มาพูดถึงการดีไซน์ ทั้งคู่ยังคงผลิตที่จีนครับ แต่การดีไซน์หรือชิ้นส่วนยังมาจากบริษัทแม่ที่ออสเตเรียอยู่ดี คาดว่าเศรษฐกิจช่วงนี้คงต้องการลดต้นทุนค่าแรงงาน แต่ก็ดีกับเรานะ ที่ได้ใช้ของมีคุณภาพในราคาถูกลง
เรื่องดีไซน์ก็ใช้ย่อย ทั้งสองตัวยังคงเอกลักษณ์ของ AKG ครับ ถ้าให้พูดถึงหูฟังที่เน้นสีสันและรวดลายคงหนีไม่พ้น SkullCandy แต่ถ้าให้พูดถึงเรื่องความหรูหราแล้วล่ะก็ AKG ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กันเลยล่ะ ส่วนประกอบนั้นยังเป็นพลาสติกเกรดดี แม้น้ำหนักจะเบาแต่แข็งแรงใช้ได้เลยล่ะครับ ส่วนตรงข้อพับดีไซน์ให้ออกมาเหมือน Earpad จะต่างกันตรงที่ K540 ไม่สามารถพับเก็บได้ (เป็น 2’D) แต่ GHS1 สามารถพับเก็บได้ครับ (เป็น 3’D)

ทั้งคู่ยังมีสายหนุนหัว (อธิบายไม่ถูกแฮะ) ซึ่งเป็นผ้าหนังเทียมที่มีความยืดหยุ่นสูงครับ สามารถปรับให้เข้ากับศีรษะของแต่ล่ะคนได้เป็นอย่างดี ส่วน Pad ที่รองรับใบหูนั้นต่างกัน
K540 ใช้ Pad ที่มีความนุ่มสุดๆ ครับ ที่แน่ๆ ไม่ใช่ Pad ปกติอย่างที่ Full-Size นำมาใช้ซะด้วย ซึ่ง Pad นี้หายห่วงเรื่องการลอกได้เลย และยังสามารถใช้ผ้าชุบดำมาดๆ เช็ดทำความสะอาดตัว Pad ได้ ขนาดของ Pad ใหญ่จนสามารถครอบใบหูได้มิด และไม่มีอาการล้าหูเมื่อใส่นานๆ
ส่วนของ GHS1 ใช้ Pad ที่ต่างกันออกไป แต่มีความนุ่มอยู่ในระดับดีไม่แพ้กัน การสวมใส่สบายหู และกันเสียงจากด้านนอกได้ค่อนข้างดีเลยล่ะครับ

สายของ K540 ทำออกมาค่อนข้างดี คือไม่ใช่หุ้มด้วยเนื้อยางล่ะครับงานนี้ เป็นเหมือนผ้าหรือหนังเทียมผมก็ไม่ทราบ แต่มันมีความแข็งค่อนข้างมาก เรียกว่ากันการงอของสายได้ค่อนข้างดีครับ แต่ข้อเสียก็คือ สายยังคงพันได้เหมือนเดิม และมีน้ำหนักค่อนข้างมากครับ

ส่วนสายของ GHS1 หุ้มด้วยเนื้อยางครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่แข็งแรง เป็นเนื้อยางเกรดดีที่โค้งงอได้ส่วนหนึ่ง สายค่อนข้างแข็งและยังมีตัวปรับวอลุ่มและเปิดปิดไมค์ ตัวแจ็กจะแยกออกเป็นสองสาย สายหนึ่งเสียบหูฟัง อีกสายเสียบไมค์ครับ

มาพูดถึง สเปก ของ 540 กันบ้าง

K540 ความต้านทาง 32 Ohms สายยาว 3 เมตร เป็นแบบ Sami-Open
GHS1 ความต้านทาง 32 Ohms สายยาว 3 เมตร เป็นแบบ Closed

ในเรื่องเสียงของ K540 นั้นถูกออกแบบมาให้เป็นหูฟังชนิดกึ่ง Studio & Stereo ครับ นั่นก็คือ... โทนเสียงโดยรวมแล้วจะเน้นความสมจริงคล้ายหูฟัง Studio แต่แอบมี Color นิดๆ ก็ไอ้ตรงที่มันดันเป็น Stereo นี่แหละ หลายคนที่เห็นรีวิวพวกหูฟัง Studio หรือ Monitor ก็มักจะบอกว่าเสียงของมันออกแนว Flat ไว้ใช้สำหรับฟังเพลงได้ไม่ดี แต่ข้อนี้อาจจะโดน 540 เบียดได้นะ

พูดถึงเรื่องเสียง

เสียงเบส – 540 ให้เบสที่มีขนาดชัดเจนครับ คือ แม้จะไม่ได้เน้นเบสแบบถล่มทลายนัก แต่มี Impact และลูกกระทุ้งให้ฟังได้สนุกแน่ๆ เสียงเบสยังถูกจูนให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ทำให้เสียงไม่ไปกลบในย่านความถี่อื่นๆ และเป็นเบสนุ่มที่ฟังแล้วไม่มีอาการล้าหูอย่างแน่นอน

เสียงกลาง – แม้เสียงกลางจะถูกทำให้ถอยหลังมานิดๆ แต่ถ้าเทียบแล้วเสียงร้องก็ยังพุ่งออกมานอกหัวแน่นอนครับ คือไอ้คำว่าถอยหลังเนี่ยไม่ได้หมายความว่านักร้องจะมาร้องเพลงใส่ซึ่งๆ หน้าแน่ๆ ครับ อีกอย่างแม้เสียงกลางจะบางและไม่คมจนขึ้นขอบ แต่มันกลับทำให้เราฟังเพลงได้อย่างราบเรียบ ได้เสียงที่เป็นธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น Balance สุดๆ เลยว่างั้น

เสียงแหลม – ไม่จัดมากนัก เสียงทอดไปได้ไกล และไม่มีสากเสี้ยนเข้ามาทำให้บาดหูอย่างแน่นอนครับ เรียกว่าละเอียดจนฟังเพลงร้องผู้หญิงหวานๆ ได้ดีทีเดียว

ซาวด์สเตจ – กว้างขวางครับ การแยกแยะชิ้นดนตรีทำได้ดีมากๆ นี่อาจจะเป็นจุดเด่นของเจ้าตัวนี้เลยก็ได้ เสียงดนตรีไม่มีอาการซ้อนทับ อีกทั้งยังให้ Image ของเครื่องดนตรีที่ชัดเจน หลับตาแล้วฟังเพลงบรรเลง รับรู้ถึงเครื่องดนตรีที่ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งใกล้และไกลได้ดีทีเดียว (เว่อร์จริง 555)

มิติ – ให้ความเป็น Stereo ที่ชัดเจนครับ ถ้าไฟล์เพลงถูกบันทึกมาดีๆ จะเห็นได้เลยว่าคนฟังจะมีอาการมองซ้ายมองขวาเหมือนว่ามีใครมาสะกิดเรียกด้านหลัง แม้จะนั่งฟังอยู่คนเดียว (ไม่ใช่หูแว่วนะ) K540 ยังให้มิติในแนวราบ (180 องศา) ที่ชัดเจน จากซ้ายไปกลางจนถึงขวาถูกจูนมาให้อยู่ในแนวที่เหมาะสม จนฟังแล้วเสียงเพลงจะลื่นไหลไปกับหูไม่มีขอบมาให้สะดุด

ใครฟังเจ้า K540 แล้วอาจจะพบว่าเสียงดนตรีจะเด่นกว่าเสียงคนร้องซะอีก มีหลายส่วนครับที่ใกล้เคียงกับ K530

ปรบมือให้เลยครับ แจ่มมากๆ ชอบครับ

เสียงของ GHS1

เสียงเบส – เบสลงได้ลึกและมีปริมาณที่หนาชัดเจน แต่ไม่มีการเติมเบสให้บวมแต่อย่างใด อีกทั้ง Impact รุนแรงใช้ได้เลยล่ะครับ กระแทกกระทั้นจนขี้หูเต้นระบำได้แน่ๆ ยิ่งฉากหนังหรือเกมส์ที่มีระเบิดแล้วล่ะก็ สะใจเหมือนได้นั่งเล่นเกมส์ในโรงหนังเลยล่ะ

เสียงกลาง – เมื่อฟังเพลงเทียบกับ 540 แล้วก็รู้ได้เลยว่าเสียงกลางของ GHS1 พุ่งมาข้างหน้ามากกว่า และมีปริมาณหนาแน่นจนขึ้นขอบมากกว่าซะด้วย เรียกว่าเสียงยิงปืน(จากตัวเรา)ดังลั่นจนถึงใจแน่ๆ

เสียงแหลม – ให้แหลมที่จัดจ้านมากกว่า 540 อยู่หน่อยหนึ่ง เป็นแหลมที่เปิดและวางตำแหน่งได้ค่อนข้างดีครับ

ซาวด์สเตจ – อยู่ในระดับกลางครับ ถ้าเทียบกับ 540 ก็นับว่าน้อยกว่า แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะมากระจุกอยู่ที่รอบๆ หัวนะครับ เสียงยังคงหลุดพ้นออกไปจากหัวอย่างแน่นอน หากล้าจากการเล่นเกมส์แล้วหันมาฟังเพลงก็ยังสามารถให้ความเพลิดเพลินได้ครับ

มิติ – นี่อาจจะเป็นจุดเด่นสูงสุดของเจ้าตัวนี้เลย เนื่องจากว่า แบล็คกาวน์ ทำได้เงียบสงัด เลยทำให้มิติเสียงที่ได้ยินนั้นชัดเจนมากๆ แยกแยะความสูงต่ำของมิติด้านลึกได้ดีสุดๆ เรียกว่าหากมีใครกระโดดยิงปืนจากด้านบนหลังคา ก็รับรู้ได้เลยว่าระดับเสียงนั้นอยู่สูงกว่า แม้เสียงจรวดที่พุ่งผ่านด้านหน้าหายจากหน้าจอไปด้านหลัง ก็สัมผัสความรู้สึกนั้นได้ชัดเจน

ผมลองทดสอบโดยการเล่นเกมส์ BF Company 2 ซึ่งคอเกมส์หลายๆ คนคงจะรู้จักกันดี ว่าเกมส์นี้ถือว่าสุดยอดสุดๆ ในด้านเสียงที่ทำได้สมจริงมาก ซึ่งเจ้า GHS1 ก็ทำได้ดีมากๆ ครับ เนื่องจากสเตจที่กว้างทำให้ได้เสียงบรรยากาศรอบตัวที่เปิดเผยจนสัมผัสได้ บวกกับมิติเสียงทำให้เล่นเกมส์อย่างได้ Feel สุดๆ

แต่ก็ใช่ว่าจะต้องใช้สำหรับเล่นเกมส์อย่างเดียวนะครับ เพราะมัน Color มาก จึงสามารถไปใช้ดูหนังได้อีกด้วย ยิ่งเป็นแผ่นพวก บลู-เรย์ แล้วล่ะก็ สุดคุ้มจริงๆ กับราคาเพียงครึ่งหมื่น สำหรับเจ้าตัวนี้ครับ

ผมพยายามเรียบเรียงให้เป็นกลางที่สุด อย่างไงรีวิวก็เป็นแค่แนวทางในการเลือก จริงๆ ควรทดสอบด้วยตัวเองครับว่าท่านชอบหูฟังเสียงแนวไหน อย่างไงก็ต้องขอขอบคุณที่อ่านรีวิวของผมครับ

โอวววว ขอบคุณมากๆๆ เลยครับ ที่ร่วมสนุกด้วยการเขียนรีวิววิจารณ์กันเข้ามา นี่ขนาดระดับ 6 เดือนนะครับ ถ้ายิ่งเล่นไปนานๆ มีหวังผอมตาย เอ๊ย มีหวังรุ่งแน่ๆๆๆ ล่ะจ้า 555

มีโอกาสเขียนมาอ่านกันอีกนะครับ 555


เดี๋ยวจะแปะไว้หน้าเว็บให้เลยจ้าๆๆ

GHS1 กับ hifi 580ในด้านดูหนังตัวไหนแจ่มกว่ากันครับ

ขอบพระคุณครับ ผมเคยลองแต่ตัว 540 ก็เห็นด้วยตามที่รีวิวเลยครับ ใช้คำ ใช้สำนวนก็ดีครับ

ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆๆคร้าบบบ

AKG GHS1 มีให้ลองเทสที่ร้านรึเปล่าครับ