สวัสดีคับ นี้เป็นครั้งที่สองที่ผมมารีวิวให้อ่านกันอีกครั้งนะคับ โดยครั้งนี้ผมจะมารีวิวหูฟังที่มียี่ห้อที่ดังมากๆในเรื่องของลำโพง PA ลำโพงในโรงหนัง ในงานอีเว้นท์ต่างๆหรือแม้กระทั่งลำโพงภายในบ้าน นั่นก็คือ JBL นั่นเองคับ จริงๆผมก้อเป็นคนนึงที่ชอบ JBL นะคับ ผมรู้จักจากการที่พ่อของผมนั่นแกเป็นคนบ้าเครื่องเสียงมากๆ พาผมไปตามห้างหรือร้านต่างๆ อ่านหนังสือเกี๋ยวกับเครื่องเสียงจนทุกวันนี้ผมก้อบ้าตามพ่อไปเรียบร้อย แต่ผมหันมาบ้าหูฟังเมื่อ 3-4 ปีนี้เองคับ แต่ไม่ได้ลงลึกรายละเอียดอะไรมากเท่าไหร่ เพราะผมก้อไม่รู้จะหาแหล่งข้อมูลจากไหน แต่พอมาเจอร้านๆนึง ทำให้ผมได้รายละเอียดเยอะเลยนั่นก็คือ ร้านมั่นคงนั่นเอง เอาล่ะ ผมจะเล่าถึงประวัติที่ยาวนานของยี่ห้อลำโพงที่เป็นที่รู้จักมานานถึง 66 ปีกันแบบคร่าวๆนะคับ
JBL ถือกำเนิดขึ้นในปี 1946 โดย James Bullough Lansing หลังจากที่เค้าออกจากบริษัทผลิตลำโพงชื่อดัง นั่นก็คือ Altec Lansing ซึ่งเป็นลำโพงที่ได้ขับขานในเทศกาลดนตรีอันโด่งดังไปทั่วโลก Woodstock ในปี 1969 อีกด้วย เค้าออกจากบริษัทดังกล่าวในปี 1945 ในวันที่ 1 ตุลาคม 1946 JBL ก้อได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ในขณะนั้นโรงภาพยนตร์ โรงละครหรือเวทีแสดงสดนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ในช่วงแรกๆของ JBL นั้นจะผลิตลำโพงขนาดใหญ่ โดยผลงานชิ้นแรกที่ออกมานั้นก็คือ ดอกลำโพงฟูลเรนจ์ รหัส D101 และลำโพงทวิตเตอร์แบบฮอร์น รหัส D175 โดยลำโพงทั้งสองแบบค่อนข้างใกล้เคียงกับลำโพงของ Altec Lansing เป็นอย่างมาก จึงทำให้ JBL ได้ผลิตลำโพงฟูลเรนจ์ รหัส D130 ออกมา แต่ในช่วงปี 1948 นั้น JBL ก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับธุรกิจของตนเอง จนกระทั่งในปี 1949 วันที่ 4 กันยายน James Bullough Lansing ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยการแขวนคอ จากนั้นบริษัทก็ตกไปอยู่กับนาย Bill Thomas ในช่วงนี้ JBL ก็ยังผลิตลำโพงออกมาเรื่อยๆ ในปี 1955 ก้อได้เปลี่ยนโลโก้ จาก James B. Lansing Sound, Incorporated เป็น JBL ที่เห็นกันในปัจจุบัน ในช่วงนี้เอง JBL ก็เริ่มหันมาสนใจผลิตลำโพงในสตูดิโอ ได้ปล่อยตระกูล 4320 ออกมาในช่วงนั้น ในปี 1969 Bill Thomas ได้ขาย JBL ให้ Harman/Kardon ใครเป็นคนที่เล่นเครื่องคงรู้จักยี่ห้อนี้ดีนะคับ ในปีถัดมา JBL ก้อได้ผลิตลำโพงรหัส L-100 ออกมาซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ใน 1977 JBL ก้อเริ่มทำตลาดทั่วโลก แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันคับ เอาล่ะคับพูดถึงประวัติอันยาวเหยียดของ JBL ที่ยิ่งใหญ่มาเยอะแล้ว เรามาดูหูฟังระดับโลกกันดีกว่าคับ
เริ่มดูจากภายนอก ก็จะมีกล่องกระดาษแข็งอย่างดี ภายในก็จะมี กล่องเก็บหูฟัง คู่มือ แจ็คเสียบแบบบนเครื่องบิน มาให้ หูฟังคู่นี้สายจะไม่ยาวมากเท่าไหร่นัก มีโวลุ่มปรับดังเบามาให้ด้วย ไม่ใช่ปุ่มกดนะคับ แต่เป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลง เป็นแบบที่หูฟังตอนเด็กที่เห็นกันบ่อยๆอ่ะคับ ผมจำได้เลยว่าแต่ก่อนมันเยอะมากเลยไอ้ที่มีปรับดังเบานี้เยอะมากในช่วงนั้น สายเป็นแบบยางฝืดๆอ่ะคับ ผิวมันจะไม่ลื่นเหมือนสายทั่วๆไปนะคับ หูฟังก็ทำมาจากพลาสติกอย่างดีคุ้มราคาคับ
มาถึงเรื่องเสียงกันบ้างนะคับ อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบนะคับ ก้อจะมี Ipod Gen4 Nokia XpressMusic จำรุ่นไม่ได้ แต่เสียงดีเลยทีเดียว แอมป์ลูกเจี๊ยบ Fiio E3 เหมือนเดิมคับ ศิลปินที่ได้นำมาทดสอบหูฟังตัวนี้มีดังนี้คับ

Diana Krall
Norah Jones
John Mayer
Bucky Pizzarelli
Dave Brubeck
Carpenters
Eric Clapton
Jimi Hendrix
Fall Out Boy
The Damned Things
Periphery
Creed
Adrenaline Mob
Dream theater
SNSD etc.....
เอาล่ะในที่สุดก็มาถึงเรื่องเสียงกันนะคับ ตัวนี้อยู่กับผมมาปีกว่าแล้วคับ มันเป็นหูฟังตัวที่สามในชีวิตผมเลย เรื่องเสียง ผมบอกตรงนี้ก่อนเลยว่านี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะคับ เชื่อก้อได้ไม่เชื่อก้อได้นะคับ เอาล่ะเรามาเริ่มกันที่ เบส กันก่อนเลย เพราะส่วนใหญ่คนไทยมักจะฟังเบสกันก่อนไม่รู้ทำไมเหมือนกัน5555 เบสตัวนี้มันจะกระชับ ไม่ยาน หรือมาเยอะจนกลบเสียงอื่นๆหมดนะคับ มันเป็นเบสที่ค่อนข้างน้อยกว่า กลางและแหลม แต่ไม่ใช่ไม่มีนะคับ มีและเป็นเบสคุณภาพที่ดีด้วย แต่มันจะไม่มาบ่อยๆนะคับ คือเพลงที่มีเบสเยอะเนี่ย แล้วหนักด้วย มันจะออกมาพอดีคับ แต่ถ้าเพลงที่มีเบสธรรมดาทั่วไปไม่หวือหวาเนี่ย ถ้าคนรักเบสเป็นชีวิตจิตใจเนี่ยจะบอกว่า มันน้อยเกินไป สำหรับผมก้อว่ามันน้อยไปหน่อยนะ5555 ส่วนเสียงกลางกับแหลมเนี่ยผมขอพูดทั้งคู่เลยเพราะประทับใจมากๆเลยคับ เสียงที่ออกมาผมบอกได้เลยว่า JBL ก้อคือ JBL คับ เสียงมันใกล้เคียงกับลำโพงบ้านของเค้าเลยทีเดียว ถอดกันมาเลย มันให้ลักษณะเสียงที่สด อิ่ม กลางหนาแต่เปิดโปร่ง ไม่อับทึบ เสียงแหลมใส กุ๊งกริ๊งเลยทีเดียวคับ ส่วนการเก็บรายละเอียดของบรรยากาศต่างๆถือว่า ทำได้ดีเลยทีเดียวคับ จากความรู้สึกผม มันจะให้เสียงที่สด เก็บตัวค่อนข้างเร็ว มันเป็นบุคลิคของ JBL ที่จะเป็นแบบนี้ เพราะต้นกำเนิดของมันผลิตออกมาเพื่อโรงหนังหรือการแสดงสด มันเลยไม่ต้องการความหวาน ละมุนละไมของเสียงสักเท่าไหร่มันเลยออกมาเป็นแบบนี้ วันนี้ผมขอจบลงเพียงเท่านี้นะคับ

สวัสดี

Telemaster