Chris Sommovigo คือวิศกรแบกหาม เอ๊ย เป็นวิศวกรชาวอเมริกันครับ หารับประทานกับการทำสาย Digital แบบ Coaxial เพียงอย่างเดียวเท่านั่น หลายคนบอกหยิ่งเหรอ ทำสาย Coax แค่อย่างเดียว ผมคิดว่าเจ้าอ้วน Chris ของผมไม่ได้หยิ่ง แต่เค้าชำนาญแต่เรื่องนี้โดยเฉพาะ ประมาณว่าเป็นพ่อมดแห่งวงการสาย Coaxial ก็ว่าได้

เจ้า Chris เป็นผู้ออกแบบสายโครงสร้างสายให้กับ Kimber รุ่น D-60 จนต่อเนื่องไปถึงพวก D-75 ขายดิบขายดีจนเอาไปถมทะเลแถวสมุทรสงครามแทบไม่ทัน จนออกแบบอย่างต่อเนื่องมาเรื่อยๆๆ มาเปิดบริษัทของตัวเองชื่อ Stereovox ออกแบบสาย Digital นี่ล่ะครับ โดยเป็นรุ่นที่ตราไว้ในดวงจิตนักเล่นสาย Coax รุ่นเก๋าคือ รุ่น XV2

ดังแล้วไม่พอ เจ้า Chris ก็แตกไลน์ไปทำ Stereolab อีก ในนามสาย Sterolab XV Ultra และผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าอ้วน Chris เค้าคิดยังไง สุดท้ายเค้าเปิดอีกบริษัท ในแบรนด์ว่า Black Cat โดยออกสายประเดิมบริษัทใหม่ว่า Black Cat Veloce นั่นเอง ซึ่งอารมณ์ว่า ทำแบรนด์ราคาย่อมแต่คุณภาพสูง เพื่อจะได้ไม่ไปกัดกับสินค้าตัวเองในแบรนด์อื่น

พุงใหญ่ไม่พอหัวยังใสอีกด้วย 555

เจ้าสาย Black Cat นั้น ว่ากันว่าเป็นสายที่ทำมา 75 โอห์มแบบเป๊ะๆๆ คือบวกลบไม่เกิน 1 โอห์มครับ เป็นสายที่คำนวนเรื่องโอห์มให้แม่นยำ และชีลด์พันไปพันมาเหมือนกับการห่อป่อเปี๊ยะสด ด้วแผ่นชีลด์ที่เป็นฟอยด์ผสมโลหะ และยังพันอะไรก็ไม่รู้อีกเยอะแยะ เพื่อคอนโทรลความต้านทานให้ได้ว่างั้น 555

แล้วเจ้าสาย Black Cat นี่ทำเสร็จยังไม่พอครับ เจ้า Chris ยังเอาไปใส่ตู้เย็นที่บ้านเพื่อทำการ Cryo ก่อนออกมาขาย เจี๊ยกๆๆ ไ่ม่ใช่ล่ะครับ ไม่ใช่ไปยืมตู้เย็นเมียมาทำ แต่เป็นการนำส่งให้แล็ปทำการ Cryo ก่ือนทั้งเส้น การแช่แข็งที่อุณหูภูมิติดลบเป็นร้อยๆๆ องศา ในปัจจุบันนิยมกันมาก เรียกว่าใครทำอะไรออกมาก็ต้องทำการ Cyrogenic กันทุกรายไป

อารมณ์ประมาณว่า เพื่อความมั่นใจของผู้ใช้ที่กำลังนิยมการ Cryo กันล่ะครับ 555

สาย Black Cat ของแท้ ต้องมาในกล่้องกระดาษเท่ๆๆ แบบที่เห็นครับ ใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นสายมาในกล่้องหรูๆๆ ใหญ่บะเริ่มเทิ่ม แต่เปิดออกมาเหลือนิดเดียว อันนี้ไม่ใช่แนวทางของ Black Cat ล่ะ เพราะสายเส้นนี้ เท่าที่ผมเมล์คุยกับเจ้า Chris นั้น เค้าบอกว่า เค้าพยายามลดต้นทุนในส่วนของ Package แล้วมาเพิ่มที่ตัวสายแทน

ใครสังเกตุให้ดีๆๆ สายเส้นนี้เกือบจะเป็นฝาแฝดกับสายที่แพงกว่าอีก 3 เท่าของเค้าเอง คือรุ่น Stereolab XV Ultra ครับ เรียกว่างานนี้เจ้าอ้วน Chris หันมาจับตลาดกลางๆ กับเค้ามั่ง กะขายได้มาก เพื่อจะได้เก็บเงินไปสู่ขอเมียนั่นเอง.......555 เรียกว่า งานนี้เรามองกันที่เนื้องานล้วนๆๆ ครับ

ในภาพจะเห็นว่า สาย Black Cat นั้นสาามารถถอดหัวออกไปแบบ 2 ออปชั่น คือถอดบน ออกได้ แต่ถอดล่างไม่ได้...ถ้าไม่ถอดออกมันจะเป็นสาย ดิจิตอล Coaxial ความไว 75 โอห์ม แล้วถ้าถอดบนออกล่ะ มันก็จะกลายเป็นสายที่มีหัว BNC ซึ่งกลายเป็นขั้ว BNC ให้เลือกใช้ ในกรณีที่เครื่องท่านมีว่างั้น .........

หัว BNC ก็เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบถอดบนอย่างที่ทราบๆๆ กัน คือถอดออกมาปุ๊บจะได้เป็นหัว BNC เรียกว่าซื้อนกตัวเดียวได้กระสุนมาสองนัด คือใช้แบบหัว RCA และได้แบบ BNC (ในกรณีที่ท่านมีเครื่องรองรับ) เจ้าสาย Black Cat Veloce นั้นเลือกทำความยาวสายมา 123 ซม.

ทำไมต้องยาว 123 ซม.??? มีเหตุผลใดรองรับหรือเปล่า เท่าที่ผมอ่านดู เหมือนกับเค้าพยายามยามจะบอกว่าสายดิจิตอลที่ใครๆ เข้าใจว่าความยาว 150 ซม.ดีที่สุด นั้นไม่จริง ก็เลยคำนวนให้ลงตัวกว่าที่ 123 ซม. ซึ่งผมว่าเจ้า Chris ตั้งใจทำออกมากวนกันซะมากกว่า แถมราคาที่วางจำหน่ายที่ USA ก็คือ $123

สาย Black Cat นั้นมีหัวที่มีสลักถอดออกได้ และมีท่อหดสีฟ้ารัดอยู่ใต้หัวแจ๊ค แต่ไม่มีทิศทางของลูกศรในการใช้งานครับ แต่ผมแนะำนำว่า ท่านใดที่ซื้อไปแล้ว ให้ยึดด้านตัวอักษรเป็นหลัก (Black Cat) คือให้ ตัว B อยู่ต้นทาง และให้ตัว T อยู่ปลายทาง หรือขี้เข้าไปที่ DAC ให้ใช้งานแบบนี้ทุกครั้ง อย่าเมาหมัดไปสลับมั่วเน้อ 555

เอ้า เล่ากันต่อ หลักใหญ่ของสายดิจิตอลนั้นไม่มีอะไรมากล่ะ คือส่งข้อมูลดิจิตอลไปปลายทางให้ครบถ้วน ซึ่งว่าไปแล้วข้อมูลมันไปครบกันทั้งนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นสายอะไร แต่สิ่งที่จะเป็นตัวแปรในการนำส่งสัญญาณก็คือ Jitter หรือเรียกแบบบ้านๆๆ ว่าขยะดิจิตอล หรือ ค่าผิดพลาดทางเวลา Time-base error

ถ้า Jitter มีเยอะ ก็กลายเป็นว่าสัญญาณเพี้ยนๆ ผิดพลาดจะตามไปปลายทางได้เยอะ แล้วเวลาจะวัดกันว่าสายไหนดี ก็คือวัดกันว่าสายใคร Jitter น้อย หรือให้ความเพี้ยนน้อยที่สุด ซึ่งเราอย่าไปรู้มากกว่านี้เลยครับ รู้มากกว่านี้เดี่ยวฉี่จะเป็นสีเหลืองเปล่าๆ 555 เอาเป็นว่า สาย Coaxial ที่ดี คือการนำสัญญาณดิจิตอลจาก สถานีหมอชิต ไปที่สถาีนีอ่อนนุช ไปถึงแบบเรียบร้อย ปลอดภัย ความผิดพลาดน้อยสุดนั่นเอง 555

ในช่วงที่ผ่านมา ผมทดสอบสายดิจิตอลมากมายหลายตัว เรียกว่าระดับต่ำหมื่นลงมา เทียบแบบหลายเงื่อนไข เทียบแบบตัวต่อตัว เทียบแบบหมู่ ซึ่งทำเอาผมแทบถอดใจเลิกไปเหมือนกัน เพราะการฟังทดสอบสายดิจิตอลนั้นเป็นอะไรที่ยากมาก ฟังยากกว่าการฟังสาย RCA สายบาลานส์ สายไฟ หินที่สุดก็คือการฟังสาย Coaxial นี่ล่ะ เพราะว่าความต่างนั้นอยู่ในระดับขี้มด คือต้องจับผิดกันทุกๆๆ จุดเลยก็ว่าได้

ผมใช้ Transport จาก Onkyo เป็นตัวทดสอบ โดยใช้ร่วมกับ DAC reference 5 จากค่าย Audio GD เป็นหลัก (เรียกเป็นหลักไม่ได้เพราะมีตัวเดียว 55) โดยฟังเสียงที่ได้จาก amp ROC ซึ่งเป็นแอมป์จากค่าย Audio GD เช่นกัน สายไฟต่าง ๆ ของ BlackSand ซึ่งมั่นใจได้ว่าโฟกัสความคมชัดนั้นจำติดหูแล้ว และแน่นอน ฟังด้วยหูฟัง Grado HF-2 ด้วยเช่นกัน

วูบแรกเลย การฟังสายดิจิตอลนั้น ผมว่าหาความแตกต่างยากเอาเรื่อง การสลับสายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วมานั่งฟังเพลงทีละชุดๆละ 3 เพลง ต้องบอกว่าฟังแล้วเมาหมัดไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูกครับ ผมเลยเปลี่ยนวิธีใหม่ คือฟังเส้นละ 3 วัน และเป็นการเปิดทิ้งไว้ตลอด เรียกว่าเบิร์นกันข้ามวันข้ามคืน ว่างก็ฟังสายเส้นนั้นๆๆ ไปเรื่อยๆๆ

สัมผัสแรกของสาย Black Cat Veloce ที่ผมว่ามันคือจุดที่ฟังออกมากกว่าจุดอื่นก็คือ Blackness หรือความมืดของฉากหลังครับ สมกับคำว่าแมวดำว่างั้น เป็นสายแมวดำ แล้วจะให้ฟังสว่างโร่เหมือนแมวสีขาว หรืออีแมวเด็กแคชเชียร์ร้านเซเว่นข้างบ้านเห็นทีจะไม่ได้ 555 สาย Black Cat Veloce จุดเหนือชั้นก็คือความมืดนี่ล่ะ เรียกว่าฟังปุ๊บ ไม่มืดปั๊บ มาเตะนายมั่นคงได้เลย

ลำดับต่อไปคือ ความเป็นธรรมชาติ เป็นกลาง หรือโทน Neutral คือออกโทนเที่ยงตรง ไม่ไปเน้นเบสจนน่ารำคาญ หรือสร้างเสียงหลอกหูด้วยเบสที่แต่งมาบวมๆๆ หรือเติมแหลมบาดๆ หูในย่านปลายๆๆ ผมว่าฟังแว่บแรก เราตกใจว่าเฮ้ย ทำไมมันเหมือนจืดชืด เหมือนไม่ได้ให้อะไรเลยล่ะเนี่ย ในขณะสายดิจิตอลเส้นอื่นๆๆ ที่ผมร่วมทดสอบ โดยมากมักจะเจอสีสันก่อนทันทีหลังจากเสียบ โทนของสายทั่วไป ผมว่าจะได้ยินเสี้ยนสากจากปลายแหลมก่อนเพื่อน

จุดต่อไปคือโฟกัส และตำแหน่งของชิ้นดนตรีครับ อันนี้ฟังแรกๆๆ แยกยากเหมือนกัน คือสายดิจิตอลทั่วไป มักจะวางตำแหน่งตรงนี้ได้คล้ายๆๆ กัน ผมลองใช้สายมาตรฐานยอดนิยมเส้นหนึ่งเสียบไว้ หลังจากใช้ไปนานๆ แล้วสลับมาเปลี่ยนด้วยสาย Black Cat สิ่งที่จำได้ติดหู คือชิ้นดนตรีมันอยู่ห่างจากกัน ช่องระหว่างตัวโน๊ต ถ่างได้กว้างกว่า

อีกอย่างคือเรื่องไทม์มิ่งครับ ใครเคยฟังเพลงแล้วรู้สึกเหนื่อย หายใจ หายคอไม่ทันมั่ง ยกมือขึ้น !!! 555 นั่นเป็นเพราะไทม์มิ่งของเครื่องนั้นๆๆ ไม่เที่ยงตรง คือฟังแล้วจังหวะมันเร็ว รุกมากจนเหนื่อย และในบางซิสเต็มก็เฉื่อยกลายเป็นยายแก่ร้องเพลงยานคาง แต่ผมว่าความเที่ยงตรงเหล่านี้หาฟังได้จากสาย Black Cat

เอาล่ะ ไหนๆๆ ก็ฟังมาตั้งนานแล้ว ผมเสียบสาย Black Cat มาไว้เกินครึ่งเดือนติดต่อกัน ไหนลองถอดออกหน่อยซิ ว่าจะเป็นไงมั่ง......บอกได้เลยว่า หลังจากที่คุณถอดเจ้าแมวดำออก แล้วเอาสายอะไรก็ได้ยัดใส่ลงไปแทนที่ คุณอาจจะเกิดอาการรับไม่ได้กับสายที่เสียบเข้าไปใหม่ เพราะเท่าที่ผมลองเปลี่ยนทันทีหลังจากที่ใช้มานานๆๆ

ความฟุ้งมาก่อนเพื่อน ตามมาด้วยแหลมที่เสียงบาดซิบๆๆ เบาๆ ตรงปลายๆๆ แถมเบสที่ขาดความแน่น กระชับ ตึงผิวของหนังกลอง เรียกว่ามารู้ว่าดีหรือไม่ดีอีกทีแบบจะๆๆ ก็อีตอนถอดออกนี่ล่ะ แล้วฉากหลังที่มืดๆๆ ล่ะ เฮ้ย ตอนนี้มันไม่มืดแต่ดันกลายเป็นสลัวๆๆ ทำให้อรรถรสในการฟังลดทอนลงไปทันที

555 บางคนบอกเฮียโม้มากอีกแล้ว ว้าๆๆๆ อันนี้ไม่โม้ล่ะ อยากจะบอกว่า ถ้าเล่นมาถึงขั้นจะใช้สาย Coaxial กันแล้ว การจะมาประหยัดแบบ ฆ่าควายเสียดายไม้ตีพริก เห็นทีจะไม่ได้ เพราะใครที่ยอมทะเลาะกับเีมียเพื่อจะมาเล่น DAC ตัวละสองสามหมื่น คงไม่ควรเอาความสุขตัวเองไปแขวนกับสายดิจิตอลที่ไว้ใจไม่ค่อยได้ว่างั้น

สายดิจิตอลเส้นละ สามหมื่น ห้าหมื่น ดีไม๊ ผมตอบว่ามันน่าจะดีมากๆ อย่างแน่นอน แต่ถามว่าสายระดับนั้นต้องระดับใช้กับซิสเต็มระดับหลายๆ แสนขึ้น ส่วนสาย Black CAt คือสายที่สมน้ำสมเนื้อ และคุ้มค่ากับซิสเต็มที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่แน่นอน หากไม่เอามันแบกน้ำหนักกัดกับสายเกินหมื่น ผมเชื่อว่าชั่วโมงนี้หาตัวมาฟัดกับอีเหมียวตัวนี้ยากเอาเรื่องกันเลยเชียว....


แมวดำหรือแมวขาวขอใ้ห้จับหนูได้เป็นพอ...อันนั้นคือวาทะของ ท่านประธานเติ้งเสี่ยวผิง
แต่ผมว่าถ้าเป็นแมวดำที่ให้ฉากหลังเวทีที่ดำดุจผิวกายของมัน ผมว่าแมวดำน่าจะดีกว่าล่ะจ้า (โ้ว้ย ไม่้เห็นเกี่ยวกันเลย 55)

เมี้ยว เมี้ยว 555


สวัสดีครับ.....

(เจอกันกับ Review DAC reference 5 ไม่กี่วันนี้ครับ)

ใครสนใจ สามารถหาอ่านได้จาก 6moons.com ต่อเน้อ

http://www.6moons.com/audioreviews/blackcat/veloce_2.html

รีวิวโดย Srajan Ebaen เลยจ้า

แล้วเจ้านี่มันเท่าไหร่อ่ะเฮีย

เอ้า ลูกค้าเป้าหมายเดินหลงเข้ามาแล้ว จ๊ากๆๆๆๆ 5555


เจ้า Black Cat ตัวนี้อยู่ที่ 4290 บาท ครับ มีขายทั้งที่ผมและหมูหวาน ราคาเหมือนๆ กันจ้า
ลองพิจารณาดูครับ สาย Digital นั้นมันมีบุคลิกหลายอย่าง แต่ตัวที่เที่ยงตรง แล้วไปวางตำแหน่งชิ้นดนตรีดีๆ เลย มีไม่มากจ้า 555

ไปลองที่ประตูน้ำได้ครับ เบิร์นค่อนข้างยาว ร่วมๆๆ 200 ชั่วโมงกันเลยจ้า

สาย เสันนี้ ถือว่า ใช้ ได้เลย ครับ ผมว่า คุ้ม ราคาดี แท้ จ้า ลองแวะไปดู ครับ ......อิ อิ อิ

เห็นที่งามหมดไปอย่างรวดเร็ว ของจะเข้ามาอีกไหมเฮีย ไม่งั้นจะเอาเจ้าแจ๊คเสยแทน

มาแล้วครับ ที่งามวงศ์วานมีแล้วจ้า ไปเลือกได้ครับ


เส้นนี้ของจริงครับ เรียกว่าใครชอบสายที่โฟกัสนิ่งๆ โชว์ช่องไฟเด็ดๆ ฉากหลังมืดๆๆ ต้องมาทดสอบแมวดำก่อนจริงๆๆ จ้า 555

เอามาใช้กะคอม นี่ต้องผ่านตัว convert ด้วยใช่มั๊ยครับ

คอมเดี๋ยวนี้มีช่อง Coax out แล้วล่ะครับพี่อุเทน เสียบแทน USB ได้เลยล่ะครับพี่ 555

เดี๋ยวโก้งโค้งดูท้ายเครื่องก่อนนะครับเฮีย ถ้ามีรู จะจัดมาเสียบโดยไวครับ 5555

เครื่องผมยังมีเลยครับ มีช่อง Coax out แต่เสียดายว่าโน๊ตบุ๊คเค้าไม่ได้ทำ จะมีก็แค่ช่อง optical มาเท่านั้น ผมว่าถ้าโน๊ตบุ๊คมี coax out ผมจะเลือกคิดเรื่องเครื่องเล่นเพลงพวก music jukebox ไปเลยล่ะ 555

เอ้า ท่านใดอยากอัพเกรด ลองโก้งโค้งมองที่เครื่องท่านซิ ว่ามันมีช่อง Coax มาด้วยเปล่าเ้น้อ 55

โก้งโค้งดูแล้วคับมีแน่นอน แต่ตัว convert กะคอมดีๆนี่สิ ไม่รู้จะใช้ไรดี