Guest
หมวดหมู่ >

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

iBasso D6 เล่าสู่กันฟัง

FolkTrance

12/02/2011 20:23:40
3



ออกตัวก่อนเลยครับว่า ผมไม่เคยจะเขียน Review มาก่อน ผมพยายามศึกษาเรื่องศัพท์แสงต่างๆ เพื่อลงรายละเอียดให้ได้ตรงกับที่ทุกคนเข้าใจนะครับ เพื่อมาเล่าสู่กันฟังกับคนๆนึงที่ได้สัมผัสกับ iBasso D6 ผมเองก็มือใหม่ทำให้รู้เลยว่า
การจะเขียน Review อะไรสักอย่างนี้มันช่างคิดเยอะนะครับ ทั้งเรื่องการเรียบและข้อมูลใช้เวลาพอดู :-D

เข้าเรื่องกันครับ อุปกรณ์ที่ได้ Test มีเท่าดังรูปครับแสดง spec พร้อม (ผมไปหารูปมาโปะก่อนนะครับ ไมได้ถ่ายเอง)

iBasso D6 (Fer-de-Lance)
หลังจากที่เห็นหน้าตาของมันแล้วนั้น ก็ต้องตะลึงไปกับความจิ๋วของมันครับ width และ height ของiBasso D6 นั้นเล็กกว่า ipod touch Gen3 แต่ความลึกหนากว่า iPod Touch ประมาณ3เท่า ด้วยขนาดที่เล็กความสามารถในการพกพาจึงไม่เป็นอุปสรรค ปัจจุบันผมก็ห้อยเจ้า D6 ติดกระเป๋าตลอดครับ เสียดายไม่มียางรัดแถมมา :-D
งานทำออกมาเนียบและการเชื่อมต่อและใช้งานง่ายมาก ใครเจอครั้งแรกยังเสียบเป็นเลยครับ (ยกเว้นผมที่เอ๋อๆเสียบผิดรูจนทางร้านทัก -*- ) D6 ยังสามารถรองรับไฟล์ 24 bit ได้ด้วยครับ
ตัวนี้ผ่านการใช้งานมา 10 วันเท่านั้นครับ (ซื้อเมื่อวันที่ 4 กุมภา 2554) ยังไม่ครบการ Burn 200 ชั่วโมงครับ ปกติเปิดประมาณ 8- 10 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น เดี๋ยวหูผมไหม้ก่อน D6

VIABLUE dock to mini
เนื่องผมใช้ Mini to mini ที่แถมมาในกล่อง รู้สึกว่ามันต่างกับตอน Test ที่ร้านครับ ตอนนั้นเขาให้ผมใช้สาย VIABLUE ในการ test แน่นอนตอนนั้นผมตื่นตาตื่นใจกับผลลัพท์มากๆ จากนั้น 3 วันให้หลังผมก็เลยไปซื้อซะเลย สายตัวนี้ช่วยได้มากครับดีกว่าสาย mini to mini ที่แถมมาซึ่งสัมผัสรับรู้ได้ :-D

SHURE SRH440
เป็น Full size แบบ Studio monitor ที่มีสไตล์แบบ Flat เสียงกลางชัดเจน design แบบครอบทั้งหูไม่กดทับใบหู ทำให้ไม่ปวดใบหูใส่ได้ตลอดทั้งวัน (แต่หนักนิดหน่อย) มีเสียงนักร้องโปร่งชัดเจนเป็นจุดเด่นสำคัญของSHURE (ผมว่าเป็นเอกลักษณ์ของ SHURE ทุกรุ่นเลยครับ :-D) มีเบสที่หนักแต่เหมือนยังขาดความนุ่มลึก (ตอนนั้นคิดว่าเบสแจ่มแล้วมาต่อกับ D6 แล้วมัน . . . หึๆ ) ผมว่าเป็นหูฟัง Full size ที่ขับได้ง่ายมากด้วยครับ :-)

* นี่คือ DAC-AMP ตัวแรกและตัวเดียวที่ผมมี ผมไม่ประสบการณ์ลองกับยี่ห้ออื่นจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ครับ

การทดสอบผมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ ภาค HeadPhone AMP และ ภาค USB DAC ครับ
ความคิดเห็นที่ : 1

FolkTrance

12/02/2011 20:37:32
3



1. HeadPhone AMP
iPod Touch gen3 นี้จะปรับ Equalizer เป็นแบบ Flat และเพลงที่ใช้ในการทดสอบจะเน้นไปที่เพลงสากล Bossa , jazz มากกว่า Electronic Trance ผมมี Ultrasone Test CD อักแผ่นแต่ไม่สามารถเอาลง iPod Touch ได้จึงต้องข้ามไปทดสอบภาค DAC แทนครับ
อัลบั้มที่นั้งฟังทดสอบจริงๆจังได้แก่
- Celin dion : The best of Celin dion
- The very best of enya
- Fourplay - Let's Touch the Sky (2010)
- Audiophile Jazz Prologue III (2009) ,
- Enigma The Screen Behind the Mirror ผมซื้อแผ่นแท้นี้มา RiP เองรับประกันเสียง
- Globus - Epicon
- Beatport top10 Trance : TAXI

บางเพลงที่ฟังบ่อยๆทดสอบครับ

[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=5q6skxRLnsI[/youtube][youtube]http://www.youtube.com/watch?v=zNvihf7ByrI&feature=related[/youtube]
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=XDnhPoTip_I[/youtube]
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

FolkTrance

12/02/2011 20:40:27
3
1.1 สัมผัสต่างกันเมื่อได้ลองครั้งแรก

iBasso D6 เป็นสินค้าเข้ามาใหม่ครับในวันที่ผมไปนั้นของก็เข้าวันนั้นพอดี เมื่อผมได้ลองกับมันครั้งแรก ก็คือสินค้าแกะกล่องใหม่ๆนั้นเอง ไม่ได้ Burn แต่อย่างใด (กล่องสวยมากมายครับสะอาดหมดจดไม่มีลายอะไรเลย =_=" มีแค่สติ๊กเกอร์บาร์โค้ดเท่านั้นครับ) ผมทดสอบสัมผัสแรกที่รู้สึกคือ

- บรรยากาศของเพลงโปร่งขึ้นมากฟังได้สบาย ทำให้ฟังเพลงได้นาน เสียงแหลมไม่บาดหูแบบแต่ก่อน
- Sound Stage กว้างขึ้น แว่บแรกที่ได้ฟังหลังจากฟังแบบไม่เสียบ D6 จากเดิมที่ฟังเหมือนอยู่ในห้องแคบๆ เมื่อได้ต่อกับ D6 ห้องที่ว่านั้นดูโปร่งกว้างขึ้นอย่างเห็นได้
- เสียงกลางเสียงนักร้องโดดเด่นกว่าเดิมมาก เสียงร้องเหมือนลอยสูงขึ้นจรดต้นคิ้ว (จากเดิมที่ปลายจมูก) เสียงปลายแหลมยังคงรูปชัดเจน และพุ่งออกมา เป็นสิ่งที่สัมผัสได้เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งมากกว่าตอนไม่ได้เสียบ D6 (เพลงที่ฟังตอนนั้นคือCelin dion : Beauty and the beast และ Globus : Preliator)

โดยเฉพาะเพลง Beauty and the beast เสียงร้องคู่นั้นแยกออกจากกันเป็น layer ทีเดียว จากแต่เดิมที่ต้องเพ่งสมาธิแยกเสียงออกมา และเพลง Preliator เสียงโหมโรงจังหวะสุดท้ายเสียงโหมโรงและนักร้องนำฟังชัดจนสุดปลายเสียง จากแต่เดิมที่จะโดนเสียงของบรรยากาศ(เสียงสูงหลายๆเสียงรวมกัน)ทำลายจนเหมือนกับฟุ้งกระจายแยกไม่รู้เรื่อง เสียงปลายแหลมยังคมพริ้ว เป็นประกาย (ตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจคำว่าเสียง กรุ๊งกริ๊ง น่ะครับ ใช่แบบที่ผมเขียนหรือไม่)

- เบสที่ได้หนักแน่นและลึกขึ้นจนสัมผัสได้ มันเป็นอีกจุดเด่นของ D6 เหมือนกันที่ผมฟังแล้วมันชัดที่สุดเรียกได้ว่าแตกต่างจนรู้สึกได้แน่ชัดเลย แต่เดิม iPod Touch+SRH440 ผม Testด้วยเพลง Trance : TAXI หากใครได้ไฟล์เต็มของเพลงนี้หูฟังของท่านจะสั่นทั้ง 2 ข้างครับ
ก่อนเสียบ D6 จังหวะเบสจะกระแทกออกแรงมากและกระชับแห้งๆ มันส่งผลให้ได้ยินเสียง แพร่กๆ ด้วยครับ แต่เสียงแพร่กๆนั้นน่าจะเกิดจากการสั่นของหูฟังครับ เพราะผมกดให้มันนิ่งๆเสียงแพร่กๆ จะหายไป จากนั้นผมต่อกับ D6 ปรับ Vulumn ให้เสียงเท่ากัน เบสที่ได้จะกระแทกเท่าเดิมแต่จะลงลึกขึ้นและนุ่มขึ้น จากเดิมที่หูฟังจะสั่น+เสียงแพร่กๆ งานี้สั่นเหมือนเดิมแต่ไม่มีเสียงรบกวนครับ :-D

- ตำแหน่งเสียงวางได้บาลานซ์ขึ้น (เช่น เสียงร้อง effect ที่จะโผล่ทางขวาและซ้ายสลับกับ อยู่ตรงตำแหน่งตรงกลางพอดี จากแต่ก่อนที่ฟังแล้วเสียงร้องทางซ้ายจะเฉไปทาง11นาฬิกา และเสียงร้องทางขวาจะเฉลงไป 3 นาฬิกา เป็นกับบางเพลงนะครับส่วนใหญ่มันออกค่อยวิ่งไปซ้ายทีขวาที ) คนขายว่า D6 วางเรียงตำแหน่งเสียงต่างๆได้ถูกต้องยิ่งขึ้น

- Image ของชิ้นดนตรีให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปโดนเฉพาะพวกเครื่องเคาะเครื่องดีด จะติดประกายใสกิ๊ง (เช่นพวกเปียโน เสียงตอนเสียบD6 กับไม่เสียบต่างกันมากจนรู้สึกได้) เสียงกลอง impact ดูมีมวลมากขึ้น สัมผัสได้ถึงความหนาของเสียงกลองต่างกัน (เหมือนวัสดุจะต่างกัน) เสียงกระเดื่องกลองแน่นและนุ่มขึ้น ยามเสียงกลอง (เสียงทุ้มของกลอง) นั้นทำให้เห็นถึงความแตกต่างได้ชัดเจนมาก นั้นก็คือได้เสียงทุ่มที่นุ่มและหนักแน่น (หากเปิดกับเครื่องเสียงรถยนต์คงสะเทือนหัวใจหนักกว่าเดิม :-O)

1.2 หลังใช้งาน10วัน
แม้จะยัง Burn ไม่ครบ 200 ชั่วโมง จากความรู้แรกที่ได้ฟังกับ ณ ปัจจุบันสิ่งที่เปลี่ยนคือ

- บรรยากาศโดยรวมลดความจัดจ้านลงเช่นหัวเสียงของนักร้องอย่าง Celin dion ตอนแรกมาปั๊ปคมโปร่งมากเกินไป
- เสียงนักร้องแต่เดิมที่โปร่งกังวาล เสียงสูงแหลมคมชัดเจน บัดนี้เสียงร้องกลับฟังดูหวานขึ้น ไม่ใสและบางอย่างแก้วเหมือนแต่ก่อน
- ลดอาการเสียงสูงขุ่นมัว เพลงอย่าง Globus : Preliator ช่วงสุดท้ายเสียงสูงตีวิ่งอยู่ในอากาศเต็มไปหมดจนรู้สึกได้ยินสิน สื่อ~~~เต็มบรรยากาศห้องบรรเลงเพลง D6 จะกระชับและแบ่งแยกเสียงออกมาได้ดีขึ้นกว่าไม่เสียบ

สรุปสำคัญที่ได้ฟัง

1. สิ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่ผมจับได้ในตอนแรกเลยก็คือ เสียงนักร้องที่เด่นชัดโปร่งขึ้น ปลายเสียงแหลมไม่ขุ่นมัวไม่ขาด หลังจากใช้ไปสักพักนักร้องเสียงจะหวานขึ้น พอผมกลับไปฟังแบบปกติปรากฎว่าเสียงนักสูงโปร่งนั้นจะแห้งและแหลมคมไปเลย :-D

2. เบส คือสิ่งที่พบได้ง่ายเป็นอันดับ 2 แรกไม่เชื่อหูเท่าไหร่ว่า D6 จะUp bass ให้นุ่มขึ้น ลึกขึ้น ได้ เบสสามารถฟังออกเทียบได้ง่ายกว่าเสียงร้องเลยครับ เพราะมันเล่นซะบรรยากาศต่างกันจนฟังรู้สึกได้เลย

3. และสุดท้ายที่ผมต้องการ เนื่องจากความรู้สึกของผม SHURE SRH440 เป็น Full size แบบปิด Sound Stage ก็ไม่ได้กว้างมากนัก D6 ช่วยให้Sound stage ดูกว้างขึ้นได้ บรรยากาศอุดอู้ตอนนี้กลายเป็นโปร่งฟังสบายขึ้นกว่าแต่เดิมมาก

* น่าเสียดายผมไม่มีตัวอื่นๆเทียบครับ เพราะหากมีตัวอื่นได้ลองน่าจะช่วยให้เข้า Charector ของ iBasso ดีกว่านี้ก็ได้ ได้สัมผัสกับ D2 เพียงแปบเดียวผมว่าเรื่องรายละเอียดต่างๆที่ผมเขียนยังสู้ D6 ไม่ได้ ตอนนั้นผมฟังเทียบแปบนึงก็ไปฟัง D6 ต่อเลย =_="

* ความรู้สึกของผมล้วนๆครับ ดังนั้นใครได้ลองฟังอาจได้ความรู้สึกแตกต่าง ผมเองก็บรรยายภาพไม่เก่งนัก แต่ที่แน่ๆก็คือ ผม Test จนหูผมแทบใหม้แล้ว 55+


ผิดถูกยังไงในเรื่องศัพท์หรือการเล่นเรื่อง น้อมรับคำติครับ
ขอบคุณที่อ่านครับ :-D

ภาค DAC ค่อยมาทีหลังครับ ช่วงนี้ปั่นงานก่อนดีกว่า วันนี้ทั้งวันจมกับ D6 อีกแล้ว ส่วนภาค DAC นั้นผมจะ Test ด้วย Ultrasone test CD ครับ พอดีโปรแกรมแปลงมันไม่รับเลยอดใช้กับ ipod touch ครับ เท่าที่ได้ฟังทดสอบ ผมว่ามันได้อะไรมากกว่าฟังบน player พอตัวเลย เดี๋ยวโผล่มาใหม่ครับ -_-*
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

Sukit (สุกฤษฎิ์)

12/02/2011 20:46:19
0
รีวิวจนอยากได้อีก เอาอีก
ขอบคุณ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

เด็กน้อย

12/02/2011 20:49:18
กด Like รัวๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

FolkTrance

12/02/2011 21:02:23
3
ผม Testที่ร้านกับที่บ้านนี้ช่างต่างกันมากครับ
แม้ SRH440 ที่ผมใช้จะกันเสียงล้อมข้างได้ดี แต่เสียงบรรยากาศที่ Digital gateway ก็ยังมาแข่งกับการฟังเพลงครับ เพราะที่่รานผมบิด Volumn ขึ้นไปที่ 3นาฬิกาครับ แต่ที่บ้านที่เงียบๆ บิดไปที่ 12นาฬิกานี้ได้พอๆกับที่ร้านแล้วครับ (บิดไปที่ 3 นาฬิกา หูแทบแตก ไม่รู้ที่ร้านบิดไปได้ยังไงตอนนั้น 55+)
และที่น่าสังเกตุ หากใช้ D6 หากบิดสูงๆคุณจะรู้สุกถึงความแตกต่างในเรื่องของเสียงกลางที่ออกมาเต็มที่มากขึ้น เกินกว่าการเสียบหุฟังตรงกับเครื่องเล่น player หรือคอมได้อีก (เบสจะไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่แล้วล่ะ) นั้นก็คือมันยังลากไปได้อีกครับ ถ้าหูไม่พังซะก่อน :-o
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

AbyssXII

12/02/2011 21:52:38
0
ภาค DAC 5hkltf;dอย่างไรก็ลองแถมๆพวก320kbps มาบ้างนะครับ

ผมเองกำลังปวดหัวกับการเลือก DAC / AMP แบบพกพาอยู่ครับ ขอบคุณมากครับ ^^

อยากโดนงูฉก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

มนุษย์แฮม

12/02/2011 21:59:00
0
รีวิว น่าติดตามครับ

สายนั้น ชื่อ รุ่น dna นะครับเข้าหวั viablue ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

DayWalker

12/02/2011 22:10:06
90
เยี่ยมเลยครับ อ่านๆรีวิวไป ชักอยากได้ใหม่มาแทนพระจันทร์ดำเลยครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

FolkTrance

12/02/2011 22:13:15
3
สงสัยจะใช่ครับ หน้าตามันหล่อเหล่าเอาการดีครับ 55+
ที่ของผม ปลายด้านนึงติดสติ๊กเกอร์สีม่วงแปะว่า Signature Stage ด้วยครับ ทางร้านบอกว่าสายเหลือ 3 เส้นเท่านั้น มีหัว Dock สีดำด้วย แต่ผมเอาสีขาวดีกว่า เพราะเหลือเส้นเดียว :-D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

bb

12/02/2011 22:44:17
0
อ่านแล้วอยากได้เลยนะเนี่ย รีวิวดีครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

นายมั่นคง

12/02/2011 23:33:20
4,294
เย้ๆๆๆ ขอบคุณมากๆๆ เลยครับ สำหรับรีวิว เดี๋ยวผมขออนุญาตแปะเป็นแบนเนอร์แล้วลิงค์มาที่กระทู้นี้เน้อๆๆๆๆ เป็นรีวิวที่ทำได้ดี มีเนื้อหาสาระมากกว่าที่ผมเขียนเองแยะๆๆเลยล่ะจ้าๆๆ 555

ว่างๆๆ เชิญเขียนมาอีกได้เลยนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

FolkTrance

13/02/2011 00:17:25
3
:-D โอ้วขอบคุณครับ ผิดพลาดประการใด
ร่วมด้วยช่วยกันแก้ผิดให้ถูกด้วยนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

ittichai k.

13/02/2011 08:44:10
0
อ่านกระทู้นี้เเล้วกระเป๋าตังค์เริ่มอ้าออก ทีละนิด ทีละนิด เหมือนโดนสะกดจิต 5555
รีวิวดีมากครับ ทำให้ผมสนใจเจ้านี่อีกเเล้ว อยากโดนงูฉก เหมือนกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

FolkTrance

15/02/2011 17:47:11
3



กลับมาอีกครั้งในภาคของ USB DAC ของ iBasso D6 นะครับ
เนื่องจากงานเยอะจึงไม่ได้ Test จริงจัง แต่ก็นั้งใช้ iBasso D6 อยู่ทุกวันจนติดหูไปก่อนพลางๆครับ :-D
สำหรับในภาคของ USB DAC นี้เป็นอีก 1 ความหวังของผมด้วยเช่นกัน เพราะเนื่องจากความรู้สึก ผมฟังเพลงจาก MacMini จาก PC ที่บ้านและจาก iPod Touch Gen3 มีความแตกต่างกัน โดยตัว iPod Touch ผมว่ามันฟังดูสนุกกว่า macmini และ PC มากครับ (แต่หลังๆคิดว่า macMini ก็ไม่ได้แพ้ iPod Touch ครับ :-d)

เครื่องที่ทดสอบ
1. MacMini
ผมใช้ MacMini ทำงานเป็นหลักดังนั้นผมจึงค้นหา Player ที่เหมาะและตรวจสอบดูว่าจำเป็นต้องใช้ PlugIn อะไรหรือไม่เพื่อเพิมอรรถรส หรือให้ Output ออกมาเป็น Bit perfect แต่นับว่าโชคดีครับที่ Mac ที่ไม่จำเป็นต้องหา PlugIn อะไรมาลง เพราะ MacOSX ใช้ Core Audio ในการจัดการเรื่อง Source ส่งไปยังทุกๆ Application บน MacOSX ซึ่งที่ส่งไปก็คือ Bit perfect นั้นเอง พอดีหาข้อมูลก็วิ่งไปเข้าเว็บนี้พอดีครับ :-D

http://www.head-fi.org/forum/thread/442967/asio-do-i-need-it-on-the-mac

2. PC ของผมอายุอานามก็8-9ปีแล้วครับ On board AC97 อยู่เลย
เครื่องที่บ้านผมทีมีครหาในเรื่องเสียงที่สุดครับ หลักจากใช้ AIMP3 แล้วก็ย้ายมาลง Foobar2000 ล่าสุด และให้ Output ออกมาที่ ASIO4ALL เพื่อส่งไปยัง iBasso D6 และสลับฟังกับ Default Speaker (AC97) หากไม่ใช้ ASIO ช่วยเสียงที่ออกมาเรียกได้ว่ามืดมนอย่างมาก เพราะเสียงย่านความถี่ต่ำ ทั้งจากกลองหรือจากเครื่องสายที่มีความถี่ต่ำ โดดเด่นขึ้นมาบังย่านความถี่อื่น เช่นกลางและสูง ทำให้เพลงออกทึมๆและเสียงกลางก็ย้ำแย่มากครับ

3. PC ของที่ทำงานอายุประมาณ2ปี On board HD audio device
ผมลง Foobar2000 ตัวล่าสุดและ ASIO นั้ง set และนั้งเล่นอยู่นานที่สุด เพราะเสียงออกมาดีกว่า PC ของผมซะอีก เป็นเครื่องหลักที่ผมทดสอบ พร้อมกับ MacMini ครับ ส่วน PC ของผมขอเก็บเข้ากรุไปดีกว่า - -" ไม่ค่อยไหวแล้ว
4. iBasso D6 + SHURE SRH440(Studio HeadPhone) เหมือนเดิมครับเพราะมีเท่านี้

เพลงที่ทดสอบ
1. Ultrasone Test CD
ภายในมีทั้งสิ้น 20 Track เป็นไฟล์นามสกุล WV (Wave Pack) เป็นแผ่นทดสอบหลักครับมี Sound เสียงต่างๆให้ทดสอบ ทั้งเสียงเครื่องดนตรี เสียงธรรมขาติ เสียงปรบมือ คลื่นทะเล เพลง Chorus ฯลฯ ไฟล์คุณภาพชัดเจน ทำให้เทียบถึงความแตกต่างได้ครับ
2. Celin Dion
เหมือนเดิมครับ เพราะเสียงนักร้องผมฟังในการทดสอบในภาค HeadPhone amp มาก่อนและติดหูผมที่สุดครับ
3. Globus
อัลบั้มนี้หากเปิดกับ Player จะเห็นข้อแตกต่างได้เหมือนกัน เพราะทดสอบครั้งนี้ได้รู้ลึกถึงบรรยากาศที่อลังการต่างกันด้วยครับ
4. Black Eyed peas
เป็นวงที่มี Deep bass ค่อยข้างชัดเจนครับ เบสไม่จำเป็นต้องกระทั้นกระแทกแบบ Trance ครับ Deep bass ของวงนี้ลึกมากๆ เบสไม่กระแทกเลยสักนิดแต่นุ่มและลึกเล่นเอาหูฟังสั่นกระเพื่อมได้ เป็นอัลบั้มที่วัด Deep bass ของผมอีกอัลบั้มนอกจาก Electronic Trance ที่ฟังประจำครับ :-d

* ผมทดสอบโดยการเปิดฟังวนๆที่เดิมสลับกันไปๆมาๆ และจดบันทึกไปเรื้อยๆ (headPhone ผมก็ทำแบบนั้น บันทึกลง Text editing สะสมมไปเรื้อยๆ)
* Equalizer ทุกตัวเป็น Flat เท่านั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

FolkTrance

15/02/2011 17:48:57
3



2.ภาค USB DAC

ก่อนฟังใช้ ibasso D6
PC :
ทางฝั่ง PC หลังจากได้ลง Foobar200 และ ASIO เสียงออกมาทำได้ดีมากครับ โปร่ง Clear สะอาดชัดเจนขึ้น ตอนที่ผมฟังโดยไม่ได้เทียบกับ iBasso D6 ผมแทบหาข้อติไม่เจอเพราะเสียงมันค่อนข้าง Perfect เลยครับ

MacMini :
ส่วนของ MacMini ผมใช้ Program ชื่อ Vox เป็น Player หลักครับ เพราะมันสามารถที่จะฟังได้ทุก Format file ผมไม่ใช้ itune เพราะไม่รับรองบางไฟล์ครับ ในส่วนของคุณภาพเสียงที่ได้ก็คือ โปร่ง Clear สะอาดชัดเจน เช่นเดียวกันครับ แต่มีมากกว่านั้นก็คือ เบสที่มากขึ้น และเสียงกลางและสูงแหลมกว่าครับ (อันนี้ผมฟังจนแน่ใจครับ เพลงติดตั้ง 2 ครั้งฟังสลับไปมา) แทบหาข้อพิพาทไม่เจอเหมือนกันครับ

* หากหาข้อติไม่ได้ทีนี้ก็ต้องไปลองฟัง iBasso D6 กันละครับ และผลก็ดังคาดมีความแตกต่างเกิดขึ้นจริงๆ

หลังเสียบ iBasso D6 ด้วย USB เพื่อทดสอบภาค DAC

PC,MacMini ทั้ง 2 ระบบนี้ต่างได้เสียงที่คมชัด Clear สะอาด โปร่งและฟังได้สบาย อย่างที่ว่าจนฟังแล้วหาข้อติไม่ได้ แต่เมื่อได้ฟังผ่าน DAC ของ iBasso จะได้สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นจนรู้สึกได้ โดยเรียงลำดับที่ชัดๆก่อนครับนั้นก็คือ

- บรรยากาศของเพลงโดยรวม : อัลบั่มของ Celin dion และ Globus บ่งบอกข้อนี้ได้ชัดเจนอย่างมาก ปกติก่อนใช้ iBasso แม้เสียงจะดีอย่างที่กล่าว แต่จะฟังราบเรียบขาดมิติแม้จะโปร่งแต่ก็แห้งๆ image ของเสียงร้องหรือของเครื่องดนตรีเหมือนยังไม่เป็นธรรมชาติมากหรือปล่อยไม่ถึงสุด

เมื่อใช้ iBasso D6 บรรยากาศของเพลงโดยรวมมีมิติมากขึ้น อวบอิ่มมากขึ้น มีความสมจริงและเข้ากับบรรยากาศได้อีกอารมณ์หนึ่ง บรรยากาศมีมาเพิ่มเติมอีกหนึ่งก็คือความอลังการของเพลง เช่น Beauty and the beast วินาทีที่ 2.14 หรือ Globus : Preliator นั้น iBasso D6 ถ่ายทอดออกมาได้ดีกว่าเดิม

- เสียงกลางและเสียงนักร้อง : อย่างที่เคยเขียนตอน Headphone amp หากได้ฟัง iBasso D6 ตลอดแล้วลองกลับไปแบบปกติไม่ใช้ iBasso เสียงนักร้องนั้นโปร่งคมมากจนบาดหู สำหรับ iBasso D6 ให้เสียงนักร้องมีมวลมากขึ้นไม่แห้งแหลมโปร่งแบบแต่ก่อน ต้นเสียงจะหวานจนรู้ได้ เสียงสูงโปร่งและโดดเด่นมาก เสียงสูงไม่ฟุ้งไม่ขาด

-image ของเสียง : มีความชัดเจนมากขึ้น ผมใช้ Ultrasone Test CD ทดสอบเสียงเครื่องดนตรี ทั้งเครื่องดีดเครื่องสาย เครื่องเคาะกลองทั้งหลาย เสียงที่ออกมาดูมีความสมจริงขึ้น เสียงเปียโนต้นเสียงฟังดูมีน้ำหนักการกดเสียงมีประกายใสกังวาลกว่า แต่เสียงกลองนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นสุดๆของ iBasso ที่ดึง image ของกลองได้สมจริงขึ้นมากแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด นอกจากจะหนักขึ้นแน่นขึ้นลึกขึ้นยังมีเสียงกระเดื่องกลองที่มากขึ้นด้วย

- เบส : ถือว่าเห็นผลทันตาทุกครั้งที่เสียบฟังครับ ไม่ว่าจะเพลง Trance เพลง classic หรือเพลงสากล เบสที่ได้ถือว่าดีกว่าเดิม มีหน้ำหนักแน่นนุ่มลึกขึ้นและครั้งนี้ผมได้ใช้ อัลบั่มของ Back eyed peas ที่มี Deep bass ลงลึกได้ชัดมากมาทดสอบ iBasso ได้ผลออกมามีเสียง Bass ที่ลงลึกกว่าและฟังดูนุ่มมีมวลกว่าปกติด้วยครับ แน่นอนหูฟังผมสั่นไม่เป็นท่าเลย

- เสียงไม่ทับซ้อนกันยังฟังแยกเสียงเป็นเอกเทศได้ดี : แม้เสียงเบสจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ไปบนบังเสียงกลางหรือย่านอื่นๆครับ นั้นก็คือไมไ่ด้ทำให้เพลงมีบรรยากาศหม่นหมองทึมๆหรือมีอะไรมาบดบังครับ ยังฟังได้โปร่งสบายแต่ได้บรรยากาศของเพลงที่มากขึ้น เสียงกลางเองก็เช่นกัน แม้จะเด่นโปร่งและหวานขึ้น ก็ไม่ได้ทำให้เพลงฟังดูราบเรียบแห้งแบบแต่ก่อน การที่แยกเสียงออกมาได้ดีทำให้เกิดความสมดุล ดูมีสีสันชีวิตชีวาและอิ่มไปกับบรรยากาศของเพลงมากขึ้นครับ ที่แน่ก็คือความสมจริง เพลงที่อลังการก็ฟังได้เพราะขึ้นได้

- SoundStage : ในส่วนนี้ผมค่อนข้างเพ่งฟัง รู้สึกได้ว่าตอนไม่ใช้ iBasso เพลงจะมีความราบเรียบทุกเสียงดูกองมาเรียงกันในแถวเดียวกัน เหมือนนักร้องและเครื่องดนตรีอยู่ที่เดียวกัน (และเสียงนักร้องกับเครื่องดนตรีดูจะอยู่ไกลออกจากหูผมไปหน่อยด้วย) ส่วนของ iBasso นักร้องและเครื่องดนตรีดูวางเรียงแยกออกมาห่างกันเล็กน้อย ทำให้ฟังดูมีมิติมากขึ้นและที่สำคัญเหมือนได้ฟังเสียงนักร้องและทั้งวงใกล้ชิดขึ้น และรู้สึกห้องฟังเพลงมีความกว้างขึ้นเล็กน้อย *ส่วนนี้ใช้ความรุ้สึกส่วนตัวบางคนอาจเห็นต่างได้


สรุปโดยรวม
- Foobar+ASIO หรือ MacMini ก็ตามฟังปกติเสียงเพลงที่ได้ออกมาดีมากๆ ( จนคิดว่าไม่น่าจะมีข้อพิพาทใด)ครับ แต่ดูจะขาดมิติความสมจริงและบรยากาศของเพลงที่ดึงอารมณ์ขึ้น เมื่อเทียบกับการใช้ DAC ของ iBasso D6 ครับ

- ผลลัพท์ถือว่าพอใจครับ เพียงแต่ภาค DAC ยังต่างกับ HeadPhone amp ในเรื่องของการเร่งเสียงสุดครับ กล่าวคือ HeadPhone amp นั้น คุณสามารถที่จะบิด Volumn ที่ iBasso ได้จนสุดโดยเสียงไม่แตกครับ (ดังจนหูจะแตกแทน) แต่กับภาค USB DAC นั้นเพียงผมเร่ง Volumn ไปที่ 3นาฬิกากว่าๆก็เห็นผลเลยครับว่าเสียงแตกร่วนออกมาเลยครับ :-o คงเพราะไม่ได้ทำหน้าที่เป็น Amp ด้วยกระมัง

- ฟังเพลงได้อิ่มกว่า iPod Touch gen3 ครับ สงสัยไฟล์มันเป็นต้นฉบับด้วยครับ :-)

* ผลลัพท์ของบทความนี้ ผมเชื่อว่าอยู่ที่เครื่องเล่นและหูฟังของท่านด้วยครับ ซึ่งที่ผมเขียนทำได้เพียงบันทึกข้อแตกต่างต่างจากการที่ได้ใช้และไม่ได้ใช้ iBasso D6 กับเครื่องเท่าที่ผมมีเท่านั้น ส่วนตัวไม่มีโอกาสได้ลอง DAC-AMP รุ่นอื่นหรือค่ายอื่นๆที่แพงกว่าดีกว่านี้ครับ :-d หากท่านใดฟังของดีมานานอาจฟัง iBasso D6 นี้อาจจะมีข้อสรุปที่แตกต่างได้ครับ

* สุดท้ายก็ขอขอบคุณที่อ่านครับ ผิดพลาดเรื่องศัพท์ที่ใช้ หรือ สื่อความผิดช่วยแย้งช่วยติด้วยนะครับ เผื่อวันข้างหน้าได้ iTem ดีๆอะไรจะมาช่วยเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง ขอบคุณครับ :-D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

FolkTrance

15/02/2011 18:21:37
3



โอ้ว ลืมอีกหนึ่งครับ ยังไม่ได้ทดสอบไฟล์เพลงแบบ 24bit/96kHz เลยครับ
ซึ่งผมใช้อัลบั้ม Audiophile Jazz Prologue III (2009) ลองฟังดูครับ
สามารถเร่งเสียงจาก iBasso D6 ได้มิดโดยเสียงยังไม่แตกครับ ไม่รู้เพราะตัวเสียงหรือความระเอียดนะครับ แต่ก็แปลกดี ไฟล์เพลงส่วนใหญ่ที่ผมใช้จะเป็น 16bit เร่งออกมาแตกร่วนหมดครับ แต่อัลบั้ม Audiophile Jazz Prologue III (2009 24bit/96kHz) นี้ยังไม่แตกครับ
* ใครทราบก็ช่วยแถลงไขด้วยนะครับ :-D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

superding86

15/02/2011 19:04:44
0
รีวิว ได้เยี่ยมมากๆเลยครับ
ปักหมุดเลยครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

นายมั่นคง

15/02/2011 21:15:42
4,294
โอววว เยี่ยมจริงๆๆๆ ผมทำเป็นแบนเนอร์ไว้เป็นเกียรติอยู่หน้าแรกแล้วล่ะจ้าๆๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

AbyssXII

15/02/2011 21:16:20
0
เยี่ยมครับ ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

reemsook11111

15/02/2011 22:10:18
iBasso D6 ราคาค่าตัวมันเท่าไหรครับ

ผมมี Sony Nwz-S754B กับ K-420

มันจะแมท์กันเปล่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

เด็กน้อย

15/02/2011 22:43:51
Standing Ovation!
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

เบียส

15/02/2011 23:17:35
11
โอ้ว .....ววว สุดยอเลย ครับ อ่านเพลิน เลยละ จ้า ..........อิ อิ อิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

FolkTrance

16/02/2011 01:58:26
3



reemsook11111 : ราคา iBasso D6 ราคา 8,900 บาทครับ

ส่วนจะเล่น HeadPhone Amp ทางร้านเขาก็แนะนำซื้อสายดีๆไปเลย เขาจัด VIABLUE เส้นนั้นก็ราคา 3,200 บาท ครับ

ส่วนกรณีหู Sony Nwz-S754B กับ K-420 ผมคิดว่าน่าได้เอกลักษณ์ของ iBasso D6 ภายใต้ Charector ของหูฟังของคุณ reemsook11111 น่ะครับ -*-

อารมณ์ก็ประมาณในรูปครับ เพราะผมนิยมซื้อใช้อะไรก็กอดคอกันจนเสียกันไปข้างครับ จัดหนักแต่ยาวครับงานนี้ :-D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

FolkTrance

16/02/2011 02:43:24
3
ว้าว!! ขอบคุณเฮียมั่นครับ

เห็นล่ะครับแบนเนอร์ เขียนแล้วชื่นใจเลยครับ :-D

- ได้เวลาถนอมหูละครับ Test ดังไปหน่อย =_="
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

Westone GeoT

16/02/2011 07:34:59
0
รีวิวเยี่ยมจริงๆครับ
TWO THUMBS UP!!
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

DayWalker

16/02/2011 10:18:02
90
ถ้าเทียบตัวนี้กับ D10 ตัวไหนให้ผลที่น่าพึงพอใจกว่ากันครับ

เรื่องของเรื่องคือผมน่าจะได้ใช้กับ iPod Classic อย่างเดียวมากกว่าครับ

เพราะคงไม่ได้ต่อเข้าคอมฯแน่ๆ

ใครพอมีประสบการณ์แชร์ให้หน่อยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

RPBook

16/02/2011 18:58:35
0
ราคาพอๆกับ D10 เลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

KUKKUMAN

17/02/2011 00:52:20
ขอถามด้วยความไร้ครับ

DAC กับ Heaphone amp มันต่างกันยังไงหรอครับ -*-
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

KUKKUMAN

17/02/2011 00:53:26
พิมพ์ผิดแฮะ ขอเปลี่ยนเป็นขอถามหน่อยครับ

DAC กับ Heaphone amp มันต่างกันยังไงหรอครับ -*-
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

FolkTrance

17/02/2011 02:20:11
- DAC ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณ Digital (พวกข้อมูล binary bit0,1) ไปเป็นสัญญาณ Analog ครับซึ่งเป็นสัญญาณที่เราใช้ฟังเสียงครับ DAC มีอยู่ในอุปกรณ์ทั่วๆไปครับที่จำเป็นต้องใช้ในการแปลงและเป็นลมหายใจของการฟังเพลง อุปกรณ์ของมันพวกชิบก็มีการแบ่ง grade แบ่งชนชั้นราคาค่าตัวครับ และแน่นอนคุณภาพของเสียงที่ส่งมาปลายทาง (เช่นภาคขยายสัญญาณหรือหูฟังลำโพง) ก็จะได้รับคุณภาพตามระดับของ DAC นั้นๆ (ทางเทคนิค ผมคิดว่าน่ามีการออกแบบทางสถาปัตยกรรมด้วยครับ ถึงมีข้อแตกต่างของรายละเอียดที่แปลง)
- HeadPhone amp คือตัวขยายสัญญาณเสียงสำหรับหูฟังครับ ซึ่งควรใช้กับหูฟังที่ขับยากๆหรือมีค่า Impedance สูงๆครับ เมื่อใช้แล้วจะช่วยให้หูฟังนั้นเปร่งประสิทธิภาพได้เต็มที่ของมันครับ แต่พวกหูฟังขับง่ายๆเช่น impedance ประมาณ 16 Ohm ก็ไม่ต้องใช้ก็ได้ครับ (หูฟังบางอันเห็นค่า impedance สูงมาก200+ Ohm) รู้สึกพวก player พกพาดีๆน่าจะรับหูฟังที่มี Impedance ในช่วง 16-50 น่าจะยังได้ครับ มากกว่านั้นอาจจะหา HeadPhone AMp มาเติมเต็มหน่อยครับ เช่นของผม SHURE SRH440 impedance ที่44 ohm เล่นกับ iPod Touch gen3 ออกมาก็ถือว่าเต็มที่ครับผมคิดว่า แต่ใช้ HeadPhone amp อัดเข้าไปก็เพิ่มประสิทธิภาพของหูขึ้นได้อีกระดับครับ เร่งเสียงได้เกินกว่าที่ iPod Touch จะเร่งให้ดังได้อีกครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

FolkTrance

17/02/2011 02:43:57
3
ถามข้อสงสัยหน่อยครับ ใช้เองถามเองครับ :-D

Spec ของ iBasso D6 ข้อหนึ่ง
Works as a combo or a stand-alone AMP, DAC, USB soundcard

OK stand-alone AMP ผมเข้าใจครับ
พอดีวันนี้ผมลองเล่นอย่างก็คือ stand-alone DAC หรือเปล่าน่ะครับ เพราะ Input ด้วย USB ที่ต่อกับคอมเข้า iBasso D6 ผมว่าน่าจะทำงานทั้ง DAC+AMP น่ะครับ ไม่งั้นมันก็ไม่น่าเร่งเสียงด้วย iBasso ได้น่ะครับ (แต่เร่งเสียงสุดเกิน 3นาฬิกาเสียงมันแตกร่วนครับ ถ้าไฟล์นั้นไม่ใช่แบบ 24bit เท่าที่ลองครับ แต่หากเสียบกับ iPod Touch เร่งเสียงสุดไงก็ไม่แตก ไม่เกี่ยงไฟล์ด้วยจะ 16bit หรือ24bit หรือนีืมันทำงานกันคนละาคจริงๆ ? )

อ้อ อีกประการที่ส่ง ผมต่อ input ibasso ด้วย USB แต่ output ผมใช้ Aux(in/out) แต่งานนี้ผมให้มัน out ทางช่อง AUX แล้วไปต่อกับ Amplifier อีกทีได้หรือไม่ครับ (ผมทะลึ่งเอาหูฟังไปเสียบที่ช่องของ AUX ครับ มันมีเสียงออกมาแต่ผมเร่งเสียงที่ ibasso ไม่ได้ system ก็ไม่ได้ ลดได้เพียง Program player เท่านั้นครับ มันเลยจุดชนวนสงสัยครับ :-D )
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

reemsook11111

18/02/2011 21:57:07
0
ขอบคุณคุณ FolkTrance รอสิ้นเดือนเดี่ยวจัดหนักแน่ครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

นายมั่นคง

18/02/2011 23:06:40
4,294
ตามความเข้าใจของผมเน้อ เจ้านี่มันเป็น stand alone คือเป็น headphone แอมป์เด่ๆ ลอยๆๆ ด้วยตัวมันเองล่ะครับ อันนี้ไม่สงสัยกันล่ะ

แต่พอเสียบสายจากคอมเข้าที่ตัวมัน มันจะผ่านภาค DAC ในตัวครับ และต่อเข้าภาคขยายที่ตัวแอมป์เลย เลยทำให้มันเร่งลดเสียงได้ ซึ่งอันนี้เราต้องเสียบหูฟัีงที่ตัว iBasso มันโดยตรง

ส่วนที่บอกว่ามันเป็น DAC แบบ Stand alone ก็คือมันมีช่อง AUX out นี่ล่ะครับ ซึ่งตรงนี้เราสามารถเอาสัยญาณที่แปลงจากดิจิตอลจนกลายเป็นอนาลอกแล้ว ออกไปเข้าแอมป์ภายนอกได้ทันที

ซึ่งตรงนี้มันจะเป็นระดับความดังที่ Fix และปรับไม่ได้ ตามที่เล่ามาเลยล่ะจ้าๆๆ สัยญานจากช่อง Aux out ก็คือสัญญาณที่เป็นเสมือน lineout ที่ออกจาก DAC ทั่วๆๆไปเช่นกันเลยล่ะครับ 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

FolkTrance

18/02/2011 23:07:26
3
:-D

ยังไงมี Notebook ของตัวเอง ก็เอาไปลองด้วยก็ดีครับ
หวังว่าจะตรงตามแนวที่ต้องการนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

FolkTrance

18/02/2011 23:51:35
3
:-D โอ้ว Clear เลยครับ

จำได้เคยเห็นคนต่อ amp 2 ทอด

ก็งงๆใช้ทำอะไรแบบนี้กระจ่างแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

FolkTrance

19/02/2011 03:58:41
3
เอ้อ ขอถามหน่อยนะครับ สงสัยมากๆ
ทำไม iBasso D6 ไปอยู่ในหมวด HeadPhone amp แทนที่จะเป็น DAC-AMP อ่ะครับ
อย่าง iBasso D4 ยังอยู่ในหมวด DAC-AMP เลยครับ

:-)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

tine_lnw

23/02/2011 19:01:51
0
อยากรู้ด้วยคนครับ แหะๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

a7x_prophet

23/02/2011 19:15:49
0
อยากรู้เหมือนกันครับ....อิอิย์ย์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

20/06/2011 11:11:49
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"iBasso D6 เล่าสู่กันฟัง"