Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

สาย Sync มีผลกับเสียงไหมครับ

oxide

23/04/2011 18:45:01
0
สงสัยว่าสาย Sync ที่เชื่อมต่อ ระหว่าง Comp กับ Player
ถ้ามีการ Modify โดยใช้สายที่มีคุณภาพดีขึ้น ถ่ายโอนเพลง
ตอนเราฟังเพลงจาก Player ด้วยหูฟัง หรือ ต่อออก Amp
จะทำให้เพลงที่เล่นจาก Player เสียงดีขึ้นหรือเปล่าครับ
(จะเหมือนที่เราโม สายหูฟัง หรือ สายสัญญาณ หรือเปล่าครับ)
แล้ว
เพลง Lossless ทั้งหลายที่ Downlod จาก Internet มา
กับ Rip เอง คุณภาพเสียงจะต่างไหมครับ
(ถ้าขนาด File ที่ Rip เท่าๆกัน Rate เท่าๆกัน)

ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

crocodiejr

23/04/2011 18:54:59
0
พี่มดตอบได้ครับ

แต่ที่แน่ๆ เค้าว่ามีผลครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

sit39

23/04/2011 19:20:35
0
อ้าวยังไม่ได้ออกตัวไปคลองถมอีกเหรออออเจน 555555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

ผ่านมา

23/04/2011 21:14:04
น่าจะมีผลในด้านจิตใจมากกว่า

การถ่ายเทข้อมูลอาจดีกว่า แต่คิดว่าไม่ได้ทำให้เสียงดีขึ้น เหมือนกับเปิดน้ำรองไปในถัง สายยางเส้นใหญ่ดีกว่าเร็วกว่าเส้นเล็กแน่นอน แต่ปริมาณน้ำที่ถ้ายมาเต็มถังที่บรรจุเช่นกัน คือได้ไฟล์เพลงหรือไฟล์ข้อมูลเดียวกัน(ขนาดเดียวกัน)

ต่างจากสายไฟ สายสํญญาณ และสายลำโพง ครับ มีผลกับเสียงแน่นอน เพราะมีการแปลงสัญญาณเสียง +กระแสไฟ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

Mr.Burst

23/04/2011 21:21:16
3
อยากให้มีการพิสูจน์เหมือนกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

จุดจุดจุด

23/04/2011 21:41:36
(อ้างอิงมา) ถ้ามีผลจริง การก็อปไฟล์จากโฟลเดอร์หนึ่งไปอีกอันก็ต้องทำให้เสียงต่างละครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

MOD91

23/04/2011 22:06:48
6
กำลังส่งไปลองจ้า เดี๋ยวก้อรู้ Mr.Burst เดี๊ยวส่งไปให้ลองเน้อ มันมีผลครับ ไม่งั้นสายยี้ห้อดังราคาแพงๆ เส้นล่ะ เหยียบ 20000 เขาคงไม่กล้าทำออกมาขายมีคนพิสูจน์แล้วมันฟังออกชัดเจน เทียบเพลงต่อเพลง เพียงแต่บ้านเรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไร สายทุกชนิดทั้งสายไฟสาย สัญญาณ สาย โอนถ่ายข้อมุล ดิจิตอล เช่นสาย USB -ZATA มีผลในระบบหมดครับ ถ้าท่านเคยแกะเครื่องอุปกรณ์ ที่ใช้ ในวงการแพทย์ กับ ทหาร เขาจะให้ความสำคัญกับสายทุกชนิดที่อยู่ในเครื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นสายเงิน ทั้งเครื่อง สายเงินที่มีขายตามท้องตลาดกับสายเงินที่ใช้ใน อุปกรณ์ การแพทย์ หรือ ทหาร เกรดก็ต่างกันครับ สายแต่ละเส้นจะมีโค๊ทสีระบุไว้ อย่างชัเจน ไม่ต้องบอกนะครับว่าราคาเครื่องพวกนี้ เท่าไร เพราะเน้นคุณภาพ และความเที่ยงตรง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

lam89

23/04/2011 22:11:53
0
ขอตอบตามหูตัวเองครับผมว่ามีผลครับเพราะผมลองเอาสาย usb แบบ a-b mini แบบโมมาลองเรียกว่าบังเิอิญเพราะสายเก่าหายแล้วลองลงเพลงใส่เครื่องเพลงเดียวกันแล้วลองฟังดูเสียงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแต่มันมีปัจจัยหลายอย่างคือ ไฟล์เพลงต้องดีมาก เครื่องเล่นกับหูที่มันแสดงพลังได้เต็มที่เห็นจริงๆๆครับ ตอนแรกนึกว่าคิดไปเองให้เพื่อนฟังต่างจริงๆๆ ของพวกนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ปล.เป็นความเห็นส่วนตัวที่ได้รับครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

MOD91

23/04/2011 22:46:48
อีกอย่างนะครับ ถ้าคนที่คลุกคลีอยู่กับสาย สัณญาณ หรือ พวกสายไฟ

สายเล็กใหญ่ไม่ใช่ปัจจัยเสมอไปครับ สาย เส้นเท่า เข็ม แต่คุณภาพดี ผลของ

การนำสัญญาณ ก็ดีกว่าสายคุณภาพต่ำที่ เส้นใหญ่ๆ

เหมือนกันครับ สายยางที่

สกปรก หรือน้ำที่ขุ่นและมีตะกอน มันย่อมใหลช้ากว่าน้ำที่สะอาด เรื่องของ

เสียงมันมีปัจจัยหลายอย่างครับ แต่อย่าไปฟังทีเขาเล่ามาหรือเชื่อตาม

ทฏษฎี อย่างเดียว เพราะเรื่องของเสียง มันค่อนข้างต้องให้การลองผิดลอง

ถูก เช่น การผลิตแอมป์ แม้จะสร้างแอมป์ที่ถูกต้องตามทฏษฎี ทุกอย่าง ใช้

อุปกรณ์ที่ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด แต่เสียงกลับไม่ดี วงจรเดียวกัน ลอกมาจาก

วงจรแอมป์ยี้ห้อแพงๆ ใช้อุปกรณ์ เหมือนของเดิม หรือดีกว่าของเดิม แต่

เสียงกลับสู้ของแท้ไม่ได้ เพราะผู้ผลิตแต่ล่ะคนล้วนอาศัยประสพการณ์ และ

เทคนิคต่างกัน ฉะนั้นของพวกนี้ต้องลองด้วยตัวเองครับถึงจะรู้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

นายมั่นคง

23/04/2011 22:52:05
4,294
ตอบแบบกึ่งมั่วๆๆ เน้อ 555

คือโดยหลักการแล้ว การส่งถ่ายสัญญาณดิจิตอลนั้น พวกตัวแปรอย่างสายสัญญาณ ไม่ควรจะมีผลต่อคุณภาพเสียง เพราะยังไงข้อมูลส่งไปครบๆ แน่นอนจ้า แต่สายที่มีคุณภาพดีนั้น สามารถลด Jitter หรือสัญญาณขยะต่างๆ ที่เกาะแข้งเกาะขาไปตามสายส่งสัญญาณล่ะจ้า (อันนี้เจ้าของสายดิจิตอลยี่ห้อ Black Cat เค้าบอกว่าสายที่ยิ่งลด Jitter ได้น้อยสุดคือดีสุดจ้า)

สรุปคือเห็นผลคร้าบบบ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ร่วมอื่นๆๆ ด้วยจ้าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

Mr.Burst

23/04/2011 23:04:25
3
(งั้น....ถ้า) ตอบแบบกึ่งเรทๆ เน้อ 555

คือโดยหลักกามแล้ว การส่งถ่ายสารหลั่ง พวกมุ้งหมอนที่นอน ไม่ควรจะมีผลต่อคุณภาพเสียว เพราะยังไงสารหลั่งส่งไปพรวดๆ แน่นอนจ้า แต่แท่งส่งสารหลั่งคุณภาพดีน้้น สามารถลด Gap หรือช่องว่างระหว่างขนาดของแท่งหลั่งสารกับตัวรับสาร (อันนี้เฮียมั่นคงเจ้าของบอร์ด Munkonggadget เค้าบอกว่า ยิ่งช่องว่างน้อยแสดงว่าสร้างแรงเสียดสีได้ถึงใจจ้า)

สรุปคือเห็นขนครับ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เครื่องช่วยอื่นๆๆ ด้วยจ้าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

หนึ่งจุดแดง

23/04/2011 23:09:11
ถ้ามีผลจริง การก็อปไฟล์จากโฟลเดอร์หนึ่งไปอีกอันก็ต้องทำให้เสียงต่างละครับ


เห็นด้วยว่าสายที่มีคุณภาพดีนั้น สามารถลด Jitter หรือสัญญาณขยะต่างๆ ที่เกาะแข้งเกาะขาไปตามสายส่งสัญญาณ แต่อันนี้จะมีผลต่อเสียงที่เป็น output เช่น เครื่องเสียง ไป dac ครับ

กรณีสาย sync นำไฟล์เพลงเข้าเครื่องเสียงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

หนึ่งจุดแดง

23/04/2011 23:36:49
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

หนึ่งจุดแดง

23/04/2011 23:37:43
Jitter เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกการเพี้ยนทางเฟส (ความถี่) ที่เกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายอย่าง มองว่าเป็น noise ในเชิงความถี่ก็ได้

....jitter คือ ความผิดพลาดทางเวลาของข้อมูลดิจิตอล เนื่องจากระบบดิจิตอลใช้สัญญาณที่มาเป็นช่วง ๆ เป็นจังหวะที่รวดเร็วมาก ข้อมูลที่อ่านมาจากแผ่นซีดี นั้นมีจำนวน 4.3218 ล้านบิท/วินาที และถ้าหากนับเป็นชุดของสัญญาณนั้น เป็น 7,350 ชุดต่อวินาที การแบ่งซอยช่วงเวลานั้นถี่มากเหลือเกิน ในหนึ่งวินาทีซอยออกได้เป็นล้าน ดังนั้นความเที่ยงตรงของจังหวะเวลาจึงมีความสำคัญมาก และในทางปฏิบัตินั้นยากมากเอาการอยู่ที่จะควบคุมมันสามารถให้เที่ยงตรงความ ถูกต้องตามที่ต้องการ และถ้าหากสัญญาณ clock มาผิดเวลา ผิดจังหวะ สัญญาณที่ออกจาก DAC ก็จะผิดเวลาไปด้วยถ้าสัญญาณ clock ที่มาช้าเกินไป สัญญาณจาก DAC จะเปลี่ยนระดับช้าไปด้วยช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนไม่สม่ำเสมอของสัญญาณ clock จะทำให้สัญญาณผิดรูปแบบอาจจะผิดรูปแบบไปอย่างซับซ้อน ยิ่งสัญญาณแรงยิ่งความถี่สูง โอกาสที่จะผิดพลาดจาก Jitter ก็ยิ่งรุนแรงตามไปด้วย


......ดังนั้นการ ทำ reclocking หรือ จัดสัญญาณ clock ใหม่ โดยใช้เทคนิคทางดิจิตอลอาจทำได้โดยการเทียบจังหวะของสัญญาณ clock และใช้วงจร pnase lock loop หรืออาจทำได้ โดยวิธี track-and-hold ซึ่งหมายถึงดักสัญญาณไว้ก่อนเทียบเวลาใหม่แล้วปล่อยออกไป ทั้งสองวิธีนี้อาจลด Jitter ได้ หรืออาจทำให้เกิด Jitter ในรูปแบบใหม่ขึ้นมาแทนที่ได้ อันเนื่องจากความซับซ้อนของขบวนการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการยากที่จะควบคุมมัน


......ซึ่งผลจาก jitter นี้ทำให้การแปลงสัญญาณจากดิจิตอลกลับมาเป็นอนาล็อกเกิดความผิดพลาดตามมา นั่นหมายความว่าเราจะได้สัญญาณที่ไม่ตรงกับต้นฉบับออกมาฟังเสียงกันล่ะ หากมองในทางลักษณะของรูปคลื่นสัญญาณนั้น อาจเป็นคลื่นที่โย้เย้ บิดเปี้ยว ขรุขระ พิกลพิการ ไม่ต่อเนื่องที่ควร ผลทางเสียงจะ ปรากฎออกมาที่ทำให้เสียงจัดได้ในช่วงความถี่สูง และช่วงที่สัญญาณมีกำลังอ่อน ทำให้เสียงมีอาการกระด้าง ระคายหู ขาดความรู้สึกอันเป็นธรรมชาติ ว่างั้น ลองนึกถึงพวกเครื่องรราคาถูกจากจีนแดงสิครับ เสียงจะเป็นลักษณะอย่างนั้นแหละครับ แล้วยังส่งผลต่อคุณลักษณะของเสียงอีกสารพัด ฯล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

bb

23/04/2011 23:41:07
0
ตามหลักการไม่มีผลเพราะส่งเป็นไฟล์ดิจิตอล แต่ความเป็นจริงมักไม่ตามหลักการเสมอไป ดูตัวอย่างเช่นสาย lan คุณภาพห่วยๆ กับคุณภาพเกรดพรีเมี่ยมถ้าจับ traffic รู้เลยว่าสปีดต่างกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

หนึ่งจุดแดง

23/04/2011 23:45:52
เรื่องของสาย lan เป็นคนละกรณีกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

FolkTrance

24/04/2011 00:03:40
3
เคยอ่านเจอเรื่องสายสัญญาณ แต่กรณีของผมเป็นสาย USB cable A to mini น่ะครับ

ซึ่งในเว็บ TAF มีคนนึงบอกไว้ว่า การส่งข้อมูลแบบ Digital ผ่านทาง USB ไปที่ DAC มันเป็น Protocol ที่ต่างกับ protocol ในการส่งข้อมูลไฟล์ทั่วไป คือเป็นการส่งแบบไปแล้วไม่การันตีว่าจะได้ครบหรือไม่ ซึ่งต่างกับการส่งข้อมูลไฟล์ซึ่งหากไฟล์ปลายทางไม่ครบหรือมีการดรอปของข้อมูลจะทำการส่งใหม่อีกครั้ง (ซึ่งเขาว่าให้ลองเอาสาย USB cable ดีๆทำการแข่งโอนข้อมูลกัน สายที่คุณภาพดีกว่า จะทำให้การส่งข้อมูลปริมาณมากเสร็จก่อน)

ซึ่งก็สรุปได้ว่าการส่งข้อมูลเสียง(ไม่ใช่ไฟล์)จะมีผลต่อคุณภาพของเสียงด้วย ซึ่งสายสัญญาณที่ดีๆ จะช่วยลดการดรอปของสัญญาณกัน Noise เป็นต้นด้วยน่ะครับ

ส่วนตัวตอนนี้ผมก็ใช้สายของ Furutech GT2(ลด30% ในงานBangkok Hifi) เสียบกับ DAC อยู่เหมือนกัน มีโอกาสได้ลองสลับสาบแถมกับสาย Furutech เพียงครั้งเดียวก็รู้สึกว่าต่างเหมือนกัน คือมีความนิ่ง และเสียงมีรูปร่างที่คงและเสียงยิ๊บย้อยในเพลงที่ฟังประจำก็ได้ยินชัดขึ้นหน่อยๆ อาจจะ + กับอุปทานส่วนตัวด้วย แต่เห็นผลจนรู้สึกได้

มีคนเอาสาย Furutech ต่อกับ HD Player เขาว่าได้ภาพที่ชัดขึ้นในการแสดงสีสันด้วย (ก็ไม่รู้ว่าจริงไหมนะ =_=)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

oname2

24/04/2011 00:33:46
3
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับผม.......
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

wichit

24/04/2011 00:44:50
ปลี๊กไฟ สายไฟ กระแสไฟ สายสัญญาณเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ในชุดเครื่องเสียงทั้งหมด (ใช้งานในระหว่างดูหนังหรือฟังเพลง) ล้วนมีผลกับเสียง กรณีของ FolkTrance ก็อยู่ในกรณีนี้ครับ

แต่การนำไฟล์เพลงจากคอมพ์เข้าplayer(ก่อนดูหนังหรือฟังเพลง) เป็นคนละกรณีกัน ไม่ว่าจะผ่านเข้าโดยไร้สาย usb1 หรือ usb2 แม้กระทั่ง usb3 หรือจากการผ่านฮาร์ดดิสที่มีความร็ว ความจุต่างกัน สายแพร์ธรรมดา หรือ sata1 2 3 (ซึ่ง่ความเร็วและประสิทธิภาพในการส่งไฟล์ต่างกันเห็นได้ชัดเจนกว่าการส่งผ่านสาย Sync) ไม่น่าจะมีผลครับ













ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

sin

24/04/2011 01:08:25
ถ้าแค่ใช้โอนไฟล์ มีผลแค่เรื่องสปีดว่ามันจะเสร็จช้ารึเสร็จเร็วแค่ไหนเท่านั้น เพราะข้อมูลไฟล์ดิจิตอลสุดท้ายก็เป็นแค่ 0 กับ 1 ซึ่งการันตีว่าต้นทางกับปลายทางต้องเหมือนกันอยู่แล้ว

ไม่นับกรณีต่อไป DAC นะครับ อันนั้นแค่ส่งข้อมูลผิดไปนิดหน่อย เวลา convert กลับเป็น analog เพื่อเข้าหูฟังต้องเห็นผลอยู่แล้ว เพราะมันค่อนข้างเป็นอะไรที่ realtime คงไม่มานั่ง retransmit ซ้ำอีกครั้ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

นายมั่นคง

24/04/2011 01:29:09
4,294
ขอบคุณมากๆๆครับคุณหนึ่งจุดแดง 555

ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นสาย Sync จริงๆ นั้นจะส่งผลมากน้อยขนาดไหน แต่เท่าที่ผมนึกในตอนแรกนั้น ผมไปนึกเป็๋นว่า ถ้าส่งดิจิตอลจากคอมไปที่ DAC แล้วแปลงเป็นอนาลอกส่งไปที่ภาค AMP ในตัวมันเลยล่ะครับ ก็คิดว่ามันคงจะน่ามีผลบ้างไม่มากก็น้อยล่ะจ้าๆๆๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

chanel

24/04/2011 01:32:39
0
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ป่าวนะครับ ผมเคยcopy(Clone)จากแผ่นCD AUDIO ต้นฉบับไป CD(SONY)อีกแผ่น(เครื่องcopyตัวเดียวกัน) เสียงต่างครับต่างชัดเจนเลย ก็ยังไม่เข้าใจจนทุกวันนี้ หรือว่าเป็นอย่างนี้อยู่แล้วครับ





ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

jomjomjom

24/04/2011 01:40:20
5
รักเบิร์ดย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

กระเป๋าแบน

24/04/2011 02:03:57
ไม่มีผลนะครับ สายที่มีผลก็พวกสายanalogทั้งหลายอะครับ เพราะเป็นการแปลงมาเป็นสัญญาณไฟฟ้าแล้ว การนำสัญญาณทางไฟฟ้าของแต่ละวัสดุไม่เหมือนกัน แต่การโอนไฟล์syncไฟล์นะครับ bitsต้องเหมือนกัน ต้นทางปลายทาง ส่วนเรื่องjitterเนี่ยต้องแยกให้ออกมันไม่เกี่ยวกับsyncเพลงโอนเพลง คุณหนึ่งจุดแดงอธิบายไว้แล้วครับดีมากๆเป็นความรู้ครับ ขอจดๆๆ

ผมอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องjitterด้วยครับ รอผู้รู้ เพราะผมก็สงสัยมานานแล้วว่า jitterที่มีผลในเพียงชั่วเสี้ยววินาที มนุษย์เราสามารถแยกแยะได้มากน้อยแค่ไหน หรือจริงๆแล้วเป็นผลทางการโฆษณาสินค้า ว่าของดีjitterน้อย ไว้เทียบspecกันว่ายี่ห้อไหนดีไม่ดี ใครมีตัวเลขหรือผลการทดสอบจากเวปฝรั่ง รบกวนลงให้ผมด้วยครับ (แปลด้วยก็ดีจ๊ะ จะเป็นพระคุณอย่างสูง ผมอ่านไม่ออก อิอิ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

MOD91

24/04/2011 02:06:50
6
ตามทฏษฎี เหมือนที่คุณ หนึ่งจุดแดง ว่าถูกต้องครับตามหลักมันเป็นอย่างนั้น แต่

ทฏษฎี ก็คือ ทฏษฎี แต่ภาคปฏิบัติมันมีตัวแปรอื่นด้วย หลายอย่างที่หลาย

ครั้งทฏษฎีก็ไม่ถูกต้องเสมอไป ถ้าจะอ้างแต่ในทางทฏษฎี ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่

ถ้าไม่ลองมันก็ไม่ใช้วิสัยของคนสร้างหรือคิดค้นอุปกรณ์ต่างๆ ก็เพราะการ

แหกกฎความเชื่องเรื่องทฏษฎี ถึงได้มีสิ่งประดิษ ใหม่ๆเกิดขึ้นบางอย่างก็ทำ

ให้ทฏษฎีหงายหลังได้เหมือนกัน ครับ อย่าลืมนะครับ การทดลองและการ

ประดิษฐ์คิดค้นมันเกิดขึ้นก่อน ทฏษฎี

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

MOD91

24/04/2011 02:26:45
6
ง่ายๆดีกว่าครับ ถ้าเรามาเถียงกันคงไม่จบ ผม ส่งไปทิ้งไว้ให้ลองที่ร้านเฮีย

ก็ได้ครับถ้าเฮียอณุญาต จะได้ลองว่ามันต่างกันหรือแค่อุปทาน ^_^ แต่เท่าที่

หูตะกั่วผมฟังยืนยันว่าต่างครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

Mr.Burst

24/04/2011 03:05:32
3
ผมไม่อยากเคลียร์กับพี่ไก่ย์นะครับพี่ทศซีย์

เอ่อ...

ต่างไม่ต่างมันต่างกันตรงไหนครับเพราะต่างก็มองว่าต่างบ้างไม่ต่างบ้างมันก็แตกต่างกันไปต่างๆ ติ๊ต่างว่าต่างแล้วมันก็เกิดความแตกต่างเพราะต่างก็คิดว่าความคิดตัวเองต่างและมองความแตกต่างต่างกันไปตามประสบการณ์ที่ต่าง ฯลฯ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

หนึ่งจุดแดง

24/04/2011 08:06:38
ต่างไม่ต่างมันต่างกันตรงที่ทำให้คนไม่มีสายsyncดีๆ ฟังเพลงไม่เพราะ อาจต้องเสียเวลาและเสียเงินทองไปหามา


ทีคุณ Burst ว่าต่างมองความแตกต่างไปตามประสบการณ์ เป็นเช่นเดียวกับสินค้ามีแบรนด์ทำให้คนซื้อหรือใช้เชื่อว่าจ่ายไปคุ้มค่ากับคุณภาพ แต่ความเป็นจริงจ่ายแพงกว่าสินค้าตัวเดียวกันที่ไม่มีแบรนด์หรือแบรนด์อื่น


คุณ MOD อยากให้เพื่อนๆ พี่น้อง ได้ฟังเพลงที่ดีมีคุณภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและแสดงุถึงความมีน้ำใจ น่ายกย่องชมเชยครับ


แต่อยากให้คุณ MOD เล่าประสบการณ์ที่ทำให้เชื่อว่ามีความแตกต่างกันครับว่า ได้ทดลองอย่างไรบ้าง


ถ้าไม่รบกวนเกินไปอยากให้ทดสอบโดยใช้ สาย Sync ที่แตกต่างกันส่งไฟล์เพลงเดียวกัน ไปทีเครื่องเล่นเดียวกัน (แต่อาจเปลี่ยนชื่อเพลง) แล้วฟังสลับเพลงกันไปมา


หรืออัพโหลดไฟล์เพลงเดียวกันคนละสาย Sync มาให้เพื่อนๆ ฟังปรียบเทียบกันก็ดีครับ











ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

หนึ่งจุดแดง

24/04/2011 08:19:40
การcopy(Clone)จากแผ่นCD AUDIO ต้นฉบับไป CD(SONY)อีกแผ่น(เครื่องcopyตัวเดียวกัน) เสียงต่างครับ เนื่องจากวัสดุที่ทำ CD ๅคนละคุณภาพ การกระทบของแสงไปที่แผ่นCD หักเหไม่เท่ากันครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

boomer1983

24/04/2011 08:32:22
0
ซีเรียสกันขนาดนั้นเลยนะเนี่ย ดีนะที่ผมฟังแยกไม่ออก เพราะไม่งั้นสงสัยจะได้เสียตังเพิ่มอีกแน่ๆ 555+ ล่าสุดเจ้าสายแถม 160GB มันเดี้ยงไปซะเฉยๆยังงั้นเลยอ่ะ ผมก็แบบว่าเอาไงดีว้าไอ้จะซื้อของแท้แบบเดิมก็กลัวจะพังอีก เลยไปหยิบของ Capdase ที่แขวนขายอยู่ในโลตัสมาใช้ก่อน แพงชิหายตั้ง 390 บาท T T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

หนึ่งจุดแดง

24/04/2011 08:52:52
555 ไม่ได้ซีเรียสครับ

แต่ไม่อยากให้เสียสตางค์กันโดยไม่จำเป็นจร้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

Mike

24/04/2011 08:59:22
1
น่าคิดๆ แบบนี้ถ้าอัพโหลดไฟล์ให้เพื่อนๆโหลดกันนี่ จะทำให้เสียงเปลี่ยนรึเปล่าครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

Noize

24/04/2011 10:08:13
2
ชอบบรรยากาศกระทู้นี้นะครับ

ออกความคิดเห็น ทักท้วง เสนอแนะ ก็ได้ความรู้แบ่งปันกันไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

FolkTrance

24/04/2011 11:09:11
3
=_=" การส่งข้อมูลไฟล์(Data) ไปยังปลายทางข้อมูลบิตที่ต้นทางกับปลายทางจะเหมือนกันอ่ะครับ ดังนั้นการ upload ไฟล์คุณภาพไฟล์ก็เท่าเดิมครับ

ส่วนความเห็นสาย Syn นี้ใช่สายที่เชือมต่อระหว่าง Com กับ Player เพื่อถ่ายโอนไฟล์เพลงลง Playerสินะครับ ผมคิดว่าสาย Syn เองก็ทำแค่การโอนข้อมูลไฟล์ไปเก็บลง Player เท่านั้นน่ะครับ ที่เหลือเสียงเป็นยังไงก็สุดแล้วแต่ DAC ของเครื่องเล่นนั้นๆและพวกสายสัญญาณต่างๆที่ทำหน้าส่งข้อมูล Analog หรือส่งข้อมูล Digital audio อีกทีนะผมว่า

ดังนั้นสาย Syn (ผมคงเข้าใจถูกส่วนนะ =_=) มีผลแค่ความเร็วในการโอนไฟล์น่ะครับ คุณภาพเสียงขึ้นกับที่เหลือที่กล่าวมา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

jomjomjom

24/04/2011 11:17:47
5
+10 พี่น้อยย์ ... ผมรับรู้ได้ถึงความรักย์ที่พวกเรามีให้กันย์ครับ ... อ่าาาาาส์ย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

oxide

24/04/2011 11:38:07
0
ว้าว.....เข้ามาตอบ กันอย่าง อบอุ่น เลยครับ
พึ่งได้กลับเข้ามาอ่าน ได้ความรู้มากมายครับ
ขอบคุณทุกท่าน ที่เข้ามา Share ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

ting1820

24/04/2011 12:02:07
0
นั่นถ้างั้น ไฟล์เพลงที่โหลดมาตามเว็บบิท เสียงมันก็ต้องเปลี่ยด้วยดิ.....

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

TroRuwA

24/04/2011 12:04:01
1
อ่านกันเล่นๆเพลินๆครับ
http://www.overclockzone.com/forums/showthread.php/1261907

นอกจากเรื่อง jitter แล้ว
ถ้าเป็น DAC mี่ใช้ไฟเลี้ยงจากสาย USB แน่นอนว่าส่งผลยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ลองอ่านกระทู้ด้านบนที่ยกให้ดูเล่นๆก็ได้ครับ ชัดเจน อ่านเข้าใจง่ายด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

TroRuwA

24/04/2011 12:14:18
1
อธิบายเพิ่มเติมละกันครับ การโหลด bit จะมีการเข้ารหัสเพื่อทำการเช็คข้อมูลอยู่แล้ว
เหมือนสาย sata และ usb ซึ่งใช้กับ storage device ทั่วไป
ก็จะมีการเช็คข้อมูลเช่นกันว่าข้อมูลที่ส่งไปถูกต้องไหม
ถ้าข้อมูลไม่ถูกต้อง จะทำการส่งใหม่
แต่หากข้อมูลถูกต้องแล้วก็จะส่งชุดข้อมูลต่อไปครับ

กลับกันในทาง audio การส่งสัญญาณ digital
ไม่ว่าจะทาง usb coax optic
จะส่งข้อมูลผ่านแล้วผ่านเลย ไม่มีการทำการตรวจเช็คว่าผิดพลาดหรือไม่
เพราะถ้าหากมีการตรวจเช็ค และเรียกค่าใหม่จริงๆ
เพราะคงได้ฟังเพลงแบบสะดุดกันเป็นแน่แท้ เนื่องจากมันจะมี real-time
ข้อมูลปัจจุบันเล่นอยู่ ข้อมูลชุดต่อไปยังมาไม่ถึงเพราะรอการแก้ไขอยู่

ส่วนในเรื่อง HDMI ของไม่กล่าวละกันครับ เพราะมีความแตกต่างอยู่
เนื่องจากการแก้ไขรหัสที่ปลายทาง ซึ่งต่างจากการส่งข้อมูล digital
จาก 3 อันแรกที่กล่าวไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

ting1820

24/04/2011 12:17:00
0
งั้นผมตั้งข้อเกตุว่า

สมมุติว่าถ้าเราทำการถ่ายโอนข้อมูลแล้วเสียง มันแย่ลง

งั้นถ้า เรามีการถ่ายโอนข้อมูลหลายๆครั้ง เสียงมันก็จักต้อง สุดห่วยเลยดิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

FolkTrance

24/04/2011 12:24:41
3
ขอบคุณสำหรับ Link ครับ

อ่านมันส์เลย ได้ข้อมูลอ้างอิงของสาย USB cable ในตัวด้วย

เรื่องทางเทคนิคนี้เยอะระเอียดสุดๆจริงๆ อุปกรณ์่ต่างมีผลต่อสัญญาณแม้แต่หม้อแปลง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

WATTANA..P

24/04/2011 12:36:01
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

หนึ่งจุดแดง

24/04/2011 12:36:55
ชออนุญาตเพิ่มเติมเพิื่อความเข้าใจนะครับ


ตามลิงก์ : ในส่วนของข้อมูล(DATA) เป็นที่ยอมรับครับ ระบบนี้เที่ยงตรง การสูญหายหรือการผิดพลาดมีน้อยมากหรือเรียกได้ว่าแทบไม่มี


ตามคุณ ting1820 : การโหลด bit จะมีการเข้ารหัสเพื่อทำการเช็คข้อมูลอยู่แล้วเหมือนสาย sata และ usb ซึ่งใช้กับ storage device ทั่วไปก็จะมีการเช็คข้อมูลเช่นกันว่าข้อมูลที่ส่งไปถูกต้องไหมถ้าข้อมูลไม่ถูกต้อง จะทำการส่งใหม่แต่หากข้อมูลถูกต้องแล้วก็จะส่งชุดข้อมูลต่อไปครับ

ตามคุณwichit : การนำไฟล์เพลงจากคอมพ์เข้าplayer(ก่อนดูหนังหรือฟังเพลง) ไม่ว่าจะผ่านเข้าโดยไร้สาย usb1 หรือ usb2 แม้กระทั่ง usb3 หรือจากการผ่านฮาร์ดดิสที่มีความร็ว ความจุต่างกัน สายแพร์ธรรมดา หรือ sata1 2 3 (ซึ่ง่ความเร็วและประสิทธิภาพในการส่งไฟล์ต่างกันเห็นได้ชัดเจนกว่าการส่ง ผ่านสาย Sync) ไม่น่าจะมีผลครับ


ซึ่งทั้งหมดอธิบายได้ว่าในส่วนไฟล์ข้อมูล หรือไฟล์เพลง เมื่่อมีการโอนย้ายถ่ายเท รวมถึงการโหลดบิต จะไม่สูญหายหรือผิดพลาด ไม่ว่าจะส่งโดยวิธีหรือ สายสํญญาณใด การส่งโดยสาย sync ทีแตกต่างกันไม่มีผลให้เพลงเสียคุณภาพไปครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

WATTANA..P

24/04/2011 12:36:58
อ่านมานาน แล้ว ขอพูดหน่อย ผมว่าลองด้วยตัวเองดีที่สุดครับ เห็นกระทู้คุณมด ส่งไปให้ลอง ดีกว่ามานั่งสงสัย โดยที่ไม่ยังไม่ได้ทดสอบ แล้วบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ดูเหมือนเป็นการไม่ให้เกรียติ ดูหมิ่นผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นอะไรใหม่ๆมาให้พวกเราได้ลอง อีกอย่างเป็นข้อดีที่นัก DIY เพี้ยนๆ 555 บ้านเราหลายท่าน ที่โดนสบประมาทว่าเสกคาถา หรือ หาสายแปลกๆมาทำขาย ของฝรั่งแพงๆยังอาย ยังใงผมก็ขอสนับสนุน นัก DIY ทุกท่าน ผมว่ามันเป็นสีสันของเวปเราน่ะ
อีกอย่างถ้าพูดถึงความน่าเชื่อถือผมให้เครดิต ของผู้ที่ทำและทดสอบ แล้วล็อกอินเข้ามาโพสมากกว่า ผมว่าเขาคงทดสอบจนแน่ใจแล้วจึงกล้าพอที่จะบอกว่ามันเห็นผล แต่ ถ้าไม่เชื่อแล้วยังมายืนยันว่าเป็นไปไม่ได้และยังไม่ยอมทดสอบด้วยแต่ถ้าจะให้ดีน่าจะแสดงตัวตน มากว่าครับ หรือท่านก็ไม่แน่ใจ ไม่กล้าพอที่จะยอมรับความจริง กลัวว่าจะหน้าแตก อันนั้นผมว่าไม่แฟร์

ผมเป็นกลางนะครับไม่เข้าข้างใครแต่เชื่อหูตัวเองมากกว่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

หนึ่งจุดแดง

24/04/2011 12:42:25
สนับสนุนความเห็นของคุณ FolkTrance " การส่งข้อมูลไฟล์(Data) ไปยังปลายทางข้อมูลบิตที่ต้นทางกับปลายทางจะเหมือนกันอ่ะครับ ดังนั้นการ upload ไฟล์คุณภาพไฟล์ก็เท่าเดิมครับ

ส่วนความเห็นสาย Syn นี้ใช่สายที่เชือมต่อระหว่าง Com กับ Player เพื่อถ่ายโอนไฟล์เพลงลง Playerสินะครับ ผมคิดว่าสาย Syn เองก็ทำแค่การโอนข้อมูลไฟล์ไปเก็บลง Player เท่านั้นน่ะครับ ที่เหลือเสียงเป็นยังไงก็สุดแล้วแต่ DAC ของเครื่องเล่นนั้นๆและพวกสายสัญญาณต่างๆที่ทำหน้าส่งข้อมูล Analog หรือส่งข้อมูล Digital audio อีกทีนะผมว่า "
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

กุหลาบ

24/04/2011 12:44:58
สงสัยผมต้องเปลี่ยนตั้งแต่สายโทรศัพท์ สายในเครื่องคอม และอื่นอีกมากมายด้วย ไหมนี่

เป็น music lover ดีกว่า ไม่ต้องมานั่งจับผิด ว่านักดนตรี เคาะเท้าให้จังหวะหรือเปล่า ความสุขของการฟังเพลงมันอยู่ตรงไหน

นิดๆหน่อยๆ ก็ช่างมันเถอะ...ขอให้ได้ข้อมูล (เพลง) มาครบ ก็พอแล้ว

เห็นด้วย กับ คุณ TroRuwA ใน คห. 38 ครับผม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

ผ่านมา

24/04/2011 12:47:18
เห็นด้วยกับคุณ WATTANA และคุณหนึ่งจุดแดง

ถ้าไม่รังเกียจอยากให้คุณ MOD เล่าประสบการณ์ที่ทำให้เชื่อว่ามีความแตกต่างกันครับว่า ได้ทดลองอย่างไรบ้าง


ถ้าไม่รบกวนเกินไปอยากให้ทดสอบโดยใช้ สาย Sync ที่แตกต่างกันส่งไฟล์เพลงเดียวกัน ไปทีเครื่องเล่นเดียวกัน (แต่อาจเปลี่ยนชื่อเพลง) แล้วฟังสลับเพลงกันไปมา


หรืออัพโหลดไฟล์เพลงเดียวกันคนละสาย Sync มาให้เพื่อนๆ ฟังปรียบเทียบกันก็ดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

sin

24/04/2011 13:45:15
จากประสบการณ์ทำงานทางด้านไอที ใช้สาย optic , lan เกรดserver , lan แบบเข้าหัวผิดมาตรฐาน ผลที่ได้คือความเร็วที่แตกต่างกันเท่านั้นครับ check sum แล้วทุกไฟล์ได้ค่าออกมาเท่ากัน

น่าจะสรุปได้นะครับว่าถ้าเป็นการถ่ายโอนไฟล์ดิจิตอลไม่ว่าจะใช้สายอะไรก็จะได้ไฟล์ปลายทางที่เหมือนเดิม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

chanel

24/04/2011 14:01:51
0
ความคิดเห็นที่ 28
ถ้าเป็นเช่นนั้น อยากทราบต่อไปว่าการส่งข้อมูลจากแผ่น cd นั้น ส่งไปที่คอมในรูปแบบไหนครับ Digital หรือ Analog :) ขอบคุณครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

ปรีชา

24/04/2011 14:17:20
ข้อมูลรูปแบบ digital มีดีขึ้น แย่ลงด้วยเหรอครับ ????????????????????????? ไปเรียนมาจากไหนครับ ?????????????????????




มันมีแต่ ok กับ error 0 กับ 1 ถ้ามันผิดพลาดข้อมูลส่วนนั้นก็จะข้ามไป เกิดอาการเสียงกระตุก ดับ หรือถ้าเป็นไฟล์วีดีโอมันก็จะเหมือนๆ ที่เราเห็นตาม DVD CD เป็นรอย ที่ภาำพมันแตกๆ กระตุก เ้สียงขาดๆหายๆ นั่นแหละครับ มันมีด้วยเหรอครับใช้สายดีสัญญาณ digital ดีขึ้นแย่ลง อยู่ๆ ภาพมันสดขึ้น สีมืดลง ขณะที่ข้อมูลชุดเดียวกัน มีด้วยเหรอครับ ?????????




ผมว่าอย่า "อุปทาน" กันเถอะครับ



ยิ่งอ่้านยิ่งเหนื่อยใจ



เถียงกันไปมา ถามสุดท้าย เก่งกว่าคนคิดค้นเรื่องนี้อีักเหรอ วิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์เรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยไหน ไอ้สิ่งที่เรียนๆ กันมามันคงผิดหมด มาตารฐานโลกนี้ที่ผ่านมาก็ผิดพลาดไปหมดใช่ไหมครับ


เรื่อง jitter มันเป็นเรื่องของทาง business ล้วนๆ ครับ ยกเอาไว้เพื่อสร้างมูลค่าสินค้าทางการตลาด ถามหน่อยถ้าไม่มีเรื่องของ jitter เข้ามา สายสัญญาณจะมีอะไรมาแข่งกันไหม เพราะเทคโนโลยีมันก็สุดเท่ากัน จะสายอะำไรก็ช่าง

ผมอยู่เนคเทค ไม่เข้าใจเข้ามาหาความรู้ได้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

งึมงัม

24/04/2011 14:18:36
คนนุู้นก็อ้างแต่ทฏษฎี คนนี้ก็อ้างประสพการณ์ ของเขามีให้ลอง ถ้าเป็นฝรั่ง นี่มีคนมาแย้งเรื่องทฏษฎี ที่ไม่ถูกต้อง เขาวิ่งหางจุกตุดเพื่อทดสอบ แต่นี้พวกเราก็ยังวังวนอยู่ในนี้ แล้วเมื่อไรจะรุู้ซักที เอ้อ พวกเรานี่ยังใง ขอบ่นหน่อยเถอะ 555(ไม่น่าเข้ามาอ่านเลยตูปวดหมอง)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

24/04/2011 14:28:10
คุณ ปรีชาครับ สงสัยท่านต้องไปเรียนใหม่ครับ สายสัญญาณ digital ดีดี มันมี

ผลทั้งภาพและเสียงครับ แสดงว่าท่านยังไม่เคยลอง แต่มาพูดแบบนี้ เป็นผม

อายเขา ต่อให้ท่านทำงานใน นา...ซ่า ถ้าพูดแบบนี้ ท่านสอบตกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

เด็กน้อย

24/04/2011 14:42:04
การถ่ายโอนข้อมูลดิจิตอลในเรื่อง Data Communication โดยหลักมีอยู่สองแนวทางคือ

1. เน้นที่ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) หัวใจคือข้อมูลบิตปลายทางต้องเหมือนกับข้อมูลบิตต้นทาง ทั่วไปจะใช้วิธีตรวจสอบความผิดพลาดกลุ่มข้อมูลย่อยด้วยกรรมวิธีทางคณิตศาสตร์ (checksum) หาพบความคลาดเคลื่อน จะใช้กลวิธีส่งซ้ำ (retranmission) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง กรณีนี้ เช่น การรับส่งข้อมูลในอินเทอร์เน็ต การก็อปปี้ไฟล์ไปมาระหว่างฮาร์ดดิสก์ และการ sync กับ iPod ผ่านสาย USB เป็นต้น

2. เน้นที่การตอบสนอง (Response) หัวใจคือข้อมูลบิตจะต้องส่งให้ทันและอัตราเร็วสม่ำเสมอ มิฉะนั้นจะเกิดความล่าช้า (delay; เหมือนพวกเว็บถ่ายทอดสดบอล บางแห่งลูกเข้าประตูไปแล้ว บางแห่งยังเลี้ยงบอลล็อกหลบอยู่) หรือการกระตุก (jitter; เหมือนพวกดู YouTube แล้วดูดบิตฯด้วย) ซึ่งกรณีนี้ จะไม่ใส่ใจความคลาดเคลื่อนของกลุ่มข้อมูลที่ได้รับว่าเหมือนกับข้อมูลที่นำส่งหรือไม่ ฉะนั้นจึงไม่มีการส่งข้อมูลซ้ำ ได้รับผิดก็ผิดไป กรณีนี้ เช่น การโทรศัพท์ผ่านเน็ต การรับชมสตรีมมิ่งมัลติมีเดียต่างๆ และการส่งข้อมูล audio ไปยัง DAC ผ่านสาย USB เป็นต้น

จากข้างต้นจะเห็นได้ว่าการส่งข้อมูลผ่านสาย USB นั้นมีความแตกต่างกัน คือ ถ้าเป็น PC-to-iPod (เหมือน HDD-to-HDD) จะใช้โหมดในข้อ 1 แต่ถ้าเป็น PC-to-DAC จะใช้โหมดในข้อ 2 ซึ่งสรุปได้ว่าคุณภาพสาย sync จะส่งผลต่อการนำส่งข้อมูล (อัตราเร็ว) ไม่ใช่ความถูกต้องข้อมูล (ความผิดพลาด) ตามเหตุผลดังกล่าว

ในกรณีทำสำเนาข้อมูลดิจิตอล สิ่งที่ต้องเข้าใจให้ถูกต้องคือ 'ไม่มีบิต 0 ที่ดีกว่าบิต 0 ไม่มีบิต 1 ที่สมบูรณ์กว่าบิต 1' หากระดับสัญญาณอยู่ในช่วงที่ตีความได้ว่าเป็น 0 หรือ 1 ระบบปลายทางที่ได้รับก็จะ"สร้าง"บิต 0 หรือ 1 นั้นขึ้นมาใหม่แล้วส่งต่อหรือบันทึกลงระบบ ปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดได้คือ สัญญาณรบกวนแบบสุ่ม (random noise) และคุณภาพของตัวกลาง(สาย) ซึ่งปกป้องด้วยแนวคิด checksum/retransmit แต่อย่างไรก็ตามยังอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในแนวคิดนี้ได้บ้างในอัตราความน่าจะเป็นที่ต่ำมาก (เช่น 1 บิตในพันล้านบิต) แล้วแต่กรณี

ฉะนั้นสำหรับสายนำสัญญาณดิจิตอลคุณภาพดีๆ ใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวนน้อยๆ สิ่งที่เราจะได้คือ แบนด์วิดธ์เต็มร้อย (เหมือนถนนสี่เลน ไม่มีเด็กแว้น ไม่มีคนจอดแวะกินก๋วยเตี๋ยว ไม่มีคนเลี้ยวไปมาโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวก่อน) checksum ผิดหรือข้อมูลผิด ก็น้อย หรือถ้าเกิดขึ้นก็ส่งซ้ำได้ไวในครั้งเดียว แต่หากสายไม่ดีหรือมีสัญญาณรบกวนมาก แบนด์วิดธ์ก็จะไม่เต็มร้อย checksum ผิดหรือข้อมูลผิด บ่อย และส่งซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้ง (เหมือนการพูดคุยกันในที่เสียงดัง ต้องพูดซ้ำๆ หลายครั้งกว่าจะเข้าใจตรงกัน)

(เพิ่มเติม) แล้วในกรณี USB นำส่งข้อมูล audio/video เพื่อรับชมรับฟังล่ะ? ย้ำอีกทีว่า อันนี้คนละกรณีกับการ sync/copy เพราะเป็นการส่งแบบ isochronous ที่เน้นการรักษาเวลา ไม่ใช่รักษาความถูกต้องข้อมูล ฉะนั้นถึงมีบิตที่ผิดพลาดขึ้นก็จะไม่ตรวจไม่ส่งซ้ำแต่อย่างใด สาย USB/Coax/Optical ดีๆ สำหรับ DAC จึงเป็นพระเอกในกรณีนี้ (สายธรรมดาอาจมีอัตราความผิดพลาดในการนำส่งอยู่ที่ ผิด 1 บิตในพันล้านบิต สายแพงๆ อาจมีอัตราอยู่ที่ ผิด 1 บิตในหมื่นล้านบิต)

^__^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

FolkTrance

24/04/2011 14:51:26
3
สายสัญญาณไม่มีวันทำได้เสียงหรือภาพดีขึ้นกว่าต้นฉบับหรอกครับ แต่ช่วยไม่ให้คุณภาพที่ควรจะได้เต็มที่มันลดลงต่างหากครับ

ที่แย่ลงหรือดีขึ้น มันเกิดการเปรียบเทียบสายแต่ละระดับครับ :-D




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

sin

24/04/2011 15:02:53
เสริมนิดนึงนะครับตัวอักษร B กับ C ถ้าแปลงเป็น digital โดยอ้างอิงตาม ASCII ตัวอักษรทั้ง 2 ตัวนี้ต่างกันแค่ 1 บิตเท่านั้นครับ คือ 01000010 กับ 01000011 ลองทดลองโดยพิมพ์ใส่ notepad แล้ว copy ไปมาโดยใช้สายอะไรก็ได้ ยังไง B ก็ไม่มีทางเป็น C แน่ๆ นี่คือความแตกต่างแค่ 1 บิตเองนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

sin

24/04/2011 15:02:53
เสริมนิดนึงนะครับตัวอักษร B กับ C ถ้าแปลงเป็น digital โดยอ้างอิงตาม ASCII ตัวอักษรทั้ง 2 ตัวนี้ต่างกันแค่ 1 บิตเท่านั้นครับ คือ 01000010 กับ 01000011 ลองทดลองโดยพิมพ์ใส่ notepad แล้ว copy ไปมาโดยใช้สายอะไรก็ได้ ยังไง B ก็ไม่มีทางเป็น C แน่ๆ นี่คือความแตกต่างแค่ 1 บิตเองนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

oname2

24/04/2011 15:11:04
3
ผมชอบความเห็นของคุณ WATTANA..P จิงๆครับ

ผมไม่ได้ศึกษาหรือรู้ทฏษฎีอะไรมากมาย แต่ที่การที่เค้าคิดค้น ทำขึ้นมาให้ลองหรือขายก็ดีแล้วนิครับ ถ้าดีก็ใช้ไม่ดีก็หยุดใช้....อย่างน้อยก็จะได้มีของไทยทำราคาก็ไทยๆ
ไม่งั้นก็คงได้แต่ใช้ของแบนต่างประเทศ ราคาแพงๆ อย่างเดียวแล้วหละครับ

แต่กระทู้นี้ดีนะครับ ข้อมูลเต็มเลย.....ชอบๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

TroRuwA

24/04/2011 15:12:01
1
ถึงหลายๆคนที่จะกล่าวอ้างแต่การโอนถ่าย data ที่ไม่ได้เกี่ยวกับ audio
หากต้องการจะทราบว่าต่างอย่างไร สามารถหาข้อมูลและศึกษาได้ด้วยตนเองครับ
อย่าคิดว่า jitter คือการตลาด อย่าคิดว่าข้อมูลครบไม่ครบ
หรืออย่าคิดว่าข้อมูลมีแค่ 0 กับ 1

เคยลองกันไหมง่ายๆเลย เปลี่ยนสายไฟที่ คอมพิวเตอร์
เสียงจะเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เจอแบบนี้คุณจะอธิบายว่าอย่างไรครับ
เพราะคอมมีหน้าทีเพียงส่งข้อมูลไปให้ DAC ทำหน้าที่แปลงรหัส
แต่เปลี่ยนแค่สายไฟ AC เสียงดันเปลี่ยนไปด้วย

ท่านรู้แค่มี0 มี 1 ท่านรู้เรื่องไฟฟ้าไหม
ท่านรู้เรื่อง อิเล็กโทรนิคไหม อยู่ๆถึงได้มาตัดสินว่า
สายดิจิตัลไม่มีความต่างในเรื่องของเสียง
ลองง่ายๆเปลี่ยน version foobar เอาเสียงยังเปลี่ยนเลย
0.9.6.9 กับ 1.1.x อะไรก้ได้ เสียงต่างกันชัดเจนครับ

ส่วนเรื่องการเลือกใช้สายเป็นรสนิยมส่วนบุคคล
ในส่วนนี้ผมไม่มีความเห็นใดๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

TroRuwA

24/04/2011 15:17:31
1
ที่บอกให้ลองเปลี่ยนสายไฟ AC
ใช้สายไฟ AC แถมเทียบกับ สายไฟ AC Audio grade ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

ting1820

24/04/2011 15:26:34
0
ประเด็นคือ สาย Sync : มีผลกับเสียงรึเปล่า

ก็อย่าที่บอกครับถ้ามันมีผล การที่เราถ่ายโอนข้อมูลทุกครั้งมันก็จะทำให้เสียงด้อยลงทุกครั้งที่เราทำการย้ายข้อมูลสิครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

bb

24/04/2011 15:41:42
0
ใครพอใจแบบไหนก็ใช้แบบนั้นดีกว่า อ่านความรู้ที่ท่านบนๆกล่าวมา และไปหาอ่านเอาจากบทความอื่นๆในเว็บนอก ผมว่าน่าจะตัดสินใจสิ่งที่ตัวเองพอใจได้ไม่ยาก อย่าทะเลาะกันเลยครับ พี่ๆน้องๆกันทั้งนั่น

ปล.ตอนนี้ผมใช้สายแท้กับสายเทียบเส้นละร้อย ก็พอใจแล้วนะ แต่ถ้ามีโอกาสลองสายที่โมขึ้นมาก็ไม่อยากปฏิเสธ ลองไปเรื่อยๆสนุกดี แล้วค่อยมาตัดสินใจเอง ใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

sin

24/04/2011 15:42:50
คอมพิวเตอร์จะรู้ว่า ข้อมูลเป็น 0 หรือ 1 ได้หลายวิธีครับ เช่น
1.) 0 V = 0
x V = 1
2.) y V = 0
x V = 1

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าอาจไม่คงที่ขึ้นมาได้ ทำให้ในบางครั้งข้อมูลที่ควรจะเป็น 0 ดันกลายเป็น 1 ไป แต่ในการถ่ายโอนข้อมูลจะมีการส่งซ้ำอยู่แล้วถ้าปลายทางเกิดความเพี้ยนขึ้นมา เพราะงั้นสุดท้ายแล้วข้อมูลก็เหมือนเดิมอยู่ดีครับ

แต่ในการเล่นไฟล์เพลง อันนี้ผมไม่เถียงว่าสายสัญญาณต่างๆนั้นมีผล เพราะอย่างที่บอกว่าแรงดันไฟฟ้ามันไม่คงที่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งอาจเกิดจากการเหนี่ยวนำต่างๆนาๆภายในเครื่อง
อีกทั้งในการเล่นเพลงจะไม่มีการส่งข้อมูลซ้ำ ทำให้เสียงที่ออกมาอาจมีความแตกต่างกันเกิดขึ้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความแตกต่างที่เกิดขึ้นนั้น จะฟังกันออกรึเปล่าก็สุดแล้วแต่บุคคล

ส่วนความต่างของ version program นั้น
ในไฟล์เพลงไฟล์นึงนั้น ถึงข้อมูลในนั้นจะเป็น 0110101010 อะไรก็ตามแต่ แต่ข้อมูลก่อนที่จะออกมาถึง DAC นั้นจะต้องผ่านการ decode ก่อนด้วย program อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่คนละ version กัน เสียงที่ได้อาจมีความแตกต่างกันไปบ้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

TroRuwA

24/04/2011 15:58:06
1
รู้จัก bitperfect ไหม ???
แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันต้อง decode ไหม แต่เดาว่าไม่น่าจะเกิดการ decode
มันน่าส่งออกไปเดิมๆ แต่ทำไมเปลี่ยนแต่สายไฟ AC เสียงถึงเปลี่ยนตาม ???
ไม่เกี่ยวกับการ decode เลยซักติ๊ดเดียว

ส่วนของท่าน ting1820 ถ้าอ่านคอมเม้นในกระทู้นี้ทั้งหมดก็น่าจะเข้าใจได้ว่าการ
copy ไฟล์นั้นเสียงจะแย่ลงหรือไม่ การเล่นไฟล์แบบ real-time เสียงจะต่างหรือไม่
ถ้าคุณไม่อ่าน หรืออ่านแต่ไม่ทำความเข้าใจ สรุปคือคุณก็จะมีคำถามแบบเดิมๆนี่แหละครับ
ดูจากคำถามของคุณ ดูเหมือนคุณยังแยกไม่ออกว่าการ sync คืออะไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

TroRuwA

24/04/2011 16:04:16
1
มัวแต่เล็กด้ามการเล่นไฟล์แบบ real time
จนลืมไปว่าเจ้าของกระทู้ถามถึงการ sync
ถ้าการ sync ไฟล์ไม่ว่าจะสายไฟนก็ได้เสียงเหมือนเดิมครับ
แต่ถ้าการเล่นไฟล์เพลง ผลที่ได้ต่างครับ
แต่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและอุปกรณ์อื่นๆด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

ting1820

24/04/2011 16:05:27
0
ก็นั่นไง ประเด็นของกะทู้นี้คือ

สาย Sync : มีผลกับเสียงรึเปล่า

คำต่อก็คือไม่มี รึว่าผมเข้าใจอะไรผิดไป สาย Sync มันจะมีผลต่อการโอนถ่ายข้อมูล คือถ้าสายดี
มันก็จะโอนถ่ายได้เร็วกว่าสายไม่ดี ใช่มั๊ยครับ คุณTroRuwA

ส่วนประเด็นอีก ..... ผมยังไม่ได้คิด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

panda180

24/04/2011 16:14:48
1
ไม่น่าจะมีผลนะครับ ที่บอกในเรื่องของกระแสไฟ นั่นมันอีกประเด็นหนึ่ง

ถ้านับแค่ว่า เอาข้อมูล A จากในเครื่องคอม ไปไว้ในอีก เครื่องหนึ่ง player คุณภาพต้องเหมือนเดิม (โดยตั้งสมมุติฐานที่ การถ่ายโอนข้อมูลสมบูรณ์)

เท่าที่อ่าน ไปวางกรอบที่ การถ่ายโอนไม่สมบูรณ์ นั่นเป็นอีกปัจจัย จึงมีเรื่องกระแส เรื่องอื่นมาเกี่ยว

แต่ถ้าเอาการถ่ายโอน ข้อมูลที่สมบูรณ์เมื่อผ่านสายจากเครื่องหนึ่งสู่เครื่องหนึ่ง ต้องเหมือนกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

...

24/04/2011 16:37:34
คิดมากปวดไข่ป่าวๆ เอาเวลาไปฟังเพลงดีกว่ามั้ย

คนเสียบแล้วฟังออกก็ว่ามีผล คนฟังไม่ออกก็ว่าไม่มีผล

หูใครหูมัน มันเหมือนกันที่ไหนละ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

sin

24/04/2011 17:06:16
player แต่ละตัวจะมี codec อยู่ครับ ซึ่งใช้ในการ decode ไฟล์เพลงนั้นๆออกมาเพื่อส่งออกมาเป็น input ไปเข้าวงจร digital to anolog อีกที

ิเรื่องของ bitperfect ให้มองหลังจากที่ decode ออกมาเรียบร้อยแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

เขลา

24/04/2011 17:10:03
เด็กประถมทั้งนั้น ความรู้เท่าหางอิ่ง ทำเป็นรู้ดี เดากันไปทั่ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

boomer1983

24/04/2011 17:18:31
0
^
^
งั้นขอความรู้จากคุณจบมหาลัยหน่อยครับ ออกความคิดเห็นแบบนี้ไม่สร้างสรรค์เลยนะครับ ควรจะอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจและเห็นภาพด้วย มาบอกแค่นี้ไม่มีประโยชน์ครับสู้ไม่บอกดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

gonpunapy

24/04/2011 19:00:35
0
ผมเด็กวิทย์จัดครับ เลยคิดว่ามันไม่มีผลครับ

เรื่องการSyncข้อมูลนะครับ แต่ถ้าเรื่อง ต่อ Dac อะไรนี่

ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะความรู้เท่าคางคก

เพราะถ้าเสียงมันเปลี่ยน

อย่างงี้เวลาเราย้ายเพลงไปโน่นไปนี่ คุณภาพมันก็ต้องตกเรื่อยๆด้วยสิครับ

แต่กลับไม่เห็นเคยรู้สึก ถ้าสายที่ดี มันทำให้เสียงดีขึ้น

แสดงว่าสายมันทำให้เสียงดีขึ้นจากเดิม?? ฟังดูแล้วมันขัดแย้งครับ

**คห. ส่วนตัวครับ**


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

Joker

24/04/2011 19:18:36
0
ผมสายศิลป์ ครับ...สายแพงวิธีการถักสายเจ๋ง สีสันงามงด หัวแจ็คก็งาม แถมแพคเกจหรูหราน่าใช้ครับ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72

TroRuwA

24/04/2011 19:39:59
1
@ting1820
ผมว่าสายดีไม่ดี ในการถ่ายโอนข้อมูล คือความเร็วน่าจะตกลงไปครับ
เพราะมี jitter นี่แหละ (อันนี้เอาเดานะครับ) เพราะผมไม่เคยใช้ สาย usb audio grade ในการโอนถ่ายข้อมูล เอาจริงๆ usd audio grade ไม่เคยได้แตะเลยซักเส้น
ปกติใช้แต่ coax ครับ ส่วนเรื่องเสียงเอาถ้าเอามา sync เสียงไม่ต่างครับ

@gonpunapy
ถ้าเรียนสิทย์แล้วทองแบบนี้ ควรจะฝึกทักษะทางกระบวนการคิดใหม่ครับ
ไม่ได้จะก่อกวนใดๆทั้งสิ้น แต่ดูวุฒิภาวะท่านแล้ว
1.มองอะไรตื้นเขินเกินไป
2.ไม่อ่านกระทู้ทั้งหมด มาถึงตู้ม ใส่เลย
3.เห็นบอกความรู้เท่าคางคก แต่ตัดสินได้แล้ว เยี่ยมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73

TroRuwA

24/04/2011 19:41:00
1
@ท่าน sin
ขอบคุณมากครับ ผมได้เข้าใจเรื่องการส่ง data ให้ชัดเจนขึ้นอีกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74

ting1820

24/04/2011 19:46:18
0
@TroRuwA
ขอบคุณมากครับที่เข้าใจในสิ่งที่ผม โพสแล้ว

ที่ผมย้ำลงไปก็เพื่อไม่ให้ เจตนาของกะทุู้นี้ เดินไปผิดทางครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

chanel

24/04/2011 20:26:58
0
ความคิดเห็นที่ 49

ขออภัยนะครับ ขอเอ่ยแต่ไม่เกี่ยวกับหัวข้อข้างบนเท่าไหร่ครับ อิอิ

"เถียงกันไปมา ถามสุดท้าย เก่งกว่าคนคิดค้นเรื่องนี้อีักเหรอ วิทยาศาสตร์เขาพิสูจน์เรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยไหน ไอ้สิ่งที่เรียนๆ กันมามันคงผิดหมด มาตารฐานโลกนี้ที่ผ่านมาก็ผิดพลาดไปหมดใช่ไหมครับ"

มีหลายอย่างนะครับที่เราเรียนๆกันมาแล้วทฤฎีที่เคยเรียนๆนั้นเปลี่ยนไปก็ไม่น้อย 555555555+ สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได่มักจะบอกว่าไม่จริงแต่วันนึงมาพิสูจน์ได้ก็บอกว่าจริงซะละ ลองนึกๆดูครับหลายเรื่องเลยล่ะ ขำๆน่าาาาาา สมัยโลกกลมกับโลกแบนโน่นแล้วล่ะ 5555+ :)

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76

chanel

24/04/2011 20:34:50
0
ความคิดส่วนตัวนะ Digital ก็ผิดได้ล่ะผมว่า มนุษย์สร้างนี่นา มนุษย์เองยังทำผิดทำถูกอยู่เลยล่ะครับ นาซ่ายังบึ้มได้ 555+ แต่ที่รู้ๆหูผมตะกั่ว ฟังไปเพลินๆ :) ดีก็ได้ไม่ดีก็ได้ :) สุดท่ายก็ขึ้นอยู่กับความคันล่ะครับ คันก็เกาแค่นั้น ต่างคนต่างเกาไม่เห็นจะเป็นอะไร ที่มาฟังเพลงกันไม่ใช่เพื่อความสุขหรือ เถียงกันไปใย หูใครก็หูใครล่ะจ้า อย่างที่ว่าหูฟังคู่นึงก็ฟังได้ทีละคนล่ะจ้าาาา 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77

chanel

24/04/2011 20:46:37
0
ยำ้นะต๊ะ อิอิ เป็นความคิดส่วนตัว หรือจะเรียกอีกอย่างว่าคิดไปเองก็แล้วกัน 55555+ จะว่าไปมีใครเห็นว่าตัวเลข 100110010 พวกนี้สลับที่ระหว่างการส่งก็ได้นะ ส่งครบแต่ไม่ถูกตำแหน่งเพราะตัวเลขมันมากมายมหาศาล โลกนี้ผมว่าไม่มีอะไร 100%หรอก เท่าที่เรารู้กันมาก็ เขาว่ากันทั้งนั้น สุดท้ายไม่รู้หรอกครับว่าใครกันแน่ที่อุปทานน่ะ 55555+ ผมได้ทั้ง2อย่างล่ะ มีก็ใช้ ไม่มีก็ไม่ใช้ สายเก่าเสียก็หาใหม่ จะหาแบบใหนก็ตังค์ผม อิอิ ผมดูที่ความทนด้วยนะอันนี้สำคัญไม่รองไปกว่ากัน สรุปให้คุ้มที่จ่ายก็ OK แว๊วววว อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78

gonpunapy

24/04/2011 20:54:47
0
@TroRuwA

เอ่อ ขอโทษครับ ที่ผมตู้มใส่

ไอ้ที่ผมว่าความรู้เท่าคางคกหมายถึง เรื่องการเล่นแบบ Real Time ครับ

(ต่อ Dac แล้วเล่นผ่านคอมอะไรพวกนั้นน่ะครับ ผมไม่เคยใช้ Dac ด้วยซ้ำ)

เลยไม่คิดจะพูดถึงส่วนนั้น เพราะไม่เคยลอง แต่ที่ผมคิดคือ

ไม่ว่าสาย Sync จะใช้สายแบบไหน เมื่อทำการโอนไฟล์เพลงเข้า Player

เสียงที่ได้จะไม่ต่างกันกันครับ ส่วนเหตุผลก็ไม่จำเป็นต้องบอกแล้ว

เพราะคุณและอีกหลายๆคนได้เขียนมาด้านบนแล้ว ผมแค่อยากแสดงความคิดเห็นว่า

ผมมีความคิดแบบนี้ แค่นั้นแหละครับ

สรุป

- ผมอ่านกระทู้ด้านบนแล้วนะ T^T

- ถ้าคุณมองว่าผมมองอะไรตื้นๆก็ขอโทษด้วยครับ

เพราะผมคิดว่าที่แสดงความเห็นไปมันฟังดูง่ายๆดี

- ความรู้เท่าคางคกหมายถึงเรื่องเล่นแบบ Real Time

เรื่องสาย Sync ผมพอจะศึกษามาแล้วนะ > <



ปล. ขอโทษสำหรับความเห็นที่แล้ว ใช้ภาษาไทยไม่ได้เรื่องเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

Mr.Burst

24/04/2011 20:57:08
3
ติดตามอ่านกระทู้นี้อย่างมีสติ...

ทีละบรรทัด

แล้วจะเกิด "ปัญญา" มากกว่า "ปัญหา"

ถ้าพระพุทธเจ้าเชื่อง่ายๆ ว่ามนุษย์ไม่มีทางหลุดพ้น มีแค่เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย ท่านคงไม่ออกไปแสวงหาคำตอบของ "การหลุดพ้น" และก็คงไม่มี "พุทธศาสนา"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80

chanel

24/04/2011 21:03:54
0
^
^

+1 จ้า 5555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

th.don

24/04/2011 21:16:12
0
มากระทู้นี้ได้ความรู้มากเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82

นายมั่นคง

24/04/2011 21:26:54
4,294
ผมมาช่วยสรุปคร่าวๆ สำหรับประเด็นที่คุยกันให้ทราบครับ เผื่อใครมาอ่านจะได้เข้าใจเร็วขึ้นจ้า 555


ประเด็นแรก.........คือการใช้สายสัญญาณดิจิตอล เช่นสาย Coax, Optical ไปเข้า DAC แล้วเล่นแบบ Real time ฟังกันเดี๋ยวนั้นเลย อันนี้ไม่มีข้อสงสัย คือทุกคนลงความเห็นว่าเสียงต่างกันแน่นอน


ประเด็นสอง..........คือการใช้สายดีๆ กับสายธรรมดาในการโอนไฟล์หรือก๊อปปี้ไฟล์ไปไว้อีกที่หนึ่ง โดยไม่ได้ฟังทันที ประเด็นที่่ออกความเห็นกันอยู่คือ ตกลงสายมันมีผลต่อเสียงหรือเปล่า



เมื่อคืนผมก็อ่านผ่านเป็นว่าสายดิจิตอลมีผลหรือเปล่า แต่จริงๆ คือสาย Snyc ที่เอาไว้โอนถ่ายแบบคุณภาพดีกับคุณภาพธรรมดา มันเหมือนกันหรือไม่


เอ้า เดี๋ยวผมขอตามอ่านประเด็นสองอีกทีจ้าๆๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83

oxide

24/04/2011 21:35:47
0
ความคิดเห็นที่ 79
กด like ให้ 5 ที เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84

TroRuwA

24/04/2011 21:45:56
1
@gonpunapy

ผมต้องขโทษด้วยคร๊าบที่อ่านแล้วเข้าใจผิดไป
และต้องขอโทษด้วยครับที่พิมพ์แบบสะกดผิดไปด้วยครับ
คือคีบอร์ดที่ผมใข้ ไม่มีอักษรไทยครับ
พิมพ์ด้วยความเชยชินจากที่เคยพิมพ์มาทั้งนั้นครับ

จริงๆผมมีประเด็นอยากจะบอกอีกครับ บางคนฟังยังไงก็ไม่ต่างมันก็ไม่แปลกครับ
ตัวผมเองสมัยหัดเริ่มเล่นดนตรี โน๊ตที่มีความห่างกันครึ่งเสียง ตอนแรกผมยังฟังไม่ออกเลยด้วยซ้ำนึกว่ามันคือโน๊ตตัวเดียวกัน เล่นไปซักพักถึงจะได้ยินถึงความแตกต่างออกครับ
แล้วเล่นไปอีกซักระยะนึง โน๊ตตัวไหน sharp หรือ flat ก็จะฟังออกในทันทีแม้ว่าจะเพี้ยนไปแค่นิดเดียวก็ตามครับ

ดังนั้นท่านไหนที่ฟังแล้วบอกว่าไม่ต่าง ผมจะไม่โทษหรือจะกำหนิใดๆทั้งสิ้นครับ
เพราะนั่นคือเค้าได้ลองค้นหาด้วยตัวเองแล้ว เพราะประสาทการรับรู้และประสบการณ์การฟังของแต่ละท่านแตกต่างกันครับ แต่ในทางกลับกัน บางท่านกลับไม่เคยพิสูจน์ แล้วมาตัดสิ้นด้วยข้อมูลที่ลงไม่ลึกพอ และไม่เคยคิดที่จะทดลองฟังด้วยตัวเอง เรียกง่ายๆว่าจิตนาการขึ้นเองล้วนๆ หนำซ้ำบางคนยังชอบมาทับถมเสียดสีอีก แต่ยังไม่เห็นในบอร์ดนี้ ^_^

สุดท้ายแล้วอยากให้หลายๆท่านลองเสพดนตรีจริงๆด้วยครับ
ใช่ว่าจะเสพแต่ดนตรีจากสื่อหรือเสพแต่ดนตรีจากเครื่องครับ

หากมีคอมเม้นใดไม่ถูกใจหรือกระทบท่านใดแรงไปผมต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
ผมเป็นคนที่พูดจาค่อนข้างตรงน่ะครับ

ด้วยความเคารพ ลงชื่อ TroRuwA
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85

MOD91

24/04/2011 22:22:51
วางทุกอย่างไว้กันก่อนดีใหมครับ

ผมมีทางออกให้แล้ว สาย Snyc ดีดี ถ้าเราอยากรุู้ว่ามันมีผลกับการย้ายไฟล์

หรือปล่าว ถ้าจะให้ผมมาพูดเพียงฝ่ายเดียวคงไม่ได้เพราะผมเป็นคนทำ วิธีที่

ง่ายๆคือ ต้องลองด้วยตัวเองครับ เหมือนคุณ Mr.Burst ว่า เพราะความไม่

เชื่อ จึงแสวงหา ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่เชื่อเพียงแต่ท่านสงสัย เลยต้อง

พิสูจด้วยตัวเองโดยการลงมือปฎิบัติ วันนี้ผมมานั่งอ่านแล้ว ยิ่งทำให้ผม

อยากให้พวกเราได้ลองด้วยตัวเองมากกว่า ส่วนเรื่อง หลักการทางวิทยา

ศาสตร์ นั้นวางไว้ก่อน ต่อเมื่อทดลองด้วยตัวเองแล้ว ค่อยมาถกกันทีหลัง

น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้หายสงสัย ได้ดีและถูกวิธีกว่า ผมนั่งอ่านแล้ว เลยนั่งทำ

สาย Snyc เพิ่มมาอีกเป็น 5 เส้น เพื่อให้ท่านที่อยากรู้ว่ามันจริงหรือแค่อุปทาน

ไปเอง ส่วนใครลองแล้วเห็นผลยังใงก็เป็นความเห็นส่วนตัว ของแต่ล่ะ

บุคคล ไป ส่วนเรื่อง เราพอใหรือคุ้มค่าใหมที่จะหาซื้อสายเหล่านี้มาใช้นั้นอีก

ประเด็นหนึ่ง แต่ ประเด็นคือ เราแค่ต้องการพิสูจข้อสงสัยที่เราถกเถียงกัน ว่า

มันมีผลใหม กับการโอนถ่ายข้อมูล แค่นั้น ครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86

chanel

24/04/2011 22:50:50
0
@คุณมด ++ ว่าแต่คิวที่เดิมที่กระทู้สัญขรอ่ะครับไปถึงไหนก็ไม่รู้ 555+ รอจ่อไม่ได้ซักกะที อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87

กระเป๋าแบน

24/04/2011 23:11:59
0
ผมพอรู้หลักการรับส่งdigitalอะครับจากที่เคยเรียนมา แล้วจากการที่เคยใช้สายแท้ กับ สายที่ไม่มีคุณภาพ เสียงมันก็เหมือนๆกันอะครับ แต่พวกสายที่ดีๆเนี่ยจะอยู่กับเราทนมากๆครับ หัวไม่ค่อยหลวมเวลาเสียบ มันก็ดีของมันตามราคาเลยครับ

ผมก็รับฟังอีกด้านด้วยนะครับ แต่ผมก็แค่พูดในสิ่งที่เคยร่ำเรียนกับเคยใช้สายusbต่างๆมานะครับ ถ้ามีผลการทดสอบที่ชัดเจน ผมก็รับฟังด้วยครับ เชียร์ให้มีการทดสอบด้วย อิอิ เผื่ออาจจะเปลี่ยนความคิดผมด้วย

ขออภัยด้วยความจริงใจครับ ถ้าคอมเม้นของผมรบกวนพี่ๆนะครับ >_<
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88

bestwithyou

24/04/2011 23:22:58
กำลังจะได้ลองสายsync ในอนาคตอันใกล้ คิดว่าได้ลองแล้วคงต้องมาบอกกล่าวกัน

ส่วนคำถามที่ว่า โหลดบิทกับripเอง
ยังไงเสียงก็ต่างกันครับ เพราะมันต้องอ่านค่าจากcd
Drive โปรแกรม และอื่นๆ มีผลต่อการripของแต่ละเครื่อง

ถ้าเป็นไปได้ ก็rip เองดีกว่าครับ ผิดถูกเราจะเรียนรู้และสนุกไปกับมันครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 89

Mr.Burst

24/04/2011 23:29:24
3
โดยส่วนตัวนะครับ....

ช่วงที่ผมได้โจทย์ในการคิดค้นการพิมพ์หนังสือพิมพ์ให้เป็น 3 มิติ มันยากมาก เพราะกระดาษหนังสือพิมพ์มันห่วยกว่ากระดาษอาร์ตตั้งเยอะ เม็ดสีก็หยาบ จะทำให้มันออกมาเป็น 3 มิติ มันยากมากจริงๆ จะทำยังไงดีว้า.... ปัญหาร้อยแปดเข้ามาในหัว

แต่แค่นั่งคิด นั่งเถียงกับตัวเอง เถียงกับชาวบ้านไป ก็ไร้ประโยชน์

สุดท้าย ลงมือลองทำ ลองผิดลองถูก อดหลับอดนอน เอางานไปให้คนอื่นวิจารณ์ ด่า ประชด เหยียดหยาม กลับมาน้ำตาซึม ทำไม่ได้ ไม่สำเร็จ ต่างๆ นานา

แต่พอท้ายสุด... มันทำได้! มันสำเร็จ ผลงานหนังสือพิมพ์ 3 มิติฉบับแรกของประเทศไทยได้ตีพิมพ์ เพราะ "ความคิด" และ "ฝีมือ" ของเรา

ถึงตอนนี้... ผมไม่สนแล้วว่า ใครจะมองว่างานของเรา "แตกต่าง" หรือ "ไม่แตกต่าง" รู้แต่ว่า...

ผมได้ทำแล้ว แล้วความสำเร็จนั้น ผมได้รับแล้วล่ะ ^_^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90

แคนนอน

25/04/2011 00:08:30
0
เสนอให้จัด Blind Test ครับ

ไปเทสกันที่ร้านเฮีย หรือห้องใครก็ได้ โดยที่ผู้จัดอุปกรณ์แยกต่างหาก ผู้ฟังไม่มีสิทธิ์เห็นอุปกรณ์ครับ

เทสกันหลายๆ คน เอาผลมาหาค่าเฉลี่ยกันเลยครับ ตัดปัญหาอุปทาน ความรู้สึก


คิดว่านะจะจัดทดสอบได้ไม่ยากเลยครับ ถือเป็นกิจกรรมไปในตัว


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 91

แคนนอน

25/04/2011 00:13:13
0
วิธีทดสอบ ให้สลับไปมาระหว่างไฟล์ โดยการสุ่มสลับเอา บางครั้งก็เล่นไฟล์เดิืมซ้ำๆ ดูว่าคนฟังบอกความแตกต่างได้ยังไง

แบบนี้วัดได้ชัดเจนครับ ว่าอุปทานหรือไม่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 92

jomjomjom

25/04/2011 00:30:47
5
รักเบิร์ดย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 93

Mike

25/04/2011 00:40:21
1
คุณพี่แคนน่อนลองเอาสายมัดผักแคบมาลองบ๋อคับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 94

chanel

25/04/2011 00:56:03
0
รักพี่ทศยยยยยยย์ 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 95

1

25/04/2011 02:18:55
ทษฏ๊ กับ ลองจริงไม่เหมือนกัน
ผมลองจริง แล้วไม่ต่าง
เพราะฉะนั้น
ไม่ต้องโง่ ไปเสียเงินค่าเสียซิ้งค์แพงๆ โดยใช่เหตุ

บอกตัวเองนะ....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 96

R

25/04/2011 02:28:53
0
ผมอยากไปเล่น Double Blind Test ด้วยอะครับ จัดที่ร้านเฮียเลยน่าสนุกดี อิอิ

แต่สำหรับผมว่าไม่ต่างแน่นอน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 97

WhattheheaveN

25/04/2011 02:29:55
1
อะจึ๋ยยยยย....ถ้ามันคัน ก็ต้องจัดไปน่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 98

Montri

25/04/2011 02:52:25
1
ความเห็นผมถ้าหมายถึงการเอาไฟล์ไปเก็บไม่น่าต่างครับ ยังไงไฟล์ไปไม่ครบ มีอะไรเพิ่มเข้าไป ไฟล์เสียแน่นอน เพราะมันจะทำการเช็คต้นทางปลายทางก่อนครับ ครบก็เล่นได้ ขาดเกิน ก็เสีย

แต่เรื่อง USB ไป DAC น่าจะมีผล มันส่งแบบ Steam ผ่านไปคล้ายสัญญาณ Analog เพราะไม่มานั่งเช็ค ว่าง่ายๆ เหมือน UDP protocal นี่ล่ะ เพราะงั้นสายที่เที่ยงตรงมีผลแน่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 99

หนึ่งจุดแดง

25/04/2011 06:43:00
ขออนุญาตเฮียมั่น คคห 82 เพื่อให้คนที่มาอ่านทีหลังได้เข้าใจประเด็นตามที่ได้สรุปไว้ดีแล้วครับ

* * * * * * * * *
ผม(เฮียมั่น)มาช่วยสรุปคร่าวๆ สำหรับประเด็นที่คุยกันให้ทราบครับ เผื่อใครมาอ่านจะได้เข้าใจเร็วขึ้นจ้า 555


ประเด็นแรก.........คือการใช้สายสัญญาณดิจิตอล เช่นสาย Coax, Optical ไปเข้า DAC แล้วเล่นแบบ Real time ฟังกันเดี๋ยวนั้นเลย อันนี้ไม่มีข้อสงสัย คือทุกคนลงความเห็นว่าเสียงต่างกันแน่นอน


ประเด็นสอง..........คือการใช้สายดีๆ กับสายธรรมดาในการโอนไฟล์หรือก๊อปปี้ไฟล์ไปไว้อีกที่หนึ่ง โดยไม่ได้ฟังทันที ประเด็นที่่ออกความเห็นกันอยู่คือ ตกลงสายมันมีผลต่อเสียงหรือเปล่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 100

Radioactive

25/04/2011 07:34:31
0
ลองฟังประเด็นเรื่อง ecc (error checking & correction) ซึ่งมีคอมพิวเตอร์มาเกี่ยวข้องดูไหมครับ
(กรุณาใช้วิจารณญาณในการรับชม)

###เรื่องสาย sync###

ไฟล์เดียวต้นฉบับ (ที่คอมพิวเตอร์) ไฟล์เดียวกัน เครื่องเดียวกัน แล้วแล้ว sync ลงเครื่องเล่น ผ่านสาย sync ที่ไม่เหมือนกัน แล้วลองใช้การ checksum ไฟล์ที่ปลายทางดู ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มันเหมือนกันแน่ๆ 100% เพราะถึงแม้การส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไป player มันอาจจะมี error เกิดขึ้นได้บ้าง แต่มันก็มีขั้นตอนในการทำ error checking & correction อยู่ ซึ่งถ้าข้อมูลมันไม่ตรงกันเป๊ะๆ bit-by-bit ก็จะมีการส่งข้อมูลซ้ำได้

แต่ส่วนหนึ่งที่พออธิบายได้คือถ้าสายดีกว่ามีแนวจะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วกว่า เนื่องจากว่าความผิดพลาดในการส่งที่ต่ำกว่า จึงไม่ต้องเสียเวลาในการส่งซ้ำ

###สายสัญญาณาณ digital ในระบบอื่นๆที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์###
เนื่องจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์อาจไม่มีระบบ ecc ฉะนั้นในการส่งสัญญาณผ่านๆสื่อใดๆอาจมีข้อผิดพลาดจนส่งผลให้สัญญาณที่ได้แตกต่างกันได้ (จนหูมนุษย์สามารถรับรู้ความแตกต่างนั้นได้) เช่นพวกเครื่องเล่น CD ที่มีการส่งผ่านสัญญาณด้วยสาย coax/optical

ทังนี้แม้ว่าจะเสียบสายสัญญาณ digital เข้ากับคอมก็ตาม ก็อาจจะไม่สามารถใช้ความสามารถของ ecc ได้เสมอไป เพราะว่าข้อมูลบางประเภทมีลักษณะเป็น streaming ที่ไม่สามารถส่งซ้ำได้ บางชนิดก็เป็น data ที่สามารถส่งซ้ำได้ จึงจะสามารถใช้งาน ecc ได้



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 101

drrewatt

25/04/2011 08:47:41
1
สังเกตมั๊ยครับว่าประสบการณ์ทำให้เราหมดสนุก ทุกวันนี้ดูสารคดี ดูเกมส์โชว์
ดูมุกต่าง ๆที่พิธีกร พยายามนำเสนอ รู้สึกไม่สนุก เพราะเรารู้ว่าจะเล่นมุกอะไร
ดูมาเยอะแล้ว นี่เลยทำให้กร่อยไปเยอะ เหมือนตอนที่เล่นหูฟังใหม่ ๆ แค่หูถูกๆ
ไม่ถึงพันก็เพราะแล้ว พอเริ่มเล่น bose เล่นmonster จนถึงgrado
เริ่มฟังหูเดิมไม่เพราะแล้ว ยิ่งพอต่อแอมป์เข้าไป รู้สึกว่าฟังหูเปล่า ๆ ไม่เพราะอีก
ความพอใจจึงอยู่ที่ความพอเพียงมากกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 102

Kai

25/04/2011 08:57:38
2
ชอบกระทู้นี้จริงๆครับ

ผมได้ความรู้อะไรใหม่ๆเยอะเลยครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 103

Mr.Burst

25/04/2011 09:41:21
3
+1 Like คห.101 ครับ

เป็นอย่างนั้นเป๊ะๆ เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 104

o6Jfu

25/04/2011 09:46:17
0
@Radioactive +1

ผมก็ว่าไม่เกี่ยวนะครับ - -" เพราะ comp ต้องมีการ checksum
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 105

คนขี้เบื่อ

25/04/2011 10:16:23
+1 Like คห.101 ครับ

ยิ่งพออายุมากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น
1.กินอะไรก็ไม่ค่อยอร่อย .....กินมาจนเบื่อแล้ว
2.ออกไปเที่ยวนอกบ้าน......เฮ้อ เหมือนเดิม ไม่รู้ไปทำไม ขี้เกียจไปเบียด เสียทั้งเวลาและเสียสตางก์ป่าว ๆ

ฯ ล ฯ

อาจจะเรื่องเดียวที่ยังไม่ค่อยเบื่อ...อิอิ


เฮ้อ เข้าเรื่อง เห็นว่าสาย Sync ไม่ทำให้คุณภาพไฟล์เสียงเปลี่ยนแปลง แต่มีผลกับการฟังเสียงสำหรับคนเชื่อว่าทำให้เสียงเปลี่ยนจร้า

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 106

JFK6

25/04/2011 10:29:58
2
ถ้าผม up ไฟล์เพลงเดียวกันไปที่เวป mediafire และ rapidshare
เสียงมันจะต่างกันมั๊ยครับ เพราะ server ของทั้งคู่น่าจะอยู่คนละที่หรือคนละประเทศเลย ผ่านสายสัญญาณที่ต่างกันอาจจะคนละชนิด คนละระยะทาง หัวต่อคนละยี่ห้อ ฯลฯ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 107

นายมั่นคง

25/04/2011 10:38:32
4,294
แฮ่ะๆๆๆๆ คห 105 ครับ เรื่องเดียวที่ยังไม่ค่อยเบื่อนี่เรื่องไหนครับ ผมจะได้รู้ด้วยคน ว่าที่ไหนไม่น่าเบื่ือล่ะจ้าๆๆๆๆ 555






เอ้า ประเด็นที่กำลังถกกันอยู่นี่น่าสนใจครับ คือการโอนไฟล์ไปโดยสายต่างชนิดกัน จะให้ผลแตกต่างกันได้จริงหรือ ผมว่าจริงๆ เราน่าจะทำโพล และทำการ Test โดยให้หลายๆท่านมาเทส ไฟล์ 2 ไฟล์ที่สร้างขึ้น หรือคัดลอกมาด้วยสายที่ต่างกัน

แล้วบันทึกผลการฟัง แล้วมาสรุปกันอีกที ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ผมว่าเราได้ความรู้และสาระเพิ่มขึ้นทุกกรณีแน่นอนจ้า ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ มีแต่ได้ประสบการณ์และความสนุกร่วมกันมากกว่าครับ..........
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 108

boomer1983

25/04/2011 11:22:18
+1 ความคิดเห็นที่ 101 ด้วยครับ มันเป็นยังงั้นจริงๆ บางทีผมยังอยาก....ไม่บอกดีกว่า 555+ เหมือนว่าพอชีวิตมันผ่านอะไรมาเยอะจนเรารู้สึกว่าก็ไม่เห็นมีอะไรใหม่ๆที่พอจะกระตุ้นให้เราอยากรู้ได้แล้ว มันจะเกิดความเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรไปซะอย่างงั้นเลยอ่ะครับ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่กำลังถกกันอยู่นี้(ออกตัวไว้ก่อนว่าผมเคารพความคิดเห็นของทุกท่านนะครับ)เหมือนเราลืมอะไรไปหรือเปล่า ความสุขจากการฟังเพลงของเรามันหายไปไหน ที่เรามาเถียงกันอยู่นี้เพื่ออะไร เพื่อต้องการจะชี้ให้เห็นว่าใครผิดใครถูกหรือ? เพื่อต้องการทำให้คนอื่นเห็นว่าความคิดของเราถูกหรือ? ผมว่าอยากรู้อะไรก็ต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเราเองครับ แล้วเราก็จะรู้ด้วยตัวของเราเองไม่ต้องมานั่งเถียงกับใครด้วย อีกอย่างคุณ MOD91 เค้าก็ไม่ได้ยัดเยียดหรือบังคับว่าให้คุณลองทำตามเค้านะครับ ดูจุดประสงค์เค้าดีๆอย่าตีเจตนาคนอื่นผิดครับ เค้าแค่ต้องการเอามาให้ลองใช้กันดูแค่นี้ก็มีน้ำใจเท่าไรแล้วครับ ส่วนใครจะลองไม่ลองมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณครับไม่มีใครบังคับ ลองแล้วต่างหรือไม่ก็แค่เอาประสบการณ์มาเล่าบอกกันครับ ไม่ได้ให้มาเถียงกัน อย่างผมเนี่ยผมก็ไม่ได้มาต่อคิวขอลองกับคนอื่นนะ เพราะผมว่าที่ผมมีอยู่มันก็ดีแล้ว เลยไม่รู้จะหาเรื่องเสียหูหรือเสียตังไปทำไม สรุปง่ายๆสิทธิ์ของใครของมันความคิดใครความคิดมัน ส่วนจะคิดถูกหรือคิดผิดมันก็เป็นเรื่องของคนนั้นๆครับ อย่างนึงที่ผมบอกได้คือพยายามอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วครับ อยากรู้อยากลองต้องพิสูจน์เท่านั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 109

ก๊วกกี้

25/04/2011 11:25:37
37
ไอพอดคลาสสิคใช้ฮาร์ดไดรฟ์ ในฮาร์ดไดรฟ์มีแม่เหล็ก เวลาฟังก็หาทิศทางวัดมุมดีๆ กับสนามแม่เหล็กโลกด้วยนะครับเ เสียงจะได้ดีๆ จะคว่ำจะหงายเสียงก็ไม่เหมือนกันนะเออ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 110

มนุษย์แฮม

25/04/2011 11:43:29
0
เข้ามามึน ศักเทคนิค ครับ โง่ ๆ แบบผมอ่านไม่เข้าใจ แต่ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาเหมือนกัน 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 111

Montri

25/04/2011 11:45:55
1
@ก๊วกกี้ .... 5555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 112

ting1820

25/04/2011 11:48:55
0
นั่นดิถึงว่าทำไม ไอพอด ของผมเสียงมันถึงแปลกไป

รู้แล้วล่ะ ว่ามันเป็นเพราะ แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น แล้วทำให้แกนดลกมันเอียงไปนี่เอง

ทีแรกผมก็นึกว่าเป็นว่าสุดที่รัก แคะขี้หูให้ผม 55555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 113

MOD91

25/04/2011 12:02:28
6
Blind Test ผมทำในกลุ่ม เพื่อน ไปแล้วเหมือนกันครับ ผมใช้ วิธีลง เพลง เดียว กัน 4 เพลง ด้วยสายซิ้งค์ คนล่ะเส้น เพียงแต่ผมไม่บอกว่าลงด้วยสายซิ้งค์คนล่ะเส้น เพื่อตัดปัญหาเรื่องอุปทานออกไป ผมให้ลอง ฟัง ว่าเพลง 2 ชุดนี้ เสียงต่างกันใหม

โดยหลักการมันเป็นไปไม่ได้ แต่ ผม เสียดายอยู่นิดหนึ่ง ว่าทำไม เราไม่ลองเปิดใจ ทดลองกันก่อน แล้วค่อยมาสรุป กันอีกที ซึ่งผลที่ตามมานั้น ผมเป็นคนที่รับเต็มๆ อยู่แล้วครับในเมื่อผมทำออกมา ดีกว่าจะปล่อยให้มันเป็นข้อสงสัยกันต่อไป ดีใหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 114

bestwithyou

25/04/2011 12:10:04
0
ยังมีอะไรที่ลึกลับอีกเยอะครับ แบบที่คิดตามแล้วไม่น่าเชื่อ
แต่ก็มีคนเล่นกันเฉพาะกลุ่ม

สายsync เอามาเทสกันที่ร้านเฮียก็ดีครับ ประโยชน์ล้วนๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 115

oxide

25/04/2011 14:02:27
0
คุณ Mod91
ให้กำลังใจนะครับ
ดีไม่ดีคงต้องลอง
ดีกว่าไม่ทำอะไรแล้วคิดสรุปไปเลย
สมมติฐาน(hypothesis) ไม่ใช่ บทสรุป
ต้องทำการทดสอบสมมติฐาน ก่อน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 116

Mike

25/04/2011 15:39:59
1
นิดนึงครับ ถ้าผมจำไม่ผิดการตั้งสมมติฐานมันต้องตั้งแบบอิงหลักการและทฤษฎีด้วยนะครับ ถ้าจำไม่ผิดนะ เรียนผ่านมาหลายปีแล้ว 5555

อ้ายมด เอาสายมาวางไว้ร้านป่านซักเส้นลอครับ แบบว่าหื้อคนเจียงใหม่มาลองกั๋นเลย
ลองหื้อแล้วๆเรื่องไปเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 117

AiKengEHZ

25/04/2011 16:50:00
0
"ต้อง"ปิดตา....แล้วเปิดหู

ก่อนจะทำการตามล่าหาความจริงต่อไป

ตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ "น่าจะ"หรือ"อาจจะ" ออกไปให้หมดก่อน

แบบว่าชอบความแน่นอน จับต้องได้ จากผู้สันทัดกรณี

แต่ในกรณีนี้....ผมว่าไม่ต่างแน่ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 118

yokboa

25/04/2011 17:13:28
1
ไม่ใช่ว่าลองแล้วต่าง แล้วมันจะต่างจริงๆนะ
เพราะ มนุษย์ทุกคนมี bias ในตัวอยู่แล้ว
ยิ่งแค่กับประสาทสัมผัสมนุษย์ ยิ่งเชื่อถือได้ยากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 119

muji

25/04/2011 17:51:06
ต่างไม่ต่างแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน พอใจและมีความสุขไม่เห็นต้องมาให้คนอื่นมากล่อมเราเลยครับ ตัวเราเองน่าจะเลือกในสิ่งที่เราชอบมากกว่าให้คนอื่นเอาความคิดมายัด ส่วนตัวผมใช้สายแพงและมีความสุขกับมัน ผมว่าไม่มีฝ่ายใหนถูกหรือผิด100% ใช้ตามกำลังทรัพย์และความพอใจครับ ที่ว่าฟังแล้วไม่ต่างกันก็มีbiasมาตั้งแต่แรกเหมือนกัน เห็นด้วยที่ว่าถ้าอยากได้สายเทพแล้วลำบากพ่อแม่ก็อย่าไปเอามันเลยแต่ถ้ามีเงินซื้อมาใช้มันก็ความสุขส่วนตัวนะครับ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 120

prakijz

25/04/2011 21:05:13
สาย sync ชื่อก็บอกละครับว่าเอาไว้ synchronize ก็คือเอาไว้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะกัน เวลาเราเชื่อมต่ออุปกรณ์กับคอมพิวเตอร์เพื่อนที่จะโอนข้อมูลให้กันมันจะต้องมีการอ้างอิงสัญญาณนาฬากาหรือที่เรียกว่าสัญญาณคล็อกครับ ในกรณีของไอพอดจะมีวงจรสำหรับซิงโครนัสอยู่ และมีคริสตัลที่ทำหน้าที่ควบคุมความถี่สัญญาณนาฬิกาไว้อยาชัดเจนแล้ว เวลาจะส่งต่อข้อมูลที่เป็นดิจิตอล ทั้งคอม และไอพอดจะนับเวลาที่ตรงกันครับ ไม่เกิด jitter อย่างแน่นอนเพราะอ้างอิงสัญญาณในการทรานสเฟอร์จากที่เดียวกันฉะนั้นทุกบิตจะถูกส่งเรียงกันไปครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสผิดพลาด โอกาสพลาดมีครับ แต่ในไฟล์ดิจิตอลโดยเฉพาะไฟล์เพลง จะมีบิตอยู่ชุดหนึ่ง ที่เรียกว่า checksum เอาไว้ตรวจสอบว่าได้ข้อมูลถูกต้องหรือไม่ครับ ซึ่งเชื่อถือได้ 100% ถ้าไฟล์นั้น checksum ไม่ผ่านหรือมีบิตใดบิตหนึ่งจากหลายๆล้านบิตผิดพลาดหรือหายไป ผลก็คือไฟล์เสียไงครับ เพราะฉะนั้นผมยืนยันตาม คห 49 ว่าสำหรับไฟล์ดิจิตอล ต้นฉบับเป็นอย่างไร ไฟล์ที่คัดลอกมาย่อมเหมือนกันทั้งหมดครับ
ผมเห็นบางคนใช้สายสัญญาณดิจิตอลแพงๆแล้วผมก็เหนื่อยใจแทนจริงๆ
สำหรับคห.118 ผมเห็นด้วยครับเรื่อง bias
สำหรับสายนำสัญญาณอนาล็อกผมไม่เถียงครับ มีผลแน่ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 121

muji

25/04/2011 22:21:06
ถ้าข้อความ120เป็นแบบนั้นจริงแล้วผมขอถามครับว่าบางทีfileรูปภาพที่เรา copyจาก com ไป external harddisk แล้วบางทีภาพมันไม่เต็ม แบบเห็นแค่ครึ่งภาพและส่วนที่เหลือเป็นสีเทา แบบนี้มันไม่ได้ checksumแบบเดียวกันหรือปล่าวครับเพราะเวลาย้ายfileมันก็ไม่ได้ขึ้นว่าfail แต่พอมาเปิดดูมันกลับมีปัญหา เพราะมันก็ file digital เหมือนกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 122

Mr.Burst

25/04/2011 22:23:08
3



นั่นไง! จับได้แล้ว 55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 123

chanel

25/04/2011 22:40:14
0
ปฎิบัติเท่านั้นถึงจะบรรลุ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 124

ก๊วกกี้

25/04/2011 23:57:04
37
121 อันนั้นเขาเรียกว่าไฟล์เสียมั้งครับ

กรณีนี้มันน่าจะเปรียบเทียบกับพวกเสียงกระตุก หรือเปิดไม่ได้ครับ


ส่วนเรื่องเสียงที่คุยๆ กันนี่ต้องเอามาเปรียบเทียบกันว่าคอนทราสต์ของรูปเพี้ยนสีเพี้ยนอะไรงี้กันมากกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 125

Muji

26/04/2011 00:36:53
0
แล้วจะมั่นใจได้ยังงัยครับว่าerrorที่เกิดขึ้นมันจะมาในเพียงแค่รูปแบบที่คุณคิด อันนี้ไม่ได้กวนนะครับอยากคุยกันจะได้แลกเปลี่ยนความคิด และมีตัวอย่างภาพให้ดูว่าถ้ามันเกิดกับภาพได้ทำไมจะเกิดกับfile เสียงไม่ได้ครับ
http://www.prodrive-shop.com/forum/viewtopic.php?f=33&t=198&sid=f65ecb256c55f4bade7f399217dcb1f3

http://farm3.static.flickr.com/2072/2221892176_2e205aa4c8.jpg

http://img816.imageshack.us/i/31102010111.jpg/

ดูแถบสีนะครับมันมีcontrast ที่เพี้ยนด้วย มันเป็นfile error ที่ผมอยากให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ
เพียงแต่ด้านเสียงไม่รู้จะเอาอะไรมาวัดผมว่าจะแค่พูดว่าการกระตุกไม่น่าจะใช่แค่errorเดียวที่จะวัดได้ว่าfileนั้นมีปัญหาหรือไม่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 126

ก๊วกกี้

26/04/2011 00:50:13
37
ผมหมายถึงว่า สีออกมาไม่เหมือนกันอะครับ ไม่ได้ออกมาเป็นปื้นๆ แผ่นๆ แบบนั้น ไอ้แบบนั้นก็เหมือนเพลงกระตุก ไม่ใช่เสียงเพลงอิ่มกว่า ไดนามิคมากกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 127

Muji

26/04/2011 01:12:30
0
งั้นช่วยหาbackupที่เชื่อถือได้หน่อยครับว่าอะไรถึงชี้วัดว่าสมการจะเป็นแบบนี้เสมอไป
fileภาพเสียในรูปแบบนั้น=fileเพลงกระตุก
ผมก็ไม่รู้เรื่องเสียงเยอะหรอกครับแต่ก็ทดลองไปเรื่อยๆ พวกเครื่องกรองไฟก็ซื้อมาลอง clef จากร้านเฮียเพราะอยากลอง คือได้ทดสอบเองก็ดีกว่าฟังเค้ามาแล้วตอบสุ่มๆ
แน่นอนว่าผมต้องมีbiasอยู่แล้วและผมก็เชื่อว่าหลายๆคนที่คิดว่าdigital file transfer มันก็เหมือนๆกันก็มีbias เหมือนกันแต่ก็เป็นสิทธิของคนแต่ละคน ไม่ว่ากัน:)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 128

natopmath

26/04/2011 01:39:23
0
คุณก็ลอง Copy ให้ได้ความต่างแล้วโพสมาให้ผมดูหน่อยสิครับ ขอเป็น VDO นะครับ ไม่กล้าล่ะสิ อีกแล้วๆ โดนลบแหงๆ เพราะทำให้ขายของไม่ได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 129

ก๊วกกี้

26/04/2011 01:47:06
37
ผมไม่เข้าใจสองบรรทัดแรกครับคุณMuji
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 130

Muji

26/04/2011 02:26:29
0
@คุณnatopmath ผมไม่ต้องพยายามขนาดนั้นหรอกครับเพราะไม่ได้อยากพิสูจน์ และมันเกี่ยวอะไรกับขายของครับบ้านผมไม่ได้ขายของครับ:) โตๆกันแล้วคุยกันแบบมีวุฒิภาวะดีกว่ามากัดกันนะครับ:) เชิญพูดตามสบายครับถ้าคุณจะรูสึกดีขึ้นกับตัวเอง
คุณก๊วกกี้ครับต้องขอโทษด้วยครับผมพิมพ์งงๆคือผมแค่สงสัยครับว่าการที่file digital มันผิดพลาดระหว่างtransferมันจะเป็นได้ในกี่รูปแบบที่เราจะสามารถdetectมันได้ และที่ว่าfileเสียงท่ี่อาจจะเกิดการบิดเบือนได้มันจะมีแค่เรื่องกระตุกอย่างเดียวหรอครับ เราจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่ามันไม่กระทบคุณภาพของเสียงครับ ถ้ายังงงอยู่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมคงอธิบายไม่เก่ง:)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 131

ก๊วกกี้

26/04/2011 02:55:36
37
อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ไอ้เรื่องทางเทคนิคที่เขาคุยๆกันเนี่ยมันอยู่เหนือความอยากรู้อยากเห็นของผมอะครับ จะให้ยกตัวอย่างว่ามีอะไรบ้างก็เห็นทีจะจนปัญญา เพราะคอมผมมีไว้เล่นเน็ตกับฟังเพลงเฉยๆ แหะแหะ


แต่ก็ยืนยันอีกครั้งครับว่ารูปข้างต้นนั้นมัน "ไฟล์เสีย" ครับจะจากสายซิงค์หรือธัมไดรฟ์ไม่มีคุณภาพ หรือสัญญาณเน็ตขัดข้องพอดีระหว่างเซฟรูปก็เป็นไปได้ครับ ซึ่งความผิดพลาดพวกนี้มันจะไม่มีทางแสดงออกในลักษณะ "สีอิ่มกว่า มีน็อยซ์มากขึ้น ระยะชัดตื้นดีขึ้น" เด็ดขาดครับ

ถ้าเทียบกับไฟล์เพลงก็เหมือนกัน เพลงกระตุก มีเสียงข้าวโพดเป๊าะแป๊ะ หรือแบบหนังเอวีสมัยก่อนที่พิกเซลแตกไปจนถึงเปิดไฟล์ไม่ได้ นั่นคือผลจากการ ก็อป/ซิงค์ ผิดพลาดครับ ฉันใดฉันนั้น เพลงมันจะไม่มีทางที่สเตจกว้างขึ้น ไดนามิคทรานเชี้ยนต์จะแจ้ง เสียงแหลมโรลอ๊อฟ จากการทรานสเฟอร์ไฟล์ครับ

ศัทพ์เทคนิคอาจไม่ถูกต้อง.. แต่มันก็เป็นเช่นนี้อะ(มั้ง)ครับ



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 132

TroRuwA

26/04/2011 09:18:08
1
@คอมเม้นที่ 120
ก่อนคุณจะตรีตราเรื่องสายดิจิตัล คุณแยกแยะการเล่นไฟล์กับการ copy ไฟล์แล้วหรือยัง
คุณเอาหลักการมาแย้ง แต่ไม่ได้แยกแยะการใช้งาน = คุณเอาของมาใช้ผิดประเภทครับ

ส่วนเรื่อง bias กับประสบการณ์การฟังเป็นเรื่องส่วนบุคคล
คุณอาจจะมองว่า bias อีกฝั่นอาจจะมองว่าขาดประสบการ์
ในส่วนนี้ก็มีมุมมองสองมุมมอง เป็นเรื่องส่วนบุคคล
อย่าเอา bias มาเป็นเครื่องมือครับ เพราะถ้าคุณบอกฟังแล้วไม่ต่าง
อาจจะเกิดจาก bias ของคุณเองก็ได้ เพราะนักเล่นส่วนใหญ่เวลาฟังแล้วเกิดความต่าง
ถ้าไม่มั่นใจจริงๆเค้าจะเกิดคำถามขึ้นในใจก่อนว่าเป็น bias รึเปล่าเป็นความรู้สึกรึเปล่า
และเขาจะหาคำตอบให้ตัวเองกันครับว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องที่จิตใจเราหลอกตัวเอง
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเป็นคนที่ลองของใหม่แล้วผลที่ได้มันแตกต่างไม่มากนัก
เค้าจะนึกในใจทันทีว่า....... หูฟาด ฟังผิด ไม่มีสมาธิ จิตหลอน bias หลอกตัวเอง
เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า เค้าก็จะนั่งลองใหม่หลายๆรอบ หาอย่างอื่นมาลอง หาเพื่อนมาช่วยฟัง
หาคนมาช่วยถอดๆเสียบๆ แล้วฟังใหม่ เค้าก็จะลองจนกว่าจะได้บทสรุปที่ค่อนข้างแน่นอน
เพราะนักเล่นส่วนใหญ่จะเล่นก็ต่อเมื่อมีความคุ้มค่ากับจำนวนเงินที่จ่ายครับ
ดังนั้นหากจ่ายแล้วได้ของมาใช้แบบไม่สมเหตุสมผลหรือหลอกตัวเอง เขาคงไม่ใช้กัน
ผลไม่ได้บอกว่าคุณจะฟังออกจริงๆ ผมไม่ได้บอกว่ามันได้ผล แต่ผมแค่อยากแชร์มุมมองในด้านที่ต่างออกไป เพราะตัวผมเองผมฟังแล้วมันมีผล(ในกรณีเล่นไฟล์ไม่ใช่copyไฟล์)
เลยอยากให้ลองเปิดใจไม่ว่าจะลองฟังหรือรับข้อมูลด้านอื่นบ้างครับ ^_^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 133

นายมั่นคง

26/04/2011 09:47:39
4,294
มาตามสรุปประเด็นให้กับท่านที่เพิ่งมาอ่านนะครับ


ประเด็นคือ...........การ copy ไฟล์ ด้วยสาย sync ที่โครงสร้างและคุณภาพตัวนำต่างกัน จะมีผลทำให้คุณภาพเสียงต่างกันได้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การมาเปิดฟังแบบ Realtime แต่แค่เป็นการก็อปปี้ข้อมูลเฉยๆ ครับ และเป็นการมาเปิดฟังภายหลังโดยไม่ได้เกี่ยวกับสาย Sync เส้นนั้นอีก.......
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 134

IT

26/04/2011 10:24:35
คุณ natopmath คห. 128 อย่าเบี่ยงเบนประเด็นสิครับ คุณพูดแบบนี้ เหมือนไม่ให้เกรียติ เจ้าของเวป เขาใจกว้างพอ ไม่ลบของใครง่ายๆหรอกครับ ทำไมคุณไม่ลองเองล่ะครับ หรือว่าคุณพอใจที่จะโดนครอบอยู่แต่ในนั้นหัดเปิดมันออกแล้วกระโดดออกมาข้างนอกบ้างซิครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 135

FolkTrance

26/04/2011 10:32:57
3
เรื่องไฟล์เสียผมก็เป็นครับ กรณีของเขาน่าจะเกิดจาก Storage ทำไฟล์เสียครับ

เช่น เอาภาพจากกล้องเอามาลงที่ Mac ทุกอย่าง OK ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอ copy มันลง Flash Drive แล้วย้ายไปทำงานฝั่ง Window ซึ่งผมใช้ Word ในการทำรายงานกับ PC อีกที่นึง ผมก็แค่จะเอาไฟล์ภาพใน Flash Drive มาใช้แต่กลับเปิดไม่ได้ Word บอกให้ไป check ไฟล์ภาพว่าเสียหรือไม่ ปรากฎว่ามันไม่สามารถเปิดไฟล์ภาพได้ครับ ต้องใช้ Photoshop เปิดเอาอย่างเดียวแล้วทำการ Save กลับมาเป็น JPG อีกครั้งถึงจะสามารถเปิดไฟล์ภาพได้ตามปกคิ แน่นอนใช้กับ WOrd ได้ด้วย

ทำให้สงสัยว่าทำไมต้องทำผ่าน Photoshop โดยการ save ซ้ำอีกครั้ง หรือว่า Flash Drive ผมมันจะเน่าแล้วเลยเป็นผลทำให้ไฟล์เสีย ( ปกติพวก Flash Drive มีโอกาสทำให้ไฟล์เสียได้ ยิ่งเป็นพวก Flash Drive ของเก๊นี้ยิ่งต้องระวังให้มากๆครับ เพราะเพื่อนผมมีงานมากมายแต่ไม่สามรถเปิดงานหรือโอนงานจาก Flash Drive ได้เพราะไฟล์มันเน่าไปแล้ว =_=)

* อ้อไฟล์ภาพแค่บางภาพด้วยไม่ใช่ทุกภาพ
* ไฟล์ข้อมูลหากเสียก็น่าจะเปิดไม่ได้ 100% แต่กรณีของผมใช้ Photoshop save ซ้ำมันดันทำได้ เพราะเป็นไฟล์เพลง ไฟล์หนัง ไฟล์งาน ลองไฟล์เสีย = Game over เท่านั้น แปลกดีๆ 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 136

saminbox

26/04/2011 11:37:15
0
ไม่มีผล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 137

sit39

26/04/2011 11:50:19
0
แว๊ก..กกกกก55555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 138

WhattheheaveN

26/04/2011 11:59:38
1
กรี๊ด....ดดด แฮ่ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 139

g-7

26/04/2011 12:03:01
ไม่ยากครับ

การลองทำการ Transfer file เพลงเดิมๆกลับไปกลับมาหลายๆรอบเข้าครับ ถ้าสายทำให้เสียงเปลี่ยนจริงๆ เวลาเราทำซ้ำๆกลับไปกลับมาคุณภาพมันย่อมเปลี่ยนๆไปเรื่อยๆครับ อาจจะดีขึ้น เสียงคมขึ้น ชัดขึ้น หรืออาจจะขุ่นลง drop ลงก็ได้ครับ

ถ้าการเปลี่ยนแปลงมันคงที่ เช่น ดีขึ้นแบบไม่เปลี่ยนไปกว่านั้นอีกแล้ว ผมว่ามันไม่ใช่เพราะสายแล้วละครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 140

สาเล็ก(เขียนบน Siemens SL45)

26/04/2011 12:58:53
ผมว่านะ
ถ้ามันเสียงดีขึ้นจริง
ก็ลองเอาไฟล์นั้น+สาย Sync เส้นนั้นแหละ ก็อปมันหลายๆเที่ยว
ไฟล์มันจะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ 555+
ขำ ๆ นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 141

++อีก จุด จุด จุด

26/04/2011 13:57:35
เอ้า อุปทานหมู่กันเข้าไป ทั้งสาย ไฟ สาย Sync สาย digital ทั้งหลาย โดนเขาเสกคาถาสะกด

จิต ขายของก็เชื่อตามเขาไป ราคาแพงหุฉี่ก็หลับตาซื้อ จับมาเทสทีไรเห็นตายทุกที อ้างนู้นอ้างนี้

ไปเรื่อย ยิ่งไอ้พวกสาย สัณญาณสั้นๆ 10-20 CM ทางเดินสั้นๆมันไม่ผลกับเสียงหรอก จะออก
นอกหลักการนัก ครูบาอาจารย์ท่านจะหัวเราะเอา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 142

เหอะๆ

26/04/2011 13:59:19
แบบนี้ เวลาผมหาโหลดเพลง ผมต้องใช้เน็ตยี้ห้อไรอะครับ คุณภาพถึงไม่ตก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 143

26/04/2011 14:13:21
++คุณ ดัลเมเชี่ยน ++อีก จุด จุด จุด เจ้าของขังไว้นานไปหรือปล่าวครับ ++
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 144

จำไม

26/04/2011 14:23:07
สาย Sync มีผลกับเสียงครับ ยืนยัน ..
ทำให้เสียงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลย

เสียงที่เห็นด้วย..กับเสียงที่ไม่เห็นด้วย...อย่างที่เห็น ๆ ในกระทู้จร้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 145

natopmath

26/04/2011 15:19:25
0
สุดท้าย พวกคุณก็ไม่สามารถ หาหลักฐานมาให้ผมได้...ว่า มันมี bit ที่เปลี่ยนไป....

แล้วจะให้เชื่อได้อย่างไรว่า เสียงดีขึ้น?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 146

natopmath

26/04/2011 15:22:59
0
เพราะว่าถ้า Bit เหมือนเดิม เสียงที่ได้ ก็ต้องเหมือนเดิม จริงไหมล่ะ ถ้าแบบนั้น คุณลองใช้สายของคุณ Copy ให้ดู แล้วเปรียบเทียบไฟล์ดู ว่าแตกต่าง แค่นี้ คุณไม่ยอมทำ ... มันง่ายมากเลยนะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 147

หมอง

26/04/2011 15:27:26
คนละเรือ้งเล้ยครับ ก้อบไฟล์กะเล่นไฟล์เนี้ย บางท่านหลงประเด็น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 148

natopmath

26/04/2011 15:29:11
0
ผมเข้าใจถูกนะ ชิมิ ตามที่เฮียมั่นเขาเขียนว่า


มาตามสรุปประเด็นให้กับท่านที่เพิ่งมาอ่านนะครับ


ประเด็นคือ...........การ copy ไฟล์ ด้วยสาย sync ที่โครงสร้างและคุณภาพตัวนำต่างกัน จะมีผลทำให้คุณภาพเสียงต่างกันได้หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การมาเปิดฟังแบบ Realtime แต่แค่เป็นการก็อปปี้ข้อมูลเฉยๆ ครับ และเป็นการมาเปิดฟังภายหลังโดยไม่ได้เกี่ยวกับสาย Sync เส้นนั้นอีก.......
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 149

MPC

26/04/2011 16:12:55
ขออธิบายแบบภาษาชาวบ้าน นะครับ สาย ไฟ หรือสายสัณญาณ ต่างๆ จริงๆมันคืออุปกรณ์ทางอีเล็กโทรนิคชนิดหนึ่ง ถามว่ามันมีผลกับการทำงานใหม ตอบว่ามี แต่จะแสดงผลในรูปแบบใดนั้นต้องดูองค์ประกอบส่วนอื่นด้วย ถ้าไม่มีอุปกรณ์ทางอีเล็กโทรนิคต่างๆ คงไม่ต้องคัดเกรดเอาอุปกรณ์ห่วยๆหรือ สายไฟแบบใดมาทำก็ได้ ส่วนเรื่องสาย สาย Sync กับการโอนถ่ายข้อมูล หรือ สายสัญญาณ digital มีผลทำให้เสียงดีขึ้นใหม ไม่สามารถฟันธง ได้ 100 % เนื่องจาก เรื่องของเสียง ที่มนุษย์ได้ยิน นั้น ซับซ้อนกว่าเครื่องมือ หรือหลักการทางวิทยาศาตร์ แต่สายสัญญาณที่ผลิตจากวัสดุชั้นดี มีผลกับการโอนถ่ายข้อมูล 100% ถ้าสาย Sync จะมีผลกับเสียงสาเหตุอาจจะมาจากการที่รับส่งข้อมูลได้เร็วขึ้น และสมบูณร์ กว่าสายคุณภาพต่ำ ซึ่งข้อมูลที่โอนถ่ายนั้นมาแสดงผลในรูปแบบของเสียง แน่นอนว่าเราต้องใช้หูฟังเท่านั้นจึงจะรับรู้ได้ ฉะนั้นหลักการทางวิทยาศาตร์ กับการฟังของมนุษย์ผลลัพท์มันต่างกัน คล้ายๆกับแอมป์หลอด ที่เครื่องมือทาง อีเล็กโทรนิค วัดความเพี้ยน(Harmonic Distortion) สูงกว่าแอมป์ทรานซิสเตอร์ แต่กลับฟังแล้วเพราะสบายหู กว่า
ส่วนเรื่องโหลดเพลง ทาง อินเตอร์เนต นั้น วิธีทดสอบง่าย ๆ ให้ท่านริปเพลงจากแผ่นลงเครื่องแล้ว ส่งให้เพื่อนโหลด เก็บเข้าเครื่อง จากนั้นลองเอาไฟล์ที่ริปตรงจากแผ่นไปลองเปิดฟังเทียบกับ ไฟล์ที่เพื่อนโหลดเก็บ แล้วจะรู้เองครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 150

สม

26/04/2011 16:21:07
ไม่มีเงินซื้อของดีแล้วอิจฉาคนอื่นเค้า เดี๋ยวมาอ่านกันคงตอบกลับว่าต้องโง่ด้วยที่จ่ายแพง คิดได้แค่น์ี้ก็ช่าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 151

natopmath

26/04/2011 16:22:09
0
แต่เครื่องมือทาง Digital อ่านไฟล์ Digital output ออกมาจะต้องเหมือนเดิมครับ ดังนั้น หากสายดังกล่าวไม่ทำให้ bit เปลี่ยนไป ดังนั้น ไฟล์ จะมีคคุณสมบุติเหมือนกันทุกประการ เสียงที่ออกมาจะเหมือนกัน ถ้าไม่เหมือนกัน ทั้งๆที่ ไฟล์เดียวกัน bit เท่ากันเป๊ะ แสดงว่าเครื่องนั้น ไม่มีมาตรฐานในการทำงาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 152

natopmath

26/04/2011 16:30:05
0
"คล้ายๆกับแอมป์หลอด ที่เครื่องมือทาง อีเล็กโทรนิค วัดความเพี้ยน(Harmonic Distortion) สูงกว่าแอมป์ทรานซิสเตอร์ แต่กลับฟังแล้วเพราะสบายหู กว่า"

ไม่คล้ายเลยครับ กรณีนั้นเป็นความชอบของแต่ละคนครับ และคุณเขียนเองว่าเครื่องมือวัดความเพี้ยน แสดงว่า ทั้งสองชนิดมีความเพี้ยนสิครับ ทำให้เสียงออกมาไม่เหมือนกัน พอไม่เหมือนกันปุ๊บ ก็แล้วแต่ผู้ฟังแล้วครับว่า ชอบเพี้ยนแบบไหน...จริงไหม


แต่ในกรณีนี้ ไฟล์มัน bit เท่ากัน ผลที่ได้ จะได้เสียงเหมือน ผมจะยกตัวอย่างแบบคุณ
สมมุติว่า เปิดไฟล์ ก และไฟล์ ข เครื่องมือวัดความถี่เสียง ออกมาได้ กราฟเท่ากันเป๊ะๆ จะมีสิทธิ์ไหมที่นาย A จะบอกว่า ไฟล์ ก เพราะหูรื่นหูกว่า ไฟล์ ข
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 153

26/04/2011 16:42:07
คห 152 มาจากที่เดียวกันกับ คห. 141 หรือปล่าว แ_วะเขาไปเรือย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 154

TroRuwA

26/04/2011 17:12:05
1
คำถามง่ายๆเราฟังเพลงหรือฟัง bit ครับ

@ความเห็นที่ 152 ผมเห็นคุณแย้งเรื่องดิจิตัลการส่งถูกต้อง bit ไม่ผิดเพี้ยน
และถามหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ผมถามง่ายๆก่อนครับ
คุณต้องการหลักฐานในเคสไหน โอนถ่ายไฟล์ หรือเล่นแบบ realtime ครับ
เพราะดูเหมือนคุณยังไม่ได้แยะยไในสองกรณีนี้ เพราะคำถามของกระทู้กับสิ่งที่คุณกำลังสื่อ
มันคลุมเครือกันอยู่ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 155

FolkTrance

26/04/2011 17:36:31
3
ผมว่ามีคำตอบที่ clear อยู่ในกระทู้หมดเแล้วล่ะ แต่หลายคนไม่อ่านเอาแต่วนเรื่องเดิมๆ =_="
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 156

หนึ่งจุดแดง

26/04/2011 18:29:55
หลายท่าน clear แล้ว
แต่อีกหลายท่านยังไม่ clear

หลายคนไม่อ่านเอาแต่วนเรื่องเดิมๆ =_=" ตามที่ FolkTrance ว่า
หลายคนก็ยึดมั่นติดมั่นในความเห็นของตน และต้องการให้คนอื่นคล้อยตาม

ซึ่งก็คงต้องปล่อยให้ว่ากันไปตามอัธยาศัยครับ
และยังติดตามกระทู้นี้เพื่อความเพลิดเพลินต่อไป....555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 157

Joker

26/04/2011 19:00:46
0
ความมันส์ในการอ่านกระทู้ + 5 กระโหลก~~~
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 158

Mr.Burst

26/04/2011 19:02:44
3
เป็นความหลากหลายทางพันธุกรรมครับ....

อ่านแล้วเข้าถึงความเป็น "มนุษย์" ดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 159

Joker

26/04/2011 19:57:57
0
ถามเปิดประเด็นเพื่อความรู้ต่อ...

ความยาว มีผลมั้ยครับ ?

ถ้ายาวมากต้องเพิ่ม SPEC ให้ดีขึ้นตามมั้ยครับ...หรือ ความยาวมันแค่ทำให้ SYNC ช้าลง..



ปล. จะลากสาย SYNC จาก COM โต๊ะทำงานไป ต่อHDD ใน HD Player...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 160

Joker

26/04/2011 19:59:56
0
อืมม ห่างราวๆ 7-8 เมตรครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 161

ก๊วกกี้

26/04/2011 20:31:34
37
nobel prize goes to you ครับคุณสาเล็ก (คห.140)

------------------------------------------------

อีกหน่อยคงมีสายsync ที่ไดมามิคดี เน้นเบส เน้นใส เน้นสเตจกันออกมาล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 162

n/a

26/04/2011 20:43:02
ก๊อบวางซ้ำไปซ้ำมาซัก 1000รอบ จาก mp3 128kbpsจะกลายเป็นWAVเลยมั้ยครับเนี่ย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 163

นายมั่นคง

26/04/2011 20:53:41
4,294
ถ้าเป็นในเรื่องอนาลอก ความยาวสายมีผลมากๆๆครับ โดยตรงเลยล่ะ แต่ถ้าเป็นการโอนถ่ายข้อมูล อันนี้นึกไม่ออกจริงๆๆ แต่ผมคิดเล่นๆๆ มันน่าจะช้าลง หรืออืดไปบ้างล่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 164

thaiwebon

26/04/2011 20:59:58
0
เรื่องอย่างนี้นะครับ
คนที่ฟังออก แน่ใจหรือว่าไม่ได้คิดไปเอง
คนที่ฟังไม่ออก แน่ใจหรือว่าไม่มีผล

ประเด็นหลักๆคือ สาย sync มีผลกับเสียงจริงหรือไม่
บางคนบอกตามทฤษฎีว่า ไม่มีผล ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ต่างๆนานา
แต่บางคนบอกว่า มีผล เพราะเจอของจริงมาหลายเรื่อง แม้แต่บางเรื่องที่ทฤษฎีบอกว่า ไม่มีผล แต่พอปฎิบัติจริงกลับเห็นผล
ในโลกนี้ยังมีเรื่องที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้เยอะแยะครับ พิสูจน์ไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่า ไม่จริง

คหสต หูใครหูมัน ถึงเสียงดีขึ้นสัก 1% ผมก็ฟังไม่ออก 555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 165

We Are Kamilia

26/04/2011 21:28:54
0
อ่านมานานละขอสักนิดนะครับ ผมคิดว่าในเมื่อบิตต้นทางเหมือนกัน(คือรับเข้าเครื่องมาแล้วโดยไช้สายSyncที่ต่างกัน) เสียงที่ออกมาปลายทางย่อมไม่มีทางต่างกัน เหมือนมีน้ำ10ลิตร เราจะรินยังไงก็ไม่มีทางน้อยกว่าเดิม

แต่ท่าเป็นสายชนิดที่ไว้ส่งข้อมูลก็เป็นเหมือนกัน คือไม่มีทางที่จะดีขึ้น มีแต่แย่น้อย แย่มาก(หมายถึงสัญญานอย่างที่พูดข้างบนว่าน้ำ10ลิดรไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้) ดังนั้นสายแพงๆๆจะได้เปรียบตรงนี้ เพราะน่าจะเกิดการถ่ายโอนที่สดวกกว่า ย่อมไห้การฟังราบรื่น ไม่เจอปัญหา เพราะการเล่นแบบนี้มันเป็นสตรีมมิ่ง เหมือนที่เราดูวีดีโอในเน็ต(ไช่ไหมครับ) ทำไห้ความต่อเนื่องและราบเรียบของสัญญาน ทำไห้ เกิดการผิดพลาดน้อยกว่า

ทั้งหมดนี้จากความเข้าใจส่วนตัว และความรู้เพิ่มเติม ที่ได้จากบอร์ดนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 166

เต้_พ่อน้องแพงครับ

26/04/2011 22:16:54
3
สายทุกแบบมีผลครับ

สาย5นาที
สายครึ่งชั่วโมง
สายเกินครึ่งชั่วโมงตัดค่าแรงครึ่งวัน
สาย1ชั่วโมงตัดค่าแรงทั้งวัน
สายบ่อยๆ มีผลครับไม่เชื่อลองดู

อิอิ ไปล่ะครับเดี๋ยวโดนตึ๊บ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 167

นายมั่นคง

26/04/2011 22:28:41
4,294
555 แหมมันน่าตื๊บจริงๆๆนา หลงอ่านซะจบเลยผม 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 168

TroRuwA

26/04/2011 22:29:58
1
เห็นด้วยกับคุณ FolkTrance ในคอมเม้นที่ 155 ครับ
ว่าในกระทู้มีคำตอบหมดแล้ว เพียงแต่ท่านๆจะอ่านกันหรือไม่
ประเด็นสาย sync ที่เอาไว้ copy ข้อมูลผมว่าประเด็นนี้ไม่น่าจะมีผลต่อเสียง
แต่ก็ยังไม่เคยลองเพราะไม่มีสายให้ลอง ^_^

ส่วนคำถามในคอมเม้นที่ 159 ถามว่ามีผลไหม มีแน่นอนครับยิ่งในกรณีที่ยาวๆ
โดยเฉพาะ USB ใช้กับ Ext HDD 2.5"
ถ้าถามผมว่าทำไม ง่ายๆครับ USB2.0 จะมีสายด้านใน 4 เส้น
2เส้นเป็น data 2เส้นเป็นไฟฟ้า ทีนี้ลองนึกตามความเป็นจริง
สายยิ่งยาว ohm ก็ยิ่งสูง พูดง่ายๆความต้านทานก็ยิ่งสูง
ดังนั้นที่เห็ฯชัดแน่ๆคือเรื่องไฟฟ้าครับ กำลังส่งอันต่ำต้อยถ้าเจอสายยาวๆ
ไฟฟ้าที่วิ่งตามสาย USB อาจจะไม่พอที่จะไปเลี้ยง HDD 2.5" ตัวนั้น
หรือไม่หลายๆคนอาจจะเคยเจอบ้างที่ สาย USB เส้นนี้เสียบแล้วใช้กับ HDD ไม่ได้
แต่เอาไปใช้กับ mouse หรืออุปกรณ์อื่นที่ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยงได้ หรือใช้ไฟต่ำก็ใช้งานได้
ดังนั้นคุณภาพสายด้านในและความยาวจึงมีผลอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ในทุกด้าน
จะมีผลในบางกรณีครับ อย่างสาย USB2.0 ถ้ายาวซัก 0.5m 2m
ผมว่าไม่ต่างกันหรอกในการ copy file แต่ถ้าเจอซัก 10m นี่ผมว่าต้องมีเสียวๆบ้างล่ะ
ส่วนในกรณี HDD3.5" ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยงจาก USB คงไม่มีปัญหาใดๆ

ความรู้กระผมก็มีอันน้อยนิด หากผิดพลาดอันใด ต้องขอโทษไว้ก่อนด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 169

TroRuwA

26/04/2011 22:33:37
1
อ่อเมื่อกี้พึ่งนึกขึ้นได้ ในเมื่อสายยาวๆความต้านทานมันเพิ่มขึ้น
ถ้าใช้โอนไฟล์ก็น่าจะมีการทำให้การโอนไฟล์ช้าลงได้บ้าง
ยิ่งถ้าโอนไฟล์ใหญ่ๆน่าจะเห็นผลได้ง่ายขึ้น

ปล.แค่ตั้งสมมุติฐานเท่านั้นนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 170

กระเป๋าแบน

27/04/2011 00:25:59
0
เห็นด้วยกับความเห็นของคุณ natopmathครับ ลองใช้สายแต่ละอันแล้วเชคบิทก็จะทราบ

สายที่ขายแพงๆคือคุณภาพวัสดุดี ความทนทาน แบรนด์ การตลาด ฯลฯ
ยังไม่มีการระบุในspecว่ายี่ห้อไหนเสียงดี ไม่ดีนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 171

จุดจุดจุด

27/04/2011 01:34:53
ก็เคยบอกแล้วว่าไม่ต่าง แต่ก็โดนเขารุ่มด่า ว่าไม่ล็อกอินบ้าง
กากบ้าง อะไรบ้าง ทั้งๆที่ไม่ได้กะเข้าไปป่วนแท้ๆ
จนผมสงสัยแล้วว่ากลัวขายของไม่ได้หรอ ถึงได้ว่าผมนัก
คราวนี้ถ้าทดลองแลวไม่ต่างจริง คุณคงเสียเครดิตมากมาย
สายที่คุณทำขายว่าเสียงดี สูตรนั้นสูตรนี้ ผมก็ไม่เชื่อแล้วว่าคุณฟัง
ออกว่ามันให้เสียงแบบนั้นจริงๆ ผมว่าคุณอุปทานว่าอันนั้นดียังงั้น ยังงี้มากกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 172

แคนนอน

27/04/2011 03:23:23
0
อ่านมาจนปวดตา

ผมว่ายังมีคนหลงประเด็นเรื่องเอาสายมาโหลดเพลงฟัง กับเอาสายมา transfer ไฟล์เพลงอยู่ครับ


กรณีใช้เป็นสาย sync ผมมองว่าไม่ต่างครับ ที่ว่าฟังออกนั้นคิดว่าเป็น error ของผู้ฟังมากกว่า จะเป็น bias หรือ perception ก็แล้วแต่

ถ้าเป็นใช้เป็นตัวนำสัญญาณ analog อันนี้เห็นว่าต่างแน่นอนครับ เพราะมีผลกับรูปแบบคลื่นโดยตรง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 173

drrewatt

27/04/2011 10:14:49
1
การรับส่งข้อมูลมันทำเป็นดิจิตอล
ถ้าจะส่งไฟล์ที่มีรหัส 010001110000111
ปลายทางได้รับ 010001110000111 เหมือนกันทุกหลักทุกตัวนี่เรียกว่าไฟล์สมบูรณ์
เอาไปถอดรหัสเป็นข้อมูลหรือเสียง จะไม่ต่างกัน
แต่ความช้า-เร็วในการส่ง น่าจะมีผลในคุณภาพของวัสดุโลหะที่นำมาทำสายสัญญาณ
การถูกรบกวนนั่นจะทำให้มีการขาดหาย หรือ ไม่สมบูรณ์
เช่น 01000111000011 จะสังเกตได้ว่าเลข 1 ท้ายขบวนข้อมูลหายไป 1 ตัว
นี่เรียกว่าไฟล์ไม่สมบูรณ์ครับ เวลาเอาไปถอดรหัส จะมีปัญหา เปิดไม่ได้บ้าง
หรือถ้าเปิดได้กรณีเป็นไฟล์ภาพ ก็อาจมีจุด หรือขีดไม่เต็มภาพ หรือมีตำหนิ
แต่กับเสียงนี่ก็สามารถทดลองได้นะครับ ว่ารับส่งไปเท่ากันหรือไม่
แต่ใครจะมานั่งนับตัวเลขทุกหลักว่าเหมือนกันเป็นล้านๆบรรทัด นั่นคือปัญหา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 174

Noize

27/04/2011 10:37:10
2
เอาความรู้เพิ่มเติมมาฝากกันครับ หิหิ..

http://blog.eduzones.com/topic.php?id=66679
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 175

FolkTrance

27/04/2011 10:52:21
3
ผมว่าเรื่องสาย Syn ข้อมูลทุกคนเข้าใจกันดีแล้วนะครับ :-D
และผมก็ว่าสาย Syn ข้อมูลเราๆก็ใช้กับที่แถมๆมากันซะมากกว่าจะไปสายเทพ(มีขายหรือ mod ด้วยหรือครับเจ้าสาย Syn ขั้นเทพ บอกรุ่นผมหน่อยสิ?)
Syn เพลง หรือโอนข้อมูลบไปๆมาๆ บน HDD ผมก็ใช้สายที่เขาแถมมาอยู่เลย

* คุณลองไปถามซื้อสาย USB cable อย่าง Furutech และบอกคนขายว่าจะเอาไปโอนข้อมูลไฟล์ ผมว่าคนขายคงอุทานว่า "มันเกินไปไหม!!" 555+

แต่บางคนยังไปหลงกับการส่งข้อมูลภาพและเสียงแบบ Real time หรือการส่งแบบ Isochronous กันอยู่

ซึ่งสายที่คุณ "จุดจุดจุด" ว่าสูตรนั้นสูตรนี้ เสียงดี มันก็มีแต่สายที่ทำหน้าที่ในการส่งข้อมูลภาพและเสียงเท่านั้นแหละครับ เพราะสายสัญาณสูตรพิศดารเหล่านั้นเน้นการส่งแบบ Isochronouse ซึ่งเน้นรักษาเชิงเวลาในการส่ง ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลปลายทางจะครบหรือไม่ หากมีการขัดขวางหรือถูกรบกวบหรือสัญญาณตกหล่นก็ไม่ส่งซ้ำ ไม่ตรวจสอบ bit ใดๆ ซึ่งสายสูตรพิศดารจะช่วยแก้เรื่องพวกนี้ได้เท่าที่จะทำได้

การส่งแบบ Isochrouse ใครเรียนคอมก็มีนะครับเครือข่ายเน็ตเวิร์คแบบ Isochronouse ที่เน้นการส่งข้อมูล multimedia แบบ realtime หรือหลักการทำงานของสายสัญญาณ เช่น USB อย่งาที่คุณ TaRuwa อธิบาย ขอเพิ่มตรงที่ การส่งข้อมูลของ USB ใน1 เส้นแบ่งได้ 3 แบบ คือ
1. Interrupt - เสมือนเป็นการตอดรบกวน โดยส่งข้อมูลทีละน้อยๆ เช่น อุปกรณ์จำพวก Mouse หรือ Keyboard หรือ GamePad ต่างๆ จะทำการส่งข้อมูลให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์คราวละเล็กน้อยเท่านั้น และจะส่งแบบไม่ต่อเนื่อง ตามแต่ลักษณะการใช้งาน
2.Bulk - หรือการส่งข้อมูลคราวละมากๆ เป็นก้อนๆ เช่นการพิมพ์งาน ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ จะส่งข้อมูลให้กับเครื่องพิมพ์คราวละมากๆ เป็นต้น ซึ่งระบบจะทำการตรวจสอบข้อมูลทั้งความถูกต้อง และความครบถ้วนด้วย
3.Isochronous - หรือการส่งข้อมูลแบบต่อเนื่อง เป็น Stream เช่น พวก Speaker หรือ WebCam ที่จะมาการส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องแบบ Real-Time ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ Host กับ อุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งใน Mode นี้ จะไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ว่าได้รับครบถ้วน ถูกต้องหรือไม่

เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ Host นั้น จะส่งคำสั่ง ไปยังอุปกรณ์ ผ่านทาง "Control Packet" โดยเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จะทำการกันเนื้อที่ 90% ของ Bandwidth ทั้งหมด สำหรับใช้งานการส่งข้อมูลแบบ Isochronous หากมีการใช้งานถึง 90% เมื่อไร ระบบก็จะทำการปฏิเสธการร้องขอในแบบ Interrupt และ Isochronous ที่เข้ามาใหม่ทันที โดย 10% ที่กันไว้นั้น จะไว้ใช้สำหรับการส่งข้อมูลแบบ Bulk และสำหรับ Control Packet ของ Host นั่นเอง

credit : http://library.uru.ac.th/webdb/images/ByxtremeUSB4.htm

ดังนั้นเรื่องกลัวขายไม่ออก จึงไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะมีมนุษย์หลายคนที่ฟังและแยกออก โดยไม่เกี่ยวกับอุปทาน หรือฟังต่อหน้าเจ้าของสินค้าแล้วเกรงใจชมครับ (ในงาน Bangkok Hifi ผมว่าสินค้าบางตัวมีจุดบกพร่อง เช่นต่อ Amp แล้วเสียงสั่นครางออกเลยแต่เก็บในใจ) :-D
เพราะการจะซื้ออะไรราคาเป็นพัน ใครจะซื้อของที่ฟังเทียบกับของเดิมๆแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น

ใครฟังไม่ออกผมขอกล่าวคำยินดีว่า "คุณโชคดีแล้ว"
ใครฟังออกกิเลศหนา ก็คงจ่ายออกไปเพื่อให้ได้คุณภาพที่ต้องการ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 176

drrewatt

27/04/2011 15:49:02
1
คห.174 แร๊งงงงงงงส์ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 177

chanel

27/04/2011 21:16:04
0
ความคิดเห็นที่ 141
"ยิ่งไอ้พวกสาย สัณญาณสั้นๆ 10-20 CM ทางเดินสั้นๆมันไม่ผลกับเสียงหรอก จะออก
นอกหลักการนัก ครูบาอาจารย์ท่านจะหัวเราะเอา"


ผมว่าพูดผิดพูดใหม่ได้ครับครูบาอาจารย์ท่านคงให้อภัย :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 178

chanel

27/04/2011 21:52:08
0
ประเด็นน่าจะมีอยู่แค่ว่า "จริงหรืออุปทาน"
1. สายsyncโมที่ว่านี้จะรักษาคุณภาพเสียงของต้นฉบับที่มีอยู่ให้เหมือนต้นฉบับมากที่สุดไหม (ไม่ได้บอกว่าดีขึ้นกว่าต้นฉบับ)
2. ขออาสาสมัครลองทดสอบในด้านปฎิบัติ(เพราะทฤษฎีมีเยอะแล้ว)



ผมเข้าใจถูกไหมครับ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 179

chanel

27/04/2011 21:56:08
0
โพสผิดห้องครับ ในความคิดเห็นที่ 178
ขออภัยทุกท่านครับ :) หลงห้อง 5555








ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 180

Mr.Burst

27/04/2011 22:14:04
3
รักพี่น้อยจัง 555555555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 181

TTT

27/04/2011 22:15:10
ดูท่าผมจะพลาดมหากาพของเว็นี้ไปซะแล้ว

เรื่องสายสัญญาณเนี้ย ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่ออ่ะครับ
สายอนาล็อคก็เถอะ ผมเห็นเว็บนอกอย่างhead-fi ยังมีเถียงกันเลยว่าสายสัญญาณอนาล็อคเสียงต่างกันจริงไหม ลองค้นคำว่า cable believe ดูิสิครับ มีหลายคนที่ไม่เชื่อก็มี แม้แต่ MODของเว็บอย่าง uncle erik ก็พูดชัดว่าเขาไม่เชื่อว่าสาย อนาล็อคมันเสียงต่างกัน
แต่ที่ผมเห็นคือ คนที่เชื่อว่ามันให้เสียงที่ต่าง ส่วนใหญ่ก็บอกว่าความต่างมันเล็กน้อย
ช่วยแต่งเสียงให้ได้นิดหน่อย ไม่ใช่ต่างแบบที่ คนไทยส่วนใหญ่ชอบบรรยายกัน ที่ว่า แหลมเป็นประกายขึ้นมาเลย เบสแบบ เพิ่มขึ้นมาเห็นๆ ผมไม่เคยเห็นฝรั่งคนไหนในhead-fiพูดเลยนะ

ต่างกันกับในไทยไม่เคยมีคนเถียงกันเรื่องนี้เลย ทุกคนพร้อมใจว่ามันต่างกันหมด
แถมบางราย รีวิวแต่ละทีว่ามันต่างกันสุดๆๆ แบบเปลี่ยนชุดเทพเป็นชุดห่วยได้ถ้าสายไม่ได้เรื่อง ฯลฯ

ผมก็ไม่รู้จะเชื่อฝั่งไหนดีนะครับ ประสบการณ์ผมน้อย หูก็ไม่ได้ดีเลิศเล่ออะไร แต่อยากให้ทุกท่านลองด้วยตัวเองแล้วตัดสินเองดีที่สุด (ลองเอาสายถูกๆ ที่ทำมาได้มาตราฐานหน่อย) มาเทียบกับสายเทพที่ท่านๆมีอยู่ เส้นละหลายพัน แล้วฟังดูว่ามันต่างกันแค่ไหน ก็จะรู้เอง ยิ่งถ้าทำblind testด้วยคงยิ่งชัดครับ ว่ามันต่างกันแค่ไหน ต่างกันจริงไหม เราฟังออกไหม คุ้มไหม

ซึ่งทั้งหมดเราพูดถึงสายอนาล็อค ที่ควรจะมีความต่างมากที่สุด น่ะนะครับ แล้วลองคิดดูว่า สายดิจิตอล ทั้งแบบ มีการตรวจข้อมูล หรือแบบส่งrealtime ความต่าง ถ้ามี มันจะเล็กน้อยแค่ไหน ทางทฤษฎีมันต่างไหมไม่สำคัญครับ หูเราฟังแล้วแยกออกไหมสำคัญกว่า
เพราะถ้าพูดจริงๆ อย่างไฟล์ MP3 320 กับ Losless เนี้ย ทางทฤษฏีมันต่างกันเห็นๆ แต่หลายๆท่านก็ยังแยกไม่ได้เลย จะมากังวลอะไรกับเรื่องสายสัญญาณดิจิตอล

แต่วงการเครื่องเสียงนี้ก็แปลกอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าเราฟังว่ามันไม่ต่าง มักจะโดนมองว่าหูตะกั่วทันที ทั้งๆที่จริงๆมันอาจจะไม่ต่าง แต่คนส่วนใหญ่อุปทานไปเองก็ได้ กลายเป็นว่าทุกคนกลัวว่าจะเป็นคนหูไม่ดี เลยบอกว่าทุกอย่างมันมีผล มันต่างหมดกัน ไปซะอย่างนั้น ซึ่งผมว่ามันไม่ถูกนะ ลองคิดกลับไปวันแรกก่อนเริ่มเล่นสิครับ มีกี่คนบ้างที่เคยคิดว่า หูัฟังไหนๆเสียงก็เมหือนกันแหละ แล้วดูตอนนี้ กลายเป็นอะไรๆก็ต่างโว้ย ผมว่ามันสุดโต่งไปหน่อยนะครับ ก่อนจะเล่นอะไร อย่าลืมทดสองด้วยตัวเองก่อนเสมอครับ ไม่งั้นอาจจะเสียเงินไปเปล่าๆทั้งๆที่เราฟังไม่ออกก็ได้ การรู้จักตัวเอง ไม่หลอกตัวเอง ฟังแล้วต่างคือต่าง ไม่ต่างคือไม่ต่าง เป็นสิ่งที่ควรยึดให้ัมั่นครับสำหรับวงการนี้

สุดท้ายฟังเพลงให้มีความสุขครับทุกท่าน happy listeningครับ อย่าคิดมาก :D

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 182

มนุษย์แฮม

27/04/2011 23:00:37
0
"เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ"

มันก็เหมือน บั้งไฟพยานาค อะครับ ไม่มี ใครพิสุจทฤษฎี ได้ว่ามันมายังไง แต่ก็ มี ทุกปี

ไอคน ไม่เคยเห็น ก็พูดไปเรื่อย คนที่เค้าเห็น เค้าก็เชื่อ ก็ แค่นั้น เหอ ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 183

hydeless

27/04/2011 23:57:43
1
ต่างๆไม่ต่างไม่รู้ แต่ถ้าเอาไปใช้ออกแอมป์นี่ต่างแน่นอน ไม่ว่ากี่เส้น ถักหรือเกรียว ตัวนำเป็นอะไร หุ้มมั้ย บัดกรีด้วยตะกั่วอะไร ความยาว แจ็คอะไร ยัดแคปมั้ย ล้วนมีผลหมด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 184

STEP

28/04/2011 01:13:36
คห 181 เรื่องสายสัญญาณ อนาล็อก ถ้าคุณฟังแล้วแยกความต่างไม่ได้คุณก็อำลาวงการไปได้แล้วครับ แสดงว่าหูของคุณไม่มีประสิทธิภาพพอ คงไม่ใช่แค่ตะกั่วแล้วครับ คุณเคยสงสัยใหมทำไม บริษัทผลิตสายสัณญาณ หรือพวก ลำโพง และแอมป์ ถึงยอมจ้าง พนักงาน ด้วยเงินค่าตัวที่สูงกว่าพนักงานคนอื่นเพียงเพื่อให้มานั่งฟัง เสียงของสายแต่ล่ะรุ่น เพราะมีความสามารถแยกแยะเสียงดนตรีได้อย่างน่าทึ่งในขณะที่คนทั่วไปไม่สามารถฟังออก หรือ นักกีฬาฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่ใหงมีไม่กี่คนทีเล่นเก่งกว่าเพื่ิอนๆในทีม บางคนใช้เวลาฝึกมาแทบตายแต่อีกคน ใช้เวลาฝึกแค่แป๊บเดี๋ยวแต่เล่นเก่งกว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฝึกฝนมาอย่างหนัก แต่มันเป็นเพราะมีใจรัก และ ถนัดในสิ่งนั้น หรือพูดง่าย คือ พรสวรรค์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 185

chanel

28/04/2011 01:21:29
0
ใช้สายไฟ220V.บ้าน เอามาโมหูฟัง โมสายลำโพง-เครื่องเสียง อาจ๊ากกกกกกกกกก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 186

TTT

28/04/2011 09:43:09
คห184นี้ ผมว่ามันไม่เกี่ยวนะ ฟังความต่างของสายสัญญาณอนาล็อคไม่ออกกับอำลาวงการเนี้ย เหมือนกับบอกว่าฟังmp3 128 320ไม่ออกเลิกเล่นเถอะ อะไรแบบนั้นเลย ถ้าผมพอใจจะเล่นผมก็เล่นครับ ที่ผมบอกคือว่า ถ้าสายมันได้มาตราฐาน มีการกันรบกวนดีๆ บัดกรีได้มาตราฐาน ความต่างมันเล็กน้อย ไม่ได้มากมายแบบที่หลายๆคนพูดกันอยู่ เป็นอุปทานซะมากกว่า ก็แค่นั้น แต่มันก็เป็นแค่ความเห็นของผม ไม่ได้ไปรบกวนใครนี่ ผมฟังสายไม่ต่าง ไม่ได้แปลว่าหูผมมันห่วยอะไรหรอกครับ เป็นอคติของคุณมากกว่าที่คิดไปยังงั้น

คห185 สายไฟบ้าน เคยมีคนเอามาลองทำสายลำโพงด้วยนะครับ แล้วทำblind test ผลก็ ไม่ต่างกันเท่าไหร่

ทุกท่านจะเชื่ออะไร จะเล่นยังไงก็ตามสะดวกเถอะครับ แต่สายสัญญาณสำหรับผมมันไม่คุ้มค่าที่จะเล่นเท่าไหร่ ก็แสดงความเห็นแค่นั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 187

จิ๊มิ เฮนดิ๊ก

28/04/2011 10:24:27
0
อ่านกันเล่นๆนะครับ

http://www.matrixhifi.com/ENG_marco.htm
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 188

TroRuwA

28/04/2011 11:10:39
1
@ความเห็ฯ 196
สายไฟบ้านเอามาทำสายลำโพง มันทำได้ครับ
แต่ประสิทธิภาพมันไม่ค่อยดี เนื่องจากสายไฟบ้านความบริสุทํืทางทองแดงน้อยครับ
พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นไปอีก %ทองแดงมันไม่ได้สูงถึงจะใช้ในงานเครื่องเสียงครับ
ถ้าสายไฟบ้านทำจากทองแดง 99.99% มันจะแพงมากครับ

ถ้าคุณทำ Blimd Test คุณควรจะเลือกอุปกรณ์ที่ขี้ฟ้องด้วย
เพราะมันแจกแจงความต่างได้ง่ายกว่า และอุปกรณ์ที่ใช้ควรมีคุณภาพมากพอสมควร
ไม่ต้องถึง system ระดับอ้างอิง แต่เอาแค่ให้ฟังแยกแยะออกก็พอ
บางคนเอาสายเส้นละหลายพัน ลองกับชุดราคาหลักพัน
มันอาจจะอั้นที่ชุดที่ใช้ทดสอบเป็นได้
ลองใช้ชุดหลักหมื่นมันจะไม่อั้นแน่นอน ถ้าชุดหลักแสนรับรองว่าสายหลักพันแต่ละเส้น มันแจกแจงความต่างอันน้อยนิดออกมาได้หมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ฟังอีก
ว่าจะมีความสามารถถึงไหม จะมีประสบการ์พอรึเปล่า หรือจะอุปทานไปเองก็ค่อนว่ากัน

มันก็เหมือนจะต้องน้อยใจในบางที คนที่ถามหาลักการทางวิทยาศาตร์ พอเราเอามาให้ดู
เขากลับไม่ค่อยยอมรับและหาว่าเราอุปทาน แต่กับคนที่ฟังไม่ออกก็หาว่าเราอุปทานเองอีก
ทั้งๆที่หลักฐานก็มี เหตุผลก็พร้อม ความต่างก็ฟังออก
แต่ทำไมหลายๆคนชอบพูดจาเชิงทับถม ทั้งๆที่คนที่ต้องการพิสูจน์ในเรื่องพวกนี้
ไม่ได้มีความคิดจะโน้มน้าวให้พวกคุณเชื่อ แต่ถ้ามีใครมาบอกว่าไม่ต่าง เขาก็แค่ต้องการแสดงให้ดูว่าสสิ่งที่เขาเชื่อมันก็มีหลักฐาน ว่ามันต่างจริงๆ ยิ่งสายอนาลอคนี่ยิ่งไม่ต้องพูดเลย
ถ้าคุณบอกว่าสายอนาลอคไม่ต่าง หูฟังตัวละพัน กับตัวละหมื่นนั่นก็ต้องไม่ต่าง
เพราะนั่นคืออนาลอคแท้แน่นอน แต่มีตัวแปรมากขึ้น การที่คุณฟังแล้วบอกว่าอนาลอคไม่ต่าง
คุณก็ต้องวางตัวแปรในเรื่องวัสดุก่อนด้วย เพราะจริงๆแค่ทองแดงแบบเดียวกัน
แกนฝอย กับแกนเดี่ยวเสียงก็ต่างกันแล้ว ความต่างของสายไม่ได้น้อยอย่างที่คุณคิดครับ
ถ้าอยากลองผมจะให้ลองได้ครับ ผมมีสายอยู่หลายตัวเหมือนกัน
และความต่างมันชัดเจนแน่นอน ถ้าอยากลองนัดพับกันได้ที่ร้านมั่นคงสาขาสยาม
หรือจะพันทิพย์ก็ได้ครับ ผมยินดีให้คุณลองว่ามันต่างกันเยอะจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 189

TTT

28/04/2011 11:31:39
ขอบคุณความเห็นด้านบนครับ (พิมพ์เลขผิดใช่มั๊ย เข้าใจว่าตอบผมนะครับ)
ทีี่่ท่านพูดมาผมก็รับฟังครับ แต่อยากให้ลองค้นข้อมูลเรื่องสายดูหน่อย

แม้สายอนาล็อคเองก็มีคนเถียงกันเยอะ ว่ามันต่างไหมฟังออกไหม ซึ่งบางคนก็เอาไปเทียบว่าสายก็เหมือนอุปกรณ์อย่างหนึ่ง อย่างที่ท่านเทียบกับหูฟัง ก็มี คือเรื่องนี้เข้าใจว่าเถียงกันยาวนาน และไม่เคยได้ข้อสรุปเลยสำหรับวงการเครื่องเสียง

ที่ผมโพสที่แรกก็แค่แปลกใจน่ะครับ ว่าทำไมในไทยไม่เคยมีคนสงสัยในความต่างของสายสัญญาณเลย ส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่ทั้งหมด เห็นว่ามันต่าง กันทั้งนั้น และมักจะบอกว่าต่างแบบสุดขั้วเลยซะด้วย นั้นยิ่งตรงข้ามกับที่ผมเจอมาใหญ่เลย ก็เลยแค่โพสไว้เป็นมุมมองเท่านั้นเอง

อีกอย่าง ทางทฤษฏี สายอนาล็อคมันก็ต่างกันจริงๆแหละครับ วัดได้ด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ด้วย แต่ที่ผมอยากจะพูดมีสองเรื่องแค่ มันต่างขนาดเราฟังออกกันง่ายๆไหม ต่างสุดๆแบบที่หลายท่านพูดหรือเปล่า แค่นั้นละครับ เพราะผมว่าหลายๆคนลงทุนกับสายมากไป อย่างที่ท่านเองก็พิมพ์ บางที่ชุดมันราคาถูก แยกความต่างสายแพงๆไม่ได้หรอก ซึ่งดูวงการเครื่องเสียงบ้าน ผมเห็นเขาแนะนำราคาสาย10-20%เท่านั้นเอง ซึ่งนั้นมันตั้งกี่สายละ ลำโพง สัญญาณ สานไฟ ฯลฯ แถมเส้นนึงตั้งเป็นเมตร ราคาต่อหน่วยแพงกว่าสายที่เราต้องใช้ในวงการหูฟัง ทำให้ซื้อสายได้เกรดต่ำกว่า เขาแนะนำกันก็แค่20%นั้นละ แล้วพอผมมาดูที่นี้ เล่นสายกันแพงขนาดว่า ชาตินี้ชุดบ้านผมคงไม่มีปัญญาถึงเลยละครับ

ก็แค่อยากเสนอมุมมองน่ะนะครับ ไม่ได้จะบอกเป็นข้อเท็จจริงว่ามันไม่ต่างโว้ย อะไร อย่างนั้นเพราะเรื่องเครื่องเสียงสุดท้ายก็ต่างคนต่างเล่น หูใครหูมันอยู่แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 190

TTT

28/04/2011 11:41:43
คห187 ขอบคุณสำหรับลิงค์ครับ ไม่เคยอ่านเลย จะลองอ่านดูครับ
เข้าใจว่าคงอยากให้อ่านส่วน rad zone>>> truth about speaker cables
ขอเวลาอ่านนิดละหัน ภาษาผมไม่แข็งแรง ฮ่าๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 191

จิ๊มิ เฮนดิ๊ก

28/04/2011 12:04:24
0
@TTT ใช่ครับ อีกอันคือในส่วน Blind test ด้วยครับ
อาจจะนอกประเดนไปหน่อย แต่อยากให้ลองอ่านกันดู


สำหรับผม เปลี่ยนสาย..เสียงเปลี่ยนแน่นอน
แต่ไม่ได้มากมายนักสำหรับผมที่จะลงทุนเยอะๆ เพื่อแลกกับเสียงที่ได้มาเพียงเล็กน้อย
เอาแค่พอประมาณครับ เล่นเครื่องเสียงและฟังเพลงให้มีความสุขดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 192

TroRuwA

28/04/2011 17:31:01
1
@TTT ใช่ผมผมพิมพ์ผิดครับ ผมพิมพืผิดประจำ นั่นแหละผมเลยครับ
ขอบคุณที่ช่วยกันแชร์มุมมองครับ

และต้องขอโทษด้วยที่พิม์ตัวเลขผืดครับ แอบเขิล
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 193

chanel

28/04/2011 17:53:12
0
ผมเอาสายไฟบ้านแบบสายเดียวมาทำสายลำโพงเล่นมานานมากแล้วครับ ผมเพียงอยากบอกว่ามันต่างน่ะ (อันนี้หูหูผมที่ได้ยินนะ) และระยะในการใช้งานของสายด้วยว่าจะคงคุณภาพที่ว่านั้นได้นานแค่ไหน มีสายห่วยๆใช้ไม่นานก็เขียวเสียงทึบๆแล้วก็ซื้อใหม่ ค่ารถค่ากินเวลาไปหาซื้อ จิปาถะรวมๆแพงกว่ามั้งผมว่า :) 55+ ก็แค่ขำๆจนซีเรียสกันไปทำไมกัน จะต่างไม่ต่างนั้นผมว่าขึ้นอยู่ที่มีความสุขในการลิ้มรสเสียงดนตรี ไม่ใช่เพียงแค่หูหรอกครับมันมีที่ใจด้วยล่ะ สีเครื่องเล่นเอย หน้าตาเครื่องเอยจิปาถะ สรุปว่าแม้มันจะอุปทานหรือไม่ก็ตามน่ะครับ :) สุดท้ายความสุขอยู่ที่ใจ ไม่ใช่หูแต่เพียงอย่างเดียวครับ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 194

Joker

28/04/2011 18:52:58
0
จริงๆกระทู้นี้ก็ได้ความรู้มากเลยนะ ถ้าตัดเรื่องดราม่าออกไป~~
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 195

Gu

28/04/2011 21:04:29
0
แล้วเวลาลงเพลงเสร็จแล้วมีการกระตุกตอนเล่น เกี่ยวกับสายไหมครับ ไฟล์มันไม่ดี หรือสาย หรือแผ่นเป็นรอย ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 196

FolkTrance

28/04/2011 21:21:41
3
เพลงกระตุกที่เดิม อาจจะไฟล์มีปัญหา แต่กระตุกมั่วอาจจะเป็นได้หลายอย่าง

เช่น ใช้งาน process วิ่งเยอะมากๆอาจจะทำให้เพลงเกิดการหน่วง เป็นต้นอ่ะครับ :-D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 197

Gu

28/04/2011 21:24:58
0
ไม่เกี่ยวกับสายหรอครับ ยังไงผมก็ว่าสายมีผลแน่นอน สนับสนุนคคหที่ 166 เต็มที่ครับที่ว่า

สายทุกแบบมีผลครับ

สาย5นาที
สายครึ่งชั่วโมง
สายเกินครึ่งชั่วโมงตัดค่าแรงครึ่งวัน
สาย1ชั่วโมงตัดค่าแรงทั้งวัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 198

แคนนอน

28/04/2011 22:06:01
0
ยังคงมีคนหลงประเด็นเช่นเดิม อ่านมากๆ สงสัยจะปวดตับซะเอง

อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 199

chanel

28/04/2011 22:19:23
0
ผมว่าไม่หลงแต่เพิ่มประเด็นอ่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 200

digger

29/04/2011 13:20:31
ขุด

ได่ 200 คคห แล้วววววววววววว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 201

oname2

30/04/2011 10:28:42
3
200 แล้วหรอเนี่ยไวจิงๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"สาย Sync มีผลกับเสียงไหมครับ"