยดี ด้วยการรับตรงของทางมหาวิทยาลัย ผมว่าทางมหาวิทยาลัยคงจะรู้จุดนี้ดีครับ เปิดรับตรงเยอะมาก คนส่วนมากที่เรียน ปี1 ปีนี้มาจากการรับตรงซะส่วนใหญ่ครับ อย่างของผมนี่เกิน 70% เลยครับ

อ้อ เพิ่มเติมเรื่องติวเตอร์ครับ

กว่าผมจะจบ ม.6 ปีนี้มาได้หมดค่าติวเตอร์ไปหลายหมื่นครับ อ.อุ๊ ออนดิมาน เดอะเบน ... เรียนมาหมดละครับ ที่ผมเรียนเพราะผมรู้ว่าเนื้อหาที่อาจารย์สอนในโรงเรียนมันไม่พอสำหรับจะเอามาสอบ GAT PAT จริงๆครับ(จะออกยากเควี่ยอะไรนักหนาก็ไม่รู้)

**แต่อีกเหตุผลที่ผมเรียนพิเศษก็เพราะผมขี้เกรียดอ่านหนังสือด้วยละครับบอกตรงๆ แฮ่ๆ**

ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพครับ

ประถม มัธยม ก็ว่ากันไปแล้ว
จะพูดถึงมหาวิทยาลัยบ้าง

มหาวิทยาลัยก็มีการเรียนพิเศษด้วย เป็นวิชาที่เรียนในหลักสูตรนะครับ
เราก็นึกว่ามีแต่เด็ก ป. เด็ก ม.
ก็งงไปพักหนึ่ง
คิดในใจ เออ! มหาวิทยาลัยสมัยนี้ต้องเรียนพิเศษด้วยแหะ
ที่หนักกว่านั้น
ปี 1 (รุ่นน้องของลูก) เทอมแรก ดรอป 3 วิชา เหลือเรียน 3-4 วิชา แถมผ่านไม่หมดอีก เทอมสองก็เหมือน ๆ เดิม แล้วจะเรียนกี่ปีกันละนี่
เป็นแบบนี้หลายคน เข้ามา 50 คน เทอมแรกผ่านไป เหลือไม่ถึง 40 คน เขาคาดว่าปี 2 คงเหลือสัก 20 กว่า หายไปครึ่ง (โอ้!!! เสียดายทรัพยากร)

หลานเรียน ป.1 (ขึ้น ป.2 ปีนี้)
สะกดคำยังไม่ค่อยจะได้ลย ยังสับสนกับอักษรบางตัว เช่น ซ กับ ส ท กับ ถ ฯลฯ
แต่หนังสือเรียน ยังกับ ป.3-4 สมัยที่ผมเรียนเลย
วิชาสังคมฯ ประวัติพระพุทธเจ้า ฯลฯ คำ ประสูติ พุทธคยา ฯลฯ แค่สะกดคำ เด็กยังงงอยู่เลย แล้วจะให้จำเนื้อหาอย่างไรได้
ยังมี วิทยาศาสตร์อีก ฯลฯ
ทำไมไม่ปูพื้นฐานการอ่านภาษาให้ดีก่อน
ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่เขาว่ากันว่า เด็กไทยไม่ค่อยอ่านหนังสือ
ก็มันอ่านไม่ออก เจอคำที่แปลก ๆ นอกกฏนอกเกณฑ์ เช่น
ทรัพย์ ไม่อ่านเป็น ท แต่อ่านเป็น ซ
สนับสนุน ไม่อ่านเป็น สะ-นับ-สะ-นุน ดันอ่าน สะ-หนับ-สะ-หนุน
อะไรแบบนี้ เด็กไม่เข้าใจ งงเป็นไก่ตาแตก พาลไม่อ่านมันเลยดีกว่า

นักการศึกษาบ้านเราจบดอกเตอร์กันเยอะแยะ
แต่การศึกษาล้มเหลว
เพราะ
เอาความคิดแบบดอกเตอร์ (เมืองนอก) มายัดเยียดใส่ให้เ็ด็กประถม+มัธยม (เมืองไทย)


เฮ้อออออออ
แค่นี้แหละ มากกว่านี้จะเละกันไปใหญ่
(มันมีอีกเยอะ)

เออ!!!!!
แต่บอกก่อนนะ
ไม่ได้เกลียดประเทศไทย แถมยังรักอีกด้วย
แต่
เกลียดคนไทยบางคน

ขี้เกียจบ่น เดี๋ยวยาว
เนื่องจากทุกวันนี้ก็คลุกคลีอยู่กับวงการการศึกษาด้วย
และเห็นอะไรที่มันล้มเหลวเยอะมากๆ
เรียกว่าแทบจะไม่มีอะไรที่ใช้การได้เลยดีกว่า
ทุกวันนี้อยากอยู่รอดต้องพึ่งตัวเองครับ
อย่าหวังพึ่งโรงเรียน ระบบการศึกษาไทย
หรือกระทรวงศึกษาธิการ สิ่งที่ควรปลูกฝังมันก็ไม่ทำ
อะไรที่มันไม่จำเป็นก็ใส่กันเข้ามาจัง...พอละเดี๋ยวยาวจริง -*-

"คนรวย...เป็นคนกำหนดหลักสูตรการศึกษา
ส่วนคนจน...เรียนปริญญาเพื่อทำงานให้คนรวย !!!"

-- โรเบิร์ต คิโยซากิ --

ตอนเรียนประถม ก่อนกลับบ้าน นี่ต้องยกเก้าอี้วางบนโต๊ะเรียน
จากนั้น ก็ท่องสูตรคูณ

ไอ้นกแก้วนกขุนทองจากวันนั้น มันก็จำได้จนทุกวันนี้นะครับ

สมัยผมเรียน มัธยม คุณครูสอนภาษาไทย ท่านแต่งเป็นเพลงเลยนะ
เรื่อง อักษรเดียว อักษรต่ำ ผมจำได้คร่าว ๆ ประมาณว่า
" อักษรเดียว คืออักษรต่ำ ที่ไม่มีเสียงซ้ำ กับ อักษรสูง ฯลฯ " <<< ร้องเป็นเพลงนะ
คุณครูจรรยา ท่านเคยสอนร้อง แต่ตอนนั้น ครูดุมาก เลยไม่อยากจะเรียน ฮ่าๆๆ


ปัจจุบัน เรื่องการศึกษา ผมเห็นด้วยกับทุก ๆ ความเห็นว่า มันเละ
เด็กไทยทุกวันนี้ใช้ภาษาผิดไปหมด ทั้งเกิดจากความเคยชินในการใช้ และความไม่รู้


เมื่อใด ที่ เปลี่ยนการ เอ็น กลับไปเป็นเหมือนเดิม (สอบติดก็เข้าได้ไปเลยแบบเดิม)
ผมว่า มันก็น่าจะเริ่มดีขึ้นเอง

อะไรที่ไม่ดี เปลี่ยนได้ครับ ถือซะว่า ปัจจุบัน มันเป็นการทดลองใช้
ถ้าไม่ดีก็เลิกใช้ ไปยึดหลักธรรมเนียมเดิมก็ได้ครับ
ผลเอ็นประกาศ ไปแต่ตีสามตีสี่ จุดเทียน ส่องหาดูรายชื่อตัวเอง แบบว่า โดนมาก
ลุ้นแบบอุจจาระแตกกันเลย ถ้าเจอชื่อตัวเองบนกระดาษ
อะดีนาลีน มันจะฉีดพุ่งขึ้นหัวเลย เหมือนประมาณว่า วันนี้มันเป็นวันของตรูจริง ๆ

เห็นเรื่องรัฐธรรมนูญ ยังเรียกร้องเย้ว ๆ อยากกลับไปใช้ ปี 4... อุ๊บส์ เดี๋ยวเข้าการเมือง

เด็กไม่ควรเติบโตมาอย่างฉลาดครับ...

เพราะไม่งั้น...เดี๋ยวจะขาดฐานเสียง...

ไม่พ้นการเมืองสิน่า...เพราะนี่คือ "การเมือง"...

เขาไม่เคยเอาจริงกับการเมือง เพราะพวกเขามา "เล่นการเมือง" กันครับ...

จบข่าว...

ขอน้ำล้างหู ล้างตาหน่อยคร๊าบบ...ฮี่ ๆ ...

อย่าว่าเด็กเลยครับ

ครูแมร่งนี่แหละ ตัวแสบเลย

ตามบ้านนอก สอน 2 วัน หยุด 3 วัน

ติดประชุมมั่ง ติดใช้อาคารบ้าง ไปเป็นกรรมการ บ้าง

มาสอนแมร่งก็ทำแต่ วิชาการ จ้างทำใบวิทยาฐานะ

6 เดือนก็คุ้มทุนแล้ว เงินเดือนขึ้นสองเท่า

กู้ได้ 2 ล้าน แมร่ง ขับป้ายแดงกันเป็นแถว

ส่วนครูสาวน้อย หน้าตาจิ้มลิ้ม หากอยากได้ ขั้น

ก็ มาให้ ผอ. แก่ๆ หัวงู เคลมซะ

วันนี้ประชุมกันที่พื้นที่การศึกษา อำเภอป๋ม

แมร่ง จอดรถกัน ออกมาขวางกลางถนน

มารยาท ระเบียบวินัย ยังไม่มี

แล้วพวกแมร่ง จะไปสอนเด็กได้อย่างไร

ลูกของลุกจ้างป๋ม ขึ้น ม1 หนังสือพิมพ์

ยังอ่านไม่ออก ทุกตัวเลย คับ


--------------------------

ครูที่คิดว่า ตัวเองเป็นเรือจ้าง ไม่มีอีกแล้วครับ

บ้านนี้เมืองนี้ ........

ภาระงานด้านเอกสารของครูเยอะมากๆๆๆๆๆๆครับ ถ้าจะเอาให้ได้ตามแบบที่ สมศ.มาตรวจและยอมรับว่าโรงเรียนนั้นมีมาตรฐาน ครูแทบไม่ต้องสอนเลยครับ เตรียมเอางบมาทำกิจกรรมตามหลักสูตรรอถ่ายรูปทำเอกสารส่งกันอย่างเดียวก็หมดเวลาแล้วครับ

ผมว่าถ้าพวกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองสละเวลาที่จะเอาไปหาเงินใส่กระเป๋าตัวเองมาดู Youtube หรือเว็บบอร์ดต่างๆบ้างก็คงจะดีนะครับ