บทความ : Bit Depth และ Sample Rate มันคืออะไร? มีผลต่อเสียงอย่างไร?

หมูหวาน

06/03/2015 14:00:59

573

เราดูเรื่องการบันทึกเสียงในสตูดิโอ และการแปลงจากสัญญาณเสียงไปเป็น Digital กันไปแล้วนะครับ
หรือท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน สามารถย้อนไปอ่านก่อน เพื่อที่จะสามารถเข้าใจเรื่อง Bit Depth และ Sample Rate ได้ง่ายขึ้นนะครับ

บทความ : การทำ Mastering และงานบันทึกเสียงในห้องอัด สำคัญไฉน ???
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=168435

บทความ : การแปลงข้อมูลเสียงในห้องอัด จากสัญญาณ Analog เป็นสัญญาณ Digital
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=171578

มาในวันนี้ผมจะมาเล่าต่อถึงเรื่อง Bit Depth และเรื่อง Sample Rate ครับ ซึ่งมีส่วนสำคัญมากๆๆในการทำต้นฉบับเสียง
และไฟล์เพลงในรูปแบบดิจิตอลต่างๆมาให้เราฟังครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าว่ามัหลักการ และที่มาที่ไปอย่างไรครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 1

ความคิดเห็นที่ : 1

หมูหวาน

06/03/2015 14:01:57

573

เริ่มจากสัญญาณเสียงที่เราต้องการบันทึกเสียงเป็นรูปแบบดิจิตอลครับ เป็นสัญญาณคล้ายๆคลื่น เราจะเรียกกันว่า Analog Wave Form ครับ ซึ่งห้องอัดต้องการที่จะเก็บเสียงของคลื่นนี้ และบันทึกเป็นไฟล์ให้เราเอามาฟังกัน ซึ่งมันจะเป็นรูปแบบของ Voltage และ Time ครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 2

หมูหวาน

06/03/2015 14:02:12

573

แต่ทางห้องอัดจะจับสัญญาณเหล่านี้ไปทำการสร้างข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลขึ้นมา โดยต้องใช้ตำแหน่งอ้างอิงของ Bit Depth ทางแกน Y และ Sample Rate ของแกน X ครับ ถามว่าทำไมต้องสร้างตำแหน่งขึ้นมา เป็นเพราะว่าข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลนั้น จะเก็บเป็นแค่เลขฐาน 2 ครับ เพราะฉะนั้นจะต้องมีจุดตัดอ้างอิงตำแหน่งที่จะเก็บข้อมูล โดยด้าน Bit Depth จะเป็นเลขฐาน 2 แบบ 010110 ส่วนด้านแกน Sample Rate จะเก็บเป็นค่า Timming ในรูปแบบ ดิจิตอลเช่นกันครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 3

หมูหวาน

06/03/2015 14:02:32

573

มาดูตัวอย่างการแปลงสัญญาณ Analog เป็น ดิจิตอล แบบ 16bit/44.1kHz กันก่อนเลยครับ ซึ่งจริงๆแล้วรูปที่ผมทำขึ้นมานี้ รายละเอียดไม่เหมือนของจริงนะครับ เพียงต้องการทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเท่านั้น ว่าไฟล์ที่ได้มันเก็บตัวอย่างเสียงมายังไง เพราะปกติไฟล์ 16bit นั้นมี Bit Depth ถึง 65,536 ระดับ แต่ตารางที่ผมทำให้ดูนั้นไม่สามารถวาดได้ขนาดนั้นครับ ผมเลยทำตารางคร่าวๆมาให้ดูพอเข้าใจนะครับ

สังเกตที่จุดสีน้ำเงินนะครับ เป็นจุดที่เราทำการเก็บข้อมูลครับ มันจะต้องตรงกับทั้งจุดตัดของแกน Bit Depth และ แกน Sample Rate เท่านั้นครับ จึงทำให้ไม่สามารถเก็บตัวอย่างเสียงได้อย่างแม่นยำ และเหมือนต้นฉบับเสียง Analog ที่ป้อนเข้ามา

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 1

ความคิดเห็นที่ : 4

หมูหวาน

06/03/2015 14:03:05

573

หลังจากที่เก็บข้อมูลเสร็จ ก็จะได้ตำแหน่งของข้อมูลดิจิตอลตามจุดสีน้ำเงินครับ แล้วเค้าก็จะเอาไปเก็บในคอมพิวเตอร์เป็นไฟล์เพลงต่างๆ ปรับแต่งเสียงจนเรียบร้อยค่อยออกมาขายเป็นเพลงให้เราฟังครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 5

หมูหวาน

06/03/2015 14:03:31

573

และเมื่อเพลงเหล่านี้มาถึงมือเรา เราก็จะต้องใช้ภาค DAC แปลงสัญญาณ Digital เหล่านี้ กลับไปเป็นเสียงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทุกอย่างที่ทำเสียงให้เราได้ยินได้ ต้องผ่าน DAC ทั้งหมดครับ ไม่ว่าเป็นเครื่องเล่นเพลง มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือปัจจุบันนี้มีลำโพงที่มี DAC ในตัวด้วยครับ DAC จะทำการสร้างเสียงจากจุดสีน้ำเงิน ที่มีมาในไฟล์เพลงของเรา ผมยกตัวอย่างด้วยการลากเส้นแบบดื้อๆเลยละกันนะครับ โดยจริงๆแล้ว DAC นั้นมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่านี้เยอะครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 6

หมูหวาน

06/03/2015 14:03:49

573

เราจะเห็นได้ว่าเสียง Analog ที่แปลงเสร็จแล้ว มีลักษณะไม่เหมือนต้นฉบับ เพราะเนื่องจากการเก็บตัวอย่างเสียงทางดิจิตอลมาไม่ละเอียดพอ ทำให้ DAC ไม่สามารถถอดรหัสเสียงกลับมาได้เหมือนเสียง Analog ต้นฉบับที่ได้ยินได้ห้องอัดครับ ซึ่งก็โทษ DAC ไม่ได้ เพราะว่าข้อมูลเพลงที่ป้อนให้ DAC มันมีความละเอียดไม่เพียงพอนั่นเอง

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 7

หมูหวาน

06/03/2015 14:04:09

573

แล้วถ้าห้องอัดเสียง เปลี่ยนเป็นการบันทึกแบบ 24bit 96kHz ล่ะ จะเป็นไงบ้าง ดูจากภาพได้เลยครับ ตารางของแกน X และ แกน Y จะละเอียดขึ้นอย่างมาก ทำให้จุดตัดที่เราสามารถเก็บตัวอย่างก็ใกล้เคียงกับเส้นเสียง Analog มากขึ้นครับ ซึ่งในความจริงแล้ว 24 bit สามารถเก็บความละเอียดด้านแกน Y ได้ถึง 16,777,216 จุดครับ แต่นี่คือภาพสมมุติที่ผมทำขึ้นให้พอเข้าใจ ไม่สามารถทำตาราง 16 ล้านเส้นได้จ้าาา

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 8

หมูหวาน

06/03/2015 14:04:40

573

และในจุดสีน้ำเงินนี่คือจุดที่ภาคแปลงสัญญาณ Analog-Digital เก็บค่ามาได้ครับ จะเห็นว่าได้ Curve สวยงามกว่า 16bit เยอะ เนื่องจาก 24bit มีการซอยค่าตำแหน่งที่เก็บข้อมูลได้มากกว่า 256 เท่าครับ ซึ่งถือว่าเยอะมากๆๆเลยล่ะ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 9

หมูหวาน

06/03/2015 14:04:53

573

คราวนี้ก็ถึงหน้าที่ DAC ครับ ทำการถอดสัญญาณ Digital ในไฟล์เพลงของเรา ให้เป็นเสียง Analog ที่ผมทำเป็นเส้นสีเหลืองในภาพครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 10

หมูหวาน

06/03/2015 14:05:11

573

จะเห็นได้ว่าเมื่อเราเอาสัญญาณที่ DAC ถอดรหัสออกมาเทียบกับสัญญาณเสียงต้นฉบับ จะมีความใกล้เคียงกว่ามากครับ และยิ่ง Bit Depth กับ Sample Rate มีค่ามากกว่านี้ ก็ยิ่งเหมือนมากขึ้นไปอีกจ้าาา

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 11

หมูหวาน

06/03/2015 14:05:29

573

สุดท้ายครับ เป็นการเทียบสัญญาณ 16bit และ 24 Bit ที่ได้จากการถอดรหัสของ DAC กับสัญญาณเสียงต้นฉบับครับ คราวนี้ก็รคงจะคลายสงสัยกันบ้างแล้วนะครับ ว่าการทำต้นฉบับเสียงในห้องอัดแบบ Hi-Res มีดีกว่ายังไง แต่สุดท้ายแล้วขึ้นตอนที่สำคัญยิ่งกว่าก็คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกด้วยเสียงครับ ซึ่งถ้าอุปกรณ์ไม่ดีพอ มันก็สูญเสียตั้งแต่ตอนยังเป้น Analog แล้วครับ ต่อให้ทำเป็น Hi-Res ยังไง ก็ฟังไม่เพราะแน่ๆจ้าา

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 12

09/03/2015 12:55:10

573

เวอร์ชั่น Video ออกแล้วครับ สำหรับท่านที่ขี้เกียจอ่าน 555
ท่านใดสนใจเรื่อง Bit Rate และ Sample Rate สามารับชอมกันได้เลยจ้าา

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 18

TMY168

10/03/2015 13:16:02

ขอบคุณคุณหมูหวานสำหรับบทความดีๆอีกแล้วครับ

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 19

หมูหวาน

10/03/2015 15:12:20

573

ด้วยความยินดีครับพี่ทอมมี ถ้ามีเรื่องอไรน่าสนใจ จะมาเล่าให้ฟังกันเรื่อยๆนะคร้าบบบ ^^

ให้กำลังใจ 0

หยิกหู 0

แจกหู 0

ความคิดเห็นที่ : 20

iyala

17/07/2016 22:06:02