
ออกตัวก่อนเลยครับว่า ผมไม่เคยจะเขียน Review มาก่อน ผมพยายามศึกษาเรื่องศัพท์แสงต่างๆ เพื่อลงรายละเอียดให้ได้ตรงกับที่ทุกคนเข้าใจนะครับ เพื่อมาเล่าสู่กันฟังกับคนๆนึงที่ได้สัมผัสกับ iBasso D6 ผมเองก็มือใหม่ทำให้รู้เลยว่า
การจะเขียน Review อะไรสักอย่างนี้มันช่างคิดเยอะนะครับ ทั้งเรื่องการเรียบและข้อมูลใช้เวลาพอดู :-D
เข้าเรื่องกันครับ อุปกรณ์ที่ได้ Test มีเท่าดังรูปครับแสดง spec พร้อม (ผมไปหารูปมาโปะก่อนนะครับ ไมได้ถ่ายเอง)
iBasso D6 (Fer-de-Lance)
หลังจากที่เห็นหน้าตาของมันแล้วนั้น ก็ต้องตะลึงไปกับความจิ๋วของมันครับ width และ height ของiBasso D6 นั้นเล็กกว่า ipod touch Gen3 แต่ความลึกหนากว่า iPod Touch ประมาณ3เท่า ด้วยขนาดที่เล็กความสามารถในการพกพาจึงไม่เป็นอุปสรรค ปัจจุบันผมก็ห้อยเจ้า D6 ติดกระเป๋าตลอดครับ เสียดายไม่มียางรัดแถมมา :-D
งานทำออกมาเนียบและการเชื่อมต่อและใช้งานง่ายมาก ใครเจอครั้งแรกยังเสียบเป็นเลยครับ (ยกเว้นผมที่เอ๋อๆเสียบผิดรูจนทางร้านทัก -*- ) D6 ยังสามารถรองรับไฟล์ 24 bit ได้ด้วยครับ
ตัวนี้ผ่านการใช้งานมา 10 วันเท่านั้นครับ (ซื้อเมื่อวันที่ 4 กุมภา 2554) ยังไม่ครบการ Burn 200 ชั่วโมงครับ ปกติเปิดประมาณ 8- 10 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เดี๋ยวหูผมไหม้ก่อน D6
VIABLUE dock to mini
เนื่องผมใช้ Mini to mini ที่แถมมาในกล่อง รู้สึกว่ามันต่างกับตอน Test ที่ร้านครับ ตอนนั้นเขาให้ผมใช้สาย VIABLUE ในการ test แน่นอนตอนนั้นผมตื่นตาตื่นใจกับผลลัพท์มากๆ จากนั้น 3 วันให้หลังผมก็เลยไปซื้อซะเลย สายตัวนี้ช่วยได้มากครับดีกว่าสาย mini to mini ที่แถมมาซึ่งสัมผัสรับรู้ได้ :-D
SHURE SRH440
เป็น Full size แบบ Studio monitor ที่มีสไตล์แบบ Flat เสียงกลางชัดเจน design แบบครอบทั้งหูไม่กดทับใบหู ทำให้ไม่ปวดใบหูใส่ได้ตลอดทั้งวัน (แต่หนักนิดหน่อย) มีเสียงนักร้องโปร่งชัดเจนเป็นจุดเด่นสำคัญของSHURE (ผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของ SHURE ทุกรุ่นเลยครับ :-D) มีเบสที่หนักแต่เหมือนยังขาดความนุ่มลึก (ตอนนั้นคิดว่าเบสแจ่มแล้วมาต่อกับ D6 แล้วมัน . . . หึๆ ) ผมว่าเป็นหูฟัง Full size ที่ขับได้ง่ายมากด้วยครับ :-)
* นี่คือ DAC-AMP ตัวแรกและตัวเดียวที่ผมมี ผมไม่ประสบการณ์ลองกับยี่ห้ออื่นจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ครับ
การทดสอบผมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ ภาค HeadPhone AMP และ ภาค USB DAC ครับ