![](upload/2010/08/20100802213516.jpg)
หลังอาหารเที่ยงวันนี้ ข้าวเปล่ากับกระเพาะปลานิ่มๆ ไหลลงไปกองรวมกันอยู่ในท้องผม ผมดื่มน้ำตามเพื่อเป็นการจบพิธีมื้อเที่ยง แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรดิ้นขลุกๆ อยู่ในปาก ผมคายมันออกมาใส่มือซ้าย มันเป็นตะกั่วอุดฟันสีเงินอมดำขนาดเม็ดเขื่องเท่าถั่วเขียวเมล็ดโตๆ มันเป็นตะกั่วอุดฟันที่อยู่คู่บารมีในปากผมมาร่วมสิบปี แต่วันนี้มันหลุดออกมา มันคงรับใช้ผมนานจนเกินไป ผมตระหนักดีว่างวดนี้คงต้องเจ็บตัวอีก และก็ถึงเวลาที่จะต้องไปพบหมอฟันอีกแล้วล่ะ
มันเป็นฟันซี่ที่สี่ ถ้านับแบบทหารบก คือแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งจากฟันซี่หน้าไปทางขวามือของตัวผม ช่างมันเหอะ ถึงจะนับผิดหรือนับถูกมันก็เป็นฟันซี่ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วนก่อนที่มันจะจากไปอย่างถาวร ผมไปคลีนิคหมอฟันเจ้าประจำแถวบ้าน การไปร้านหมอฟันของผมนั้น อย่างดีก็แค่การขูดหินปูน หรือการตกแต่งปะผุฟันซี่ที่เริ่มผุ ซึ่งไม่เคยถึงระดับเฉี่ยวชนหนัก คุณหมอที่รักษากันเป็นประจำก็อัธยาศัยดี นุ่มนวล มือไม้เบา แล้วคุณหมอก็เรียกให้นั่งลงพร้อมอธิบาย
ฟันคุณมันอุดไม่ได้แล้วนะคะ หมอต้องทำการปรับฐานราก และฝังน็อตเล็กๆ ลงในรากฟัน รวมถึงต้องทำการจัดทำครอบฟันใหม่ลงไปอีก 1 ชั้น และเท่าที่หมอมองด้วยสายตา หมอจะต้องตัดเหงือกบางส่วนออก เนื่องจากเหงือกคุณนั้นหนาและงุ้มปิดส่วนที่หมอจะลงมือทำงานค่ะ.....ผมหายใจแรง ตายแน่งานนี้ เฉือนเหงือก! ตัดเหงือก! มันยากหรือง่ายก็ไม่รู้ สมองผมตอนนั้น นึกเปรียบเทียบการเฉือนเหงือก กับการขลิบหนังหุ้มปลายของเด็กชายชาวมุสลิม
ผมปลงและพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงว่า เอาไงเอากันครับคุณหมอ หลังจากนั้นผมก็เอนนอนพร้อมกับผู้ช่วยหมอยัดท่อดูดน้ำลายเข้าปากผม มันดูดน้ำลายหนุบหนับแถมตอดลิ้นพอเพลิดเพลิน แล้วคุณหมอก็เริ่มต้นฉีดยาชา ผมจำได้ว่าคุณหมอฉีดยาชาไปถึง 2 เข็ม อานุภาพความด้านชาน่าจะพอกับการดื่มเบียร์ 2 ขวด คุณหมอลงมือเฉือนเหงือกพร้อมกับบอกว่า ถ้าเจ็บหมอจะเพิ่มยาชาอีกเข็มให้! แล้วในที่สุด ผมก็ต้องเพิ่มปริมาณยาชาเท่ากับการดื่มเบียร์ 3 ขวด
เสียงจี่ๆ เสียงเครื่องมือกรอฟัน คล้ายๆ เสียงรถขุดขนาดยักษ์ที่เค้าใช้เจาะอุโมงค์รถไฟใต้ดินส่วนเพิ่มขยาย มันดังอยู่ในปากผม จี่...จี่...แอด..แอด..แล้วคุณหมอก็ทำการเฉือนเหงือก ผมมองไม่เห็นอะไรหรอก เพราะผู้ช่วยหมอเอาผ้าเช็ดหน้าผืนโต ที่ทำเก๋ด้วยการเจาะรูโหว่ตรงปากแล้วเอามาคลุมใบหน้าผม ผมได้กลิ่นไหม้ๆ คล้ายกับกลิ่นเนื้อย่างกระทะเกาหลีแถวแยกเหม่งจ๋าย ผมเดาเอามันคงเป็นกลิ่นเหงือกตัวเองที่ไหม้จากการตัดด้วยเลเซอร์ทันสมัย หรือว่าผมจมูกฝาดไป.....
เหงือกถูกตัดออกไปแล้วบางส่วน เหลือบางส่วนเพื่อเป็นอวัยวะให้ผมใช้งานมันต่อ แล้วคุณหมอก็บอกว่าจะต้องพิมพ์ปากในขั้นตอนต่อไปนะคะ ผมพยักหน้าเป็นเชิงว่า เอาเลย เอาเลย ตัดเหงือกผมยังร้องง่ายเหมือนกินกล้วยน้ำว้า นับประสาอะไรกับการพิมพ์ฟัน แล้วคุณหมอก็เอาเหล็กสเตนเลสรูปเกือกม้าอันโต พร้อมกับเอาอะไรหนืดๆ เหนียวๆ ป้ายเข้าไปเต็มอัน เหล็กอันนั้นก็ถูกยัดเข้าไปในปากผม พร้อมกับเสียงกำชับว่า อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ......
ใครที่เคยพิมพ์ฟันด้วยวิธีนี้คงทราบมาก่อนว่ามันทรมานใช่หยอก การที่เราต้องคาบพิมพ์รูปเกือกม้าอันโตๆ พร้อมกับเทอะไรก็ไม่รู้คล้ายดินน้ำมันที่เด็กอนุบาลเอามาปั้นควาย แล้วกัดคาไว้ในปากเป็นเวลานานๆ ยังดีที่ผมได้กลิ่นคล้ายบลูเบอร์รี่ผสมรสมินท์อ่อนๆ ผมนึกในใจว่า หากทันตแพทย์ไทยจะพลิกโฉมวงการทันตแพทย์ ผมว่าตอนพิมพ์ฟันน่าจะมีเมนูให้คนไข้เลือกว่าจะเอารสอะไร และหากเลือกได้ ผมอยากได้รสทุเรียนหมอนทอง หรือถ้าช่วงนั้นผมหิว ผมก็คงเลือกรสกระเพราหมูสับ
หลังจากความทรมานคาบที่พิมพ์ฟันผ่านไปนานห้านาที ก็ถึงตอนที่คุณหมอดึงออก หลังจากที่ดินน้ำมันปีศาจมันแข็งตัวมันย่อมต้องถูกดึงออก พลังดูดของมันทำเอาผมร้าวไปทั้งปาก ราวกับฟันทุกซี่ที่เหลือรวมถึงเหงือกทั้งยวงจะหลุดตามออกไป เสีบงดังบลั่กลั่นแก้วหู ไชโย ไชโย คุณหมอดึงมันออกไปพ้นปากผมแล้ว ผมเห็นคุณหมอพลิกแบบพิมพ์ฟันของผมไปมา เพ่งพินิจหลายรอบ แล้วคุณหมอก็แจ้งข่าวดีให้ผมทราบ พิมพ์ไม่ค่อยสวย คุณหมอขอทำใหม่อีกรอบนะคะ !!!!!
ผมเริ่มกระบวนการพิมพ์ปากใหม่ทั้งหมด ผมเข้าใจในสัจธรรมและกฏแห่งกรรมเก่า อาจเป็นเพราะผมเป็นคนปากเสีย ย่อมส่งผลให้ชาตินี้ผมต้องพิมพ์ปากติดกัน 2 ครั้งในช่วงเวลาไม่ถึง 2 นาที ผมใช้เวลานอนอยู่บนเก้าอี้ทำฟันซึ่ง ณ เวลานี้ผมคิดเอาว่ามันเป็นเก้าอี้ไฟฟ้าที่ประหารนักโทษ คุณหมอก็อธิบายขั้นตอนหลังจากนี้ให้ทราบโดยละเอียดด้วยอัธยาศัยอันดียิ่ง ผมเบาใจ และออกจากคลีนิคหลังใช้เวลาในการทำฟันยาวนานเกือบ 2 ชั่วโมง
มันสอนให้เรารู้ว่า ฟันเป็นอวัยวะที่สำคัญ ที่ทุกคนควรจะดูแลและเอาใจใส่ มิใช่ปล่อยปละละเลย การเอาใจใส่ด้วยการไปพบทันตแพทย์เพื่อถนอมฟันทั้งปากเป็นสิ่งคัญ เป็นธรรมะอันหนึ่งที่มนุษย์พึงกระทำ พึงปฏิบัติ พึงประพฤติ ดังภาษิตคำสอนที่เคยกล่าวกันไว้......
พึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ
พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
และพึงสละชีวิตหมอฟัน
เพื่อรักษาชีวิตตนเอง!!!
จบแล้ววววจ้า
....