ผมก็เริ่มเปิดโลกหูฟัง เนื่องจากหูแถม iphone ที่คิดว่าเสียงดีมากๆ พังครับ ไปฟัง Grado RS1 ที่ต่อระบบเรือนแสนแล้วเคลิ้มสุดๆ 

แต่ด้วยหน้าตาสุดอักลี่ เลยพยายามฟังหูฟังตัวอื่นๆ จนในที่สุด หูฟังที่เปิดโลกการเล่นหูฟังจริงๆ คือ..... Grado SR60 ครับ

ราคา 2 พันปลายๆ โทนเสียงบาลานซ์ เป็นเป็ดที่บินก็ได้ ว่ายน้ำก็เป็น แต่ไม่สุด คือเสียงมันดีในทุกมิติ ดีงามตามงบประมาณที่จ่ายไป

ก่อนจะมาเข้าเส้นทางมาม่า ด้วย AUDEZE LCD2 ซึ่งราคากระโดดไปสิบกว่าเท่า พร้อมอุปกรณ์เครื่องปรุงที่แพงระยับ

ไม่ว่าจะแอมป์ แดค สายไฟ สายหูฟัง สายสัญญาณ เต้ารับ ฟิวส์ โปรแกรมฟังเพลง บลาๆๆ  

มาต่อกันเลย

    หลังจากที่ได้ Alessandro MS1e มาฟังที่หอก็รู้สึกว่าจะมีสกิลพิเศษติดตัวมากับหูฟังตัวนี้ ขอตั้งชื่อว่า "หลุดเข้าไปในเพลง"ครับ คือปกติผมก็นั่งฟังเพลงดังๆตามประสาผมนั่นแหละ แต่วันหนึ่งผมก็เมื่อยเลยนอนบนเตียงฟังไป ตอนนั้นฟังอัลบัม Divide - Ed Sheeran ฟังไปได้ 2-3 เพลง นั่งสังเกตุรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ อยู่ๆก็รู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในเพลงครับ มันจะผ่อนคลาย เหมือนเข้าไปอยู่ในโลกของเพลงนั้นๆ เหมือนกับเข้าสู่ขั้นตอนการหลับขั้นแรก โดยเฉพาะเพลงช้าๆนี่ใช่เลยครับ มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก ยิ่งรู้สึกว่าคุ้มค่าจริงๆ แล้วผมก็ทำแบบนี้อยู่เป็นประจำแทบทุกคืนครับ ทุกครั้งที่ฟังจะมีความสุขมาก แม่เห็นแม่ยังเป็นห่วงเลยครับ นึกว่าไม่สบาย

    จนถึงวันหนึ่งผมเข้ามีโอกาสเข้ามาฝึกงานโปรแกรมเมอร์ในกรุงเทพ ผมก็เอา MS1e ห้อยคอขึ้นเครื่องบิน ตอนนั้นผมขึ้นครั้งแรก กังวลมากครับ มีเจ้า MS1e นี่แหละคอยกล่อมให้สงบ พอมาถึงก็ห้อยคอต่อยาวไปที่หอเลยครับ ตอนนั้นคิดว่ามันเท่ดี 555555 ละก็หิ้วไปทำงานด้วยครับ ทั้ง Grado และ Alessandro จะเป็นหูฟัง Open back จะมีเสียงลอดออกมาซึ่งข้อดีจะรู้สึกโล่งสบาย ดูธรรมชาติ แต่ข้อเสียคือเพื่่อนที่ทำงานล้อครับ "ฟังคุกกี้เสี่ยงทายมา 3 รอบแล้ว ไม่เบื่อบ้างหรอ" แหะๆ ผมก็อยู่ที่นั่นยาวๆจนมาทำงานครับ

    อยู่มาวันหนึ่ง Beats Pro ลดเหลือ 8000 ซึ่งตอนนั้น Apple ซื้อกิจการไปแล้ว เปลี่ยนเป็นเหลือแค่สีดำ ไอ้เราก็ตัดสินใจอยู่ซักพักแล้วก็กัดฟันซื้อ ตั้งใจว่าจะมาเป็นตัวจบ โดยที่สั่งมาทาง Online ครับ หลังจากวันนั้นที่ลอง Beats Pro ครั้งแรกก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว แอบคิดอยู่ว่าหูเราจะเปลี่ยนไปรึยังว้า กลายเป็นว่าหูฟังนั่นแหละครับที่เปลี่ยน ความบ้าคลั่งเบสหลวมๆในตอนนั้นมันหายไป มันกลายเป็นเบสที่สุขุมมีอิมแพคเก็บตัวดี หลังจากไปค้นเพิ่มเติมก็ได้รู้ว่า Apple เขาเปลี่ยนเสียงให้มันดีขึ้นครับ แต่กลายเป็นว่าผมชอบแบบเก่ามากกว่า ฟังเทียบกับ MS1e สำหรับผม MS1e ดีกว่าครับ ก็เลยขายทิ้งไปครับ หมดกัน Beats Pro ที่ใฝ่ฝันมานาน... ก็เลยได้บทเรียนว่าของแพงกว่า ใช่ว่าจะดีกว่า

Beats Pro ( Apple )

    หลังจากนั้นก็มีโอกาสได้ไปร้านมั่นคงครั้งแรกครับ ดีใจมาก ดูรีวิวจากร้านนี้ประจำครับ ตอนนั้นไปสาขาสยาม ตอนนั้น AKG K701 ย้ายมาผลิตที่จีนครับ เหลือ 7000 กว่า ไอ้เราก็แบบ เอาอีกแล้วว หาเรื่องเสียตังอีกแล้วววว ก็เลยไปขอลองครับตอนนั้นจำไม่ได้ว่าต่อแอมป์ตัวไหน แต่ปรากฎว่าผมเฉยๆเลยครับ อาจจะเพราะชินกับ MS1e แล้ว หูเลยอัพเกรดไปอีกขั้น 555555 ถึงตอนนั้นนั้นเคว้งมากเลยครับ หูฟังในฝันทั้ง 2 ตัว....

    หลังจากที่เคว้งอยู่ซักพักก็เหลือบไปเห็น MS Pro e ก้านสีดำตั้งอยู่บนแท่นสูงตระหง่า ไอ้เราด้วยงบ 7000-8000 ก็กล้าๆกลัวๆที่จะขอลองครับ แต่สุดท้ายก็ขอพนักงานลองฟัง ปรากฏว่ามันพังอยู่ครับ... แต่ก็อาจจะดีแล้วครับที่เป็นแบบนี้ในตอนนั้น 55555

MS Pro e

    ผ่านไปซักพักหลังจากที่หูผ่าน Beats Pro มาก็รู้สึกว่าอยากจะเพิ่มเบสให้ MS1e ซักหน่อย เลยเข้าไปร้านมั่นคงสาขาปิ่นเกล้า(สาขานี้คนไม่เยอะมาก บริการดี เป็นกันเองมากๆครับ) เขาก็แนะนำแอมป์หูฟังราคาน่าคบมาให้

Fiio A1

    ราคาไม่ถึงพัน พอต่อเข้ากับมือถือ Huawei คือเกินคาดครับ เสียงมาเต็มมาก รู้สึกว่าที่ผ่านมาทนฟังไปได้ไงเนี่ย 55555 พอไม่ใช้ละเหมือนมันขาดเรี่ยวแรง ละมีปุ่ม Bass Boost เพิ่มเบสไปอีก คุ้มเว่อร์ เราก็ถามพนักงานไปว่ามีตัวสูงกว่านี้ไหม เขาบอกมี A5 ราคา 5000 อื้อหือออออ แอมป์แพงกว่าหูฟังละเนี่ยยย ตอนนั้นทำใจไม่ได้ ขอกลับไปตั้งหลักครับ หลักจากศึกษาซักพักเลยได้ไปซื้อตัวนี้มาแทน Fiio Q1 Mark II

Fiio Q1 Mark II

    ตัวนี้คืออัพเกรดมือถือให้เสียงสู้คอมได้เลยครับเป็นทั้ง Dac และ Amp ในตัวเดียวคุ้มสุดๆ ได้มวลหนาขึ้นเบสมาเยอะขึ้นและมีปุ่ม Bass Boost มาอีกเช่นเคย ตอนนั้นคือแฮปปี้เปิด Bass Boost ทั้งวันทั้งคืนครับ แต่พอใช้มาซักพักก็รู้สึกว่าเสียงร้องมันหนาขึ้นและเริ่มเลี่ยนเบสแล้วครับ 555555 เรื่องมากน้อ จึงได้ตระหนักว่าตัวนี้เหมาะกับอัพเกรดมือถือซะมากกว่า เทียบต่อตรงกับคอมยังไม่ได้ต่างขนาดนั้นและอีกข้อคือเบสนำไม่ได้ดีเสมอไปครับ 555555 จึงได้ขายทิ้งแล้วกลับไปปรึกษามั่นคงปิ่นเกล้าอีกครั้ง พี่เขาเลยจัดของหนักมาให้ลองครับ

Chord Mojo

    ต้องบอกว่าเอามาต่อกับ MS1e เกิดปรากฎการณ์รอบที่ 2 ครับคือ ขนลุก...ตั้งแต่เพลงแรกเลยครับ รู้สึกเวทีเสียงกว้างขึ้น เสียงคมขึ้น นักร้องไปได้สุดจริงๆ เบสนี่มีเอกลักษณ์มากๆครับ ถือได้ว่าสมจริงมากๆ แล้วตามมาด้วยปรากฎการณ์รอบ 3 ที่น่าขนลุกที่สุดคือราคาครับ 24000 OMGGG! ต่อให้ไปลอง Fiio Q5 ที่ถูกกว่าครึ่งนึงก็ไม่ชอบครับ ซวยจริงๆ 555555

    ด้วยราคาขนาดนี้ผมจึงขอกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง ทบทวนครับว่าจะคุ้มไหมเนี่ย หูฟัง 4000 แดคแอมป์ 24000 วันถัดมาจึงได้ตัดสินใจไปมั่นคงปิ้นเกล้าอีกครั้ง(มาอีกแล้ว 55555) ครั้งนี้ผมขอลอง MS2e ครับ

Alessandro MS2e

    หน้าตาเหมือน MS2i ที่เคยฟังไปเมื่อตอนนั้น ครั้งนี้มาขอแก้ตัว ปรากฎว่า... เสียงไม่เหมือน MS1e ซะทีเดียว เวทีเสียงกว้างขึ้นฟังสนุกมากขึ้น แต่ชอบครับ 555555 ถ้าเทียบกับ Beats Pro 8000 บาทที่เคยจ่ายไปนั้น MS2e 10700 บาทผมยอมจ่ายครับ (เริ่มอัพงบโดยไม่รู้ตัว) แต่ก็กลับมาปรึกษาแฟนก่อนครับเงินไม่ใช่น้อยๆและขณะที่เลื่อนเว็บมั่นคงเล่นตาก็ซนไปเห็นหูฟัง Grado Limited กำลังจะเข้ามาใหม่ 2 ตัวพร้อมกันทำจากไม้ด้วย...

ต้องขอบคุณหลายๆคอมเม้นต์ที่ให้ความสนใจนะครับ นึกว่าจะไม่ค่อยมีคนอ่านเพราะมันยาว

มาต่อกันเลยครับ หลังจากนี้จะเริ่มเคร่งเครียดเข้าโหมดวิเคราะห์เสียงครับ

จากที่ทิ้งท้ายไว้ หลายๆคนคงเดาถูกครับว่า Grado Limited นั้นคือตัวไหน หลังจากที่จะซื้อ ms2e มาก็ได้ไปเห็น 2 พี่น้อง Grado GH3 และ GH4 ครับ

Grado GH4 & GH3

    ต้องบอกก่อนครับว่าความใฝ่ฝันหนึ่งที่อยากทำให้เป็นจริงคือการได้หูฟังไม้แท้ของแบรน Grado & Alessandro มาครอบครองครับ แต่เก็บไว้ในใจลึกๆครับ เพราะอะไร ถูกสุดก็ PS500e ทำจากไม้+โลหะ อันนั้นก็ปาไป 23000 แล้วมั้งครับ 55555 แต่นี่เป็นครั้งแรกครับที่ Grado ทำหูฟังไม้ที่มีราคาจับต้องได้มา คือ Grado GH3 ราคา 13200 บาท (อัพงบไม่รู้ตัว v2) เอาน่า เพิ่มงบอีกนิดได้ไม้เลยนะ ก็เลยไปศึกษาเพิ่มเติมจากรีวิวต่างประเทศ เขาว่ากันว่าเป็นพี่น้องที่ให้เสียงของ Grado แต่มีความนุ่มนวลเพิ่มมากขึ้น ได้ยินแบบนี้สาย Alessandro แบบผมสนใจเข้าไปใหญ่เลยครับ อีกอย่างคือมันมี Deep bass ครับ รู้งี้รออะไรล่ะครับเสี่ยงดวงสั่ง Pre-order ไปเลยครับ เงิบเก็บ 3 เดือน (หวังเอามาเป็นตัวจบ v2 ... แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรอ ? 5555) ตอนนั้นมีกิจกรรมรีวิวแจก 500 พ้อย ผมก็ได้ทำรีวิวตัวนี้ไว้จากการแปลบทความต่างประเทศ แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าต้องแต่งเนื้อหามาเอง ตอนนั้นเฮียอนุโลมให้ต้องขอบคุณมากๆ เอามาเป็นส่วนลด 500

    หลังจากนั้นไม่นานก็มีคนโทรมาบอกว่าหูฟังมาแล้วนะครับ หลังเลิกงานผมก็รีบแว้นไปมั่นคงปิ่นเกล้า ตอนนั้นพนักงานก็ตื่นเต้นครับไม่เคยฟัง 55555 ผมก็ฟังตรงนั้นเลยครับ ฟังไม่กี่เพลง เสียงคล้ายๆ MS1e ครับ แต่เสียงร้องจะจัดจ้านกว่า เบสกระแทกกว่าเก็บตัวเร็ว เสียงเล็กๆน้อยๆแหลมสะใจขึ้น หลังจากฟังเสร็จผมก็ให้พี่พนักงานฟังด้วยครับ เขาดูสนใจ หลังจากเขาฟังก็บอกว่าเสียงดีตั้งแต่แกะกล่องเลย

    ผมก็เอากลับมาครับ แล้วก็ยก MS1e ให้แฟนไปฟังที่ชลรอบที่ 2 ครับ ครั้งนี้มั่นใจว่าต้องดีกว่า MS1e แน่นอนครับ เสียงมันจะเที่ยงแบบเนี้ยบมากครับ แสดงออกมาเป๊ะๆ และด้วยความเป็นไม้ทำให้เสียงมันกังวาลขึ้นจากการสั่นของไม้ครับ แต่หลังจากใช้มาได้ซักพักก็รู้สึกอยากจะ"หลุดเข้าไปในเพลง"ซะหน่อยครับ ปรากฎว่าไม่หลุดครับ ทั้งอัลบัมก็ไม่หลุดครับ ล้าแทน อันนี้คือหัวใจสำคัญของความต่างระหว่าง Alessandro กับ Grado ครับ เปิดดังๆนี่นักร้องเด่นมาเลย เสียงนักร้องนี่แบบเกรี้ยวกราด ทุกอย่างเหมือนบังคับให้โฟกัสครับ ก็เลยรีบบอกแฟนเอา MS1e มาให้หน่อย (v2) จะเอามาเปรียบเทียบ แฟนบอกมาไม่ได้ ก็เลยส่งไปรษณีย์มาครับ 555555 หลังจากได้มาลอง MS1e อีกครั้งก็โล่งใจครับ "หลุดเข้าไปในเพลง" ได้อีกครั้ง...

    หลังจากนั้นก็เลยหาเหตุผลว่าทำไมต้องมีไว้ 2 ตัว ก็ได้ข้อสรุปว่า GH3 ฟังเพลงร็อคได้ดีโคตรๆครับ กลับไปฟัง MS1e ร็อคนี่จืดไปเลย แต่ก็สังเกตเห็นความต่างด้านเวทีเสียงครับ GH3 มันกังวาลเพราะไม้ก็จริง แต่ด้วย Housing (บอดี้ของมัน) สั้นป้อมเลยทำให้ความกังวาลของท่อกลมๆมันไม่มีครับ ในขณะที่ MS1e ให้ความกังวาลในด้านนี้ได้ดีกว่า จึงคิดว่าต่อไปนึ้คงงกไม่ได้แล้วครับ ต้องเป็นตัวใหญ่ๆเท่านั้น ณ เวลานั้นผมเลยตั้งเป้าหมายใหม่ไว้ที่ Alessandro MS Pro e มือสองครับ

Grado GH3

    ระหว่างที่ยังขายไม่ออกก็ได้ไปเห็น Chord Mojo มือสองราคาน่าคบครับ ตัดสินใจ 5 นาทีแล้วรีบจองเลยครับ ได้คิวแรก ก็ไปลองกันแถวๆร้านมั่นคงสาขาสยาม ตอนแรกหยิบ GH3 มา คนขายบอกว่า "อ้าว ไม่นึกว่าจะมีตัวนี้ จะได้หยิบ GH4 มาให้ลองฟังด้วย" โถ่ ฟังไปตอนแรกก็เสียงดีแต่เฉยๆครับ พอหยิบ MS1e มาเท่านั้นแหละ ฟังไป 2-3 เพลงเริ่มหุบยิ้มไม่ค่อยอยู่ครับ แต่ผมห่วงเรื่องประกันนิดนึง เลยหลอกถามพนักงานร้านมั่นคงว่าถ้าเป็นของหิ้วแล้วมันพัง เอามาซ่อมได้ไหม คำตอบคือ"ไม่ได้ครับ" 55555 โหดจริงๆ แต่ผมก็ซื้ออยู่ดีครับ งบจำกัด (หลังๆมีโปรมือหนึ่ง 13900 บาท ผมก็ขายมือสองมาซื้อมือหนึ่งร้านเฮียนะครับเพราะอยากได้ประกัน)

    หลังจากได้ Chord Mojo ในฝันมาครอบครอง หึหึ... เกมพลิกครับ กลายเป็นว่าติด GH3 แทน เพราะมันแสดงพลังของ Mojo มาได้มากกว่า เสียงมันเป๊ะแล้วมันเป๊ะกว่าเดิม ที่สำคัญครับ เสียงกลองของมันผมยกให้เป็นหูฟังที่ให้เสียงกลองได้สมจริงที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังมา(ยังไม่นับ GH4) เสียงกีต้าร์คลาสสิคนี่เด่นแหลมสะใจสุดๆ จากที่ไม่ได้ฟังเพลง Rock กลายเป็นว่าโหลดเพลง Rock มาเต็มเครื่องเลยครับ (ไฟล์ต้องละเอียดหน่อยนะครับ 24bit 32bit DSD ใครไม่รู้จักลองศึกษาเพิ่มนะครับ) หลังจากนั้นไม่ได้แตะ MS1e เป็นเดือนเลยครับ

    หลังจากนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนงานครับเงินเดือนเยอะขึ้น ไม่นานก็มีคนทักมาติดต่อซื้อ Grado GH3 ครับ ตอนนั้นคือไม่อยากขายแล้วครับเพราะติดเสียงกลองกับกีต้าร์ที่เป็นธรรมชาติสุดๆไปแล้ว แต่ก็คิดว่าถึงเวลาที่จะได้อัพเกรดแล้วสินะ...

กลับมาต่อกันนะครับก่อนจะลืมซะก่อน 55555

    หลังจากที่ขาย Grado GH3 ไป ผมก็ตั้งเป้าไว้ว่าครั้งนี้จะไม่งกอีกต่อไป อยากจบต้องไปให้สุด มีหูฟังที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด 3-4 ปี ตั้งแต่เห็นมันตั้งตระหง่าอยู่บนชั้นในมั่นคงสาขาสยามแต่ไม่เคยแม้แต่ได้ลองฟัง มันก็คือ Alessandro MS Pro e ที่ผมมองหามาตลอดและเป็นคำตอบใจในผมเสมอมา

    ถึงจะสุดแต่ก็ต้องหามือ 2 นะเออ มือหนึ่งไม่ไหวนา 555555 ผมก็ได้ตั้งกระทู้ตามหา Alessandro MS Pro e เป็นเวลา 3 อาทิตย์โดยมีแต่คอมเมนต์คุณ somchile มาช่วยดัน(ขอบคุณมากจริงๆ) ผมจึงได้ตัดสินใจจะซื้อมือหนึ่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ปรากฎว่าไม่มีในสต็อกมั่นคงมาอีกทีเมื่อไหร่ไม่รู้ อื้อหืออ... ผมก็ไม่ย่อท้อดันกระทู้ต่อไปทุกๆวัน วันละ 1-2 รอบ ฟัง MS1e ไปทุกวัน อยู่ๆก็รู้สึกว่าเสียงกลองและเสียงกีต้าร์สุดเพอร์เฟคมันหายไปพร้อมกับ GH3 ที่ขายไป ก็เลยนำมาสู่การซื้อหูฟังรุ่นเดียวที่สามารถไปได้ครับนั่นคือ Grado GH4

Grado GH4

    ตอนนั้นใจก็ไปที่ GH4 แล้วครับ (เสียงกลองนี้เท่านั้นที่จะให้มันหายไปไม่ได้) จากการหาข้อมูล GH4 นั้นแก้จุดอ่อน GH3 ได้เหมาะเหม็งเลยครับคือ เพิ่มเบส เพิ่ม soundstage แต่แล้วก็เกิดช้อยให้ต้องคิดหนักครับ นั่นคือราชาเพลงร็อคที่มีราคาไม่ห่างกันมากนั่นเองครับ Grado RS1e

Grado RS1e

    ขณะที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้น ก็นึกขึ้นได้ว่าคนที่เคยขาย Mojo ให้ เขามี GH4 ก็เลยคุยเล่นๆครับว่าขอเข้าไปฟังได้ไหม (ให้นามสมมติว่า A ละกัน) เขาก็ยินดีให้ฟังฟรีครับ(รับป้ายยาฟรี 55555) ต้องขอบคุณจริงๆครับ แต่พอถึงวันนัดเขาไม่ว่าง ผมก็เลยตัดสินใจไปร้านมั่นคงสาขาที่ผมคิดว่าต้องมีของที่ผมตามหาแน่นอนและเป็นสาขาที่คิดว่าท๊อปแล้วของมั่นคงนั่นก็คือ... สาขาเรือธงในห้างอัมรินทร์พลาซ่านั่นเองงง (คำเตือน ไม่อยากเสียตังอย่าไปสาขานี้ 555555) 

    ไปถึงก็ไม่รีรอ "ขอฟัง RS1e หน่อยครับ" ต่อโมโจมือหนึ่งที่เพิ่งซื้อใหม่แล้วก็นั่งฟังไป 3 ชั่วโมง สิ่งหนึ่งได้คือเซตนี้ไม่มี Deep bass ครับ แต่นั้นยังไม่พอ เบสบางอีกตางหากเมื่อเทียบกับ MS1e และ GH3 เสียงมันดีจริงๆครับมิติอะไรนี่แปลกตาไปหมด แต่เบสไม่มีมันฟังไม่สนุกครับขอตัดช้อยไปดื้อๆ 55555 ผมก็เลยเล่าให้ A ฟัง เขาไฟดับพอดีเลยมีโอกาสได้เอาหูฟังมาให้ลองฟังใกล้ๆนี่เอง(บังเอิญมาก) บังเอิญอีกคือเขามีทั้ง RS1e และ GH4 พอผมไปถึงก็จิ้ม GH4 เข้ากับ Mojo และก็นั่นแหละฮะ... โล่งอกไปที เสียงกลองนี้มันกลับมาแล้ว นี่มันคือ GH3 เวอร์ชั่นอัพเกรดเบสหนาขึ้น สเตทกว้างขวาง มันเพอร์เฟคมาก สำหรับ RS1e มันเสียงดีกว่าแน่ๆ มิติดีกว่า สเตทกว้างกว่า แต่เมื่อคุณต้องเลือกระหว่างหูฟังเสียงดีกับหูฟังที่คุณฟังแล้วชอบ คุณจะเลือกอะไร...

    ยังไงผมก็เลือกหูฟังที่ผมฟังแล้วมีความสุขครับ กลับไปมั่นคงเรือธงแล้วจัด GH4 มือหนึ่งวันนั้นเลยครับ ราคา 22000 ด้วยความที่จ่ายไปเยอะพอควรเลยรู้สึกว่าอยากจะลองฟังตัวอื่นบ้างจะได้คุ้มๆ วันนี้ถ้าเปรียบในเกมส์จะเหมือนวันก่อนเจอบอสใหญ่ครับ เป็นวันที่พระเอกนั้นฟูลที่สุดแล้วครับเหมือนเปิดโลกใหม่ของผมไปเลยเพราะมันมีแต่หูฟังหลัก 30000-100000 เต็มไปหมดเลยครับ วันนั้นคืออยู่ตั้งแต่ 10 โมงเช้ายัน 5 โมงเย็นครับ ที่ลองไปจะมี Grado RS1e, Grado GS2000e , Grado PS1000e, Grado PS2000e, Grado PS500e, Campfire Solaris, Campfire Andromeda, Sennheiser 820, IBasso SR1, HiFiMan Ananda, Sony wh1000 mx3, AKG k702, Yuin PK1

    ต้องขอบคุณหูตัวเองที่ไม่ไปถูกใจ Grado ตัวท๊อปๆครับ เสียงร้องแหลมจี๊ดเลยครับไม่ไหว หมายความว่าผมคงจบจริงๆแล้วแหละครับแหะๆ แต่ตัวที่ผมถูกใจก็จะมี Grado PS500e, Campfire Solaris, IBasso SR1, HiFiMan Ananda, Yuin PK1 จากหูฟัง 5 ตัวนี้ก็ทำให้รู้ครับว่าผมชอบแนว Flat เติมเบสนิดๆครับ

Grado PS500e

    PS500e ถือว่าเสียงใกล้เคียง GH4 ครับ แต่ PS500e เบสจะมีอิมแพคกว่า

Campfire Solaris

    Solaris ผมยกให้เป็น IEM ในฝันผมเลยครับเสียงมาเต็มกว้างๆเบสสนุก เสียงคล้ายๆ MS1e ครับเพราะโทน Flat เหมือนกัน

IBasso SR1 

    อันนี้เสียงคล้าย Beats Pro ครับเน้นเบส ส่วนตัวผมชอบ SR1 มากกว่า มันดูจริงจังด้านเสียงมากกว่าหน้าตา แต่เสียงกลางยังสู้ Grado ไม่ได้ครับและ SR1 สำหรับผมเบสเยอะไปนิด

HiFiMan Ananda

    อันนี้ไม่ได้ใช้ Driver แบบทั่วไปครับ ถ้าจำไม่ผิดจะใช้แท่งหลายๆแท่งเป็นเส้นในการกำเนิดเสียงส่งผลให้เสียงที่ได้คือมีตำแหน่งกลองที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ ตำแหน่งมันชัดเจนมากตามแหล่งกำเนิดเสียงที่มีหลายตำแหน่งของมัน เล่นเกมส์น่าจะออกขี้โกงเลยครับ 55555 เสียงผมว่าแนว GH4 เลย

Yuin PK1

    อันนี้ประทับใจน้อยสุด ด้วยราคา 5000 ด้วย แต่เสียงถือว่าทำได้ดีมากๆครับ คนที่ชอบ MS1e น่าจะชอบ

ที่อยากแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนชอบฟัง MS1e คือตัวนี้ครับ 

AudioTechnica M50x

    เสียงจะออก Flat รายละเอียดดี มีเบส ฟังสนุกครับ

    หลังจากลองหูฟังจนเต็มอิ่ม รู้แนวเสียงตัวเองแล้วก็กลับไปฟัง GH4 ที่ห้องยันตี 1 แฮปปี้มากครับ ได้หูฟังที่ชอบและได้ลองหูฟังที่อยากลองมานานแล้ว และได้รู้ว่าจบสาย Grado แล้วครับ แต่แล้วชะตาก็เล่นตลกครับ ผ่านมาแค่ 2 วันเท่านั้น... หลังจากซื้อ GH4

    Alessandro MS Pro e มีสินค้าเข้ามาที่สาขาเรือธง มีแค่ 6 ตัวเท่านั้นและที่สำคัญมากคือก้านน้ำตาล ไดรเวอร์แดงที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด...

Alessandro MS Pro e

ปล. ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วครับ

เพิ่มเติมนะครับ

1. GH4 สเตทกว้างทำให้นักร้องอยู่ห่างตัวมากกว่า GH3

2. ด้วยความที่ความถี่ต่ำมันลงได้ลึกกว่า GH3

3. ด้วยไม้รุ่นลิมิเต็ดอย่าง Norwegian ที่ให้เสียงนุ่มนวลกว่ารุ่นอื่นๆ

ทั้ง 3 ข้อนี้ส่งผลให้คนที่ชอบฟัง Alessandro สามารถเข้ามาฟัง Grado ได้ครับ คือมันมีความใกล้เคียงกันพอสมควร จะต่างก็ตรงที่ GH4 กลางแหลมจัดกว่านิดหน่อย เบสกระแทกเก็บตัวเร็วกว่า นักร้องเสียงชวนโฟกัสมากกว่าเหมือนดูดเราให้เข้าไปโฟกัสตลอด

อาจเพราะโมโจผมยังไม่ได้เบิร์นด้วยครับ รู้สึกว่าโมโจที่ร้านเบสเยอะกว่าด้วยและอีกอย่างตอนนั้นผมใช้สาย Fiio ราคา 500 ครับ หลังๆผมไปโดนสายสีม่วง 

ADL OTG-MM-0.1M (Micro B micro B)

ราคา 2500 บาท เทียบกับสาย Fiio คือ ADL เสียงร้องพริ้วใสกว่า เบสมีอิมแพคมากกว่า ไดนามิคดีกว่า

เพิ่มเติมคือ A (นามสมมติคนเดิม) ได้บอกผมว่า เขาใช้ AK240ss แล้ว RS1e มี Deep bass ครับ

แต่โดยรวมแล้ว GH4 Low bass มาเยอะกว่า RS1e เห็นได้ชัดเลยครับ ฟังเพลงได้กว้างขวางกว่า

5. Grado GS1000e ปกติ 40,000 เหลือ 34,900 บาท

6. Grado GS3000e ปกติ 72,800 เหลือ 65,000 บาท

7. Grado PS1000e ปกติ 67,800 เหลือ 57,800 บาท

8. Grado PS2000e ปกติ 109,000 เหลือ 98,000 บาท

โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ - 17 ต.ค. นี้จ้าๆๆ

https://www.munkonggadget.com/ContentHome/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%87-Audiophile-Day-%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%86%E0%B9%86_9513.html

มาทำให้มันจบๆกันดีกว่าครับ 55555

    หลังจากที่เพจมั่นคงในเฟสบุ๊คโพสว่ามี Alessandro MS Pro e เข้า ผมก็ตกใจแล้วก็รีบบอกแฟนครับ มันมาแล้ว!! 555555 ต้องบอกก่อนว่าที่ผ่านมาจะซื้อหูฟังหรือแอมป์จะต้องโน้มน้าวอย่างน้อยตัวละ 3 วันครับ แต่ครั้งนี้ไม่ครับ แฟนบอก "ซื้อเลย จะได้เลิกพูดถึงมันซะที!" 555555 คาดไม่ถึงครับ ก็ผมพูดถึงมันมาหลายปีแล้วแทบทุกวัน ก็เลยรีบถามมั่นคงว่าก้านกับไดร์เวอร์สีอะไร คิดในใจไว้ว่าถ้าก้านน้ำตาลไดร์เวอร์แดงจะซื้อทันที ไม่สน GH4 ในมือแล้ว 555555 แอดมินเพจก็วุ่นเลยครับ น่าจะไปถามหลายคนเลย ตอนนั้นเกือบเที่ยงคืนยังไม่ได้คำตอบชัวร์ๆ แต่ผมกดซื้อออนไลน์ไปเรียบร้อยแล้วครับมือมันไปเอง (ตีมือ1ที) แต่ตัดบัตรไม่ได้ครับคงเพราะราคามันเกิน 20000 ถึงตอนนั้นคือไม่สนเรื่องเสียงแล้วครับ มันเป็นความใฝ่ฝันที่ได้มาครอบครองก็มีความสุขแล้ว พอรุ่งเช้าแอดมินก็ทักมาบอก สีตรงกับที่เราอยากได้เป๊ะๆ พักเที่ยงก็ไปแล้วครับ ข้าวปลาไม่กิน ขึ้น BTS ไปมั่นคงเรือธง "มี Alessandro ms pro e ให้ฟังไหมครับ" พี่พนักงานก็ตอบกลับมาว่า "อ้าว! น้องที่วันนั้นซื้อ GH4 ยังไม่พ้นเบิร์นหนิ" จำได้ด้วยแฮะ 55555 "เดี๋ยวผมซื้อไปเบิร์นพร้อม GH4 ครับ 55555" พี่เขาก็แกะกล่องใหม่มาให้ฟังแว๊ปแรกคือมันสวยมากกกก แล้วก็ควัก Mojo มาต่อ เปิดเพลง I miss you - Clean Bandit ต้องบอกว่าฟังไป 10 วินี่คือ MS1e ชัดๆ แล้วผมก็เปลี่ยนไปฟังเพลง Nowhere - Clean Bandit ซึ่งเป็นเพลงที่ผมใช้เทส Deep bass ปรากฎว่าแทบไม่ต่างจาก RS1e ฟังไป 5 วิเท่านั้น รวมแล้ว 15 วิ "พี่ครับ เอาอันนี้!" (อย่าทำตามนะครับ ไม่ดี 555555) ในใจคือเสียงเหมือน MS1e ก็พอแล้ว แล้วผมมั่นใจว่ามันต้องทำได้ดีกว่าแน่ๆในทุกย่าน ค่าเสียหาย 24000 จาก 26000 (ได้ส่วนลด) ได้มาปุ๊บเอากลับไปที่ห้องครับ Mojo มี 2 ช่อง เบิร์นพร้อมกับ GH4 ไปเลยแล้วกลับไปทำงาน พี่ที่ทำงานก็อยากเห็นกันใหญ่ว่าไอ่หูฟัง 26000 นี่มันหน้าตาเป็นยังไงแล้วถึงกับต้องไปซื้อตั้งแต่พักเที่ยงกลับมาเลทอีกตางหาก แต่ไม่ได้จ้า หวง 55555

    พอกลับมาก็มานั่งฟังด้วยความตื่นเต้น ต้องบอกว่ามันคือ RS1e ที่มีวิญญาณ MS1e สิงสถิตอยู่ ถ้าฟังเผินๆคาแรกเตอร์มันคือ MS1e นี่แหละ แต่ถ้าสังเกตเพิ่มจะเห็นว่าย่านกลางแหลม MS Pro e ทำได้ดีกว่าถือว่าใกล้เคียง Grado มาอีก เบสบางลง(เยอะ)และกระชับขึ้น เสียงเที่ยงตรงมากขึ้น เวทีเสียงด้านข้างกว้างขึ้นเยอะพอสมควร มีความอุ่นในเสียงของ Housing ไม้และที่สำคัญที่สุดหูฟังตัวนี้มีสกิลติดตัวมาด้วยนะเออ มันคือ "ความ Surround" เหมือนฟังเพลงอยู่ในท่ออะ 5555555 ไม่ก็เหมือนกับลืมปิดเอฟเฟค Surround นี่รึเปล่าที่เขาเรียกว่า 3 มิติ อาจเพราะHousingของมันยาวเสียงก็เลยก้องกังวาลเหมือนกับ RS1e อีกอย่างคือไม่แน่ใจว่า Driver ขนาด 50mm รึเปล่า ซึ่่งจะใหญ่กว่า MS1e และ GH4 มันจะมีบางเพลงที่การสั่นมันทำให้เกิดคลื่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนและเวทีเสียงด้านลึกก็เพิ่มด้วยนะเออ

    สำหรับผมแล้วผมขอเปรียบหูฟังเป็นปริญญาละกัน 
MS1e คือปริญญาตรี เรียนกว้างๆ คลอบคลุมได้ทุกเรื่อง แต่ไม่ได้ลงเนื้อหาลึก
GH4 คือปริญญาโท เนื้อหาอื่นๆก็ยังถือว่าครอบคลุมพอประมาณ แต่จะเรียนเฉพาะเจาะจงขึ้นเรื่องร็อค
MS Pro e คือปริญญาเอก เนื้อหาเฉพาะเจาะจงมากๆเน้นร้องเป็นหลักและเรียนลึกสุดๆ ไม่ครอบคลุมทุกเรื่อง

    ถ้าถามผมว่าผมชอบหูฟังตัวไหนมากที่สุดต้องขอตอบว่า MS1e ครับ 555555 มันไม่ได้เป็นหูฟังที่แสดงเสียงออกมาได้เที่ยงตรงขนาดรุ่นพี่ของมัน ไม่ได้เวทีกว้างขวาง เหตุผลมีข้อเดียวครับคือ มันเป็นหูฟังที่ผมฟังแล้วมีความสุขที่สุด ไม่ต้องคิดมากเรื่องไฟล์ เรื่องเสียง เรื่องแอมป์ เวทีเสียงไม่กว้างมันก็เป็นเสน่ย์ที่ทำให้ได้ยินเครื่องดนตรี เสียงเล็กๆน้อยๆและบรรยากาศรายล้อมชัดเจน เบสกำลังดีที่พาเราฟังไปได้ทุกๆแนว และสุดท้ายไม่เข้าใจเหมือนกันครับมันเป็นหูฟังตัวเดียวที่ทำผม "หลุดเข้าไปในเพลง" ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่ยก MS1e ให้แฟนรอบที่ 3 หลังจากได้ MS Pro e ไป

    สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ ขอบคุณพี่เหน่งบามากๆครับที่ได้แนะนำ MS Pro e และ Mojo ให้ผมเมื่อประมาณ 1 ปีก่อน ผมแฮปปี้มากกับหูฟังทุกตัวที่มีในตอนนี้ครับฟังสลับๆกัน ขอจบซีรีย์ Alessandro ไว้เท่านี้ จะมีซีรีย์ GS ต่อมั้ยน้า 555555.... ให้เป็นเรื่องของอนาคตครับ

ปล. ปิดท้ายด้วยรูปลูกๆที่ผมถ่ายเอง

อันนี้จริงที่สุดครับ

ตอนซื้อ GH4 มาใหม่ๆผมก็ได้สั่งฟองน้ำ G-cush จากจีนมาด้วย ถูกกว่าพอสมควร กะจะเอามาใส่ GH4 นี่แหละ

1. GH4 + G-cush ข้อดีคือเวทีเสียงกว้างขึ้น กว้างกว่า MS Pro e นักร้องอยู่ไกลขึ้นทำให้ฟังง่ายขึ้น เบสหนาขึ้น สิ่งที่ต้องแลกก็คือ กลางแหลมลดลงไปมาก เสียงรายละเอียดเล็กน้อยได้ยินยากขึ้น เบสกระแทกลดลง ความเป็น3มิติลดลงมาหน่อย (โดยรวมจะไปเข้าใกล้แนวเสียง MS1e แต่เวทีเสียงกว้างกว่า) สำหรับผมถ้าฟังร็อคจะใส่ฟองน้ำเดิม แต่ถ้าฟัง Pop จะใส่ G-cush เพราะทำให้หูไม่ล้าและเบสมากขึ้น

2. MS Pro e + G-cush ข้อดีคือเวทีเสียงกว้างขึ้น(นิดหน่อย) เบสจากที่น้อยมากกลายเป็นหนาขึ้นมาพอดีๆแต่ยังไม่เท่า MS1e สิ่งที่ต้องแลกคือ มิติที่ตัวนี้ทำได้ดีมากๆกลับหายไปแทบไม่เหลือคิดว่าเพราะโฟกัสไม่ตรง เสียงรายละเอียดเล็กน้อยได้ยินยากขึ้น โดยรวมดูจืดชืดขึ้น ต้องบอกว่าเซ็ตนี้ไม่คุ้มที่จะแลก จะเสียของเอา