Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

ศัพท์แสงสำหรับนักเล่นเครื่องเสียง Audiophile

dirtyapple

07/01/2011 03:12:45
0



บางคนอาจจะไม่รู้ศัพท์ที่ชาวบอร์ดคอมเม้นท์กัน เลยเอามาวางนิดคับ

“ศัพท์แสงสำหรับนักเล่นเครื่องเสียง Audiophile”

ประโยชน์ ของการฝึกการฟังที่ถูกต้องก็คือการฝึกให้ประสาทหูได้รู้จักแยกแยะเสียงใน ลักษณะต่าง ๆ ออกจากกัน ซึ่งถ้าหูของคนเราสามารถแยกแยะรายละเอียดของเสียงได้ดีเพียงใด ก็จะทำให้เราสามารถเข้าถึงวิญญาณของเพลงที่ฟังได้มากเท่านั้น ในโลกของดนตรีนั้นศิลปินผู้สรรค์สร้างงานเพลงได้อาศัย “เสียง” เป็นสื่อในการถ่ายทอดความหมายไปยังผู้ฟัง ไม่ว่าผู้แต่งจะเป็นคนเชื้อชาติใด ภาษาใด แต่ “เสียง” ซึ่งเป็นภาษาดนตรีที่ถูกใช้ในการสื่อสารกันนั้นถือว่าเป็นภาษาสากล


การเรียนรู้ในเรื่องของการฟังก็เหมือนการเรียนรู้ภาษาสากลของดนตรีนั่นเอง
การได้เรียนรู้ถึงความหมายของการฟังที่ถ่องแท้ จะทำให้การเล่นเครื่องเสียงของเราบรรลุถึงเป้าหมายที่แท้จริง การหยิบเพลงของศิลปินขึ้นมาฟังก็เหมือนกับการเสพงานศิลปะชิ้นหนึ่ง ซึ่งเครื่องเสียงก็เป็นเพียงเครื่องมือในการถ่ายทอดงานศิลปะชิ้นนั้นออกมา ให้เราเสพ บทเพลงหรืองานศิลปะดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดออกมาได้ตรงตามความหมายของผู้สรรค์ สร้างมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องเสียงซึ่งเป็นตัวถ่ายทอด ส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับ “วิธีการปรับแต่งให้ชุดเครื่องเสียงเหล่านั้นอยู่ในสภาวะที่สามารถถ่ายทอด งานศิลปะออกมาได้หมดจดที่สุด” นั่นเอง
ทั้งหมดนี้เป็นคำศัพท์พร้อมความหมายที่แสดงถึงลักษณะในด้านต่าง ๆ ของเสียงเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจในการอ่านบทวิจารณ์ในหนังสือฉบับนี้ มากยิ่งขึ้น


(1) อิมเมจ หรือ ตัวเสียง หมายถึง รูปลักษณ์หรือเสียงที่ให้รูปทรงเป็นชิ้นดนตรีหรือเครื่องเสียงที่มีคุณภาพดี จะต้องสามารถให้รูปทรงของชิ้นดนตรีที่ชัดเจนขึ้นรูปเป็นสามมิติ (9) และมีสัดส่วน (10)ที่สมจริง

(2) ซาวนด์สเตจ หรือ เวทีเสียง หมาย ถึง อาณาเขตโดยรอบที่อิมเมจหรือตัวเสียง (1)ทั้งหมดเรียงตัวอยู่ในอากาศ ลักษณะความกว้าง-แคบหรือตื้น-ลึกของเวทีเสียงจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของชุด เครื่องเสียง และการปรับแต่งตำแหน่งลำโพงและการปรับแต่งสภาพอะคูสติกในห้องฟังเป็นสำคัญ

(3) ไดนามิก-คอนทราสต์ หมายถึง ลักษณะการเปลี่ยนแปลงความดังอย่างค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป เครื่องเสียงที่ดี ๆ นั้นจะต้องสามารถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงของระดับเสียงของชิ้นดนตรีได้ต่อ เนื่องละเอียดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ก้าวกระโดด ดังเช่นสัญญาณเสียงที่เกิดจากการสี เป่า และร้อง ลักษณะการบรรเลงของนักดนตรีที่กระทำต่อเครื่องดนตรีบางประเภทนั้นสามารถให้ ได้ทั้งไดนามิก-คอนทราสต์และไดนามิก-ทรานเชี้ยนต์ (4)

(4)ไดนามิก-ทรานเชี้ยนต์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของระดับความดังอย่างรวดเร็ว หรือสัญญาณเสียงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เป็นลักษณะของการเปลี่ยนระดับความดังจาก 0 เดซิเบลขึ้นไปจนถึงจุดพีคสุดของสัญญาณอย่างรวดเร็วมาก ๆ ดังเช่นสัญญาณเสียงที่เกิดจากการตี ทุบ หรือเคาะที่นักดนตรีกระทำต่อเครื่องดนตรีนั้น ๆ เครื่องเสียงที่ดีนั้นต้องสามารถตอบสนองสัญญาณในลักษณะดังกล่าวที่ให้สปีดร วดเร็วสมจริง

(5) หัวเสียง (Impact) หมายถึง สัญญาณเสียงแรกที่เครื่องดนตรีถูกกระทำ เครื่องเสียงที่มีคุณภาพดีจะต้องให้หัวเสียงที่ประกอบด้วยความชัดเจนและความ เร็ว ในส่วนของความชัดเจนนั้นก็คือต้องให้ตัวเสียงที่มีความเข้ม มีมวลอิ่ม และมีขนาดที่สมจริง เช่น หัวเสียงที่เกิดจากการเคาะเหล็กสามเหลี่ยมจะให้ตัวเสียงที่มีขนาดเล็กกว่า หัวเสียงที่เกิดจากการย่ำกระเดื่องกลอง ส่วนความเร็วของหัวเสียงนั้นขึ้นอยู่กับการเดินทางของความถื่มาถึงหูของเรา เช่น เสียงย่ำกลอง ซึ่งอยู่ในย่านเสียงทุ้มจะเดินทางมาถึงหูของเราช้ากว่าเสียงเคาะเหล็กสาม เหลี่ยมซึ่งอยู่ในย่านเสียงสูง เหล่านี้ เป็นต้น

(6) ความกว้างของเวทีเสียง หมายถึง ระยะทางจากซ้ายสุดของเวทีเสียงไปจนถึงชิ้นที่อยู่ขวาสุดของเวทีเสียง เพลง ๆ เดียวกันจากแผ่นซีดีแผ่นเดียวกันก็อาจจะให้ความกว้างของเวทีเสียงต่างกันได้ เมื่อฟังจากชุดเครื่องเสียงต่างกัน เครื่องเสียงที่ให้เวทีเสียงกว้างมาก ๆ ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป เพราะคุณภาพของเวทีเสียง (2) ย่อมขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับความลึก (7) ด้วย การแยกลำโพงทั้งสองข้างให้ถ่างออกจากกันจะเป็นการเพิ่มระยะความกว้างให้กับ เวทีเสียง แต่ถ้าลำโพงทั้งสองข้างถูกแยกห่างกันมากเกินไปจะทำให้ความเข้มข้น ( 8 ) ของชิ้นดนตรีบริเวณกลาง ๆ เวทีเสียงเจือจางลง

(7) ความลึกของเวทีเสียง หมายถึง ระยะทางจากระนาบของแถวชิ้นดนตรีที่อยู่ด้านหน้าลงไปถึงด้านหลัง เครื่องเสียงที่ดี ๆ นั้นต้องสามารถให้ความลึกของชิ้นดนตรีในระนาบหลัง ๆ ที่แผ่กว้าง ไม่ใช่หุบเข้าหาตรงกลางเวที การดึงลำโพงทั้งสองข้างให้เข้าใกล้ชิดกันจะทำให้ความลึกของเวทีเสียงชัดเจน ขึ้น แต่ถ้าลำโพงทั้งสองข้างวางชิดกันเกินไป ชิ้นดนตรีในระนาบหลัง ๆ จะเบียดกระจุกกันอยู่บริเวณกลางเวที ไม่แผ่กระจายออก

( 8 ) ความเข้มข้น กับ ความบอบบาง หมายถึง ความหนาแน่น หรือความเจือจางของมวลเนื้อเสียงของชิ้นดนตรี พิจารณาที่อิมเมจ หรือตัวเสียง (1) ที่ลอยอยู่ในอากาศเป็นความรู้สึกว่าชิ้นดนตรีเหล่านั้นคงอยู่ในอากาศด้วย ความชัดเจนมากน้อยเพียงใด ถ้ามากขนาอที่รู้สึกจะเหมือนกับ “มองเห็น” ชิ้นดนตรีนั้น ๆ ลอยอยู่ในอากาศได้ชัดเจนก็บอกได้ว่าชิ้นดนตรีนั้นมีเนื้อเสียงที่เข้มข้น แต่ตรงกันข้าม ถ้ารู้สึกแต่เพียงเลา ๆ เหมือนกับว่าเสียงชิ้นดนตรีนั้นลอยอยู่ตรงนั้นตรงนี้ บอกได้ไม่ชัดเจนนัก ก็คือชิ้นดนตรี นั้นให้เสียงที่มีมวลเนื้อบอบบางนั่นเอง

(9) ความเป็นสามมิติ หมายถึง ภาพลักษณ์ของเวทีเสียงที่เกิดจากการจัดเรียงของชิ้นดนตรีขึ้นเป็นเวทีเสียง ที่ประกอบไปด้วยความกว้าง แคบ ความตื้น-ลึก และความต่ำ-สูง ความเป็นสามมิติของเวทีเสียงนี้จะเกิดขึ้นได้ ตัวเสียงหรืออิมเมจ (1) ของชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นก็ต้องมีรูปทรงที่ให้ความรู้สึกเป็นสามมิติด้วยเช่น กัน คุณสมบัติข้อนี้นอกจากจะต้องอาศัยประสิทธิภาพของชุดเครื่องเสียงที่ดีแล้ว นั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นต้องอาศัยความละเอียดพิถีพิถันในการปรับแต่งตำแหน่งการ จัดวางลำโพงและสภาพอะคูสติกภายในห้องฟังที่เหมาะสมอีกด้วย

(10) ขนาดของชิ้นดนตรี หมายถึง การประกอบกันของเสียงหลักและฮาร์มอนิกของเสียงนั้น ถ้ามีความสมบูรณ์เพียงพอก็จะเกิดเป็นขนาดของเสียงที่แตกต่างกันออกไปตาม คลื่นเสียงหลักธรรมชาติของชิ้นดนตรีนั้น ๆ เช่น เสียงเปียโนจะให้ขนาดที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับเสียงอะคูสติกเบส แม้ว่าจะเล่นโน้ตตัวเดียวกันก็ตาม และในเครื่องดนตรีชิ้นเดียวกันก็จะให้ขนาดเสียงของตัวโน้ตแต่ละตัวที่ไม่ เท่ากันด้วย เช่น เสียงเปียโนที่เล่นด้วยมือขวาจะให้ขนาดเสียงที่เล็กกว่าเสียงเปียโนที่เล่น ด้วยมือซ้าย ความแตกต่างอันนี้จะเกิดจากระดับเสียงที่สูง-ต่ำไปตามออกเตปของตัวโน้ต เครื่องเสียงที่ดี ๆ นั้นจะต้องสามารถแยกแยะคุณสมบัติดังกล่าวของเสียงออกมาได้อย่างชัดเจน และคุณสมบัติข้อนี้เรียกว่าเป็น “รายละเอียดเบื้องลึก” หรือ Inner Detail ของเสียงส่วนหนึ่ง

(11) ความใส (Transparency) หมายถึง ลักษณะที่ทำให้สามารถ “มองเห็น” หรือรับรู้รายละเอียดของเสียงบนเวทีเสียงทั้งหมดตั้งแต่ระนาบต้นจนลึกลงไป ถึงระนาบหลัง ๆ สิ่งนี้จะตรงข้ามกับ “ความขุ่นมัว” ซึ่งจะทำให้การรับรู้รายละเอียดดังกล่าวไม่ชัดเจนเปรียบเหมือนการมองเข้าไป ในที่มีหมอกปกคลุมนั่นเอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

นายมั่นคง

07/01/2011 10:15:40
4,294
ขอบคุณมากๆๆ เลยครับ ท่านใดผ่านมา อ่านตามนี้ได้เลยครับ เพราะจริงๆ เราก็ใช้คำเหล่านี้ในการยกตัวอย่างหรือบอกเล่าอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

เจิม

07/01/2011 10:31:00
เจิม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

แอ้

07/01/2011 10:57:31
ตอนนี้ผมได้แค่แยกซ้ายขวาครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

netsurfz

07/01/2011 11:25:30
0
ขอบคุณครับ :)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

Lavis

07/01/2011 12:06:37
0
ขอบคุณมากครับ

แต่ผมก็ยังไม่ค่อยเก็ตอยู่ดี =_=
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Roman43

12/06/2011 22:41:30
0
ขอบคุณมากครับ เป็นประโยชน์สำหรับหน้าใหม่อย่างผมมากๆ เลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

แอบเพี้ยน ^_^"

13/06/2011 19:00:40
0
บทความของนาย Harlem ปีกว่า เก่ามากแต่ก็ยังใช้ได้อยู่

เครดิตให้เขาซะหน่อย..ดีไม๊.......ขอบคุงก๊าบบบบ

http://www.tube-silicon.com/?p=1035
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

KranKy

13/06/2011 21:32:40
0
+1 ...

กระทู้นี้น่า... ปักหมุด ....ไว้เลยนะครับ เฮียมั่น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

nu

14/06/2011 00:49:39
อ่านจบแล้วงงยิ่งกว่าเดิม
แต่ถามว่าอ่านจบแล้วซื้อแพง ๆ มั้ย
ก็ซื้อเหมือนเดิม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

โอ้เอ้

15/06/2011 11:13:27
ขอบคุณมากครับ รู้ไว้ก็เหมือนเติม story ให้แก่การฟัง Audiophile ทำให้มีความสุขมากขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

endexzer

15/06/2011 11:39:49
ขอบคุณมากครับ เป็นความรู้เสริมในการเล่นเครือ่งเสียงได้อย่างดีทีเดียว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
"ศัพท์แสงสำหรับนักเล่นเครื่องเสียง Audiophile"