ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำนิดนึงครับว่าทำไมผมถึงต้องไปรีโมล ก็คือแต่เดิมที
ผมก็ชอบหูฟังตัวนี้เป็นทุนเดิมมากอยู่ แต่ดั้นไปทำท่อนำเสียงตรงที่เป็น
ท่อพลาสติกบางๆ ยาวๆ หัก ซึ่งแน่นอนว่าเคสนี้ศูนย์ท่านคงไม่รับเคลม
แหงๆ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องฝากกับแฟนๆ Shure นิดนึงครับว่าให้เบามือกับมัน
หน่อย แต่จริงๆ ตามปกติก็ไม่น่าจะเป็นอะไรถ้าไม่ไปนั่งทับ หรือเอาไปดีด
เล่นเหมือนปลอกปากกา - -" เพราะจำได้ติดตากับอารมณ์ตอนนั้นคือ
หน้าชาจริงๆ นาทีนั้นเกิดภาพสโลว์ตัวจุกเล่นหักกลิ้งๆๆ ไปเลยล่ะครับ 55555
และก็เคยพยายามยื้ออายุต่อด้วยกาวตาช้าง ซึ่งก็โชคดีที่ยังสามารถใช้ฟังได้
ปกติดีไปอีกพักนึง แต่ถ้าพลาดหยอดกาวไหลเข้าไปในตัวไดรเวอร์ล่ะก็มีเงิบแน่ๆ
...18000 เหลือ 0 ตัวเดียวในพริบตานี่ขำไม่ออกจริงๆ ครับ ชีวิตช่วงนั้นตอนจะ
เปลี่ยนจุกทีนี่ลุ้นมาก ซึ่งต่อมามันก็ถึงฆาตกาวที่ต่อไว้หลุดอีก คราวนี้กาวตาช้าง
ก็ไม่สามารถยื้ออายุได้อีกต่อไป ขืนดื้อดึงต่อไปหูฟังสุดรักจะได้ไปเกิดจริงๆ เลย
มีความคิดที่จะส่งเอารีโมลเกิดขึ้นมา ซึ่งส่วนนึงงงก็ต้องยอมรับว่าอยากลองบวก
กับความสงสัย และแนนอน...คัน ด้วยที่ ciem มันดูมีความเป็นยูนิคที่เราออกแบบ
รูปลักษณ์ภายนอกได้เองแทบจะทั้งหมด และหากว่ามันสามารถที่จะกันเสียงได้ดีขึ้น
ไปอีกก็คงจะดีมากๆ และช่วงนี้เห็นสาวๆ โซชิใช้กันทั้งวงเลย(ซึ่งก็คงมาจากสปอนเซอร์
หรือทางค่ายจัดหาให้ แต่กับเรานั้นจ่ายเต็มๆ - -")มันช่างเป็นทั้งประกายแทงตา และ
เป็นแรงบันดาลใจอย่างที่สุดต่อผมจริงๆ ครับ จึงเกิดเป็น Shure se535x6
...Crimson Cherry(ผมตั้งชื่อให้หูฟังด้วยล่ะ เวอร์มั้ย) ตัวนี้ขึ้นมาครับ

สิ่งที่เราได้รับในตอนแรกนั้นกลับไม่ใช่เสียง แต่เป็นรูปลักษณ์ภายนอกครับ เลยต้องพูด
ถึงเรื่องชิ้นงานกันหน่อย ผมสั่งเค้าไปเป็นแบบสีโปร่งใสสีสลับกันคนละด้านให้ดูมีลูกเล่น
นิดนึง+ทิปเป็นแบบสีเคลียร์ใสตอนทำความสะอาดจะได้เห็นได้ชัดหน่อย และให้ดีเทล
เพิ่มเติมไปว่าไม่ใสมากจนเห็นตัวไดรเวอร์ชัดเจนขนาดนั้น เอาแค่ดูซีทรูบางๆ โชว์ภาย
ในแค่เซ็กซี่นิดๆ พอ ก็ทำออกมาได้ตามสั่ง สวยเนี๊ยบ ใสวิ๊งเงาๆ ไม่มีฟองอากาศให้เห็น
แต่เรื่องสีจริงๆ ผมสั่งสีแดง Red wine เพราะนึกว่ามันจะสีแดงหม่นๆ แบบของ se535red
แต่มันดันออกไปสีไวน์จริงๆ ซะอย่างงั้น ซึ่งก็ถือเป็นความเข้าใจผิดของผมเอง แต่ก็สวยดีครับ
เป็นสีแดงอมม่วงนิดๆ ดูลึกลับ ไม่ซ้ำใครดีเหมือนกัน ทีนี้ก็เลยฝากเพื่อนๆ หรือท่านใดที่จะ
ไปทำครับว่าตกลงเรื่องสีกันดีๆ เพราะตัวเชลกับเฟซเพลสพอมองรวมๆ มันอาจจะกลายเป็น
สีอื่นซึ่งต่างจากที่คาดไว้ไปเลยก็ได้ ดั้งนั้นตกลงกับตัวแทน คุยกันให้เข้าใจดีก่อนสั่ง
เพราะของแบบนี้ช่วงระยะเวลารอมันยาวนานจริงๆ ความคาดหวังต่างๆ นาๆ ที่จะได้ของตาม
ที่สั่งไว้มันก็สูงตามครับ แต่ถ้าพลาดมาแบบสั่งแดง พวกทำน้ำเงินให้แบบนี้ก็ไม่ไหว 5555


เข้าใกล้เรื่้องเสียงกันมาอีกนิดกับการสวมใส่ โดยครั้งแรกนั้นก็มีเงอะงะๆ นิดนึง แต่อาศัย
ความเคยชิน ซึ่งจริงๆ ก็ไม่นานครับแค่วัน สองวันก็เพียงพอที่จะใช้มือเดียวใส่ได้เลย แค่
วางมุมให้รับดีๆ หมุนๆ หน่อยก็อยู่แล้ว ทีนี้มาถึงความรู้สึกตอนใส่นั้นก็ต้องบอกว่าโชคดี
จริงๆ ครับที่เค้าทำตัวโมลมาได้พอดี เลยได้ความกระชับที่ดีมากไม่แน่นไป ไม่หลวมไป
ไม่ต้องคอยกังวลกับโฟกัส(และจุก)อีกต่อไป และเมื่อมีเจ้า ciem อยู่ในหูก็ยังให้ความรู้สึก
ที่ดีกว่าบอดี้เดิมๆ แต่ก็ไม่่ได้ถึงกับขนาดที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในหูนะครับ ตรงนี้พอจะรู้สึก
แตะๆ อุดๆ อยู่เหมือนกัน แต่คือมันพอดีเข้ารูปไปหมด และเรื่องของการกันเสียงรบกวน
ภายนอกซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดประสงค์หลักๆ ที่เราทำ ciem ตรงนี้นี่ดีขึ้นชัดเจนเลย หาก
เทียบก่อนรีโมลผมจะให้สัก 85% ก็น่าพอใจมากอยู่แล้ว ส่วนพอมาเป็น ciem ผมให้ 95%
ไปเลย ยกตัวอย่างผมเดินทางด้วยรถกระป๋องครับ ..ซิ่งมันส์มาก ถนนมีขาเข้า ขาออก
ฝั่งละ 3 เลน สิ่งที่ผมได้ยินขณะนั้นคือเสียงเร่งเครื่องของเจ้ารถกระป๋องที่ผมนั่งอยู่กับ
รถเลนข้างเคียงที่พยายามจะเร่งเครื่องแซงแบบบางๆ นอกนั้นไม่ได้ยินอะไรเลยครับ
เหมาะกับ Forever alone แบบผมจริงๆ 555555 แต่ถ้าใครเพื่อนเยอะ แฟนจูจี้ก็คงจะ
เป็นอะไรที่น่ารำคาญสำหรับพวกเค้าเพราะเรียกไม่ค่อยจะได้ยินนั่นเอง ซึ่งการที่มีการ
กันเสียงรบกวนได้ดีทำให้ผมเต็มอิ่มไปกับดนตรีในขณะเดินทางได้มากขึ้นเยอะพอ
สมควรเลย แถมยังไม่ต้องเร่งเสียงแข่งกับเสียงแวดล้อมภายนอกซึ่งนับว่าเป็นเรื่อง
สำคัญกับทั้งตัวหูฟังและหูของผมมากเลยทีเดียว แฮปปี้มากๆ ครับกับจุดนี้

ทีนี้มาเข้าเรื่องกันครับ ว่า Shure Crimson Cherry(6 BA: 2 lows 2 mids 2 highs)
ตัวนี้มีความแตกต่างไปจากเดิมยังไงบ้าง และไปในทิศทางไหน ...อ่ะและระหว่าง
ที่ผมรอส่งกลับ ช่วงนั้นผมก็คบอยู่กับ se530 อยู่พักนึง ราวๆ 2 เดือนกว่า ก็พอที่จะ
จับความแตกต่างระหว่างทั้ง 3 ตัวได้ เอาเป็นว่าก่อนอื่นเอาเป็นอันดับแรกๆๆ ที่ได้ฟัง
แล้วรู้สึกได้ก่อนเลยก็แล้วกันนะครับ ก็คงเป็นเรื่องกำลังขับ ซึ่งต้องใช้มากกว่าเดิมราวๆ
20% เลย แต่ก็เพียงพอครับที่จะต่อตรงกับเพลเยอร์ หรือมือถือได้อย่างไม่มีปัญหา
ต่อมาเรื่องของรายละเอียดเสียงต่างๆ ที่เด่นๆ ก็จะเป็นสเตจที่กว้างขึ้นกว่าเดิมและ
เรื่องของเบสที่ตอนแรกผมค่อนข้างจะกังวลว่าเพิ่มย่านต่ำสองตัวมันจะมากไปมั้ย แต่
ปรากฏว่าอย่างกับเดจาวูเลยล่ะครับ เหมือนกับตอนที่แกะ Se535 มาใหม่ๆ เบสไม่เยอะมาก ออกจะกระชับครับ(แต่แกะคราวนั้นน่าจะเรียกว่าแห้ง ไรัเบสเลยจะดีกว่า) และอื่นๆ ก็ไม่
ต่างจากเดิมมากนัก นับว่าโล่งอก กลัวเบสจะท่วม และพอเบิร์นไปได้ถึงราวๆ 100 ชม.
จึงเริ่มจับอะไรหลายๆ อย่างจากสาวลูกครึ่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งเพลงที่ผมฟังก็มีแนว Pop Female-vocal เป็นส่วนใหญ่และ Classic ในบางเวลา ผมไม่ค่อยได้ฟังร๊อคน่ะครับ ซึ่ง
ที่แตกต่างไปเลยก็คือขนาดวงครับ จากที่เคยฟังตอนแรกนึกว่าแค่ด้านข้างที่กว้างขึ้นเท่านั้น
แต่กลับได้วงที่ใหญ่ขึ้น อิมเมจโดยรวมใหญ่ขึ้นเล็กน้อย และแต่เดิมที Shure นั้นมีดีที่
ความชัดเจน เทียงตรง และมิติที่ดีมากอยู่แล้ว เลยส่งให้ไม่ใช่แค่กว้างขึ้นในลักษณะที่
บางเบา แต่ยังสัมผัสถึงตำแหน่งของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้แบบเป็นชั้นๆๆ มีความเป็น 3D
สูงมาก และจับโฟกัสได้ชัดเจนและนิ่งยิงขึ้นไปอีก ชอบมากๆ เลยครับ อย่างเวลามี
เสียงกรุ๊งกริ๊งๆ วิ่งไปมาซ้ายขวาสลับกันอยู่ในฉากหลังลึกๆ หรือจะเป็นเสียงคอรัสที่
ระบุตำแหน่งได้ดี และชัดจริงๆ ส่วนเรื่องเสียงร้องดูเหมือนว่านักร้องจะตัวสูงขึ้น ตำแหน่ง
ยื่นเด่นมาข้างหน้านิดนึงเช่นเคย แต่จะได้เนื้อเสียงที่อิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เสียงสูง
ยังคงไปได้ไกลและนิ่งขึ้น ตรงนี้คิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากโฟกัสที่ดีขึ้นที่ผมบอกไปก่อน
หน้านี้ครับ ความพร่าของการแผดขึ้นเสียงสูงนั้นลดลง ทำให้ฟังได้ง่ายขึ้น ไม่บาดหู
ตรงจุดนี้ทำให้รู้สึกเหมือนฟัง se530 เลยล่ะครับ มาว่ากันต่อเรื่องเส้นสายไดนามิคและ
รายละเอียดยิบๆ ย่อยๆ ตรงนี้ก็ยังคงทำได้ดีถึงดีกว่า ด้วยการไล่น้ำหนักที่เนียน มีเบา
มีแรงเน้นๆ ตรงนี้อย่างเวลาชักคันสีไวโอลินเร็วๆ นี่ตามทันสบายๆ ฟังแล้วบาดใจมากๆ
ครับ เค้าเก็บได้ทุกเม็ดจริงๆ ส่วนเรื่องเบสพอเบิร์นพ้นไปช่วงนึงก็จะได้เบสที่ต่างจาก
เดิมไป คือมีหัวเบสที่ชัดขึ้น อิมแพคกำลังดี และลูกโตขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ยังคงแนวเดิม
คือมีความกระชับฉับไวไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ฟังเพลงป๊อบที่มีส่วนผสมของซาวด์
อีเลคโทรนิค ออโต้จูน ซินฯ ได้สนุกขึ้น โดยที่ไม่มีการไปแตะย่านเสียงกลางเลยครับ

สรุปแล้ว ผมว่าผมพอใจมากๆ และน่าจะจบกับหูฟังตัวนี้แล้วล่ะครับ ใส่แล้วหล่อเลย 5555
ตอนนี้ใส่ติดหูไปแล้ว ดูหนัง เล่นเกมส์ นี่ก็เพิ่งควงกัน จบ Darksider II ไปหมาดๆ ไม่คิด
หารุ่นอื่นเพิ่มแล้ว พกตัวเดียวไม่ต้องคิดเยอะครับ แต่ถ้าจะหาก็คงหาสายดีๆ สักเส้นมา
แพร์ให้แมทมากยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนหากจะถามว่าทำแล้วคุ้มมั้ย ตรงนี้ผมว่าแล้วแต่เคสครับ
อย่างผมถ้าไม่ทำมันก็คงกลายเป็นซากไป แต่ถ้าซื้อมาเพื่อทำรีโมล โดยเฉพาะก็คงไม่
ล่ะครับ เพราะราคารวมแล้วมันสูงซะเหลือเกิน ซึ่งจริงๆ Shure se535 ก็คุ้มราคาค่าตัวมากๆ แล้วล่ะครับ อึดมาก สายก็อย่างหนา ...ก็เอาเป็นว่าจบรีวิวแบบเล่าให้ฟังเท่านี้ล่ะครับ
หวังว่าพอจะมีประโยชน์บ้าง และหากมีจุดไหนผิดพลาดไปก็ต้องขอโทษด้วยครับ


ชุดที่ผมใช้ฟังมีตามนี้ครับ

Flac ฟังเยี่ยม / 320k(ริปมาดีๆ) ก็ฟังได้ไม่น่าเกลียดครับ

Jriver > Dragonfly DAC > Shure se535x6 + JH stock cable

Samsung gsii > Shure se535x6 + JH stock cable

ค่าเสียหายเท่าไหร่ครับพี่

งามมักๆ

ยินดีด้วยครับ ยิงเลเซอร์มาสวยมากๆ และขอให้หาเนื้อคู่(สาย)เจอเร็วๆนะครับ

http://www.facebook.com/UniqueMelodyThailand

ติดตามได้ในFBนะครับ

เดียวผมจะตามไป !! ได้ยินว่าแนวเสียงยังเหมือนเดิม เบสไม่บวม เสียงร้องไม่หาย แค่นี้ก็สบายใจแล้ว :)

สวยเลยครับ

ทำเอาคนอยากได้มิราเคิลอย่างผมมือสั่นเลยนะครับ
สวยมากครับ

x6 นี่คือเพิ่มไดร์เวอร์หรอครับ?? ปกติเดิมๆมันข้างละ 3

อ้าวเจ้าแนทไปสุ้มทํามาแล้วเหรอเนี่ย 55 ...........อิ อิ อิ

Eqzcer - ค่าอัพเกรด +3 ไดรเวอร์ 16k ครับ

pokkystr - จัดไปครับ ผมพลีชีพลอง 6 แล้ว ก็เล่น 8 ไปเลย ดูซิจะบวมมั้ย ฮาๆ

zetathix - ..อีกหนึ่งรุ่นที่หารีวิวอ่านยากนะครับ -*-

SaRa - ถูกต้องครับ 3+3 เลยกลายเป็นลูกครึ่งเลย

เบียส - สุ้มอยู่นานนนน จนลืมว่าส่งไปน่ะครับ ฮาๆ

รีวิวเทพ ขิง ๆ

เอ้ยยย ได้ข่าวว่าสอยตัว 3ai ไป รีบๆ รีวิวพี่จะได้หาอะไรโพส 55555

ขอบคุณมากๆสำหรับรีวิวแจ่มๆครับ และ ยินดีกับหูฟังน้องต้อมตัวใหม่ด้วยครับ


ว่าแต่....สเปกเลยครับ สาวอเมริกัน-จีน เนี่ยครับ :D

สรุปรอ 4 พี่ 3 มันหมดไปแล้ว 5555

จัดไป นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่คือพรหมลิขิต 555555

....ล่าสุดเผอิญต่อตรงกับคอมฯ ฟังโดยไม่ผ่าน Dac สรุปว่าฟังไม่ได้เลย
เสียงน๊อยซ์ต่างๆ ดังมากกก sensitive สุดๆ ><