ที่มันต่างเพราะว่าตอนใส่ซิลิโคนหัวแจ๊คมันเสียบเข้าไปไม่สุดรึป่าวครับ

ในวงการคนเล่นเครื่องเสียงบ้าน ผมเคยไปนั่งฟังเค้าคุยกัน
เค้าว่าแม้กระทั่งการวางรีโมทกะใม่วางรีโมท การวางบล๊อกบนเครื่องเล่น
dac amp ก็มีส่วน
ส่วนตัวผมใม่เคยลองด้วยสิ^^ใม่มีตัง

เสียบสุดครับ ช่องหูฟังซีลีโคน DX50 กว้างนะครับ

สุดยอดเลยครับแบบนี้

เคยมีประเด็นเรื่องยางรัดแอมป์ แต่ผมก็ใช้ต่อไปเพราะสะดวกตอนใช้งาน

ถ้าหุ้มทั้งตัวน่าจะมีผลมากกว่านะคับ

เดี๋ยวผมลองเทียบเคสซิลิโคน กับเคสพลาสติกใสบ้างดีกว่า :)

ที่โดนมา กระทั่งชุดเครื่องเสียง(ระดับกลาง)ที่เซ็ททุกอย่างที่ทำได้แล้ว

แค่จับปลั้กรวมที่ตั้งอยู่ ให้นอนตะแคง เสียงยังต่างเลยครับ T_T

ไม่ได้ดีใจนะครับ แต่คิดแล้วจะบ้า มันเล่นได้ไม่มีจุดจบเลยครับ ขนาดชุดที่ไม่ใช่ระดับสูงอะไรเลยนะ แตะอะไรนิดนึงก็ต่างได้ จะบ้าตาย นั่นหมายถึงว่า ถ้าห้อง มีสภาพอคูสติกที่พร้อม มีการเซ็ทอัพที่ได้ระดับถึงจุดหนึ่งนะครับ

ผมเคยตั้งกระทู้ทำนองนี้ เรื่องยางรัดเครื่อง ว่าใช้กับไม่ใช้ เสียงต่างไหม โดนรุมงับซะเหวอะเลยครับ ^ ^

(หมายเหตุ ตอนนั้นที่ฟังออกว่าเสียงต่าง อันเนื่องจากยางที่ใช้มันเส้นเล็กกว่าเครื่องO2 เยอะด้วยครับ ไม่ใช่ยางของเครื่องเอง ก็เลยรัดแน่นเกินกว่าปกติ ถ้าตอนนี้ ใช้ยางขนาดพอดีเครื่อง ก็ฟังไม่ค่อยออกหรอกครับ)

โอ้ ความแน่นของยางรัดก็เกี่ยวหนอคับ

ของผมท่อหดที่ไว้หุ้มสาย M2M ครับ พอเอาออกเสียงดีกว่าเดิมเยอะเลยครับ ตั้งแต่นั้นมาใช่จำด้านเอาครับ ไม่เคยคิดเอาท่อหดมาติดบอกด้านอีกเลยเสียงต่างกันเยอะจิงๆ

ท่อหดนี้พอจะได้ยินมาบ้างครับ

ท่อหดฟังง่ายกว่ายางรัดครับ ^ ^ เพิ่งลองสายของน้องท่านหนึ่งที่ส่งมาให้ฟัง หุ้มท่อหนาเตอะแบบเดาได้เลย พอเอาออกก็อย่างที่คิดครับ

ผมฟังแล้วไม่ต่างนะครับ หรือหูผมไม่ถึง

ตั้งกระทู้แบบนี้ นี่เสี่ยงจิงๆครับ

คนจำพวกที่คุณก็รู้ว่าใครค่อนข้างเยอะ

ผมฟังแล้วต่างนะครับ หรือหูผมถึง

"แย่ละ แล้วซิลิโคน ที่อกหนูจะเอายังไงกับมันดีค๊ะ มันใหญ่กว่าซิลิโคนเคสตั้งเยอะ คงรบกวนเสียงแย่เลย" 555 ขำๆ นะครับ เอาที่เราสะดวกดีกว่าครับ ใครสะดวกแบบไหนก็จัดไป ถ้าใครคิดว่าอะไรมันรบกวนเสียงก็ถอดมันออกซะ (เสื้อ กางเกง คงไม่รบกวนนะครับ อิอิ)

แววดราม่ามาแต่ไกล...

อุปาทาน ขนาดเครื่องเดียวกันไม่เปลี่ยนอะไรเลย ตอนฟังตอนเพิ่งตื่น กับฟังเพลงตอนกำลังจะนอน ยังรู้สึกต่างกันเยอะครับ รวมทั้งฟังเพลงตอนหิวข้าว กับตอนผ่อนคลายก็รู้สึกต่างกันครับ เรื่องเสียงผมไม่ใส่ใจเพราะมันเป็นแค่คลื่นที่มากระทบแก้วหู สุดท้ายมันก็มาจบที่สมองเหมือนกันหมด

มีซองหนังครับ สงสัยต้องเปลี่ยน bumper silicone มาลองดูบ้าง

คห.16

ผมว่าที่คุณพูดมาไม่ใช้อุปทานนะครับ อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ด้วย

"ตอนตื่นสมองทำงานตอนหลับหนักมาก ทำให้ประสาทสัมผัสแย่ ต้องให้สมองผ่อนคลายก่อน ตอนหิวก็เหมือนกัน ธรรมชาติทำให้สิ่งมีชีวิตตอนสนองต่อสิ่งเร้าในขณะที่ หิว หรือมีอันตรายมาถึงตัว เพราะฉะนั้นฟังตอนหิวกับตอนอิ่มนี้ต่างกันแน่ๆ"

เทียบง่ายๆคับ ตอนหิวได้กลิ่นอาหารอะไรก็หอม

ลองซัดบุฟเฟต์จนยืนแทบไม่ไหวสิครับ แล้วเดินผ่านศูนย์อาหาร

ได้กลิ่นอะไรก็ผะอืดผะอม

ผมชอบรูป avatar ของ K.dragonfing จังครับ ฮ่าๆๆ

เลือกแบรคกราวได้เหมาะเจาะมาก

ขอบคุณครับ ^ ^

เรื่องเสียงเปลี่ยนมันปกติตรับ คนและสัตว์โลกมากมายมีเสียงไม่เหมือนกัน
และเสียงก็เปลี่ยนไปตามเวลา ตามวัย ตามสุขภาพ ตามสภาพแวดล้อม แต่เสียงที่ไม่เปลี่ยนเลยต่างหากที่หายาก

เวลาผมโดนงับ ผมจะไม่กัดตอบครับ คุณdragonfing ไม่งั้นมันก็ต่อความยาวไปได้เรื่อยๆ

...แต่บอกคุณแบบนี้ เดี๋ยวผมก็จะโดนงับอีกครับ T^T

แล้วเพิ่งเคยสังเกตavatarของคุณ คุณSkuLLoนี่ก็ช่างสังเกตซะจริง555

บางทีมันก็เว่อไปนะครับ ปัจจัยมันเยอะที่ทำให้เสียงเปลี่ยน แค่ถอดซิลีโคนออกแล้วสรุปว่าเสียงเปลี่ยนเพราะซีลีโคนผมว่าประหลาดไปครับ

อุณหภูมิตอนนั้น ความชื้น ใกล้แหล่งแม่เหล็ก ช่วงเวลาที่ฟัง เสียงรบกวนจากภายนอก

ปัจจัยมันอีกเยอะมาก แค่เพราะถอดออกแล้วสรุปเลยผมว่าไม่เป็นวิทยาศาสตร์สักนิดเลยครับ

เหตุและผลไม่มีเลย

ถ้าอยากพิสูจน์จริงๆลอง Blind test สิครับ ถ้าคุณจับมันได้ว่าต่างจริงค่อยว่ามันจริงดีกว่านะ

ผมเอาประสบการณืมาเล่าให้ฟังครับ

อยากรู้ก็แค่ลอง ของอยู่ในมือท่านเองครับ

ประเด็นคือแม่งเอาของที่ตัวเองยังไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้ความแตกต่างจริงหรือเปล่ามาบอกคนอื่นว่ามันแตกต่าง ให้มันนั่งมโนกันไปเอง
ไอ้พวกบ้าจี้ก็บ้าจี้กันไป ซื้อซิลิโคนแบบพิเศษใส่
ซื้อเคสแบบที่ว่าใส่แล้วเสียงดี
ทำให้คนเล่นใหม่ๆที่หูไม่เทพ เสียตังไปกับอะไรที่ไม่ควรเสีย
วงการแทนที่จะก้าวหน้าไป แม่งก็ถอยหลังลงคลอง มางมงายเรื่องไสยศาสตร์กัน
ต่อไปคนผลิตแม่งไม่ต้องทำหรอกไอ้พวกสายสัญญาณตัวนำดีๆ ชิบเสียงดีๆ เลิกให้หมด

มาทำซิลีโคนขาย เพราะคนแม่งสนใจแต่เสียงจากซิลีโคน

รู้จริงก็บอกรู้จริง ไม่รู้จริงก็เงียบๆไว้จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมมากกว่า

คห. 26

คุณอ่านที่ผมโพสหรือยังครับ

ผมไม่ได้บอกว่าต้องใส่ซีลิโคนถึงจะเสียงดี

ตอนนี้ผมไม่ใส่ด้วยซ้ำครับ

เสี่ยงต่อการเป็นรอยสุดๆ

เอาเหอะ จะโผล่หัวออกจากกะลามาแสดงตัวยังไม่กล้าเลย

สงสัยเป็นเพราะอวตาร ของท่าน จขกท.(ล้อเล่นนะครับ) บางอย่างผมก็แยกความ แตกต่างไม่ออกแต่คนอื่นแยกออก มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ หูแต่ละคนความสามารถ ในการรับเสียงไม่เท่ากัน อย่าคิดมาก

เห็นต่างผิด คิดต่างผิด สังคมไทย

ถ้าอยากให้วงการก้าวหน้าจริงๆเวลามีอะไรเกิดขึ้นควรจะมาถกเถียงเพื่อให้เกิดข้อเท็จจริง

ไม่ใช่ปิดทุกสิ่งเอาที่กูรู้อยู่แล้ว อะไรอย่างอื่นไม่สน มาพูด

เนี่ยเหรอการพัฒนาวงการหูฟัง ผมขำว่ะ

เย็นไว้ครับ คุณdragonfing ถ้าจะโต้ตอบ เอาไว้ถกเหตุผลกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยแล้วพูดดีๆจะเหมาะกว่าครับ กระทู้ที่ใช้ถ้อยคำหยาบคาย ยั่วยุ มองข้ามไปซะนะครับ = =" เพราะถ้าไปโต้ตอบทุกครั้ง รูปการณ์ก็จะเหมือน...คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่ทะเลาะกับทุกรายที่ยั่วยุครับ คุณจะเขวเปล่าๆ

ทดสอบง่ายๆสุดทำ blind test เลยครับ อิอิ หาเพื่อนมาเปิดเพลงให้ตอนถอดกับใส่ silicone ง่ายดี

K.เหน่งบา ผมว่าคนที่รู้ว่าใครรายนั้นหนักนะครับ

ขอบคุณ คุณเหน่งบาครับ

ผมก็พยายามใช้เหตุผลในการตอบกระทู้อยู่ครับ

แต่บางคนเค้าไม่รับฟัง หรือไม่อ่านก็ไม่ทราบ แหะๆ

อย่าไปสนเลยครับ คนพวกนี้กะแค่จะ log in ใช้ ID จริงมาคุยยังไม่กล้าเลย

บางเรื่องมันกูดูเกินจริงไปจริงๆนะครับ อย่างเรื่องซิลิโคนผมบอกตรงๆไม่เชื่อครับ แต่ใครอยากทำอะไรก็ทำไป สิทธิของตัวเอง -"-

แต่สนับสนุนblind test ครับ

เพราะถ้า blind test แล้วพบความต่างจริงๆ ก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่น่าจะมาหาเหตุผลไว้ยืนยัน ซึ่งใช้เป็ข้อมมูลในการพัฒนาอะไรได้เยอะคับ
ใครจะไปรู้ต่อไปอาจจะมีการพัฒนาซิลิโคนที่มีผมปรับให้เสียงดีขึ้นก็ได้นะ

+1 ว่าเอาซิลิโคนออกจาก DX-50 แล้วลองสลับฟังกับใส่ซิลิโคนเสียงต่างกันแบบรู้สึกได้จริงครับ...ฟังตอนทานข้าวเสร็จเมื่อสักครู่ด้วยความสงสัย 55 เสียงเปิดโปร่งขึ้น มิติตื้นลึกดีขึ้นนิดหน่อย เสียงแหลมดูมีประกายขึ้นนิดๆครับ แต่พอกลับมาใส่ซิลิโคน เสียงดูทึบกว่าตอนถอดแบบรู้สึกได้ ทดลองโดยฟังเพลงเดียวกัน อยู่4-5รอบได้ผลลัพเดียวกันคงไม่อุปทานแน่ (ขคห.ส่วนตัว อย่างับเค้าน๊าาา >แต่ทดลองฟังเสร็จก็ใส่ซิลิโคนเหมือนเดิมเพราะกลัวเก่าและเป็นรอย อิอิ.

#38 ผมเคยทำ blind test ใช้ Fiio X5 กับเพลง Billy Jean มี 3 ไฟล์คือ DSD, MP3 320, FLAC 16/44.1

ผลที่ได้คือ...ผมแยกไม่ออกครับ ทายไม่ถูกสักไฟล์ อยากจะบอกว่าสิ่งที่เรามองเห็นมีผลต่อประสาทสัมผัสทั้ง 4 ที่เหลือด้วยครับ การทำ blind test คือการตัดรูปออกไป เอาให้เหลือแต่เสียงพอ อิอิ

ผมลองถอดซิลิโคนแบบท่าน จขกท แนะนำแล้ววางบนเหรียญพลังงานแบบที่ขายในเคเบิ้ลทีวีอีกชั้น เสียงดีสุดๆๆๆ หลุดโลกไปเลยครับ 555 แซวเล่นนะครับ

ที่จริงเรื่องแบบที่ท่าน จขกท ตั้งข้อสังเกตุ ผมก็ได้ยินมาบ่อยครับ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสทดลองแบบจริงจัง

แค่ได้รู้จักเวบบอร์ดนี้ก็ทำให้รสนิยมการฟังเพลงผมเปลี่ยนไปมากแล้วครับ จากที่เคยฟังแบบผ่านๆ สนุก เคลิบเคลิ้มไปกับจังหวะดนตรี กลับกลายเป็นตั้งใจฟังรายละเอียดย่านต่ำ กลาง สูง มิติลึก กว้าง ต่างๆ นานา

ก็สนุกดีนะครับที่ได้อ่านได้ลองทำตามที่หลายๆ ท่านแนะนำกันมาในบอร์ด แต่สุดท้ายผมก็เริ่มจะเพลาๆ กับการฟังแบบจับผิด หันกลับมาสู่สามัญ เพราะเข้าใจมากขึ้นว่ารสนิยมและการรับรู้ของประสาทสัมผัสไม่เท่ากันในแต่ละคน

ไม่มีอะไรดีที่สุด แย่ที่สุดหรือแปลกประหลาดที่สุดหรอกครับ ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจและเงินในกระเป๋าเท่านั้นเองครับ^^

ลองไปเถอะครับไม่เสียหาย DAP ใหม่ๆแถม silicone มาให้หมดจะถอดจะใส่ก็ลองดูครับ ไม่ต้องคิดมากว่า DX90 + silicone จะกลายเป็น DX50 หรอกครับ แต่ถ้าใช้งานจริงใส่ไว้กันรอยก็ดูจะเหมาะดีเพราะเดียวขายแล้วเป็นรอยราคาตกเปล่าๆ

ปล. โดยส่วนตัวชอบแบบถอดมากกว่าแต่ห่วงว่าจะเป็นรอยเลยใส่ดีกว่าครับ

ผมครึ่งๆอะครับ คือผมคิดว่าอะไรๆมันก็มีผลต่อเสียงไปซะหมดแหละครับ
อยู่ที่ว่ามากหรือน้อย แต่ก็ต้องแยกเรื่องอุปทานออกเหมือนกัน
วันนี้ผมกินขนมกับเพื่อนที่มีคนเอามาให้(หน้าซองขนมเป็นภาษาญี่ปุ่น) คนเอามาให้บอกว่ารสชีส
ผมก็กินไปแล้วไม่เห็นว่ามันจะเป็นชีสตรงไหน ผมเลยบอกเพื่อนไปว่า กุว่าไม่ใช่รสชีสแล้วล่ะ
กุว่ามันต้องรสอื่นแน่ๆ เพื่อนผมแย้งทันทีว่า รสชีสแน่นอน กูได้กลิ่น ก็เถียงกันไปมาซักพัก
สุดท้ายต้องเสิร์ชกูเกิ้ลครับ ผลลัพธ์ออกมาไม่ใช่รสชีสครับ แล้วรสชีสที่เพื่อนผมรู้สึกแบบมั่นใจมากตั้งแต่แรกมันมาจากไหน

ปล.อ่าว ลากไปซะไกล

ผมมีเรื่องมาเล่าครับ อ่านดีๆนะครับ
ซัก 20 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสายไฟ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 15 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนปลั๊กไฟ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 10 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสายไฟ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 5 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสาย HDMI แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 2 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสาย USB แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ทั้งหมดทั้งมวล ที่จะบอกคือ พอเล่นเยอะ จะเจอว่าสิ่งที่ใครพูดจริง หรือไม่จริง
สิ่งที่ จขกท พูด ไม่แปลกครับ ถ้าระบบดี setup ลงตัว แล้วเจ้าของเป็นคนที่ชอบฟังเพลงเดิมซ้ำๆ แล้วฟังค่อนข้างจับผิด ผมว่าเจอแน่ครับ
เพราะเพื่อนผมที่เล่นเครื่องเสียงด้วยกันเค้่าเจอก่อนที่คุญมา post อีก แกถอด silicon ออกทุกเครื่องเลย แล้วให้ผม
ผมเองเทสในระบบผม ไม่ค่อยแตกต่างมากนัก แต่บนรถเพื่อนผม ต่างชัดเจน เอาแค่ว่าวันก่อน ผมปิดช่องแอร์ในรถ ไม่ให้ลมออก เวทีเสียงดรอปทันที

ส่วนรถผม สายสัญญาณจาก วิทยุไปแอมป์ผมเดินสายลอยครับ ไม่ลอดพรม เพราะมันอับ เมื่อก่อนเคยเอาแฟ้มงานทับไว้ พอดีมีเรื่องต้องเอาออก เสียงเปิดขึ้นมากมาย แบบผิดสังเกตุ

ถ้าจำไม่ผิด คุญเหน่งบาเคยเอากล่องนมลองเครื่องเล่น แล้วเสียงสงัดขึ้น
ผมลองเอา hifi trick ลองบ้างให้คนอื่นฟังบ้าง ก็มีคนบอกว่าต่าง แต่ต้องตั้งใจฟังนิสนึง

ผมเองเคยเจอเด็ดๆ กว่านั้น คือสาย USB to Dock ไว้เสียบไอพอด เข้าวิทยุ สามคำแรกของนักร้องหลังจากที่เปิด ผมรู้สึกได้่ว่านักร้อง ร้องไม่เต็มปาก แต่พอหลังจากนั้น เหมือนจะดีขึ้น ตอนแรกนึกว่าบ้าที่ฟังออก แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆครับ

ขอแก้นิสนึงครับ
ซัก 10 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสายสัญญาญ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แวะมาบอกว่า เรื่องพวกนี้ พออ่านแล้ว

อย่าตั้งธงทันทีว่า

1. มันเหลวไหล
2. มันไม่วิทยาศาสตร์
3. ไอ้คนโพสต์มันมโนไปเอง
4. มันเป็นไปไม่ได้

ของแบบนี้ก่อนออกความเห็น ต้องลองครับ แล้วค่อยมาคุยกัน

ผมเล่นเครื่องเสียงมาหลายสิบปี พวกของเสริมอย่างสายไฟ สายสัญญาณ เล่นกันตั้งแต่ไม่มีใครเขาเล่น

ฝรั่งบอก copper is copper แต่ผมใช้สายไฟที่ขนาดต่างกัน จำนวนตัวนำต่างกัน ฉนวนต่างกัน เสียงมันต่างกันจริง สมัยก่อนมีแต่คนบอกว่าเหลวไหล

แล้วเดี๋ยวนี้เป็นไง สายไฟเล่นกันทีหลักหลายๆหมื่นไปจนหลักแสน

สาย DIY ของเฮียหั่ง ได้มาแต่ครั้นบรรพกาล ผมใช้แอมป์ตัวละสามแสน ผมก็ยังใช้สายไฟเส้นนี้ เพราะพรรคพวกที่ TAC เอาสายไฟพวก transparent มาลองฟังกันที่บ้าน เสียงมันต่างจริง แต่มันไม่คุ้มกับค่าตัวหลายๆหมื่นที่จะต้องจ่าย



ก่อนหน้านี้ผมเคยด่าอาจารณ์นักรีวิวท่านหนึ่งว่าบ้าเรื่องรีโมท

จนกระทั่งวันหนึ่งผมดันเอารีโมทแอมป์ Krell ไปกด play เครื่องเล่นซีดี Marantz SA-11S2 เสียงมันแปลกกว่าที่เคยฟัง

พอดีมีจังหวะพรรคพวก ที่เล่นอยู่เวบ TAC มาบ้าน เลยให้ลองดูกัน

ใครลองก็อึ้ง เฮ้ยมันจริง เสียงจากสองรีโมทไม่เหมือนกัน

เรื่องนี้ผมเคยโพสต์ใน TAC นานแล้ว แล้วก็ขอโทษอาจารณ์ผ่านหน้าเวบด้วยว่า

"ต่อไปนี้ ถ้าใครมีความเห็นอะไร ถ้าเราไม่ได้ลอง เราจะไม่ไปว่าเขาว่าเพี้ยน ว่าบ้า "

อย่าเอาตัวเป็นที่ตั้งครับ ลองก่อน

ชุดที่ลอง คือชุดด้านล่างครับ

ทุกอย่างมีผลหมดนะครับ ถ้าไม่เชื่อ ต้องลองครับ
บางทีก็ต้องเล่นมาในระดับนึง หรือถ้าเป็นชุดเดิมๆที่ฟังจนชิน ถึงจะฟังออก
ผมลองมาเกือบหมดทุกประเภทแล้ว โดยเฉพาะอะไรที่ไม่เสียเงินแต่ทำได้เลย
แต่ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่เสียเงินก็ต้องดูว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม
แต่ผมว่าไม่ได้เป็นการมุ่งไปสู่ทางทำให้เสียงดีนะครับ เป็นการจูนเสียงมากกว่า
บางอย่างที่คนอื่นว่าดีขึ้น แต่สำหรับเรากลายเป็นล้น แบบนี้บ่อย
บางทีดีขึ้น แต่ไม่สะดวก ก็ต้องยอมเอาออก
ที่เห็นผลสุดคือ ฟังตอนภรรยาอยู่กับไม่อยู่ เสียงต่างกันมากครับ...

สาย DIY ของเฮียหั่ง ได้มาแต่ครั้นบรรพกาล ผมใช้แอมป์ตัวละสามแสน ผมก็ยังใช้สายไฟเส้นนี้ เพราะพรรคพวกที่ TAC เอาสายไฟพวก transparent มาลองฟังกันที่บ้าน เสียงมันต่างจริง แต่มันไม่คุ้มกับค่าตัวหลายๆหมื่นที่จะต้องจ่าย

ถ้าได้ลองแกะสายแกมาดู สายแกตีเกลียวแน่นมากทุกเส้น แถมส่วนใหญ่จะเป็นสายเงิน น้อยที่จะเป็นสายทองแดง ถักแน่นๆ แล้วเสียงไม่จัด แปลกมากๆ

ส่วนเรื่องรีโมท ลองเปลี่ยนถ่านแต่ละยี่ห้อดู ถ้า Setup ดี ฟังออกแน่ๆ
ถ้าไม่เปลี่ยนถ่านให้ลอง กลับหัวรีโมท เอารีโมทออกห่างจากตัวรับสัญญาณ นี่ก็ฟังออกเช่นกัน

แม้กระทั่ง ถ้าระบบ setup ดีๆ แค่หมุนรีโมท เสียงยังดังขึ้น อีก 2 db เลย
ทั้งนี้ทั้งนั้น อยากให้ลองก่อนครับ ก่อนที่จะตัดสิน

โอ้วว ความรู้ใหม่เยอะแยะเลย

รีโมทนี้อ่านแล้วอึ้งครับ ฮาๆๆ

ชอบความเห็นแนวนี้จัง ที่บอกว่า

ยังไม่ลองเองอย่าเพิ่งตัดสิน

แล้วแนวอบ่งปันประสบการณ์ก็ชอบ

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆครับ ^ ^

ที่เห็นผลสุดคือ ฟังตอนภรรยาอยู่กับไม่อยู่ เสียงต่างกันมากครับ.
----------------------------------------------------------------
เห็นด้วยเลยครับ เวลาภรรยาอยู่จะส่งคลื่นเสียงอำมหิตเข้าแทรกตลอด 555

รีโมท!!!

มีอีกหลายอย่าง ที่น่าลอง บางอย่างลองเห็นผลน้อย บางอย่างเห็นผลเยอะ
ขึ้นกับระบบ ขึ้นกับการ setup ให้ผลไม่เท่ากัน
แต่ ยังมีอีกเยอะ ถ้าผมพูด คุญจะหาว่าผมบ้า....


แค่เปิดใจรับฟัง จริงๆ บางอย่างมันก็มีเหตุและผลนะ เพียงแต่ คุญจะเชื่อหรือเปล่า...

เมื่อกี้ลองกับเจ้า DX90...
เอ้อ ต่างแฮะ งง...

อย่างเรื่องรีโมทนี่พอนึกภาพออก เพราะรีโมทแต่ละตัว ถ่านแต่ละก้อนมันยิงอินฟาเรดที่ความเข้มต่างกัน ซึ่งอาจจะมีผลต่อการประมวลผลและแปลงสัญญาณของเครื่อง
แต่บางเรื่องผมว่ามันก็เกินไปจริงๆ ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าทำ blind test แยกไม่ออกชัวร์ๆ ซึ่งก็เหมือนกัน คือ คุณจะเชื่อรึเปล่า ... ว่าบางเรื่องมันก็ไม่มีผล

มีใครลองซื้อสินค้าของเจ้านี้มาใช้บ้างไหมครับ เค้าบอกว่า product เค้าคิดค้นด้วย string theory
http://www.synergisticresearch.com

ผมเคยใช้สายสัญญาณกับสายลำโพงของ Synergistic Research อยู่หกเดือนครับ

มีน้องไปหิ้วมาจากเมืองนอก แล้วเขาเลิกเล่น เลยเอามาให้ผมลอง ถ้าชอบก็จะขายให้ผม

ผมเปิดทิ้งไว้ให้ชินหูฟังไปเรื่อยๆ เพราะเจ้าของไม่ได้ใช้

บอกตรงๆ ระหว่างเสียบปลั๊กกับไม่เสียบ ผมฟังความแตกต่างไม่ออก ขนาดว่าชุดผมค่อนข้างขี้ฟ้องพอสมควร

สุดท้ายก็คืนน้องเขาไป

ที่คินเพราะว่า เทียบกับสายลำโพง Ixos เมตรละแปดร้อย ผมว่า Ixos ให้เสียงที่ถูกใจผมมากกว่าสายลำโพงเส้นละพันกว่าเหรียญ ใครเขาอาจะจะว่าบ้า ชุดขนาดนี้เอาสายเมตรละแปดร้อยมาใช้ แต่ผมว่าถูกแพงไม่สำคัญ เรื่อง matching สำคัญที่สุด

ส่วนสายสัญญาณ ตัวแทน MIT เขาเอาสาย MIT Oracle มาให้ลอง สุดท้ายก็ถอดไม่ออก เสียเงินไปตามระเบียบ

สรุปเรื่อง Synergistic Research นี่ผมฟังไม่ออกครับ เพื่อนฝูงมาบ้านก็ฟังไม่ออก

โอ้วววว MIT Oracle !!!!!

หึหึ ตอนนี้กำลังค้นพบว่าพวกพกพาหากต่อ Power supply ระหว่างเล่นเสียงจะเปลี่ยนไป ดันเปลี่ยนไปในทางที่ผมชอบด้วย เช่น อิ่มขึ้น layerชัดเจน มิติดี ผมเล่นง่ายๆแค่เอา power bank ทั่วไปเสียบเข้าที่ player dac amp มีผลไม่มากก็น้อยในทางที่ดีขึ้นครับ เดาๆเอาว่าพวกแบตเล่นไปสักพัก volt จะ drop ทำให้กำลังลดลง แต่พวก power bank มันจำเป็นต้องรักษาแรงดันไว้ที่ 5 volt ตลอดเวลาน่าจะมี regulator มาคุมไฟทำให้ได้ไฟที่นิ่งกว่า เดาผิดถูกประการใดบอกได้ครับ

แหะๆ MIT Oracle มือสองรุ่นเก่าครับ ราคาแพงกว่า Synergistic Research นิดเดียว

รุ่นเก่าเสียงจะนุ่มนวล

ส่วนรุ่นใหม่เสียงจะแจ้ง รายละเอียดระยิบระยับ

พอดีลำโพงผมมันขี้ฟ้องอยู่แล้ว ใช้สายรุ่นใหม่ มันเยอะไปครับ

มันนะไม่ เว่อ เพ้อเจ้อ ไปหน่อยหรือครับ

ขอยกตัวอย่าง

หูฟัง เวลาเบิร์น เสียงต่างกับ ไม่เบิร์น จริงครับ
เพราะเป็นการขยับตัวของอุปกรณ์ driver ภายใน
แต่อาจเห็นไม่ชัดมาก แต่มันมีเหตุผลที่อธิบายเป็นวิทยาศาสตร์ได้

ผมขับมอไซ650cc ตอนรันอิน กับ พ้นรันอินแล้ว ความเร็วก็ต่างกันครับ

นี้ จขกท กำลังพูดเหมือว่า ผมเติมลมยาง ที่ปั๊ม esso รถมันจะวิ่งเร็ว กว่าเติมลมยาง ที่ปั๊ม ปตท

ซึ่งผมว่ามัน ไร้สาระ ไปรึเปล่าครับ

ผมเชื่อว่า ส่วนผสมของ ซิลิโคน ต้องมีโลหะ ผสมอยู่ ไม่มากก็น้อย ทำให้เกิดการเหนี่ยวนำสัญญาณขึ้นครับย์

คห.59

ใจเย็นครับอย่าเพิ่บอคติ

ผมเล่าว่าใส่กับถอดครับ ไม่ได้บอกว่าเอาอันอื่นมาเปลี่ยน

ลองก่อนครับ

ได้ผลยังไงค่อยเอามาคุยกันดีกว่า

อย่าเพิ่ง*

ขออนุญาตคุณthekop41130นะครับ ไม่ได้มีเจตนาจะขัดแย้ง แต่ถ้ายกตัวอย่างแล้วเป็นคนละเรื่อง อยางเติมลมยาง ผมว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ตรงอ้ะครับ

เรื่องความเห็นต่างนี่ ถ้าจะให้คนที่ฟังออกเปิดใจรับความเห็นของคนที่ฟังไม่ออก
ผมว่าคนที่ฟังไม่ออก ก็น่าจะเปิดใจรับความคิดเห็นของคนที่ฟังออกด้วยครับ = ="

อุปกรณ์ในชุด ไฟล์เพลง ความสามารถในการรับรู้ ทักษะในการฟัง ล้วนมีผลต่อการ ฟังออกฟังไม่ออก ยังไม่นับปัจจัยปลีกย่อยของสภาพแวดล้อม เช่น ความเงียบของสถานที่ อุณหภูมิ กระทั่งอารมณ์ความรู้สึกของผู้ฟัง และ...ทัศนะคติของผู้ฟัง

และนี่คือแค่ชุดพกพานะครับ
ถ้าเป็นเครื่องเสียงบ้าน ที่เรื่องเยอะกว่าหลายเท่า เพราะปัจจัยภายนอกมันเพิ่มเติมเข้ามา...มหาศาล...มีเรื่องให้สนุก หรือเรื่องให้ปวดหัวมากกว่าอีกหลายเท่าครับ

เมื่อมีห้อง คราวนี้ก็จะมีตัวแปรสำคัญอย่างยิ่งเข้ามาเกี่ยวข้องนอกเหนือจากข้างบนที่ว่ามา คือ การเซ็ทอัพครับ...สั้นๆ แต่โคตรจะเต็มไปด้วยความหมาย ถ้าคนไม่ได้เล่น จะนึกไม่ออกเลยว่ามันมากมายจุกจิกขนาดไหน บางอย่างขนาดเล่าให้ฟัง ยังแทบไม่อยากเชื่อ แต่ถ้าเรื่องเดียวกันซึ่งมีปัจจัยเหมือนกันทุกอย่าง แต่ชุดเซ็ทอัพต่างกัน มีจะมีผลให้ฟังออกหรือไม่อก

ยังไม่นับเรื่องความเข้าใจ ระหว่างคนที่มีทักษะในการฟังมากกว่ากับน้อยกว่า ว่าจะตีความสิ่งที่ได้ยินว่า มาก น้อย หรือ แทบไม่มี

พริกป่นช้อนเดียวในชามก๊วยเตี๋ยว แต่ละคนยังบอกไม่เหมือนกันเลยครับ เผ็ดมาก พอดีๆ เผ็ดน้อยไปหน่อย หรือ...ไม่เผ็ดเลยว่ะ ต้องสามช้อน

(ก็ยังต้องถกกันอีกว่า พริกนั่น มาจากแหล่งผลิตที่ไหน เผ็ดจริง หรือไม่เผ็ดเท่าไหร่ ใส่ในก๊วยเตี๋ยวประเภทอะไร T^T)

ไว้ถ้ามีโอกาส จะเอาข้อมูลจากผู้ที่ผมติดตามงานเขียนและผมนับถือเป็นครูบาอาจารย์บางท่าน(อ.ธนกฤต เสรีรักษ์ คุณยุทธพงศ์ ลิ้ม)มาเล่าสู่กันฟังก็ได้ครับ เชื่อไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ฟังออกหรือไม่ออกก็ไม่เป็นไรอีกนั่นแหละ เพราะท่านดังกล่าว เมื่อเขียนออกมา(นานหลายปีแล้ว บางประเด็นตั้งแต่ยี่สิบสามสิบปีก่อน ซึ่งยังไม่มีคนยอมรับว่าจะเป็นจริง)ก็ถูกเยอะเย้ยถากถางว่าเพี้ยน จินตนาการ หรือบ้าไปแล้ว แต่ท่านก็ยังอุตส่าห์บันทึกเรื่องราวความรู้สึกที่ได้รับ เพื่อให้บุคคลอื่นๆได้รับรู้เรื่องราว ได้ทดลองทดสอบด้วยตัวเอง ท่านเหล่านั้นยังบอกเสียด้วยซ้ำว่า ถ้าคุณฟังความแตกต่างไม่ออก ไม่ต้องเสียใจ เพราะจะได้ไม่ต้องทำ ไม่ต้องเสียเงิน แต่หากฟังออก มันอาจแปลว่า ความซวยมาเยือนแล้วก็เป็นได้ครับ ^ ^

***ถ้าชุดเครื่องเสียงบ้านที่เซ็ทอัพดีพอสมควร***(ต้องมีเงื่อนไขนี้เข้ามาประกอบ ไม่งั้นจะแยกแยะความแตกต่างได้ยาก) รีโมท อย่าว่าแต่รีโมทของเครื่องเสียงคนละยี่ห้อ ทำให้เสียงต่างเลยครับ ตัวรีโมทเอง วางบนวัสดุต่างกัน(พื้นไม้ พรม หินแกรนิต โลหะ)เสียงก็ต่างกัน?

การกดรีโมท ถ้ากดแล้วปล่อยเลย(เอาเป็นว่าเครื่องเล่นซีดีนะครับ) กับกดเพลแช่ไว้สัก2วินาทีเสียงจะต่างกัน?

บางท่านถึงขนาดเอารีโมท ถอดแบ็ต แล้วอพยพไปไว้นอกห้อง = ="(คือท่านฟังออก และยอมแลกความสะดวกกับเสียงที่ท่านคิดว่าดีขึ้น เป็นความพอใจส่วนบุคคล)

และถึงเอารีโมทออกไปจากห้อง กดเพลด้วยมือ....เอ่อ....กดด้วยนิ้วไหนเสียงก็ไม่เหมือนกันอีก(อันนี้ผมฟังไม่ออกครับ แต่หลายคนฟังออก)

เอาแค่นี้ก่อนครับ แค่นี้ผมว่า เดี๋ยวก็มีคนมาแสดงความชื่นชมกับความเห็นนี้แล้วละครับ T_T

ถ้าใครมี Player ก็ลองเลยครับ ไม่ต้องอายเพราะไม่มีใครรู้ใครเห็น แต่ถ้าไม่มีแล้วมาคิดเอาเองมันสมควรแล้วหรือ ส่วนตัวผมใช้เครื่องบันทึก Tascam DR-100 แทน Player ด้วยเพลงเดียวกัน

นี่คือการฟังแบบจับผิดในห้องที่เงียบสงัด
1.เวลาวางบนที่นอนเสียงที่ออกจากหู Grado SR225i เหมือนเบสจะบวมๆคล้ายตะโกนใส่โอ่ง
2.เวลาวางบนโต๊ะไม้เสียงจะนุ่มนวลกระจ่างชัดไม่ทับซ้อนกัน
3.เวลาวางบนโต๊ะกระจกเสียงใสแหลมไปไกลเลย ฟังแล้วไม่ค่อยสนุก
แต่ถ้าไม่จับผิดวางตรงไหนก็ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างครับ ^^

เพิ่งเห็นว่าพี่ทศย์ที่คิดถึง เข้ามาร่วมกระทู้ด้วยย์

ชะรอยพี่ท่านจะสนใจกระทู้นี้เพราะมีเรื่องซิลิโคนเข้ามาเกี่ยวด้วยเป็นแม่นมั่นย์ 55

สบายดีนะครับย์ พี่ทศย์ที่รักย์ ^ ^

คห.64

ผมสันนิษฐานว่าเสียงเปลี่ยนเพราะผิวสัมผัสที่เราวางเครื่องเล่นลงไปสิครับแบบนี้

ซิลิโคนอาจทำหน้าที่ป้องกันรอยขีดข่วนและเป็นฉนวนไปในตัวเพื่อกีดกั้นหรือขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้าด้วยล่ะมั้งครับ

ถ้าแค่อารมณ์ก็ทำให้เสียงเปลี่ยนได้
แสดงว่าที่ถอดซิลีโคนออกอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ก็ได้
ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเพราะซิลีโคน

ผมว่าเรื่องนี้มันต้องลองเองครับ เพราะส่วนตัวตอนแรกที่ได้ยินเรื่องนี้ผมก็สงสัยเหมือนกัน จนสุดท้ายก็ต้องทดลองซักครั้งให้มันได้ความกระจ่าง ซึ่งสำหรับผมนั้น ผมเห็นความต่างครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันต่าง แต่ขอบอกเลยครับไม่มโนแน่นอน

ปล. เรื่อง blind test ผมว่าปัจจัยที่มีปัญหาที่สุดในการ test แบบนี้คือความเครียดครับ ผมว่ามันจะทำให้เราตัดสินใจของเราแย่ลง และอาจจะบวกกับอีกปัจจัยนึงด้วยคือความกลัวหน้าแหกครับ เพราะการ blind test ที่ดีต้องมีผู้ช่วยครับ ซึ่งถามเกิดเราตอบผิดอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเองแลขความน่าเชื่อถือจากผู้ช่วยได้ ยิ่งทำให้ความเครียดเพิ่มขึ้น การตัดสินใจก็แย่ลงไปอีกครับ

ถ้า Blind test แล้วต้องมากลัวหน้าแหก
มันแสดงให้เห็นอยู่แล้วว่า คุณก็ไม่แน่ใจว่าไอ้สิ่งที่โม้มาเนี่ยมันจริงหรอกเปล่า
ถ้าตัวเองยังไม่รู้เลยว่าจริงมั้ย แล้วยังออกมาบอกคนอื่นปาวๆว่ามันจริง นี่ก็แปลกคนนะครับ

ผมไม่กลัว Blind Test เลยครับ ทุกรูปแบบ แต่ต้องเป็นชุดที่ผมใช้ประจำนะครับ ได้หมดลำโพงหูฟัง
แต่ผมว่าคนที่ฟังไม่ออก หรือไม่ได้ลอง แล้วยังออกมาบอกคนอื่นปาวๆว่ามันไม่จริง นี่ก็แปลกคนนะครับ

คหสต. ผมว่า Blind Test ก็ไม่ได้มีปีะสิทธิภาพขนาดเอามาเป็นตัวกลางได้นะครับ

ผมคิดว่าการตัดปัจจับจากประสาทสัมผัสอื่นเพื่อจะฟังอย่างเดียวมันทำให้การฟังเพี้ยนด้วยซ้ำ

เหมือนเวลากินแล้วได้กลิ่นอาหารด้วย มันก็เป็นธรรมดาที่เราทำกัน

แต่ลองกินแล้วปิดจมูก ไม่ได้กลิ่นอะไร ความรู้สุกต่ออาหารนั้นก็เปลี่ยนไปนะครับ

หรือท่าเอาสีฟ้าสดๆ มาเทราดอาหารจนเป็นสีฟ้าทั้งหมดจนแยกไม่ออก ก็ทำให้รู้สึกเปลี่ยนไปได้นะครับ

เรื่องกลิ่นกับสีในอาหาร ผมเคยดูรายการ TV เมื่อนานมาแล้ว

ถ้าจำไม่ผิดอันนึงน่าจะเป็น Mega Clever เค้าทดลองกันครับ

ส่วนเรื่องสีนี้เป็นรายการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กนะครับ

ผมเลยคิดว่าการฟังน่าจะทำนองเดียวกัน

ผิดพลาดก็ขออภัยครับ

ผมว่ากระทู้นี้น่าจะเป็นแค่การบอกเล่าประสบการณ์มากกว่าที่จะมาโน้มน้าวหรือบังคับให้ใครเชื่อนะครับ

แสดงความเห็นต่างก็ทำให้กระทู้ดูสนุกขึ้นได้ ส่วนพวกขี้ขลาดที่ใช้ชื่อปลอมเข้ามาด่านี่ผมเดาว่าคงจะรับความเห็นต่างไม่ได้ละมั้ง

เพิ่งรู้ว่าเล่นเพลงยิ่งเล่นยิ่งเครียดนะครับ ขนาดรีโมต ขนาดปุ่ม ขนาดซิลิโคน เรื่องซิลิโคนผมคิดว่า พวกนี้มันเป็นเครื่องเล่นขนาดเล็ก แต่อัดแน่นไปด่วยอุปกรณ์อิเล็กทริค ทำให้มันคับแคบ ไม่มีรูระบายอากาศ อุณภูมิสะสม พอใส่ซิลิโคน ก็จะทำให้อุณหภูมิสะสมมากขึ้นอีก เพราะความร้อนไม่ได้ระบายออกทางฝาเครื่องแต่มันไปสะสมที่ซิลิโคน พอใส่นานเข้าอุณภูมิสูงเป็นเวลานาน ทำให้อุปกรณ์อิเล็กฯทำงานไม่ดีนัก เสียงเลยไม่ใส พอเอาออกความร้อนก็จะสะสมน้อยลง ทำให้เครื่องทำงานได้ดีขึ้น แต่ผมว่าทางสายกลางดีกว่าครับ ฟังเพลงเพื่อผ่อนคลายครับ ทำตามสะดวกเถอะ ถึงมันจะมีผล แต่มันไม่ได้ทำให้เหาะได้หรอก หาเวลาไปหาเพลงเพราะ ฟังเพลงที่ชอบดีกว่าครับ ฟังเพลงดีกว่า ฟังเครื่องเสียงกันทำไม ถึงไม่มีเครื่องเสียงก็ฟังเพลงได้ครับ แต่ไม่มีเพลงเครื่องเสียงจะมีปะโยชน์อะไร ใครว่าผมเป็นไอ้แอบเมลมาถามได้ครับ ขี้เกียจสมัครครับ เล่นหลายเว็บเกินเบื่อจำระหัสผ่าน และก็ไม่จำเป็นต้องล็อกอินก็คุยกันได้ครับ

อุ๊ปส์ สงสัยโดนแทงใจดำ

เป็นไปได้ในเรื่องของความร้อนสะสมที่ตัวเครื่อง จากการใส่ซิลิโคน และ เมือถอดเครื่องระบายความร้อน กับสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า........ผมว่าลองเล่นเปรับเทียบ ในห้องแอร์ กับ นอกห้องซิ

หรือ อีกประเด็น ซิลิโคนที่ใช้อยู่ อาจมีส่วนประกอบของโลหะ ในระดับโมเลกุลอยู่ ซึ่งทำให้มีผลทำให้เกิด สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ต่อวงจรภายใน ก็เป็นได้

การจะวัดผลอะไรในบางเรื่อง คุณต้องควบคุมตัวแปรทั้งหมดให้คงที่ เช่น อุณหภูมิสภาพแวดล้อม,
การเคลื่อนไหวของร่างกาย ,ระดับแบตเตอรี่ในเครื่องเล่น ,การใส่หูฟัง, ระดับอารมณ์/ความเครียด, และ ที่สำคัญสมาธิที่จดจ่ออยู่

ผมว่า อ่านแล้วก็สนุกดีนะครับ

ผมว่าปัจจัยแวดล้อมมันเยอะนะครับ ไอ้การฟังเพลง ถ้าจะมองให้เป็นเชิงวิทยาศาสตร์ก็ทำได้ จะมองเป็นเรื่องควมเชื่อมันก็ทำได้

ถผมหวายถึงเรื่องเดียวกันจะมองให้เป็นเรื่องของความเชื่อหรือเรื่องทางวิทยาศาสตร์ก็ได้

ยกตัวอย่าง อย่างหลายๆ ประเด็นในกระทู้นี้ เช่น

1. เรื่องการใส่ถอดซิลิโคน ก็มีหลายท่านมองว่าเป็นเรื่องของการเหนี่ยวนำกระแส ไฟฟ้าสถิตย์ ทีนี้ก็ถ้าจะทำละเอียดก็ต้องไปดูทุกเครื่อง ถ้าเป็นบางเครืาองก็อาจจะเป็นเรื่องของ qc บางเครื่องไม่ดีก็ได้ หรืออาจจะเป็นเรื่องของความร้อน ทำให้ตัวต้านทานเปลี่ยนไป ฯลฯ

2. เรื่องเครื่องเสียงทอันนี้ผมว่า ปัจจัยทางวิทยาศาสตร์มันก็เยอะ ถ้าผมไม่นับเรื่องของการตัวเครื่องและการเซ็ตเครื่องนะครับ เพราะว่า เสียงเดินทางผ่านอากาศ กว่าจะเข้ามาให้เราได้ยิน การเปลี่ยนแปลงของอนุภาคในอากาศ ความหนาแน่นมวลอาศ อุณภูมิ ฯลฯ ดังนั้นการมี รีโมทในห้อง อาจจะมีผล หรือไม่มีก็เป็นได้อีก

3.เรื่องลมยางผมก็มองว่าเป็นไปได้ เพราะ เครื่องเติมลม อาจจะ calibrate มาไม่ตรงกัน คุณเห็นตัวเลขลมยางเท่ากัน แต่ว่า ของจริงที่บรรจุอาจจะไม่เท่า ความหนาแน่น เวลาอุณหภมิเปลี่ยน ก็อาจจะไม่เท่า และอาจจะส่งผลถึงความเร็ว

4. การเบิร์นหูฟัง ก็เป็นเรื่องนึง ผมเชื่อว่าการเบอร์นทำให้เสียงเปลี่ยน แต่ต่อให้เบิร์นด้วยวิธีเดียวกันมยี่ห้อเดียวกัน เสียงก็อาจจะต่าง เพราะคุณสมบัติวัสดุ แต่ละ lot มันก็มีผล

และของพวกที่มีเรื่องความรู้สึกมาเกี่ยวข้องมันก็วัดยาก บางคนอาจจะสัมผัสๆด้ บางคนอาจจะสัมผัสไม่ได้

คนที่มองไปทางวิทยาศาสตร์มากๆ ก็อาจจะมองว่า ต้องมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ บางคนที่ไม่ได้คิดอะไร ปต่สัมผัสได้ก็อาจจะสรุปเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย

เพราะฉะนั้น ผมว่ามันก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนนะครับ เรื่องแบบนี้พูดยาก วิทยาศาสตร์ส่วนมากก็เกิดจากการช่างสังเกต ปล้สค่อยทดลองทำซ้ำ วางแผนการศึกษา จำกัดตัวแปรให้ได้ตัวแปรที่เราสนใจจริงๆ แล้วก็หาคำตอบ ว่าถ้าเกิดแบบนี้ แล้วให้ผลแบบเดิมมซ้ำๆ จนน่าเชื่อถือ ก็จะเป็นวิทยาศาสตร์

ถ้าผมสรุปง่ายๆ คือ เรื่องไฟฟ้าที่เคลื่อนอยู่รอบๆตัวถังนั่นล่ะ ใส่ซิลิโคนแล้วทำให้ไฟฟ้าใหลผ่านยาก
ถ้าตัวถังเป็นเหล็ก ไม่มีสีเคลือบยิ่งเห็นผลชัดเจน
สีเองก็มีส่วนที่ทำให้เสียงดี และเสียงไม่ดีครับ สีแต่ละชนิด ผสมตะกั่วไม่เท่ากัน

พวกคุญๆนี่ ผมบอกได้เลย หูหาเรื่อง 555+ ฟังออก แล้วกล้าพูดนี่ หน่วยกล้าตายชัดๆ บางครั้งผมยังไม่ค่อยกล้าพูดเลย พูดแล้ว คนจะหาว่าบ้า


ซัก 20 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสายไฟ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 15 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนปลั๊กไฟ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 10 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสายสัญญาณ แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 5 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสาย HDMI แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ซัก 2 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่าเปลี่ยนสาย USB แล้วเสียงเปลี่ยน ก็มีคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

ลองคิดดูเมื่อก่อน ที่เค้าบอกว่าโลกไม่ได้มีลักษณะกลม จนตอนนี้ได้พิสูจน์ไปแล้ว

เคยได้ยินมั้ย กราวด์ลิงค์ By เดอะหั่ง สายไฟคร่อมแอมป์ คร่อมวิทยุ
คร่อมวิทยุได้แบบหนึ่ง คร่อมแอมป์ได้อีกแบบหนึ่ง
เอาไว้ให้ถือง่ายๆ ไม่ใช่ 5555+ ส่วนเรื่อง Blind test ผมลองแล้วครับ 4 คน โดยไม่บอกว่าใส่หรือถอด ทุกคนพูดหมดว่าต่างหมด ระหว่างใส่และถอด

อุณภูมิ ก็มีส่วนสำคัญ ถ้าคุญเคยไปดูงาน SPL รถบางคัน ถึงกับต้องใช้นำแข็งแห้ง รักษาอุณภูมิเอาไว้

การตั้งเครื่องเล่น ลองตั้ง Ipod กับ การวาง Ipod แนบกับพื้นแล้วลองฟังซิครับ น่าจะพอฟังกันออก

ลมยางก็มีผลครับ ไม่ว่าจะเป็นลมธรรมดา หรือไนโตรเจน เพราะว่าเป็นเรื่องการสั่นสะเทือนครับ

ประสบการแปลกๆ ยังมีอีกเยอะ แต่ระบบคุญ Setup ลงตัวแล้วหรือยัง

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นกับว่าคุญจะเชื่อมั้ยล่ะครับ....

ไม่มีไรครับ แค่อยากจะบอกว่า ต้องใช้คำว่า "อุปาทาน" ไม่ใช่ "อุปทาน" ครับ

อุปาทาน แปลว่า การยึดมั่นถือมั่นทางจิตใจ
อุปทาน (Supply) แปลว่า ปริมาณสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตเต็มใจนำออกเสนอขาย

ผมได้ข้อมูลมาบ้างละครับ

หลังเครื่อง dx50 ใต้ฝามีนมีเชียว ที่เป็น Ground อยู่ด้วยครับ

การใส่ซีลิโคนคงไปรบกวนการไหลของสัญญานมั๊งครับ เลยทำให้เสียงทึบ

ด้วยความเคยชิน(กับเครื่องบ้าน) ผมคิดไปในแง่ว่า เจ้าซิลิโคนกันรอยนี่ มันน่าส่งผลต่อเสียงด้วยประเด็นการที่มันแด็มป์(damp)การสั่นสะเทือนของเครื่องมากกว่าครับ เพราะเล่นหุ้มทั้งเครื่องแบบนี้ เครื่องบ้านอย่าว่าแต่หุ้มเลยครับ เอาอะไร(accessories)รองเรื่อง หรือทับเครื่องหน่อยเดียวยังเห็นผลได้

แต่อันนี้เป็นการเดาล้วนๆครับ ^ ^

มาขอบคุณคุณ Turk สำหรับความรู้ครับ
แหม่ ไอ้ผมก็ใช้ผิดมาตั้งนาน นึกว่าเป็นคำเดียวกับแต่สองความหมาย
ที่แท้...

ความรู้สึกที่แตกต่างเมื่อไม่ได้สวมถุงซิลิโคน โอว...

ลองแล้วครับ เสียงต่างจริงครับผม

......ไม่อยากเชื่อหูตัวเองว่าฉนวนที่มาบล้อคสนามแม่เหล็กในตัวเครื่องเอาไว้จะมีผลขนาดนี้ ==

ขออนุญาตอ้างอิงกระทู้เก่าหน่อยนะครับ

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=121695

อยากให้คุณArkTicSS ลองอ่านและทำตามกระทู้สักนิดครับ หากเห็นผล ช่วยมาเล่าให้เพื่อนๆทราบก็ดีครับ ^ ^