ผมไม่รู้ความต่าง แต่รู้ว่า สองตัวนี้กำลังมันจะขับ K702 ได้ไม่สุดนะครับ

แอมป์ P3 เป็นแอมป์ที่มีออปชั่นพิเศษ คือมีกล่องตัว case แถมมาอีก 1 อัน น็อต และ op-amp อีก 8 ตัว ให้ท่านเลือกเปลี่ยนจนพอใจ

ไปลองมาแล้วครับทั้ง 2 ตัว D2จะให้เสียงสูงและกลางที่สว่าง กระจ่างกว่า ฟังแล้วได้ความรู้สึกโปร่งโล่ง เนื่องจากเบสของ D2 เป็นเบสที่ลึกแต่ไม่ยาวนัก เป็นเบสที่กระชับ เร็ว ไม่กวนเสียงในย่านเสียงอื่น ฟังดูอาจจะไม่ซะใจสำหรับผู้ที่ชอบบริโภคเบสหนักๆ แต่สิ่งนี้จะพบได้ใน D3 ที่มีแรงขับที่มากกว่า (เสียงดังเท่ากันแต่เปิดน้อยกว่า)เบสออกมาแรงซะใจ เป็นเบสที่ลึกและหนักแน่น ส่วนเสียงกลางและสูง ไม่ต่างกันมากแต่อาจจะฟังไม่โปร่ง ใส เท่า D2 เนื่องจากจะมีเสียงเบสยาวๆ มาคลุมอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับทำให้คุณภาพเสียงกลางและสูงด้อยลงเท่าไร เพียงแต่ไม่สว่างเหมือน D2 เท่านั้นเอง

ทั้งหมดนี้จะความรู้สึกผมล้วนๆ ครับ ไปฟังเองอาจจะไม่รู้สึกอย่างผมก็ได้ ทั้งนึ้ขึ้นอยู่กับว่าเราฟังด้วยหูฟังอะไร แอมป์นั้นมาช่วยเติมเต็มหูฟังของเราหรือไม่ และเราชอบฟังเพลงแบบไหน ทั้งหมดเข้ากันหรือเปล่า สำหรับตัวผมแล้วผมชอบฟังเพลงร้องหวานๆ ฟังสบายๆ โปร่งๆ ไม่เน้นเบสแบบกระแทกมากนัก แนว R&B หรือ Soft Rock หรือ Pop ทั่วไป D2พอจับคู่กับ MS-1แล้วมันสวรรค์ชัดๆ เลย

อ้าวเป็น P3 เหรอ สงสัยแก่แล้ว ตาไม่ดี เห็นเป็น D3 555

P3 ยังไม่ได้ลองอ่ะ ว่าแต่ P3 เป็น Amp อย่างเดียวปล่าวไม่แน่ใจ แต่ D2 เป็นDAC ด้วยจ้า สามารถใช้ต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่าน USB แล้วเครื่องจะมองเห็น D2 เป็น SoundCard เลย ที่สำคัญเสียงที่ต่อผ่าน DAC นี่มันสวรรค์ชั้น 7 เลยครับ คมจนบาดหูเชียว

ค้นมาข้อมุลมาเสริมครับ
- P3 เป็น amp อย่างเดีัยว ออกแบบมาให้เปลีย่น opamp ได้ง่าย ใช้ไฟ 9V

- D2 เป็น Usb only Dac+amp ใช้ไฟ 5V ส่วนเรื่องเปลี่ยน opamp ไม่แน่ใจครับ

ถ้าเป็นผม ถ้าไม่เล่นพวกโอห์มสูง ผมจะเลือก DAC+AMP ที่สามารถเปลี่ยน Opamp ได้ง่ายครับ
วันหนึ่งอยากเปลี่ยนเสียงก็แค่ซื้อ Opamp ซึ่งราคาไม่แพง โดยไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ amp หรือ dac ใหม่

ถ้าจะเล่นโอห์มสูง ก็ถอยแอมป์ดีๆมาก่อน แล้วค่อย Dac ครับ

พอดีเห็น P3 แพงกว่าทั้งที่เป็นแอมป์อย่างเดียว เลยอยากรู้ว่าเสียงเป็นยังไงครับ

P3 มันเปลีย่น opamp ได้ฉะนั้นเสียงเลยตาม Opamp เลยครับ
แต่ถ้าจะหาบุคคลิกส่วนตัวนั้น P3 ต้องเอา amp ที่เสียบ opamp เบอร์เดียวกัน แล้วเทียบหนะครับ

ข้อดีของแอมป์ที่ใช้ ไฟจาก bettery ได้คือ เคลื่อนย้ายได้ง่ายและนิ่งครับ ข้อเสียคือกำลังน้อย

แอมป์ไฟบ้าน กำลังดี แต่ใช้ไฟบ้านก็ตามมาด้วย Noise บาน ก็ต้องเสียเงินยาวกับสายไฟปลั๊กไฟต่างๆ

p3 ไม่ได้ใช้แบตหรือครับ

ได้นะครับ 6 AAA batteries หรือ external power adapter อื่นๆ

555 แฟนๆๆ ทุกท่าน ฟังมากกว่าผมซะอีก 555

เจ้า D2 น่ะเป็น dac-แอมป์ อเนกประสงค์ คือทาก็ได้ ถูกก็ได้ กินก็ได้ คือสารพัดประโยชน์ และออกแนวแบบกว้างๆๆ เข้าขากับเพลงหลากหลาย โปร่ง โล่ง คือนิยามสุดๆๆๆ ของมันครับ เบสดี แน่น และลึก ไม่เน้น บวม หรือเบลอกันล่ะ หูฟังปกติทุกตัว D2 ขับได้หมด ยกเว้นพวกหินๆๆ อยู่ไม่กี่ตัวล่ะครับ

เจ้า P3 นั้น มีออฟแอมป์ให้เปลี่ยนจนตาเหลือก ถ้าผมจำไม่ผิด แอมป์ตัวนี้อยนู่ในวรรณะอุ่น หรือโทนอุ่น คนชอบความอิ่มเอิบ อูม เนื้อๆๆ เน้นๆๆ มักจะชอบ P3 ครับ ใครที่ฟังเบสตั้งแต่ช่วง upper ยันไปถึง Deep Bass น่าจะชอบ P3 ได้ไม่ยากเย็นนัก เรี่ยวแรงมากกว่า D2 ครับตัวนี้

คร่าวๆๆ ประมาณนี้ล่ะ ผิดถูกประการใดทักท้วงมาได้เลยเน้อ 555

ขอบคุณคุณ Bee มากเลย ตอนนี้คงต้องเล่นพกพาไปก่อน เดียวมีตังค่อยว่ากันใหม่

D2 ผมเคยฟังนิดหน่อย เบสมา (ตอนนั้นเทียบกับ KOTCH) ตามเฮียมั่นคงบอกเลยครับ

จริงหา Dac/amp เล่นก่อนก็ไ้ด้นะครับ ราคาไม่แพงมีหลายตัว ถ้าแรงไม่พอจริงๆ ค่อยหา amp เพิ่มเข้าไปครับ หิ้วหูตัวโปรดไปฟังที่ร้านเลยครับ อย่าเชื่อผม หรือ เฮียมั่นคงเลยครับ (สุดท้ายก็ต้องหลงคารมเฮียเสียตังค์อยู่ดิ 555) ลองด้วยหูตัวเองหนะดีที่สุดครับ

พี่BEE หวัดดีก๊าบ
พี่ Ken21th หวัดดีก๊าบ
เฮียมั่น หวัดดีก๊าบ
ผมยืนยันเหมือนเดิม D2 เหมาะกับพี่Ken21thที่สุดแล้ว
จิงๆนะไม่เชื่อลองไปลองตัวอื่นดูก่อน

พี่BEE คิดถึงคลังแสงของพี่จังครับ

D2 เคยลองแล้วใช้กับ K530 ผมว่า OK น่ะ แต่ผมว่า 530 เบสมันมากไปหน่อย
นึกว่าจะมีตัวไหนที่ ทำให้เบสมันน้อยลงได้อีก ตอนนี้เลบปรับ EQ ในTouch เป็น Bass Reducer ครับ