ก้อนๆที่เห็นนี้เป็นแกน Ferrite ครับ เอาไว้ป้องกัน EMI, RFI Noise หรือสัญญาณวิทยุรบกวนครับ ถามว่ามีผลมั๊ย ผมเคยเทสแล้วบางเส้นมีดีกว่า บางเส้นไม่มีก็ได้ครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพสายที่ออกแบบมา สาย USB ดีๆ ไม่ต้องใส่เลยครับ แต่ถ้าสายธรรมดาๆ ใช้แล้วน่าจะให้ผลดีกว่าจ้าา

http://en.m.wikipedia.org/wiki/Ferrite_bead

วิกิบอกว่า suppress high frequency noise

ว่ากันว่ามันเป็น ferrite ครับ ทำหน้าที่กรองสัญญาณรบกวนต่างๆที่ปนเปื้อนมา ทำให้สัญญาณที่มากะสายเส้นนี้ มันนิ่งขึ้นครับ (ผิดถูกยังไง ท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยครับ) ^^

อีกจุดนึงที่เค้าชอบใส่กันก็คือสายไฟก่อนเข้าเครื่องคอมน่ะครับ เห็นบ่อยๆๆเลยล่ะ

ผมสงสัยว่ามันทำมาจากอะไร ทำงานยัง มีวันหยุดมั้ย

หลังๆประเทศผู้ผลิตจไม่ได้ใส่อะไรไว้ในจุกนั้นแต่จะเป็นหน้าตาแบบนั้นเพื่อให้ดูดีน่าเชื่อเฉยๆมั้งครับ

แต่ส่วนตัวผมจะใช้พวกขดทองแดงหรือเงินหย่อนใส่ดักสัณญาณไว้ง่ะครับ

เกล็ดความรู้แบบนี้ขออนุญาติให้ เครดิต พี่เจี่ย เหน่งบา นะคร้าฟ

เป็นก้อนเฟอร์ไรท์ ที่ทำไว้กรองสัญญาณรบกวนที่จะเข้าสาย(ไฟ,สัญญาณ)

มักเห็นตามสายไฟเข้าคอมฯ สายยูเอสบี สายสัญญาณภาพ
ตามทฤษฏี หากว่ากันคร่าวๆ ใส่ จะดีกว่าไม่ใส่
ในเครื่องเสียงบ้านบางตัว (แอบ)ใส่ไว้ในเครื่อง ตรงสายไฟที่ท้ายเครื่องแต่อยู่ในตัวถังก็มี
บางเครื่อง ถึงขนาดพันสายผ่านรูของก้อนเฟอร์ไรท์นี่สามสี่รอบเพื่อกรองสามสี่เที่ยว

หลายปีก่อน เคยมียี่ห้อนึง เรียกหากันคุ้นหูว่า กระบอกJM ทำเป็นแบบสี่เหลี่ยมสองชิ้นพับประกบหากัน มีสามขนาดให้เลือกใช้ ตามเส้นผ่าศูนย์กลางของรูกระบอก ปัจจุบัน หาไม่มีแล้ว ที่ยังเห็นผ่านตา น่าจะเป็นของ TDK ซึ่งเป็นทรงกระบอก

สิ้่งที่คุยข่มกันสำหรับสินค้าพวกนี้ก็คือ เปอร์เซนต์ของผงเฟอร์ไรท์ที่หล่อขึ้น ว่าใครจะมากกว่ากัน
แต่ถ้าจะว่ากันให้ละเอียด มีแง่มุมปลีกย่อยให้ต้องคำนึงหลายอย่างครับ นักวิจารณ์หลายท่าน บอกว่าใช้แล้วไม่มีผล บางท่าน ไม่ชอบผลที่ได้ บอกว่าทำให้รายละเอียดหาย

จะลองเล่าประสพการณ์ที่ได้ลองเล่นมา เผื่อว่า เืืืืพื่อนๆท่านใดมีกระบอกพวกนี้อยู่ในครอบครองนะครับ เผื่อจะเอามาเล่นดูบ้าง มีจุดที่น่าสังเกตของกระบอกนี่หลายอย่างครับ นี่พูดในแง่มุมของเครื่องเสียงบ้านนะครับ ไม่นับอุปกรณ์อย่างอื่นที่ไม่ต้องเพ่งกันละเอียดนักเช่น กล้องถ่ายรูป หรืออื่นๆ

๑.กระบอกพวกนี้เหมาะกับการใช้งานในช่วงต้นทาง คือ สายไฟ มากกว่ากว่ากลางทาง(สายสัญญาณ) หรือปลายทาง(สายลำโพง)
***หมายเหตุ แต่ผมใ่ช้มันทั้งสามจุดเลยครับ 555 เพราะต้องการ "ผล"บางอย่าง ด้วยการแลกกับบางอย่างที่ต้อง"เสีย"ไป***

๒.จุดที่จะใช้ มักจะอยู่ปลายสาย ก่อนเข้าอุปกรณ์นั้นๆ เช่น ถ้าเอามาใช้กับสายไฟ ควรอยู่ใกล้ปลั๊กตัวเมียที่จะเข้าเครื่อง ไม่ใช่ใกล้ปลั๊กตัวผู้ หรือถ้าเป็นสายสัญญาณจากเครื่องเล่นไปแอมป์ จะเอาไว้ด้านใกล้แอมป์ หาก(ดัน)ใช้กับสายลำโพง ก็จะอยู่ด้านก่อนเข้าลำโพง

๓.ตัวกระบอก ต้องไม่แตะต้องกับตัวเครื่อง สายไฟ สายสัญญาณเส้นอื่น หรือแม้แต่ ไม่ควรแตะกันเอง จะเอาอะไรมาคั่นหรือแยกให้ห่างกันก็แล้วแต่ความเหมาะสม ผมเอง เคยใช้แผ่นทองแดงกั้นระหว่างกระบอกสองอันของสายสัญญาณที่เป็นซ้ายขวา รู้สึกว่าได้ผลดี

๔.ใช้กระบอกเกินว่าหนึ่งกระบอก ต่อสายหนึ่งเ้ส้น....ยิ่งปลายทาง รู้สึกว่ายิ่งไม่ดีครับ เช่น ไปเบิ้ลจำนวนตรงสายไฟ ดีกว่าจะไปเพิ่มจำนวนตรงสายสัญญาณ กับ สายลำโพง

มาถึงตรงนี้ ต้องบอกก่อนว่า ความเข้าใจบางอย่างคลาดเคลื่อน อาจทำให้เห็นผลที่ผิดพลาดได้ครับ การใช้กระบอกกรองเฟอร์ไรท์ จะได้เห็นความแตกต่างในสองแง่ ในแง่น้ำเสียง หากหันถูกด้าน เสียงแหลมจะ"ลด"ลงครับ ไม่ใช่เพิ่ม(...บางรายที่ไม่ชอบ ก็จะว่า รายละเอียด บรรยากาศรายล้อม(ambient) หาย) มันจะลดการรบกวนของแบ็คกราวน์ และทำให้ตัวเสียงหลักชัดเจนขึ้น(ไ่ม่ใช่คมชัดขึ้น) ในบางชุด ถึงขนาดทำให้รู้สึกว่าทุ้มเพิ่มขึ้น ความเป็นตัวตนของอิมเมจ สัมผัสได้ง่ายขึ้น หากหันกระบอกผิดด้าน จะได้ผลไปเป็นตรงข้ามครับ คือฟังเผินๆเหมือนแหลมมากขึ้น และฟุ้งกระจาย จะกร้าวกระด้างขึ้นในช่วงความถี่สูง ตรงนี้แหละครับ ที่ผมว่า อาจเป็นส่วนหนึ่งให้มันหายไปจากตลาดเครื่องเสียง เพราะถ้าไปหันผิดด้าน ย่อมทำให้รู้สึกว่า ใช้แล้วเสียงแย่ลง แทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น

จุดหนึ่งที่เป็นจุดตายของกระบอกแบบพับประกบแบบนี้ คือ ทิศทางครับ

หากเป็นแบบตายตัวที่ใส่กับสายมาก่อนเข้าหัวสาย โรงงานไม่ได้เช็คทิศทางแน่นอน ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ถ้าเป็นของที่ไม่ต้องการรายละเอียดมาก เช่นสายไฟคอม สายสัญญาณภาพเข้ากล้อง ไม่มีผลลบชัดเจนนัก แต่หากเป็นเครื่องเสียงบ้าน ฟังไปสักพัก จะรับรู้ได้

ส่วนพวกที่เป็นกระบอกพับตามรูป เรากลับทิศทางฟังเปรียบเทียบได้่ก็จริง แต่มันมีเรื่องเส้นผมบังภูเขาอยู่ และฟังดูยุ่งยากเป็นสองเท่า คือ แท่งเฟอร์ไรท์ทั้งสองชิ้น มันทิศทางของมันเองครับ - -* ตรวจเช็คทิศทางได้โดยการฟังเปรียบเทียบสถานเดียวเท่านั้น โรงงานผลิด ไม่มีวันเช็คทิศทางของเฟอร์ไรท์ทุกชิ้นก่อนยัดลงกระเปาะพลาสติกโดยเด็ดขาด

ฟังอย่างไร ....ขั้นแรกก็กลับหัว ท้าย ของกระบอกแล้วฟังเสียงเทียบกันครับ หากสองด้านไม่ต่าง ให้คิดไว้ก่อนได้เลยว่า ในกระบอกอันนี้ สองชิ้นมันหัวกลับหัวท้ายกัน
ต้องแงะข้างหนึ่งออกมากลับด้าน แล้วฟังเปรียบเทียบการหันหัวท้ายใหม่ ถ้าแต่แรกฟังไม่ออกว่า หันกลับด้านแล้วเสียงต่าง คราวนี้น่าจะฟังออกได้ว่ามันมีทิศทางครับ
เราก็ทำสัญญลักษณ์ไว้ที่แท่งเฟอร์ไรท์ว่า หันด้านไหนเป็นหัว ทางไหนเป็นท้าย แล้วยัดลงกระเปาะพลาสติก สมมุติตัวอย่างเป็นTDKอย่างในรูป ก็จะหันทิศทางที่เป็นหัวไปทาง T

หากมีตัวกรองพวกนี้อยู่หลายตัว ก็ตัองเช็คทิศทางทุกตัว....= ="

นานมาแล้ว ผมเคยใช้เวลาสี่ชั่วโมงเต็ม เช็คทิศทางกระบอกJM 8 กระบอก เ่ล่นเอาหายอยากหายซ่าไปนานครับ เหนื่อยมาก ฟังทดสอบโดยใช้ที่สายไฟก่อนเข้าแอมป์อย่างเดียว ลุกๆนั่งๆฟังๆแงะๆอยู่ แล้วก็ต้องจับที่อิมเมจ ไม่ใช่น้ำเสียง(ถ้าฟังน้ำเสียงยังง่ายกว่า) ถ้าทิศทางถูกต้อง อิมเมจของเสียงต้องดีขึ้น แต่สี่ชั่วโมงต่อเนื่องนี่..แทบบ้าครััััััับ 5555
หรือที่จริง มันบ้าไปแล้วก็ไม่ทราบ ^ ^

ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่ครับ เคยถอดออกแล้วใส่กระบอกพับผิดด้าน ฟังไปสักพัก รู้สึกทะแม่งๆ ทีแรกไม่รู้ว่าใส่ผิด ไปไล่เช็คจุดอื่นอยู่นาน หายังไงก็ไม่เจอ เป็นชั่วโมง สุดท้าย ค่อยเจอว่า ข้าพเจ้าหันกระบอกผิดด้าน จะว่าฟังออกก็บอกตรงๆว่า ไม่เชิงครับ เรียกว่า รู้สึกได้มากกว่า

ที่จะบอกประเด็นสุดท้ายคือ ของพวกนี้ ผลความแตกต่าง ไม่ได้มากมายขนาดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือนะครับ อยากให้ไปอ่านกระทู้ของผม ซึ่งได้คำตอบจากคุณยุทธพงศ์ ลิ้ม ซึ่งเป็นแง่คิดที่ดีเกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมครับ http://www.yutaponglim.com/index.php?topic=430.0

ผมเห็นบ่อยๆกับจอยเกมครับ