ผมว่ามันก็จริงส่วนหนึ่งนะ พวก Amp ต้นทุนไม่เท่าไหร่เอง แต่ไปคิดค่าสรรคสร้างแทน

บางทีเห็นแอมป์บ้านดีๆราคาแค่ 10000 ยังคิดเลยว่าทำไมแอมป์หูฟังจีนมันแพงจัง

ถ้ามันทำจากเศษ capa แต่เสียงของมันทำให้คุณมีความสุขมากที่ได้ยินมัน คุณจะซื้อมัน
หรือเปล่าครับ? ลองถามตัวเองครับ

อีกอันทำจา god of capa แต่เสียง...้ยคุณจะซื้อไหม? ไปล่ะครับ ลองคิดดูนะ

ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย แอมป์ก็คือแอมป์ครับ เอาไว้ขยายเสียงให้แรงขึ้น เพื่อไปขับหูฟังที่ความไวต่ำ อิมพีแดนซ์สูงๆ โดยเฉพาะในกรณีที่ตัว player เองมันไม่มีกำลังพอที่จะขับหูฟังนั้นๆได้ การใช้แอมป์หูฟังเลยไปช่วยในส่วนนี้ครับ

อันนั้นคือ จุดประสงค์หลักของแอมป์หูฟังครับ

แต่ผลพลอยได้ที่ตามมา และเราพูดถึงกันบ่อยกว่ามาก ก็คือ ลักษณะเสียงที่ได้จากแอมป์ตัวนั้น
มันก็เหมือนกับอุปกรณ์เครื่องเสียงอื่นๆแหล่ะครับ แอมป์แต่ละรุ่นก็มีการตอบสนองต่อความถี่ต่างๆแตกต่างกันไป เช่น แอมป์บางรุ่นตอบสนองเสียงย่านเบสได้ดีกว่า พอสัญญาณเข้ามาและขยายออกก็เลยมีเบสที่มากขึ้น ส่วนเสียงในย่านอื่นๆ ก็โดนขยายตามไปนะครับ เพียงแต่ย่านเบสจะเด่นกว่าเท่านั้นเอง
นอกจากนั้นยังมีพวกเรื่องของ distortion อีกครับ

คุยไปคุยมา ก็เลยทำให้หลายคน เข้าใจผิดไปหมด นึกว่าแอมป์หูฟังจะมาแทนอิควอไลเซอร์ได้ ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่ใช่ เพราะมันคือผลพลอยได้เท่านั้นครับ จุดประสงค์หลักคือนำมาขยายสัญญาณขับหูฟังที่ไวต่ำหรืออิมพีแดนซ์สูง

แต่ยังไงก็เป็นผลพลอยได้ที่ ต้องคำนึงถึงเหมือนกัน คล้ายๆกับการซื้อหูฟังแล้วต้องดูว่านิสัยของหูฟังตัวนั้นเป็นยังไงมั่ง การซื้อแอมป์ก็คล้ายๆกันครับ

จะว่าไปอย่างที่พี่คนนั้นบอกว่า หาหูฟังที่ match กับ player ก็ถือว่าถูกส่วนนึงครับ ผมว่ามีผลมากมายทีเดียวหล่ะ แต่การใช้แอมป์ขับแทนก็ไม่ผิดเหมือนกัน(อ้าว) เพราะบางทีหูฟังที่เรามีอยู่แล้ว ก็ไม่ได้ตอบสนองความต้องการได้ทั้งหมด บางทีเราก็ใช้ไอ้ผลพลอยได้ที่ว่าเนี่ย มาช่วยชดเชยสิ่งที่มันหายไปหน่ะ

D2 ใช้ opamp 2 ตัว ภาค Dac กะ Amp
กล้าเปิดอะเปล่า เสียบให้ถูกนะครับ ไม่งั้นบึ้ม

Opamp ต้องใช้ Dual เท่านั้น
เน้นเบส ก็ Burr-brown ทั้งภาค Dac/amp ... DARK+BASS
เน้นโปร่ง ก็ AD
ส่วนเบอร์อะไรนั้น ค้นหาใน net เอาครับ ที่นิยมคือ 627 637 แต่สองตัวนี้เป็น Single ต้องใช้เป็นคู่ ซึ่งเนื้อที่ไม่พอใส่ใน D2 ครับ

และอีกอย่าง โมสายหูฟังครับ เปลี่ยนสายซะเลย แต่เปลี่ยน Opamp จะเห็นผลมากกว่า
ยังไม่พอใจก็เปลีย่นสาย ไม่พอใจอีกก็ต้องเปลี่ยน Amp หรือ หูฟังแล้วครับ

อย่าว่าแต่ใครเลย ผมเองยังตกใจเลย ตอนซื้อ The Hornet และ Gilmore Lite แอมป์อะไรกันเนี่ย ตัวล่ะเกือบ 2 หมื่น ผมซื้อแอมป์บ้าน NAD มาเล่นตัวเบ้อเริ่มเมื่อสมัย 20-30 ปีก่อน ตัวละหมื่นกว่าบาทเอง 555 หรือแม้แต่แอมป์หลอดหูฟังตัวละ 3 หมื่นกว่า....แต่ตัวนิดเดียว 555

ต้องมองว่าของพวกนี้มันไม่ใช่คอมเมอร์เชียลแอมป์ครับ เพราะหูฟังนั้น คนเล่นยังอยู่ในวงจำกัด เมื่อไหร่ที่คนเล่นหูฟังหันมาให้ความสำคัญกับระบบที่มาใช้ร่วมกับหูฟัง และเมื่อไหร่ที่แบรนด์ใหญ่ๆๆ แบรนด์ดังๆๆ ของโลก หันมาจับตลาดแอมป์หูฟัง และจับมันเข้าไว้ในหมวดหมู่สินค้าเมื่อไหร่ รับรองราคาถูกแน่ๆๆ 555

แต่ที่ราคาแพงก็จะแพงเวอร์ไปเลยล่ะครับ ส่วนที่ถูกก็จะถูกโคตรๆๆ อีกเช่นกัน...

ต้องเลือกแอมป์ให้แมทช์กับหูฟังที่เราใช้ด้วยนะครับ อย่าลืมกันล่ะ เพราะแอมป์บางตัว บางทีไม่สามารถแบกน้ำหนักขับหูฟังบางตัวได้ดีเท่าที่ควรครับ อาจจะมีทางเลือกในการเปลี่ยน op-amp ได้ แต่ผมไม่แน่ใจว่าสามารถปรับเปลี่ยนเป็นเบอร์อะไรได้มั่ง...แต่ผมมั่นใจว่ามันเปลี่ยนได้แน่ๆๆ ล่ะ เพราะ iBasso ยังแถม op-amp มาเป็นออฟชั่นพิเศษในรุ่นอื่นๆๆ เลยล่ะครับ

เอ้า ท่านใดลองแล้ว เล่าสู่กันฟังเน้อ.......555

เจี๊ยกๆๆๆ คุณ Bee โพสมาพอดี อีกไม่เกิน 2 ชั่วโมง จะให้คนไปส่ง zero dac ให้แล้วจ้า

ว่าจะไปซื้อลูกอ๊อดพอดีเชียว แบบนี้ต้องเอาเครื่องกับหูไปลองฟังที่ร้านซะแระ

ผมคิดอย่างนี้นะครับ
ของที่เราไม่มีปัญญาทำเอง ถ้าอยากได้ก็ต้องซื้อ แม่จะแพงสักนิด
ผมยกตัวอย่างชุดkitแอมป์หูฟังของไทยนะครับ
รุ่นเดียวกัน ซื้อเป็นชุดkitกึ่งสำเร็จรูป มาบัดกรี ใส่กล่อง ประกอบเอง
ราคาแปดร้อยกว่าบาท อะหลั่ยก็เกรดออดิโอราคาสมเหตุสมผล
กับซื้อสำเร็จที่เขาประกอบให้ลงกล่องให้เสร็จเลย ราคาพันปลาย ๆ
จะเห็นว่า ชุดkit ถูกกว่าเยอะ ถ้าเราประกอบเองได้ก็เอาเลย
แต่ถ้าไม่มีปัญญา ก็ซื้อเอาเถอะ เดี๋ยวทำแล้วเจ๊ง จะยิ่งแย่

แล้วทีนี้ลองมาดูแอมป์หูฟังของนอกบ้าง อ่ะอย่างD2ที่คุณ BEE เอารูปภายในมาให้ดูก็ได้
จะเห็นว่าพวก R ตัวเล็ก ๆ เท่ามด ง่ะ เรา ๆ ท่าน ๆ ไม่มีปัญญาไปบัดกรีเองหรอกครับ
ซื้อสำเร็จเอาเลยจะสะดวกกว่ามาก แม้จะมีคนปรามาศว่า อะหลั่ยถูก ๆ แต่เมิ....มีปัญญาทำปะล่ะ
(ขอโทษที่ไม่สุภาพครับ)
ก็เหมือนแอมป์ gain อ่ะครับ ตัวเป็นแสน เอามาแกะฝาโคลนกัน ต้นทุนของอยู่ประมาณ หกพันเอง
เหอ เหอ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็กุทำไม่เป็นงิ

จักรยาน คันละเป็นแสน ฝีมือคนปั่นหลักร้อย... แพงนะครับ(แตมีตังส์ความสุขก็ไม่แพง)...แต่ปั่นออกกำลังแล้วไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ นั่นไม่แพงเลย

สะสมแสตมป์ ดวงละเป็นหมื่นเป็นแสน..

ศิลปิน ปาดสีบนผ้าใบไม่กี่ปื๊ด..ราคาเป็นล้าน

เศรษฐี(นักฟุตบอล) เล่นกีฬา ให้คนจนดู แล้วคนดูบางประเทศทะเลาะกัน...555

เลขเยอะ ไม่ได้มีความหมายว่าค่ามันจะมากตาม...เช่น 200 อาจมีค่าน้อยกว่า 99 หรือ 111 แล้วแต่สถานที่

โซดา น้ำอัดแก๊ส ไม่ได้ผสมสี+น้ำตาล ราคาแพงกว่าน้ำหวานอัดลมอีก.....

พระเครื่อง...งี้ ค่าตัวดารางี้......................

จีน จัดโอลิมปิค ฝรั่งอายนะครับ....เป็นไงครับขี้โรคแห่งเอเชีย...เหรียญทองทิ้งฝรั่งไม่เห็นฝุ่น

ถ้าทำเองไม่ได้ ไม่แพงหรอกครับ...ถ้าใช้งานคุ้ม
ถ้าทำเองได้ นี่สิ ถือว่าแพงมากเลยล่ะ.............................

มาคุยตามประสาคนทำแอมป์บ้างครับ
จริงครับผมฟันธงเลยว่าแอมป์หูฟังที่ขายๆกันอยู่ ทุกตัวแพงเกินมูลค่าของอะไหล่ไปเยอะ อย่างแอมป์นอกยี่ห้อนึง เปิดมามี opamp นิดหน่อย อุปกรณ์อีกนิดหน่อย แถมกล่องหน้าตาอุบาทว์ ดันขายหมื่นกว่าๆ แถมมีคนบ้าซื้อหลายคนด้วย ฮ่าๆๆ แต่ถามว่าให้ทำได้แบบเขาไหม ผมว่ายากนะ มันต้องทดลองนานมากกว่าจะได้เสียงแบบนั้น แต่ที่สำคัญที่สุด ถึงทำได้ก็ด้านไม่พอที่จะขายราคานั้นทำให้หมดอารมณ์วิจัยไปมากเหมือนกัน

เจ้า d2 ที่บอกอยากให้มันแรง ผมฟันธงว่าหมดหวังครับ เพราะมันใช้แบต lithium แค่ก้อนเดียว ไฟมันไม่พอขับให้แรงๆได้หรอกครับ ถ้าเปลี่ยน opamp ก็เปลี่ยนแนวเสียงเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มกำลังวังชามันเท่าไรถ้าจะเอาแรงต้องหันไปคบตัวอื่นครับ

และ แอมป์ไทยยี่ห้อนึง
"อุปกรณ์อีกนิดหน่อย แถมกล่องหน้าตาอุบาทว์ ดันขายหมื่นกว่าๆ แถมมีคนบ้าซื้อหลายคนด้วย"

ผมนี่แหละบ้าซื้อมา เปิดดูมันไม่มีอะไรเลย แล้วก็ขายไปต่ำกว่าครึ่งราคา ผมยังรู้สึกส่วนตัวว่ามันแพงเลยอะ

ไม่มีอะไรครับ เล่าให้ฟังขำๆ ผมพวกชอบลองของ

555 "หมดหวัง" ตรงประเด็น เลย ครับ พี่ nopphong ถ้าอยาก จะ เพิ่มกำลัง คงต้อง เปลี่ยนไปหาตัวอื่นแล้วล่ะ ครับ แต่ตัวนี้ สามารถ เปลี่ยน Opamp เปลี่ยนบุคลิคเสียง ได้ ครับ แต่เพิ่ม กำลังเห็นจะยาก .................อิ อิ อิ

อย่างที่มีคนพูดมาแล้วอ่ะครับ จะมองที่ราคาอุปกรณ์ข้างในอย่างเดียวคงจะไม่ได้
ต้องมองค่าวิจัย พัฒนา ค่าการตลาด ค่า support ของเค้าด้วย
ยิ่งของที่ยิ่งทำน้อย ค่าเฉลี่ยของพวกนี้ต่อตัวก็ยิ่งสูงครับ

จริงๆ ของที่เราใช้กันอยู่หลายๆ อย่าง ขนาดเป็นของที่ mass product แล้ว
ราคาค่าวัถุดิบจริงๆ มันแค่ไม่เท่าไหร่เมื่อเทียบกับราคาขายเหมือนกันครับ

มองในด้านสุดโต่ง ลองเปรียบเทียบเหมือนเสื้อผ้า กระเป๋าก็ได้
เค้าขายกันที่การออกแบบ กับยี่ห้อ
ถ้าคิดแค่ราคาต้นทุนเฉพาะวัตถุดิบคงต้องบอกว่าขายแพงมากๆ
พอพี่จีน copy ออกมา เหมือนเปี๊ยบ แต่ราคากลับถูกกว่าเกินครึ่ง
ทั้งที่คน copy ก็ได้กำไรเพียบเหมือนกัน
ที่ทำได้เพราะว่าไม่มีค่าออกแบบ ไม่มีค่าการตลาด ไม่มีค่า support แล้วก็ไม่มีค่ายี่ห้ออ่ะครับ

แต่ถึงจะคิดแบบนี้ ส่วนตัวผมก็ยังรู้สึกว่า มันแพงอยู่ดี :D

พี่beeเดี๋ยวโทรหานะคับ
ขอขอบคุณทุกๆคนมากนะคับที่ช่วยกันตอบทำให้ตาสว่างขึ้น
.
.
.
เมื่อรู้ความจริงแล้วไงต่อ...ก็
.
.
.
ต้องซื้อมันต่อไป
.
.
.
ก็คนมันรวยอ่ะทำไงได้
(ว่าแต่ไอโรคขาดสารอาหารเพราะมาม่าเนี้ย รักษา ร.พ.ไหนถูกๆบ้างคับ)

ผมว่าต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการ commercial สินค้ามันมากกว่าแค่ ชิ้นส่วนอุปกรณ์น่ะครับ ไหนจะเวลาในการทดลองเพื่อให้ได้เสียงที่คิดว่าลงตัว ค่าใช้จ่ายประจำในการจ้างพนักงาน โรงงานผลิตหรือประกอบและอื่นๆ และความเสี่ยงที่จะขายได้มากน้อย บางชิ้นส่วนที่ทำเฉพาะเช่นboardหรือhousingก็น่าจะต้องสั่งทีละค่อนข้างจำนวนมาก

คิดแบบคนที่ทำเองไม่ได้นะครับ อย่างนี้ถึงมีอาชีพเฉพาะเกิดขึ้น :)

เค้าเรียกค่าโง่ เอ้ย ค่าทำวิจัยครับ
เหมือนทำกระเพราะไก่ มือสมัครเล่นมาทำตามสูตรยังไงก็ไม่อร่อย

ลองไปถามเฮีย จอห์น กะ เฮียจอร์จ ดูครับ ว่าต้นทุน หูฟังอันนึงเท่าไหร่

แล้วอาจจะอึ้งยิ่งกว่าแอมป์ก็ได้ โดยเฉพาะรุ่นใหญ่ๆ ว่ามันต่างกันแค่ไหน