Guest
หมวดหมู่ >

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

รีวิว DAC-AMP Burson 160D (เสน่ห์ของความนุ่มนวล)

นายมั่นคง

11/05/2012 12:18:00
4,294





สวัสดี ครับเพื่อนๆ ทุกๆ ท่าน วันนี้คอลัมน์รีวิวของผมกลับมาอีกแล้ว หลังจากห่างหายไปนานเหมือนกัน เนื่องจากภาระกิจรัดตัว ทำให้หาเวลามาเขียนรีวิวให้อ่านกันค่อนข้างยาก ผมได้ทำการติดต่อไปทางบริษัท Burson ว่าต้องการอยากจะเขียนรีวิวถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงของเค้า ซักชิ้นหนึ่ง ซึ่งทางตัวแทนของ Burson ก็ตอบตกลงด้วยความยินดี ปัญหาคือว่า ผมไม่ได้รีวิวด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งผมก็คงรีวิวกันแบบภาคภาษาไทยเหมือนเคยนี่ล่ะครับ

ปัญหาคือ เนื่องจากเค้าจะเอาบทความที่เขียนไป translate เป็นภาษาอังกฤษ ทำให้รีวิวฉบับนี้อาจจะอ่านแล้วแปลกไปจากเดิมๆ ที่ผมเคยเขียน เพราะมุขตลกโปกฮาขำขันเล็กๆน้อยๆ ผมคงจะตัดออกไป เนื่องจากเวลาแปลต้นฉบับกลับไปเป็นภาษาอังกฤษแล้วนั้น ถ้าหากผมใช้สำนวนแบบไทย คาดว่าโปรแกรมแปลของ Google อาจจะแปลไม่ได้ ก็เป็นอันทำความเข้าใจล่วงหน้าให้ทราบกันตามนี้ล่ะครับ ว่ารีิวิวในตอนนี้คงจะเป็นการนำเสนอทั่วไป ต่างจากงานเดิมๆ ที่ผมเขียน

ที่มาของ Burson
บริษัท ของ Burson นั้นตั้งอยู่ใน Melbourne ของประเทศออสเตรเลีย ก่อตั้งโดยคนที่รักและชื่นชอบในเครื่องเสียง โดย Mark Burson เป็นนักออดิโอไฟล์คนหนึ่ง ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์และก่อตั้งกลุ่มมาตั้งแต่ปี 1996 และเริ่มต้นออกผลิตภัณฑ์ประเดิมเป็นครั้งแรกสู่วงการเมื่อปี 2005 เป็นต้นมา โดยผลิตภัณฑ์ทั้งหมด made in Australia ด้วยเช่นกัน






รูปลักษณ์
ผลิตภัณฑ์ ที่ผมจะเขียนถึงในวันนี้นั้น คือ DAC amp ของค่าย Burson โดยเป็นรุ่น 160D นั่นเอง โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ยอดนิยม และได้รับการกล่าวถึงรวมถึงมีการเขียนรีวิวถึงค่อนข้างมากครับ ครั้งแรกที่ผมเห็นเจ้า Burson 160D นั้น บอกได้เลยว่า มันเป็นแอมป์ที่ยังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ถึงขั้นเรียกได้ว่า Mass คือโดยรูปทรงและตัววัสดุนั้น ค่อนมาทางงานผลิต DIY ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นงาน DIY ที่รูปลักษณ์ปราณีต แข็งแรง บึกบึน

จากภายนอกที่เห็น ตัวเคสทั้งหมดทำจากอลูมิเนียมอโนไดซ์เนื้อดี หนาถึง 6 มม. การตัดเจาะ กลึง และวางตำแหน่งต่างๆ แม่นยำมาก ทำให้งานผลิตออกมาดูสวยงาม ถึงดีไซน์อาจจะไม่ได้หวือหวาหรือดูทันสมัยสุดขีด แต่ก็เป็นงานที่ดูแล้วบอกได้ว่าค่อนข้างใส่ใจในมาตรฐานพอสมควรครับ การแกะและเซาะร่อง รวมถึงการเก็บงานในขั้นตอนสุดท้ายทำได้ดี ตัวเคสออกแบบให้เป็นฮีทซิงค์ เพื่อระบายความร้อนไปด้วยในตัวเหมือนมาตรฐานการออกแบบแอมป์ชั้นดีครับ

โวลุ่มระดับ 24 สเตปถูกเลือกใช้ในแอมป์ 160D ด้วยครับ เป็นลูกบิดโวลุ่มที่คุณภาพดี นุ่มมือ ไม่ฝืนหรือขืนเวลาออกแรงหมุนปรับระดับความดัง และใช้ชิป DAC Burr Brown PCM1793 คุณภาพสูงที่รองรับบิทเรททางช่อง USB ได้สูงถึง 24/96 ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานปัจจุบัน และยังคงอยู่ในมาตรฐานนี้อีกนานครับ โดยเจ้า Burson 160D นั้นรับ input เป็น USB , Coaxial (24/192) และ Optical ซึ่งสะดวกสบายที่เราจะเอาจากสัญญาณดิจิตอลผ่านทาง USB เข้าตรงที่เจ้า 160D ได้ทันที





ด้านหน้ามีช่อง Phone ให้เลือกเสียบระหว่าง Hi-Gain กับ Low Gain เพื่อให้เหมาะสมกับหูฟังที่เรามีอยู่ครับ ซึ่ง Burson ทำมาให้ 2 ช่องเลย ซึ่งผมว่าสะดวกกว่าที่จะทำเป็น Selector ที่ใช้โยกเลือกไปมา หน้าปัทม์มีไฟดวงเล็กๆ โชว์สถานะว่าตอนนี้เลือกอยู่ที่ input อะไร ตรงนี้ขอชมครับ เพราะดวงไฟขนาดเล็กนั้น ไม่ทำให้รู้สึกเกะกะ รกรุงรังรบกวนสายตาในขณะเปิดทำงาน อันนี้ผมว่าสำคัญพอสมควรครับ ขนาดดวงไฟที่ใหญ่เกินไปทำให้เสียสมาธิ และผมว่ามันลดทอนคุณภาพเสียงอีกด้วย

สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ ช่องปรีแอมป์เอ้าท์ที่ททาง Burson ออกแบบทำให้ ผมว่าเป็นช่องที่เกินคุ้มครับ คือใครที่เล่นเครื่องเสียงบ้าน และมีแอมป์ขยายเสียงที่เล่นร่วมกับลำโพง เพียงแต่เอาสัญญาณจากช่องปรีแอมป์เอ้าท์นี้ออกไปเข้าเพาเวอร์แอมป์ แค่นี้ก็เท่ากับท่านสามารถเลือกฟัง source จากคอมพิวเตอร์ โดยมีเจ้า Burson 160D ทำหน้าที่เป็น Stand alone DAC และจ่ายสัญญาณเป็นปรีแอมป์ ซึ่งทำให้ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหาปรีแอมป์เพิ่มให้วุ่นวายแต่อย่างใดครับ






อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ
ผมนำเจ้า Burson 160D มาใช้ต่อร่วมกับ Source มาตรฐานอย่างเจ้า iMac และเปิดฟังผ่านทาง itune โดยใช้ปลั๊กอินขนาดเล็กๆ แต่คุณภาพดีอย่าง Pure Music ในการเล่นร่วมกันครับ สายไฟทั้งหมดผมใช้สาย Black Sand รุ่น Violet โดยเข้าหัวของ furutech โรเดียม ผมเลือกเล่นผ่านช่อง USB โดยใช้สาย USB ของ Nordost รุ่น Blue Heaven และหูฟังที่ใช้ทดสอบร่วมกัน ผมเลือกหยิบหูฟังที่คิดว่ามันน่าจะไปกันได้กับ 160D อย่างลงตัว นั่นก็คือ Audeze LCD3, Sennheiser HD800, Hifiman HE500 ครับ ไฟล์เพลงต่างๆ ที่ผมมีอยู่ มีตั้งแต่ที่ Rip จากซีดี และมีไฟล์ Hi-Res ที่ ทุกระดับความละเอียดร่วมทดสอบด้วย

ผลการรับฟัง
ผมได้เจ้า 160D มาพักนึง ซึ่งผมเปิดเบิร์นผ่านไปเพียงแค่ 40-50 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะไม่ถึงขั้น Full Burn in ครับ แต่น่าจะพอทราบถึงคาแรคเตอร์คร่าวๆ ได้อย่างแน่นอน หลังจากเชื่อมต่อเจ้า 160D เข้ากับเจ้า iMac มันจะโชว์และเห็นอุปกรณ์ทันทีครับ ไม่ต้องอาศัยไดรเวอร์อะไรเพิ่มเติมในการเล่นเจ้า 160D ผมต่อเล่นร่วมกับหูฟังต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น เจ้า 160D ทำหน้าที่ได้ดีพอสมควร คือสามารถขับหูฟังต่างๆ เหล่านั้นให้โชว์ศักยภาพออกมาค่อนข้างดี

ผมจะเล่าโดยรวมถึงลักษณะเสียงของ Burson 160D ดังนี้ครับ คือหลังจากที่ฟังสลับหูฟังหลายๆ ตัวผ่านเจ้า 160D สิ่งที่ตรงกันค่อนข้างแน่คือ เจ้า 160D น่าจะมีเสียงอยู่ในโทน warm ไม่ใช่อยู่ในพวก cold คือเสียงโดยรวมทั้งหมด อุ่น นุ่ม เนื้อเบสลงได้ดี และมีขนาดชัดเจน เสียงกลางหนาอิ่ม เวลาฟังเสียงนักร้องชาย จะฟังแล้วไม่ผอมบาง หรือเสียงแบน พอสลับมาฟังแนว Female Vocal ผมว่าลงตัวมาก เพราะนักร้องจะร้องแบบเสียงเต็ม ไม่แหลมแสบหู โดยเฉพาะพวกแผ่นออดิโอไฟล์ จีน ที่คนไทยนิยมฟังกันเสียเหลือเกิน โดยมากเสียงร้องจะแผด เสียงสูงจะเปิดสว่างมากเกินไป แต่พอมาฟังผ่าน Burson ผมว่าความลงตัวทำได้ดี อาการล้า เครียดเกร็งจากเสียงสูง แทบไม่ค่อยรู้สึกเท่าใดนัก

เสียงกลางต่อเนื่องไปถึงเสียงสูงของเจ้า Burson 160D นั้น ไม่ค่อยบูสรายละเอียดหรือยกปลายความถี่เสียงแหลมให้สูงขึ้นจนเกินงาม คือเป็นเสียงแหลมที่ได้ยินครบถ้วนแน่ๆ อาการปลายด้วนหรือ roll off ของเสียงแหลมไม่มี สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนพอสมควร ใครที่เป็นคนชอบแอมป์ที่บูสเสียงแหลมไว้มากเกินพอดี เจ้า Burson 160D อาจจะไม่ใช่ทางเลือก แต่ถ้าต้องการ DAC-AMP ที่เสียงเป็นกลางๆ ผมยังถือหางเจ้า Burson 160D ครับ

หลายคนคงสงสัยว่า แล้ว DAC-AMP ตัวนี้ในเมื่อเสียงออกโทนอุ่น แล้วมันให้เสียงและเวทีที่ดีพอหรือเปล่า บอกได้ว่าเจ้า Burson นั้นให้ขนาดของวง และซาวด์เสตทที่กว้างขวางพอสมควร และความโปร่งใสของเนื้อเสียงอย่างที่หลายคนมักจะเป็นกังวลว่า แอมป์ที่เสียงโทนอุ่นจะทำตรงนี้ได้ดีหรือเปล่า ผมฟังแล้วตรงนี้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะ 160D สามารถแยกแจกแจงชิ้นดนตรีออกมาได้ การวางตำแหน่งทำได้ดีมาก ชิ่้นดนตรีนิ่งและตรึงสนิท






ผมว่าเสน่ห์ของเจ้า Burson 160D ที่ผมว่ามันน่าจะเป็นจุดแข็งที่สุดคือความสงัดของฉากหลังครับ เสียงโดยรวมของ burson นั้นค่อนมาทาง Dark เล็กน้อย แต่ไม่มากมายนัก และผมว่าข้อนี้กลับเป็นข้อดีที่ช่วยส่งให้ DAC-AMP ตัวนี้น่าฟังยิ่งขึ้น เวลาฟังเพลงผ่าน Burson อาการรำคาญของเพลงที่เครื่องดนตรีทุกชิ้นแย่งซีนกันเป็นพระเอกแทบไม่มี แต่เป็นการนำเสนอและโชว์รายละเอียดต่างๆ แบบนิ่งๆ ค่อยๆ และไปเรื่อยๆ ซะมากกว่า

หลายเว็บไซด์นำเจ้า 160D ไปจับคู่แมทชชิ่งกับ Audeze LCD2 แต่ผมหา LCD2 ในช่วงนั้นไม่ได้ เลยเอา LCD3 มาฟังคู่กันก่อน เจ้า Burson สามารถขับเจ้า Audeze LCD3 ออกมาค่อนข้างดี อาจจะไม่ถึงกับขับจนเปิดกว้างโล่งออกมาใสกระจ่าง แต่ต้องไม่ลืมว่า คาแรคเตอร์หลักของทั้งคู่คือค่อนมาทางโทนมืดทั้งคู่ ผมว่าคู่นี้เหมาะสำหรับคนที่ฟังเพลงช้า เครื่องน้อยชิ้น ซึ่งทำให้ฟังแล้วสัมผัสได้ว่ามันดื่มด่ำ ลึก แต่ถ้าเพลงแนวกระโชก หรือสปีดเร็วและแรง อาจจะไม่เหมาะกันซักเท่าไหร่

กับเจ้า HD800 ก็ยังทำได้ค่อนข้างดีครับ คือปกติของเจ้า HD800 นั้นอาจจะหาแอมป์ที่แมทชชิ่งยากเล็กน้อย คือมักจะขาดๆเกินๆ อยู่ตลอดเวลา และถ้าเจอแอมป์ที่ไม่เข้ากัน เจ้า HD800 มักจะออกอาการแหลมเสียดหู เสียงบางและไร้เบส เจ้า160D ทำตรงนี้ได้ดีขึ้น กำลังของเจ้า 160D น่าจะมากพอที่จะรับมือตรงนี้ได้ ซึ่งก็เช่นเดียวกันครับ เมื่อฟังกับเจ้า Hifiman HE500 ซึ่งทุกท่านทราบกันดีว่าเป็นหูฟังโทนอุ่นเหมือนกัน

เจ้า 160D ทำตรงนี้ได้ดีมาก คือสามารถดันเจ้า HE-500 ออกมาได้ครบถ้วน เสียงเบสของ HE500 ลงได้ลึกและสัมผัสได้ถึงอิมแพคที่แรงขึ้น กลางแหลมที่หลายคนไม่มั่นใจว่าถ้าจับสองตัวนี้มาคู่กัน จะทำได้ดีพอหรือเปล่า ขอบอกว่าทุกอย่างค่อนข้างลงตัว สามารถดันกลางแหลมของ HE500 ให้เปิดสว่าง จับต้องได้ถึงรายละเอียดที่หลายคนคาดว่าน่าจะหายไปหรือลดลง






สรุป
เจ้า 160D นั้นเป็น DAC-Headphone Amp และมีคุณสมบัติที่เป็นปรีแอมป์โดยมีช่อง Pre Out เพิ่มมาให้ ซึ่งคาดว่าหลายๆคนน่าจะถูกใจฟังก์ชั่นนี้ไม่มากก็น้อย เป็น DAC-AMP ที่พร้อมจะก้าวขึ้นไปเทียบกับ Headphone AMP ราคาสูงกว่าได้ไม่ยากเย็นนัก ขับหูฟังได้ค่อนข้างครอบคลุมทั้งหมด และให้ความเป็นดนตรีสูง คือไม่ถึงกับเป็นแอมป์ที่เอารายละเอียดมาวางโครมเดียวแบบยัดเยียดให้ฟัง แต่เป็นการทะยอยจัดเรียง และค่อยๆ นำเสนอรายละเอียด ความโปร่งใส อย่างน่าติดตามให้กับท่านซะมากกว่า ใครที่ชอบแอมป์ที่โทนเสียงสุขุม นุ่ม ไม่กระโชกโฮกฮาก ฟังทน ฟังได้นาน เจ้า Burson 160D คือตัวเลือกที่ดีครับ



มั่นคง รายงาน
www.munkonggadget.com


การวัดค่าในแลป
Input impedance: 36.5 KOhms
Frequency response: ± 1 dB 0 - 20Khz
Signal to noise ratio: 110dB
THD: <0.12% at 150mW , 0.06% at 100mW
Channel separation: <54dB
Output power: 250mW (less than 1% distortion)
Output impedance: Pre-out 60 Ohms, phones out 5.6 Ohms
Power dissipation: >25W, internal, regulated power supply

อินพุท
1 x USB Connection (Support up to 24bit @ 96Khz with 10ppm low jitter clock)
1 x Coaxial RCA (Support up to 24bit @ 192Khz)
3 x gold plated RCA (line level input)

เอ้าท์พุท
2 x headphone jacks 6.35mm
1 x pre -out with 10Db gain

น้ำหนักและสี
Weight: app. 6 kg
Colour: silver anodized aluminium

ขนาดมิติ
265 mm x 250 mm x 80 mm
ความคิดเห็นที่ : 1

Artnoi

11/05/2012 16:50:40
425
ขอบคุณมากครับเฮีย
ปล. ไม่ได้อัพเว็บนานเพราะมัวแต่เล่นเฟซล่ะสิ 55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

TMY168

11/05/2012 18:53:19
3
ขอบคุณมากครับเฮียสำหรับ review
ผมว่าตัวนี้ก็จับคู่ได้ดีกับ AKG-K702 ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

นายมั่นคง

11/05/2012 20:10:58
4,294
เจ้า Burson ผมยังไม่ได้ลองกับหูฟังตัวอื่นๆ นอกจาก 3 ตัวที่ว่าเลยครับ โดยรวมผมว่าโอเคมาก คือ deep bass ลงได้ลึก และมวลสารหนาอิ่ม ฟังแล้วนุ่มนวลดีจริงๆๆ

ภาคแอมป์ของ Burson ผมว่าโอเคมาก ให้ความรู้สึกของ Soundstage ที่กว้างดีครับ จุดที่ผมชอบที่สุดก็คือฉากหลัง ทำได้มืดกว่าแอมป์ทั่วไปพอสมควรเลยล่ะ ใครเป็นแฟนพวก Dark side พลาดไม่ได้จริงๆๆครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Tong

11/05/2012 22:13:07
ซื้อมาแล้วครับที่ร้านเฮีย. แต่ขอถามหน่อยครับระหว่างกับ USB กับ coax เสียงต่างกันมากมั้ยครับ
น่าลงทุนเพิ่มกะCoax มั้ยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

นายมั่นคง

11/05/2012 22:32:24
4,294
ผมยังไม่ได้ทดลองตรงนี้เลยครับ แต่ช่อง USB นั้น ถ้าเทียบกับ DAC แบบ Stand alone ค่ายอื่นๆ ผมว่าเจ้า Burson ทำได้ดีพอสมควรครับ อาจจะไม่ใช่อะซิงโครนัสยูเอสบีก็จริงๆ แต่โดยรวมไม่เลวครับ

ผมว่าชั่วโมงนี้ จริงๆการเล่นช่อง Coax นั้นมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก เพราะถ้าจะหา digital interface มาแปลง USB ให้เป็น Coax ผมว่าค่า DI ท่วมเกินค่า DAC แน่นอนครับ 555

ปัญหาคือเล่น Source จากอะไรเป็นหลักครับ ถ้าเล่นจากคอมเป็นหลัก ผมว่าช่อง USB ของ Burson ฟังสบายๆๆ แล้วครับ มันแค่รับไฟล์ 88.2 ไม่ได้เท่านั้น ซึ่งว่ากันจริงๆ ไฟล์ 88.2 ไม่ใช่หาได้ง่ายๆ และการอัพแชมปลิ้งจาก 44.1 มาเป็น 88.2 ไม่ได้ประโยชน์เท่าไหร่ครับ

ถ้าฟังแล้ว Happy อยู่ ผมว่าไม่ต้องก็ได้จ้า 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"รีวิว DAC-AMP Burson 160D (เสน่ห์ของความนุ่มนวล)"