Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

Dark_Schneider

10/07/2008 08:20:19



Review AKG K 271 MK II


สวัสดีครับ
ผม Dark Schneider ที่ทุกๆ ท่านคงไม่เคยรู้จัก ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของหูฟังคู่นี้ AKG K 271 MK II
หลายๆ ท่านได้ยินชื่อนี้ อาจจะสงสัยว่า &dquot;AKG เขา(มัน)มีรุ่นนี้ด้วยเรอะ&dquot; จงอย่าได้แปลกใจครับ เพราะมันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการฟังทั่วๆ ไป มันคือหูฟังที่ถูกวางเป็นเรือธงในสาย Professional Audio ของ AKG (แต่กำลังจะถูกแทนที่ด้วย K 702 ในอีกไม่นาน)


ส่วน &dquot;MK II&dquot; นั้น เป็นสัญลักษณ์ว่า &dquot;ทำออกมาใหม่&dquot; แต่ driver มันก็อันเดียวกันกับของ K 271 หละครับ
เมื่อพูดถึง Monitoring headphone นักฟังเพลงหลายๆ คนเห็นคำคำนี้เข้า คงร้อง &dquot;ยี้&dquot; โดยไม่ต้องนัดหมาย เพราะ Monitor มักจะมาพร้อมกับคำว่า flat ซึ่งเป็นของแสลงของนักฟังเพลงหลายๆ คน (ยกเว้นผม)


แต่ในทางตรงข้าม มันคือสวรรค์ของคนทำเพลงครับ และ headphone คู่นี้สามารถให้ทุกอย่างเท่าที่ Monitoring headphone จะให้คุณได้

ตามธรรมเนียม (ของใครก็ไม่ทราบนะครับ) ต้องเริ่มกันที่ Spec ก่อน


System | Design: Dynamic | Circumaural, closed-back
Frequency response: 16 Hz - 28 kHz
Sensitivity: 91 dB SPL/V
Rated impedance: 55 Ohm
Maximum input power: 200 mW


สังเกตนะครับ เจ้าตัวนี้มีความต้านทานในระดับปานกลาง แต่ความไวต่ำถึงต่ำมาก จึงไม่ควรนำมาใช้กับ portable player แม้เขาจะโฆษณาไว้ก็ตาม
จริงๆ แล้ว ผมจะไม่ใส่ข้อมูลข้างบนนี้ก็ได้ เพราะใส่ไปก็ไม่มีใครอ่าน แต่ทำไงได้ล่ะครับ คนมันอยากเพิ่มน้ำบ้างนี่ครับ


Review จะถูกแบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ คือเรื่อง Function/gimmick และเรื่องเสียง ผมจะเริ่มส่วนของลักษณะการใช้งานและลูกเล่นต่างๆ ก่อนนะครับ (เพราะถ้าใส่เรื่องเสียงก่อน เกรงว่าท่านจะไม่อ่านเรื่องการใช้งานกัน)
เริ่มจากรูปร่างหน้าตาก่อนนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

Dark_Schneider

10/07/2008 08:12:03



Credit: HeadRoom
สังเกตได้ว่า เจ้าตัวนี้ไม่ได้เน้นที่หน้าตาภายนอกมากมายนัก แต่ความเรียบง่ายในบางครั้งก็น่าดึงดูดเช่นกัน


จุดเด่นที่น่าจับตาในหูฟังคู่นี้

1. ความสบายในการสวมใส่ ผมเชื่อว่า หลายๆ คนคงให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆ รองจากเรื่องเสียง โดยเฉพาะกับคนทำเพลงหรือ Sound engineer ที่ต้องใส่หูฟังเป็นเวลานาน

K 271 (หลังจากนี้ผมจะตัดคำว่า MK II ออกไปนะครับ เพราะมันยาว) เป็นหูฟังที่ออกแบบมาเพื่อการสวมใส่เป็นระยะเวลานานโดยเฉพาะ ด้วยน้ำหนักที่เบา และ ear pad ที่กระชับรับกับศีรษะได้ดี ผมสามารถใส่นอนได้โดยไม่ปวดขมับแม้แต่น้อย (แต่เมื่อยคอ เพราะหันหน้าไม่ได้)

นอกจากนี้ การสวมใส่ยังง่ายเหมือนรุ่นใหญ่อย่าง K 701 เพราะคุณแค่หยิบมันขึ้นมาสวมเท่านั้น ไม่ต้องปรับความยาวของ Headband แต่อย่างใด



2. เรื่องการเก็บเสียง K 271 มีความสามารถทั้งการกันเสียงเข้าและกันเสียงออกได้ดี ด้วย Closed-back ear cup และความกระชับของ pad บวกกับ switch ที่อยู่ตรงขอบด้านบนของ driver ข้างซ้าย เมื่อคุณถอดหูฟังออก switch ตัวนี้จะปิดการทำงานของหูฟังโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่มีเสียงออกไปรบกวนอุปกรณ์อื่นๆ



3. สามารถเปลี่ยน pad และสายสัญญาณได้ โดยที่ตัว MK II จะมีเพิ่มมาจากตัวเดิมคือ มีสายนำสัญญาณ 2 แบบ คือสายตรงและสายเกลียว และมี ear pad 2 แบบ คือ หนังเทียมและกำมะหยี่ นอกจากนี้ทาง AKG ยังจำหน่ายสายและ pad สำรองอีกด้วย ฉะนั้น หมดกังวลเรื่องสายขาดหรือ pad พังไปได้เลยครับ


จุดด้อยที่ต้องทราบในหูฟังคู่นี้

1. รูปร่างหน้าตา ถ้าใครเคยเห็นหน้าตามันแล้ว คงจะนึกสงสัยว่า &dquot;นี่มันของสำหรับโปรฯ หรือนี่ หน้าตากิ๊กก๊อกชะมัด&dquot; วัสดุภายนอกของ K 271 เป็นพลาสติกครับ แม้เป็นของเกรด A แต่ความทนทานคงไม่มากเท่าโลหะเป็นแน่ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความเป็นหูฟังสำหรับงาน Studio ที่เน้นความเบาสบายเป็นที่ตั้ง คงไม่มีใครใส่มันไปกระโดดโลดเต้นในที่โล่งแจ้งหรอก จริงไหมครับ (ใครใส่เดินไปมาอาจถูกมองว่าเป็นมนุษย์ต่างดาว)


2. Head band ของ K 271 ยึดกับตัว Ear cup ด้วยสายเส้นเล็กๆ เท่านั้นครับ แม้ความยืดหยุ่นจะสูง แต่คงไม่มีใครรับรองว่ามันจะยืดดดดดดด จนหย่อนเมื่อไร นี่เป็นจุดที่ผู้ที่มี K 701 ในครอบครองทราบกันดี


3. สิ่งที่ต้องพึงระวังสำหรับคนที่ใช้หูฟังแบบ close ทั่วๆ ไป นั่นคือ ความอับ เพราะK 271 มันปิดได้ค่อนข้างมิดชิด การใส่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดจากไอน้ำที่ระเหยจากบริเวณที่หูถูกครอบอยู่ได้ ฉะนั้น ควรใช้ในที่ที่อากาศแห้งและเย็นครับ



คราวนี้มาถึง review ส่วนที่ทุกท่านรอคอย เรื่องของเสียงนั่นเอง และมันก็จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการตอบสนองต่อความถี่ต่างๆ และองค์ประกอบโดยภาพรวม


อนึ่ง นี่เป็นการทดสอบโดยไม่มี Amplifier (เพราะผมไม่มีปัญญาหามาใช้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ต้องการ amp ที่ flat จริงๆ)

System ที่ใช้ทดสอบ
- Laptop PC ใช้ foobar 2000 ver. 0.9.5 เป็น source โดยเปิด DSP คือ Resampler และ Advanced Limiter
- DAC ใช้ Creative Sound Blaster Live 24-bit External (มีปัญญาหาได้เท่านี้ อย่าว่ากันเลยครับ)
- เครื่อง portable ใช้ iPod touch ครับ


การตอบสนองต่อความถี่ต่างๆ

- Mid-range ท่านอาจจะงงว่าทำไมผมถึงยกย่านนี้มาพูดก่อน ทั้งนี่เป็นเพราะว่า Mid-range คือเสียงส่วนใหญ่ที่ท่านจะได้รับเมื่อฟังเพลงเพลงหนึ่ง และเสียงช่วงนี้นับว่าเป็นตัวตัดสินบุคลิกของหูฟังได้ดี (ผมไม่เน้น bass น่ะครับ)

เสียงกลางของ K 271 ไม่พุ่งและไม่หลบหลังจนเกินงาม รายละเอียดของเสียงเก็บได้ครบ ชัด กระชับ แต่ไม่จัดจ้าน การวางตำแหน่งเสียงกลางเช่นนี้อาจไม่ถูกใจนักฟังเพลงหลายๆ คน เพราะมันทำให้หูฟังคู่นี้เป็นเหมือน &dquot;เป็ด&dquot; ที่หาเอกลักษณ์ไม่ได้ (แน่หละครับ มันเป็น Monitor จะแต่งจนจัดเกินไปก็กระไรอยู่)


อย่างไรก็ตาม การวางตำแหน่งเช่นนี้ทำให้สามารถรองรับการฟังเพลงได้หลากหลายแนว (ซึ่งเข้าทางกับผมที่ชอบฟังเพลงหลายแนวพอดี จะได้ไม่ต้องหาหูหลายคู่)

- Treble ของ K 271 มีปลายที่คมชัด แต่ไม่บาดหู เก็บรายละเอียดได้ครบ แม้ปลายเสียงจะออกทื่อเมื่อเทียบกับพี่ใหญ่อย่าง K 701 หรือหูฟังกลุ่ม audiophile อื่นๆ มันก็อยู่ในระดับที่ชัดเจนมาก แต่นี่ก็อาจจะกลายเป็นข้อเสียสำหรับการฟังเพลงร้องโดยเฉพาะศิลปินหญิงซึ่งอาจมีเสียง &dquot;Siblings&dquot; (S, Z) มาก เช่น Sakakibara Yui (คาดว่าคงไม่มีใครรู้จัก นอกจากคนนิยมเกมและ Animation จากแดบปลาดิบ)


- Bass ของ K 271 เรียกได้ว่า &dquot;น้อย และกระชับ&dquot; ปริมาณเบสที่น้อยอาจไม่ถูกใจนักฟังที่บริโภคเบสต่างน้ำ แต่สิ่งที่ชดเชยกับปริมาณที่น้อย คือ คุณภาพ ด้วยการวางตำแหน่งที่อยู่ในระดับเสมอกันกับเสียงอื่น และยังเป็นเบสที่ &dquot;สุภาพ&dquot; คือแยกตัวจากเสียงกลางได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่อง Upper bass เอ่อล้นขึ้นมากวนเสียงกลาง เรื่องความลึกของเบส แม้ไม่ถึงขั้น แต่ก็ยังพอมี Impact ให้รู้สึกถึงการกระแทกอยู่บ้าง โดยสรุป ถึงจะเป็น Monitor มันก็ไม่เหมาะสำหรับงาน DJ หรือ Live mixing ซึ่งมักใช้เบสเป็นตัวจับจังหวะ (K 518 DJ เหมาะกว่าครับ)


รายละเอียดอื่นๆ ทางด้านเสียง


การวางตำแหน่งเสียง และ Sound stage
อย่างที่ทราบกันว่า monitoring headphone จะวางตำแหน่งเสียงในแนวราบหรือวางในแนว 180? ทางด้านหน้าของผู้สวม การฟังเพลงจึงขาดสีสัน ไม่มีความเป็นธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้ฟังสามารถจับตำแหน่งเสียงต่างๆ ได้ง่าย
และเช่นกัน

เวทีเสียงของเจ้า K 271 ก็ไม่ได้กว้างขวางเหมือนพวก Audiophile headphone แต่มันก็กว้างพอให้มีที่ใส่เสียงโดยไม่รู้สึกว่าเสียงซ้อนทับกัน หรือเรียกในภาษาบ้านๆ ว่า &dquot;ขี่คอกันเล่น&dquot;

การแยกชิ้นเครื่องดนตรี

K 271 เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ครับ เสียงต่างๆ แยกขาดจากกันอย่างสังเกตได้ ยิ่งใช้ฟังเพลงที่มีเครื่องหลายชิ้นยิ่งสังเกตได้ชัดเจน เสียงของเครื่องดนตรีที่เบามากๆ อย่าง triangle หรือ guitar ที่หลบอยู่ไกลๆ ก็สามารถรับฟังได้ แม้กระทั่งเสียง chorus ก็สามารถแยก line ได้ (ทั้งนี้เพลงต้องบันทึกมาดีพอสมควรด้วยนะครับ)

การทดสอบด้วยเพลงต่างๆ

เนื่องจากเพลงที่ผมฟังส่วนใหญ่จะเป็นแนว New Age กับ JPop (เฉพาะเพลงประกอบ Animation เท่านั้นนะครับ) การทดสอบนี้อาจไม่เป็นกลางเพราะผมไม่ค่อยฟังเพลงแนวอื่นๆ สักเท่าไร


-[Kitaro] Matsuri นี่เป็นเพลงที่ผมชอบใช้ทดสอบที่สุด เนื่องจากมีเสียงครบทุกย่านความถี่ โดยเฉพาะย่านเสียงต่ำที่ใช้กลองและ percussion ต่างๆ รวมไปถึงเสียงสูงซึ่งใช้ Synthesizer จำลองเสียงขลุ่ยสูงลิบ
สำหรับเพลงนี้ K 271 ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลยครับ เพราะมันตอบสนองทุกๆ เสียงได้อย่างลงตัวเหมาะเจาะพอดี เสียงกลอง Taiko ที่ลงแต่ละไม้นั้นให้ความรู้สึกถึงตัวตนที่สัมผัสได้


-[Yanni] The Rain must fall (Live) เป็นเพลงแสดงสดที่ใช้เครื่องดนตรีไม่มากแต่ล้วนมีความโดดเด่นในตัว คือ Piano, Electric bass, Violin, Drum set
หลังจากฟังด้วย K 271 ไม่มีใครเด่นกว่าใครจริงๆ ครับ เสียงสับสแนร์ที่ละเอียดยิบ percussion เบสและไวโอลิน ไม่มีใครกินใครเลยครับ เวทีเสียงแม้ไม่กว้างขวางโอ่โถงแต่ก็สามารถจับตำแหน่งเครื่องดนตรีได้ชัดเจน


-[Yanni] Love is all อีกหนึ่งเพลงแสดงสดที่มีจุดเด่นคือเสียงร้องที่ทรงพลังและ Acoustic guitar ที่พริ้วไหว
K 271 นั้น ไม่เหมาะที่จะใช้ฟังเพลงร้องเท่าไรนัก เนื่องจากเสียงร้องอยู่ในระดับความลึกเดียวกันกับเครื่องดนตรีอื่นๆ ถึงกระนั้น เสียงร้องก็ยังคงมีพลังและมีรายละเอียดครบ ในขณะที่เสียงกีตาร์นั้น ได้ความคม ชัด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงรูดและกรีดสาย


-[Hirano Aya] God Knows... เพลงมาตรฐานของคนรัก Anime เพราะไม่มีใครไม่รู้จัก เพลงนี้ออกแนว Rock ที่ใช้เครื่องดนตรีไม่ซับซ้อน มีแค่ Drum set, Bass, Guitar 2 ตัว และ vocal อีกหนึ่ง
เพลงนี้ใช้ตัดสินเป็นตายเรื่อง Dynamic ได้เลยครับ เพราะ Guitar เล่นได้พริ้วและมันในอารมณ์มาก


K 271 ถ่ายทอดความมันของเพลงได้อย่างตรงไปตรงมา เสียงจะมีการซ้อนเกยกันบ้างเนื่องจากแต่ละเสียงมี image ที่ใหญ่เป็นทุนเดิม แต่ความคมชัดไม่หายไปไหน เสียงร้องเด่นและไม่พุ่งจนกระแทกหู (ถ้าไปลองหูฟังที่แต่งเสียงกลางให้พุ่งจัดๆ คุณจะเข้าใจเอง) และจุดที่ผมประทับใจที่สุดคือ เสียงเล็กๆ น้อยๆ อย่าง Guitar ที่ Ad lib อยู่ไกลๆ ทางซ้ายนั่นเองครับ K 271 เก็บรายละเอียดได้หมดจดจริงๆ


-[Shimamiya Eiko] Naraku no Hana เพลง opening จาก Higurashi no Naku Koro ni Kai
เพลงนี้เกิดมาเพื่อใช้ทดสอบ Bass โดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นเพลงที่เบสเล่นในแถวเดียวกับกีตาร์ และดูเหมือนว่าจะเด่นกว่าเสียด้วย
เมื่อฟังด้วย K 271 ทำให้ผมเข้าใจว่าเพลงนี้เขาให้เบสเด่นจริงๆ ครับ บางครั้งมันขึ้นมาเสมอกับเสียงร้องเสียด้วยซ้ำ แต่ถึงจะเด่นอย่างไร มันก็ไม่ล้นจนบดบังเสียงอื่น โดยเฉพาะ Guitar ที่ไล่ melody ทางซ้ายมือ (ผมไม่ได้ชอบ guitar ทางซ้ายมือเป็นพิเศษนะครับ มันเหมือนกับเพลงข้างบนด้วยความบังเอิญ) และ Synthesizer เสียงใสๆ เป็นประกาย



-[Shimotsuki Haruka] Kazahane เพลง ending จาก H2O ~ Footprints in the Sand เป็นเพลงกึ่งๆ folk เนื่องจากมีการใช้ขลุ่ยและ percussion แบบโบราณ
เพลงนี้มีเสียงครบทุกย่านความถี่ โดยเฉพาะเสียงขลุ่ยที่หวานพริ้ว กับกระเดื่องที่ใช้ทดสอบ impact ได้ดี
เช่นเคยครับ K 271 เก็บรายละเอียดได้ครบจริงๆ ไม่ว่าเสียงนั้นจะเบาแค่ไหนก็จับได้หมด เสียงขลุ่ยหวานกำลังดี ปลายเสียงไม่ถูกลากยาวเกินจริง เสียงกระเดื่องลงแบบเน้นๆ มีตัวตนที่สัมผัสได้ แม้แต่เสียง percussion ที่อยู่ด้านหลังก็ยังมให้ได้ยินตลอด


โดยสรุป จุดเด่นของ K 271 คือสิ่งที่ monitor ควรมี นั่นคือ การแยกแยะรายละเอียดของชิ้นดนตรี และการตอบสนองต่อทุกๆ ย่านความถี่อย่างเสมอภาค

และแน่นนอนครับ จุดประสงค์หลักของ monitor คือการใช้งานใน studio ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกเสียงหรือการฟังที่ต้องการความเที่ยงตรงสูงๆ
ถ้าจะถามว่า มันเอามาใช้ฟังเพลงได้จริงหรือ ผมตอบตรงนี้เลยว่า &dquot;ได้แน่นอนครับ&dquot; เพียงแต่หูฟังคู่นี้ไม่ได้เหมาะกับเพลงแนวใดแนวหนึ่งเป็นพิเศษ ท่านที่ชื่นชอบเพลงในแนวใดแนวหนึ่ง ก็สมควรที่จะหาหูฟังที่เหมาะสมกับแนวนั้นโดยเฉพาะ

แต่ถ้าท่านกำลังมองหาหูฟังครอบจักรวาลที่ใช้ฟังเพลงได้ทุกแนว ผมอยากให้รับ K 271 ไว้พิจารณาครับ


สุดท้ายนี้ กาลามสูตร เป็นหลักการที่ไม่มีวันตาย จงเชื่อในสิ่งที่ท่านได้สัมผัสด้วยตัวเอง




....
ความคิดเห็นที่ : 2

นายมั่นคง

10/07/2008 08:27:40



เย้...........ขอบคุณสำหรับรีวิวเลยจ้า

ผมเอาแปะแบนเนอร์ให้เลยนะครับ และผมจับทำย่อหน้าใหม่ เพื่อให้อ่านกันได้ง่ายขึ้นครับ เพราะเว็บ tarad มันจะมีข้อบกพร่องหน่อย

แต่ตอนนี้จัดให้แล้วครับ 555


เยี่ยมๆๆๆๆๆๆๆ กว่ารีวิวจะคลอดได้ เล่นเอาเหนื่อยเลยเน้อ.........555
ความคิดเห็นที่ : 3

เบียส

10/07/2008 12:04:13



555 เยี่ยมเลย ครับ รีวิว แบบเนื้อ เนื้อ เน้น เน้น หมดเปลือกเลย ครับ ขอบคุณ จ้า


...................อิ อิ อิ

ความคิดเห็นที่ : 4

OMG

10/07/2008 12:20:29

ร้านเฮียนี่ยังเป็นตัวเก่าหรือเป็นตัวMKIIแล้วครับ ถ้าMKIIมันมีเขียนบอกไว้หน้ากล่องเลยช่วยเชคทีครับ?

ความคิดเห็นที่ : 5

Map The Soul!

09/05/2009 18:41:01
0
รู้สึกว่าตัวนี้ญี่ปุ่นมันใช้อยู่ในสตูดิดอวิทยุนะ555+
ความคิดเห็นที่ : 6

DotG

10/05/2009 04:56:55
สวัสดีครับคุณ Dark_Schneider ไม่รู้จะว่างมาตอบคำถามผมมั้ย แหะๆ

อยากให้คุณ Dark_Schneider ช่วยแนะนำหน่อยครับ

ผมมือเป็นใหม่เพิ่งจะหัดเริ่ม MIX เสียง แต่มีประการณ์เล่นดนตรีมาพอสมควร

ความรู้ทางด้านทฤษฎีไม่มีเลย เวลา ฝึก MIX ก็จะจำเอาเพลงที่คิดว่าพอใช้ได้มาเป็นต้นแบบ

แล้วหัดทำตาม เช่น การจัดวางเสียง การBalaceเสียง ยักแยกแยะไม่ขาดว่าเสียงไหนอิ่มจริงๆหรือไม่ดี

เหตุผลที่จะเริ่มหัด MIX เพลงเองเพราะรู้สึกไม่ดีกับการไปจ้างห้องอัดแล้วสื่อสารกันไม่เข้าใจ

ส่วนใหญ่จะได้งานเพลงกลับมาแบบไม่ถูกใจ

ปัญหาของผมมีอยู่ว่า ผมยังไม่กล้าทุ่มเงินลงทุนจะซื้อของแพงๆ

ถามผู้รู้ก็มีหลายคนแนะนำ Mackie และ Acid ทั้ง2รุ่น ราคาหมื่นกลางๆ-ปลายๆ

ทั้ง2รุ่นต่างกันที่ความหยาบความนุ่ม ตัวผมเองยังแยกไม่อยากว่าเวลาจะใช้จริงเสียงแบบไหนที่เหมากับตัวเรา

ผมเลยเริ่มจากหูฟังราคาย่อมเยาว์ คือ AKG K-420 เนื่องจากอ่านรีวิวจากทางเวปแล้วก็ไปลองฟังที่ร้าน
เพราะต่อไปยังไงก็ต้องซื้อใหม่ จะข้ามไปเล่นมอนิเตอร์ ราคา5พัน-เกือบหมื่นก็เสียดายเงิน ยังไงก็ต้องเปลี่ยน

ผมลองฟัง3รุ่น มี AKG K-420,AKG K-512,Grado S60

*512 เสียงจะหยาบ(ผมชอบ) แต่แยกเครื่องดนตรีออกง่าย แต่เบสมีน้อยมาก(ความเห็นส่วนตัว)
*420 เสียงมาค่อนข้างมาครบทุกย่อน แต่จะมีเบสไปติดที่ย่านกลางและแหลมเล็กน้อย
ฟังเพราะดีแต่แยกเครื่องดนตรีออกยาก(ความเห็นส่วนตัว)
*S60 เสียงเบสค่อนข้างเยอะ(ฟังเพลงมันส์มาก) แต่เบสไปติดที่ย่านกลางและแหลมเยอะกว่า420
(ความเห็นส่วนตัว)

ผมเลยตัดสินใจเลือก 420 เอากลับมาลองฝึกเหมือนเดิม ปรับเสียงจากเพลงที่อัดไว้เองให้มีความคล้ายกับเพลงต้นแบบ แล้วลองเอาไปเปิดกับลำโพงหลายๆแบบ ผลที่ไดเป็นที่น่าพอใจ เพราะก่อนหน้านี้ใช้ลำโพงระบบDigitalของCreativeจำชื่อรุ่นไม่ได้ราคา2พันกลางๆ
เสียงเครื่องดนตรีจะทับกันไปหมด แยกอะไรไม่ออกเลย

ผมอยากทราบว่าควรจะฝึกการฟังอย่างไรกับ420หรือควรจะเลิกเพราะมันไม่ใช่Monitorจริงๆ เดี๋ยวจะเสียนิสัย

สุดท้าย ขอขอบคุณล่วงหน้าครับถ้าหากมีเวลามาตอบกระทู้
ขอบคุณเฮียมั่นคงที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าขาย และรีวิวดีๆ AKG K-420 ผมลองไปฟังที่ร้านเทียบกับตัวอื่นๆ
ความรู้สึกก็เหมือนกับที่เฮียรีวิวครับ

ขอบคุณครับ ....จากมือใหม่
ความคิดเห็นที่ : 7

Dark_Schneider

27/07/2009 19:05:27
ไม่ได้ตามที่ตัวเองแปะไว้นาน
เข้ามาดู... ตกใจ มีคนมาถามด้วย

ผมคงตอบสั้น ๆ ว่า มีอะไรใช้ก็ใช้ได้ทั้งนั้นครับ
บางที การได้เสียงที่ถูกใจเราก็เป็นประโยชน์กว่า เพราะเราจะได้สิ่งที่เราต้องการ
การหา Monitor มาใช้ ต้องปรับตัวอีกครับ ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะอยู่ตัว
ใช้ของที่มี ใช้ของที่ชอบ ดีที่สุดสำหรับเราอยู่แล้วครับ
ความคิดเห็นที่ : 8

แแแ

27/07/2009 19:28:42
oh เจ้าตัวมาแล้ว

ช่วยแนะนำหูฟังสำหรับฟังเพลงอนิเมะหน่อยครับ ปกติสิงแต่ใน tirkx แต่อยากจะได้หูฟังเพลงเมะดีๆหน่อย ลองถามคนที่อยู่ทั้ง2วงการจะได้คำตอบถูกใจกว่า
ความคิดเห็นที่ : 9

เบียส

27/07/2009 19:36:49
11
เอ้า จัด หน่อยเร๊ว คุณ Dark_Schneider ..................อิ อิ อิ
ความคิดเห็นที่ : 10

ArMuRo

27/07/2009 22:56:29
0
ตัวนี้ถ้าเทียบๆกับ Senn 280pro, ATH M50, Bayerdynamic DT770 ตัวไหนน่าเล่นสุดครับ
ตัวนี้แรกๆผมก็มีเล็งๆไว้อยู่เหมือนกันแต่ยังไม่ได้ลอง ได้แต่อ่านรีวิวไปๆมาๆ แต่สงสัยจะไม่โดนผม...
ความคิดเห็นที่ : 11

veera

28/07/2009 00:42:23
0
ตัวนี้เท่าไรครับเฮีย ? มีให้ลองป่าว ผมมีรุ่นโบราณ K280 มี driver ข้างละสองตัว อยากลองเทียบดูครับ
"Review AKG K 271 MKII"