Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ขอเล่าเรื่องหน่อยครับ เส้นทางมาม่า เริ่มขึ้นแล้ว

CvZ

23/03/2009 20:50:53
และแล้วผมก็เข้าสู่เส้นทางมาม่าแล้วครับ ...

หลังจากได้สัมผัสกับ GRADO SR80i วันนั้น ด้วยน้ำเสียงสวรรค์ของมันทำให้ผมหลงไหลในวงการนี้แล้วล่ะ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งได้เคยสัมผัสกับอะไรที่มีเสียงแบบนี้ ไอ้ตัวผมเองนั้นก็ฟังเพลงมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ฟังมันตั้งแต่ยุค60จนถึงปัจจุบัน

ฟังดะทุกแนวเพลงตั้งแต่ classic blue jazz ดิสโก้ pop สกา เรคเก้ยัน เมทัล เดทเมทัล เรียกได้ว่าทุกแนวเลยจริงๆแหละ (พูดจริงๆว่าถ้านับเป็นหน่วยความจำก็เป็นเทอราไบท์เแล้วล่ะ) เวลาฟังก็ได้แต่ฟังกับเครื่องเล่นซีดีที่บ้าน

จนไม่นานได้จับหูฟังกับเขาบ้าง ถึงแม้จะเป็นหูฟังเน่าๆก็ตาม(OKER ตัวละ150ตามร้านเกมทั่วๆไป) แต่ก็รู้ได้ถึงความแปลกใหม่ในโลกดนตรีเยอะขึ้นเลย อะไรๆที่มันขุ่นๆมัวๆในเครื่องเสียงบ้านกลับมองได้ชัดเจนขึ้น ตั้งแต่นั้นมาก็ฟังกับหูฟังเน่าๆมาตลอดหลายปีทีเดียว

จนมาวันหนึ่ง เจ้าหูฟังเพื่อนยากได้จากผมไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยโรคชราภาพ ผมก็รู้สึกเสียใจกับไอ้เพื่อนยากของผมอยู่พอสมควร ผมก็เลยไปร้านขายคอมเพื่อหาคู่หูตัวใหม่และที่นั่นเอง ผมได้เจอหูฟังรูปร่างประหลาด ทำไมมันถึงดูเท่จังวะ(ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งได้คิดว่า โลกนี้มันยังมีหูฟังแบบอื่นอีกนี่หว่า ไมกุโง่จิงวะ)

เลยไปถามเจ้าของร้านดู พี่เขาบอกว่า "ตัวนี้ไม่ขายหรอกครับ อันนี้ของพี่ซื้อมาใช้เอง" ผมก็ถามไปว่าตัวละเท่าไร พี่เขาตอบมาว่า 3000กว่า ผมก็ตกใจ สะดุ้งเลย เฮ้ย ไมมันแพงจังวะ หูเชี้ยไรตั้ง3พันกว่า กุฟังแล้วจะเป็นค้างคาวเลยไหมวะ 55 แต่ก็ไม่สนใจไม่ใช่เรื่องของกุนี่หว่า ให้มันบ้าไปคนเดียวเหอะ แล้วก็เอาหูฟัง OKER 180 บาท ซึ่งคาดว่าเป็นรุ่นเหลนของตัวที่ผมเคยใช้อยู่

จากนั้นก็ขอลองซะหน่อย แต่อ้าว ไหงเสียงมัน ทุกเรศจังฟระ ของเก่าตรูยังดีกว่ากว่านี้หลายขุมเลย ก็ถามพี่เขาว่าไมเป็นงี้ เขาก็บอกว่า มันก็แบบนี้ละ จะเอาไรกับหูตัวละร้อยสองร้อยบาท ไอ้เราก็งงสิ ตัวเก่ากุ150บาท เสียงยังดีกว่านี้เยอะหลายขุมเลย (ภายหลังทราบว่า การเบิร์นช่วยให้เสียงดีขึ้น ไอเราก็ร้องอ๋อเลย ใช้งานมาหนัก หลายรูปแบบนี่เอง)

ผมก็เดินออกไปตัวเปล่าเลย กลับมาห้องไมมีอะไรฟัง ชักหลุกหลิก กระวนกระวาย อึดอัดชะมัด ทนไม่ไหวแล้วว้อยยยยยย จะลงแดง(สงสัยเป็นโรคเสพติดเสียงเพลงแล้วล่ะ ต้องกรอกหูตลอดเวลา ไม่งั้นไม่มีสมาธิ) เอาก็เอาวะ ออกไปหาใส่ก่อนก็ได้วะ

แล้วก็ไปพันทิพ แล้วบังเอิญเดินไปลึกๆของชั้น1 เจอร้านอะไรไม่รู้เหลืองๆ มีหูฟังตั้งเรียงรายเต็มพรืด มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เพียบ ทำไรกันวะเต็มทางเดินหมด ก็เลยเดินเข้าไปดูกับเขาซักหน่อย โอ้วหูฟังเพียบ แต่ละตัว เหอๆแพงชะมัด(เกิน1000ผมเรียกแพงแล้วล่ะ ทำไงได้ ไม่เคยรู้จักนี่ ^ ^) ไหนๆก็มาแล้ว ขอนัวๆเข้าไปแจมมั่งดีกว่า ฟังฟรี^ ^ ผมก็บอกพี่ที่ขายอยู่ ว่าขอไอตัวใหญ่ๆนี่มาลองหน่อย

แล้วก็ชี้ไปมั่วๆซํกตัว ไปลงไอตัว GRADO SR60 พี่เขาบอกว่า วันนี้มีของใหม่มาเป็นรุ่น 60i กับ 60i เอามาลองก่อนไหม ไอเราก็เออออห่อหมกไปกับเขาด้วย 55 เขาก็หยิบ 60i มาให้ลอง พอได้หูฟังมา ก็นั่งนิ่งไปซํกพัก แล้วตรูจะฟังกับไรฟระ ก็ไปขอพี่เขาว่ามีเครื่องเล่นให้ลองไหม เขาก็ให้ iriver รุ่นไหนไม่รู้มาให้ลองซํกรุ่นนึง ok ครบองค์ล่ะ ขอลองไอหูฟังเทพซักหน่อยว่าจะบินได้ไหม ติ๊กๆๆๆๆเลือกเพลงมาซํกเพลง เอาเพลง Hotel California ละกัน ... ... ...

เอ้าเฮ้ย นี่มันเพลงเดียวกับที่ตรูฟังมาเหรอฟระ เฮ้ย ไมมันชัดงี้วะ โห ได้ยินเสียงเบสแบบไม่เป็น ตึ๊บๆด้วยแฮะ โอ้ว แทบบินได้ ยังกะ Eagles มาเล่นให้ฟังในห้องเลย ไอเราก็เพลินไปกับเพลงซะนาน ก็กำลังจะเอาไอตัวนี้แล้ว บังเอิญได้ยินอีกคนคุยกันว่ะเอารุ่นไหนดีระหว่าง 60i กับ 80i เราก็นึกได้ว่ามีอีกตัวนี่หว่าเลยขอมาลองอีกตัวหน่อยละกัน ... ... ... อืม อืม อู้ ว้าว เสียงคล้ายตัวตะกี้เลย แต่ มีเสียงเบสเพิ่มมาอีกหน่อยนึง เข้าทางๆ และก็เพลินไปกับเพลงอีกพักนึง

และก็เหลือบไปเห็น MS-1 ท่าทางมีมนขลังดีแฮะ อยู่มุมบนสุดตัวแรกของตู้เลย ว่าจะลองซักหน่อย แต่เขาบอกว่าตัวนี้ไม่มีขายแล้วล่ะ ok ตัดสินใจได้ล่ะ เอา SR80i นี่ล่ะ แล้วก็จ่ายเงินเสร็จสรรพ์รีบกลับห้องมาลองทันที เกือบ 10 ชม ที่ผมนนั่งฟังเพลง ขอยอมรับว่าบ้าเลยล่ะ เกิดมาท้องพ่อท้องแม่เพิ่งเคยได้เพลงดีๆก็คราวนี้

ร่ายยาวกันเลยทีเดียว อิอิ ขอถามอะไรเพิ่มหน่อยครับว่า ผมจะพัฒนาให้โน๊คบุ๊คของผมฟังเพลงได้ดีขึ้นทางไหนมั่งครับ ตอนนี้ก็มีโน๊คบุ๊คเน่าๆ+ซาวการ์ด X-fi Go และก็หูฟัง GRADO SR80i จะเสริมจุดไหนได้มั่งครับ เช่นว่า เสริม DAC AMP หรืออื่นๆ ขอดูก่อนเพื่อในอนาคตอาจได้อัพเกรดเพิ่มทีละเล็กละน้อย เน้นฟังในห้องนะ สบายๆเงียบๆดี ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

CvZ

23/03/2009 20:53:14
ขอแก้หน่อยครับ วันนั้นรุ่น 60i กับ 80i ครับ พิมพ์ผิดไปหน่อย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

Genger

23/03/2009 21:30:24
0
เริ่มจากburn grado sr80i ให้ครบ 200ชม.ครับ ถ้าต้องการเพลงที่ใช้ในการburn ก็ กระทู้นี้ครับ
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=13592
ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนถ้าเล่นmsn แอดมาที่ [email protected] ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

อั้ม

23/03/2009 21:32:27
0
ลองโหลด component ใน foobar2000 แล้วก็หา Dac มาลองเล่นไปก่อนครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Genger

23/03/2009 21:47:20
0
ลืมบอกครับ อย่าลืมหมั่นอัพเดทพวก driver sound cardด้วยนะครับ หาโหลดได้จากเวปcreatveเลย ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

CvZ

23/03/2009 21:55:27
DAC มันต่อกับซาวการ์ดได้เลยไหมครับ คือยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับมันเลยอะ ใช้ร่วมกันหรือเลือกใช้เฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่งกับซาวการ์ดหรือปล่าวครับ และก็ 80i ต้องเพิ่มแอมป์แล้วช่วยได้เยอะัไหมครับ กำลังเล็งลูกเจี๊ยบอยู่ แต่ว่าผมฟังที่ห้องอย่างเดียว จะไปเล่นพวกแอมป์ตั้งโต๊ะดีกว่าไหมอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Genger

23/03/2009 22:11:19
0
DAC ต่อout put sound cardเลยครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

Genger

23/03/2009 22:13:38
0
ถ้าไม่ได้พกไปไหน เล่นamp ตั้งโต๊ะไปเล่นดีกว่าครับ แต่ว่า power supply จะพอปล่อยไฟพอไหม ฮิฮิฮิ แรกๆผมจะเอาampบ้านของพ่อมาต่อ พอไปดูใช้ไฟ800wtt. ของผมมัน650wtt. ทำใจล้มเลิกไป - -
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

CvZ

23/03/2009 22:24:28
มีแอมป์ตัวไหนแนะนำบ้างครับ เอาแบบไม่แพงมากนะ ค่อยๆหัดเล่นไปเรื่อยๆก่อน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

ota_hay

23/03/2009 22:27:54
3
ยินดีด้วยครับที่ได้หูฟังถูกใจ ฮิ้วววววว

ถ้าจะอัพเกรด hardware ก็น่าจะมีทางเลือกสองอย่าง
sound card หรือไม่ก็ dac amp
ถ้าถามความเห็นผม dac amp น่าจะเหมาะกว่านะ เผื่ออนาคตโน๊ตบุ๊คเก่านายเจ๊ง
จะได้เอา dac amp ไปใช้กะเครื่องอื่นได้ เพราะมันต่อด้วย usb

สำหรับ grado มันขับง่ายอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ขนาด amp ตั้งโต๊ะก็ได้มั้งครับ
แต่ก็อีกนะ....แล้วแต่นายดีกว่าพวก .....amp หลอดตั้งโต๊ะ ก็ไม่เลวเผื่อนายชอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

นายมั่นคง

23/03/2009 22:37:53
0
ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นล่ะ ใช้หูฟังที่มีอยุ่ตอนนี้ไปก่อนได้อีกยาวเลยครับ 80i เป็นหูฟังที่มีพื้นฐานแน่น เรียกว่าจบประโยควิชาชีพมาแล้วล่ะ 555


พยายามหาวิธีที่จะเอาเพลงดีๆๆ ไฟล์คุณภาพดีๆๆ มาใช้ให้ได้ก่อนครับ บางทีของพรรค์นี้แค่เส้นผมบังภูเขา คือบางคนแก้ยังไงก็ไม่ดี เพราะไม่รู้เรื่องคุณภาพของไฟลืเพลงที่เอามาเปิด

ไฟล์เพลงเป็นองค์ประกอบสำคัญ พอๆๆ กับมาม่าที่เราใช้กินประทังชีวิตตอนเพิ่งจ่ายเงินซื้อหูฟังกับร้านหูฟังเปรตแถวประตูน้ำ ชั้น 1 ร้านป้ายเหลืองๆๆ นั่นล่ะครับ 555



เอ้า หาไฟล์เพลง พร้อมกับหามาม่ามากินซะ อ้อ อย่าเลือกห่อใหญ่ ให้เลือกห่อเล็กๆๆ หน่อย เพราะมันได้หลายห่อดีครับ....555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

หนุ่ย

23/03/2009 22:38:05
0
ผมว่า Burn หูฟังให้่เข้าที่ก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยดูว่ายังขาดอะไรอีกไหม ค่อยซื้อเพิ่มทีหลังก็ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

CvZ

23/03/2009 22:47:14
เบิร์นมาก็เกือบครบ200ชม.แล้วล่ะ คิดว่าจะหาลูกเจ๊ียบมาลองเล่นก่อน ส่วนเรื่องไฟล์เพลงใช้ไฟล์ประมาณ 192kbps ขึ้นไป ส่วนมาก 320 kbps
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

Tanan

23/03/2009 23:19:44
0
ผมแนะนำให้ Burn ให้เสร็จก่อน แล้วก็เลือก file เพลงหน่อย เอาแบบที่ rip มาดีๆ ก็แจ่มแล้วครับ
เพราะคุณเองก็มือใหม่ ไว้่ใช้ไปซักพักศีกษาอะไรต่างๆดีแล้วค่อยดูอีกที

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

TOON

24/03/2009 03:20:47
foobar2000 (ใช้ ASIO output ด้วยนะ) + Dac& น่าจะเป็นก้าวกระโดดในเส้นทางนี้ของคุณได้ครับ เพราะมี DAC แล้ว จะมีทางให้เลือกเล่นหูฟังมากขึ้น โดยเฉพาะหูฟังในระดับhi-fi ซึ่งในบางรุ่นนั้น ที่ใครบอกว่าจุดนั้น จุดนี้ด้อย ถ้าลองมาจับกับ Dac& จะหายไปในพริบตา ตัวอย่างเช่่น AKG 530 ที่บางท่านบอกว่าเบสเยอะเกิน ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่เชื่อเพราะผู้ผลิตวางตำแหน่งให้เป็นแนวแฟลตและบาลานซ์ เลยลองเมลไปถามท่านนึงที่ taf ที่ใช้เจ้าตัวนี้กับ Dac& ผลปรากฎว่าเบสที่เยอะเกิน นั้นลดลงมากลายเป็นนุ่มแทนกำลังดี
อีกอัน คือ philips SHP8900 ที่ใครๆในไทยบอกว่าแย่มากมายยิ่งนัก แต่เมื่อไปดูความเห็นผู้ใช้เจ้า SHP8900 ในเวป head-fi.org ซึ่งแต่ละท่านในเวปนั้นมี Dac& หรือ sound card hi-fi กัน ก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่าดี ไม่มีใครสักคนบอกว่าแย่ และผมเองก็ได้ลองเจ้าตัวนี้กับplayer ธรรมดา กับ Dac& ผมว่าเสียงที่ออกจาก Dac& ดีต่างจากPlayer ธรรมดามากมาย ฟังจาก player ธรรมดาห่วยจริงๆ

นี่เป็นตัวอย่างที่อยากจะชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ Dac& ที่มีต่อคุณภาพเสียงของหูฟังระดับ hi-fi (เน้น) ถ้าคิดจะเล่นระดับ hi-fi ควรจะต้องมีไว้ซักตัวครับ ถ้าจะเล่นกับ Grado อย่างเดียวอาจไม่ต้องพึ่ง Dac& ก็เจ๋งได้ (เค้าว่ากันมาอย่างนั้น อันนี้ไม่รู้) อ้อ Dac& จะไม่ค่อยเห็นผลความแตกต่างมากนักกับหูฟังระดับล่างๆครับ จะเห็นผลชัดมากๆกับระดับ hi-fi หรือหูฟังที่โอมสูงหน่อยแต่ไม่มากนัก ถ้าไม่มาแนว hi-fi Dac& อาจไม่จำเป็นนัก แค่ampอย่างเดียวคงพอ แล้วก็ amp ที่ราคาไม่แพง ก็คงคาดหวังอะไรมากไม่ค่อยได้ ถ้าจะเล่นจริงจัง คงต้องลงทุนไปเลยดีๆ สักตัว ก็สักเกือบหมื่น แล้วการเลือกซื้อ Dac& ต้องดู ชิป DAC ชิป OPAMP ชิป USB controller มีวงจรปรับเพิ่ม voltageไฟฟ้าจาก USB ที่มาแค่ 5V (วงจรพวก DAC ส่วนใหญ่ต้องใช้ voltageมากว่า 5Vถึงจะดึงได้เต็มที่) การเสียบไฟเพิ่มและ spec อื่นๆให้เป็นด้วยเพื่อป้องกันการหลอกขายของที่ใช้ชิป ส่วนประกอบถูกๆแล้วมาโม้ขายแพง + กับรีวิวเเสียงจากผู้ใช้ + หูตัวเอง มิฉะนั้นอาจเสียใจได้เพราะมันแพงอยู่ Dac& ก็มีบุคลิกของมันไม่ต่างจากหูฟัง สรุปคงต้องกำหนดแนวก่อนมาจะไปแนวไหน ชอบบุคลิกเสียงแแบบไหน หาให้เจอก่อน จะได้ไม่ต้องซื้อแล้วมาขายมือสอง รวมค่าขาดทุนก็หลายตังค์อยู่ ถ้าฟังเอามันส์อย่างเดียว คงไม่ต้องถึง Dac& (มั้ง) แบบ Hi-fi ไว้สำหรับคนที่ฟังแล้วเก็บ.... ... และ ...ที่คนปกติเค้าไม่เก็บกัน ตัวอย่างของ USB DAC& ที่ขายแถวนี้ก็มี ibasso D2 กับ CARAT ลองหาข้อมูลดูครับ ตัวแรกใช้เป็น amp แบบ standalone ได้ด้วย ตัวหลังต้องต่อ USB จากคอมอย่างดียว (ยกเว้นรุ่น ruby ต่อ optical input)

ส่วนเรื่องคุณภาพไฟล์เพลงนั้น สำหรับ hi-fi ต้อง lossless เท่านั้น จริงๆ ไม่งั้นจะมี noise แถมมาื้ พร้อมกับความโหว่ หายไปของ ... ... และ ... แต่ 320 พอได้อยู่ ถ้าคุณยังฟังไม่ออกว่า mp3 bitrate ต่ำๆ เสียงต่างกับ lossless ยังไง มันไม่ได้เป็นที่หูคุณ แต่เป็นที่หูฟังต่างหาก (ดี มันไม่ขี้ฟ้อง 555)

ปล. USB DAC& พูดแบบบ้านๆ คือเป็นกล่องๆหนึ่งรับข้อมูลเสียงเพลง จาก USB พอร์ตมาทำให้มันไพเราะขึ้นแล้วส่งสัญญาณเสียงที่ แปลงและ amplified แล้วนั้นไปยังหูฟัง โดยใช้ไฟจาก USB อย่างเดียว หรือต่อไฟเพิ่มก็ได้ DAC บางรุ่นมี Optical หรือ Coaxial input สามารถต่อกับsourceเสียง อะไรก็ได้ ที่มี Optical หรือ Coaxial output

ทางที่ดี ถ้ายังเปลี่ยนใจทัน หันกลับไปเถอะ ใช้แบบพอเพียงกับสิ่งที่มีอยู่เหมือนที่เฮียมั่นบอกอ่ะดีแล้ว โคตรเปลืองตังค์ มีเท่าไหร่หมด คำนิยามของ hi-fi ที่ดีที่สุดที่มีคนเลยบอกไว้ คือ "วังวนแห่งการเสียตังค์" ต้องถามตัวเองดีๆก่อน ว่าเราเสียตังค์แล้วเราได้ที่เราต้องการจริงๆหรือเปล่า คุ้มกับที่เสียไหม หรือแค่อยากลองเฉยๆ ถ้าคิดว่าคุ้มก็มา หรือถ้าตังค์เหลือใช้ก็มาเลย 555 แต่ยังไงก็ต้องลำบากกายฟังไฟล์ mp3 ธรรมดาๆ กับเค้าก็ไม่ได้ คงต้องพกหูระดับล่างๆ ดีสักตัวไว้อีกอันจะได้แมทซ์กับคุณภาพไฟล์ที่มี

ผิดพลาดตรงไหนขออภัยครับ จากประสบการณ์อันน้อยนิดที่อยากแบ่งปัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

TOON

24/03/2009 03:37:06
ขอเล่าเส้นทางสายนี้บ้าง

เริ่มจากเมื่อก่อนสมัยมปลาย ป ตรี เล่นดนตรีกะเพื่อน สมัยนั้นใช้ฟังเทปแกะเพลงเอา เสียงยังพอได้อยู่ถ้ามันยังไม่ยืด หลังๆมาก็หายๆกันไป แต่มาฟังเพลงแบบดิจิตอลสมัยนี้แล้วรู้สึกมันไม่มันส์ซะใจเหมือนเล่นเอง เสียงกลองชุดที่ปกติมันจะหนวกหูกว่าชาวบ้าน จนต้องบอกให้มันตีเบาๆหน่อย ก็หายไปเยอะมาก เบสก็มีแต่ปริมาณหาคุณภาพได้ยากยิ่ง ไลน์กีต้าร์ฟังบางทีก็color ซะเว่อ เสียงคนร้องฟังดูแข็งๆ ไม่ค่อยพริ้ว แย่กว่านั้นบางทีมันมา mix รวมกันเป็นก้อนเดียวจะบ้าตาย เสียงมันดูไม่สมจริงสมจัง เส้นทางสาย hi-fi เลยเริ่มขึ้น โดยเน้นหูฟังเพราะเป็นทางที่คิดว่าถูกกว่าแต่ได้คุณภาพเท่ากันเมื่อเทียบกับเครื่องเสียงบ้าน แล้วคุณภาพเสียงไม่ขึ้นกับขนาดห้องและการจัดวางซึ่งโคตรจะยุ่งยากมากมาย แต่ยังไงก็ตาม hi-fi ในปัจจุบันก็ยังห่างกับเสียงในห้องซ้อมหรือเวทีคอนเสิร์ตอยู่ดี สงสัยงบยังไม่ถึง 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

CvZ

24/03/2009 07:32:08
คงถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ เพราะผมก็เป็นผู้ที่รักในเสียงเพลงมากคนหนึ่ง เมื่อมีโอกาสได้ฟังเพลงดี เสียงดีๆ มีความสุขไปกับเพลงมากขึ้น ก็คงไม่มีใครอยากกลับไปฟังอะไรทีมันแย่กว่าเดิมหรอกครับ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมคงไม่บ้าทุ่มจนเกินกำลังตนเอง คงค่อยๆเล่นไป เรียนรู้ไปเรื่อยๆ หากคนเรารักในสิ่งใด การพยายามทำสิ่งที่เรารักต่อไปก็เป็นความสุขแล้วล่ะ ^ ^

ขอถามเพิ่มหน่อยครับว่า เคยมีคนบอกว่า X-Fi Go! ที่ผมใช้อยู่ก็เป็น USB DAC เหมือนกัน อันนี้ใช่ไหมครับ เขาก็ไม่แน่ใจจุดนี้เช่นกัน ถ้าใช่ผมก็คงใช้ตัวนี้ไปก่อน
ไฟล์เพลง ระหว่าง 320 kbps กับ lossless ก็พอจะแยกแยะได้ในระดับหนึ่ง ถ้าความต่างกันเกิน 100 kbps ยังพอแยกออกได้บ้าง แต่น้อยกว่านี้ก็ไม่ไหวล่ะ เพราะมิติจากการฟังเพลงจากหูฟังตัวก่อนยังไม่มากพอจะแยกออกได้ ต้องขอลองกับตัวใหม่นี้ก่อนล่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

k

24/03/2009 07:44:55
ชื่นชมคับ กระทู้นี้ comment ดีๆ ตรึมเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

sam

24/03/2009 09:00:12
ผมว่าอย่าพึ่งใจร้อนครัีบ ค่อยๆ เล่นไปครับ เหมือนเฮียมั่นตอบ คือฟังไปก่อนครับ โดยเลือก Source file ดีๆ ครับ ไม่ต้องรีบร้อนเสียตังค์ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

TOON

24/03/2009 09:07:44
จากประสบการณ์อันน้อยนิดพอบอกได้ว่า

USB DAC มีท่านนึงเรียกง่ายๆว่า เป็น"ซาวการ์ดครึ่งใบ" คือ ไม่มี line in ที่จะนำสัญญาณอนาล็อคเปลี่ยนไปเป็นdigital (ADC = analog to digital convertor) ซาวน์การ์ด X-Fi Go อย่างน้อยจะมี รูเสียบไมค์ ไว้อัดเสียงพูด (อนาล็อค) เป็นดิจิตอลไฟล์ wav สรุป sound card จะมีวงจร ADC +DAC ส่วน USB DAC จะมีภาค DAC อย่างเดียว เลยเรียกว่า ซาวการ์ดครึ่งใบ ภาค DAC ของ sound card กับ DAC ของ USB DAC อาจใช้ชิป DAC ขั้นเทพในระดับเดียวกันแต่เสียงที่ได้จาก USB DAC จากการฟังด้วยหูฟังอาจต่างกัน ทำไม? เพราะคุณภาพเสียงมันเป็นศาสตร์และศิลป์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชิป DAC แค่ตัวเดียว ขึ้นกับไฟและองค์ประกอบอื่นๆที่มีผลทำให้ลดสัญญาณรบกวนจะได้เสียงดี รวมถึงเกรดของวัสดุที่นำมาทำด้วย (แม้ว่า spec เดียวกัน) ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก โดยส่วนตัวแล้ว DAC ต่อกับ เมนบอร์ดโน้ตบุคจะได้เสียงดีว่า pc (อาจคิดไปเอง แต่เป็นไปได้ที่สัญญาณรบกวนจากบอร์ดของโน้ตบุคจะน้อยกว่า) สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ USB DAC ฟังเพลงจากหูฟัง ได้ดีกว่า sound card คือ มันมักจะมี OPAMP ขยายสัญญาณให้ภาคout put หูฟัง ในขณะที่ sound card อย่าง creativeจะเน้นในส่วนของ EAX ที่ไว้เล่นเกมส์ Sound card ที่เน้นฟังเพลงเป็นหลักก็จะมี ของ Onkyo และ Audiotrack HD2 ซึ่งอาจต้องการแอมป์อีกตัวมาขยายด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะ output มันเป็น RCA อ้อแล้วเลือกที่เป็น 2 channel จะเหมาะกับการฟังเพลงมากกว่า ยี่ห้อ audiotrack นี่หลายคนคงไม่ได้ยินชื่อมากนัก ส่วน creative เหมาะกับพวกเล่นเกมส์ มาฟังเพลงคงไม่เหมาะเพราะมันแต่งเสียงมากไปไม่เป็นธรรมชาติ (ซึ่งบางคนอาจชอบก็ได้)

คิดง่าย ๆ เงินหมื่นนึงเท่ากัน ระหว่างซื้อครึ่งใบ กับ เต็มใบ ครึ่งใบน่าจะให้ผลที่ดีกว่า เพราะเราจ่ายเต็มๆ ให้เฉพาะภาค DAC และ output เราไม่ได้จ่ายไปในส่วน ADC ที่บางคนไม่คิดจะใช้เลย

USB DAC AMP ดีๆ มีอีกเยอะที่ไม่ได้ขายแถวนี้ต้องลองไปดู head-fi.org ส่วนราคาในไทยนั้นบางตัวจะแพงกว่าที่ประเทศผู้ผลิตกันมากกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว!!!!!! อ้างว่าโดนภาษี (คงเชื่อยาก 5555 ในตลาดผูกขาดขายอยู่รายเดียว ที่มีคนที่ยอมทุ่มได้ทุกอย่างเป็นผู้ซื้อ)

USB DAC AMP ที่ hi-end สุดในตอนนี้ (โดยดูเฉพาะในแง่ของวงจร DAC ที่ใช้) และราคาถูกสุดในไทยที่เห็นก่อนหน้านี้ คือ ..... แค่ประมาณ ไม่ถึงแปดพัน เท่านั้น มี opamp เทพ แถม optical input มาด้วย นำเข้าโดยพ่อค้าอิสระทำให้ราคาย่อมเยาว์กว่า ..........มากนัก แต่คนขายเลิกขายไปแล้วแหละน่าเสียดาย สงสัย โดนการเมืองจาก ..............กดดัน (อ่าน ขำขำอย่าไปเชื่อมาก 555) ของพวกนี้สั่งตรงจากเวปผู้ผลิตได้ถูกกว่าโดนภาษีแล้วยังคุ้มกว่า เพราะอย่างที่บอก ราคาในไทยนั้นบางตัวจะแพงกว่าที่ประเทศผู้ผลิตกันมากกว่าเท่าตัวเลยทีเดียว จบล่ะ เดี๋ยวโดน....

USB DAC AMP ที่ hi-end สุดในตอนนี้อาจไม่ได้ให้เสียงที่ดีสุด ถูกใจที่สุดก็ได้ เพราะอย่างที่บอกมันเป็นศาสตร์และศิลป์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

TOON

24/03/2009 09:18:05
ปลายปีผมคงได้ไปเกาหลี คงไม่พลาดที่จะซื้อตัวที่ว่ามาเก็บไว้แน่ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

CvZ

24/03/2009 09:33:10
ขอบคุณ คุณ TOON มากเลยครับ สำหรับข้อมูลดีๆเยอะแยะเลยทีเดียว ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

นายมั่นคง

24/03/2009 20:42:20
0
โอว ขอบคุณมากเลยครับ ข้อมูลเยอะ แน่นเอี๊ยดเลย 555

ผมยังยืนยันครับ ว่าการเล่นแบบรีบร้อน มักจะเสียตังค์มากกว่าค่อยๆๆ เล่นครับ เหมือนการกินข้าวล่ะ ค่อยเคี้ยว หรือเคี้ยวช้าๆๆ จะทำให้อิ่มได้เหมือนกัน แต่เคี้ยวเร็วๆๆ กลืนเร็วๆๆ กินก็เปลือง แถมแน่นท้องอีกต่างหาก 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

k

24/03/2009 21:02:15
ไหนๆกูรูที่นี่ก็ร่ายยาวถึง DAC มาขนาดนี้แล้ว ยังไงถ้าไม่รบกวนเกินไปช่วยอธิบายถึง RCA หน่อยจะได้ไหมคับ แบบว่าเพิ่งได้ DAC พลอยเม็ดเล็กๆมาตัวนึง แล้วมีคนแนะนำว่านอกจากใช้กะคอมพ์แล้วออกหูทั่วไปแล้วต่อ RCA ออกลำโพงแหล่มๆคู่นึงนี่ก็ใช้ได้

ผมเลยอยากรู้ว่าไอ่ RCA ที่ว่านี้มันคืออะหยังคับ เผื่อจะได้ไปหามาลองบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

Noize

24/03/2009 23:41:33
2



ที่เค้าว่ามาคงหมายถึงสาย mini to rca หน่ะครับ
เอาไว้ผ่านสัญญานจาก dac ไปลำโพงที่ต้องแยกเป็น ซ้าย-ขวา

หน้าตาตามรูปที่เห็นนั่นแหละครับ มีตั้งแต่ราคาหลักสิบไปจนหลายๆพันเลยแหละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

Noize

24/03/2009 23:44:12
2
อ้อ...ลืมไป ขออนุญาตเฮียใช้มุขซ้ำหน่อยนะครับ

ของผมเนี่ยเป็นพวก บางทีกูก็รู แต่บางที กูก็ไม่รู ครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

ย่องมาฟัง

24/03/2009 23:50:53
0
ใจผมชอบแถว เอกมัย มากกว่า RCA นะเอกมัยแจ่มกว่าเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

Noize

24/03/2009 23:59:36
2
zantika เหรอ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

นายมั่นคง

25/03/2009 00:41:11
0
555 เอาเลยครับ มุขโบราณของผมนี่ล่ะ

บางที นอกจาก กูรูมัง ไมรูมัง .......ถ้าจวนตัว ผมก็ใช้ กูโมมัง กูมัวมัง เหมือนกัน

555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

TOON

25/03/2009 04:52:23



ก็ต่อสายหน้าตาแบบนี้ จาก DAC ไปยัง ลำโพง ที่มี RCA input หรือ int amp หรือรีซิฟเว่อร์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

TOON

25/03/2009 04:55:05
อันนี้เป็น back panel ของ speaker 2.1 ทั่วๆไป ที่ส่วนใหญ่มี RCA INPUT
ถ้าเป็นลำโพงคอมที่มี input เป็นmini ตัวผู้
อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้สายแบบไหนดีกว่ากัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

TOON

25/03/2009 04:55:46



อันนี้เป็น back panel ของ speaker 2.1 ทั่วๆไป ที่ส่วนใหญ่มี RCA INPUT
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

๙ญ ๖ษฌ๘

25/03/2009 08:06:21
ยินดีกับ จขกท ด้วยครับเส้นทางแห่งมาม่า( mama road ไม่เหมือนกับsilk roadนะครับ)ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

ASNF

25/03/2009 10:41:31
ถามคุณ TOON หน่อยครับ ว่าเสียงของ Peridot กับ Ruby นี้ต่างกันมากรึปล่าว

ผมเข้าไปหาข้อมูลใน Head-fi แล้วพบว่ามีคนใช้น้อยมาก แถมตาคาที่รีวิวก็ดันเขียนเป็นภาษาเยอรมันอีก

บ้านเราก็พอมีคนซื้อมาใช้กัน แต่ส่วนใหญ่เห็นเอาไปต่อกับ 2.1 ซะมากกว่า เลยไม่
มีข้อมูลของ Peridot ที่ใช้ต่ิอกับ FS เลย

ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

แพะ

25/03/2009 11:29:32
39
ตอนนี้ยังแค่มาม่าครับ อีกไม่นาน มาม่าก็จะไม่มีเงินซื้อ อิอิ เชื่อผมเต๊อะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

k

25/03/2009 13:44:25
ขอบคุณทั้งกูรู และกู(รูมั่งไม่รูมั่ง)นะคับ หายคับข้องใจเรื่อง RCA เสียที เดี๋ยวต้องซุ่มรอไปหาลำโพง 2.1 มาลองบ้างซะแล้ว อิอิ

ถึงคุณ ASNF สำหรับผมนี่ Peridot ต่อ MS1 นี่เสียงใสกรุ้งกริ้งอีก level เลยนะคับ ฟังกับเครื่องบรรเลงแล้วหูผมนี่แทบจะเกิดอาการ Ear-gasm กันเลยทีเดียว (Piano and i, Yoshiki, Kenny G)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"ขอเล่าเรื่องหน่อยครับ เส้นทางมาม่า เริ่มขึ้นแล้ว"