Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

eee การใส่ใจกับถูก/ผิดเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเอาเป็นเอาตายกับมันมากเกินไป เราจะกลายเป็นทาสอาร

eeman2

03/09/2011 09:28:54
0
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เกาหลีใต้

หญิงสาวผู้หนึ่งพาหมาออกไปนอกบ้าน จู่ ๆ มันเกิดทนไม่ไหว ถ่ายของเสียกลางถนน ตามกฎหมายเจ้าของมีหน้าที่ต้องเก็บของเสียเหล่านั้นให้หมด แต่เธอแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ คงเพราะคิดว่าไม่มีคนเห็น แล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าภาพของเธอไปปรากฏทางอินเตอร์เน็ต
เป็นคราวเคราะห์ของเธอที่มีคนเห็นพฤติกรรมของเธอ ด้วยความร่วมมือของผู้ใช้เว็บทั่วประเทศ ในที่สุดก็สืบพบจนได้ว่าเธอเป็นใคร ทำงานที่ไหน ทันทีที่ภาพและข้อมูลของเธอปรากฏที่เว็บไซต์ ผู้คนจากทั่วสารทิศก็พากันประนามเธอทางเว็บบอร์ด แม้แต่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่เธอทำงานก็ท่วมท้นด้วยข้อความก่นด่าจากประชาชนที่ไม่พอใจ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่หญิงผู้นี้ติดอันดับหนึ่งของผู้ที่วงการอินเตอร์เน็ตจงเกลียดจงชังมากที่สุด ครอบครัวและมหาวิทยาลัยของเธอพลอยได้รับความอับอายไปด้วย ในที่สุดเธอก็ถูกกดดันให้ลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีใครรู้ว่าฝันร้ายจะตามมาหลอกหลอนเธออีกนานเท่าใด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหญิงผู้นี้ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม แต่ควรแล้วหรือที่เธอจะถูกลงทัณฑ์จากคนทั้งประเทศอย่างนั้น แม้เธอจะไม่ถูกจำคุก แต่ก็ตกนรกทั้งเป็นไปแล้ว ข้อที่น่าสงสัยก็คือมีอาชญากรหรือคนโกงบ้านกินเมืองสักกี่คนที่ถูกรุมประนามเท่า ๆ กับเธอ ทั้ง ๆ ที่ความผิดของเธอมีเพียงแค่การไม่เก็บขี้หมาเท่านั้น

เป็นเรื่องน่าสรรเสริญที่ประชาชนมีสำนึกในหน้าที่ต่อส่วนรวม ไม่ยอมปล่อยให้พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องผ่านเลยไป แต่การลงโทษจนเกินขีดขั้นของความผิด ก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะยอมรับได้ ถึงที่สุดเราจำเป็นต้องมาถามว่า ระหว่างคนที่ไม่เก็บขี้ที่หมาของตนถ่ายทิ้งไว้ กับคนที่ก่นด่าผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวจนเขาเสียผู้เสียคนไปนั้น ใครกันแน่ที่ทำผิดมากกว่ากัน?

การใส่ใจกับความถูกความผิดนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าไปเอาเป็นเอาตายกับความถูกความผิดมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นเรื่องไม่ดีไปได้ เพราะสามารถนำไปสู่การลงทัณฑ์ที่เกินขอบเขต และบางครั้งอาจก่อให้เกิดพฤติกรรมที่สวนทางกับหลักการหรือความถูกต้องที่ตนเชื่อก็ได้

หลายปีก่อนเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้นในสหรัฐอเมริกา เรื่องเริ่มต้นเมื่อชาวคริสต์ที่เคร่งศาสนากลุ่มหนึ่งจัดชุมนุมประท้วงหน้าคลีนิคที่ให้บริการทำแท้ง ผู้ประท้วงเหล่านี้เรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชิดชูชีวิต (pro-life) และเห็นว่าการทำแท้งเป็นการฆ่าที่ผิดบทบัญญัติของพระเจ้า แต่การประท้วงนั้นไม่สามารถหยุดยั้งหมอและพยาบาลที่ยืนกรานจะทำแท้งให้แก่หญิงที่ไม่พร้อมจะมีบุตร สถานการณ์ตึงเครียดเป็นลำดับ และเมื่อบรรยากาศร้อนแรงมากขึ้น ก็มีชายผู้หนึ่งในกลุ่มประท้วงบุกเข้าไปในคลีนิกนั้นพร้อมกับควักปืนยิงหมอจนถึงแก่ความตาย

ฆาตกรนั้นเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชิดชูชีวิต แต่แล้วกลับกลายเป็นผู้ทำลายชีวิตเสียเองไม่ต่างจากหมอที่ตนเองด่าประนาม เขาเกลียดหมอที่ปลิดชีวิตคน แต่แล้วก็ทำอย่างเดียวกับหมอผู้นั้น ทั้งนี้เพราะอะไรหากไม่ใช่เพราะความยึดติดกับความถูกความผิด(ตามมาตรฐานของตน)มากเกินไป จนเห็นฝ่ายที่ไม่ทำตามมาตรฐานของตนนั้นเป็นศัตรูอันเลวร้ายที่ต้องขจัดไปให้ได้

คนเราจำเป็นต้องยืนหยัดในความถูกต้อง แต่ถ้ายึดมั่นกับมันมากเกินไป จนไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากความถูกต้องดังกล่าว เมื่อเห็นใครทำสิ่งที่สวนทางกับความถูกต้องนั้น ความโกรธเกลียดก็เกิดขึ้นได้ง่าย และเมื่อปล่อยให้ความโกรธเกลียดลุกลามไปแล้ว นอกจากตัวเองจะทุกข์เพราะถูกไฟเผาลนจิตใจแล้ว ยังสามารถเผลอทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ง่าย ๆ ชนิดที่ตรงข้ามกับความถูกต้องที่ตนยึดถือ

ดังนั้นลำพังการยึนหยัดหรือยึดถือความถูกต้องอย่างเดียวย่อมไม่พอ ต้องมีอย่างอื่นเข้ามากำกับหรือควบคุมให้การยึดถือความถูกต้องนั้นเป็นไปอย่างพอดี ไม่เกินเลย หรือเบี่ยงเบนไปจนเกินผลเสีย สิ่งนั้นได้แก่สติ สติช่วยให้เราไม่ลืมตัวจนเผลอทำสิ่งที่ตรงข้ามกับความถูกต้องที่ยึดถือ และช่วยให้เราไม่ยึดมั่นกับความถูกต้องจนลืมนึกถึงสิ่งอื่น ถ้าหากผู้ประท้วงคลีนิคทำแท้งมีสติ เขาย่อมรู้ว่าการถือปืนเข้าไปยิงหมอนั้นเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการเชิดชูชีวิตที่ตนยึดถือ ถ้าหากนักท่องเว็บมีสติเขาย่อมรู้ว่าหญิงที่ไม่เก็บขี้ที่หมาของตนถ่ายนั้นไม่ได้ทำความผิดอุกฉกรรจ์ชนิดที่จะต้องกดดันให้จมธรณี

นอกจากสติแล้ว เมตตาก็จำเป็นเช่นกัน ถ้าไม่มีเมตตาแล้ว ความดีหรือความถูกต้องที่เรายึดถืออาจกลายเป็นอาวุธที่ประหัตประหารผู้คนให้ตายทั้งเป็นได้ ความดีหรือความถูกต้องที่ไม่มีเมตตากำกับย่อมเป็นสิ่งอันตราย เพราะอาจกลายเป็นเครื่องมือให้ความโกรธเกลียดไปทำร้ายใครก็ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาอาจทำผิดเพียงเล็กน้อย เหมือนกับที่หลายคนเคยโกรธ เกลียด หรือไม่พอใจ ภราดร ศรีชาพันธุ์ ที่บริจาคเงินช่วยผู้ประสบภัยสึนามิเพียง ๑๐,๐๐๐ บาท แน่นอนว่าบุคคลสาธารณะอย่างเขาควรเสียสละหรือมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากกว่านั้น แต่จะตำหนิเขาอย่างไรก็ตาม ควรมีเมตตาต่อเขาด้วย ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการรุมประชาทัณฑ์ด้วยถ้อยคำรุนแรงราวกับเขาเป็นผู้คิดร้ายต่อชาติ ซึ่งในกรณีเช่นนั้นก็น่าสงสัยว่าระหว่างภราดรกับผู้ที่รุมประนามเขา ใครกันแน่ที่ทำสิ่งที่ไม่สมควรมากกว่ากัน

ในชีวิตจริงเราไม่ได้อยู่ด้วยความถูกต้องอย่างเดียว แต่ยังมีสิ่งดีงามอีกหลายอย่างที่ต้องคำนึงและรักษาไว้ด้วย เช่น สัมพันธภาพ และการเจริญเติบโตภายใน เป็นต้น การยึดมั่นกับความถูกต้องมากเกินไป มักทำให้เรามองข้ามสิ่งอื่นไป จนเกิดผลเสียตามมา ครอบครัวหรือหน่วยงานที่เอาเป็นเอาตายกับความถูกความผิดมากเกินไป มักจะลงเอยด้วยความร้าวฉาน ในทางตรงข้าม สัมพันธภาพจะยั่งยืนได้ จำเป็นต้องรู้ว่าจะยืนยันหรือเรียกร้องความถูกต้องแค่ไหนถึงจะพอดี

น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์เล่าถึงสามีภรรยาคู่หนึ่ง ผู้ชายนั้นชอบตกปลาขณะที่ผู้หญิงเห็นว่าเป็นบาป ภรรยาขอร้องสามีจนในที่สุดสามียินยอมว่าจะไม่ตกปลาอีกเพราะเห็นแก่ภรรยา แล้ววันหนึ่งภรรยามีกิจต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นเวลา ๕ วัน สองวันแรกที่ภรรยาไม่อยู่บ้านนั้น สามีมือไม้สั่นทุกครั้งได้ยินเสียงปลากระโดดงับเหยื่อในสระหน้าบ้าน แต่ก็ห้ามใจไว้ได้ ครั้นถึงวันที่ ๓ ทนไม่ไหว คว้าเบ็ดเอาไส้เดือนมาเกี่ยวเบ็ดแล้วก็ไปตกปลา เผอิญภรรยากลับมาก่อนกำหนด เห็นสามีกำลังตกปลา
ภรรยาแทนที่จะตวาดแหวว่า "ทำไมเธอตกปลา สัญญากันแล้วไม่ใช่หรือ?" เธอกลับถามว่า "พ่อกำลังทำอะไรเหรอจ๊ะ ?"
สามีแทนที่จะสารภาพผิด กลับพูดบ่ายเบี่ยงว่า "ผมกำลังสอนไส้เดือนให้ว่ายน้ำ"
เจอแบบนี้เข้าภรรยาจะตอบว่าอย่างไร ?
ภรรยาแทนที่จะโกรธ กลับพูดว่า "ไส้เดือนว่ายน้ำนานแล้ว เอามันขึ้นจากน้ำเสียที เก็บเบ็ดแล้วไปกินข้าวกันดีกว่า" สามีเจอคำตอบเช่นนี้ก็ทำตามโดยดุษณี

ลองนึกดูว่า หากภรรยายึดมั่นกับความถูกต้องมากเกินไป ย่อมต้องคาดคั้นให้เขายอมรับผิดให้ได้ คงไม่ปล่อยให้สามีลอยนวลด้วยข้อแก้ตัวง่าย ๆ ว่ากำลังสอนไส้เดือนให้ว่ายน้ำ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอโต้กลับไปว่า "ไม่ยอมรับแล้วยังมาเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีก บอกมาซิว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำผิดสัญญาแล้วยังมาแก้ตัวอีก......" เจอแบบนี้แล้วมีหรือสามีจะยอมแพ้ เพื่อไม่ให้เสียหน้าก็ต้องโต้ไปว่า "ทำไม ตกปลาไม่ได้เหรอไง เธอเป็นแม่ฉันหรือ?" ถ้าลงรูปนี้แล้วก็คงมีปากเสียงกันยาว เป็นไปได้ว่าในที่สุดภรรยาอาจต้อนให้สามียอมรับจนได้ว่าตนทำผิด แต่ถึงตอนนั้นสัมพันธภาพก็ร้าวฉานแล้ว ได้ความถูกต้องกลับคืนมาแต่เสียไมตรีไป จะคุ้มหรือไม่ในเมื่อความถูกต้องในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรือคอขาดบาดตายแต่อย่างใด

ภรรยาในเรื่องนี้รู้ดีว่าการยืนยันเอาความถูกต้องจากสามี หรือคาดคั้นให้เขายอมรับผิดที่ตกปลา ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าสำหรับชีวิตคู่ ได้แก่สัมพันธภาพ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง หากแต่เธอรู้ว่าจะเตือนเขาอย่างไรโดยไม่ใช้วิธีต้อนเขาให้จนมุม ส่วนหนึ่งนั้นเธอมีเมตตาพอที่จะปล่อยให้เขารอดตัวไปได้โดยไม่เสียหน้า อีกส่วนหนึ่งนั้นเธอมีสติพอที่จะไม่ปล่อยให้ความขุ่นเคืองใจครอบงำหรือลุกลามเป็นความโกรธ

ที่วัดแห่งหนึ่งเกิดเหตุพระต่อยกันเนื่องจากแย่งกันอ่านนิตยสารฉบับหนึ่ง ทั้งสองรูปซึ่งเป็นพระบวชใหม่ต่างอ้างว่าตนเป็นฝ่ายถูกทั้งคู่ รูปหนึ่งอ้างว่านิตยสารฉบับนั้นตนเป็นคนออกเงิน ดังนั้นจึงต้องมีสิทธิอ่านก่อน อีกรูปอ้างว่าคนที่ไปซื้อมานั้นยื่นให้ตนเองอ่านก่อน พอกำลังอ่านอยู่ดี ๆ ก็ถูกดึงไป จะยอมได้อย่างไร เถียงกันไปเถียงกันมาในที่สุดก็ลงไม้ลงมือกัน

หลวงพ่อเมื่อได้ทราบเหตุการณ์ ก็เข้ามาไกล่เกลี่ย แต่แทนที่ท่านจะสอบสวนว่าใครผิดใครถูก ท่านกลับสนใจว่าทั้งคู่จะหันหน้าคืนดีกันได้อย่างไร เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็มีเหตุผลทั้งคู่ว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก อีกฝ่ายต่างหากที่ผิด ยิ่งสอบสวนก็คงยิ่งบานปลาย หาข้อยุติได้ยาก เพราะไม่มีใครยอมให้กัน ที่สำคัญก็คือถึงแม้จะพบว่าใครเป็นฝ่ายถูก แต่ถ้าความรู้สึกขุ่นเคืองใจยังมีอยู่ ย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไร
สิ่งที่ท่านทำก็คือแนะนำให้ทั้งคู่เลิกคิดที่จะเอาผิดเอาถูกจากกันและกัน แทนที่จะยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก ควรหันมาขอโทษและให้อภัยกันดีกว่า เพราะถึงอย่างไรการต่อยกันก็ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว หลังจากที่สงบเย็นลงแล้ว ทั้งคู่ก็ได้คิด ต่างขอโทษและให้อภัยซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

หลวงพ่อท่านตระหนักดีว่าในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะนั้น การยืนยันความถูกต้องของตน หรือการเอาผิดจากกันและกันนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ยังมีสิ่งสำคัญกว่านั้นนั่นคือการรู้จักขอโทษและให้อภัยกัน แม้จะมั่นใจว่าตนถูก อีกฝ่ายนั้นผิด แต่ถ้าไม่รู้จักให้อภัยกันจะมีประโยชน์ อะไร และยิ่งคิดว่าตนเองถูกฝ่ายเดียว ไม่ผิดเลย ดังนั้นจึงไม่ยอมขอโทษ ก็ยากที่จะคืนดีกันได้

นิทานทั้งสองเรื่องนี้สอนว่าในการอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ แม้ความถูกต้องจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน และควรคำนึงถึงอยู่เสมอ ได้แก่ สัมพันธภาพ ตลอดจน เมตตา การให้อภัย และการรู้จักขอโทษ

ยิ่งการทำงานเป็นหมู่คณะด้วยแล้ว นอกจากสัมพันธภาพแล้ว การเติบโตของแต่ละคนก็เป็นเรื่องสำคัญ บ่อยครั้งการทำงานผิดพลาดเป็นเรื่องจำเป็นเพราะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ แต่ถ้าผู้บังคับบัญชาเอาจริงเอาจังกับความถูกความผิดมากเกินไป ลูกน้องทำผิดพลาดเป็นไม่ได้ ต้องมีการเอ็ดตะโรอาละวาด ลูกน้องย่อมขาดความมั่นใจและไม่กล้าทำอะไรเลย มีผู้บังคับบัญชาจำนวนไม่น้อยที่ทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องเข้ามาคุมงานด้วยตนเอง ไม่กล้าปล่อยให้ลูกน้อยรับผิดชอบ ผลก็คือลูกน้องไม่เติบโต
กรณีข้างต้นเป็นปัญหาของคนเก่ง ส่วนคนดีก็มีปัญหานี้เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นคนอื่นมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐานของตน มักจะทนไม่ได้ ต้องมีการว่ากล่าวกัน การติเตียนนั้นเป็นสิ่งจำเป็น แต่บ่อยครั้งเนื่องจากมีความยึดติดในความถูกต้องมากเกินไป การติเตียนจึงเป็นไปอย่างรุนแรงและเต็มไปด้วยอารมณ์ ผลคือเกิดความร้าวฉาน นี้คือเหตุผลว่าทำไมคนดีถึงรวมกันไม่ค่อยได้นาน ส่วนคนชั่วนั้นมักรวมกันได้ยั่งยืนกว่า นั่นก็เพราะเขาไม่ค่อยใส่ใจกับความผิดของกันและกัน สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าได้แก่ผลประโยชน์ร่วมกันที่รออยู่ข้างหน้า

คนดีนั้นสามารถรวมตัวกันได้อย่างยั่งยืนหากไม่ยึดมั่นถือมั่นหรือเอาเป็นเอาตายกับความถูกความผิดของคนอื่นมากเกินไป จนลืมนึกถึงจุดมุ่งหมายที่เป็นอุดมคติร่วมกัน คนดีนั้นมารวมกันเพื่อทำสิ่งที่ดีงาม เช่น การฝึกฝนพัฒนาตนร่วมกัน หรือการช่วยเหลือสังคม เป็นต้น การระลึกนึกถึงจุดมุ่งหมายดังกล่าวอยู่เสมอ จะช่วยให้เราพร้อมให้อภัยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่ขยายความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนอยู่ด้วยกันไม่ได้ หรือคาดคั้นความผิดของคนอื่นจนมองหน้ากันไม่ติด

ความยึดมั่นถือมั่นมักก่อให้เกิดโทษ แม้สิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นนั้นจะเป็นความดีก็ตาม เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นในศาสนาใช่ไหมที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างศาสนิกมาโดยตลอด เป็นเพราะความยึดมั่นถือมั่นในพระเจ้าของตนใช่ไหมจึงเกิดคนอย่างบินลาเดนขึ้นมาทั่วโลก จะยึดถือความดีหรือความถูกต้องเพียงใดก็ตาม อย่าลืมสติ เมตตา การให้อภัย ตลอดจนจุดมุ่งหมายของชีวิตและการอยู่ร่วมกันในสังคมก็แล้วกัน

พระไพศาล วิสาโล
(สารคดี กันยายน ๒๕๔๘)


*** ยาวหน่อยนะครับ หกปีแล้วสำหรับบทความนี้ ยังทันสมัยอยู่เสมอ ถ้าเห็นว่ามีคุณค่าพอที่จะน้อมเรียนท่านทั้งหลาย ก็โปรดอ่านซักสองสามรอบนะครับ ด้วยความเคารพจาก eeman

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

ย่องมาฟัง...

03/09/2011 09:36:46
0
คนเรามักมี 2 ด้านเสมอ...... "ย่อง"ก็เพิ่งเคยเจอก็วันนี้ สวดยวดครับพี่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

echo

03/09/2011 10:07:16
0
กาลครั้งหนึ่งเมือ ผบ.ของท่านอีแม้นไปธุระ ตจว.5วัน ปล่อยให้ท่านอีแม้นอยู่กับสาวใช้ อวบอึ๋มขาวเด้งเนียนตามลำพัง ในวันแรกท่านอีแม้นพยายามสะกดพลังงู9หัวในตัว(เหมือนนารูโตะ) ไว้ได้ แต่หลังจากได้ยินเสียงสาวใช้อาบน้ำร้องเพลงในวันที่3 ก็ไม่สามารถผนึกงู9หัวได้ต่อไป จึงได้ย่องไปกระทำการ .................(เซนเซอร์ภาพเบลอๆ......................)

ในขณะนั้น ท่านผบ.ได้เสร็จธุระเร็วกว่ากำหนดกลับมาบ้านไม่เห็นใคร จึงได้เข้าไปในห้องสาวใช้ เห็นท่านอีแม้นกำลัง .................(เซนเซอร์)...............

ท่านผบ. " ทำไรกันอยูจ้ะ พี่อีแม้นย์"
ท่านอีแม้น " เอ่อ.....อ่า....... พี่กะลังสอนน้องเขานวดอ่ะจ้า เผื่อวันหนังจะได้นวดให้คุณไง"
ท่านผบ. "แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อผ้ากันจ๊ะ"
ท่านอีแม้น "คือ คือ.... เอ่ออออ พี่กลัวเสื้อจะยับ แล้วก็มันร้อนจ้าาา"
ท่านผบ. " อ๋อ งั้นตอนนี้ก็นานแล้ว ใส่เสื้อผ้าซะประเดี๋ยวจะเป็นหวัด แล้วไปกืนข้าวกันได้แล้ว"

แบบนี้หรือเปล่าครับ ท่านอีแม้นย์ อิอิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

eeman2

03/09/2011 10:13:58
0
ถามว่าถ้าตอนนี้ขอพรได้หนึ่งข้อเท่านั้น ผมจะขอให้พี่ echo มีวาจาสิทธิ์ พูดอะไรออกมา จะเป็นจริงทู๊กอย่างไป ซ๊าธุ ....... 555555

แต่ว่าขอเป็นสองคนได้มั๊ยพี่ เอาหน้าออกไปทางญี่ปุ่นคน เกาหลีคนนะๆๆๆๆๆ ไหนๆจะให้พรกันแล้ว อิอิย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

เบียส

03/09/2011 10:24:50
11
จัด2 เลยเหรอครับพี่ 55555...............…อิ อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

eeman2

03/09/2011 10:29:36
0
พี่ echo ครับ ขอสี่เลย อึ๋มๆหน่อย ใส่นมเยอะๆ ผมจะเผื่อให้เฮียย์เบียสแกคู่นึงด้วยครับ (คู่นึง = สี่เต้านะครับเฮียย์เบียส 555)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

oname2

03/09/2011 10:33:00
3
โอ้..จะจัดปาร์ตี้หมู่เลยหรอครับพี่ eeman......^-^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

echo

03/09/2011 10:48:03
0
ขอไวอากร้าสักกุรุสก่อนดีไหมครับ ...............ฟิ้วววว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

eeman2

03/09/2011 10:53:34
0
เข้าท่าครับ แจกหน้างาน พร้อมน้องๆเลย 5555

เอ้ากลับฝั่ง แฟนคลับไม่กล้าเมนท์แล้ว ทู้นี้เราต้องไว้เชิงกันหน่อยพี่น้อง เดี๋ยวไปต่อกันที่ขาวเด้ง อิอิย์

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

eeman2

03/09/2011 23:50:29
0
ดันครับ สำหรับเช้าวันอาทิตย์ อิอิย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

jomjomjom

04/09/2011 01:07:30
5
เมื่อวันศุกร์ ผมลงจากตึกเดินไปกินข้าว
ระหว่างทาง พบลูกหนูตัวเล็กๆ นอนตะแคงนิ่งๆอยู่ข้างๆท่อระบายน้ำ ดูเหมือนว่าจะตกลงมา ดูสภาพภายนอกไม่มีร่องรอยบาดแผล ลองเขี่ยๆดู ... มีขยับๆเล็กน้อย ... แต่ก็คง...​ไม่รอด ...​ บาดแผลคงอยู่ข้างใน

ผมไม่รู้ทำไงดี ....​ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ มันคงโดนรถทับตาย ผมรู้ว่ามันต้องตายแน่ๆอยู่แล้ว ... แต่ ไม่อยากให้มันโดนทับตาย .... ครั้นจะเอามือจับ ก็กลัว จะเอาเท้าเขี่ยเข้าข้างทางก็กลัวมันเจ็บ ...

ก็เลยให้น้องที่มาด้วย ยืนเฝ้าไว้ ..​ผมก็วิ่งไปหาที่ตักขยะกับไม้กวาด มาตักมันไป ...

พอดีแถวนั้นมีศาลพระภูมิ ...​ก็เลยจะเอามาวางไว้ใต้ศาล ...​ พอวางไว้ ... มองไปรอบๆ ... เฮ้ย มีมดหวะ ... เดี๋ยวมันโดนกัด เจ็บ ทรมานจนตาย ...​

ผมเลยย้ายมัน ... มาวางไว้ในกระถางต้นไม้แถวนั้น ที่ตรวจสอบดูแล้วไม่มีมดแน่นอน ... แดดส่งไม่โดน จะได้ไม่ร้อนตาย ...

และเมื่อมันตาย มันก็จะได้เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ต้นนี้ ...​

พอจัดการเรียบร้อย ... หันไปมองดูน้องที่มาด้วย .... มันทำหน้า งงๆ ....

ผมเลยบอกมัน ...​ มอง ที่นี่ อะไร ... ไปกินข้าวกันดิ รอไรวะ ... 5555

....

แบบนี้ เรียกว่า ยึดติด ไม่ปล่อยวาง ได้ไม๊ครับ ...​ผมพยายามเดินเลยไปแล้ว ... แต่ก็ต้องเดินกลับมาครับ
พี่อีแม้นนยย์ โปรดชี้แนะครับ ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

pap

04/09/2011 01:25:45
0
ชอบมากเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

pap

04/09/2011 01:56:45
0
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมาก ขออนุญาติร่วมแจมครับ

อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง

วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ...
ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ....
ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ
แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง ..
แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด
แม้จากระยะไกลฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ
และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความหวาดหวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ
พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้
และหนังสือเล่มนั้นก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง
แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก .. ..
สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก
แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน พ่อกลับนั่งลง
หยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้ ..
แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง
พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า " ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ "
ต่อไปนี้ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด
พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก
ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย
เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน " ว้าว ..."
ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ ? นานๆ ครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้
มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น
ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น ซึ่งนั่นก็คือ ' คนที่เรารัก
ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ ' ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ...
ในแต่ละวันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ
เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ แต่
มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอ
แถมด้วยคำพูดว่า " เดี๋ยวผมเทเองก็ได้ " นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก
น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน
เพราะอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า
ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่อผมหยิบเสื้อตัวนี้มาใส่อีก
ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ
และได้คิดถึงทุกครั้งว่า ภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด อยากปรนนิบัติเอาใจ
(จนเทซอสหกใส่ผม ) แต่ว่าคราวหน้าที่เราออกมาทานข้าวข้างนอกกัน
ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั่งล่ะ ( ทีนี้ตาผมมั่ง )
แบบนี้รอยยิ้มจากหัวใจของเธอก็เริ่มโบยบิน
และแค่นี้คุณได้ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้วล่ะ
สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่นาฬิกาเรือนละแสน หรือเนคไทเส้นละหลายพัน
แต่เป็น ความอบอุ่นในหัวใจที่คุณรู้ว่า ...
มีใครคนหนึ่งเฝ้ารักเฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
เหมือนดังเรื่องของพ่อ ... เมื่อพ่อขอบคุณพระเจ้า ...
ที่ประทานเด็กน้อยคนนี้มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ
พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า ...

' อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง '

ขอขอบคุณบทความดีๆ จากเวป http://www.lks.ac.th/kukiat/foryou.html
มา ณ ที่นี้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

eeman2

04/09/2011 10:00:48
พี่ทศย์ครับ

ในมุมมองศาสนาพุทธในบ้านเราอาจจะบอกว่า ทศย์เป็นคนมีเมตตา กรุณา

ในมุมมองของลัทธิเต๋า ก็บอกได้ว่า อะไรที่ทำแล้วไม่ฝืนต่อธรรมชาติ ไม่ฝืนค่อความดีงาม ก็จงทำไป

ในมุมมองของพุทธวชิญาณ ที่เน้นเรื่องความรักและความเมตตาต่อสรรพสัตว์ ก็บอกได้ว่าพี่ทศย์ทำดีแล้ว ที่เรามีจิตเมตตาต่อสัตว์โลก

ในมุมมองคนฉลาดอาจมองว่าเป็นเรื่องโง่ๆ ทำไปทำไมให้เสียเวลา ยังไงมันก็ตายอยู่แล้ว อย่าไปยุ่งกับมัน แกล้งทำมองไม่เห็นซะ เพราะการเคลื่อนย้ายมัน อาจทำให้มันเจ็บมากกว่าเดิมอีก รู้ได้ยังไงว่ามันสบาย

แต่ในหลักการใช้ชีวิตของผม ผมบอกได้แค่ว่า ถ้าไม่หลอกตัวเราเองแล้ว อะไรที่เราทำแล้วสบายใจ ก็ทำไปเถอะครับ บ่อยครั้งที่ผมทำเรื่องโง่ๆในสายตาคนฉลาด บ่อยครั้งที่ผมยอมโดนเอาเปรียบโดยไม่ตอบโต้ เพราะพบว่าถ้าปล่อยซะ เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และมันก็ไม่มีเรื่องมีราวต่อ คนเราจะฉลาดอะไรกันทุกเวลา ทำเรื่องโง่ๆบ้างในบางครั้ง แต่รักษามงคลชีวิตและความมีน้ำใจเอาไว้เป็นหลักในการใช้ชีวิต ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนอะไรที่ดูแล้วเกินกำลัง หรือทำให้เราทุกข์อีกแบบแทน ก็ต้องมาดูกันด้วยเหตุผลล่ะครับ เช่นถ้าตอนที่ไข้หวัดนกกำลังระบาด แล้วเจอนกพิราบดิ้นตะแหง่วๆอยู่ข้างถนน เราจะทำยังไง 5555 อันนี้คิดแบบคนโง่ไม่ได้ครับ แกนสมองบอกไม่ต้องคิดเผ่นสถานเดียว

มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ท่านมีข้อคิดไว้ว่า มือมนุษย์เรา หยิบจับยึดถือของไว้ได้ไม่กี่เกินกว่าที่กำลังและขนาดมือจะทำได้ แต่จิตมนุษย์นี่ยึดได้หมดทุกอย่าง อะไรก็ของกู แม้แต่โลก แม้แต่อากาศก็ของกู กูยอมแบ่งให้คนอื่นใช้ด้วยได้ แต่คนคนนั้นก็ต้องเป็นพวกกู กูรักใครต่อใตร แต่มันก็ต้องรักกู ต้องเป็นพวกกูด้วย ไม่งั้นกูก็ไม่รักมัน ทุกอย่างของจิคมนุษย์ เริ่มต้นที่"ตัวกู และของกู" ทั้งสิ้น เหตุแห่งทุกข์ก็เริ่มที่ตรงนี้เช่นกัน

เพื่อเป็นการละตัวกู ของกู ท่านเทพคะเณาจึงหมั่นบริจาคทรัพย์ออกไปเสมอๆ เพื่อใชจุนเจือหนูที่กำลังลำบาก บางครั้งก็หาที่อยู่ให้ด้วย และเพื่อเป็นการไม่ยึดติด สักพักท่านเทพก็จะ"ปล่อย"หนูเหล่านั้นไปตามทางชีวิตต่อ คาดว่าอีกไม่นาน ท่านเทพคะเณาคงบรรลุธรรม แต่ตอนนี้ท่านก็บรรลุจุดยอดอยู่เป็นประจำ และท่านก็เมตตาต่อหนูที่น่าเอ็นดู ให้บรรลุพร้อมกับท่านไปด้วย ทีละสองมั่ง ทีละสามมั่ง ซ๊าธุต่อท่านเทพคะเณา .......
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

gonpunapy

04/09/2011 18:12:17
0
โดนใจเลยครับ T^T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

eeman2

04/09/2011 23:17:34
0
ลาภ-เสื่อมลาภ สัจธรรมชี้กำหนด
ยศ-เสื่อมยศ บริบท ปรากฎเห็น
สรรเสริญ-นินทา พาลำเค็ญ
สุข-ทุกข์ ย้ำเน้น ให้เห็นจริง
ธรรมคือคุณากรอมรรัตน์
เมื่อรู้แจ้งแจ่มชัดก็หยุดนิ่ง
เป็นหยุดในเคลื่อนไหว ไม่ประวิง
และเป็นวิ่งในหยุด จุดแห่งธรรม

วิสา คัญทัพ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

vinland

05/09/2011 12:49:01
1
อ่านกระทู้โน้น แล้วมาอ่านกระทู้นี้ ดูชื่อคนโพสต์ แล้วไม่อยากจะเชื่อสายตา


ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ ขออนุญาต แบ่งปันให้ผู้อื่นต่อนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

eeman2

05/09/2011 23:42:42
0
เอ้า ... ดันกลับขึ้นมาก่อน แล้วค่อย"ปล่อย"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

oname2

05/09/2011 23:48:19
3
กระทู้นี้เป็นพี่ eemanย์ย์ด้านสว่างครับ ส่วนอีกกระทู่(หลายๆกระทู่เป็นด้านมืดครับ )แต่ทำไมเข้าไปดูกระทู้ขาวเด่งที่น่าจะเป็นด้านมืดถึงได้ขาวแสบตาเลยก็ไม่รู้ครับ...อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

montree2511

10/09/2011 10:24:12
0
...ขออนุญาตพี่แม้นย์...

ทุกกรณีที่เกิดขึ้นผมว่ามีบทสรุปหมดแล้วครับ...ทีนี้ติดของน้าทศย์นิดเดียว...ขออนุญาตตรงนี้อธิบายนิดนึงครับ...

เมื่อวันศุกร์ ผมลงจากตึกเดินไปกินข้าว
ระหว่างทาง พบลูกหนูตัวเล็กๆ นอนตะแคงนิ่งๆอยู่ข้างๆท่อระบายน้ำ ดูเหมือนว่าจะตกลงมา ดูสภาพภายนอกไม่มีร่องรอยบาดแผล ลองเขี่ยๆดู ... มีขยับๆเล็กน้อย ... แต่ก็คง...​ไม่รอด ...​ บาดแผลคงอยู่ข้างใน

ผมไม่รู้ทำไงดี ....​ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ มันคงโดนรถทับตาย ผมรู้ว่ามันต้องตายแน่ๆอยู่แล้ว ... แต่ ไม่อยากให้มันโดนทับตาย .... ครั้นจะเอามือจับ ก็กลัว จะเอาเท้าเขี่ยเข้าข้างทางก็กลัวมันเจ็บ ...

ก็เลยให้น้องที่มาด้วย ยืนเฝ้าไว้ ..​ผมก็วิ่งไปหาที่ตักขยะกับไม้กวาด มาตักมันไป ...

พอดีแถวนั้นมีศาลพระภูมิ ...​ก็เลยจะเอามาวางไว้ใต้ศาล ...​ พอวางไว้ ... มองไปรอบๆ ... เฮ้ย มีมดหวะ ... เดี๋ยวมันโดนกัด เจ็บ ทรมานจนตาย ...​

ผมเลยย้ายมัน ... มาวางไว้ในกระถางต้นไม้แถวนั้น ที่ตรวจสอบดูแล้วไม่มีมดแน่นอน ... แดดส่องไม่โดน จะได้ไม่ร้อนตาย ...

และเมื่อมันตาย มันก็จะได้เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ต้นนี้ ...​

พอจัดการเรียบร้อย ... หันไปมองดูน้องที่มาด้วย .... มันทำหน้า งงๆ ....

ผมเลยบอกมัน ...​ มอง ที่นี่ อะไร ... ไปกินข้าวกันดิ รอไรวะ ... 5555

....

แบบนี้ เรียกว่า ยึดติด ไม่ปล่อยวาง ได้ไม๊ครับ ...​ผมพยายามเดินเลยไปแล้ว ... แต่ก็ต้องเดินกลับมาครับ
พี่อีแม้นนยย์ โปรดชี้แนะครับ ...

ตอบ...เมตตาครบ กรุณาครบ มุฑิตาครบ...แต่อุเบกขา...ครบหรือไม่....
ประเด็นมีนิดเดียวครับ...น้าทศย์ "กังวล" ไหม...ถ้าติดกังวล...แปลว่า ...ติดอยู่กับนิวรณ์
บ่ายนั้นคงทำงานแบบไม่เต็มร้อย...เพราะใจจดจ่อกับ "หนู" ตัวนั้น...ไม่ถึงกับทุกข์...
แต่ก็คงไม่สบายใจนัก...
วิธีแก้ คงต้องถามตัวเองว่า...เรา ...ทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม...น้าทศย์มีคำตอบครับ...
ว่ามี หรือ ไม่มี...ถ้ามี น้าทศย์คงทำไปแล้ว...ถ้าไม่มี...ก็คงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้...
เพราะที่แล้วมา ทำถึงที่สุดแล้ว...ทำเต็มที่แล้ว...ในฐานะที่น้าทศย์เป็นได้ ณ เวลานั้น...
ผมว่า "คำตอบ" มีอยู่ในใจน้าทศย์แล้วนะครับ...กระทั่งถึงตอนนี้ก็ตาม...

ด้วยความเคารพครับผม...

ขอให้มีความสุขกับวันหยุดต้นเดือนคร๊าบบบ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

eeman2

11/09/2011 00:45:04
0
ซ๊าธู๊ครับ ท่านอามัคทายก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

eeman2

18/12/2011 20:54:25
0
อยากให้ใครบางคนที่กำลังร้อนๆอ่านดูอีกทีจ้าาาา

เป็นห่วง เดี๋ยวความเครียดจะขึ้นสูงปรี๊ดดดดดดด


...............@@...............
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

Eviltwins

18/12/2011 21:53:59
0
ไม่มีขาอ่อน เราไม่นอน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

eeman2

11/04/2012 22:01:51
0
พักนี้อากาศร้อนเน๊อะ ....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

Mr.Burst

12/04/2012 09:55:01
3
อ่านกระทู้นี้แล้วผมไม่ต้องไปวัดกันล่ะ...

อนุโมทนาสาธุ...ด้านสว่างของทุกท่านบังเกิดแล้วววววว....

^_________^ อามิตตาพุทธ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

นายมั่นคง

12/04/2012 12:10:32
4,294
มีความสุขกับธรรมะทุกๆๆท่านนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

เหน่งบา

05/08/2013 23:50:01
0
ท่านeeman2อุตส่าห์แนะนำลิงค์ให้
มันก็ต้องดันกระทู้ดีๆอย่างนี้หน่อยละครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

aor

06/08/2013 15:32:39
8
สุดยอดเลยครับพี่อีแม้น
ออกพรรษาเชิญพบปะสนทนาธรรมหน่อยนะครับท่าน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

eeman2

06/08/2013 17:03:12
0
ค๊าบบบบ ท่านพี่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"eee การใส่ใจกับถูก/ผิดเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเอาเป็นเอาตายกับมันมากเกินไป เราจะกลายเป็นทาสอาร"