จั่วหัวซะเท่ห์เลย แต่มันก็จริง ๆ นะครับ sony MZ-1 วางจำหน่ายปี 1992 พ.ศ.2535
ก็เป็นปีแรกที่ทางบริษัท Sony ได้เริ่มวางจำหน่าย Minidisc อย่างเป็นทางการ
ราคาเปิดตัว 750 USD สมัยเมื่อ 18 ปีก่อน แพงมาก ๆ ครับ
ในบอร์ดเฮียมั่นคงนั้น คนเล่นของพวกนี้ มีจำนวนน้อยมาก ๆ ส่วนใหญ่จะเล่น ipod ฯลฯ กัน
ก็ถือซะว่า อ่านเอาเพลิน ๆ ดูของเก่าละกันนะครับ ^_^
เอาละมาที่ MD ของผมดีกว่า คือ ตั้งแต่เล่น MD มา ก็ตั้งความหวังและความฝันไว้ว่า
ผมต้องหาซื้อรุ่นแรกให้ได้ ซึ่ง รูปร่างของ sony MZ-1 นั้น ส่วนตัวผมเองก็ชอบด้วย
เหมือนรถถังเลย เครื่องหนา ๆ ใหญ่ ๆ หนัก ๆ หนักที่สุดในบรรดา MD ที่พกพาได้แล้วมั้ง
ถ้าไม่นับ B-10 นะ เพราะผมไม่มีโอกาสได้ยก B-10 แต่ก็เคยเห็นขนาดว่า ใหญ่เหมือนกัน
ผมว่า ผมไม่พกอ่ะ หนักจริงๆ ครับ คือ ใครว่า Discman หนักแล้ว ชิดซ้ายไปเลยนะ
ผมมี Discman D-34 ว่าหนา และ หนักแล้ว เจอ MZ-1 นี่ เด็กๆ เลย
ไม่ต้องไปเทียบกับ Discman D25s เลยครับเอิ๊กๆ ๆ MZ-1 หนากว่าเยอะเลย
MZ-1 นั้นผมก็ได้ bid และ หาซื้อใน yh jp มาหลายต่อหลายครั้ง ก็คลาดกันซะหมด
ทั้งแพ้และสู้ราคาไม่ไหว เอิ๊กๆๆ
แต่แล้ววันนึง มันก็เหมือนคำที่ว่า "ของของเรา ก็ต้องเป็นของเรา"
อยู่ดีๆ ก็มีคนขายใน ebay ประกาศลงขาย แบบว่าเพิ่งโพสลงขายได้ไม่ถึง 7 ชั่วโมง
เรียกว่าฝรั่งยังไม่ตื่นกันเลย และลงขายในราคาที่เรียกว่า สะดุ้งเลย (ไม่แพง)
ผมก็เกิดอาการลังเลว่า ราคาแบบนี้ ของจะเสียหรือเปล่าหว่า
คือเนื่องจากว่า รุ่นนี้นี่ไม่ต่ำกว่า 18 ปีแล้วน่ะครับ ดังนั้น โอกาสได้เครื่องเสีย
แบบว่า ไม่เล่น ไฟไม่เข้า อ่านแผ่นไม่ได้ นี่เจอกันเป็นเรื่องปกติจนต้องทำใจเลย
แต่คนขายก็ระบุไว้ว่า
Great Working Condition โหย เขียนแบบนี้ยิ่งลังเล คิดซัก ครึ่งชั่วโมง และคิดว่า
ถ้าเล่นไม่ได้ ก็สะสมละ ราคาแบบนี้ (ผมไม่ขอบอกราคานะครับ) ก็เลยกดซื้อเลย
คือ รวมค่าส่ง (หนักมากนะ กิโลกว่า ๆ เครื่อง แบ็ต หม้อแปลง) มาถึงเมืองไทยก็ประมาณ
เกือบ ๆ สี่พันบาท (ปกติรุ่นนี้ ถ้าเล่นได้ของครบเนี่ย ใน ebay ผมเคยสู้ถึง 170 USD มาแล้วก็แพ้)
ส่วนเคยเจอแบบยกกล่อง ก็เคยสู้นะครับ จบที 400 USD ซึ่งผมก็แพ้แน่นอน เอิ๊ก ใครจะสู้อ่ะ
แท่นแท้น ผมก็ได้มา
อุ๊บไว้ก่อน อยู่ในกระเป๋าหนังของแท้สวยงาม ขนาดกระเป๋า ยังปั้ม Made in Japan ด้านหลังเลย
แง้ม ๆ ออกมาละ
นี่ครับ ผมได้มาครบถ้วน (หม้อแปลงไม่ได้ถ่ายให้ดูนะครับ แบบว่า มันไม่แปลกอ่ะ ฮ่าๆ)
จะสังเกตุได้ว่า แบ็ต ผมมีสองก้อน อีกก้อนที่อยู่ในแพ็คยกกล่องนั้น ผมสั่งมาจาก yh jp
แบบว่า ฟลุ๊กมาก มีคนนำมาลงขายแบบ unused ก็เลยกดมาซะ หมดไป 900 บาทครับ
ผมว่า แบ็ตมันนั้น ก้อนใหญ่และหนาและหนัก นี่ก็เป็นส่วนที่ทำให้น้ำหนักเครื่อง
โดยรวมแล้ว หนักขึ้นเยอะเลย
วางเทียบกับแผ่น MD นี่ ต่างกันเยอะมาก ๆ เลยครับ
ถือให้ดูเลย เทียบกับมือผม
[/img]http://img594.imageshack.us/img594/9708/sonymz130.jpg[/img]
หนาและหนัก แต่ก็น่ารัก
สภาพตัวเครื่องที่ได้มานั้น ผมให้ระดับ 90% เลย
สภาพสวยมาก สติ๊กเกอร์ต่าง ๆ ยังแปะไว้ไม่ได้ลอกออก
ผมก็ได้ email คุยกับคนที่เขาขายด้วยนะ คุยกับฝรั่งเอิ๊กๆ
เขาก็ส่ง ไฟล์ .pdf ที่เป็น manual มาให้ผมด้วยละ แนบไฟล์ใส่เมล์
(ก็ขอบใจนะ แต่มันเหมือนใน minidisc.org เลย -_-")
คือ ผมถามเขาไปเยอะเลยครับ (ทั้ง ๆ ที่กดซื้อแล้ว)
ว่า เล่นได้ปกติไหม อัดได้ปกติไหม ตัวเครื่องแตกหักไหม
เขาก็ตอบมาว่า ทุกอย่าง ใช้งานได้ปกติเลย คือ ผมต้องสร้าง mail แบบนี้ไว้
เป็นหลักฐานว่า ถ้าได้รับของ แล้วไม่เป็นไปตามนี้ จะได้ส่งเรื่องให้ ebay ช่วยจัดการนั่นเอง
ตัวอักษระต่าง ๆ ยังคมชัด ไม่ลอก เรียกได้ว่า รักษาของจริง ๆ
ซึ่งผมเองก็รักษาของเหมือนกัน รับรองว่า จะไม่ให้เป็นอะไรเลย T_T รักมาก
ปุ่มการใช้งานต่าง ๆ มีมาให้ครบถ้วนบนตัวเครื่อง (และรอบเครื่อง)
MZ-1 นั้นมีคำสั่งละเอียดกว่ารุ่นใหม่ ๆ เช่น การตั้งค่าวันเวลาที่อัด
และก็ปุ่มเร่งสปีดในการอ่านแผ่น (ผมไม่แนะนำให้ใช้นะ)
หน้าจอยังสวยงาม ไม่มีรอยใด ๆ เลย ผมก็เลย นำแผ่นกันรอยของมือถือ
มาวัดขนาดและตัดแปะ เอิ๊กๆๆ รักษาของ ๆ
มาดูภาพด้านข้างของเครื่องกันบ้างครับ ฝั่งซ้าย ฝั่งขวาเลยนะ
ภาพบนคือภาพฝั่งซ้ายมือ ก็จะเกี่ยวกับ ช่องสัญญาณต่าง ๆ
ที่แจ่ม ๆ ก็คือ Optical Out นั่นเอง ส่วน Optical in นั้นต้องมีแน่นอน
และในส่วนของช่อง mic นั้น ก็ยังมี ปุ่มข้าง ๆ ในการทำงานของการอัด
ในการทำให้ระบบอัด สมบูรณ์แบบขึ้น คือ เขาเน้นไว้พกใช้งานในการข่าว
และนักดนตรีก็พกเข้า stu ไว้อัดเพลง ทำนองนั้น (ต้องนึกถึง 18 ปีก่อนนะครับ)
ส่วนภาพล่างก็ฝั่งเครื่องทางขวามือก็จะมีช่อง Phone และก็ช่องปรับ Bass
ซึ่งต้องยอมรับว่า เหลือเฟือจริง ๆ ครับ กำลังขับเบสเนี่ย เยอะมาก ๆ
สำหรับ Vol. นั้น ผมฟังกับ earbud ปกติ เช่น OPPO, Sharp MD, PK2
ฟังประมาณ Vol. 2 - 3 เท่านั้น ดังแล้ว (ทำตัวอย่างกับพวก Discman)
มาดูภาพด้านหน้า หลัง เครื่องกันบ้าง
ก็จะมีช่องใส่แผ่น MD ซึ่ง ลักษณะการใส่จะเป็นแบบ Slot in
คือยัดเข้าไปเลย แต่แตกต่างกับ Slot in รุ่นอื่น ๆ นะครับ คือ
เวลาใส่แผ่นเข้าไปแล้ว จะมีระบบดูดแผ่นเข้าไปเลย แมกคานิกกลไก ชอบ ๆๆ
เช่นกัน เวลาจะเอาแผ่นออกก็กด Eject แผ่นก็จะคายออกมาเท่ห์ๆ ชอบ ๆๆ
ด้านหลังเครื่อง ก็จะมีรูไว้เสียบหม้อแปลงไฟ 9-10.5V และก็มี ช่องไว้ใส่ถ่าน
CR2025 ด้วยครับ ถ่านนาฬิกานั่นละ ก็เพราะว่า เจ้าเครื่องนี้มันตั้งวันเวลาได้นั่นเอง
อันนี้ก็ด้านใต้เครื่อง (จับหงายท้องซะ)
ก็ยังเนียน ๆ ริ้วรอยแทบจะไม่เห็นเลย และแน่นอน Made in Japan
แถมยังบอกอีกว่า ผลิตเมื่อ March 1993 (ปีที่รีวิวคือปี 2010)
เอาภาพด้านข้างมาเน้น ๆ ให้ดูอีกที
นี่ละ optical out เครื่องเล่นรุ่นใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยจะมีกันเลย เอิ๊กๆๆ
เอ้า พักหมุนตัวถ่ายหน่อย
มาดู spec คร่าว ๆ กันบ้าง
Modulation system : EFM (Eight to Fourteen Modulation)
Frequency response : 20 to 20,000 Hz
Input microphone : 1.38mV
Input Line in : 245 mV
Output Headphones : 5mW + 5mW 16ohm
Out put Line out : 245 mV
(มีต่อนะ)