
สวัสดีครับ วันนี้ผมกลับมาสร้างความวุ่นวายและปั่นป่วนอีกครั้งตามเคยครับ คือวันนี้นำเสนอแอมป์ตัวใหม่ จะว่าใหม่ก็ไม่ได้ เพราะออกมาเป็นเดือนๆๆ แล้ว แต่ผมเพิ่งจะหาเวลาเขียนรีวิวถึงวันนี้นี่เอง
การรีวิววันนี้คงต้องบอกว่าออกแนวปนเป ภาพกับการบรรยาย อาจจะไม่ตรงกัน ซึ่งหวังว่าแฟนๆ คงไม่ตำหนิอะไรกันเน้อ และผมจะเล่าแบบไปเรื่อยๆๆ โดยเน้นพล่ามมากกว่าเน้นขำ 555
แอมป์จากค่าย Audio-GD นั้น เป็นแอมป์น้องใหม่ในวงการเครื่องเสียงของโลก คนที่เป็นคนกุมบังเยนของบริษัทก็คือเจ้า Mr.He Qinghua หรือเราจะเขียนง่ายๆๆ ว่า Kingwa หรือ คิงวา ก็ได้ครับ
เจ้า KingWa นั้นเป็น Genius คือเป็นพวกอัจฉริยะทางไฟฟ้ามาก่อน Kingwa บอกว่าเคยประกวดได้แชมป์เปี้ยนตกแต่งกระทงและโคมยี่เป็ง เอ๊ย...ตำแหน่ง winner of the American National Semiconductor Audio Design Contest

เอาเป็นว่าเชื่อไว้ก่อนว่าเจ้า Kingwa คงไม่โกหกแน่ๆๆ และอีกประการหนึ่ง เจ้า Kingwa เป็นมือดีไซน์วงจรให้กับเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์อย่าง Krell U.S.A. มาแล้ว ซึ่งในบรรดาวงจรลึกลับเหมือนผีจับยัดของ Krell ก็ล้วนแล้วมาจากฝีมือเจ้า Kingwa นั่นเอง
ผิดพลาดประการใดขอให้ไปด่าผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย ซึ่งก็คือร้าน Hifimod หรือปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น Hifilover.com แทนแล้วครับ ผมขอเล่าให้ฟังว่า Hifilover นั้นเป็นทีมงานอะไร เป็นพวกมิฉาชีพหลอกต้มกันหรือเปล่า
ขอบอกว่าทีมงาน Hifilover ก็คือร้านในเครือของมั่นคงนี่ล่ะครับ เพียงแต่เป็นการร่วมหุ้นทำกัน โดยมีคุณหมูหวานเป็นผู้ดูแลร้าน ดูแลเรื่องตัว Products ต่างๆๆ พูดง่ายๆๆ หมูหวานคือตัวยืนร้าน มีอะไรให้ด่าคุณหมูหวานก่อนที่จะด่ามาถึงผมว่างั้น 555
ส่วนที่เปลี่ยนชื่อจาก Hifimod มาเป็น Hifilover นั้น เนื่องจากนามเดิมมีความสับสนอย่างมาก ว่าตกลงแล้วเป็นร้านรับ modify หรือร้านอะไรกันแน่ และด้วยชื่อร้านอันไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไหร่ คือมักจะมีคนอ่านออกเสียงว่า ไฮไฟ-มอด หรือ ไฮไฟ-มด หรือบางคนอ่านว่า ไฮไฟ-หมด
ซ้ำร้ายบางท่านเรียกคุณหมูหวานว่า คุณมด ซึ่งหนักกว่าข้อหาอื่นใด คือคนที่ตัวใหญ่กว่าควายและหนักกว่าหมูตอน แต่กลายเป็นชื่อมดไปในบัดดล เราจึงเห็นพ้องต้องกันว่าให้ล้างซวยด้วยการเปลี่ยนเป็น Hifilover ซะ ซึ่งไอ้คำว่าเลิฟว่ง เลิฟเวอร์อะไรเทือกนี่ น่าจะเป็นอะไรที่คนไทยชอบกันมากซะเหลือเกิน

เข้าเรื่องต่อ หลังจากพาวนรอบลานพระรูปแล้วออกไปทางศรีย่าน แล้ววกกลับมาทางเทเวศน์ ตอนนี้ทางบริษัทของ Kingwa หรือ Audio-GD นั้นตอบตกลงให้คุณหมูหวานเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ และไม่ใช่เป็นแบบชั่วคราว หรือเป็นแค่ชั่วค้างคืน แต่เป็นแบบให้เป็นแบบถาวร
ผมเลือกเอาสินค้าจากค่าย audio-GD มารีวิวก่อน เพื่อเป็นการทำความรู้จักให้เพื่อนๆๆ ทราบกันครับ audio-GD นั้น ชั่วโมงนี้ถ้าไปสำรวจ Rating ใน Head-Fi ต้องถือว่ามาแรงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งๆๆ ด้วยความที่ไม่เอารัดเอาเปรียบเหมือนแอมป์ฝรั่ง สินค้าของ audio-GD ทุกตัวมักจะมาแรงแบบเนื้อๆ
คือสินค้าทุกไลน์การผลิต เป็นแบบไม่มีการประนีประนอม คือสิ่งใดที่เจ้า Kingwa จะทำให้มันดีได้ ถึงจะใส่อุปกรณ์ดีหรือแพงขนาดไหน เจ้า Kingwa ไม่รอรีที่จะใส่ลงไปในแอมป์ของเค้า ปกติแล้ว งานหลักของเจ้า Kingwa ก็คือการทำแอมป์บ้านระดับพระกาฬ เรียกว่าตัวหนึ่งๆ หนักระดับร้อยกิโล
ซึ่งถ้าคนทำไม่บ้าก็ต้องเมา หรือไม่ก็ต้องเป็นโคตรเซียนขี่เมฆมาแน่ๆๆ ครับ เจ้า KingWa ถึงกับประกาศคำภาษิตประจำตัวเองไว้หน้าเว็บหราเลยว่า.......

Wisdom in mind, enthusiasm at heart หรือแปลเป็นไทยด้วยสำนวนน้ำเน่าของผมก็น่าจะประมาณว่า "ความเชี่ยวชาญรอบรู้อยู่ในจิต...ความใส่จิตอย่างแน่วแน่อยู่ที่หัวใจ"
เจ้า Kingwa นั้นโดดเด่นมาจาก dac compass ซึ่งเป็น dac ราคาย่อมเยา ย่อมเยาแบบไหน??? แบบที่ว่าถ้าถอดน๊อตไขกล่อง ออกมาดูกันและนับอะไหล่กันทีละชิ้นๆ จะเห็นได้ว่าเจ้า Kingwa นั้นแทบไม่ได้กำไรจากการทำ DAC ที่บ้าบิ่นแบบ Compass แน่ๆๆๆ
kingwa ออก dac มาหลายตัวซึ่งหลายๆๆ ตัวเป็น dac ตั้งแต่ระดับล่างๆ ถึงระดับกลางๆๆ และไล่ไต่จนถึงระดับสูง คือราคาสูงเอาเรื่อง แต่ผมขอเรียนให้ทราบว่า ไอ้ที่ราคาสูงๆ ของ kingwa นั้น คงต้องเอาไปเทียบกับ Dac Hiend ในท้องตลาด อย่าได้นำไปเทียบกับ dac ระดับกลางๆ เลยเชียว เพราะคุณภาพมันค่อนข้างต่างกันแยะ
ค่าย audio-GD เปิดตัวแอมป์ออกมาอีกตัวต่อจาก dac compass ซึ่งก็คือ Audio GD C2C, และ C2C Limited ครับ เป็นแอมป์พิกัดกลางๆๆ ที่ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากๆๆ อีก 2 รุ่น หลังจากนั้นก็มาถึง Headphone amp ที่ลือลั่นสนั่นทุ่งคือ Phonenix นัยว่านี่คือ Headphone แอมป์แบบ Real Balacnce

และ Phoenix นั้นมาในฟังก์ชั่นที่ไม่บันยะบันยัง โดยไม่ได้กำหนดคอนเซปท์อะไร นอกจากว่า ทำเอาแบบสะใจตัวกู (ตัว Kingwa) เท่านั้น ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ยัดลงมาใน Headphone amp รุ่น Phoenix แบบเต็มปรี่ ฟังก์ชั่นที่เพียบแปร้ถูกยัดลงในในร่างทรงของ Phoenix
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เล็งแอมป์ Phoenix ไว้ แต่ก็ไม่ได้เอามาใช้ซักที เพราะว่าฟังก์ชั่นต่างๆ มันเกินความจำเป็นของผม และบอกตามตรงราคาของมันก็เกินความสามารถที่ผมจะเอามาใช้เองอีกด้วย Phonenix นั้นจำหน่ายปลีกหน้าท่าข้าวกำนันทรง ในราคา 4 หมื่นปลายๆๆๆ
แต่วันที่ผมรอคอยก็มาถึง Kingwa ออกแอมป์ตัวที่เป็นวงจรเดียวกับ Phoenix และให้สุ้มเสียงที่ทัดเทียมกันพอควรกับเจ้า Phoenix นั่นก็คือแอมป์ The Roc นั่นเอง ซึ่ง Roc นั้นเป็นคำเรียกสัตว์ใยเทพนิยายของจีน เปรียบเทียบไปแล้ว มันคือพาหะที่เอี้ยก้วย จอมยุทธอินทรีย์ เคยขึ้นขี่.....
ใช่แล้วมันคือ นกอินทรีย์ ของจอมยุทธเอี้ยก้วยในเรื่องมังกรหยก และผมขอเรียกว่า Roc ว่าพระกาฬเอี้ยก้วย !!!
ผมสั่งให้หมูหวานนำ Roc มาให้ผมทดสอบมานานร่วมเดือนแล้วครับ ผมเองนั้นต้องการจะเพิ่มแอมป์ใหม่ๆๆ เข้ามาในระบบกิ๊กก๊อกของผมอีกตัว เจ้าหมูหวานส่งมอบแอมป์ The Roc รุ่นออริจินอลเวอร์ชั่นให้กับผม และผมนำไปเบิร์นล่วงหน้า และใช้ฟังมาร่วมเดือน ก่อนที่จะมารีวิวนี้แล้วล่ะครับ

ปัญหาใหญ่ของผมก็คือ ผมไม่มีอุปกรณ์ต่อเชื่อมที่เป็น Balanced เลยซักตัว ไล่ตั้งแต่ซีดี portable sony D25 ของผมก็ไม่มี มามองที่ iPod ก็ท้อแท้ อย่างดีที่ผมทำได้ก็คือ เอา Notebook มาต่อผ่าน dac 19MKIII และฟังสลับกับ source ที่มีอยู่ทั้งหมด
สายสัญญาณนั้นผมใช้ของ HomeGrown Audio DNA สลับกับสายตัวรองท๊อปอย่าง Silverlace อีก 1 ชุด สายไฟใช้ Hifituning เบอร์ใหญ่สุด นัยว่าเรียกเสียงเบสลึกๆ ให้ออกมาให้ได้ว่างั้น ผมใช้แผ่นออดิโอไฟล์ผีในการทดสอบ ผสมกับแผ่นออดิโอไฟล์ระดับเทพ คือไม่ใช่ผี ในการทดสอบอีกแรง
เครื่องกรองไฟของ Clef Powerbridge 6 ตัวโมแล้ว และใช้หูฟังในการทดสอบ 4 ตัวคือ Sennheiser HD-800 และ Gradp HF-2 (เปลี่ยนเป็น Jumbo Pad) และ Grado HF-1 แบบเดิมๆๆ รวมถึง Sennheiser HD-25 MKI II
หลายคนบอกว่า..เฮีย เอาน่า source ไม่มีก็เอามันทั้งด้วนๆๆ แบบนี้ จำได้ว่าคุณก๊วกกี้คนนึงล่ะ ที่บอกว่าช่างหัวมัน ให้เล่าเท่าที่มี ผมเองฟังดูก็เห็นด้วย เพราะจะให้ไปหา หรือไปหยิบยืม ก็จะวุ่นวายหนักเข้าไปอีก ก็เลยต้องขอเล่าแบบเท่าที่มีจริงๆๆ ครับ

เจ้า Kingwa บอกว่าหากสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เป็น Balance เข้าไปทุกจุด สิ่งที่ได้คือคุณภาพแบบเต็มๆๆ แน่นอน แต่ถ้าไม่ได้ทำตามที่เจ้า kingwa บอก คุณภาพเสียงจะถูกทอนลง 20% ซึ่งผมบอกเจ้า kingwa ว่า เรื่องของกู กูมีปัญญาหาได้แค่นี้ล่ะ (โว้ย)555
แอมป์ The Roc นั้นมาแบบของหนัก คือมันหนักจนวางตรงไหนก็ขี้เกียจไปขยับมัน ใครที่คิดจะเล่นแอมป์ The Roc ขอให้ระลึกถึงเรื่องขนาดและน้ำหนักของมันก่อน เพราะเจ้า The Roc นั้น มิติกว้างสูงลึก นั้นน้องๆๆ เครื่องเสียงบ้านไปแล้ว คือหนัก ถึก ดำ ทื่อมะลื่อ
ด้านหน้าสุดไล่จากทางปุ่มซ้าย มันคือปุ่ม on/off และไม่รู้เป็นไง พวกนักทำแอมป์ทั้งหลาย มันถึงช่างซื่อบื้อกันซะจริง คือชอบทำไฟ LED ให้สว่างๆๆ ซึ่งผมเหมารวมถึงแอมป์ของคุณชูโอมารูซะด้วยเลย แต่ไฟ LED ของ Roc ไม่สว่างเท่าของแอมป์ SS เรียกได้ว่าแอมป์ไทยสติเฟื่องกว่าว่างั้น
ถัดจากปุ่ม on/off คือช่องเสียบแจ๊คบาลานส์ เอาไว้สำหรับท่านที่มีสายหูฟังเป็นบาลานส์ให้เสียบ ส่วนท่านที่ไม่มีก็ไม่เป็นไร นึกว่าเสียบช่องอื่นก็ได้(วะ) ช่องนี้เป็นช่องเสียบแบบรวมหญิงชายครับ คือเสียบทีเดียวในรูนี้ ไม่สามารถแยกเป็นบาลานส์ซ้าย-ขวา ได้แบบ Phoenix ครับ ใครไม่มีหูฟังที่เป็นสายบาลานส์ขอให้ข้ามตรงนี้ไปเหอะ
ปุ่มกลางใหญ่ๆๆ คือปุ่มโวลลุ่มครับ หน้าตามันช่างจีนเสียเหลือเกิน แต่บอกตามตรงครับ ไอ้ปุ่มแบบนี้ คนใช้ตายไปหลายรอบแต่ปุ่มยังอยู่แน่ๆๆๆ และโวลุ่มนั้นเป็นแบบเสตป 24 ระดับ คือเวลาหมุนจะคลิกไปเรื่อยๆๆ แรงหนืดพอสมควร ใครผอมแห้งแรงน้อย ขอให้ไปยกเวทก่อนที่จะมาใช้โวลุ่มแบบนี้

ถัดจากปุ่มโวลลุ่มใหญ่ๆๆ จะมีปุ่มเล็กๆๆ ซ่อนอยู่ มันคือปุ่มปรีแอมป์ครับ คือสามารถกดใช้เป็นปรีแอมป์บ้านได้ทันที ซึ่งว่ากันจริงๆๆ Roc ก็คือปรีแอมป์ระดับมหากาฬตัวหนึ่งดีๆๆ นั่นเอง ใครที่มีเพาเวอร์แอมป์สามารถเอาเจ้า Roc ไปใช้เล่นเป็นปรีแอมป์ได้ทันที และแน่นอนดีมากๆๆ ด้วยล่ะ
ถัดจากปุ่มปรีแอมป์มา ค่อยยังชั่วหน่อย ช่องเสียบแจ็คของ Neutrik แบบมีที่ล็อคได้ แอมป์ SinglePower ตัวละแสนกว่าก็ยังใช้ของ Neutrik และเจ้า Kingwa ก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน คือขอใช้ข่องเสียบแบบนี้ โดยไม่ยอมลดต้นทุนแต่อย่างใด ผมขอแนะนำว่าเวลาใครใช้แจ็คแบบนี้ขอให้เอามือกำตรงหัวแจ็ค แล้วเอานิ้วโป้งดันตรงปุ่มสลักแดงๆๆ เพื่อเป็นการปลดสายออก อย่าเอามือดึงตรงสายโดยเด็ดขาด
ปุ่มขวาสุดคือปุ่มซีเล็คเตอร์ คือหมุนเลือกว่าจะเลือก input แบบไหน ซึ่ง kingwa จัดให้อีกแล้วครับท่าน คือสามารถเลือกว่าจะใช้ Input: XLR (หัวบาลานส์) / RCA (อาร์ซีเอ) / ACSSACSS (Audio-gd Current Signal System) เป็นระบบที่เจ้า Kingwa ออกแบบมาเป็นพิเศษ ให้ใช่ร่วมกับเครื่องเสียงของเค้าเอง
พอพลิกมาดูทางก้น ก็จะเห็นการแยกซ้าย แยกขวาชัดเจนครับ ประมาณว่าแยกบ้านเมียน้อยกับเมียหลวงให้ห่างจากกันเข้าไว้ เทคนิคการแยกแชลแนลซ้ายขวาแบบนี้ นัยว่าไม่ให้เกิดการกวนของสัญญาณได้ง่ายจนเกินไป ปกตินั้นเรามักจะเห็นว่าสายสัญญาณต้องเสียบติดกันเป็นคู่ๆๆ แต่ Kingwa คิดหลายชั้น จับแยกบ้านซะเลย

ก็เลยกลายเป็นว่า input 3 ช่อง ถูกแยกซ้ายขวา และยังมี output มาให้เราได้เลือกเล่นอีก 2 ช่อง คือแบบช่องบาลานส์และแบบ RCA โดยให้ช่องที่เสียบปลั๊กไฟแบบ iEC อยู่ตรงกลาง ใครที่มือคัน หรือมือเป็นหิด สามารถเลือกสายไฟที่ตัวเองมีอยู่ มาเปลียนอัพเกรดได้ทันทีครับ
มามองถึงตัวถังด้านบน เจ้า ROC นั้นเจาะช่องระบายอากาศไม่ให้ความร้อนสะสมมากเกินไป ความร้อนจากเจ้า Roc ไม่มากนักครับ ผมนอนห่างจากมันแค่ 40 ซม.ยังสบายๆๆ ไม่มีเสียงฮัม และเสียงครางของหม้อแปลงไฟฟ้า เรียกว่าเงียบฉี่ สบายๆๆ ว่างั้น และอัตราการยัดหรือรับประทานไฟ แค่ 22W class A ระดับอุ่นๆ ท่านที่เล่นในห้องแอร์ ต้องถือว่าชิลชิลครับ
ผมจัดแจงต่อสายเท่าที่จะมีเข้ากับ The Roc โดยหาหัวแปลงบาลานส์ของ Neutrik มาช่วยอีกคู่ ทำให้ผมได้ช่องเสียบเป็น RCA 2 ช่องด้วยกัน ซึ่งถือว่าเหลือเฟือแล้วครับ สำหรับคนอย่างผม เพราะ input 2 ตัวนี่ก็แทบจะไม่รู้เอาอะไรมาเปิดฟังกันแล้วล่ะ
Roc นั้นเป็น Solidsate amp class A แต่ก็ต้องการการวอร์มก่อนฟังเล็กน้อยครับ ไม่มากนัก ผมสังเกตุว่าประมาณ 2-3 เพลงก็อยู่หมัด และการกดปิด-เปิด power นั้นไม่มีอาการกระชากให้เกิดเสียงในตัวหูฟังแต่อย่างใด เรียกว่าไร้กังวลล่ะครับ
อันดับแรกเลย แอมป์ตัวนี้เป็นตัวที่ผมเบิร์นแล้ว และอยู่กับผมมาร่วมเดือนแล้ว ผมจับมันฟังกับหูฟังต่างๆๆ อย่าง HD-800 กับ HF-2 เป็นหลัก สิ่งแรกที่ผมฟังแล้วรู้ว่าอาจจะไม่ถูกคอคนไทยก็คือโวลลุ่มครับ การเร่งโวลุ่มในแอมป์ Roc นั้น เจ้า Kingwa นั้นตั้งระดับมาไว้อ่อนเกินไปในสายตาผม

คือต้องเร่งโวลลุ่มมาก และถ้าใครใช้ source ทีเบาๆๆ อาจจะต้องเร่งไปถึงบ่ายโมง ซึ่งผมมองว่าไม่สะใจโก๋แก่ในเมืองไทย ผมเลยมีจดหมายไปถึง Kingwa บอกว่า เฮ้ย แอมป์ลื้อแจ๋วมาก แต่บอกตามตรงการตั้ง Gain Volume นั้นอ่อนไปหน่อย
ซึ่งเจ้า Kingwa ก็ดีครับ ไม่ได้ดื้อรั้นแต่อย่างใด พยักหน้า ฮ้อ ฮ้อ รับปาก และเซ็ท gain volume มาให้ใหม่ในตัวขายล่าสุดของที่ร้าน hifilover ซึ่งผมต้องบอกว่า เวอร์ชั่นที่คนไทยจะได้เล่นกันนั้น ผมได้ทำการปรึกษาหารือกับ Kingwa แล้ว และก็เป็นเวอร์ชั่นเดียวเฉพาะที่ไทย
เวอร์ชั่นที่ขายประเทศอื่น ไม่สุขใจเท่ากับเวอร์ชั่นที่ผมบอกให้เจ้า kingwa ปรับปรุงมาว่างั้น คนไทยชอบแรงหน่อย ถ้าเป็นเบียร์ก็ขอให้ดื่มแล้วกระแทกคอหอยหน่อยๆๆ และถ้าเป็นแอมป์ เวลาเล่นกับหูฟังทั่วไป ต้องให้มันเหมือนเร่งขึ้น เหยียบติดเท้า หลังติดเบาะว่างั้น ซึ่งตรงนี้ผมมั่นใจคนไทยชอบทุกคน
ผมทดสอบฟังหลังจากเปิดไปครึ่งชั่วโมง อ้อ ลืมไป ในการทดสอบของผมนั้น ผมเอาเจ้า phoenix มาร่วมด้วย เรียกว่าจับกัดกันเลยว่าตัวไหนมันทิ้งห่างกันมากน้อยขนาดไหน ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าไอ้ก้อนดำๆๆ 3-4 ตัวนั้น ผมเอาเจ้า Roc เวอร์ชั่นเดิม กับเวอร์ชั่นอัพเดทมาเปิดคู่กัน และยังจับ Phoenix มาคู่กันด้วยอีกตัว

แว่บแรกเลยต้องบอกว่า หลังจากใช้หูฟังเดิมๆๆ (ผมใช้ HF-2 เปลี่ยน Pad ใหญ่แบบ PS-1000) พอเสียบปุ๊บ หูฟังที่เคยเหมือนฟังในห้องเล็กๆๆ ก็หลายเป็นห้องโถงกลางขนาดใหญ่ทันที คือเลิกคุยได้เลยเรื่องความแคบหรือความกว้างสำหรับแอมป์ The Roc
เพราะมันเนรมิตเวทีเสียงที่เราเคยได้ยินเดิมๆๆ ให้กลายเป็นห้องโถงใหญ่ ทั้งกว้างและสูง และเป็นความสูงที่สูงมากๆๆ ซะด้วย เสียงซ้ายจรดขวาทำได้แบบเหลือเชื่อมากๆๆ ครับ ใครที่ฟัง The Roc สัมผัสแรกถ้าเวทีไม่ขยายขนาดทันทีเดี๋ยวนั้น มายืนชี้หน้าด่าคุณหมูหวานได้ทันทีแน่อนน
ผมเองเปลี่ยน Pad ใน HF-2 มาเป็น Jumbo Pad ทำให้เสียงโปร่งกังวานของปลายแหลมทำได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งพอเจอกับ Roc ต้องบอกว่าเสียงมันให้ความหลุดหัวออกไปทันที อาการหลุดจากหัว หรือ out of head นั้นสังเกตุง่ายครับ
คือถ้าเสียงร้องมากองบริเวณหน้าผากเรา โดยที่ไม่ยอมขยับออก พอฟังไปพักหนึ่ง จะเริ่มเกิดอาการล้า เหมือนกับมีผีเกาหลีมาขี่คอเราอยู่ตลอดเวลา มันจะหนักๆๆ และอึดอัด แต่ในแอมป์ที่กำลังดีๆๆ เซ็ทขนาดเวทีมาดีๆๆ อาการที่ว่าจะหายไปทันที ให้สังเกตุจากนักร้องเป็นหลักเลยครับ เสียงจะถูกผลักห่างออก ฟังง่ายสบายขึ้น และแน่นอนหลุดหัว ไม่มาขี่คอเราอีกต่อไป

ผมลองไล่กับ HD-800 มั่ง เบสของ HD-800 นั้นกลางๆๆ จะพวกต่ำลึกๆๆ เลยก็ไม่ใช่ซะทีเดียว แต่หลังจากต่อกับ Roc ผมว่าเบสในช่วง deep มันแผ่ลงกับพื้น และสัมผัสเสียงที่ดังตุบๆ ลึกๆ ได้ ใครที่ใช้แอมป์เดิมๆๆ ขับกับ HD-800 แล้วใจแป้วว่าเบสมันทำไมติดบาง ลองมาดูกับ Roc ได้ครับ สุ้มเสียงและกำลัง สัมผัสได้ทันที
ผมมองว่า คนที่เล่น HD-800 แล้ว ถ้าตัดใจไม่มองเจ้า Phoenix ยังไงก็คงต้องมองเจ้า Roc เป็นทางเลือกตัวรอง เพราะฟังก์ชั่น และเสียงนั้น ไปกันได้ยิ่งกว่าขนมจีนน้ำยาใส่ไข่ต้ม คือเจ้า Senn HD-800 นั้นต้องการแอมป์ที่มาขับให้มีประกายแหลมเพิ่มอีกนิด ให้มีบรรยากาศเพิ่มอีกหน่อย ถึงจะสมบูรณ์แบบ ซึ่งเจ้า Roc ให้ได้แน่นอน
เสียงของ Roc นั้นตอนแรกผมหนักใจว่า souce ที่มีอาจจะดีไม่พอ สมกับเจตนารมณ์ที่เจ้า kingwa สั่งเสียไว้ก่อนสิ้นชีวิต เอ๊ย สั่งกับผมไว้ทางเมล์ แต่แปลกครับ ผมเองยังนึกว่า แอมป์ระดับนี้มีหวังฟ้อง source แหลกลาญ มีหวังได้โละแผ่นซีดีและไฟล์เพลงทิ้งเป็นหอบๆๆ
แต่ผิดคาดครับ มันเป็นแอมป์ที่เที่ยงตรงก็จริง แต่มันทำให้เราได้ยินการบันทึก เทคนิคการวางการชิ้นดนตรี เทคนิคการเรียงเสียงประสานของซาวด์เอ็นจิเนียได้แบบมีอรรถรส คือมันไม่ใช่แอมป์ฟ้อง souce แต่อย่างเดียว แต่มันเป็นแอมป์ที่ออกแนวเปิดโปงครับ สิ่งใดที่ซุกซ่อนอยู่ในแผ่นซีดี มันไล่แฉสาวไส้ออกมาให้เราเห็นจนหมดพุง

ใครที่ชื่นชอบเพลงแนวโวคอล หรือแนวเสียงประสาน มันมีสิ่งหนึ่งที่แปลกคือ เจ้า Roc ไม่เน้นนักร้องนำให้โดดเด่นไปกว่าเดิมครับ น้ำเสียงโดยรวมกลับให้เสียงกลางที่ถอยหลังพองาม (ถอยนิดเดียว) พวกนักร้องประสานต่างหาก ที่เจ้า Roc ไปขุดออกมาให้เราได้ยินกัน ว่าน้องคุ่ไหน ร้องเสียงหลบคีย์กันอย่างไร และเสียงนักร้องประสานเสียงนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น หางเสียงคมชัดขึ้น
ผมให้ความดีส่วนหนึ่งกัยสายผีสิงอย่าง Homegrown DNA และ Silver lace ด้วย เพราะเป็นสายที่ให้เนื้อเสียงและความลื่นไหลต่อเนื่องได้อย่างเยี่ยมยอดจริงๆๆ เอาแค่ Silver lace ก็พอ แค่นี้ก็พอจะเปิดเผยเสียงเล็กๆๆ น้อยที่ซุกซ่อนอยู่ให้ออกมาครับ
อย่างการขยี้สายกีตาร์ ถ้าฟังจากสายธรรมดา ไดนามิกคอนทราสมันแยกไม่ออกว่าขยี้มากน้อยขนาดไหน และสายมันสั่นกระพือให้เราได้ยินนานขนาดไหน แต่จะว่าไปแล้ว HomeGrown DNA ทำได้ราวกับผีจับยัด ซึ่งอันนี้ถามผมมากก็จะกลายเป็นโม้ แต่ถ้าลองไปถามคนที่ใช้แล้วว่าเฮียมั่นคงโม้หรือเปล่า...ทุกคนก็จะตอบเป็นเสียงเดียวว่า \"โม้\" อะจ๊ากๆๆๆๆ ไม่ได้โม้ๆๆๆๆ
เรื่องไดนามิกของ Roc ในตอนแรกก่อนเบิร์นจะออกเหมือนอั้นๆๆ ครับ คือเวลาขึ้นยังขึ้นไม่แรงและไม่พรวดพราด แต่ขอเวลาให้มันได้พ้นเบิร์นซัก 100-200 ชั่วโมง แล้วจะพบว่าไดนามิกของ Roc นั้น เวลาเปิดพลงในช่วงโหมของวงคลาสสิคหรือช่วงโซโล่หนักๆๆ ของวง Metal ต้องบอกว่าเหลือๆๆ และอยู่หมัดแน่นอน ใครซื้อ Roc ไปใหม่ๆๆ ขออย่าได้ตกใจตอนเปิดแอมป์ในชั่วโมงแรก....

หลายจุดที่ผมถือว่าแอมป์ฝรั่งระดับหลายหมื่นต้องได้อายก็คือเรื่องการโฟกัสของชิ้นดนตรีครับ อันนี้เป็นสิ่งที่แนะนำว่าต้องฟังให้ได้ ปลายแฉหรือปลายกระดิ่ง รวมถึงหางเสียงรวมถึง ambient ต่างๆๆ ตรึงนิ่งสนิท ไร้อาการวูบวาบ หรือจำแนกไม่ออก Roc เป็นแอมป์ประเภทโปร่ง เคลียร์ แจกแจง และเก่งเรื่องการวางตำแหน่งงาน เหนือกว่า CEO ในไทยอีกหลายคนก็แล้วกัน
ใครที่เล็ง The Roc ผมต้องบอกว่านี่ไม่ใช่แอมป์ที่เน้นความตูมตาม หรือเป็นแอมป์เน้นเค้นเบสเค้นแหลม แต่มันเป็นแอมป์ที่ให้โทนเสียงออกมากลางๆๆ แต่เป็นกลางๆๆ ที่มีชีวิตชีวามากตัวหนึ่งตั้งแต่ผมทดลองมาเลยก็ว่าได้ครับ มันเป็นแอมป์เสียงแนว neutral คือไม่เน้นหวือหวา ไม่เน้นมันส์ แต่เน้นความเป็นมายา เป็นกล คือล่องลอย เป็น 3 มิติ ความสนุกสนานจากการฟังเทคนิคการบันทึกต่างหากคือคุณสมบัติเด่นสุด
ผมพยายามโม้ พยายามเชียร์สินค้าจนตัวเองหอบ แต่ต้องบอกว่าที่กล่าวมา ไม่ได้เกินเลยความจริงแม้แต่น้อยครับ แอมป์ตัวนี้ ชั่วโมงนี้เป็นรองแค่ Phoenix ซึ่งเป็นรองตรงฟังก์ชั่นมหากาฬ และฟังก์ชั่นรีโมทคอนโทรล และสุ้มเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนเจ้า Phoenix จะมีความสดกว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นจริงๆๆ (แต่ต้องจ่ายสี่หมื่นกว่าเชียวนา)
แต่หากจะคำนึงถึงราคา เจ้า Roc จำหน่ายอยู่ที่สองหมื่นปลายๆ แต่มันให้ลีลาน้ำเสียงที่ผมเชื่อว่าถึงขั้นสยบเซียนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก สิ่งที่หนักใจของคนที่ซื้อไปเล่นก็คือ เจ้าช่องบาลานส์ที่ให้มานั้น ถ้ามีปัญญาหาอุปกรณ์ร่วมได้ และหาหูฟังที่มีสายเสียบต่อเป็นบาลานส์ได้ ผมว่ามันน่าจะทะยานและให้เราได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่านี้ไปอีก

เอาน่า...มีแค่นี้ เล่นแค่นี้ ผมเองก็ยึดภาษิตไว้ในใจ แอมป์จากค่าย audio-GD เป็นแอมป์ที่ผมมองเห็นว่าเจ้าของแบรนด์มันเอาจริง และเป็นการทำแบบใส่ใจ ไม่ใช่ขายแบบตีหัวเข้าบ้าน ตอนนี้แอมป์และสินค้าจากค่าย audio-GD มีจำหน่ายครบทุกตัวที่ร้าน hifilover สามารถสอบถามได้ที่คุณหมูหวาน 086-8107374
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ผมบอก แอมป์ Roc นั้นมีแล้วที่ร้าน Hifilover และแน่นอน มันนอนรอคุณไปพิสูจน์ การจ่ายเงินซื้อแอมป์ตัวล่ะเกือบ 3 หมื่นบาท ไม่ใช่การเดินไปกินพิซซ่าถาดกลางอย่างแน่นอน ใครจะซื้อ ใครจะลองคบหาแอมป์ตัวนี้ ขอให้นำอุปกรณ์จริงที่ตัวเองมีอยู่
นำหูฟัง นำไฟล์ นำแผ่นซีดีที่ตัวเองฟังประจำ แล้วเอาไปทดสอบกันให้ถึงพริกถึงขิงว่ามันแน่จริง เด็ดจริงอย่างที่ว่าหรือเปล่า....แต่ที่แน่ๆๆ ตอนนี้ผมจับเจ้า Roc เข้าประจำการเป็นแอมป์ตัวต่อไปแล้วล่ะคร้าบบบบ
ขอได้รับความขอบคุณ
นายมั่นคง