ก็เฮียอ่างเล่นเอาหูฟัง 11 โอห์มไปเสียบเจ้า LYR
มันก็เหมือนกับนั่งอยู่ชายหาดฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งซ่าๆๆๆๆๆซิครับ 555

แฮะๆ น้าชา เสียงเจ้า Fidue A83 มันดีจริงๆครับ เลยอยากรู้ว่าถ้าเสียบกับ LYR แล้วจะเป็นยังไง คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่งชัดขนาดนี้ครับ

เฮียอ่างลองดูในนี้ก่อนซิ

http://www.head-fi.org/t/198828/the-hissbuster-for-sensitive-headphones

แค่ใช้ R สองตัวก็น่าจะจบแล้วครับ ^^

ต้องเป็น R สองตัวต่อแชลแนลนะครับ ^^

เข้ามาส่องครับ^^

หูฟังที่โอห์มต่ำ เวลาเสียบแอมป์ที่ขับหูฟังโอห์มสูง(ส่วนมากเป็นฟูลไซส์) เสียงซ่าเบาๆจะได้ยินก่อนเลยครับ แต่ตัวเพิ่มโอห์มเหมือนผมจะเคยสั่งมาขาย(หลายปีก่อน) มันจะเป็น adaptor ที่เสียบแปลงให้หูฟังที่โอห์มต่ำ ให้กลายเป็นหูฟังที่มีโอห์มสูงขึ้น สามารถเล่นกับแอมป์โดยที่สามารถเร่งแอมป์ให้ดังตามปกติ แทนที่จะไปแตะแค่นิดเดียวแล้วดังลั่นน่ะครับ เดี๋ยวขอค้นดูนิดนึงครับ ^^

เฮียก็สั่งให้หมูหวานทำคัสต้อมเมดออกมาขายเลยซิครับ 555

555 นั่นน่ะซิครับ ผมจำได้ว่าแต่ก่อนเหมือนจะมีใครทำขาย หรือผมสั่งที่ไหนมาขายนี่ล่ะครับ น๊านนานเลยล่ะครับอันนี้ 555

ใช้พวก airline attenuater ที่แถมมากับพวกหูฟัง iem ได้หรือเปล่าครับ

เอาหูฟัง Impedance ต่ำๆไปเสียบกับแอมป์ที่มีกำลังขับสูง ส่วนใหญ่จะเกิดเสียง Noise เบาๆขึ้นอยู่แล้วครับ
แอมป์บางตัวเลยทำสวิชต์เลือก Gain การขยายมาให้เป็น Low กับ High

ช่วงนั้นผมเคยทำให้หลายๆคนไปใช้กับ Etymotic ครับ แปลงจาก ER-4P เป็น ER-4S
สามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องเสียง Hiss แล้ว Noise Floor ไปได้เยอะ

ตอนนั้นผมใช้ค่า R 75ohm ครับ เป็นของ Resista แต่ตอนนี้คงหาไม่ได้แล้ว
ถ้าจะทำจริงๆอาจจะต้องใช้ R Dale แทนครับ ถ้าน้าอ่างสนใจเดี๋ยวผมหาเวลาไปบ้านหม้อทำให้จ้าา

น่าสนใจๆ คุณหมูหวานน่ารับทำตามสั่งไปเลยครับ โดยจัดตามความยาวสายที่ต้องการเพิ่มด้วย^^

ขอบคุณพี่ๆมากครับ ที่อุตสาห์หาวิธีแก้ไขมาให้ ทั้งๆที่เป็นความทะลึ่งของผมเองแท้ๆ

ถ้าพี่หมูหวานทำมาขายได้จริงๆก็ดีนะครับ เพราะแอมป์บางตัวไม่มี ไฮ โลว ให้แทง เอ้ย ไฮเกรน โลวเกรน ให้ปรับอะครับ

เคยเห็น ใน head fi มี พูดถึง ของ dunu แต่ว่า เป็น 3.5 - 3.5 mm
http://cdn.head-fi.org/0/04/04b397bb_penon_trrs_adapter-01_zps16c32073.jpeg

แต่ในไทย ผมเห็นมีพ่อค้า diy ในห้องซื้อขายในบอร์ดนี้ทำขายนะครับ ผมซื้อมาอันนึง แต่ 3.5-3.5 mm เหมือนกัน
น่าจะลองติดต่อดูว่าแกทำ 3.5 - 6.3 ไหมนะครับ

ไม่ทะลึ่งเลยครับเฮียอ่าง ผมเองก็ทำออกบ่อยๆ 555

อย่างล่าสุดนี้ ผมเอา IM-04 (14 ohms) มาใช้กับแอมป์ amaze audio 6.8 (OpAmp เบอร์ OPA 49710 และ ไม่มีไฮ-โลวให้แทงเหมือนกัน) ที่ออกแบบมาให้ใช้ได้ดีสุดๆกับ HD800

ผลที่ได้ก็มีเสียง hiss เบาๆออกมาให้ได้ยินตลอด แต่สิ่งที่ทำให้ผมรำคาญมากที่สุดก็คือ
เสียงย่านต่ำออกมามากเกินจนฟังเหมือนเสียงกลางและสูงเบามากเลย ถ้าไม่เอะใจว่าเป็นที่หูฟัง ผมก็จะว่าแอมป์ตัวนี้มีแต่เบสละครับ
คือเจ้าไดรเวอร์เสียงต่ำของ IM-04 มัน sensitive มาก หากแอมป์ไม่แรงพอก็ไม่มีเบส แต่ถ้าแอมป์แรงเกินก็จะปล่อยเบสออกมาท่วมโลกเลยครับ 555

+1 น้าชาครับ

ปีที่แล้วไปลอง IM04 ที่ร้านเฮียมาด้วยความคิดว่ามันต้องเป็นเป้าหมายตัวต่อไปแน่ๆ พอมาเสียบกับชุดผมปุ๊บ เบสมาซะแบบมืดมิดเลยทีเดียว ฟังแปปเดียวเลิกเลย มันเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง - -"

ใช้สายเพิ่มโอมที่แถมกับหูฟัง UE สิครับ

เดี๋ยวผมไปบ้านหม้อหาอะไหล่ดูก่อนครับ ถ้าจะทำคงเป็นแค่ Adaptor ดีกว่า ไม่อยากทำเป็นสาย
เพราะกลัวว่าจะมีบุคคลิคของสายแตกต่างกันออกไปอีก ต้องนั่งจูนกันอีกหลายตลบ 5555

ได้เรื่องแล้วจะมาแจ้งน้าอ่างให้ทราบอีกทีนะคร้าบบบ ^^

มันมี adaptor เพิ่มโอห์มของ Etymotic ขายอยู่นะครับอันละพันกว่าบาท แล้วก็หาหัว 3.5 to 6.3 มาจิ้มอีกทีหนึ่ง

ขออนุญาติคุณ ohwownoone หน่อยนะครับ ขออนุญาติถามน้าชาหน่อยครับว่า amaze audio 6.8 opa 4971 . ที่ออกแบบให้มาใช้กับhd800 ถ้าต่อด้วย hm901ได้เสียงออกมาดีขึ้นมากไหมครับ หรือ ใช่hm901ต่อกับ แอมป์ตั้งโต๊ะให้เสียงดีกว่าครับถ้าampตั้งโต๊ะงบอยู่ประมาณ30,000-40,000,มีตัวไหนเหมาะกับhd800บ้างครับ ขอบคุณนะครับน้าชาหรือเพื่อนๆท่านอื่นที่มีประสบการณ์ก็ได้ครับรบกวนด้วยนะครับ ตอนนี้ใช้ hd800+cadas clear ต่อตรงกับhm901 balance card อยู่ครับ

@ คุณ kiangsak14 ครับ

แอมป์ตั้งโต๊ะที่เข้าคู่กับ hd800 มากที่สุดก็คือ HDVD800 ที่ senn ทำออกมาขายคู่กันนั่นละครับ

ส่วน balance card ของ hm901 นั้นใช้ OpAmp เบอร์ OPA627AU + BUF 634U อย่างละคู่ต่อข้าง ซึ่งผมว่ามันให้เสียงที่ดีกว่า OPA 49710 + BUF 634U อย่างละตัวต่อข้างใน amaze audio 6.8 นะครับ
ถ้าเอา hm901 balance card มาต่อกับ amaze audio 6.8 OPA 49710 ก็เท่ากับเป็นการ down grade ของเสียงซะเปล่าๆนะครับ
ถึงแม้ว่าหากเราเอา amaze audio 6.8 มาเปลี่ยนใส่ OPA627AU มันก็ยังแพ้ balance card ของ hm901 ที่มี 2 ตัวต่อข้างอยู่ดีครับ

balance card ของ hm901 ใช้ OpAmp เบอร์ OPA627AU + BUF 634U อย่างละคู่ต่อข้างนี่ไม่ใช่ธรรมดาแล้วนะครับ ^^

ภาพของ amaze audio 6.8 เปลี่ยนมาใส่ OPA627AU ครับ

ขอบคุณมากๆเลยครับน้าชา แค่amp hdvd 800 ราคามันโหดจริงๆเลยครับ

มันจะมี hdva600 อีกตัวที่เป็น amp อย่างเดียว แต่ข้อเสียคือเสียงมันจูนมาในโทน color ซึ่งดีกับ hd800 แต่เอาไปขับตัวอื่นไม่เวิร์คเพราะโทนเสียงมันไม่ neutral

เห็นในเวปมีรับทำแจ๊คเพิ่มโอห์ม ด้วยนะครับ ลองเมล์ไปสอบถามดู

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=161325

ขอบคุณมากครับคุณ ellevoid

ขอบคุณพี่ pt1 ครับ ผมเมลไปถามละ

แจ็คแปลง 3.5 ==> 6.3
-15 dB เพิ่งทำเสร็จเมื่อตะกี้นี้เอง 555

3.5ไป6.3เข้าใจได้ครับ
แต่ -15dB คืออะไรเอ่ยครับ

มันคือ attenuator ที่เซ็ทค่าไว้ที่ -15dB ครับ
ดังนั้นพวกเสียงซ่าๆหรือน๊อยฟอร์ก็จะหายไป
และเราก็ต้องบิดโวลลุ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ได้ความดังเท่าเดิม
แต่จะไม่มีเสียงซ่าๆหรือน๊อยฟอร์เข้ามารบกวนอีกต่อไปครับ

วงจร attenuator นี้แทบจะไม่มีการรบกวนค่าอิมพีแดนซ์ของหูฟังเลย
ดังนั้นคุณภาพของเสียงจากแอมป์ก็ยังคงคุณภาพไว้ได้

ปล. หูฟังบางรุ่นที่มีค่าอิมพีแดนซ์ต่ำๆมันจะเสียงเพี้ยนเมื่อเอาไปใช้กับแอมป์ที่มีพลังสูงมากๆ
ดังนั้น attenuator จึงเป็นตัวลดกำลังของแอมป์ลงไปให้แม็ชชิ่งกับหูฟังครับ

ขอเสริมน้าชานิสนึงครับ ปกติแล้ว attenuator ที่ใช้ Resistor มันเป็นวงจรแบบ Passive ครับ
ซึ่งยังไงก็ต้องมีเรื่องของบุคลิคเสียงของตัว R แล้วก็ตะกั่วที่ใช้อีก ซึ่งตรงนี้มีผลต่อเสียงแน่ๆครับ

ตัว R จะเกี่ยวข้องกับเสียงแหลม จะลดลงเท่าไหร่ อยู่ที่ค่าความต้านทาน ของ R

ว่ามากหรือน้อย ครับ

อิ อิ เรื่องเอ็นเมีย เอ้ย เอนจิเนียเนี่ยคุยถนัดเลย

คือตัว R โดยหลักการค่าความต้านทานมันไม่เปลี่ยนค่าตามความถี่

แต่ voice coil มันเปลี่ยนครับ การตอบสนองดูจาก decibel curve ถ้ามี

ซึ่งส่วนใหญ่จะตกเมื่อความถี่สูงขึ้นในหลัก 10 kHz

ดังนั้นเวลาใส่ R แล้ว มันจะลดเสียงลงแทนทุกย่านความถี่ ไม่ได้ลดที่ความถี่ใดความถี่หนึ่ง

แต่ที่คุณ Bsst บอกลดเสียงแหลม ก็น่าจะเป้นเพราะเป้นเสียงที่เราได้ยินชัดที่สุด

โดดเด่นที่สุด ดังขึ้น เบาลงนิด เราจะรู้สึกรับรู้ละ

ปล. แต่เสียงแหลมเกิน 8kHz ขึ้นไป ผมไม่ได้ยินแล้ว 555 หูตึง ตามวัยอันจะกิน

และก็ไม่ชอบเสียงเพลงที่แหลมจัดๆ ชอบเสียงแนวขยี้ฟองเบียร์มากกว่า

ขอรายงานผลเจ้า attenuator -15B หน่อยครับ ^^

TEST 1.

Schiit LYR + ATH-IM04

เมื่อเอาเจ้า attenuator -15B มาใช้ .....
เสียงในทุกย่านเสียงนุ่มนวลลง
เสียงสูงถอยหลังไปอย่างชัดเจน
เสียงร้องนุ่มนวลขึ้น อิมแพคกลองลดความกระแทกกระทั้นลง
เวทีมิติเสียงช่องไฟยังคงที่
และเสียงเบสย่านต่ำยังคงปริมาณไว้ไม่แตกต่างมากนักครับ

สรุปง่ายๆคือเสียงที่ได้จะออกเป็นโทนเสียงที่อุ่นนุ่มขึ้นฟังพวกเพลงร้องช้าๆสบายหูขึ้นเยอะเลยครับ ^^


TEST 2.

Amaze Audio 6.8 (OPA 49710) + ATH-IM04

..... to be continued ....

ขอรับทราบ ความรู้ ครับ

1 ตาม คห 34

เสียงสูงถอยหลังอย่างชัดเจน

เสียงเบสต่ำยังคงปริมาณไม่แตกต่างมากนัก

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดครับ

2 ถ้าเราใช้ attenuator ค่าอื่นๆ เราอาจได้ผลแตกต่างกันไป ไช่ไหมครับ

อยากทราบจริงๆครับ

ผมว่าเหตุผลก็อยู่ในคำอธิบายของคุณ Hsung (คห.33) คือ voice coil มันเปลี่ยนการตอบสนองจากกระแสที่ลดลงจากเดิมครับ

และหากเราใช้ attenuator ค่าอื่นๆ ผลก็จะแตกต่างออกไป
คือถ้าความต้านทานของ attenuator เพิ่มขึ้น การตอบสนองของ voice coil ก็จะช้าลง
หรือ ถ้าความต้านทานของ attenuator ลดลง การตอบสนองของ voice coil ก็จะเร็วขึ้นครับ

อ้าว ไม่ไช่เพราะใช้ jack ที่ต่อตัว R ไว้ 2 ตัวหรือครับ

ล้อเล่นครับ น้าชา ขอบคุณมากครับ

ผมว่าตัว R ตามทฤษฎี (อุดมคติ) ตัวมันเองไม่ได้ปิดกั้นความถี่ใดความถี่หนึ่ง

ในทางปฎิบัติตัว R มีบุคคลิกเสียงตามชนิดของมัน(ตาม คห 31 ) เช่น ชนิด carbon

ชนิด metal film ชนิด wirewound อันนี้เป็นขดลวดแล้วครับ มีผลต่อเสียงแน่นอน

รวมทั้ง jack ด้วยครับมีบุคคลิกเสียง อาจจะโด่ง ทุ้มหรือกลางหรือแหลม

อันนี้ผมว่าไม่มีในตำราเรียนนะครับ

คอล์ยกั้นไม่ให้ความถี่สูงผ่านได้ง่าย(Condenserกั้นไม่ให้ความถี่ต่ำผ่านได้ง่าย)

ขึ้นอยู่ที่ค่าของมัน

ตัว R เมื่อไปต่อเข้ากับ C (คอนเด็นเชอร์) หรือ L (ขดลวดหรือ voice coil) จะทำให้

impedance เปลี่ยน เสียงแหลม (เพลง) มีหลายความถี่และมันมิได้อยู่นิ่งที่ความถี่ใด

(การทำ crossover. ตัดความถี่ (2ทาง) ให้ลำโพงเสียงแหลม มักจะตัดที่ความถี่

ประมาณ 1 Khz ขึ้นไป. ถึง 3 Khz +-

ตัว R เองมันจะเป็นตัวลดทอนความดังและควบคุมปริมาณกระแส

เมื่อกระแสเปลี่ยน impedance เปลี่ยน เสียงก็เปลี่ยน

ลำโพงเสียงแหลมใช้กำลังขับ(Watt) น้อย(กระแสน้อย)

ลำโพงเสียงทุ้มใช้กำลังขับ(Watt) มาก(กระแสมาก)

ทุกส่วนมีส่วนทำให้เสียงเปลี่ยนไปตามที่ผมว่า

ครับ

น้าชา ลองทำตัว attenuator หลายๆค่าซิครับ อาจทำตั้งแต่ค่า

-1db. -2db. --------15db. แล้วใช้ selector เลือกลองฟังดู

ว่าค่าไหนให้ความสมดุลย์ของเสียงทุ้มกลางแหลมดีที่สุด ชอบที่สุด

แล้วจึงบัดกรีลง jack. (ผมเคยทำครับ)

เมื่อคืนผมเพิ่งทำเสร็จอีกตัวนึงเป็นหัว 3.5mm ค่า -10dB
ตัวเล็กนี้ทำออกมาดูไม่หล่อเพราะผมหาขั้วตัวเมียเล็กๆไม่ได้เลย
ส่วนตัว R ผมใช้ชนิด metal film ก็เอาที่หาได้ง่ายๆ มีขายทั่วไปนั่นละครับ

เหตุผลหลักจริงๆสำหรับผมที่ทำเจ้า attenuator ออกมาใช้ก็เป็นเพราะแอมป์ Amaze Audio 6.8 มันมีแรงขับสูงเกินไปสำหรับหูฟัง ATH-IM04 ที่เป็นตัวเจ้ากี้เจ้าการมากๆ
ปัญหาหลักก็คือไดรเวอร์เสียงต่ำที่หากว่าแอมป์แรงขับไม่สูงพอ เบสก็จะไม่ออก หรือถ้าแอมป์แรงเกินไป เบสก็จะออกมาท่วมโลกคือมันครางไม่หยุดจนกลายเป็นเสียงที่อุดอู้เหมือนคนมีอาการหูอื้อประมาณนั้นละครับ
ดังนั้นเจ้า attenuator จึงเข้ามาเป็นตัวลดกำลังของแอมป์ลงให้แม็ชกับหูฟัง และเสียงต่างๆก็จะลงตัว ทั้งสูง กลาง ต่ำ ออกครบไม่มากเกิน ไม่น้อยเกินไปครับ

ปล. ผมใช้ IM04 นี้กับแอมป์ Schiit LYR ไม่เคยเจอปัญหาอย่างนี้เลย หรือว่าแรงขับของ Schiit LYR สู้ Amaze Audio 6.8 ไม่ได้ ? ? ? ? ? ....
และใครที่เคยได้ลองเทสฟังหูฟัง ATH-IM04 มาก่อนก็คงจะรู้กันดีว่ามันหาแอมป์คู่หูที่แม็ชกันจริงๆยากมากๆเลย
แต่พอหาเจอก็จะรู้ว่าเสียงของ IM04 มันสมกับเป็นรุ่นท๊อปจริงๆครับ ^^

น้าชานี่นัก DIY เหมือนกันนะเนี่ยยย ลองหา R DALE หรือ Caddock มาลองทำดูบ้างสิครับ
ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตัวแปรอื่นๆเเหมือน เปลี่ยนแค่ R เสียงจะเปลี่ยนเยอะหรือป่าว
น้าชาใช้ตะกั่วยี่ห้ออะไรบัดกรีครับ

ผมใช้ตะกั่ว WBT-0800 4% Ag มาตลอดครับ ใช้มานานแล้วมันก็ยังไม่หมดม้วนซะที 555

แล้วถ้าผมพอมีโอกาสไปหา R DALE หรือ Caddock เจอก็จะเอามาลองทำดูบ้าง
ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเสียงมันจะดีมากกว่าพวก R ไม่มียี้ห้อขนาดไหนครับ ^^

น้าชา ครับ ตาม คห 41 ผมคิดตามที่น้าชา ว่า การ แม๊ชชิ่ง เฮดโฟนแอมป์ กับ หูฟัง

คงเหมือนกับการ แม๊ชชิ่ง ปรีแอมป์ กับ เพาเวอร์แอมป์ ต่างยี่ห้อ โดย

1 พิจารณา Output Impedance เฮดโฟนแอมป์กับ impedance ของหูฟัง

ว่าสอดคล้องกันไหม ถ้า Output Impedance น้อยกว่า ก็จะไม่ค่อยมีปัญหา

2 พิจารณาแรงขับของแอมป์ ณ. Impedance ของหูฟัง เทียบกับ ความไว ของ

หูฟังว่าสอดคล้องหรือเหมาะสมกันไหม ถ้าแรง ต่อ แรง (ไว) มันก็จะ Over ไปได้

แต่บางครั้ง เขาก็ไม่บอกรายละเอียดมาให้หมด ก็ต้องลองเอา

แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ได้วิธี ทำให้. แม๊ชชิ่ง (ขอใช้ว่า จูนเสียง ) กันได้โดย

วิธีข้างต้นนี้ ครับ

สำหรับของ คุณ หมูหวาน ผมว่า ตัวการที่สำคัญอีกตัวคือเจ้า Jack นี่แหละ

มันมีผลต่อเสียงไม่แพ้กันนะครับ

เรื่อง Impedance ของอุปกรณ์ต่างๆนั้นเราสามารถรู้ได้ยากจริงๆครับ เพราะว่า Impedance นั้นรวมถึง R, L และ C
ซึ่งถ้าเราวัดค่าด้วย Ohm meter อย่างเดียว เราจะรู้แต่ Resistance ครับ และ Match ด้วยค่าตรงนี้ไม่ได้
ซึ่งเครื่องเสียงนั้นที่ระบุไว้ว่า Impedance 50K หรือ 100K เอาเข้าจริงแล้ว
พอมา Match ใช้งานด้วย Impedance ตรงกันเสียงอาจจะไม่เข้ากันก็ได้ครับ
ตรงนี้ผมยังให้ความสำคัญของ Character เสียง มากกว่ากว่า Match Impedance ครับ

ทุกๆชิ้นส่วน ทุกๆองค์ประกอบ ก็มีส่วนทำให้เสียงแตกต่างกันออกมาทั้งนั้น

แต่สุดท้ายมันก็ต้องขึ้นอยู่กับหูของคนฟังละครับว่าจะถูกใจหรือไม่เนอะ 555