หมายถึงในชีลด์ใหญ่ มีชีลด์ย่อยๆอีก2-3สายอยู่ข้างในไช่มั้ยครับ ถ้าอย่างนั้นก็ปกติแล้วครับ

คือผม ดู ในเส้น สีทอง มันมีแยก 2 เส้น อะ ครับ

เเล้วเสียง จาเหมือน พัน 2 3 เส้นปะ ครับ

ถ้ามันมีสองเส้นแยกก็ ok ครับถ้าเค้าเข้าหัวไว้ถูกต้องนะ ไม่ทับกันไม่สลับข้างกันก็ ok
แต่เสียงจะเหมือนแยกเส้นไหม คงต้องดูอีกหลายอย่างเช่น ชนิดของสาย และ Shield ของมัน

ช่างเขาไม่รู้จักท่อหดเหรอครับ เก็บงานไม่เรียบร้อยเลย

ข้างในเส้นน่าจะตอ้งมี 3เส้น(บวก ลบ บวก)หรือ 4เส้น (บวก ลบ ลบ บวก)ถึงจะได้ stereo นะครับ

ไม่ผิดหรอกครับ เพราะถ้ามันผิด มันไม่ดังเป็นปกติและเป็นสเตอริโอแน่ๆๆ ล่ะ...555



****************************************************


เมื่อหลายปีก่อน ผมทำสายมินิทูมินิเองเส้นแรก ผมขี้เกียจไปไกล ก็เลยพึ่งบริการช่างแถวบ้านหม้อดู ช่างคนนี้แกไม่มีโต๊ะทำงานแบบคนอื่นเค้า แกจะมีแคร่ไม้เตี้ยๆๆ อันนึง และแกก็จะนั่งบัดกรีบนแคร่ตัวนั้น.........


ผมเอาสายไปให้ แล้วบอกกับช่างว่า "น้องๆๆๆ ช่วยบัดกรีสายให้หน่อย ทำหัวท้ายเลยนะ แพงไม่ว่า ขอเจ๋งๆๆๆ หน่อย"

ไอ้น้องช่างรายนี้บอกว่า " ได้เลยเพ่ เด๋วจัดให้เจ๋งๆๆๆ"

ผมยืนอมยิ้มและแอบดีใจ....กูมาถูกที่แล้ว..55



ช่างคนนี้เอื้อมมือหยิบสาย Van den Hul สีเหลืองจากมือผม แล้วเอาปากปอกสายสัญญาณ ด้วยฟันที่คมกริบยิ่งกว่าฟันปลาฉลามขาว เค้ากัดแง๊บๆๆ แป๊บเดียว ฉนวนก็ขาดออกจากกัน ....

แล้วไอ้น้องช่างคนนี้ก็ไม่รีรอ เอาหัวแม่ตีนกับนิ้วชี้ตีน คีบไปที่ปลายสาย แล้วเอาหัวแร้งบัดกรียิกๆๆๆๆๆๆ


เหลือเชื่อโว้ย...!!!! ใช้ตีนคีบ และยังบัดกรีเร็วกว่าคนที่ใช้มือทำ เร็วกว่าคนที่มีเครื่องมือครบๆๆ และเร็วกว่าคนมีโต๊ะทำงานสวยๆๆ แพล็บเดียว ไอ้น้องคนนี้เช็คระบบสัญญาณให้ผม เชลแนล A คือลำโพงด้านซ้าย แชลแนล B คือลำโพงด้านขวา.........


หลังจากกระบวนการที่ใช้เท้าหรือตีนผลิตให้ผมจนเสร็จ ไอ้น้องก็หันมายักคิ้วให้ผม พร้อมกับบอกว่า.....

"ยี่สิบครับเพ่...."


ผมควักให้อย่างไม่รอช้า....แล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

ช่างไทยกับตีนไทย...มันช่างให้อรรถรสเสียนี่กระไรเอย......




5555

เหมือนครับ มันเป็นสายชีล์แบบกราวน์ถักหุ้ม
แบบพันสองสามเส้น มันจะเป็นสายแบบ twisted ครับ

ขอบคุณ ครับ

เเต่ฟังไป ฟังมา เสียงเป็นmono อ่าๆๆ

เฮียครับเฮีย...เหมือนจะเคยได้ยินว่าบางท่านพอได้ของใหม่มาแล้วชอบเอามาดม หรือ เอามานอนด้วย นี่น่ะซิครับ แล้วสายเส้นนั้นเฮียทำไงกะมันมั่งอ่ะครับ อิอิ

อ่ะ จ๊าย !! เป็น mono อย่างนี้ สงสัย จะไม่ปกติแล้ว ล่ะ ครับ ..................อิ อิ อิ

555 นั่นไง ผมอุตส่าห์ขมวดปมไว้ ดูว่าจะมีคนถามหรือเปล่า....5555

ปรากฏว่า มีคนถามจริงๆๆๆ 555


เอ้า บอกให้เลย...วันนั้นกลับมา ผมแทบไม่อยากได้มันเลยล่ะ ไม่ใช่เพราะการใช้เท้าคีบหรอกครับ แต่มันมาจากการทำงานที่ไม่เรียบร้อยงดงามซะมากกว่า 555

ของพวกนี้ ต้องไม่ลืมว่า การประกอบ การปอกฉนวน การเข้าหัว ความปราณีตต่างๆๆ มันมีผลต่อความมั่นใจของคนเล่นด้วยครับ ถ้างานดี เนี๊ยบ ทำให้จิตมันปลอดโปร่ง 555

ต่อให้ใช้เท้าประกอบผมก็ไม่เกี่ยง....


แต่นี่ก็สมกับใช้เท้าจริงๆๆ นั่นแหละ 555

สายที่เป็น "สายชีล์แบบกราวน์ถักหุ้ม" นี่คือมีเส้นตัวนำ 2 เส้น แล้วก็ ground เป็นตาข่ายหุ้มอยู่ข้างนอกใช่ป่ะครับ? (นึกถึงสาย coaxial อ่ะ)

ส่วนแบบ "twisted" นี่คือมีตัวนำ 3-4 เส้น แล้ว ground ก็วิ่งบนเส้นตัวนำเลยป่ะครับ? (ผมนึกถึงสาย LAN)

สองแบบนี้ปกติเค้าใช้แบบไหนกันเหรอครับ?
มันมีผลต่างกันยังไง?

ใช่ครับ มี 2 เส้น แล้วกราวน์หุ้มไว้ครับ และจริงๆแล้วสายพวกนี้คือ twisted ด้วยเหมือนกันครับ
ถ้าลองแกะมาดูตลอดความยาวสายจะเห็นว่า สายสัญญาณเส้น L และ R ก็ถูกบิดคู่ตีเกลียวไว้เหมือนกัน
แต่ไม่บิดถี่มากถึงขั้นสายถักที่เค้าทำขายกันหน่ะครับ

การตีเกลียว ทำเพื่อลดอาการที่เรียกว่า crosstalk ครับ เป็นอาการที่เกิดจากการเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กไฟฟ้าข้ามสายกันของสายสัญญาณสองเส้นที่วิ่งคู่ขนานกันเอง การบิดไปมาก็เพื่อย้ายที่มันไปคนละฝั่งสลับกันไปมาซะ เพื่อให้ทิศทางของขั้วสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดขึ้นรอบๆตัวสายมันหักล้างกันไปเองครับ

ส่วนการ shield สายสัญญาณด้วยการเอาเส้นกราวน์หุ้มเส้นสัญญาณเอาไว้ ก็เพื่อป้องกันสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มาจากแหล่งกำเนิดภายนอกเหนี่ยวนำเข้าไปในสายสัญญาณ พูดแบบบ้านๆก็คือดักมันไว้ก่อนแล้วเอาลงกราวน์ไปให้หมดครับ ที่เค้าถักชีลด์ไว้ก็เพื่อให้มันห่อสายสัญญาณได้รอบ ไม่ย้ายที่เวลาสายโดนบิดหักทับ ละก็เพิ่มความแข็งแรงของสายไปด้วยในตัว ในส่วนของสายโมโนเค้าก็นำงี้เหมือนกัน คือเอาสายกราวน์ห่อสายสัญญาณไว้เหมือนกัน

อย่างพวกสาย LAN มีทั้งที่เป็น UTP (สายตีคู่บิดเกลียว 8 เส้น ไม่มีชีลด์) กับแบบมีชีลด์เป็นฟอยล์ห่อรอบสายเอาไว้ครับ แบบนี้ต้องดึงมันไปต่อกะกราวน์ของระบบด้วย ไม่งั้นจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย