Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

บทวิเคราะห์ : การตลาดออนไลน์ยุคใหม่ (2019) โดยเฮียมั่นคง

smith009

28/12/2018 17:06:22
15



บทวิเคราะห์ : การตลาดออนไลน์ยุคใหม่ (2019) โดยเฮียมั่นคง

ดูรูปภาพประกอบที่ผมดึงจาก คคห 142 มาให้ดูกัน เป็นแผนภูมิที่ดูง่ายๆเข้าใจทันทีว่าเนื้อหาสาระที่เราคุยกันส่วนใหญ่ของกระทู้นี้จะมีอะไรบ้างนะครับ^^
-----------------------------------


เริ่มต้นกระทู้นี้อ่านจากตรงนี้นะครับ เป็นการตั้งกระทู้ถามของคุณ smith009
เนื้หาคือมีผู้ผลิตจากจีนนำสินค้าจากในจีนโพสขายตรงที่ Marketplace ในไทยในราคาที่ถูกกว่ามาก แล้วก็มีความเห็นจากผมเขียนลงไปอีกยาวเหยียดครับ
↓ ↓ ↓ ↓ ↓ ↓ ↓ ↓ ↓ ↓ ↓

ผมเห็นราคาหูฟังใน....แล้วอ้าปากค้างเลย เช่น RE-400 950 บาท, Megamini 3,237 บาท, Supermini (คาดว่าไม่แถมหูฟัง) 6,507 บาท, HE-400i 4,772 บาท
ไม่รู้ว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นหรือเปล่า แต่อ่านดูไม่เห็นบอกไว้
ลองกดสั่งซื้อดู มีค่าขนส่ง 450 บาท/คำสั่งซื้อ
เฮียจะว่าไง ผู้ผลิตมาตั้งร้านขายแข่งด้วย
ต่อไปผู้ผลิตจากจีนรายอื่นคงจะตามมา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 1

ผมว่านะ

28/12/2018 18:43:14
ถ้ามี Susvara กับ Shangri-La นี่คงอึ้งไปเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

smith009

28/12/2018 19:01:20
15
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 1 - ผมว่านะ
ถ้ามี Susvara กับ Shangri-La นี่คงอึ้งไปเลย
มี Susvara ครับ ราคา 190,227 บาท
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

ผมว่านะ

28/12/2018 19:58:50
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 2 - smith009

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 1 - ผมว่านะ
ถ้ามี Susvara กับ Shangri-La นี่คงอึ้งไปเลย
มี Susvara ครับ ราคา 190,227 บาท

อ้าว ผมแค่แซวเล่นๆ ดันมีจริงๆ ซะงั้น แบบนี้งานเข้าแล้วครับเฮีย เจอขายตัดราคาถูกกว่าร้านมั่นคงตั้ง 44,000 แบบนี้ผมคงต้องขอนอกใจเฮียก่อนชั่วคราว เดี๋ยวซื้อมาใช้แล้วมีปัญหาค่อยฝากเคลมผ่านร้านเฮียแทนละกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

นายมั่นคง

28/12/2018 23:56:38
4,282
สวัสดีครับ^^

ผมเองเพิ่งทราบเหมือนกันครับ อันที่จริงก็เป็นเรื่องที่ผมเคยคิดล่วงหน้ามาซักระยะนึงแล้ว เกี่ยวกับปัญหาเรื่องมาร์เก็ตเพลสกับผู้ผลิต ซึ่งอีกไม่นานร้านปลีกอย่างผมก็คงทะยอยปิดตัวครับ

ราคาที่ต่างกันเพราะกลไลเรื่องภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม 10+7% ครับ ซึ่งการสั่งจากต่างประเทศแบบพัสดุย่อย น่าจะมีการยกเว้นภาษีจากรัฐบาล ซึ่งข้อนี้ผมก็คงทำไม่ได้ครับ ก็คงต้องยอมรับสภาพและกลไกที่มาใหม่

ผมกำลังหารือกับคุณ Fang ครับ ว่ามีความเห็นอย่างไร และจะให้ผมช่วยเค้าในด้านไหนได้บ้าง แต่ราคาที่ต่างกันมากขนาดนี้ ผมคงทำราคาลงมาไม่ได้มากมายนัก และเดี๋ยวคงต้องคุยเรื่องการประกันว่าทางเค้าจะให้ผมดูแลลูกค้าอย่างไร

ผมไม่มีอะไรเกี่ยงงอนกับ Hifiman เพราะที่ผ่านมายอดขายผมไม่ได้สูงอะไรเลยครับ และในไทยเล่นกันในวงจำกัดมาก หากผมทำต่อได้ในเงื่อนไขที่เค้าช่วยเหลือเพิ่มมาก็คงทำต่อครับ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆผมก็คงต้องยอมแพ้และเลิกนำเข้าในที่สุด

ผมพยายามทำให้ดีที่สุดครับ หากใครมีข้อซักถามเพิ่มเติมโพสถามไว้ได้เลยครับ^^
ให้กำลังใจ 8
หยิกหู 0
แจกหู 5
ความคิดเห็นที่ : 5

ลูกตาล Reus Glass

29/12/2018 00:12:11
96
มาตรการยกเว้นภาษีออนไลน์จากจีนที่กังวลๆกันตอนนั้นใช่มั้ยครับเนี่ย? 
ผู้ผลิตคุมราคาขายปลีกไม่ได้แบบนี้ ตัวแทนก็ตายน่ะสิครับ ส่งตรงยกเว้นภาษี แล้วจะมีตัวแทนจำหน่ายไปเพื่ออะไร?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

นายมั่นคง

29/12/2018 02:22:31
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 5 - ลูกตาล Reus Glass

มาตรการยกเว้นภาษีออนไลน์จากจีนที่กังวลๆกันตอนนั้นใช่มั้ยครับเนี่ย? 
ผู้ผลิตคุมราคาขายปลีกไม่ได้แบบนี้ ตัวแทนก็ตายน่ะสิครับ ส่งตรงยกเว้นภาษี แล้วจะมีตัวแทนจำหน่ายไปเพื่ออะไร?

ใช่ครับ ตอนนี้การเข้าถึงข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว แต่เครื่องมือที่ทำให้ทั้งโลกเข้าถึงกันด้วยข้อมูลส่วนตัวอย่าง Big Data และระบบซื้อขายชำระเงิน-ขนส่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาก ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องมีตัวกลางอีกต่อไปครับ

ร้านที่มีโครงสร้างอย่างผม คาดว่าคงไม่มีความจำเป็นที่จะมี และน่าจะทะยอยปิดตัวลงในอีกไม่นาน ผู้ผลิตสามารถจำหน่ายสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคได้ง่ายๆ อาจจะมีสินค้าบางกลุ่มที่อาจจะต้องพึ่งพาผู้ขายหรือตัวแทนจำหน่ายอยู่ครับ

ตอนนี้การซื้อขายออนไลน์ ผมเป็นพวกปลายน้ำ ซึ่งคงจะหมดประโยชน์ก่อน ถัดจากผมไปคือผู้นำเข้า distributor ต่างๆ อันนี้ก็เป็นคิวที่จะต้องเลิกตามผมไปแต่อาจจะช้ากว่า แต่ยังไงก็คงไปแน่เหมือนกัน  ทั้งนี้ผมไม่ได้เหมารวมหมด คงจะมีสินค้าบางประเภทที่ยังคงต้องการคนกลางอยู่ครับ

ถ้าในยุคหลายสิบปีก่อน การที่ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจำหน่ายสินค้าแข่งขันกับลูกค้าตนเอง ถือว่าเป็นการผิดมารยาทมาก แต่ในโลกยุคใหม่เรื่องเหล่านี้เปลี่ยนไปแล้วครับ ไม่มีใครสนใจมารยาทเหล่านี้อีกต่อไป ซึ่งถ้ามองในมุมของผู้บริโภคก็ต้องยอมรับว่าได้ประโยชน์มากกว่าเสียครับ

ผมเองก็ทำการปรับตัวเองและเข้าใจกับกลไกเหล่านี้มาตลอด ส่วนจะปรับตัวตามโลกแล้วทันหรือไม่ก็คงต้องคอยดูกันอีกที และก็คงต้องมองหาอาชีพใหม่รองรับตัวเองและทีมงานเหมือนกันครับ

แต่ผมได้ทำการประชุมทีมงานไปเป็นกลุ่มๆ ก็เล่าและทำความเข้าใจแบบที่ผมพิมพ์นี่แหละครับ คือผมก็ต้องให้น้องๆทุกคนรับทราบและตระหนักถึงความไม่แน่นอนต่อจากนี้ไป อาจจะเป็นการเตรียมใจในเรื่องรายได้หรือความมั่นคงของอาชีพเค้าด้วยครับ

แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมและทีมงานทุกคนจะทำให้ดีที่สุดครับ...


ให้กำลังใจ 7
หยิกหู 0
แจกหู 7
ความคิดเห็นที่ : 7

Alpha

29/12/2018 06:54:56
112
ขอเอาใจช่วยเฮียครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

somkiatr

29/12/2018 07:22:05
182
ผมว่านะครับ ร้านแบบเฮียยังจำเป็นต้องมีเนื่องเนื่องจากสินค้าพวกนี้ยังจำเป็นต้องมีการหยิบ จับ ทดลองใช้  และการบริการหลังการขาย  ถ้า brand ไหน ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าฆ่าตัวเองทางอ้อม อีกหน่อยเวลาจะลอง hifiman รุ่นใหม่ก็ไม่รู้จะไปลองที่ไหน แล้วจะกล้าสั่งซื้อออนไลน์ได้อย่างไร
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 9

pockethifi

29/12/2018 08:23:28
161

แล้วร้านขายอย่าง powerbuy powermall มุมเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเสียงในห้าง เขาอาการเป็นยังไงครับ เฮียพอจะรู้ข่าวไหม  เพราะ marketplace สารพัดก็ขายของแบบเดียวกัน 

ผมนึกถึง nad บ้านทวาทศิน สงสัยว่าเขาอยู่รอดได้ยังไงผ่านมา 30 ปี ผ่านมาทุกยุคแล้ว หรือเฮียต้องโฟกัสสินค้ายุโรป อเมริกา แทน  เพราะพวกนี้ข้ามน้ำข้ามทะเลมายากกว่านิดนึง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

ผมว่านะ

29/12/2018 09:14:47
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 8 - somkiatr

ผมว่านะครับ ร้านแบบเฮียยังจำเป็นต้องมีเนื่องเนื่องจากสินค้าพวกนี้ยังจำเป็นต้องมีการหยิบ จับ ทดลองใช้  และการบริการหลังการขาย  ถ้า brand ไหน ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าฆ่าตัวเองทางอ้อม อีกหน่อยเวลาจะลอง hifiman รุ่นใหม่ก็ไม่รู้จะไปลองที่ไหน แล้วจะกล้าสั่งซื้อออนไลน์ได้อย่างไร

ผมว่านะมันต้องมีพวกหัวหมอลองร้านเฮียแต่ซื้อออนไลน์อยู่แล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

smith009

29/12/2018 10:02:23
15
ขอโทษเฮียด้วยครับ มาเปิดเรื่องนี้ในช่วงเตรียมเฉลิมฉลองปีใหม่ ทำให้เสียบรรยากาศไป
ถ้าสู้ไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลยไหม
ผมเห็นเว็บซื้อ-ขายสินค้า IT เจ้าใหญ่ ๆ เช่น Advice, JIB ยังไปเปิดร้านใน Shopee
แล้วเฮียล่ะครับ มีโครงการไปเปิดร้านขายใน marketplace ไหม
ดูแล้วก็น่าจะดี ไม่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายซื้อ Hardware, Software, ค่าพัฒนาระบบ, ค่าดูแล server
แล้วใน marketplace ก็มีฐานลูกค้ามากกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

ลองดูครับ

29/12/2018 10:18:35
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 8 - somkiatr

ผมว่านะครับ ร้านแบบเฮียยังจำเป็นต้องมีเนื่องเนื่องจากสินค้าพวกนี้ยังจำเป็นต้องมีการหยิบ จับ ทดลองใช้  และการบริการหลังการขาย  ถ้า brand ไหน ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าฆ่าตัวเองทางอ้อม อีกหน่อยเวลาจะลอง hifiman รุ่นใหม่ก็ไม่รู้จะไปลองที่ไหน แล้วจะกล้าสั่งซื้อออนไลน์ได้อย่างไร

ที่เมืองนอกเค้ามีเงื่อนไข "ไม่พอใจยินดีคืนเงินภายในxxxวัน โดยไม่มีเงื่อนไข" ไงครับ นักรีวิวหูฟังใน YouTube บางคนก็สั่งหูฟังมาลองเป็น 10 รุ่น ลองฟังจนหนำใจพอได้รุ่นที่ถูกใจก็ซื้อแค่รุ่นเดียว ที่เหลือส่งคืนหมดและได้เงินคืนเต็มจำนวนด้วย ต่อไปบ้านเราก็คงใช้ระบบเดียวกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

นายมั่นคง

29/12/2018 10:52:10
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 11 - smith009

ขอโทษเฮียด้วยครับ มาเปิดเรื่องนี้ในช่วงเตรียมเฉลิมฉลองปีใหม่ ทำให้เสียบรรยากาศไป
ถ้าสู้ไม่ได้ก็เข้าร่วมซะเลยไหม
ผมเห็นเว็บซื้อ-ขายสินค้า IT เจ้าใหญ่ ๆ เช่น Advice, JIB ยังไปเปิดร้านใน Shopee
แล้วเฮียล่ะครับ มีโครงการไปเปิดร้านขายใน marketplace ไหม
ดูแล้วก็น่าจะดี ไม่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายซื้อ Hardware, Software, ค่าพัฒนาระบบ, ค่าดูแล server
แล้วใน marketplace ก็มีฐานลูกค้ามากกว่า

ไม่เป็นไรครับ^^ ดีเสียอีก มีคนคุยเรื่องเหล่านี้ผมกลับชอบ เพราะอย่างน้อยทุกท่านคงจะทราบเหตุผลและที่มาที่ไปว่าทำไมราคาจำหน่ายปลีกถึงต่างกันขนาดนี้ เป็นเพราะร้านค้ากำไรมากไป หรือมีเหตุใดมาร์เก็ตเพลสถึงทำราคาได้ดีกว่า

มั่นคงน่าจะเป็นร้านเดียวที่ไม่เข้ามาร์เก็ตเพลสที่ไหนเลยซักที่ เพราะผมมองว่ามันเป็นโมเดลที่ออกมาฆ่าหรือกัดกินธุรกิจรายย่อย การที่เอาเงินออกมาแจกหรือเผาโชว์ แจก code ลด โดยที่ตัว marketplace ขาดทุน เป็นเพราะต้องการหวังน้ำบ่อหน้าที่ตักกินตักใช้ไม่หมด วิธีเดียวคือจัดการพวกนอกคอกอย่างผมให้หมดก่อน 55

การแห่เข้ามาร์เก็ตเพลสของผู้ค้ารายย่อย เป็นเพียงเฮตามกระแส แต่จริงๆลองคิดดูครับ ว่าจะมีผู้ที่อยู่ได้จริงขายได้จริงกี่คน ผู้ที่อยู่ได้ก็คือรายใหญ่อำนาจต่อรองสูง และการขายในมาร์เก็ตเพลส พวกแบรนด์หรือศูนย์เข้าไปตั้งร้านขายแข่งขันกับลูกค้าตนเองหมดทุกรายแล้ว การที่ทุกๆคนเฮโลเข้าไปขายก็คือการสร้างความชอบธรรมให้กับเค้าว่าวิธีนี้ถูกต้อง สามารถทำได้

หากร้านมั่นคงเข้าไปขายใน marketplace ก็เท่ากับว่าต่อไปจะไม่มีใครซื้อของมั่นคงในร้านมั่นคงอีกต่อไป และผมก็จะกลายเป็นบริวารคนอื่นไป ผมว่าผมอยู่ข้างนอก ตั้งใจขายของตั้งใจให้บริการ และปรับทิศทางเรื่อยๆอาจจะรอดได้ครับ และทุกวันนี้ผมยังมั่นใจว่าราคาสินค้าในร้านผมส่วนใหญ่ยังแข่งขันได้ครับ

แต่ถ้าหากร้านไปไม่ได้ และพนักงานอยากให้ผมเข้ามาร์เก็ตเพลสจริงๆ และเพื่อความอยู่รอดของทุกๆคน(ซึ่งไม่มีใครรับรอง) ผมอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ครับ

ผมเองเจียมตัวตลอดว่าเราเล็กในที่ของเราน่าจะดีกว่า การเข้ามาร์เก็ตเพลสเข้าวันไหนก็ได้ แต่เข้าไปแล้วอาจจะเสียตัวตนที่อุตส่าห์ทำกันมาไปเลยครับ

ผมยอมเป็นหัวหมา ดีกว่าเป็นหางมังกรครับ ผมคิดเสมอว่าความเป็นร้านมั่นคงนั้น เงินไม่ใช่คำตอบทุกอย่างครับ ^^






ให้กำลังใจ 8
หยิกหู 0
แจกหู 13
ความคิดเห็นที่ : 14

ผมว่านะ

29/12/2018 13:14:53
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 12 - ลองดูครับ

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 8 - somkiatr

ผมว่านะครับ ร้านแบบเฮียยังจำเป็นต้องมีเนื่องเนื่องจากสินค้าพวกนี้ยังจำเป็นต้องมีการหยิบ จับ ทดลองใช้  และการบริการหลังการขาย  ถ้า brand ไหน ทำแบบนี้ก็เท่ากับว่าฆ่าตัวเองทางอ้อม อีกหน่อยเวลาจะลอง hifiman รุ่นใหม่ก็ไม่รู้จะไปลองที่ไหน แล้วจะกล้าสั่งซื้อออนไลน์ได้อย่างไร

ที่เมืองนอกเค้ามีเงื่อนไข "ไม่พอใจยินดีคืนเงินภายในxxxวัน โดยไม่มีเงื่อนไข" ไงครับ นักรีวิวหูฟังใน YouTube บางคนก็สั่งหูฟังมาลองเป็น 10 รุ่น ลองฟังจนหนำใจพอได้รุ่นที่ถูกใจก็ซื้อแค่รุ่นเดียว ที่เหลือส่งคืนหมดและได้เงินคืนเต็มจำนวนด้วย ต่อไปบ้านเราก็คงใช้ระบบเดียวกันครับ

แบบนี้ก็เจ๊งสิครับ เจอพวกลองอย่างเดียวแต่คืนเงินหมดไม่ซื้อซักตัวทำไงล่ะครับของก็แกะใช้แล้ว
ทางเดียวที่คิดออกคือเฮียต้องคุยกับ hifiman ให้ขายราคาเดียวกันได้ ถ้ามันไม่ยอมก็เลิกเป็นตัวแทนไปเลยไม่ต้องง้อมันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

นายมั่นคง

29/12/2018 13:51:35
4,282
555 นโยบาย 30 วันหากไม่พอใจคืนเงินเต็มของเมืองนอก จริงๆคนไทยเราเข้าใจผิดมาตลอดนะครับ เช่นซื้อมา $500 นึกว่าแกะใช้ พอถึง 30 วันชั้นไม่พอใจขอส่งคืน เค้าคืนเงิน $500 แล้วก็ไปใช้วิธีนี้กับสินค้าชิ้นอื่นได้อีกเรื่อยๆ

ที่ถูกต้องทางผู้ขายจะมีการหักเงินบางส่วน คั้งแต่ค่าขนส่ง ค่า repacking ค่า fee และหักเงินกรณีบห่อชำรุด อุปกรณ์ไม่ครบถ้วน สุดท้ายอาจจะได้เงินคืนแค่ $400 แล้วคนขายก็นำไปห่อใหม่ แล้วขายเป็นเกรด refurbished ที่ราคาถูกกว่า

คนไทยใช้วิธีนี้น่าจะไม่ได้ครับ คงวุ่นวายและชุลมุนโกงกันอุตลุต หรือถ้าใครโฆษณาแบบนี้ก็แสดงว่าแอบหมกเม็ดไว้อีก ไม่ได้บอกเงื่อนไขหมด สุดท้ายคนขายและคนซื้อไปดราม่าด่ากันบนเฟซบุ๊คตามเคย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

taung2611

29/12/2018 15:21:54
25
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอเมริกาถึงทำสงครามการค้ากะจีนแบบฝุ่นตลบในช่วงนี้ 555

ส่วนตัวผมมองว่าระบบลอจิสติกที่พัฒนาแบบก้าวกระโดดนี่ส่งผลกระทบกับผู้ค้ารายย่อยและตัวแทนจำหน่ายมากกว่าระบบออนไลน์เสียอีก

จีนเป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศที่เร่งพัฒนาระบบลอจิสติกแบบจริงจังโดยมีรัฐบาลหนุนหลังแบบสุดลิ่มทิ่มถูรูเพื่อพัฒนาศักยภาพการค้าของธุรกิจในประเทศ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประเทศรอบข้างในด้านต่าง ๆ เพื่อแลกกับการลดกำแพงภาษี ซึ่งประเทศไหนรู้ทันก็โชคดีไป ประเทศไหนที่รู้ไม่ทัน (เหมือนบางประเทศแถว ๆ นี้) ก็เตรียมรับชะตากรรมได้เลย

ก็หวังว่ารัฐบาลทรัมป์บ้าจะรบเพื่อหยุดความร้อนแรงของอาเสี่ยแดนมังกรลงได้บ้าง ถ้าไม่อย่างนั้น หลังจากนี้ก็คงหมดยุคทาสเทคโนโลยีที่เราถูกญี่ปุ่นกะอเมริกาครอบงำมานาน กลายเป็นทาสทางเศรษฐกิจที่ถูกยึดครองโดยจีน โลกอีก 10 ปีหลังจากนี้คงสนุกพิลึก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

นายมั่นคง

29/12/2018 16:37:58
4,282
คนไทยไม่โง่กว่าใครหรอกครับ เพียงแต่คนไทยใช้เงินซื้อได้ต่างหาก โดยเฉพาะผู้บริหารของประเทศไทยนั้นมีความซับซ้อนสูง คือตัวเองต้องอยู่ต่อได้ และคนรอบข้างที่เคยอุปการะก็ต้องอยู่ได้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี เมื่อมีคนเหล่านี้มากๆ...

เงินก็สามารถเจาะเข้ามาได้ การเสนอผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆเพื่อแลกกับการเข้ามากว้านและถลุงทรัพยากรของชาติไทย ทำให้จีนสามารถทำได้สะดวกโยธิน การวิเคราะห์ว่าใครได้ใครเสียก็หมดไปเพราะผู้นำไทยปิดลูกกะตาอยู่ครับ

ฝรั่งกับจีนเวลาดีลแข่งกัน ฝรั่งสู้ไม่ได้หรอกครับ ยังถือว่าห่างชั้น แต่ฝรั่งเค้ามีจิตสำนึกเรื่องปกป้องสู้รบผลประโยชน์ของชาติและพลเมือง ในขณะที่ไทยไม่มีเรื่องพวกนี้อยู่เลย...

นั่นเพราะเงินอย่างเดียว


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 18

ลูกตาล Reus Glass

29/12/2018 16:47:50
96
ผมคิดเล่นๆว่า ถ้าออนไลน์ยกเว้นภาษี
แบบนี้เฮียสั่งของจากผู้ผลิตมาทางออนไลน์ จะถูกกว่าสั่งมาแบบเดิมๆมั้ย?
ผู้ปกก.จะสั่งของทางออนไลน์แทนวิธีเดิมๆได้มั้ย? ภาษีเข้ารัฐก็หายไป?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

นายมั่นคง

29/12/2018 17:22:03
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - ลูกตาล Reus Glass

ผมคิดเล่นๆว่า ถ้าออนไลน์ยกเว้นภาษี
แบบนี้เฮียสั่งของจากผู้ผลิตมาทางออนไลน์ จะถูกกว่าสั่งมาแบบเดิมๆมั้ย?
ผู้ปกก.จะสั่งของทางออนไลน์แทนวิธีเดิมๆได้มั้ย? ภาษีเข้ารัฐก็หายไป?

เรื่องการจัดเก็บภาษีที่ต่างกันนี่ก็เป็นปัญหา สินค้าจากจีนกับทางฝั่งตะวันตกจัดเก็บไม่เหมือนกัน เพราะรัฐบาลไทยเซ็นหนังสือตกลง MOU ไปแล้วกับจีน

แต่ปัญหาใหญ่ผมว่าคือการที่แบรนด์ต้องการจำหน่ายสินค้าเองโดยตรงเลย ตรงนี้ต่างหากที่กระทบ เพราะผมก็อาศัยสั่งสินค้าจากแบรนด์มาขาย แล้วคราวนี้ผมจะไปขายแข่งกับแบรนด์ได้ยังไงเล่าครับ 555

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบทุกวงการอยู่ในขณะนี้ครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

eagles

29/12/2018 18:24:38
ใช่อย่างที่เฮียพูดเลย พวกของจีนต่างๆสมัยนี้ สามารถซื้อในราคาถูกเพียงแค่รอ 10วัน ตอนนี้เลยมีร้านไทยที่ขายแพงกว่านิดนึง แล้วต้องเขียนตัวหนังสือตัวใหญ่ๆว่าส่งจากไทย ได้รับเร็วกว่า และอาจจะมีการรับประกันให้ด้วย ประมาณนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

เลิกขายเลิกเชียร์

29/12/2018 19:34:59
ทางเดียวที่นึกออกคือเลิกขายสินค้าจีนครับ ลบให้หมดรีวิวทั้งหลายเลิกเชียร์เลิกพูดถึง ทำแบบนี้หักหลังชัดๆครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

เลิกขายเลิกเชียร์

29/12/2018 19:39:14
ใครอยากซื้อก็วัดดวงสั่งออนไลน์เอาเองดูซิจะกล้าสั่งไหมวัดดวงสั่งออนไลน์เอาเองดูซิจะกล้าสั่งไหมถ้าไม่มีให้ลอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

Draco

29/12/2018 22:13:09
424
ถ้าเค้าอยากขายตรงเอง  ร้านเฮียไม่มีให้ลองดูสิ  มันจะมีใครกล้าซื้อหูหลายๆตังโดยไม่ต้องลองฟัง ไม่ต้อง matching   ขายตรงได้แต่ขายไม่ออกเนี่ย ดูสิจะดีจริงไหม

ปล. คิดไปคิดมา มิน่ายี่ห้อนี้ถึงลงมาเล่นหูฟังหลักร้อยด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

ปวดใจแทน

29/12/2018 22:33:08
พวกไปลองฟังร้านเฮียเพื่อซื้อร้านอื่นมีเยอะนะครับทำเล่นไป เคยนั่งอยู่พารากอนคนข้างๆนี่กดซื้อร้านอื่นหน้าตาเฉย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

tore 27

31/12/2018 22:55:52
4
เลิกขายของจีนไม่ได้หรอกครับ​ ถ้าเลิกขายของจีน​ เตรียมยกเลิกกิจการได้เลยครับ​ เข้าใจว่าพูดเพราะอารมณ์​ มองไปรอบตัวเรา​ ข้าวของเครื่องใช้​ มีของจีนกี่???  พวกนี้มันเป็นวัฏจักร​ ร้านไหนปรับตัวไม่ได้ก็ปิดไป​ ร้านที่ยังอยู่ก็ต้องพยายามปรับตัววางกลยุทธองค์มาใหม่​ สู้ไม่ถอยอีกสักตั้ง​ ถ้าไม่ไหวก็แยกย้าย^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

ลูกตาล Reus Glass

31/12/2018 23:49:59
96
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 25 - tore 27

เลิกขายของจีนไม่ได้หรอกครับ​ ถ้าเลิกขายของจีน​ เตรียมยกเลิกกิจการได้เลยครับ​ เข้าใจว่าพูดเพราะอารมณ์​ มองไปรอบตัวเรา​ ข้าวของเครื่องใช้​ มีของจีนกี่???  พวกนี้มันเป็นวัฏจักร​ ร้านไหนปรับตัวไม่ได้ก็ปิดไป​ ร้านที่ยังอยู่ก็ต้องพยายามปรับตัววางกลยุทธองค์มาใหม่​ สู้ไม่ถอยอีกสักตั้ง​ ถ้าไม่ไหวก็แยกย้าย^^

ผมเข้าใจว่ามันเป็นปัญหาเฉพาะเจ้านะครับที่เจ้าของแบรนด์เลือกทำตลาดแบบนี้ ไม่ได้แปลว่าจะเลิกขายของจากจีนทุกเจ้า (ซึ่งเคสนี้ผมคิดว่าเฮียคงไม่ได้พูดเพราะอารมณ์) คือผู้ผลิตเลือกทางไม่เห็นหัวตัวแทนจำหน่าย แล้วจะทำการค้าต่อไปกันยังไง? 
เทียบเคสของ Alex แห่ง A&K ยังช่วยจัดการปัญหาคล้ายๆกันได้ลงตัวเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

tore 27

01/01/2019 00:28:13
4
ถึงท่าน​ลูกตาล​reus glass
ผมรบกวนท่านอ่านทุกเม้นแล้วจับใจความใหม่ทุกเม้นดีดีครับ​ ขอบคุณครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

ลูกตาล Reus Glass

01/01/2019 09:24:21
96
โอเคครับ ถ้าหมายถึงทุกเม้นในนี้ก็มีเม้นใช้อารมณ์จริงตามนั้น ผมนึกว่าสนใจเฉพาะประเด็นที่เฮียพิมพ์ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

นายมั่นคง

01/01/2019 12:27:10
4,282
สวัสดีปีใหม่ครับทุกๆท่าน^^

ขอบคุณสำหรับทุกๆคำแนะนำครับ เรื่องใหม่สำหรับคนไทยทุกๆคนก็คือเรื่องระบบและช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ตอนนี้มันมาถึงยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก และมือใครยาวสาวได้สาวเอา นั่นเป็นเพราะทุกคนไม่แน่ใจว่าสุดท้ายโลกจะปรับไปทิศไหน ก็เลยต้องตักตวงให้มากสุด เร็วสุดไว้ก่อน

ผมน่าจะไม่มีอารมณ์อะไรนอกจากอารมณ์สะท้อนใจครับ 555 ผมมองว่ารูปแบบมันบิดเบี้ยว มิตรภาพที่คบหากันมากลับมากลายเป็นความไม่เข้าใจกัน และระแวงกัน ทุกคนกลัวเสียโอกาสก็เลยลืมกติกามารยาทที่ดีต่อกัน อันนี้ผมพูดรวมๆว่าตอนนี้ทุกคนในโลกเริ่มคิดแบบนี้กันหมด

ส่วนผมก็ปรับตัวปรับทิศทางและองค์กรตลอดครับ ซึ่งก็พยายามให้ดีที่สุด แต่จะได้แค่ไหนก็ต้องว่ากันอีกครั้งหลังฝุ่นจางลงครับ^^
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 30

somkiatr

01/01/2019 20:56:10
182
         ตอนนี้อะไรหลายๆอย่างโดน Disruption ไปหมด พวกธนาคารกำลังยื่นขอเสนอ ธปท. เกี่ยวกับการขอเก็บค่าธรรมเนียมการฝาก/ถอนเงิน/ทำรายการ หน้าเค้าท์เตอร์  ATM ก็จะลดเหลือกดฟรีไม่เกินเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อผลักไสไล่ส่งให้ลูกค้าไปใช้ช่องทางผ่าน Mobile Apps หรือ Internet ให้หมด  พนักงานธนาคารถูก Layoff ไปบางส่วนแล้ว และกำลังจะมีเรื่อยๆ  ธุรกิจผลิตหลอดนีออนก็เปลี่ยนเป็นหลอด LED แล้ว โรงงานผลิตบัลลาสท์ และสตาร์ตเตอร์ที่เป็นส่วนประกอบของหลอดนีออนเริ่มจะเจ๊งหรือไม่ก็หันไปผลิตอย่างอื่นลง เพราะหลอด LED มันไม่ต้องใช้  และยังไมีอีกหลายๆอย่างในเมืองไทยที่กำลังจะโดน disrupt ไปเรื่้อยๆครับ

         สำหรับธุรกิจออนไลน์สำหรับสินค้าพวกหูฟัง gadget ผมว่าร้านแบบเฮียยังไง ยังไง มันก็ต้องมีครับ เพราะมันต้องมีการหยิบ จับ ทดลองสวมใส่ หรือทดลองฟัง ทดลองใช้งาน และ คำแนะนำจากพนักงานร้าน แม้นว่าจะสามารถสั่งซื้อทางช่องทางออนไลน์ได้ แต่ร้านแบบเฮียมันทำหน้าที่สนับสนุนการขาย ก่อนลูกค้าจะตัดสินใจซื้อครับ  คล้ายๆกับร้าน Apple หรือ Authorized Dealer ต่างๆนั่นล่ะครับ เราสามารถสั่งสินค้าทางออนไลน์ได้ แต่ร้าน Apple จะทำหน้าที่คล้ายๆ showroom หรือแหล่งให้ความรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้ และยิ่งมาเจอบริการหลังการขายแบบถึงลูกถึงคนก็ยิ่งไปกันใหญ่
        ถ้าวันใดที่ร้านเฮียไม่มี Hifiman ให้ลอง  ไม่มีสินค้าให้คุณหลุยส์รีวิว ต่อไป Hifiman รุ่นใหม่ๆก็คงจะหาคนกล้าซื้อยากขึ้นล่ะครับ เพราะยี่ห้ออื่นๆที่ดีๆหรือดีกว่ายังมีให้เลือกอีกเยอะครับ 

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 31

นายมั่นคง

01/01/2019 22:03:53
4,282
555 ตอนนี้หลายภาคส่วนก็เป็นแบบที่พี่สมเกียรติว่า เพราะเทคโนโลยีที่มาแทนที่งานที่ใช้คนครับ การเข้าถึงถูกปรับโดยใช้ทางลัด และเป็นการลัดยังไงก็ได้โดนขาดการวางแผนรองรับครับ

สำหรับสินค้าที่ถูกจำหน่ายตรงจากจีนโดยผู้ผลิตจากจีน ตอนนี้ทะยอยลัดตรงมาถึงไทยรวมถึง Hifiman ด้วยครับ ซึ่งผมก็คงหารือตามขั้นตอนไปเรื่อยๆก่อน แต่ถ้าหากว่าผมไม่สามารถจำหน่ายสินค้าในราคาใกล้เคียงกันกับทาง Hifiman บนมาร์เก็ตเพลสได้ ผมก็คงยุติการจำหน่ายแน่นอนครับ

ซึ่งก็คงไม่มีปัญญาสต๊อกสินค้าหรือมีสินค้าทดลองอีกต่อไป นั่นหมายความว่าผมทำต่อไม่ได้จริงๆครับ    แล้วถ้ามีคนสงสัยถามว่าแล้าถ้าทุกแบรนด์ทำแบบนี้หมดจะทำไง ผมก็คงได้แต่ยิ้มแห้งๆเพราะต้องเลิกขายไปทีละแบรนด์ จนกว่าจะคิดวิธีออก หรือจนกว่าจะหาอาชีพอื่นมารองรับครับ

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมไม่เข้าไปอยู่ในมาร์เก็ตเพลสที่ไหนเลย เพราะผมเข้าไปในนั้นก็มีพวก Official brand อยู่แล้ว และใครจะไปแข่งขันกับต้นตอได้ในเมื่อผมทำหน้าที่เป็น reseller อยู่ ผมว่ามันตลกๆและอิหลักอิเหลื่อชอบกล แต่ถ้ามีแบรนด์ไหนยังเล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ ผมก็อาจจะมีทางรอด

แต่ที่เห็นๆตอนนี้แทบไม่มีซักราย 555
ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 32

artpiggo

01/01/2019 22:18:27
15
สินค้าฝั่ง US, UK, JP, KR ยังไม่เข้ามาตรงๆเหมือนจีน ใช่มั้ยครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 33

ลูกตาล Reus Glass

01/01/2019 22:20:22
96
แต่ที่เห็นๆตอนนี้แทบไม่มีซักราย 555

นี่หมายถึงเฉพาะของจากทางจีนที่ได้งดภาษี หรือทุกที่เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรปด้วยครับ?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

นายมั่นคง

01/01/2019 22:36:23
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 33 - ลูกตาล Reus Glass

แต่ที่เห็นๆตอนนี้แทบไม่มีซักราย 555

นี่หมายถึงเฉพาะของจากทางจีนที่ได้งดภาษี หรือทุกที่เกาหลี ญี่ปุ่น ยุโรปด้วยครับ?

ที่ผมเขียนทิ้งท้ายว่าแทบไม่มีซักราย นั้นหมายถึงในไทยนี่แหละครับ 555 ตอนนี้แบรนด์ official ในมาร์เก็ตเพลสไทยก็ทำการขายแข่งกับลูกค้าตัวเองแทบทั้งหมด และเป็นแบบนี้กับทุกๆวงการ 

ผมเองเขียนไปแบบนี้ก็อาจจะโดนให้เลิกขายในเร็วๆนี้ แต่ตอนนี้เลิกหรืออยู่ก็ตายอยู่แล้วครับ 555 ก็คงต้องบอกว่าถ้าเค้าให้เลิกก็เลิกครับ ผมทำได้ดีที่สุดคือปรับวิธีการปรับตัวเองและทิศทางช่องทางการขาย

แต่เชื่อไม๊ครับว่ามันยากถึงยากที่สุด เพราะประตูทางเข้ามันมีทางเดียว คือยังไงผมก็ต้องเอาสินค้าต่อจากคนอื่นอีกทีนั่นเอง^^
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 35

ลูกตาล Reus Glass

01/01/2019 23:00:53
96
ผมเข้าใจละครับ officialในไทยเค้าก็เปิดช่องทางขายของเขาเองโดยไม่ผ่าน reseller 
แต่แก้ปช่องว่างราคามันยังไม่มี(ถึงมีก็น่าจะน้อยไม่เหมือนเคสวิ่งตรงจากจีน)
อันนี้ผมมองว่าทำได้เต็มที่แล้ว เพราะ0เขาก็มีออฟฟิสเอง บริการได้เอง ถ้าตัดสินใจจะเลิกresellerก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เราทำอะไรไม่ได้ครับ

แต่มุมมองลูกค้า ของที่ราคาเท่าๆกันยังไงผมก็สะดวกไปซื้อจากร้านปลีกมากกว่าศูนย์นะครับ เพราะต้องลองต้องจับด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

นายมั่นคง

01/01/2019 23:20:14
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 32 - artpiggo

สินค้าฝั่ง US, UK, JP, KR ยังไม่เข้ามาตรงๆเหมือนจีน ใช่มั้ยครับเฮีย

เล่าเรื่องนี้แล้วสนุก 55

แพลทฟอร์มของฝรั่งที่คนไทยเข้าใจกันดีก็คือ Ebay ซึ่งอีเบย์นั้นควบรวมของ US UK DE และอีกหลายประเทศ ฝั่งญี่ปุ่นก็มี Yahoo Rakuten แต่สิ่งที่เชื่อมตรงมาไม่สำเร็จก็คือ 2 เรื่อง ภาษีและค่าขนส่ง

โดยเฉพาะอีเบย์นั้น ถ้าส่งแบบราคาถูก สมมุติว่าของขนาดลังเบียร์ มูลค่า 10000 บาทหนักซัก 10 กิโล ค่าส่งแบบขี้หมูขี้หมาคือ 3-4000 บาท แต่ถ้าอยากให้ส่งแบบมีประกันชั้นหนึ่งแบบ Ebay Global Shipping ท่านจะโดนค่าส่งคร่าวๆคือ 7-8000 บาท เท่ากับท่านซื้อของ 10000 จ่ายค่าส่ง+ค่าประกัน+ภาษีอีก 8000 รวมเป็น 18000 บาท (เค้าเก็บภาษีต้นทาง ไม่ใช่มาวัดดวงทีหลัง)

ในขณะที่จีนสนับสนุนค่าส่งจากภาครัฐ เท่ากับซื้อของจากจีนในราคาและขนาดใกล้เคียงกัน ท่านอาจจะเสียเพียง 10500 บาท นี่คือสาเหตุที่ฝรั่งอ้วกแตกเพราะทนกับวิธีคำนวนและค่าใช้จ่ายที่จะต้องเกิดขึ้นจริงไม่ไหว ทำให้จีนผงาดในช่องทางออนไลน์ในไทยได้ดีกว่ามาก ภาครัฐของไทยเอื้อประโยชน์เรื่องภาษีให้กับสินค้าจีนมากกว่าอย่างที่ทราบกัน

และภาครัฐของไทยไม่ตระหนักผลเสียที่จะตามมาครับ ขาดการวิเคราะห์เจาะลึกถึงผลได้ผลเสียที่แท้จริง จริงอยู่ตอนนี้คนไทยสนุกและได้ประโยชน์จากมาร์เก็ตเพลสที่เอาเงินตัวเองมาช่วยล่อในรูปแบบส่วนลด รูปแบบโค้ดสารพัด แต่ขอให้มองอีกมุมครับ มันคือการซื้อเสียง เอาเงินฟาดหัวคนไทยเหมือนนักการเมืองไทยซื้อเสียงนั่นแหละครับ

เรื่องนี้ผมพิมพ์มากก็โดนด่า เพราะคนส่วนใหญ่บอกว่าชั้นไม่สน ทำไงก็ได้ขอให้ราคาถูก ขอให้ถูกก่อนข้างหน้าจะเป็นอย่างไรช่างมัน ผมเองก็พยายามแข่งขันอย่างที่ทุกท่านเห็นอยู่นี่แหละครับ  ซึ่งผมก็ยอมรับกับท่านตรงๆว่าไม่รู้จะแข่งขันได้กี่น้ำกัน 555


ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 37

นายมั่นคง

01/01/2019 23:40:51
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 35 - ลูกตาล Reus Glass

ผมเข้าใจละครับ officialในไทยเค้าก็เปิดช่องทางขายของเขาเองโดยไม่ผ่าน reseller 
แต่แก้ปช่องว่างราคามันยังไม่มี(ถึงมีก็น่าจะน้อยไม่เหมือนเคสวิ่งตรงจากจีน)
อันนี้ผมมองว่าทำได้เต็มที่แล้ว เพราะ0เขาก็มีออฟฟิสเอง บริการได้เอง ถ้าตัดสินใจจะเลิกresellerก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่เราทำอะไรไม่ได้ครับ

แต่มุมมองลูกค้า ของที่ราคาเท่าๆกันยังไงผมก็สะดวกไปซื้อจากร้านปลีกมากกว่าศูนย์นะครับ เพราะต้องลองต้องจับด้วย

ขอบคุณครับที่คุณลูกตาลยังมีแนวคิดในการซื้อสินค้าแบบนี้อยู่^^

จริงๆเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องภายในระหว่างองค์กรเป็นเรื่องการเจรจาซื้อขายกันในเงื่อนไขที่ทุกคนปลงใจและยินดีในเงื่อนไขนั้น แต่ปัจจุบันเปลี่ยนไปหมดแล้วครับ ปัญหารุนแรงคือการต้องซื้อสต๊อกสินค้าไว้ขายและขายแข่งกับคนที่ขายสินค้าให้เรา มูลค่าสินค้า ณ วันซื้อกับมูลค่าสินค้า ณ ตอนขายออกนั้นมันขาดความเป็นธรรมครับ (คนที่สต๊อกสินค้าไว้ขายจำนวนมากจะทราบดีว่าทรมานอย่างไร)

ตอนนี้มันเป็นเทรนด์ทั้งในไทยและทั้งโลก จะบอกว่าเป็นระบบที่ตัดตัวกลางออกในที่สุดก็คงใช่ ตอนนี้ระบบยังคงเป็นการแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ Brand จะขายเองก็อยากทำ พวก reseller ก็ต้องเลี้ยงไว้เพราะมีที่โชว์ที่ลองและช่วยผลักดันสินค้า และ reseller อยู่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากกว่า Brand รู้ใจและเข้าใจหัวอกลูกค้ามากกว่า Brand

แต่เมื่อไหร่ที่ reseller หมดประโยชน์ก็คงโดนไล่เตะในที่สุด และตอนนั้นผมก็คงโดนไล่เตะเช่นกัน 555

แล้วเราอาจจะได้เจอกันในธุรกิจอื่นนะครับ ^^


ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 38

Peerasak

02/01/2019 07:54:29
6
ต่อรอง hifiman เรื่องการรับประกันได้ไหมครับ เช่น ซื้อจากเฮียเพิ่มประกันเป็น 5 ปี ซ่อมฟรีทุกอาการ ฟรีค่าขนส่งไปกลับโดยที่ hifiman ต้องออกให้ทุกอย่างทั้งค่าส่งและอะไหล่ที่ซ่อม 

ส่วนใครที่ซื้อออนไลน์ประกันแค่ 1 ปี แต่ส่งเคลมร้านเฮียไม่ได้ ต้องส่งไปไปเองและออกค่าใช้จ่ายเองทุอย่าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 39

โจ้

02/01/2019 09:10:18
30
มุมมองลูกค้า อันไหนถูกเค้าก็ซื้ออันนั้นรับง่ายๆเลย

ยิ่งพวกของถูกๆราคาหลักพันหรือไม่เกินพันเค้าก็เอาถูกไว้ก่อนอยู่แล้วเสียก็ทิ้ง ยกเว้นราคาหลายหมื่นคนซื้อก็ต้องการหลักประกันหากเสียก็ต้องมีศูนย์บริการที่ดี

ส่วนตัวว่าหาก Hifiman ทำราคาให้ร้านเฮียไม่ได้อย่างที่ขายเอง(อาจจะมากกว่าสัก15-20%) ผมว่าเฮียเลิกขายมันเถอะครับ

เอาง่ายๆผมซื้อร้านเฮียได้รับบริการดีทุกอย่าง แต่เพื่อนผมซื้อ(JD Central)ได้ถูกว่าครึ่งหรือเกือบครึ่งผมก็มีคิดนะครับ 555

ส่วนใน shopee หรือ Lazada ทำไมผมกลับอยากให้เฮียไปเปิดนะ  บางทีเล่นเกมส์ได้ส่วนลดมาก็อยากใช้ ผมว่าดีออกลูกค้าได้ใช้ เฮียได้ขายของ อาจจะเริ่มพวกสินค้าราคาไม่สูงก่อนก็ได้ครับ สินค้าจำพวกที่ไม่มีจีนมาเปิดแข่ง ราคาจะได้แข่งเฉพาะคนไทย  เอาง่ายๆ หากราคาไม่ต่างกันมากผมก็จะซื้อกับร้านที่เชื่อถือได้นะ คนไทยขายแข่งกันเอง ผมก็ยังจะซื้อร้านที่เชื่อถือได้อยู่นะ  แต่ก็แล้วแต่นโยบายร้านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

tu...ta

02/01/2019 09:50:49
วันนี้ไปดูที่ JD มาแล้ว ราคาถูกปรับเป็นเท่ากับร้านเฮียละครับ ในมุมมองของผมสิ่งที่เราได้จากการเข้าไปขายใน marketplace คือสินค้าเราได้มีสิทธิเข้าถึงลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผมที่เป็นธุรกิจเล็กๆในช่วงขาลงคือหนังสือ ร้านหนังสือทยอยปิดลง ทำให้โอกาสเข้าถึงลูกต้าเราลดลง ร้านที่เปิดอยู่ก็ปรับลดพิ้นที่ ทำให้ของเราถูกวางน้อยลง แต่สิ่งสำคัญที่เราทำเมื่อเข้า marketplace คือเราไม่ลดราคาแข่งกับร้านค้าคู่ค้าเรา เราขายราคาเต็ม ค่าส่งเราก็ให้ลูกค้าจ่ายเอง เพื่อให้ทำร้ายคู่ค้าเราน้อยที่สุด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

redondo16

02/01/2019 10:09:38
55
เข้าไปดูใน JD ราคาขึ้นกลับมาพอๆกับมั่นคงละ แต่บางรุ่นก็ถูกกว่า

ก็แล้วแต่นโยบายบ.แม่ล่ะครับ ถ้าต้องการบี้ retail แต่ละประเทศก็คงอยู่ยาก ให้ดีก็ควรมีราคากลางขายในแต่ละประเทศเท่านั้นเท่านี้ (เหมือนอุปกรณ์คอม การ์ดจอ CPU มีราคากลางที่ AMD หรือ intel กำหนด) ถ้าหูฟังก็เห็นอยู่ยี่ห้อสองยี่ห้อมั้งที่ราคา ali พอๆกันแพงกว่าศูนย์ไทย ไม่แน่ใจว่าโดนกำหนดราคามาไหม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

นายมั่นคง

02/01/2019 15:58:39
4,282
มาคุยต่อครับ^^

ตอนนี้สินค้าบางอย่างโดยผู้ค้าบางกลุ่ม มีความสอดคล้องกับมาร์เก็ตเพลสมากอยู่เหมือนกัน แต่สินค้าบางอย่างเช่นหูฟังที่เป็นแบรนด์แมสทั่วไป เป็นสินค้าที่เหมือนกันทุกๆอย่าง แต่กลับมีผู้ค้า 20-30 ราย อันนี้คนที่จะอยู่ได้ก็คือการทำราคาให้ต่ำที่สุด ซึ่งการจะทำราคาต่ำสุดได้ต้องตัดค่าใช้จ่ายออกให้มากที่สุด แล้วก็ขายไปเลยแบบขายขาด ซึ่งบริการหลังการขายคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเน้นขายไม่เน้นเคลมหรือบริการต่อเนื่อง หรือถ้ามีประกันก็ต้องเลี่ยงเพื่อให้งานน้อยที่สุด

ผมเองถ้าจำเป็นต้องไปอยู่ ผมก็ต้องตัดค่าใช้จ่ายออกให้หมด โดยต้องลดจำนวนหน้าร้าน-พนักงาน ลดค่าใช้จ่ายในส่วยการทำมาร์เก็ตติ้ง การทำรีวิว หรือตัดแม้กระทั่งการทำแบนเนอร์ให้สวยงาม แล้วที่สำคัญคือไม่มีสินค้าไว้โชว์หรือลองอีกต่อไป เพราะว่าไม่มีหน้าร้านนั่นเอง แล้วทำแบบง่ายๆ คือรูปง่ายๆขีดฆ่าราคาแล้วโพสดื้อๆไปเลย ซึ่งผมไม่อยากทำงานเชิงแบบนี้จริงๆครับ

ผมคิดว่าคนเล่นหูฟัง หรือคนเล่นอะไรก็ตาม มีความต้องการอะไรที่มากกว่าแบบนั้น ต้องการๆซื้อของที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด และต้องเป็นการซื้อที่พลาดน้อยที่สุด ตอนนี้ผมแบบรับภาระ 2 ฟาก คือต้องทำราคาให้ถูกทัดเทียมกับคนอื่นหรือถูกกว่า แต่ในอีกฟากก็ต้องรับภาระพนักงาน ค่าเช่าต่างๆอีกมาก คงอีกไม่นานผมอาจจะต้องตัดสินใจเลือกเอาทางใดทางหนึ่งครับ

แต่ปัญหาที่ผมว่าคือการที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าแข่งกับลูกค้าตนเองอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น การเข้าไปอยู่ในมาร์เก็ตเพลสก็คือเข้าไปขายแข่งกับศูนย์ โดยที่ทุกอย่างตอนนี้ไม่มีความชัดเจน หรือหลักการอะไรใดๆทั้งสิ้นว่าตกลงร้านอย่างผมจะอยู่ตรงจุดไหนของห่วงโซ่อาหาร คือจะให้ผมจำหน่ายแข่งขันกับร้านค้าอื่น หรือแข่งกับศูนย์ แล้วแข่งขันภายใต้กติกาอะไร เงื่อนไขอะไร เชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้ไม่มีกติกาครับ

ผมพิมพ์ตรงนี้ ถ้าหากศูนย์ใดอ่านแล้วรู้สึกรำคาญผม ก็ขอจงงดจำหน่ายสินค้าให้กับผมได้เลยครับ เพราะผมก็รู้สึกสลดใจกับวิธีการที่เป็นอยู่ของทุกๆท่านมากอยู่แล้ว ผมถามก็ไม่มีคำตอบ ผมอยากทำให้มันเป็นสีขาว ท่านก็จะทำสีเทา ผมอยากทำให้ชัด ท่านก็จะทำให้มันมัว และมีการเลือกปฏิบัติแบบสองหรือสามมาตรฐาน ผมเข้าใจว่าท่านหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ แต่บอกตามตรง มันคล้ายกับประเทศไทยมี ปปช แต่ไม่สามารถไขความกระจ่างเรื่องยืมนาฬิกาเพื่อนนี่แหละครับ 555

ผมว่าไอ้เรื่องยืมนาฬิกาเพื่อนนี่จะเป็นบทเรียนที่สำคัญของประวัติศาสตร์อีกเช่นกัน บางทีผมเคยเผลอนึกว่าไอ้น้ำผึ้งหยดเดียวนี่เหละที่มันจะเปลี่ยนประเทศได้ เขียนมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเดี๋ยวผมอาจจะซวยได้ครับ 555
ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 5
ความคิดเห็นที่ : 43

นายมั่นคง

02/01/2019 16:09:49
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 41 - redondo16
เข้าไปดูใน JD ราคาขึ้นกลับมาพอๆกับมั่นคงละ แต่บางรุ่นก็ถูกกว่า

ก็แล้วแต่นโยบายบ.แม่ล่ะครับ ถ้าต้องการบี้ retail แต่ละประเทศก็คงอยู่ยาก ให้ดีก็ควรมีราคากลางขายในแต่ละประเทศเท่านั้นเท่านี้ (เหมือนอุปกรณ์คอม การ์ดจอ CPU มีราคากลางที่ AMD หรือ intel กำหนด) ถ้าหูฟังก็เห็นอยู่ยี่ห้อสองยี่ห้อมั้งที่ราคา ali พอๆกันแพงกว่าศูนย์ไทย ไม่แน่ใจว่าโดนกำหนดราคามาไหม
เรื่องราคาที่ปรับลงมา ทาง Hifiman แจ้งมาว่าเป็นการทำโปรโมชั่นของเค้าร่วมกับทางมาร์เก็ตเพลสในช่วงปีใหม่ ผมไม่มีสิทธิ์ไปให้เค้าปรับแก้ไขอะไรนะครับ^^

แต่สิ่งที่ผมหารือไปก็คือความชัดเจนว่าจะให้ผมอยู่ตรงจุดไหนของเค้าเหมือนกัน เพราะว่าผมเองก็ไม่อยากโดนลูกค้าด่าหรือเข้าใจผิดว่าผมบวกกำไรไว้มาก แต่อย่างที่เรียนให้ทราบ นี่ก็คืออีกตัวอย่างหนึ่งที่ผมต้องแข่งขันจำหน่ายแข่งกับผู้ผลิต หรือจะให้ผมเป็นโชว์รูม หรือจะให้ผมเป็นแค่คนกลางคอยเดินเรื่อง เพราะผมเองก็ต้องทราบความชัดเจนเช่นกันครับ การต้องสต๊อกสินค้าด้วยเงินสดจำนวนมากๆ แล้วมากองคาที่ผม และผู้ผลิตต้องการมาขายตรงเอง อย่างน้อยต้องตอบผมได้ว่าต้องการให้ผมทำอะไร

แล้วผมก็จะมาใคร่ครวญดูว่าผมทำได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ผมก็คงเลิกจำหน่ายของ Hifiman แน่นอนครับ ทั้งนี้เค้าก็บอกว่ายังคิดไม่ออกว่าจะเอาไงดี ซึ่งตอนนี้อาการแบบนี้เป็นกันทั้งโลกครับ คือผู้ผลิตอยากขายตรง และก็อยากมีคนช่วยขายให้มากๆราย แต่ไม่อยากกำหนดกติกา ไม่มีนโยบายชัดเจน ทุกอย่างอึมครึมหมด ซึ่งไม่ว่าคนไทยหรือคนจีนเป็นเหมือนกันหมดครับ

ผมเขียนแกมบ่นๆเพราะจริงๆผมต้องการทำทุกอย่างให้โปร่งใส ชัดเจน แข่งขันภายใต้กติกาที่เป็นธรรม ดำเนินธุรกิจแบบมีธรรมาภิบาล คือเงินผมก็อยากได้ แต่ถ้าได้แล้วต้องให้คนด่าผมก็ไม่เอาครับ 555
ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 44

wisthawat

02/01/2019 16:13:19
3
เข้าใจความรู้สึกเฮียเลยครับ
ปวดหัวแทนจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 45

นายมั่นคง

02/01/2019 16:36:33
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 44 - wisthawat
เข้าใจความรู้สึกเฮียเลยครับ
ปวดหัวแทนจริงๆ
555 ขอบคุณครับที่ช่วยแบ่งความปวดหัวไปให้

ต้องออกตัวว่าที่เขียนไม่ใช่ประชดประชัน หรือเขียนเพราะอารมณ์ แต่เขียนเพราะอยากให้เพื่อนทุกๆท่านได้ทราบกลไกติดเป็นความรู้ไว้นิดๆหน่อยๆก็ยังดี หรือถ้ามีศูนย์ไหนมาอ่านเจอ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นการย้ำเตือนให้ฉุกคิดครับ หรือถ้ากว่านั้นผมก็คงโดนไล่ให้เลิกไปเองซึ่งไม่ต้องห่วงผมนะครับ 55

นวัตกรรมของโลก เทคโนโลยีใหม่ๆที่คนอุตส่าห์คิดค้น มันต้องมีคนร่วมทางช่วยคิด ช่วยผลักดัน ช่วยวิจัย ช่วยแก้ไข ช่วยนำเสนอ ช่วยให้คนเข้าถึง มันไม่ใช่ธุรกิจล้วนๆอย่างเดียวแบบที่เห็นกันแน่ๆๆครับ ผมอยากจะร้องไห้คนที่ตั้งใจค้าขาย ตั้งใจเดโม่สินค้า ตั้งใจเฟ้นหาพนักงานดีๆ มาให้คำแนะนำ คอยอธิบาย คอยดูแล สาธิต แต่สุดท้ายต้องมาตายน้ำตื้นกับวิธีการโพสขายสินค้าด้วยการกรอกโค้ด และขีดฆ่าราคาง่ายๆ

หลายท่านอาจจะงงว่าอ้าวแล้วทำไมไม่ปรับตัวล่ะเฮีย 55 โธ่ การปรับตัวจะไปยากอะไรครับ อย่างที่เรียนไว้ข้างต้น คือตัด cost ทิ้งให้หมด ปิดหน้าร้านให้หมด แล้วเข้าไปห้ำหั่นราคากันในมาร์เก็ตเพลสให้มันตายกันไปข้างนึง เพื่อ? เพื่อความเติบโตของวงการหูฟัง? หรือของศูนย์? ผมเชื่อว่าลูกค้าอาจจะได้แค่เพียงสินค้าราคาถูกเงิน แต่อาจจะไม่ได้สินค้าที่ถูกใจ หรืออาจจะโดนหลอกล่อจากโปรโมชั่นจนซื้ออะไรมากองที่บ้านก็ไม่รู้

ผมขายสินค้าแบบมี Passion กับมันจริงๆครับ คือการขายสินค้าหูฟังมันมีอะไรมากมายลึกซึ้งกว่านั้น มันมีความสุข ความสนุกในการเล่น ความน่าค้นหา และมันมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนทัศนะของคนเล่น ระหว่างลูกค้ากับร้านค้า สินค้าเชิงนี้มันต้องมีความผูกพัน ความกระหายที่จะเล่น กระหายที่จะฟังครับ และมันจะอุ่นใจถ้ามีเพื่อนหรือมีใครซักคนที่คอยดูแลกันไปได้ตลอดทาง

รับประกันผมไม่ใช่ไดโนเสาร์ที่ปรับตัวไม่เป็นแน่ๆ 555 แต่ผมค่อนข้างจะหัวแข็ง และมีเหตุผลแบบที่คนอื่นได้ยินก็ด่าว่าผมโง่ แต่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เพราะการที่ผมเดินทางมาถึงปีที่ 13 ได้นี้ ผมว่าผมมาไกลเกินฝันไปแล้วครับ

สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ^^





ให้กำลังใจ 4
หยิกหู 0
แจกหู 5
ความคิดเห็นที่ : 46

tutaps

02/01/2019 16:50:52
6
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 42 - นายมั่นคง
มาคุยต่อครับ^^

ตอนนี้สินค้าบางอย่างโดยผู้ค้าบางกลุ่ม มีความสอดคล้องกับมาร์เก็ตเพลสมากอยู่เหมือนกัน แต่สินค้าบางอย่างเช่นหูฟังที่เป็นแบรนด์แมสทั่วไป เป็นสินค้าที่เหมือนกันทุกๆอย่าง แต่กลับมีผู้ค้า 20-30 ราย อันนี้คนที่จะอยู่ได้ก็คือการทำราคาให้ต่ำที่สุด ซึ่งการจะทำราคาต่ำสุดได้ต้องตัดค่าใช้จ่ายออกให้มากที่สุด แล้วก็ขายไปเลยแบบขายขาด ซึ่งบริการหลังการขายคงไม่ต้องพูดถึง เพราะเน้นขายไม่เน้นเคลมหรือบริการต่อเนื่อง หรือถ้ามีประกันก็ต้องเลี่ยงเพื่อให้งานน้อยที่สุด

ผมเองถ้าจำเป็นต้องไปอยู่ ผมก็ต้องตัดค่าใช้จ่ายออกให้หมด โดยต้องลดจำนวนหน้าร้าน-พนักงาน ลดค่าใช้จ่ายในส่วยการทำมาร์เก็ตติ้ง การทำรีวิว หรือตัดแม้กระทั่งการทำแบนเนอร์ให้สวยงาม แล้วที่สำคัญคือไม่มีสินค้าไว้โชว์หรือลองอีกต่อไป เพราะว่าไม่มีหน้าร้านนั่นเอง แล้วทำแบบง่ายๆ คือรูปง่ายๆขีดฆ่าราคาแล้วโพสดื้อๆไปเลย ซึ่งผมไม่อยากทำงานเชิงแบบนี้จริงๆครับ

ผมคิดว่าคนเล่นหูฟัง หรือคนเล่นอะไรก็ตาม มีความต้องการอะไรที่มากกว่าแบบนั้น ต้องการๆซื้อของที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด และต้องเป็นการซื้อที่พลาดน้อยที่สุด ตอนนี้ผมแบบรับภาระ 2 ฟาก คือต้องทำราคาให้ถูกทัดเทียมกับคนอื่นหรือถูกกว่า แต่ในอีกฟากก็ต้องรับภาระพนักงาน ค่าเช่าต่างๆอีกมาก คงอีกไม่นานผมอาจจะต้องตัดสินใจเลือกเอาทางใดทางหนึ่งครับ

แต่ปัญหาที่ผมว่าคือการที่ศูนย์จำหน่ายสินค้าแข่งกับลูกค้าตนเองอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น การเข้าไปอยู่ในมาร์เก็ตเพลสก็คือเข้าไปขายแข่งกับศูนย์ โดยที่ทุกอย่างตอนนี้ไม่มีความชัดเจน หรือหลักการอะไรใดๆทั้งสิ้นว่าตกลงร้านอย่างผมจะอยู่ตรงจุดไหนของห่วงโซ่อาหาร คือจะให้ผมจำหน่ายแข่งขันกับร้านค้าอื่น หรือแข่งกับศูนย์ แล้วแข่งขันภายใต้กติกาอะไร เงื่อนไขอะไร เชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้ไม่มีกติกาครับ

ผมพิมพ์ตรงนี้ ถ้าหากศูนย์ใดอ่านแล้วรู้สึกรำคาญผม ก็ขอจงงดจำหน่ายสินค้าให้กับผมได้เลยครับ เพราะผมก็รู้สึกสลดใจกับวิธีการที่เป็นอยู่ของทุกๆท่านมากอยู่แล้ว ผมถามก็ไม่มีคำตอบ ผมอยากทำให้มันเป็นสีขาว ท่านก็จะทำสีเทา ผมอยากทำให้ชัด ท่านก็จะทำให้มันมัว และมีการเลือกปฏิบัติแบบสองหรือสามมาตรฐาน ผมเข้าใจว่าท่านหยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ แต่บอกตามตรง มันคล้ายกับประเทศไทยมี ปปช แต่ไม่สามารถไขความกระจ่างเรื่องยืมนาฬิกาเพื่อนนี่แหละครับ 555

ผมว่าไอ้เรื่องยืมนาฬิกาเพื่อนนี่จะเป็นบทเรียนที่สำคัญของประวัติศาสตร์อีกเช่นกัน บางทีผมเคยเผลอนึกว่าไอ้น้ำผึ้งหยดเดียวนี่เหละที่มันจะเปลี่ยนประเทศได้ เขียนมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเดี๋ยวผมอาจจะซวยได้ครับ 555
เข้าใจเฮียเลยครับ Marketplace นี่มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปสำหรับแต่ละธุรกิจจริงๆ ในฐานะผู้ผลิตเราก็อยากขายของ ยิ่งในภาวะตลาดขาลงสำหรับธุรกิจผม(หนังสือ) แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราเข้าไปขายตรงเองโดยไม่ลืมหูลืมตาก็อาจไปทำร้ายคู่ค้าของเราซึ่งคือร้านหนังสือ ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่ก็เจอปัญหาเดียวกับเฮียคือสำนักพิมพ์แห่กันไปขายเองใน Marketplace ซึ่ง Marketplace ก็มีข้อดีสำหรับตลาดหนังสือคือเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นมาก ยิ่งในสภาพการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้อายุเฉลี่ยในการวางในร้านสั้นลง ทำให้ Marketplace เป็นช่องทางที่เข้ามาช่วยยืดอายุการขายได้ แต่เราก็พยายามขายเองแบบไม่ให้กระทบร้านค้า เช่น ไม่ลดราคา ให้ลูกค้าจ่ายค่าส่งตามจริง เพื่อให้กระทบกับร้านค้าให้น้อยที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วผมคิดว่าร้านหนังสือก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจหนังสือ แต่ถ้าเราไม่เข้าไปใน Marketplace เลยก็จะเสียโอกาสเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆที่เราไม่เคยเข้าไปถึง

ในเคสของเฮียผมมองว่าอยู่ที่ผู้ผลิตมองว่าช่องทางอย่างเรายังจำเป็นสำหรับเขาไหม ตอนนี้ผมว่าเขายังไม่แน่ใจว่า Marketplace จะมาแทนได้เต็มตัวไหม ถ้าแทนได้ผมว่าเค้าไม่เอาเราแน่ ตอนนี้เค้าเลยยังกั๊กๆอยู่ ซึ่งก็ยิ่งทำให้เฮียวางแผนยากขึ้นไปอีก

ปล. ถึงสั่งเองบางทีถูกกว่าแต่ผมก็ยังเป็นลูกค้าเฮียนะคร้าบ วันก่อนก็พึ่งไปถอยมาอีกหนึ่งตัว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 47

tutaps

02/01/2019 16:56:47
6
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 45 - นายมั่นคง
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 44 - wisthawat
เข้าใจความรู้สึกเฮียเลยครับ
ปวดหัวแทนจริงๆ
555 ขอบคุณครับที่ช่วยแบ่งความปวดหัวไปให้

ต้องออกตัวว่าที่เขียนไม่ใช่ประชดประชัน หรือเขียนเพราะอารมณ์ แต่เขียนเพราะอยากให้เพื่อนทุกๆท่านได้ทราบกลไกติดเป็นความรู้ไว้นิดๆหน่อยๆก็ยังดี หรือถ้ามีศูนย์ไหนมาอ่านเจอ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นการย้ำเตือนให้ฉุกคิดครับ หรือถ้ากว่านั้นผมก็คงโดนไล่ให้เลิกไปเองซึ่งไม่ต้องห่วงผมนะครับ 55

นวัตกรรมของโลก เทคโนโลยีใหม่ๆที่คนอุตส่าห์คิดค้น มันต้องมีคนร่วมทางช่วยคิด ช่วยผลักดัน ช่วยวิจัย ช่วยแก้ไข ช่วยนำเสนอ ช่วยให้คนเข้าถึง มันไม่ใช่ธุรกิจล้วนๆอย่างเดียวแบบที่เห็นกันแน่ๆๆครับ ผมอยากจะร้องไห้คนที่ตั้งใจค้าขาย ตั้งใจเดโม่สินค้า ตั้งใจเฟ้นหาพนักงานดีๆ มาให้คำแนะนำ คอยอธิบาย คอยดูแล สาธิต แต่สุดท้ายต้องมาตายน้ำตื้นกับวิธีการโพสขายสินค้าด้วยการกรอกโค้ด และขีดฆ่าราคาง่ายๆ

หลายท่านอาจจะงงว่าอ้าวแล้วทำไมไม่ปรับตัวล่ะเฮีย 55 โธ่ การปรับตัวจะไปยากอะไรครับ อย่างที่เรียนไว้ข้างต้น คือตัด cost ทิ้งให้หมด ปิดหน้าร้านให้หมด แล้วเข้าไปห้ำหั่นราคากันในมาร์เก็ตเพลสให้มันตายกันไปข้างนึง เพื่อ? เพื่อความเติบโตของวงการหูฟัง? หรือของศูนย์? ผมเชื่อว่าลูกค้าอาจจะได้แค่เพียงสินค้าราคาถูกเงิน แต่อาจจะไม่ได้สินค้าที่ถูกใจ หรืออาจจะโดนหลอกล่อจากโปรโมชั่นจนซื้ออะไรมากองที่บ้านก็ไม่รู้

ผมขายสินค้าแบบมี Passion กับมันจริงๆครับ คือการขายสินค้าหูฟังมันมีอะไรมากมายลึกซึ้งกว่านั้น มันมีความสุข ความสนุกในการเล่น ความน่าค้นหา และมันมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนทัศนะของคนเล่น ระหว่างลูกค้ากับร้านค้า สินค้าเชิงนี้มันต้องมีความผูกพัน ความกระหายที่จะเล่น กระหายที่จะฟังครับ และมันจะอุ่นใจถ้ามีเพื่อนหรือมีใครซักคนที่คอยดูแลกันไปได้ตลอดทาง

รับประกันผมไม่ใช่ไดโนเสาร์ที่ปรับตัวไม่เป็นแน่ๆ 555 แต่ผมค่อนข้างจะหัวแข็ง และมีเหตุผลแบบที่คนอื่นได้ยินก็ด่าว่าผมโง่ แต่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เพราะการที่ผมเดินทางมาถึงปีที่ 13 ได้นี้ ผมว่าผมมาไกลเกินฝันไปแล้วครับ

สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ^^





ชอบที่เฮียว่าเฮียขายแบบมี Passion กับมัน ผมว่าลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่ก็ซื้อของที่นี่เพราะสาเหตุนี้ ของเฮียบางอย่างผมสั่งมาเองได้ถุกกว่า ผมยังซื้อของเฮียเลย จริงเฮียน่าลองปรับรูปแบบร้านเฮียเพิ่มส่วนร้านกาแฟเป็นคาเฟ่ให้ลูกค้ากับเฮียมาแลกเปลี่ยนสาระเรื่องหูฟังกันอาจจะไปได้ดีเลยนะครับ อิอิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 48

Alpha

02/01/2019 18:15:19
112
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 45 - นายมั่นคง

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 44 - wisthawat
เข้าใจความรู้สึกเฮียเลยครับ
ปวดหัวแทนจริงๆ
555 ขอบคุณครับที่ช่วยแบ่งความปวดหัวไปให้

ต้องออกตัวว่าที่เขียนไม่ใช่ประชดประชัน หรือเขียนเพราะอารมณ์ แต่เขียนเพราะอยากให้เพื่อนทุกๆท่านได้ทราบกลไกติดเป็นความรู้ไว้นิดๆหน่อยๆก็ยังดี หรือถ้ามีศูนย์ไหนมาอ่านเจอ อย่างน้อยก็น่าจะเป็นการย้ำเตือนให้ฉุกคิดครับ หรือถ้ากว่านั้นผมก็คงโดนไล่ให้เลิกไปเองซึ่งไม่ต้องห่วงผมนะครับ 55

นวัตกรรมของโลก เทคโนโลยีใหม่ๆที่คนอุตส่าห์คิดค้น มันต้องมีคนร่วมทางช่วยคิด ช่วยผลักดัน ช่วยวิจัย ช่วยแก้ไข ช่วยนำเสนอ ช่วยให้คนเข้าถึง มันไม่ใช่ธุรกิจล้วนๆอย่างเดียวแบบที่เห็นกันแน่ๆๆครับ ผมอยากจะร้องไห้คนที่ตั้งใจค้าขาย ตั้งใจเดโม่สินค้า ตั้งใจเฟ้นหาพนักงานดีๆ มาให้คำแนะนำ คอยอธิบาย คอยดูแล สาธิต แต่สุดท้ายต้องมาตายน้ำตื้นกับวิธีการโพสขายสินค้าด้วยการกรอกโค้ด และขีดฆ่าราคาง่ายๆ

หลายท่านอาจจะงงว่าอ้าวแล้วทำไมไม่ปรับตัวล่ะเฮีย 55 โธ่ การปรับตัวจะไปยากอะไรครับ อย่างที่เรียนไว้ข้างต้น คือตัด cost ทิ้งให้หมด ปิดหน้าร้านให้หมด แล้วเข้าไปห้ำหั่นราคากันในมาร์เก็ตเพลสให้มันตายกันไปข้างนึง เพื่อ? เพื่อความเติบโตของวงการหูฟัง? หรือของศูนย์? ผมเชื่อว่าลูกค้าอาจจะได้แค่เพียงสินค้าราคาถูกเงิน แต่อาจจะไม่ได้สินค้าที่ถูกใจ หรืออาจจะโดนหลอกล่อจากโปรโมชั่นจนซื้ออะไรมากองที่บ้านก็ไม่รู้

ผมขายสินค้าแบบมี Passion กับมันจริงๆครับ คือการขายสินค้าหูฟังมันมีอะไรมากมายลึกซึ้งกว่านั้น มันมีความสุข ความสนุกในการเล่น ความน่าค้นหา และมันมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนทัศนะของคนเล่น ระหว่างลูกค้ากับร้านค้า สินค้าเชิงนี้มันต้องมีความผูกพัน ความกระหายที่จะเล่น กระหายที่จะฟังครับ และมันจะอุ่นใจถ้ามีเพื่อนหรือมีใครซักคนที่คอยดูแลกันไปได้ตลอดทาง

รับประกันผมไม่ใช่ไดโนเสาร์ที่ปรับตัวไม่เป็นแน่ๆ 555 แต่ผมค่อนข้างจะหัวแข็ง และมีเหตุผลแบบที่คนอื่นได้ยินก็ด่าว่าผมโง่ แต่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว เพราะการที่ผมเดินทางมาถึงปีที่ 13 ได้นี้ ผมว่าผมมาไกลเกินฝันไปแล้วครับ

สวัสดีปีใหม่อีกครั้งครับ^^





ขอชมครับเฮีย 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

วัชรวิชญ์

02/01/2019 20:12:28
5
หูฟังตัวแรกที่ซื้อที่ร้านเฮียคือ Hifiman RE 600S ลองฟังหลายตัวกว่าจะตัดสินใจ ถึงทุกวันนี้ก็ยังชอบเสียง แต่ไม่ชอบสาย วันก่อนอ่านกระทู้แล้วเข้าไปดูใน JD Central ด้วย ถึงราคาจะถูกจริง แต่ยังไม่ได้ลอง ไม่รู้ว่าสายของ RE 600S รุ่นใหม่จะดีกว่าเดิมไหม เลยไม่ซื้อ ต่อให้ราคาถูก ถ้าซื้อมาแล้วไม่ถูกใจก็เท่ากับเอาเงินไปทิ้งเปล่า สู้ไปลองแล้วซื้อที่ร้านเฮียไม่ได้ เฮียและทีมงานดูแลลูกค้าดีจริง หูฟังตัวไหนหรือแม้แต่ DAP ซื้อที่ร้านแล้วมีปัญหา น้องๆดูแลดีมาก ขอบคุณเฮียที่เป็นพ่อค้าที่ค้าขายด้วยใจรักจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

สมัครเล่น

02/01/2019 20:31:39
412
เป็นกำลังใจให้เฮียครับ
คนอื่นจะว่ายังไง ผมก็ยังซื้อของเฮียเพราะตัวเฮียนี่ล่ะครับ
เหมือนอุดหนุนเพื่อนกัน คนอื่นมันก็แค่พ่อค้า
อีกหน่อยมันคงขายลูกหมาออนไลน์
ไม่ต้องเลือก ไม่ต้องสัมผัส สั่งเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

นายมั่นคง

02/01/2019 22:26:27
4,282
555 สวัสดีปีใหม่นะครับทุกๆๆท่าน

ที่บอกว่าทำตรงนี้เพราะ passion จริงๆก็เป็นความจริงนะครับ เพราะไม่งั้นผมคงไม่มีปัญญามานั่งตอบนั่งพูดคุยกับทุกๆท่านถ้าหากผมต้องการเงินเพียงอย่างเดียวครับ ถ้าต้องการเงินเพียงอย่างเดียวผมไม่จำเป็นต้องคุยกับใครเลยก็ได้ครับ สบายดีออก 555 แต่ที่ผมอยู่ตรงนี้ก็เพราะความชอบและเป็นเหมือนการสอดส่องดูแลเพื่อนๆทุกๆคน  ใครมีปัญหาอะไรผมแก้ให้ ใครอยากให้ผมปรับปรุงอะไรผมทำให้

ผมทำผิดอะไร ผมมีช่องทางให้ทุกคนต่อว่าได้(จริงๆเรียกด่าก็ได้) 555 แล้วเราก็อยู่กันมาแบบนี้ดูแลกันมาแบบนี้ตลอดครับ และผมพิมพ์ยืดยาวนี้ก็ไม่ใช่มานั่งออดอ้อนขอความเห็นใจ หรือเรียกคะแนนสงสาร เพราะอันนั้นมันดูแล้วเป็นเด็กน้อยไปหน่อย แต่ผมคุยกับทุกๆท่านเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าผมคิดอย่างไร และท่านคิดอย่างไร อะไรที่ดี และอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยน ผมเก็บข้อมูลเหล่านี้ด้วยตัวเองมาตลอดสิบกว่าปีครับ

ผมว่าคนไทยเข้าใจคำว่าออนไลน์ผิดหมดครับ ทุกวันนี้คนไทยคิดว่าคนที่เปิดและมีหน้าร้านคือพวกคร่ำครึ ไม่ทันสมัย ปรับตัวไม่เป็น คนที่เค้าปรับตัวเป็นนู่น เค้าขายของในออนไลน์ไงล่ะ เค้าไม่โผล่หน้ามาให้เห็นหรอก คุยก็ไม่ต้องคุย สงสัยก็ไม่ต้องถาม กดทำรายการและโอนเงินเลย และร้านออนไลน์เค้ามีแจกโค้ดด้วยนะ ส่วนลดมากมาย คนขายของออนไลน์เค้าฉลาด เค้าไม่ต้องมีหน้าร้านเอง เค้าอาศัยหน้าร้านคนอื่นเป็นที่ทดลอง แล้วให้กลับมาซื้อที่เค้าไง  สต๊อกเค้าก็ไม่ต้องซื้อ เค้าใช้วิธีโป๊วเอา ขายตัวนึงโป๊วตัวนึง ขายสองตัวโป๊วสองตัว

คนฉลาดที่เค้าขายของออนไลน์เค้าเป็นแบบนี้ทั้งนั้น พวกมีหน้าร้านเจ๊งไปให้หมดได้แล้ว 555

ผมถามว่าฉลาดตรงไหน ??? 555 สิ่งที่พูดมา เครื่องมือในการรับจ่ายเงิน ช่องทางเข้าถึง ช่องทางโฆษณา ช่องทางสื่อสารระหว่างผมกับลูกค้า ผมทำมาโดยตลอดสิบกว่าปี ร้านมั่นคงเกิดจากออนไลน์แล้วมาขยายเป็นหน้าร้านอย่างที่ทราบๆกันครับ เราทำเพราะคิดว่าสิ่งที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์จริงๆก็คือการเข้าถึงสินค้าจริงๆ ได้ฟังได้สัมผัสจริงๆ และรู้สึกอยากได้มันจริงๆ

ผมมองว่าคนที่ทำออนไลน์แบบมีแนวคิดข้างต้น เป็นเพียงคนทำธุรกิจแบบฉาบฉวย และฉกฉวยโอกาสจากการแผ้วถางทางของคนอื่น โดยเล็งเห็นว่าคนไทยนั้นไม่มีอะไรยากถ้าหากเข้าใจ ป้อนส่วนลด ป้อนโค้ด ป้อนคูปองเยอะๆ ขายแล้วขายเลย อะไรหลังจากนั้นใช้วิธีเบี่ยงเอา เลี่ยงเอา ผมรังเกียจคนที่ทำการค้าลักษณะนี้ครับ เพราะขาดความเป็นสุภาพบุรุษ และขี้ขลาด แต่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ฉลาดเหนือผู้อื่น หรือจะพูดให้ชัดๆก็คือ คิดว่าฉลาดคนเดียวนั่นเอง 555

ผมนั่งตีลังกาคิดยังนึกไม่ออกเลยว่าการขายสินค้าแบบนี้จะยกระดับการค้าออนไลน์ได้อย่างไร จะสร้างสรรค์อะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง นอกจากการชักกำไรกินไปวันๆ ผมเรียนตามตรงถ้าทำงานแค่นี้เป็นผม ผมจะไม่ทำครับ เพราะดูตัวเองไร้คุณค่าและไร้ความน่าสนใจ

ผมอยากจะแนะคนที่คิดว่าเป็นร้านออนไลน์ที่ดี ถ้าอยากยกระดับการค้าออนไลน์ ท่านต้องคิดวิธีที่ลูกค้าได้ประโยชน์ เช่น 30 วัน Money Back หรือเงื่อนไขที่ทำให้คนที่ซื้อออนไลน์จริงๆไม่เสียเปรียบครับ และลูกค้าต้องได้รับความพึงพอใจจริงๆ ซึ่งถ้าท่านดีจริง ร่างเป็นนโยบายเลยว่า 1-2-3 ท่านจะดูแลและคืนเงินอย่างไรให้ลูกค้าถ้าหากลูกค้าไม่พอใจโดยไม่มีเงื่อนไข ใส่ผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจริงๆและได้รับมากกว่าพวกที่มีหน้าร้านอย่างไร

ผมเองพยายามทำทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป ผมอยากเป็นมัลติแชนแนล หรือ Ommi Channel เพราะผมคิดว่าโลกยุคหน้าต้องเป็นแบบนี้ ต้องเอื้อความสะดวกและผลประโยชน์ที่ดีให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ใกล้หรือไกล และมีสินค้าจริงให้ลูกค้าที่หลงใหลอยากเล่นอยากฟังจริงๆให้ฟัง ทุกวันนี้ผมทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อจากออนไลน์หรือไปซื้อที่หน้าร้านก็ได้ในราคาเดียวกัน และต้องเป็นราคาที่แข่งขันได้

ใครใคร่มาซื้อก็มา ใครไม่สะดวกมาซื้อผมอำนวยความสะดวกส่งให้ท่าน

แต่ไม่ใช่ใช้นโยบายฉลาดคนเดียว คนอื่นโง่หมด 555 ปีนี้จะเป็นปีที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดของร้านมั่นคงครับ ผมเดิมพันด้วยอาชีพครับ ถ้าอยู่ไม่ได้ผมเลิก ผมเปลี่ยนอาชีพแน่นอนครับ แต่ถ้าผมอยู่ผมจะต่อสู้เรื่องเหล่านี้ให้กับทุกๆฝ่าย โดยผมยังเล็งเห็นประโยชน์สูงสุดของลูกค้าครับ

ขอพักไปอาบน้ำอาบท่าก่อนนะครับ 555
ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 6
ความคิดเห็นที่ : 52

RockDragon

02/01/2019 22:37:33
2,893
ผมขอมาเป็นกำลังใจให้เฮียสู้ๆด้วยคนครับ
แต่ถ้ามันมากเกินไปจริงๆ เฮียก็อย่าฝืนขาดทุนต่อไปเรื่อยๆนะครับ
เนื่องจากเหตุผลก็มากการกระทำของเจ้าของแบรนด์เองอย่างที่เห็นนี้
เมื่อ10กว่าปีก่อนแถวบ้านผมก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นมาแล้ว
ขนาดตัวแทนจำหน่ายเปิดLCสั่งสินค้าจากผู้ผลิตทำเงินหมุนเวียนเกือบทุกเดือนเป็นพันๆล้าน
สุดท้ายทางผู้ผลิตก็ไปติดต่อขายตรงให้ลูกค้าและตัดทิ้งคนกลางหรือตัวแทนจำหน่ายที่เคยวิ่งเต้นหาลูกค้าทำเดโม่พร้อมมีช่างเองที่ต้องออกค่าใช้จ่ายเองคอยตามทำ service after sale มาตลอดออกไปซะง่ายๆอย่างนั้นเลยครับ
เฮียคงต้องคิดคำนวนให้ถี่ถ้วนพร้อมกับทำการร่างแผนการวิ่งเต้นของบริษัทให้แม่นยำอย่าได้ประหม่าโดยเด็ดขาดครับเนื่องจากณ.วันนี้พวกเจ้าหนี้(แบงค์)มีสายตาคมกริบซะยิ่งกว่าเหยี่ยวกำลังคอยมองหาเหยื่อที่บาดเจ็บแล้วพร้อมทุกเมื่อที่จะจิกซ้ำเติมเหยื่อลงไปอีกด้วยครับ
ผมพูดไม่เก่งครับเฮียและผมก็ไม่อยากพูดต่อไปอีกด้วยครับเพราะอดีตมันสะเทือนใจทุกๆคนแถวๆบ้านผมครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

นายมั่นคง

02/01/2019 23:16:21
4,282
ขอบคุณครับน้าชา 555
น้าชาของผมนี่พูดไม่เก่งแต่คิดเก่งแน่นอนครับ และคนที่จะเข้าใจกลไกเหล่านี้ ต้องเป็นคนที่เคยพบและประสบด้วยตาตนเองถึงจะเข้าใจลึกซึ้งถ่องแท้

ผมเองก็พิมพ์เล่าๆไปตามความรู้สึกที่พบเห็นเหตุการณ์ในช่วงหลังๆนี้ครับ ผมว่าศูนย์ทุกๆศุนย์อยู่ในสภาพกระมิดกระเมี้ยน ยังอยากได้ตัวเลขและอยากได้คู่ค้าอยู่ ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่กล้าหาญในการร่างหรือคิดกติกาการทำธุรกิจร่วมกัน หรือจะบอกว่า โมเดลนี้เป็นโมเดลที่ไม่มีใครอยากเข้าไปจัดการ แต่ปล่อยให้มันมั่วๆอีรุงตุงนังแบบนี้ดีแล้ว 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 54

dearzclash

03/01/2019 09:59:49
12
เป็นกำลังใจให้เฮียและทีมงานเฮียทุกคนครับ ผมใช้บริการร้านเฮีย ความรู้สึกมันเป็นอย่างที่เฮียบอกจริงๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 55

Kai_3m

03/01/2019 10:01:48
28
ผมเป็นคนหนึ่งที่ซื้อของ ร้านเฮียมั่นคง มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา น่าจะราวๆ3-4ปี สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดก็คือทีมงาน ความจริงใจ ความซื้อตรงในการสื่อสารกับลูกค้าของเฮียมั่นคงและทีมงานครับ เป็นกำลังใจให้เฮียมั่นคงคิดและก้าวย่างอย่างมีสติ และ รอบคอบ ครับ ยุคสมัยนี้การค้าขายอย่างตรงไปตรงมายากจริงๆครับ ขอให้ร้านมั่นคงอยู่คู่นักเล่นหูฟังไปนานๆนะครับ สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้เฮียมั่นคงและทีมงานสุขภาพแข็งแรง คิดสิ่งใดสมความปรารถนา ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 56

Poisoned

03/01/2019 11:15:33
0
ล่าสุดราคาใน JD ของ official store ปรับมาเท่ากับหน้าร้านแล้วครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

crabfather

03/01/2019 13:09:15
166
สงสัยมีคนเห็นกระทู้นี้แน่ๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

หมีหวาน

03/01/2019 14:19:17
9
สวัสดีปีใหม่ครับเฮีย ขอเป็นกำลังใจ และจะอุดหนุนเฮียตลอดไปครับ แม้วิธีการค้าขาย และ พฤติกรรมของผุ้บริโภคที่เปลี่ยนไป Loyalty จะน้อยลง 
หรือแม้จะเจอสินค้าที่ไหนให้ราคาดีกว่า หรือไปเจอที่ต่างประเทศราคาถูกกว่า  ผมก็ยังกลับมาซื้อร้านเฮีย และเห็นด้วยกับพี่สมัครเล่นที่ว่า....

"คนอื่นจะว่ายังไง ผมก็ยังซื้อของเฮียเพราะตัวเฮียนี่ล่ะครับ
เหมือนอุดหนุนเพื่อนกัน คนอื่นมันก็แค่พ่อค้า"
ไปร้านเอีย ผมไม่ได้รับแต่หูฟัง หรือเครื่องเล่น แต่ได้ประสบการณ์ บรรยากาศ และ มิตรภาพ 
สำหรับผมเฮียไม่ได้แค่ขายสินค้า แต่ให้ความรู้ และความรักด้วยครับ
ว่าแล้วเย็นนี้ ผมจะแวะไปหา ผจก.กิฟท์ คุณแม่คนสวย ซื้อลำโพงไปจับสลากปีใหม่ดีกว่า
เผื่อเล็งตัวไหนไว้ฟังเองด้วย 555

ซื้อเฮียมาตั้งแต่ปีแรก ๆ ยังซื้อเป็นระยะ ๆ และจะซื้อกันตลอดไปครับ
สวัสดีปีใหม่ครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

สงสัย

03/01/2019 17:25:29
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 57 - crabfather

สงสัยมีคนเห็นกระทู้นี้แน่ๆ

แสดงว่างานนี้ไม่เกี่ยวกับมาตรการภาษีหรือโปรโมชั่นปีใหม่อะไรตามที่อ้างกันทั้งนั้น แต่เป็น Hifiman เองที่ปรับราคาขึ้นลงได้ตามอำเภอใจ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ งานนี้ Hifiman เผลอ "ทำปืนลั่น" ทำให้ลูกค้าได้เห็นธาตุแท้ว่าตอนแรก Hifiman ตั้งราคาขายปลีก Susvara แบบ overpriced มาเยอะเกินไปมากๆ ชนิดที่ว่าลดราคาไป 40,000-50,000 ก็ยังมีกำไร ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

ManPlayEar

03/01/2019 20:04:01
21
เขาตัดราคามานานแล้ว
https://www.m.ebay.com/sch/i.html?sid=hifimanofficial&isRefine=true&_pgn=1
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

นายมั่นคง

04/01/2019 02:36:29
4,282
ยังเข้าใจไม่ถูกซะทีเดียวครับ^^ คือราคาที่ผมตั้งและต่างจากราคาที่เค้าแจ้งลดแล้ว 4-50000 บาท เป็นเพราะผมซื้อสินค้าได้ส่วนลดจากเค้าในอัตราหนึ่ง พอผมเอาเข้าเมืองไทยผมเสียภาษีนำเข้า และ VAT ด้วยครับ ราคาก็เลยสูงขึ้นไปอีก 17% ซึ่งอันนี้เป็นข้อเสียเปรียบที่การส่งของมาจากจีนภายใต้สังกัดมาร์เก็ตเพลส จะได้รับยกเว้นการเสียภาษี

พอทาง hifiman เค้าอยากจะขายสินค้าในออนไลน์ เค้าก็อยากดึงดูดความสนใจของลูกค้าด้วยลดราคาหนักๆ ซึ่งในแง่ของผุ้ผลิตหรือโรงงาน การที่ต้องการขายตรงและนำสินค้าตัวเองขายในมาร์เก็ตเพลสคล่องๆ ก็แค่เอาราคาที่จะต้องขายส่งให้ผม ไปลดขายเองซะเลยในมาร์เก็ตเพลส ยังไงก็ยังเหลือกำไรมากกว่า นี่คือการค้ายุคปัจจุบันที่โรงงานก็ต้องการขายเอง

ถามว่าปืนลั่นหรือเปล่า ผมตอบว่าไม่ใช่หรอกครับ ด้วยเหตุผลที่เรียนไว้ข้างต้น คือเค้าต้องเรียกความสนใจจากลูกค้าก่อน และเค้าสามารถลด-เพิ่มราคาเองหรือต่อรองกับเค้าได้เองแน่ๆครับ ซึ่งอันนี้ทำโดยไม่ได้คิดว่าจะมีผลเสีย เพราะผลเสียเมื่อบวกลบคูณหารแล้ว ผมเชื่อว่าตัวเลขจากในไทยน่าจะตกหาย เพราะคนก็ไม่ซื้อที่ผม และรอซื้อเอาจากในมาร์เก็ตเพลสแทน 55

ส่วนคำถามว่าเค้าตั้งราคา Overpriced ถึงลดได้เยอะขนาดนี้ใช่หรือไม่ ตอบว่าในส่วนของผู้ผลิต เค้าไม่ได้ตั้ง Overpriced หรอกครับ เพราะในความเป็นจริงของผู้ผลิต บางทีราคาวางขาย MSRP 200,000 บาท แต่ต้นทุนการผลิตอาจจะเพียงแค่ 10,000 บาทเองครับ แต่อย่าลืมว่าโรงงานต้องมีต้นทุนการออกแบบ ดีไซน์ วิจัย และค่ามาร์เก็ตติ้ง ของพวกนี้ต่างหากที่มาเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

และโรงงานเค้ามีการตีต้นทุนสินค้าตัวเองอยู่แล้ว รุ่นไหนดีไม่ดี รุ่นไหนขายน้อยขายมาก เมื่อไหร่ที่เค้าคิดว่าเค้าอยากจะลดเพื่อให้ขายได้ ยังไงก็ลดเยอะได้ครับ

สิ่งที่ผมบอกว่าจะเป็นผลเสียต่อตัว Hifiman เอง ก็เพราะคนรู้สึกว่าเค้าบวกเยอะแล้วลดเองได้เยอะ แล้วก็พลอยมองว่าผมบวกเยอะอีกทอด พอคนคิดลบต่อแบรนด์ ยอดขายก็จะตกไปเองโดยปริยาย ซึ่งอันนี้คือผลเสียอย่างที่ผมแจ้งไว้ข้างต้น การค้าออนไลน์เป็นเรื่องละเอียดอ่อน การจะบริหารอารมณ์ตั้งแต่ผู้ผลิต-ผู้นำเข้า-ผู้ค้าปลีก-ลูกค้า ให้รู้สึกดีต่อกันทั้งวงจร เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ทำกันส่งเดชแบบในปัจจุบัน

เมื่อไหร่ที่แบรนด์อยากจะขายเองโดยตรง ถึงแม้แบรนด์จะดี และเก่งในเรื่องคิดค้นผลิตภัณฑ์ แต่ผู้ชำนาญเรื่องช่องทางขายกลับเป็น distributor หรือ retailer หากแบรนด์คิดแบบนี้ คนอื่นๆอาจจะไม่ร่วมมือและโบกมือลา สุดท้ายแบรนด์ก็ต้องขายเองคนเดียว ซึ่งผมเชื่อว่าบางแบรนด์ก็อาจจะทำได้ และบางรายก็ทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครเก่งทุกเรื่องบนโลกใบนี้ครับ^^
ให้กำลังใจ 5
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 62

สงสัย

04/01/2019 09:29:57
โอ้ เป็นแบบนี้เอง กระจ่างเลยครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

feelsbadman

04/01/2019 11:46:15
ไม่คิดว่าทีม HiFiMAN จะคิดอะไรง่ายๆแบบนี้

จำได้ช่วงเฮียรีวิว RE400 ให้เกียรติแบรนนี้มาก เล่าเท้าความความเป็นมาไว้อย่างดี หรือพูดได้ว่าให้เกียรติทุกแบรนด์ที่เฮียนำมาขาย

เวลามาอ่านเรื่องหูฟังในเว็บนี้ ก็จะมีสตอรี่ของหูฟังยี่ห้อนั้นๆให้ได้อ่าน ไม่ใช่การขายประเภทเน้นออกเร็ว ออกเยอะ

พอทำแบบนี้รู้สึกคุณค่าไม่ต่างกับหูฟังจีนแบรนด์ทั่วๆไปเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

ake150cc

04/01/2019 12:07:58
23

HiFiMAN เวลาแกนึกจะลดสินค้าตัวเอง ก็ลดแบบมโหฬารหลายทีแล้วนะ

นึกย้อนไปถึงตอน Eidition X ออกแรกๆเปิดตัวมา 6x,xxx บาท

น่าจะไม่กี่เดือน ออกตัว V2 มาแก้จุดอ่อน ลดดื้อๆเหลือ 49,xxx บาท

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

ผมว่านะ

04/01/2019 13:13:44
เอาน่า ตอนนี้ราคา hifiman ในเว็บเจดีย์ก็ปรับราคาขึ้นมาเท่าเว็บเฮียแล้ว ก็ถือว่าจบเรื่องกันไป (รึเปล่า?)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 66

ลูกตาล Reus Glass

04/01/2019 13:20:07
96
จำได้ถึงตอนRE400ที่ปลุกปั้นมาตอนนั้น
ว่าแต่ปี2019แล้ว รบกวนเฮียมาอัพเดทชุดพกพาหน่อยได้มั้ยครับ เผื่อผ่านมาเห็น
ล่าสุดผมจำได้ว่าเฮียพกdita กับไอโฟน?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

นายมั่นคง

04/01/2019 15:30:23
4,282
ล่าสุดครับ

ทาง Hifiman แจ้งกับผมมาว่าต้องการให้ผมนำสินค้าเข้าไปขายในมาร์เก็ตเพลสเจ้าใหญ่ในไทย 3 เจ้า เพราะทาง Hifiman บอกว่าการที่ไม่มีแบรนด์เค้าในช่องทางเหล่านี้ เค้าบอกว่าเค้าเสียเปรียบคู่แข่งในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไทยหรือจีน ซึ่งถ้าผมไม่ยอมเอาสินค้าเค้าขึ้นในช่องทางนี้ เค้าจำเป็นต้องหาคนอื่นมาทำแทนผมตรงช่องทางในมาร์เก็ตเพลส

ซึ่งผมก็บอกว่าในฐานะที่ผมเป็น distributor ว่าสามารถตอบสนองตรงนี้ได้ แต่ผมบอกว่ามันไม่ได้ผลกับสินค้าที่เป็นกลุ่มเฉพาะทางอย่างแบรนด์เค้า เพราะสินค้าเชิงนี้การทำมาร์เก็ตติ้งแบบโหลๆ ในมาร์เก็ตเพลส ไม่มีทางที่ลูกค้าสนใจและอยากได้ เพราะราคามันจะสวิงขึ้นลงจนคนไม่กล้าซื้อเพราะกลัวเสียค่าโง่นะ ซึ่งตอนนี้เค้าก็คงคุยกันเองภายในอยู่

ผมเองมาอัพเดทให้ทราบ บางทีอาจจะมีแบรนด์ Hifiman ไปอยู่ในมาร์เก็ตเพลส แต่ถ้ามีเข้าไปนั่นหมายถึงผมต้องทำราคาลงมาแข่งขันกับช่องทางอื่นๆของเค้าได้ และต้องดูว่าเค้าสรุปกันอย่างไร ถ้าหลักการมันเป็นไปไม่ได้ เค้าก็คงเปลี่ยนผมออก โดยหาคนที่เหมาะสมกับวิธีคิดของเค้ามาเป็นตัวแทนๆผมครับ
ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 68

Number9IX

04/01/2019 15:53:58
51
แต่ถ้าเป็น Hi-END ผมยังสะดวกใจที่มี Reseller หรือมี Distributor ที่มีตัวตนจับต้องได้มากกว่า
ผมว่าเรื่องที่เฮียจะเอาไปสู้ได้คือ Serveice และ After service นะครับ
เพราะถ้าไม่มีคนกลางเวลาเคลม/ซ่อมมันโคตรจะยุ่งยาก + เอาแน่เอานอนไม่ได้ยังไงไม่รู้ ไหนจะต้องมาตามเรื่องเองให้ปวดหัวอีก -*-
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

Sonic Street Fighter

04/01/2019 16:07:27
56
ได้แต่หวังว่า ibasso คงไม่ลงมาเล่นด้วยนะครับ
ผมชอบแบรนด์นี้มาก จากที่ผ่านๆมา มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆแบบก้าวกระโดดเลย
อยากให้ความสัมพันธ์ของเฮียกับ ibasso อยู่กันไปอีกนานแสนนานจริงๆเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

ผมว่านะ

04/01/2019 17:22:46
เอาใจช่วยให้เฮียสามารถบรรลุข้อตกลงกับ hifiman ได้โดยเร็วนะครับ เพราะถ้าจบไม่สวยเราคงได้เห็นเฮียจัดโปรลดล้างสต็อคเทกระจาด hifiman ออกมาแน่ๆ ชนิดที่ว่าคุณ Fang มาเห็นราคาแล้วถึงกับเข่าทรุดเลย (ซึ่งแน่นอนว่าผมคนนึงล่ะที่รอช้อนซื้ออยู่)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

นายมั่นคง

04/01/2019 17:41:13
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 69 - Sonic Street Fighter
ได้แต่หวังว่า ibasso คงไม่ลงมาเล่นด้วยนะครับ
ผมชอบแบรนด์นี้มาก จากที่ผ่านๆมา มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆแบบก้าวกระโดดเลย
อยากให้ความสัมพันธ์ของเฮียกับ ibasso อยู่กันไปอีกนานแสนนานจริงๆเลยครับ
ผมเองก็ภาวนาว่าอย่าให้ทุกๆแบรนด์คิดเหมือนกันเลยครับ ทุกวันนี้เหลือ iBasso อยู่แบรนด์เดียวที่ผมยังคงคุยเมล์และอื่นๆด้วยตัวเอง ด้วยความที่คุยกันกับเจ้าของเองมาสิบกว่าปี 

แต่ถ้าแบรนด์ต้องการขายเองโดยตรง พวก Reseller อย่างผมทำราคาแข่งขันกับเจ้าของเองไม่ได้หรอกครับ ถ้าทุกคนต้องการดำเนินการแบบนี้หมด ผมก็ถึงกาลต้องเลิกเหมือนกันครับ 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 72

birdloso

04/01/2019 17:52:00
24
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 67 - นายมั่นคง
ล่าสุดครับ

ทาง Hifiman แจ้งกับผมมาว่าต้องการให้ผมนำสินค้าเข้าไปขายในมาร์เก็ตเพลสเจ้าใหญ่ในไทย 3 เจ้า เพราะทาง Hifiman บอกว่าการที่ไม่มีแบรนด์เค้าในช่องทางเหล่านี้ เค้าบอกว่าเค้าเสียเปรียบคู่แข่งในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นที่ไทยหรือจีน ซึ่งถ้าผมไม่ยอมเอาสินค้าเค้าขึ้นในช่องทางนี้ เค้าจำเป็นต้องหาคนอื่นมาทำแทนผมตรงช่องทางในมาร์เก็ตเพลส

ซึ่งผมก็บอกว่าในฐานะที่ผมเป็น distributor ว่าสามารถตอบสนองตรงนี้ได้ แต่ผมบอกว่ามันไม่ได้ผลกับสินค้าที่เป็นกลุ่มเฉพาะทางอย่างแบรนด์เค้า เพราะสินค้าเชิงนี้การทำมาร์เก็ตติ้งแบบโหลๆ ในมาร์เก็ตเพลส ไม่มีทางที่ลูกค้าสนใจและอยากได้ เพราะราคามันจะสวิงขึ้นลงจนคนไม่กล้าซื้อเพราะกลัวเสียค่าโง่นะ ซึ่งตอนนี้เค้าก็คงคุยกันเองภายในอยู่

ผมเองมาอัพเดทให้ทราบ บางทีอาจจะมีแบรนด์ Hifiman ไปอยู่ในมาร์เก็ตเพลส แต่ถ้ามีเข้าไปนั่นหมายถึงผมต้องทำราคาลงมาแข่งขันกับช่องทางอื่นๆของเค้าได้ และต้องดูว่าเค้าสรุปกันอย่างไร ถ้าหลักการมันเป็นไปไม่ได้ เค้าก็คงเปลี่ยนผมออก โดยหาคนที่เหมาะสมกับวิธีคิดของเค้ามาเป็นตัวแทนๆผมครับ
เข้ามาให้กำลังใจเฮียครับ เฮียอ่านเกมส์ได้ถูกต้องแล้วครับ เพราะ สินค้าพวกนี้ เฉพาะทางมากๆ ต้องลองเทส ทดลองกันจริงๆจัง ก่อนจะซื้อกันง่ายๆ แถมบริการหลังการขายก็สำคัญครับ ทุกวันนี้แค่สู้กับของหิ้วที่ผุดเป็นดอกเห็ดก็เหนื่อยละครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73

Peerasak

04/01/2019 17:58:43
6
หูฟังตัวละหลายพันอัพไปยันหลักหมื่นหลักแสนยังไงก็ต้องมี distributor เอาไว้ลองฟังครับ ผมอยากรู้เหมือนกันถ้าเฮียไม่ขายซักคนใครจะกล้ากดสั่งซื้อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74

Number9IX

04/01/2019 20:33:53
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 73 - Peerasak

หูฟังตัวละหลายพันอัพไปยันหลักหมื่นหลักแสนยังไงก็ต้องมี distributor เอาไว้ลองฟังครับ ผมอยากรู้เหมือนกันถ้าเฮียไม่ขายซักคนใครจะกล้ากดสั่งซื้อครับ

ถ้าเจ้าตัวมาเปิดศูนย์บริการหรือศูนย์ซ่อม/เคลมในประเทศเองแล้วประกัน Worldwide แบบ Apple อันนี้ผมว่า Distributor ตายของจริง
อนาคตมีสิทธิ์จะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

ผมว่านะ

04/01/2019 20:47:16
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 74 - Number9IX

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 73 - Peerasak

หูฟังตัวละหลายพันอัพไปยันหลักหมื่นหลักแสนยังไงก็ต้องมี distributor เอาไว้ลองฟังครับ ผมอยากรู้เหมือนกันถ้าเฮียไม่ขายซักคนใครจะกล้ากดสั่งซื้อครับ

ถ้าเจ้าตัวมาเปิดศูนย์บริการหรือศูนย์ซ่อม/เคลมในประเทศเองแล้วประกัน Worldwide แบบ Apple อันนี้ผมว่า Distributor ตายของจริง
อนาคตมีสิทธิ์จะเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

ถ้ายอดขาย hifiman ในไทยไม่แรงเหมือน iPhone เขาคงไม่คิดมาเปิดศูนย์ในไทยหรอกครับ ขายออนไลน์สบายกว่าเยอะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76

นายมั่นคง

04/01/2019 21:05:02
4,282
ผมเข้าใจดีครับว่าช่องทางออนไลน์แบบแพลทฟอร์มยักษ์นั้น ทาง Hifiman เค้าบอกว่าเป็นช่องทางที่ใหญ่และในเมืองจีนถือว่าเป็นสนามแข่งขันของเค้า การที่ไม่มีแบรนด์เค้าในช่องทางเหล่านี้ โดยเฉพาะประเทศไทย เค้าถือว่าเสียเปรียบคู่แข่ง

แต่ความเห็นผม ผมกลับคิดว่าสินค้าเฉพาะทางขนาดนี้ การเข้าจำหน่ายในช่องทางพวกนี้ไม่น่าจะสร้างการรับรู้ที่ดีให้กับคนเล่นครับ และการเอาโปรโมชั่นมาล่อใจคนเล่น ผมคิดว่าทำได้แค่ช่วงแรก หลังจากนั้นจะไม่ได้รับความสนใจอีกต่อไป แบรนด์ไหนที่ลดบ่อย ลดเยอะ ลดหนัก อย่าคิดว่าคนซื้่อเค้าจะซื้อนะครับ แบรนด์พวกนี้คนที่เล่นจริงๆกลับไม่สนใจการขายแบบช่องทางแบบนี้ เพราะมูลค่าหลังการซื้อแล้วมันไม่มีเลย จะซื้อเล่นใช้ซัก 2-3 ปีแล้วขายก็ไม่กล้า เพราะมูลค่ามันสวิงขึ้นลงจนคนไม่เล่นไม่ซื้อ

แต่ผมคิดว่าสินค้าเฉพาะทางขนาดนี้ ต้องการๆดูแลเรื่องประกัน การเดโม การทดลองจริงๆจังๆ อายุประกันนี่ก็สำคัญ และที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้คนซื้อเค้าเห็นให้ได้ว่าจริงมันดีอย่างไร  ซึ่งของพรรค์นี้เป็นเรื่องต่างจิตต่างใจ สองคนยลตามช่อง ผมมองอย่างหนึ่ง เค้ามองอย่างหนึ่ง ยิ่งถ้าแบรนด์โดดมาขายเอง โดยใส่ส่วนลดจนลูกค้ามองเปรียบเทียบว่าผมขายแพง ผมก็คงถอยและเลิกจำหน่ายเหมือนกัน

ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายเค้าแล้วครับ ถ้าเป็นเงื่อนไขที่ผมสู้ไม่ไหว ผมก็เลิกครับ 555 แต่เสียดายเหมือนกันครับ อุตส่าห์ทำกันมาสิบกว่าปี 555 แต่ผมก็ยอมรับความคิดเห็นของเค้าเช่นกัน ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าทาง Hifiman จะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขนาดไหนนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 77

chirawatf

05/01/2019 11:32:36
2
ผมลองวาดภาพในอนาคตว่าถ้าไม่มีร้านค้า ที่ให้ลองได้จับสินค้า และเข้าถึงจิตใจลูกค้า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสปการณ์ เป็นเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกันเแบบร้านเฮีย เหลือแต่ร้านค้า online คงไม่มีใครสนใจ กล้าสั่งซื้อ หูฟังแพงๆมาเล่นแน่ๆ ถึงมีก็น่าจะน้อยคนมาก เพราะไม่สนุก ไม่มีเพื่อนเล่นไปด้วยกัน ไม่มีกระทู้มาคุยทักทายกัน แลกเปลี่ยนประสปการณ์กันแบบทุกวันนี้ จนได้นัดพบกันเป็นเพื่อนกันจริงๆไปเลยก็เยอะ  พอไม่มีบรรยากาศมิตรภาพแบบเดิมๆ สุดท้ายร้านค้า online ก็คงแข่งตัดราคากันจนพากันเจ๊งกันไปเองแหละครับ  ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เห็นผลประกอบการที่ผ่านมาขาดทุนกันหมดทั้ง shopee ทั้ง lazada ถึงยอดขายจะเติบโตแต่ผลประกอบการกลับขาดทุนมากขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 78

chirawatf

05/01/2019 11:34:40
2
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

chirawatf

05/01/2019 11:36:11
2
บริษัทที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจริงๆคือ บริษัทขนส่งสินค้าอย่าง Kerry ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80

ได้แต่รอดู

05/01/2019 11:54:53
ในแอพสีส้มก็มีตัวอย่างให้เห็นอยู่เยอะ แบรนด์ JVC ATH SONY SENN สินค้าในสต๊อกไม่ลดเลย

หูฟังมันไม่เหมือนทีวี สมาร์ทโฟน ที่ดูสเป็คแล้ว จะรู้ได้ทันทีว่าชอบหรือไม่ชอบ คุ้มไม่คุ้ม สินค้าพวกนั้นขายดิบขายดีในแอพนั้น

นอกจากว่าเค้าจะใจเด็ดกล้าทำแบบไม่ชอบแล้วคืนสินค้า คืนเงินเต็มจำนวน แต่ก็คงมีเละเจอคนหลากหลายแบบ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

Tourweb

05/01/2019 12:54:26
ชอบกระทู้ในเวปเฮียจัง  อ่านแล้วได้รู้อะไรใหม่ๆ เยอะดี

ขอแชร์ที่เคยคุยเล่นกับเพื่อนที่เค้าอยู่โรงงานผลิตสินค้าเสื้อผ้าบ้าง
เห็นเพื่อนบอกว่าพวก alibaba เค้าจะมีเงื่อนไขให้ผู้ขายทำรายงานขาย  ยอดสต๊อคสินค้า ฯลฯ
ในรูปแบบที่เค้ากำหนด   สุดท้ายผู้ขายรายย่อยก็จบลงด้วยการต้องเช่า cloud ของ alibaba

เคยอ่านข่าวเจอมาว่าทั้ง alibaba และ amazon มีกำไรส่วนใหญ่จากการให้เช่า cloud ครับ
กำไรจากการให้ใช้ช่องทางขายของนี้มีนิดเดียว   มองอีกมุมก็คือรีดกำไรเอาจากผู้ขายรายย่อย
เรียกได้ว่าผู้ขายรายย่อยหรือจะเป็นผู้ผลิตเอง ถ้าไปเล่นตามเกมนี้  ก็ถูกบีบจนหน้าเขียวเลยแหละ
ผมว่าที่เฮียเลือกทำอยู๋ตอนนี้น่าจะไปได้ดีกว่า

แต่แอบสงสัยนิดครับเฮีย  ว่าทำไมสั่งของออนไลน์จากจีนแล้วไม่เสียภาษี
ผมลองเสริช์ดู  ถ้าของราคาเกิน 1500 บาท ก็ต้องเสียภาษีน่ะครับ
ตามข้อตกลง ACFTA (Asian China Free Trade Area) ตั้งแต่ปี 2547
หรือว่ามีอะไรอัพเดทกว่านี้ครับ

อ้างอิงจากที่หามาได้น่ะครับ

https://pawoot.wordpress.com/2017/10/13/why-china-free-shipping-and-tax-free/

https://pantip.com/topic/35273661

https://www.youtube.com/watch?v=41_Luusf9K4

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82

Tourweb

05/01/2019 13:03:00
พูดถึงหูฟังราคาแกว่งไปมา   เพิ่งซื้อ ier-m9 ที่เรือธงไปตอนปลายตุลาคม
มาเห็นโปร sony ตอนต้นธันวาคมแล้วช้ำใจ
เพิ่งจะซื้อมาเดือนกว่าๆ  ลดไป 6-7000 บาทเลย  T_T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83

Tourweb

05/01/2019 13:08:00
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 82 - Tourweb
พูดถึงหูฟังราคาแกว่งไปมา   เพิ่งซื้อ ier-m9 ที่เรือธงไปตอนปลายตุลาคม
มาเห็นโปร sony ตอนต้นธันวาคมแล้วช้ำใจ
เพิ่งจะซื้อมาเดือนกว่าๆ  ลดไป 4-5,000 บาทเลย (แก้ไข) T_T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84

ลูกตาล Reus Glass

05/01/2019 16:31:12
96
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 81 - Tourweb

ชอบกระทู้ในเวปเฮียจัง  อ่านแล้วได้รู้อะไรใหม่ๆ เยอะดี

ขอแชร์ที่เคยคุยเล่นกับเพื่อนที่เค้าอยู่โรงงานผลิตสินค้าเสื้อผ้าบ้าง
เห็นเพื่อนบอกว่าพวก alibaba เค้าจะมีเงื่อนไขให้ผู้ขายทำรายงานขาย  ยอดสต๊อคสินค้า ฯลฯ
ในรูปแบบที่เค้ากำหนด   สุดท้ายผู้ขายรายย่อยก็จบลงด้วยการต้องเช่า cloud ของ alibaba

เคยอ่านข่าวเจอมาว่าทั้ง alibaba และ amazon มีกำไรส่วนใหญ่จากการให้เช่า cloud ครับ
กำไรจากการให้ใช้ช่องทางขายของนี้มีนิดเดียว   มองอีกมุมก็คือรีดกำไรเอาจากผู้ขายรายย่อย
เรียกได้ว่าผู้ขายรายย่อยหรือจะเป็นผู้ผลิตเอง ถ้าไปเล่นตามเกมนี้  ก็ถูกบีบจนหน้าเขียวเลยแหละ
ผมว่าที่เฮียเลือกทำอยู๋ตอนนี้น่าจะไปได้ดีกว่า

แต่แอบสงสัยนิดครับเฮีย  ว่าทำไมสั่งของออนไลน์จากจีนแล้วไม่เสียภาษี
ผมลองเสริช์ดู  ถ้าของราคาเกิน 1500 บาท ก็ต้องเสียภาษีน่ะครับ
ตามข้อตกลง ACFTA (Asian China Free Trade Area) ตั้งแต่ปี 2547
หรือว่ามีอะไรอัพเดทกว่านี้ครับ

อ้างอิงจากที่หามาได้น่ะครับ

https://pawoot.wordpress.com/2017/10/13/why-china-free-shipping-and-tax-free/

https://pantip.com/topic/35273661

https://www.youtube.com/watch?v=41_Luusf9K4

เรื่องภาษีออนไลน์ นี่น่าจะต้องเช็คแหล่งที่ใหม่กว่านี้ครับ เพิ่งเซ็นกันปีที่แล้ว ตอนแจ็คหม่ามานั่นแหละครับ
ผมก้ไม่ชัวร์นะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85

นายมั่นคง

05/01/2019 18:09:58
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 77 - chirawatf
ผมลองวาดภาพในอนาคตว่าถ้าไม่มีร้านค้า ที่ให้ลองได้จับสินค้า และเข้าถึงจิตใจลูกค้า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสปการณ์ เป็นเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกันเแบบร้านเฮีย เหลือแต่ร้านค้า online คงไม่มีใครสนใจ กล้าสั่งซื้อ หูฟังแพงๆมาเล่นแน่ๆ ถึงมีก็น่าจะน้อยคนมาก เพราะไม่สนุก ไม่มีเพื่อนเล่นไปด้วยกัน ไม่มีกระทู้มาคุยทักทายกัน แลกเปลี่ยนประสปการณ์กันแบบทุกวันนี้ จนได้นัดพบกันเป็นเพื่อนกันจริงๆไปเลยก็เยอะ  พอไม่มีบรรยากาศมิตรภาพแบบเดิมๆ สุดท้ายร้านค้า online ก็คงแข่งตัดราคากันจนพากันเจ๊งกันไปเองแหละครับ  ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เห็นผลประกอบการที่ผ่านมาขาดทุนกันหมดทั้ง shopee ทั้ง lazada ถึงยอดขายจะเติบโตแต่ผลประกอบการกลับขาดทุนมากขึ้น
สวัสดีครับหมอเอฟ 55

ตอนนี้พวกอะไรที่เป็นการเล่นแบบเชิงลึกน่าจะล่มสลายในอีกไม่นาน เพราะว่าไม่มีใครทนทำอาชีพเชิงนี้ไหวในขณะที่ปัจจัยภายนอกไม่เอื้ออำนวย อย่างที่ผมบอกครับ สินค้าเชิงลึกแต่จะขายกันเชิงโหล ผมว่าผู้ประกอบการทุกรายก็คงต้องยอมสารภาพบาปยุติบทบาทและเลิกในที่สุด

ประเด็นเรื่องมาร์เก็ตเพลสขาดทุนนั้น เป็นเรื่องปกติครับ คือผมเคยคุยกับ CEO ของสินค้าจีนค่ายใหญ่ในไทย เค้าบอกว่า มาร์เก็ตเพลสเค้าวางแผนระยะยาวไว้แล้วดังนี้

- ใช้เวลา 5 ปีในการอัดเม็ดเงินเพื่อให้คนติดแพลทฟอร์มงอมแงมก่อน
- รอเวลา 5 ปี ให้ธุรกิจค้าปลีกตายกันสนิทกันให้หมดก่อนส่วนผู้นำเข้าอย่างน้อยขอแค่พิการ
- แล้วก็ถึงเวลาเริ่มต้นสตาร์ทธุรกิจที่จะเอาเงินกันแบบจริงๆจังๆซะที

มีแค่นี้ครับ ไม่มีอะไรมาก 55 พวกแพลทฟอร์มยักษ์ไม่ได้มองกำไรขาดทุนเหมือนร้านขายปลีกในไทย ซึ่งขาดทุนแค่ 2-3 เดือนติดกันก็จะเป็นจะตายแล้ว แต่มือระดับโลกเค้ามีเงินมากพอที่จะรอพวกกระจิบกระจอกตายให้หมดก่อนได้ครับ หมดเมื่อไหร่ก็สะดวกโยธินครับ 555

นี่ผมจำได้ว่าระยะเวลาเริ่มผ่านไปเพียง 2 ปีเศษๆเองครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 86

นายมั่นคง

05/01/2019 18:23:31
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 81 - Tourweb
ชอบกระทู้ในเวปเฮียจัง  อ่านแล้วได้รู้อะไรใหม่ๆ เยอะดี

ขอแชร์ที่เคยคุยเล่นกับเพื่อนที่เค้าอยู่โรงงานผลิตสินค้าเสื้อผ้าบ้าง
เห็นเพื่อนบอกว่าพวก alibaba เค้าจะมีเงื่อนไขให้ผู้ขายทำรายงานขาย  ยอดสต๊อคสินค้า ฯลฯ
ในรูปแบบที่เค้ากำหนด   สุดท้ายผู้ขายรายย่อยก็จบลงด้วยการต้องเช่า cloud ของ alibaba

เคยอ่านข่าวเจอมาว่าทั้ง alibaba และ amazon มีกำไรส่วนใหญ่จากการให้เช่า cloud ครับ
กำไรจากการให้ใช้ช่องทางขายของนี้มีนิดเดียว   มองอีกมุมก็คือรีดกำไรเอาจากผู้ขายรายย่อย
เรียกได้ว่าผู้ขายรายย่อยหรือจะเป็นผู้ผลิตเอง ถ้าไปเล่นตามเกมนี้  ก็ถูกบีบจนหน้าเขียวเลยแหละ
ผมว่าที่เฮียเลือกทำอยู๋ตอนนี้น่าจะไปได้ดีกว่า

แต่แอบสงสัยนิดครับเฮีย  ว่าทำไมสั่งของออนไลน์จากจีนแล้วไม่เสียภาษี
ผมลองเสริช์ดู  ถ้าของราคาเกิน 1500 บาท ก็ต้องเสียภาษีน่ะครับ
ตามข้อตกลง ACFTA (Asian China Free Trade Area) ตั้งแต่ปี 2547
หรือว่ามีอะไรอัพเดทกว่านี้ครับ

อ้างอิงจากที่หามาได้น่ะครับ

https://pawoot.wordpress.com/2017/10/13/why-china-free-shipping-and-tax-free/

https://pantip.com/topic/35273661

https://www.youtube.com/watch?v=41_Luusf9K4

ขอบคุณที่ชอบครับ 555 ผมเองก็ชอบ เพราะว่าเหมือนเรานั่งคุยกัน ถูกมั่งผิดมั่งก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย และข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลนั่งทางใน เป็นข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงแล้ว เพียงแต่ในมุมของผู้บริโภคทั่วไปไม่รู้สึกอะไร แต่ในมุมของผู้ขายแบบผมบอกได้เลยว่าน่าเศร้ามาก เศร้าที่ผู้บริหารประเทศไม่ได้คิดอะไรไกลกว่าคืบเดียว หรือไม่งั้นก็มีผลประโยชน์จนต้องหลับตา 55

ดูแค่ตัวอย่างเล็กๆครับ การที่ผู้บริหารประเทศ แต่งชุดจีน แล้วพยายามพูดจีนเรียกร้องให้คนจีนมาเที่ยวเมืองไทยเถอะ เพราะคนไทยจะตายกันหมดแล้วเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวจีน

นี่มันสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของทุกภาคส่วนจริงๆครับ!!

ประเทศไทยมีของดี มีที่เที่ยว เป็นครัวขนาดใหญ่ที่ทำได้อร่อยของโลก สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม เรามีทุกอย่าง แต่เราไม่ทำของเราให้ดี เรามีดีแล้วจะต้องกลัวอะไรครับ ไม่มาก็ไม่มา เราต้องทำให้คนทั้งโลกมาเที่ยว ไม่ใช่รอง้อแต่นักท่องเที่ยวจีน ผมว่านี่มันเป็นความปัญญาอ่อนของผู้บริหารประเทศมากๆๆครับ

ในความเห็นผม ผมว่าการที่ง้องอนเชิญชวนในลักษณะการแบท่าแบบนี้ มีแต่คนหัวเราะเยาะ และทำให้การต่อรองจากคนจีนยิ่งสูงหนักขึ้นไปอีก คนจีนเค้ามาเที่ยวเค้าไม่ได้ใช้เงินไทยหรอกครับ เค้าเที่ยวสถานที่ๆคนจีนเป็นเจ้าของ และหมายความว่าสถานที่นั้นๆมีคนจีนเป็นพนักงาน

คนไทยไม่ได้อะไรหรอกครับ มองเห็นตัวเลขการส่งออกหลอกๆไปวันๆ รัฐบาลโชว์ตัวเลขสวยๆ แต่เคยมีการโชว์ตัวเลขจริงของผู้ประกอบการและผู้ส่งออกหรือเปล่า?

ความเห็นผม ตอนนี้จีนทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลางที่ใหญ่ที่สุดและกุมชะตาชีวิตคนไทยไว้แล้วครับ เบาะๆก็มาร์เก็ตเพลสทั้งหลายแหล่ การส่งออก และลอจิสติก และตามมาไม่นานก็ไฟแนนซ์ ที่บอกว่าระบบคนกลางจะถูกตัดออกไป ผมหมายถึงพวกตัวกลางระดับรากหญ้าหรือกระจิบกระจอกงอกง่าย พวกนี้ตายเรียบ สุดท้ายโลกนี้จะถูกคนกลางที่ใหญ่ที่สุดรวบไว้

หรือใครว่าไม่จริงมั่ง 555




ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 87

นายมั่นคง

05/01/2019 18:26:07
4,282
เดี๋ยวดึกหน่อยจะมาคุยเรื่องภาษีสินค้าออนไลน์ที่ส่งมาจากจีนนะครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88

chirawatf

05/01/2019 19:19:25
2
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 85 - นายมั่นคง
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 77 - chirawatf
ผมลองวาดภาพในอนาคตว่าถ้าไม่มีร้านค้า ที่ให้ลองได้จับสินค้า และเข้าถึงจิตใจลูกค้า ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสปการณ์ เป็นเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกันเแบบร้านเฮีย เหลือแต่ร้านค้า online คงไม่มีใครสนใจ กล้าสั่งซื้อ หูฟังแพงๆมาเล่นแน่ๆ ถึงมีก็น่าจะน้อยคนมาก เพราะไม่สนุก ไม่มีเพื่อนเล่นไปด้วยกัน ไม่มีกระทู้มาคุยทักทายกัน แลกเปลี่ยนประสปการณ์กันแบบทุกวันนี้ จนได้นัดพบกันเป็นเพื่อนกันจริงๆไปเลยก็เยอะ  พอไม่มีบรรยากาศมิตรภาพแบบเดิมๆ สุดท้ายร้านค้า online ก็คงแข่งตัดราคากันจนพากันเจ๊งกันไปเองแหละครับ  ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เห็นผลประกอบการที่ผ่านมาขาดทุนกันหมดทั้ง shopee ทั้ง lazada ถึงยอดขายจะเติบโตแต่ผลประกอบการกลับขาดทุนมากขึ้น
สวัสดีครับหมอเอฟ 55

ตอนนี้พวกอะไรที่เป็นการเล่นแบบเชิงลึกน่าจะล่มสลายในอีกไม่นาน เพราะว่าไม่มีใครทนทำอาชีพเชิงนี้ไหวในขณะที่ปัจจัยภายนอกไม่เอื้ออำนวย อย่างที่ผมบอกครับ สินค้าเชิงลึกแต่จะขายกันเชิงโหล ผมว่าผู้ประกอบการทุกรายก็คงต้องยอมสารภาพบาปยุติบทบาทและเลิกในที่สุด

ประเด็นเรื่องมาร์เก็ตเพลสขาดทุนนั้น เป็นเรื่องปกติครับ คือผมเคยคุยกับ CEO ของสินค้าจีนค่ายใหญ่ในไทย เค้าบอกว่า มาร์เก็ตเพลสเค้าวางแผนระยะยาวไว้แล้วดังนี้

- ใช้เวลา 5 ปีในการอัดเม็ดเงินเพื่อให้คนติดแพลทฟอร์มงอมแงมก่อน
- รอเวลา 5 ปี ให้ธุรกิจค้าปลีกตายกันสนิทกันให้หมดก่อนส่วนผู้นำเข้าอย่างน้อยขอแค่พิการ
- แล้วก็ถึงเวลาเริ่มต้นสตาร์ทธุรกิจที่จะเอาเงินกันแบบจริงๆจังๆซะที

มีแค่นี้ครับ ไม่มีอะไรมาก 55 พวกแพลทฟอร์มยักษ์ไม่ได้มองกำไรขาดทุนเหมือนร้านขายปลีกในไทย ซึ่งขาดทุนแค่ 2-3 เดือนติดกันก็จะเป็นจะตายแล้ว แต่มือระดับโลกเค้ามีเงินมากพอที่จะรอพวกกระจิบกระจอกตายให้หมดก่อนได้ครับ หมดเมื่อไหร่ก็สะดวกโยธินครับ 555

นี่ผมจำได้ว่าระยะเวลาเริ่มผ่านไปเพียง 2 ปีเศษๆเองครับ
ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เฮียอยู่ได้จนเลยปีที่ 6 นะครับ ถึงตอนนั้นมั่นคงก็จะกลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง

เกาะติดเรื่องภาษีสินค้าออนไลน์ที่ส่งมาจากจีนอยู่นะครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 89

Ched

05/01/2019 19:27:07
4
ไม่แน่ใจว่าให้เขาออกเอกสาร form e มาให้เฮียมาลดภาษีได้รึเปล่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90

นายมั่นคง

05/01/2019 23:04:57
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 88 - chirawatf
ขอสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้เฮียอยู่ได้จนเลยปีที่ 6 นะครับ ถึงตอนนั้นมั่นคงก็จะกลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้ง

เกาะติดเรื่องภาษีสินค้าออนไลน์ที่ส่งมาจากจีนอยู่นะครับเฮีย
555 ผมกำลังคิดว่าตัวเองจะอยู่รอดผ่านปีที่ 3 ของมหาสงครามแพลทฟอร์มได้หรือเปล่า (พูดจริงๆนะ) เพราะตอนนี้เป็นเรื่องยักษ์ควงกระบองออกมาตีกบาลกัน พวกหญ้าแพรกก็แหลกลาญเท่านั้นเองครับ 55

ขอบคุณครับหมอเอฟ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 91

นายมั่นคง

05/01/2019 23:12:34
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 89 - Ched
ไม่แน่ใจว่าให้เขาออกเอกสาร form e มาให้เฮียมาลดภาษีได้รึเปล่า
คุยแทรกเรื่อง Form e ก่อนนิดนึง

การทำฟอร์ม E ก็คือการขอยื่นเอกสารเพื่อยกเว้นภาษีนำเข้าจากจีน ซึ่งการทำฟอร์ม E นั้นทำได้ในบางจังหวัดของจีน บางจังหวัดทำไม่ได้ครับ และ Form E ถ้าทำได้จะได้รับการยกเว้นภาษีครับ ซึ่งมีเรื่องที่ต้องพิจารณาในการทำ Form E อีกเช่น

- การซื้อสินค้าหรือสั่งสินค้าที่มูลค่าน้อยเกินไป อันนี้จะมีค่าดำเนินการขอฟอร์ม E จากชิปปิ้ง และรวมค่าขนส่งทุกอย่างลงไป ซึ่งใครสั่งสินค้าไม่กี่แสนบาท การทำ Form E มักไม่ช่วยให้เซฟได้ เพราะมันจะหมดไปกับค่าใช้จ่าย Fix อื่นๆครับ

- การทำ form E มีความล่าช้า ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทำ บางทีไม่สอดคล้องกับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว การให้ทางจีนส่งสินค้าด้วย Courier แบบ DHL Fedex ทำเวลาได้ดีกว่ามากครับ หรือจะพูดง่ายๆ ทำ Form E มันช้าไม่ท้นกิน 555

สรุปก็คือ  Form E เหมาะกับการสั่งสินค้าที่มีมูลค่ามากหน่อย ส่วนผมบางทีออร์เดอร์นึงไม่กี่แสนบาท ผมเลือกจะไม่รอครับ เพราะเวลาเทียบค่าใช้จ่ายในการทำฟอร์มกับไม่ทำ สำหรับออร์เดอร์เล็กๆ ความแตกต่างแทบไม่มีครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 92

นายมั่นคง

06/01/2019 00:08:41
4,282
คราวนี้ขอเล่าแบบจำขี้ปากชาวบ้านมาเล่า(อ่านข่าวเอา) และความเข้าใจแบบส่วนตัวของผมเองนะครับ 555

เมื่อเดือนเมษา 2018 ที่ผ่านมา มีการเซ็น MOU (Memorandum of Understanding) หรือการลงนามเพื่อบันทึกความเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือจะบอกว่าเป็นสัญญาใจก็ได้ ซึ่ง MOU นี้เซ็นแล้วจะชักดาบไม่ทำตาม หรือทำตามไปก่อนซักพักหรือเบี้ยวดื้อๆก็ได้อีก เท่าที่ผมอ่านดู ไม่มีผลทางกฏหมายในขั้นต้องมาปรับสินไหมหรือเบี้ยทดแทน หรือไม่มีโทษถึงขั้นไล่เตะหรือดีดมะกอก

มีการลงนามไป 4 เรื่องอย่างที่หลายๆคนอ่านมาเหมือนกับที่ผมอ่าน คือจะมีการมาลงทุนนู่นนี่นั่น และกำหนดเขตปลอดอากร และการลงทุน smart digital hub ซึ่งที่เซ็นๆกันไป ทั้งนักวิชาการและภาคเอกชนอื่นๆ ต่างก็กังวลกันว่าทำไมอาลีบาบาถึงได้สิทธิพิเศษ และทำไมไม่มีใครแล้วเหรอ และทำไมต้องเป็นอาลีบาบา ซึ่งผมคิดว่า หากเอาเรื่องเหล่านี้ไปถามขอรายละเอียดกับภาครัฐ ผมเชื่อว่าไม่มีใครตอบได้ละเอียดครับ ได้แต่ตอบแบบเหวี่ยงแห หรือตอบแบบครอบจักรยานเอ๊ย ครอบจักรวาล 555

สิ่งที่มาระลอกแรกและใกล้ตัวก็คือการขยับตัวแบบอิสระมากขึ้นของแพลทฟอร์มของอาลีบาบา และอื่นๆที่กำลังดำเนินการอยู่อีกหลายอย่างโดยที่คนไทยเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่จะได้เห็นได้ใช้ในไม่นานนี้ เราได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันแน่ เพราะไม่มีคนไปตรวจสอบครับ คือเค้าว่าไงเราก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ และแน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ดีใจยกใหญ่ว่าได้ช็อปปิ้งออนไลน์ราคาถูกๆ หรือถ้าให้สาบาน หลายคนคงนึกในใจว่ามันขายได้ไงวะราคานี้ 555

ก็ต้องบอกว่าการเซ็นบันทึกข้อตกลงไปแล้วนั้น ถึงตอนนี้มีใครติดตามผลและประเมินผลได้ผลเสียกันบ้างหรือยัง การยกเว้นอากรนั้นทำตามข้อตกลงหรือใช้วิธีเหวี่ยงแหครอบคลุมหมด จากที่อ่านและประเมินจากคนที่สั่งสินค้าออนไลน์จากจีน ไม่ปราฏว่ามีใครเสียภาษี และได้ Free shipping กันแบบถ้วนหน้า ทำให้อาลีบาบายึดหัวหาด หรือจะหัวกะได หัวสะพานก็น่าจะยึดหมดในไม่นานนี้แล้วครับ 55

ประเด็นที่คนบอกว่าสั่งสินค้าออนไลน์ต่ำกว่า 1500 บาท ไม่เสียภาษี อันนี้จริงครับ และเป็นกับสินค้าที่มาจากทั่วโลก และถ้าเกินกว่า 1500 ต้องเสียภาษีใช่ไม๊ ตอบว่าใช่ครับ แต่ถ้าเป็นทางฟากฝรั่งหรือยุโรป การส่งสินค้าแล้ว declare ต่ำ เป็นโทษที่ผิดกฏหมาย บางบริษัทกลัวเรื่อง declare สินค้าราคาเท็จจนหัวหด และปัจจุบันถ้าเป็นร้านมาตรฐานไม่มีใครอยากช่วยคนไทยเลี่ยงภาษีแล้วครับ ใครสั่งของบ่อยๆจะรู้ดี 55

แต่สำหรับประเทศจีน จีนไม่กลัวครับ ถ้าซื้อของ 100,000 บาท แล้วให้ declare ต่ำๆ เค้าจะทำให้ทันที เคยมีกระทู้ headfi แซว Hifiman ในสมัยก่อนว่า สามารถเขียน declare สินค้าอย่าง HE-6 ให้มีมูลค่า $1 ซึ่งตอนนี้คนที่สั่งสินค้าจากจีน ส่วนมากจะได้รับการ declare สินค้าต่ำกว่าความจริงแบบบ้าบอคอแตก ซึ่งเวลาส่งเข้ามา ทำให้ไม่เสียทั้งภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม เรียกว่ามุดดินเข้ามาเลย และคนซื้อในไทยก็ไม่มีคนไหนต้องการ VAT ไปทำซากอะไร ซึ่งก็กลายเป็นผู้ซื้อที่ซื้อสินค้าจากจีนได้สินค้าในราคาถูกเพราะ Free shipping + Free Tax + Free Vat

ฝรั่งอั้งม้อเลิกเหอะ ไปเรียนและเขียนตำราใหม่มาสู้จีนละกัน 555

อ้าวแล้วเฮียไม่แข่งขันทำราคาสู้กับเค้ามั่งล่ะ ตอบว่าผมทำไม่ได้ครับ เพราะขืนทำแบบนี้มีหวังผมได้ติดคุกเพราะผิดกฏหมาย ผมต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งการทำไม่ถูกต้องมันส่งผลถึงการส่งสินค้ากลับไปซ่อมเคลม และทุกๆอย่าง เพราะไม่มีเอกสารนำเข้า แล้วจะส่งสินค้าออกไปซ่อมเคลมได้อย่างไร ซึ่งข้อนี้ทำให้ร้านค้าปลีกอย่างผมเสียเปรียบคู่แข่งที่ขายผ่านแพลทฟอร์มตรงมาจากจีนครับ คือแพงกว่าแน่ๆๆไม่ต้องคิดให้ยาก

คราวนี้ถามว่าถ้าผมซื้อสินค้าจากจีนตกลงผมเสียภาษีหรือไม่ ตามความเข้าใจของผมในปัจจุบันนี้ คือสินค้าจากจีนน่าจะได้รับการยกเว้นอากรทั้งหมดครับ (ซึ่งข้อนี้จะให้แน่นอนต้องเช็คกับทางราชการอีกที) หากเปรียบไปมันจะคล้ายๆเวลาไฟลท์บินกลับจากฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน ใครบินไฟล์ทเหล่านี้กลับมา แล้วดันทะลึ่งหิ้วหลุยส์วิคตอง ชาแนล โรเล็กซ์ ปาเต๊ะมาแบบดื้อๆโง่ๆ ก็จะโดนตรวจสอบและยึดสินค้าและจ่ายค่าปรับ(หนักด้วย)

ต่างจากไฟล์ทที่บินมาจากจีน อินเดีย อินโด เวลาใครบินกลับมาจากประเทศเหล่านี้ ไม่มีใครสนใจ เพราะประเทศเหล่านี้ไม่มีอะไรให้ซื้อให้ช็อปปิ้ง ก็เลยไม่มีใครสนใจตรวจ ผมเปรียบเทียบแบบนี้หมายถึงสินค้าที่ถูกส่งผ่านจากแพลทฟอร์มยักษ์จากจีน ก็น่าจะได้รับการยกเว้นไม่ได้ตรวจแต่อย่างใด เรื่องการยกเว้นภาษีก็เป็นอะไรที่ไม่สามารถขอคำอธิบายได้ และไม่มีใครอยากอธิบายให้ฟังด้วย สู้ปล่อยให้มันมัวๆอึมครึมดีกว่า

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมข้องใจ คือทำไมเราไม่มีตัวเลือกอื่น หรือไม่มีการเปิดให้มีการแข่งขันเรื่องการลงทุน หรือว่าคนที่มีความพร้อมจะลงทุนในไทยมีรายเดียวในโลก เขาคือเทวดาหรือทวยเทพ? และลงทุนแล้วไม่เอากำไรคืนเหรอ มันเป็นไปได้ไง(โว้ย) 555 สิ่งเหล่านี้เป็นปริศนาดำมืดในประเทศสารขันธุ์ครับ กับวลีที่ว่าเค้ารวยแล้ว เค้ามาช่วย มันเป็นไปได้ไง ผมไม่เคยเห็นนักธุรกิจเสนอตัวช่วยใครโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ทั้งนี้เราไม่นับบุคคลที่หัวใจเป็นพระที่มอบทุกอย่างให้สารธาณะกุศลนะครับ คนเหล่านั้นเค้ารู้จักคำว่าพอครับ

เขียนมายืดยาวก็ยังแอบเซ็งว่า ถึงตอนนี้ผมเองก็โดนคนจีนขอร้องแกมบังคับให้โพสของที่สั่งมาจากจีนลงในแพลทฟอร์มของคนจีนที่ทำเพื่อคนจีน.....

เซ็งอ่ะ 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 93

chirawatf

06/01/2019 09:27:14
2
เศร้าใจมากครับ ธุรกิจคนไทยที่ทำถูกกฏหมาย ถูกนโยบายเอารัดเอาเปรียบจนอยู่ไม่ได้ เศรษฐกิจดิ่งลงเหวเร็วขึ้นทุกวัน น่าเป็นห่วงรุ่นลูกจริงๆ หากินลำบากขึ้นทุกวัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 94

Peob18c

06/01/2019 11:02:31
61
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 92 - นายมั่นคง

คราวนี้ขอเล่าแบบจำขี้ปากชาวบ้านมาเล่า(อ่านข่าวเอา) และความเข้าใจแบบส่วนตัวของผมเองนะครับ 555

เมื่อเดือนเมษา 2018 ที่ผ่านมา มีการเซ็น MOU (Memorandum of Understanding) หรือการลงนามเพื่อบันทึกความเข้าใจซึ่งกันและกัน หรือจะบอกว่าเป็นสัญญาใจก็ได้ ซึ่ง MOU นี้เซ็นแล้วจะชักดาบไม่ทำตาม หรือทำตามไปก่อนซักพักหรือเบี้ยวดื้อๆก็ได้อีก เท่าที่ผมอ่านดู ไม่มีผลทางกฏหมายในขั้นต้องมาปรับสินไหมหรือเบี้ยทดแทน หรือไม่มีโทษถึงขั้นไล่เตะหรือดีดมะกอก

มีการลงนามไป 4 เรื่องอย่างที่หลายๆคนอ่านมาเหมือนกับที่ผมอ่าน คือจะมีการมาลงทุนนู่นนี่นั่น และกำหนดเขตปลอดอากร และการลงทุน smart digital hub ซึ่งที่เซ็นๆกันไป ทั้งนักวิชาการและภาคเอกชนอื่นๆ ต่างก็กังวลกันว่าทำไมอาลีบาบาถึงได้สิทธิพิเศษ และทำไมไม่มีใครแล้วเหรอ และทำไมต้องเป็นอาลีบาบา ซึ่งผมคิดว่า หากเอาเรื่องเหล่านี้ไปถามขอรายละเอียดกับภาครัฐ ผมเชื่อว่าไม่มีใครตอบได้ละเอียดครับ ได้แต่ตอบแบบเหวี่ยงแห หรือตอบแบบครอบจักรยานเอ๊ย ครอบจักรวาล 555

สิ่งที่มาระลอกแรกและใกล้ตัวก็คือการขยับตัวแบบอิสระมากขึ้นของแพลทฟอร์มของอาลีบาบา และอื่นๆที่กำลังดำเนินการอยู่อีกหลายอย่างโดยที่คนไทยเราไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่จะได้เห็นได้ใช้ในไม่นานนี้ เราได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันแน่ เพราะไม่มีคนไปตรวจสอบครับ คือเค้าว่าไงเราก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ และแน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่ดีใจยกใหญ่ว่าได้ช็อปปิ้งออนไลน์ราคาถูกๆ หรือถ้าให้สาบาน หลายคนคงนึกในใจว่ามันขายได้ไงวะราคานี้ 555

ก็ต้องบอกว่าการเซ็นบันทึกข้อตกลงไปแล้วนั้น ถึงตอนนี้มีใครติดตามผลและประเมินผลได้ผลเสียกันบ้างหรือยัง การยกเว้นอากรนั้นทำตามข้อตกลงหรือใช้วิธีเหวี่ยงแหครอบคลุมหมด จากที่อ่านและประเมินจากคนที่สั่งสินค้าออนไลน์จากจีน ไม่ปราฏว่ามีใครเสียภาษี และได้ Free shipping กันแบบถ้วนหน้า ทำให้อาลีบาบายึดหัวหาด หรือจะหัวกะได หัวสะพานก็น่าจะยึดหมดในไม่นานนี้แล้วครับ 55

ประเด็นที่คนบอกว่าสั่งสินค้าออนไลน์ต่ำกว่า 1500 บาท ไม่เสียภาษี อันนี้จริงครับ และเป็นกับสินค้าที่มาจากทั่วโลก และถ้าเกินกว่า 1500 ต้องเสียภาษีใช่ไม๊ ตอบว่าใช่ครับ แต่ถ้าเป็นทางฟากฝรั่งหรือยุโรป การส่งสินค้าแล้ว declare ต่ำ เป็นโทษที่ผิดกฏหมาย บางบริษัทกลัวเรื่อง declare สินค้าราคาเท็จจนหัวหด และปัจจุบันถ้าเป็นร้านมาตรฐานไม่มีใครอยากช่วยคนไทยเลี่ยงภาษีแล้วครับ ใครสั่งของบ่อยๆจะรู้ดี 55

แต่สำหรับประเทศจีน จีนไม่กลัวครับ ถ้าซื้อของ 100,000 บาท แล้วให้ declare ต่ำๆ เค้าจะทำให้ทันที เคยมีกระทู้ headfi แซว Hifiman ในสมัยก่อนว่า สามารถเขียน declare สินค้าอย่าง HE-6 ให้มีมูลค่า $1 ซึ่งตอนนี้คนที่สั่งสินค้าจากจีน ส่วนมากจะได้รับการ declare สินค้าต่ำกว่าความจริงแบบบ้าบอคอแตก ซึ่งเวลาส่งเข้ามา ทำให้ไม่เสียทั้งภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม เรียกว่ามุดดินเข้ามาเลย และคนซื้อในไทยก็ไม่มีคนไหนต้องการ VAT ไปทำซากอะไร ซึ่งก็กลายเป็นผู้ซื้อที่ซื้อสินค้าจากจีนได้สินค้าในราคาถูกเพราะ Free shipping + Free Tax + Free Vat

ฝรั่งอั้งม้อเลิกเหอะ ไปเรียนและเขียนตำราใหม่มาสู้จีนละกัน 555

อ้าวแล้วเฮียไม่แข่งขันทำราคาสู้กับเค้ามั่งล่ะ ตอบว่าผมทำไม่ได้ครับ เพราะขืนทำแบบนี้มีหวังผมได้ติดคุกเพราะผิดกฏหมาย ผมต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งการทำไม่ถูกต้องมันส่งผลถึงการส่งสินค้ากลับไปซ่อมเคลม และทุกๆอย่าง เพราะไม่มีเอกสารนำเข้า แล้วจะส่งสินค้าออกไปซ่อมเคลมได้อย่างไร ซึ่งข้อนี้ทำให้ร้านค้าปลีกอย่างผมเสียเปรียบคู่แข่งที่ขายผ่านแพลทฟอร์มตรงมาจากจีนครับ คือแพงกว่าแน่ๆๆไม่ต้องคิดให้ยาก

คราวนี้ถามว่าถ้าผมซื้อสินค้าจากจีนตกลงผมเสียภาษีหรือไม่ ตามความเข้าใจของผมในปัจจุบันนี้ คือสินค้าจากจีนน่าจะได้รับการยกเว้นอากรทั้งหมดครับ (ซึ่งข้อนี้จะให้แน่นอนต้องเช็คกับทางราชการอีกที) หากเปรียบไปมันจะคล้ายๆเวลาไฟลท์บินกลับจากฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน ใครบินไฟล์ทเหล่านี้กลับมา แล้วดันทะลึ่งหิ้วหลุยส์วิคตอง ชาแนล โรเล็กซ์ ปาเต๊ะมาแบบดื้อๆโง่ๆ ก็จะโดนตรวจสอบและยึดสินค้าและจ่ายค่าปรับ(หนักด้วย)

ต่างจากไฟล์ทที่บินมาจากจีน อินเดีย อินโด เวลาใครบินกลับมาจากประเทศเหล่านี้ ไม่มีใครสนใจ เพราะประเทศเหล่านี้ไม่มีอะไรให้ซื้อให้ช็อปปิ้ง ก็เลยไม่มีใครสนใจตรวจ ผมเปรียบเทียบแบบนี้หมายถึงสินค้าที่ถูกส่งผ่านจากแพลทฟอร์มยักษ์จากจีน ก็น่าจะได้รับการยกเว้นไม่ได้ตรวจแต่อย่างใด เรื่องการยกเว้นภาษีก็เป็นอะไรที่ไม่สามารถขอคำอธิบายได้ และไม่มีใครอยากอธิบายให้ฟังด้วย สู้ปล่อยให้มันมัวๆอึมครึมดีกว่า

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมข้องใจ คือทำไมเราไม่มีตัวเลือกอื่น หรือไม่มีการเปิดให้มีการแข่งขันเรื่องการลงทุน หรือว่าคนที่มีความพร้อมจะลงทุนในไทยมีรายเดียวในโลก เขาคือเทวดาหรือทวยเทพ? และลงทุนแล้วไม่เอากำไรคืนเหรอ มันเป็นไปได้ไง(โว้ย) 555 สิ่งเหล่านี้เป็นปริศนาดำมืดในประเทศสารขันธุ์ครับ กับวลีที่ว่าเค้ารวยแล้ว เค้ามาช่วย มันเป็นไปได้ไง ผมไม่เคยเห็นนักธุรกิจเสนอตัวช่วยใครโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ทั้งนี้เราไม่นับบุคคลที่หัวใจเป็นพระที่มอบทุกอย่างให้สารธาณะกุศลนะครับ คนเหล่านั้นเค้ารู้จักคำว่าพอครับ

เขียนมายืดยาวก็ยังแอบเซ็งว่า ถึงตอนนี้ผมเองก็โดนคนจีนขอร้องแกมบังคับให้โพสของที่สั่งมาจากจีนลงในแพลทฟอร์มของคนจีนที่ทำเพื่อคนจีน.....

เซ็งอ่ะ 555

ผมสั่ง​ hdplex​ lpsu​ ส่งมาจากจีน​ ก็ยังโดนภาษี​​นะครับ​ ส่งผ่าน​ dhl แต่ตอนสั่ง​ case ส่งมาจาก​ us ด้วย​ priority mail ไม่โดน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 95

Tourweb

06/01/2019 16:12:55
ฟังแล้วลำบากใจแทนครับ   รัฐเองนั่นแหละต้องพยายามทำให้เท่าเทียมกัน
จะสั่งตรงจากจีน หรือจะผ่านตัวแทนก็ต้องเก็บภาษีในอัตราเดียวกัน

อ่านข่าวเจอว่าฝรั่งเศสเริ่มจะเก็บภาษีรายได้พวกแพลทฟอร์มจากต่างประเทศ
พวก amazon  google อย่างนี้  เพราะถือว่าเอาเปรียบคนอื่น
ทำมาหารายได้มีกำไร   แต่ไม่ได้จ่ายภาษีเหมือนผู้ประกอบการในประเทศ

ผมว่าน่าจะเริ่มเป็นเทรนด์ที่รัฐบาลต่างๆ คงจะทำตาม
แต่ของไทยเราคงต้องรออีกสักพักมั้ง  หน่วยงานรัฐทำอะไรเชื่องช้า
ไม่นับว่าอาจมีคอรัปชั่นในขั้นตอนไหนอีกหรือเปล่าน่ะครับ 

เรื่องคอรัปชั่นขอบ่นด้วยคน  เห็นมาตั้งแต่เด็ก  ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
ในมุมมองผมน่ะ อาจผิดก็ได้  ผมเชื่อว่าจริยธรรมของคนไทยเราเองค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับฝรั่ง
มันเหมือนเป็นค่านิยมของสังคมไทยเรา ที่เห็นรณรงค์ยังไงก็ไม่ดีขึ้น  เหมือนจะแย่ลงด้วยซ้ำ
ที่โมษณากันให้ โตไปไม่โกง  แต่ที่เห็นคือ มือใครยาว สาวได้สาวเอา กันทั้งนั้น
แค่อย่ามาว่ากันต่อหน้าน่ะ  รับไม่ได้  555

ผมยังเชื่อว่าคนในสังคมต้องช่วยๆ ปรับกันไป
เสียแต่ว่าผู้มีอำนาจดันทำซะเอง  แถมแก้ตัวน้ำขุ่นแบบไม่อายกันเลย 
สอนให้ตาย  เด็กมันก็ไม่เชื่อหรอก โตไปไม่โกงเนี่ย


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 96

Tourweb

06/01/2019 17:57:36
อีกอย่างที่นึกออก   ปีที่ผ่านมาผมซื้อสินค้าไอทีหลายครั้ง  จนเมียบ่น T_T
พบว่า  การเข้าไปซื้อจากเวปของร้านพวก advice กับ  jib  สะดวกกว่า lazada หรือ shopee มาก
หาของง่าย   ราคาก็โอเค  (ไม่แน่ใจว่าถูกกว่าหรือเปล่าเพราะราคาเปลี่ยนบ่อยมาก)
แถมส่งของเร็วกว่าด้วย  ส่งภายใน 3 ชม. ไม่รู้ว่าทำได้ไงน่ะ แต่ผมว่าเฮียไม่ต้องขนาดนั้นหรอก
พวกหูฟัง  ผมว่าเราต้องไปฟังก่อนอยู๋ดี   เว้นแต่พวกราคาต่ำหน่อย

เท่าที่ดูจากพฤติกรรมตัวเองตอนนี้   ผมจะเข้าเวป advice กับ jib เทียบราคาแล้วซื้อเลย
ถ้าหาของที่อยากได้ไม่เจอ  ค่อยไปดูใน lazada หรือ shopee
แม้ว่า jib จะขายในแพลทฟอร์มด้วยก็เถอะ  


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 97

นายมั่นคง

06/01/2019 21:49:02
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 95 - Tourweb
ฟังแล้วลำบากใจแทนครับ   รัฐเองนั่นแหละต้องพยายามทำให้เท่าเทียมกัน
จะสั่งตรงจากจีน หรือจะผ่านตัวแทนก็ต้องเก็บภาษีในอัตราเดียวกัน

อ่านข่าวเจอว่าฝรั่งเศสเริ่มจะเก็บภาษีรายได้พวกแพลทฟอร์มจากต่างประเทศ
พวก amazon  google อย่างนี้  เพราะถือว่าเอาเปรียบคนอื่น
ทำมาหารายได้มีกำไร   แต่ไม่ได้จ่ายภาษีเหมือนผู้ประกอบการในประเทศ

ผมว่าน่าจะเริ่มเป็นเทรนด์ที่รัฐบาลต่างๆ คงจะทำตาม
แต่ของไทยเราคงต้องรออีกสักพักมั้ง  หน่วยงานรัฐทำอะไรเชื่องช้า
ไม่นับว่าอาจมีคอรัปชั่นในขั้นตอนไหนอีกหรือเปล่าน่ะครับ 

เรื่องคอรัปชั่นขอบ่นด้วยคน  เห็นมาตั้งแต่เด็ก  ไม่ดีขึ้นเลยสักนิด
ในมุมมองผมน่ะ อาจผิดก็ได้  ผมเชื่อว่าจริยธรรมของคนไทยเราเองค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับฝรั่ง
มันเหมือนเป็นค่านิยมของสังคมไทยเรา ที่เห็นรณรงค์ยังไงก็ไม่ดีขึ้น  เหมือนจะแย่ลงด้วยซ้ำ
ที่โมษณากันให้ โตไปไม่โกง  แต่ที่เห็นคือ มือใครยาว สาวได้สาวเอา กันทั้งนั้น
แค่อย่ามาว่ากันต่อหน้าน่ะ  รับไม่ได้  555

ผมยังเชื่อว่าคนในสังคมต้องช่วยๆ ปรับกันไป
เสียแต่ว่าผู้มีอำนาจดันทำซะเอง  แถมแก้ตัวน้ำขุ่นแบบไม่อายกันเลย 
สอนให้ตาย  เด็กมันก็ไม่เชื่อหรอก โตไปไม่โกงเนี่ย


เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญครับ การที่แพลทฟอร์มขายตรงมาที่ประเทศไหน มันไม่มีใครไปตรวจสอบและถึงอยากตรวจก็ไม่รู้จะตรวจอย่างไร ส่วนผู้ค้าในประเทศส่วนมากทุกคนไม่ได้เลี่ยงเรื่องภาษีนำเข้าและมูลค่าเพิ่มอยู่แล้ว นอกจากรายย่อยจริงๆ ที่ยังไม่ได้เข้าระบบฐานภาษี

ซึ่งเรื่องนี้ใครพูดก็มักจะโดนคนอื่นเขม่นเปล่าๆ เพราะคนไทยทุกคนเวลาซื้อของต่างประเทศ ต่างคนลุ้นกันตัวโก่งว่าจะเสียภาษีหรือเปล่า ทุกคนไม่อยากจ่ายแพงอันนี้เราทราบกันดี ซึ่งผมว่าเรื่องนี้ผู้บริหารบ้านเมืองต้องเอาเข้าหารือ เพราะแพลทฟอร์มต่างประเทศ เข้ามาหาประโยชน์แบบข้ามชาติ และทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบมากรวมถึงส่งผลถึงผู้ค้าปลีกในประเทศ คนมากมายบอกว่าไม่เห็นเกี่ยวกับชั้นตรงไหนเลยกับพวกแพลทฟอร์มอะไรนี่ล่ะ ผมอยากเรียนว่ามันส่งผลในระยะยาวครับ ลองดูตอนนี้ซิครับ เศรษฐกิจซบทันทีที่แคมเปญ 11-11, 12-12 จบลง

เศรษฐกิจโดยรวมมันส่งผลถึงคนทั้งประเทศครับ ตั้งแต่อัตราการจ้างงาน สภาพคล่องไม่มี คนว่างงาน ค่าครองชีพสูงขึ้น อาหารแพงขึ้น ผมเชื่อว่าถ้ามองไปถึงคนใกล้ตัวหรือไกลตัว น่าจะโดนหมดทุกๆคน เราโดนต่างชาติดึงเงินแบบชักออกต่อหน้าต่อตาไปหมดครับ

อีกเรื่องคือคอรัปชั่น ผมเห็นด้วยที่ว่าจริยธรรมของคนไทยต่ำกว่าใคร เราเป็นชาติที่คอรัปชั่นรุนแรงและหนักมาก ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเจริญไปกว่านี้แล้วครับ คนโกงจะมองช่องทางนี้ออกว่าจะยัดเงินเข้าช่องไหนถึงจะได้ผล ยัดช่องไหนแล้วงานไม่สะดุด ทำให้ได้สัมปทานหรือเซ็นสัญญากินกันซ๊วบๆ และคนรับเงินก็พยายามซุกเงินที่รับมาให้มิดชิดที่สุด อย่าหวังว่าชาตินี้เราจะไปไหนได้เลยครับ

น่าเศร้าสุดคือเรามีรัฐบาลที่บอกว่าปฏิวัติคนโกง มาแบบพระเอกขี่ม้าขาวว่าจะจัดการคนโกง แล้วไง สุดท้ายก็ปล่อยให้พรรคพวกโกงซะเอง แล้วเป็นการโกงที่ผมว่าน่าเกลียด คือด้วยถ้อยคำที่สัมภาษณ์ หรือคำพูดที่ไม่ยี่หระ เพราะว่ามั่นใจว่ายังไงพวกกันต้องช่วยกัน สิ่งเหล่านี้มันย่ำยีและดูถูกกันไปหน่อยครับ

เมื่อไหร่นักการเมืองเหล่านี้จะหมดประเทศซะที...


ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 98

redondo16

07/01/2019 11:03:10
55
ทางแก้ทางนึงที่น่าจะเห็นผลและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ น่าจะเป็นเรื่องภาษีละมั้งครับ อย่างข่าว lazada กับ shopee ประกาศยอดกันโครมๆ

https://www.blognone.com/node/107031

https://www.blognone.com/node/106398

ตัว platform (Lazada หรือ Shopee) ไม่แน่ใจว่าเสียภาษีไหมเพราะงบแจ้งมายังขาดทุนอยู่ ร้านค้าภายใน platform ถ้าไม่จดทะเบียนก็ไม่เสียภาษี ยิ่งเป็นร้านนอก เงินไหลออกชิลๆโดยประเทศไม่ได้อะไรเลย

ทางแก้สำหรับร้านนอก ผมว่าต้องเก็บภาษีสินค้าเข้าทุกชิ้นทุกเม็ดแหละ เชื่อว่ากรมศุลฯมีศักยภาพทำได้อยู่แล้ว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 99

MaxxIE

07/01/2019 13:02:31
107
ผมยังรอ พรรคชาติไทยมั่นคง อยู่นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 100

นายมั่นคง

07/01/2019 14:27:57
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 99 - MaxxIE
ผมยังรอ พรรคชาติไทยมั่นคง อยู่นะครับ
ถ้าผมตั้งพรรคชาติไทยมั่นคง  และถ้าเกิดได้รับเลือกจริงๆ มันไม่มีอะไรยากเลยครับ การเป็นผู้บริหารประเทศมันง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีก ไม่ต้องไปคิดเยอะคิดแยะ 555

แค่ทำทุกอย่างให้ตรง ฟันหัวข้าราชการคอรัปชั่นให้หมด จัดการกับเรื่องที่มันมัวๆให้โปร่งใส ซิวเรื่องทุจริตให้หมด ไม่เห็นแก่อามิจ ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศยิ่งชีพ และสำคัญตัวเองต้องรู้จักพอครับ หากผมได้เป็นผู้บริหารจริงๆ ผมรู้จักคำว่าพอครับ ผมจะตัดคอคนรอบข้างที่จ้องจะคดโกง ถึงจะมีบุญคุณอุ้มชูช่วยมาแต่เพื่อความถูกต้องและชาติบ้านเมืองมันต้องแยกแยะครับ

คนเรากินไม่ได้มากหรอกครับ มื้อนึงจะกินแพงขนาดไหนกัน
คนเราไม่ต้องนอนหรูหราอะไรมากมาย เพราะเวลาป่วยหรือตายก็นอนที่แคบกว้างใหญ่ไม่หนีกัน

ผมไม่รู้ว่าพรรคอื่นๆจะไปเขียนนโยบายพรรคทีนึงหลายๆหน้ากระดาษทำไม สำคัญแค่ทำมันจริงๆและไม่โกงมันจริงๆ นักการเมืองก็เหมือนมาร์เก็ตเพลส ลงทุนแล้วก็เอาคืน มันก็มีแค่นี้วนๆไปเองครับ 555



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 8
ความคิดเห็นที่ : 101

dfkwafjeoifjiwefjeiwafjeiw

12/01/2019 08:46:31
สิ่งที่เฮียมั่นทำนายเกี่ยวกับแอพซื้อขาย กำลังเกิดขึ้นแล้ว หลังจากที่เขาขาดทุนไป 3 ปี

- ตอนนี้แอพสีส้มปรับระบบ Wallet ถ้าคนสั่งซื้อสินค้าโดนผู้ขายยกเลิก เงินจะไปอยู่ใน Wallet แล้วเจ้า Wallet นี้จะเปิดได้ต้องใส่ข้อมูลบัตรประชาชน เลขหน้าบัตร เลขหลังบัตร ถือบัตรปชชถ่ายหน้าตัวเองชัดเจน

แน่นอนละ ถ้าเงินไม่เยอะ ไม่มีใครกล้าแลกข้อมูลส่วนตัวละเอียดขนาดนั้นอยู่แล้ว เริ่มมีการบ่นใน Pantip แล้ว

- และที่ตลกที่สุด เริ่มมีร้านค้าจีนแปลกๆผุดมาในแอพ ก้อปรูป ก้อปข้อมูลสินค้าจากร้านไทย แล้วขายตัดราคาผู้ขายในไทย จากในแอพตัวเอง อย่างเช่นซิมทรูบ้านเรา แต่มีขายในร้านจีน (เอาจริงดิ!!!)

- แล้วก็เริ่มเก็บเปอร์เซ็นการขาย 1.5% ของราคาสินค้า ต่อ 1 คำสั่งซื้อจากผู้ขาย อันนี้ผู้ขายน่าาจะยังยอมรับกันได้อยู่

หลังจากนี้คนอาจจะมาชื่นชมเฮียว่าอัจฉริยะ อ่านเกมออก ที่ไม่ไปเข้าร่วมกับเขา ฮ่าๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 102

เฮียมั่นสู้ๆ

12/01/2019 21:00:49
ยิ่งอ่านที่เฮียมั่นพิมพ์มา ผมก็ยิ่งอยากให้เฮียได้บริหารประเทศครับ
อันดับแรกที่อยากให้เฮียปฏิวัติที่สุดก็คงจะเป็น ระบบราชการครับ

ผมพึ่งมาบรรจุ ยังได้กลิ่นแล้วเลยว่า มันโกงกินกันสุดฤทธิ์จริงๆนะครับ

เอาแค่เรื่องจัดซื้อจัดจ้าง เราต้องเอาร้านที่คนเบื้องบนกำหนดเท่านั้นด้วยนะครับ ไม่เอาก็ไม่ได้ เพราะมันจะไม่มีอุปกรณ์วัสดุในการทำงานครับ เพราะเค้าจะไม่เซ็นอนุมัติ

และแม้มันจะต้องมีการเปรียบเทียบประกวดราคา แต่ก็ใช่ว่ามันจะโปร่งใสนะครับ เพราะที่มาแข่งๆกันนั่นนะ พวกเดียวกันทั้งนั้น ตั้งราคาแบ่งคิวแบ่งก้อนเค้กกันไป

ผมว่าแค่ทำระบบให้มันออนไลน์สู่กันได้หมดทุกหน่วยงานก็ลดปัญหาโกงกินได้เยอะแล้วครับ
เช่น หน่วยงานไหน อยากจัดซื้ออะไร ทำบันทึกขอจัดซื้อ พอบันทึกได้อนุมัติ ก็ขึ้นเว็บให้ร้านค้าที่ต้องการจะเสนอขาย ส่งราคา เข้าแย่งกันเลยครับพอหมดเวลา ระบบก็คัดเอาอันที่ราคาต่ำสุดมาให้เลย ประมาณนี้ครับ

และอีกอย่างที่อยากให้เฮียมั่นจัดการก็คือ เรื่องการก่อเหตุผิดกฏหมายซ้ำๆครับ พวกเมาแล้วขับนี่ ผมอยากให้ยึดรถมาให้หน่วยงานห่างไกลใช้มากเลยครับ เพราะมันขาดแคลนต่างกับพวกหน่วยงานตามหัวเมืองใหญ่มาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 103

นายมั่นคง

12/01/2019 22:43:52
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 102 - เฮียมั่นสู้ๆ
ยิ่งอ่านที่เฮียมั่นพิมพ์มา ผมก็ยิ่งอยากให้เฮียได้บริหารประเทศครับ
อันดับแรกที่อยากให้เฮียปฏิวัติที่สุดก็คงจะเป็น ระบบราชการครับ

ผมพึ่งมาบรรจุ ยังได้กลิ่นแล้วเลยว่า มันโกงกินกันสุดฤทธิ์จริงๆนะครับ

เอาแค่เรื่องจัดซื้อจัดจ้าง เราต้องเอาร้านที่คนเบื้องบนกำหนดเท่านั้นด้วยนะครับ ไม่เอาก็ไม่ได้ เพราะมันจะไม่มีอุปกรณ์วัสดุในการทำงานครับ เพราะเค้าจะไม่เซ็นอนุมัติ

และแม้มันจะต้องมีการเปรียบเทียบประกวดราคา แต่ก็ใช่ว่ามันจะโปร่งใสนะครับ เพราะที่มาแข่งๆกันนั่นนะ พวกเดียวกันทั้งนั้น ตั้งราคาแบ่งคิวแบ่งก้อนเค้กกันไป

ผมว่าแค่ทำระบบให้มันออนไลน์สู่กันได้หมดทุกหน่วยงานก็ลดปัญหาโกงกินได้เยอะแล้วครับ
เช่น หน่วยงานไหน อยากจัดซื้ออะไร ทำบันทึกขอจัดซื้อ พอบันทึกได้อนุมัติ ก็ขึ้นเว็บให้ร้านค้าที่ต้องการจะเสนอขาย ส่งราคา เข้าแย่งกันเลยครับพอหมดเวลา ระบบก็คัดเอาอันที่ราคาต่ำสุดมาให้เลย ประมาณนี้ครับ

และอีกอย่างที่อยากให้เฮียมั่นจัดการก็คือ เรื่องการก่อเหตุผิดกฏหมายซ้ำๆครับ พวกเมาแล้วขับนี่ ผมอยากให้ยึดรถมาให้หน่วยงานห่างไกลใช้มากเลยครับ เพราะมันขาดแคลนต่างกับพวกหน่วยงานตามหัวเมืองใหญ่มาก
ไปๆมาๆดูเหมือนผมจะมีแคนดิเดตชิงนายกเลยหรือนี่ จ๊ากๆๆๆๆ 555

ประเทศไทยต่อให้มันผ่านไปอีก 200 ปี ให้ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 500 ปีก็ไม่มีทางหลุดจากปัญหาคอรัปชั่นได้หรอกครับ อย่าว่าแต่ชาติหน้าเลย ชาติไหนๆก็หมดสิทธิ์ครับ ประเทศเราเป็นประเทศที่ยัดเงินใต้โต๊ะตั้งแต่เด็กยังไม่ถูกปฏิสนธิ พอท้องก็จ่ายใต้โต๊ะให้มีสิทธิ์เรียนอนุบาลดีๆ

พอโตอีกหน่อยก็ใต้โต๊ะเรียนประถม มัธยม แล้วก็มหาลัย พอทำงานก็ใต้โต๊ะให้ได้รับราชการ เอกชนก็ต้องใต้โต๊ะโควต้าเด็กฝาก คนไทยเราจ่ายรายทางตั้งแต่ยังไม่เกิด โตมาจะไม่โกงได้ไงครับ 555 มีแต่จะโกงยังไงถึงจะคุ้มกับที่จ่ายไป เราถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เด็กเห็นพ่อ โตขึ้นก็สอนหลานสอนลูกไปเรื่อย

ผมต่อให้เลือกตั้งอีก 50 ครั้งก็เหมือนเดิม เลือกได้ก็กริ๊วกร๊าวกันพักนึง แล้วก็โดนคนด่าโดนประท้วง แล้วก็ปฏิวัติซักรอบ ปฏิวัติเสร็จก็รอเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ แล้วก็รอเลือกตั้งใหม่ แล้วก็รอปฏิวัติอีก เหตุที่มันวนเวียนแบบนี้ เพราะคนไทยไม่เชื่อว่าใครดี กูก็ไม่ดี มึงก็ไม่ดี งั้นเรามาชั่วกันเหอะ 555

เราหาทางโค่นกันเองมาตลอด ประมาณว่าทีมึงนานแล้ว คราวนี้ถึงทีกูมั่ง เหตุทั้งหมดเกิดจาก โลภะ โมหะ โทสะ ทั้งสิ้น ความโลภมาก่อน โลภโดยลืมนึกไปว่าที่โกงมา กินไป 500 ชาติก็ไม่หมดแล้ว ยังไม่ยอมพอนั่นเอง ถ้าคำนวนแบบคณิตศาสตร์ นักการเมืองถ้าโกงได้ซัก 500 ล้านแล้วหยุด แค่นี้ประเทศชาติก้าวหน้าปีละ 2 ก้าว แต่นี่ไม่ใช่ครับ ได้ 1000 ล้านก็ขอเอาอีก ประเทศก็ถอยหลัง 2 ก้าว

สุดท้ายลงคลอง......
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 104

cuteman

14/01/2019 01:03:38
20
เหตุผลนึงที่ผมยังอุดหนุนร้านเฮียอยู่ เพราะอยากสนับสนุนร้านที่มีความตั้งใจจริงๆ ไม่ใช่แค่พวกฉวยโอกาส ตัดราคามันเรื่องง่ายครับ ผมสนุกกับการเล่นหูฟังก็เพราะร้านเฮียเนี่ยแหละครับ ตัวแรกที่ซื้อร้านเฮียน่าจะไวแสง เดอะมอลงามสมัยก่อนที่อยู่ด้านบน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 105

นายมั่นคง

14/01/2019 01:23:18
4,282
เมื่อตะกี๊ดูข่าวครับ

พบว่าตอนนี้ฝรั่งหัวแดง 5 ประเทศใหญ่กำลังร่วมต่อต้านการล่าอาณานิคมของจีน ทั้งๆที่ในอดีตเมื่อไกลโพ้น พวกฝรั่งนี่ต่างหากเป็นพวกล่าอาณานิคมและช่วงชิงพื้นที่จากเจ้าของเดิม ตอนนี้โลกเปลี่ยน ฝรั่งกลัวกันหัวหดจนต้องร่วมมือกันต้านจีน ผมดูแล้วก็ขำ ไม่ใช่ดูแล้วสงสาร แต่ดูแล้วสมน้ำหน้าเพราะเห็นถึงผลกรรมที่เกิดจากความโลภ

ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่ใช่ฝรั่งดอกเหรอที่ไม่คิดให้รอบคอบ และไม่ใช่ฝรั่งหรอกเหรอที่คิดตื้นๆด้วยการแสวงหาวิธีทำให้การผลิตถูกลง คิดนวัตกรรมอะไรออกก็หาโรงงานผลิตที่ราคาถูกๆ มีอะไรก็ไปตั้งที่จีน จนคนในประเทศตัวเองไม่มีงานจะทำ และสวนกันคนจีนมีงานทำ เงินสะพัด โรงงานเปิดในจีนทุกพื้นที่ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความโลภที่คิดว่าจ้างประเทศโลกที่ 3 (ฝรั่งเหยียดคนอื่นตลอดแหละ) นี่แหละผลิตของให้ กำไรเหลืออื้อซ่าแน่ แล้วเป็นไงครับ

เทคนิคต่างๆ ถูกส่งผ่านไปในมือจีน จนทุกวันนี้จีนศึกษาและถอดรหัสทุกอย่างแล้วนำไปพัฒนาต่อยอดกับประเทศตนเอง จนกลายเป็นว่าฝรั่งจะอดตาย คนตกงานล้นเมือง จีนขึ้นเป็นเจ้าเทคโนโลยี แล้วก็กลับมาต่อรองกับไอ้คนที่ส่งของมาให้ผลิตนั่นแหละ ตอนนี้จีนจะเอายังไง ไม่มีใครสกัดได้หรอกครับ ต่อให้ฝรั่งรวมกันครึ่งโลกก็คงยาก เหตุมาจากความโลภนั่นแหละ ถ้าไม่โลภพวกฝรั่งหัวแดงก็คงไม่ต้องมาถึงวันนี้

ย้อนมาในไทย ผมนึกแล้วตกใจ เพราะมาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ทั้ง 3 ราย มีเจ้าของเป็นคนจีนทั้งหมด และปรากฏว่าทั้ง 3 รายยอมขาดทุนมากๆกันทั้งหมด ซึ่งผมว่าคนไทยดีใจและก็บอกว่าเป็นยุคของผู้บริโภคที่ได้สินค้าราคาถูก หลายคนอ่านที่ผมเขียนอาจจะนึกเกลียดที่ผมแสดงความเห็นแบบนี้ 555 แต่ผมบอกว่าผมไม่ได้แสดงความเห็นในฐานะพ่อค้าหูฟัง แต่ผมขออนุญาตแสดงความเห็นในฐานะคนไทยครับ

ผมอยากจะบอกว่ามาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ขาดทุนทำไมกันแค่คนละไม่กี่ร้อยล้านต่อปี ถ้าแน่จริงควรจะเอาเงินออกมาขาดทุนเดือนนึงซัก 5 พันล้านต่อเดือน เจ้าใหญ่ 3 เจ้าควรจะเอาเงินมาแจกโค้ดลดราคารวมกันซักหมื่นห้าพันล้านต่อเดือน การเอากุ้งฝอยมาตกปลากะพงแบบนี้ดูจะใจเสาะและฉลาดคนเดียวมากไปหน่อย(ยอมขาดทุนเดือนละไม่กี่สิบล้านผมว่ากระจอกเกินไปไม่สมศักดิ์ศรีคนรวย)

ตอนนี้ประเทศไทยโดนทุนใหญ่ขึงพืดอยู่ แล้วแต่ว่าใครจะฉีกขาข้างไหนแบ่งเอาไปกินได้ก่อนกัน สุดท้ายผมก็ยังคงทำนายเหมือนเดิมว่า การที่เราขาดความเฉลียวใจขาดการวิเคราะห์และไร้แนวป้องกัน สุดท้ายพอทุกอย่างมันเรียวลงไปเรื่อยๆ คนที่แข็งแรงที่สุดก็ชนะไป พวกปลาซิวปลาสร้อยก็ตายไป และที่มันเจ็บใจก็คือคนไทยตายเพราะความโลภเหมือนเดิม คนไทยจ่ายหัวละ 500 ก็พร้อมจะกาบัตรให้แล้วครับอย่าลืม

โลกยุคใหม่ไม่มีเรื่องความถูกต้อง ไม่มีกติกา ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีจริยธรรมอะไรอีก มีแต่ใครดีใครได้ หลอกได้หลอกเอา โกยได้โกยเอา กูต้องเอาก่อน กูต้องได้ก่อน

และผมก็คงจะเลิกอาชีพนี้ไปเพราะผมโง่และทำแบบนี้ไม่เป็น 555
ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 5
ความคิดเห็นที่ : 106

Mus

14/01/2019 02:05:10
เห็นราคาของ HiFiMan ใน JD Central ปรับแล้วนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 107

ฮ่าๆๆๆๆ

14/01/2019 03:35:47
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 105 - นายมั่นคง
เมื่อตะกี๊ดูข่าวครับ

พบว่าตอนนี้ฝรั่งหัวแดง 5 ประเทศใหญ่กำลังร่วมต่อต้านการล่าอาณานิคมของจีน ทั้งๆที่ในอดีตเมื่อไกลโพ้น พวกฝรั่งนี่ต่างหากเป็นพวกล่าอาณานิคมและช่วงชิงพื้นที่จากเจ้าของเดิม ตอนนี้โลกเปลี่ยน ฝรั่งกลัวกันหัวหดจนต้องร่วมมือกันต้านจีน ผมดูแล้วก็ขำ ไม่ใช่ดูแล้วสงสาร แต่ดูแล้วสมน้ำหน้าเพราะเห็นถึงผลกรรมที่เกิดจากความโลภ

ย้อนหลังกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ไม่ใช่ฝรั่งดอกเหรอที่ไม่คิดให้รอบคอบ และไม่ใช่ฝรั่งหรอกเหรอที่คิดตื้นๆด้วยการแสวงหาวิธีทำให้การผลิตถูกลง คิดนวัตกรรมอะไรออกก็หาโรงงานผลิตที่ราคาถูกๆ มีอะไรก็ไปตั้งที่จีน จนคนในประเทศตัวเองไม่มีงานจะทำ และสวนกันคนจีนมีงานทำ เงินสะพัด โรงงานเปิดในจีนทุกพื้นที่ ทั้งหมดเกิดขึ้นจากความโลภที่คิดว่าจ้างประเทศโลกที่ 3 (ฝรั่งเหยียดคนอื่นตลอดแหละ) นี่แหละผลิตของให้ กำไรเหลืออื้อซ่าแน่ แล้วเป็นไงครับ

เทคนิคต่างๆ ถูกส่งผ่านไปในมือจีน จนทุกวันนี้จีนศึกษาและถอดรหัสทุกอย่างแล้วนำไปพัฒนาต่อยอดกับประเทศตนเอง จนกลายเป็นว่าฝรั่งจะอดตาย คนตกงานล้นเมือง จีนขึ้นเป็นเจ้าเทคโนโลยี แล้วก็กลับมาต่อรองกับไอ้คนที่ส่งของมาให้ผลิตนั่นแหละ ตอนนี้จีนจะเอายังไง ไม่มีใครสกัดได้หรอกครับ ต่อให้ฝรั่งรวมกันครึ่งโลกก็คงยาก เหตุมาจากความโลภนั่นแหละ ถ้าไม่โลภพวกฝรั่งหัวแดงก็คงไม่ต้องมาถึงวันนี้

ย้อนมาในไทย ผมนึกแล้วตกใจ เพราะมาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ทั้ง 3 ราย มีเจ้าของเป็นคนจีนทั้งหมด และปรากฏว่าทั้ง 3 รายยอมขาดทุนมากๆกันทั้งหมด ซึ่งผมว่าคนไทยดีใจและก็บอกว่าเป็นยุคของผู้บริโภคที่ได้สินค้าราคาถูก หลายคนอ่านที่ผมเขียนอาจจะนึกเกลียดที่ผมแสดงความเห็นแบบนี้ 555 แต่ผมบอกว่าผมไม่ได้แสดงความเห็นในฐานะพ่อค้าหูฟัง แต่ผมขออนุญาตแสดงความเห็นในฐานะคนไทยครับ

ผมอยากจะบอกว่ามาร์เก็ตเพลสขนาดใหญ่ขาดทุนทำไมกันแค่คนละไม่กี่ร้อยล้านต่อปี ถ้าแน่จริงควรจะเอาเงินออกมาขาดทุนเดือนนึงซัก 5 พันล้านต่อเดือน เจ้าใหญ่ 3 เจ้าควรจะเอาเงินมาแจกโค้ดลดราคารวมกันซักหมื่นห้าพันล้านต่อเดือน การเอากุ้งฝอยมาตกปลากะพงแบบนี้ดูจะใจเสาะและฉลาดคนเดียวมากไปหน่อย(ยอมขาดทุนเดือนละไม่กี่สิบล้านผมว่ากระจอกเกินไปไม่สมศักดิ์ศรีคนรวย)

ตอนนี้ประเทศไทยโดนทุนใหญ่ขึงพืดอยู่ แล้วแต่ว่าใครจะฉีกขาข้างไหนแบ่งเอาไปกินได้ก่อนกัน สุดท้ายผมก็ยังคงทำนายเหมือนเดิมว่า การที่เราขาดความเฉลียวใจขาดการวิเคราะห์และไร้แนวป้องกัน สุดท้ายพอทุกอย่างมันเรียวลงไปเรื่อยๆ คนที่แข็งแรงที่สุดก็ชนะไป พวกปลาซิวปลาสร้อยก็ตายไป และที่มันเจ็บใจก็คือคนไทยตายเพราะความโลภเหมือนเดิม คนไทยจ่ายหัวละ 500 ก็พร้อมจะกาบัตรให้แล้วครับอย่าลืม

โลกยุคใหม่ไม่มีเรื่องความถูกต้อง ไม่มีกติกา ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่มีจริยธรรมอะไรอีก มีแต่ใครดีใครได้ หลอกได้หลอกเอา โกยได้โกยเอา กูต้องเอาก่อน กูต้องได้ก่อน

และผมก็คงจะเลิกอาชีพนี้ไปเพราะผมโง่และทำแบบนี้ไม่เป็น 555
ผมโคตรชอบความคิดเห็นนี้เลยครับ ฮ่า แอบยอมรับนะว่าเป็นคนนึงที่รู้สึกว่าทำไมเว็บนี้ดื้อจัง ไม่ไปลงเว็บพวกนั้นสักที จะได้ใช้โค้ดซื้อของ พอเห็นพลังของร้านจีนในนั้นไล่ตัดราคาร้านไทย โอเค เห็นภาพแล้ว
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 108

redondo16

14/01/2019 09:32:24
55
เจ้าสีส้ม แจกโค้ดลดกับร้านนอกทุกเดือน เจ้าที่นำเข้าหูฟัง budget หลายๆยี่ห้อจะตายห่านเอา เจอราคาต่างกันครึ่งนึง ถึงไม่มีประกันก็วัดดวงเอา (ประกันศูนย์ไทยก็แค่ 3 เดือน)

จะบอกว่า Digital Disruption ต้องปรับตัว ผมว่าไม่ใช่หรอก นี่มั่นทุ่มตลาดแบบบ้านๆเลยล่ะ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 109

มิวสิก

14/01/2019 18:39:42
63
ดู SME ตีแตก พิธีกรถามว่าราคาเป็นแสน คุณก็มีให้ลองฟังเหรอ เฮียตอบ แบบสรุปว่าจำเป็นต้องมีเพื่อผู้บริโภคจะได้เลือกได้ถูกใจ

อย่าว่าแต่เป็นแสนเลย แค่หมื่นซื่อผ่านออนไลน์ผมก็ไม่กล้า ใช่ว่าจะมาลองฟังร้านเฮียแล้วไปซื้อออนไลน์ แต่หมายถึงเมื่อมีปัญหาแล้วใครจะดูแล ส่วนเรื่องของราคาไม่กี่พัน อันนี้ต้องทำใจ เฮียอาจต้องเลิกขายจริงๆ

อีกอย่าง ราคาที่ลดมากๆ มันเสี่ยงว่าจะเป็นของปลอม ส่วนของแท้จริงๆราคาไม่น่าต่างกันมาก ถูกกว่าไม่กี่ร้อย ซื้อประกันสบายใจกว่า ไอ้ส่วนที่ลดลงมากกว่าปกติแต่ไม่มากเท่าเคสแรกให้นึกว่ามันเป็นสินค้าลองใช้แล้วตีกลับจากลูกค้าแล้วทางร้านเอามาขายต่อ ซึ่งเป็นผมจะไม่ซื้อตอน 11-11หรือ12-12.เลย เพราะลดเยอะก็มีโอกาศโดนสินค้าส่งคืนเยอะ (ที่จริงเคยโดนแหละถึงได้ความคิดนี้มา ) 

อีกอย่างความน่าเชื่อถือของร้านถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งทางออนไลน์การจะหาของที่ต้องการนะมันง่าย แต่จะหาจากเจ้าที่มีความน่าเชื่อถือหนะมันยากกว่า ถ้าผมเจอ RE400  ราคา 9ร้อยกว่า ถึง 3พัน อันนี้ผมมองว่า HiFiman เองนั้นแหละที่ไม่น่าเชื่อถือ นี่คือเหตุผลที่เฮียบอกว่าสินค้าดีๆ จะมาทำราคาขึ้นๆลงๆเป็นของเด็กเล่นไม่ได้

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 110

นายมั่นคง

14/01/2019 23:04:50
4,282
สำหรับผมเอง ทุกวันนี้ก็ถือว่าทำหน้าที่ตัวเองดีที่สุดแล้วครับ การเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง งัดอย่างไรก็หักครับ 555

ตอนนี้ผมทำราคาแข่งขันกับมาร์เก็ตเพลส โดยที่ผมคิดว่าไอเท็มส่วนใหญ่ที่มั่นคงราคาไม่แพงกว่าและแข่งขันได้ อันไหนผมทำราคาไม่ได้ผมก็พยายามไม่จำหน่ายไปซะ และก็อย่างที่ทราบ การขายด้วยการแข่งขันราคาแบบนี้นั้น ร้านมั่นคงเองก็คงอยู่ได้อีกไม่นานครับ มันไม่มีทางที่จะไปแข่งอะไรกับการทุ่มและทุบตลาดให้พังโดยทุนใหญ่ต่างชาติครับ

ตอนนี้ผมก็โดนหมายหัวจากศูนย์ไทยหลายรายว่าทำไมไปขายสินค้าแข่งกับมาร์เก็ตเพลส ไปลดราคาแข่งกับร้านในมาร์เก็ตเพลสได้ไง นี่กลายเป็นว่าผมโดนสั่งห้ามแตะคนอื่น ในขณะที่คนอื่นทั้งทุบทั้งถองตามใจชอบได้? นี่กลายเป็นมาร์เก็ตเพลสเป็นเขตปกครองพิเศษจากศูนย์ไปแล้ว 555 ผมคงโดนไล่ให้เลิกในอีกไม่นานแล้วครับ

อย่าง Hifiman นั้นก็คงต้องปล่อยให้เค้าคิดตามที่เค้าต้องการ การที่เค้าทำมาร์เก็ตติ้งโปรโมชั่นแรงๆไม่กี่วัน เค้าไม่รู้หรอกครับว่าทุกอย่างมันจบไปแล้ว 555 คนอาจจะเกลียดผมคิดว่าผมขายสินค้าแพง ทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลยจริงๆครับ ก็คงบอกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ไม่มีอะไรจีรังคงทนถาวรครับ

ผมมีคนที่ต้องดูแลรับผิดชอบ 30-40 ชีวิต ผมอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้ที่ไม่ไปเข้าร่วมกับมาร์เก็ตเพลส แต่ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากมายแบบที่นายทุนใหญ่เค้าต้องการนี่ครับ พอทำไหว อยู่ได้ ไม่ต้องเป็นขี้ข้าเค้าผมก็โอเคแล้ว 555

ให้กำลังใจ 6
หยิกหู 0
แจกหู 5
ความคิดเห็นที่ : 111

@rt

16/01/2019 14:18:19
3
เปนกำลังใจให้เฮียเสมอครับ อนาคตปท.ไทยและคนรุ่นหลังจะเปนอย่างไร ไม่กล้าจะคิดเลยย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 112

นายมั่นคง

16/01/2019 20:53:19
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 111 - @rt
เปนกำลังใจให้เฮียเสมอครับ อนาคตปท.ไทยและคนรุ่นหลังจะเปนอย่างไร ไม่กล้าจะคิดเลยย
ขอบคุณครับ 555

เรื่องเหล่านี้ผมจะพิมพ์ให้อ่านกันไปเรื่อยๆนะครับ ถือว่าเป็นมุมมองของคนอยู่วงการออนไลน์มาตั้งแต่ยุคแรกๆ จนถึงปัจจุบันซึ่งไม่รู้ว่าจะไปได้กี่น้ำ 555

ลองสังเกตุนะครับ ตอนนี้โลกกำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนผ่านทั้งเทคโนโลยีที่เร็วแบบพลิกฝ่ามือ เปลี่ยนทั้งวิธีการต่างๆ และเปลี่ยนทั้งความรู้สึกนึกคิด และที่แย่สุดเราเปลี่ยนเรื่องจริยธรรมด้วย

ตอนนี้ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องถูกหล่อหลอมให้คิดแบบเดียวกัน คือคิดเอาตัวรอด และมนุษย์เวลาจะเอาตัวรอด มันเหมือนในหนังยังไงยังงั้นเลยครับ คือทั้งปล้น ทั้งชิง ทั้งเข่นฆ่า คือยังไงก็ได้ให้ตัวเองรอด และยิ่งร้ายใหญ่คือถ้าคนอื่นตายแล้วตัวเองรอด คนนั้นจะรีบทำทันที และเลวกว่านั้นเลย คือพวกมึงม่องเท่งให้หมด แล้วกูรอดคนเดียว 555

ก็อย่าไปคิดมากหรือกังวลกับสิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลยครับ เพราะอันนี้เป็นนิสัยของความละโมภที่ถูกสร้างด้วยกลไกที่มนุษย์กำหนดทั้งสิ้น ลองไตร่ตรองตามที่ผมพิมพ์เถอะครับ โลกนี้มันวุ่นวายเพราะคนโลภและไม่เคยพอครับ...





ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 113

dearzclash

16/01/2019 21:29:24
12
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 112 - นายมั่นคง
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 111 - @rt
เปนกำลังใจให้เฮียเสมอครับ อนาคตปท.ไทยและคนรุ่นหลังจะเปนอย่างไร ไม่กล้าจะคิดเลยย
ขอบคุณครับ 555

เรื่องเหล่านี้ผมจะพิมพ์ให้อ่านกันไปเรื่อยๆนะครับ ถือว่าเป็นมุมมองของคนอยู่วงการออนไลน์มาตั้งแต่ยุคแรกๆ จนถึงปัจจุบันซึ่งไม่รู้ว่าจะไปได้กี่น้ำ 555

ลองสังเกตุนะครับ ตอนนี้โลกกำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่าน เปลี่ยนผ่านทั้งเทคโนโลยีที่เร็วแบบพลิกฝ่ามือ เปลี่ยนทั้งวิธีการต่างๆ และเปลี่ยนทั้งความรู้สึกนึกคิด และที่แย่สุดเราเปลี่ยนเรื่องจริยธรรมด้วย

ตอนนี้ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องถูกหล่อหลอมให้คิดแบบเดียวกัน คือคิดเอาตัวรอด และมนุษย์เวลาจะเอาตัวรอด มันเหมือนในหนังยังไงยังงั้นเลยครับ คือทั้งปล้น ทั้งชิง ทั้งเข่นฆ่า คือยังไงก็ได้ให้ตัวเองรอด และยิ่งร้ายใหญ่คือถ้าคนอื่นตายแล้วตัวเองรอด คนนั้นจะรีบทำทันที และเลวกว่านั้นเลย คือพวกมึงม่องเท่งให้หมด แล้วกูรอดคนเดียว 555

ก็อย่าไปคิดมากหรือกังวลกับสิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลยครับ เพราะอันนี้เป็นนิสัยของความละโมภที่ถูกสร้างด้วยกลไกที่มนุษย์กำหนดทั้งสิ้น ลองไตร่ตรองตามที่ผมพิมพ์เถอะครับ โลกนี้มันวุ่นวายเพราะคนโลภและไม่เคยพอครับ...





อ่านเพลินครับเฮีย สิ่งที่เฮียพิมมาคือความจริงทุกอย่างครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 114

Tourweb

17/01/2019 01:16:43

ธุรกิจโลจิสติกส์  ก็ไม่รอดล่ะครับ   จีนจะมากินรวบอีกล่ะ
เป็นทั้ง ผู้ขาย  เจ้าของตลาด  และยังจัดส่งด้วย
ขนาดไปรษณีย์ไทย ต้องติดป้ายประชาสัมพันธ์ให้ใช้บริการของไทยเอง

จากบทความ “เมื่อ 2 มังกรจีนอยากกินตลาดส่งพัสดุ 30,000 ล้านบาทในไทย”

https://marketeeronline.co/archives/91708

แต่อ่านแล้วจะทำแบบแฟรนไชส์  ใช้ระบบที่มีอยู่แล้วอย่างเดียว จะกินรวบแต่ลงทุนน้อยไปหน่อยไม๊
ใครหลงไปเป็นแฟรนไชส์คงจะดีแค่ช่วงแรก   ตอนหลังก็คงโดนบีบอีก

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 115

นายมั่นคง

17/01/2019 11:43:12
4,282



เรื่องเข้ามากะผูกขาดโลจิสติกส์ก็คือการต่อยอดจากการเข้ามารวบพื้นที่ขายสินค้าภายในประเทศ ผ่านช่องทางมาร์เก็ตเพลสนั่นแหละครับ คือพอขายสินค้าออนไลน์ผ่านมาร์เก็ตเพลสของตัวเองมากขึ้น ก็ต้องส่งสินค้าผ่านระบบโลจิสติกของตัวเองเสริมตามลงไป

และพอโลจิสติกส์ถูกรวบ อีกหน่อยระบบคมนาคมในประเทศก็ถูกกินรวบไปอีก ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เครื่องบิน รถสาธารณะ หรืออาจจะลามไปถึงแท็กซี่สามล้อมอเตอร์ไซต์ นี่ถ้ามีรถลากก็อาจจะโดนรวบไปอีกเช่นกัน คนไทยอาจจะรู้สึกสมน้ำหน้าว่าก็รัฐวิสาหกิจไทยหรือไปรษณีย์ไทยมันไม่ดี ไม่ทันใจ ยังงู้นยังงี้ แต่ผมมองว่าระบบต่างๆเหล่านี้ถ้าแก้ไขในรัฐบาลที่ดีไม่คอรัปชั่นรับรองว่าดีทันตาเห็น

แต่การที่ปล่อยให้คนนอกประเทศหรือนอกบ้านเข้ามาควบคุมหรือรับสัมปทานผูกขาดยันชั่วลูกชั่วหลาน ถามว่าท่านรับได้และยินดีกันจริงๆหรือครับ อย่าลืมนะครับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศยังเป็นคนที่ต้องพึ่งพาการจ้างงาน คนไทยส่วนใหญ่ยังขาดความกระตือรือล้นในการแข่งขัน และการที่ปล่อยให้ต่างชาติมาจัดการกับเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด ผมว่าในระยะยาวผลเสียมันมากมหาศาลครับ เราสร้างพลเมืองของเราให้มีคุณภาพดีขึ้นได้ครับ และดีกว่าให้คนอื่นมาวางรากฐานเพื่อคนและผลประโยชน์ของชาติเค้าเองนะครับ

แรกๆถ้าลงไปอ่านในสัญญาต่างๆจะรู้สึกเหมือนว่าดี แต่พอนานๆไปคอยดูเถอะครับ พวกผู้บริหารบ้านเมืองที่มีอำนาจที่ปล่อยให้คนอื่นมาหากิน ก็หอบเงินไปนอนเสวยสุขกันหมดแล้ว เคยได้ยินคำว่าขายชาติไม๊ครับ คำนี้มันกว้างก็จริง แต่ก็พอจะหยิบมาใช้ในกรณีเหล่านี้ได้เช่นกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 116

pockethifi

17/01/2019 13:19:08
161
เมื่อกี๊ฟังคลิป youtube เกี่ยวกับตลาดดิจิทัล ผู้รู้เขาทักว่า
ถ้าคุณไม่สร้างที่ทางของตัวเอง ไม่สร้างบ้านตัวเอง  เอาแต่เช่าแผงคนอื่นขาย คุณก็จะโดนค่าเช่าแผงแพงขึ้นเรื่อยๆ  ยกตัวอย่าง การโฆษณาทางเฟสที่ใช้เงินเท่าเดิมแต่เข้าถึงคนได้น้อยลงเรื่อยๆ
หรือ การลงทุนหลายสิบล้านบาทกับอะไรบางอย่างในที่ทางของคนอื่น  ก็ไม่เหมือนกับการลงทุนในที่ทางของตนเอง

มันคงมีระบบอื่นๆอีกที่ดูเหมือนฟรี ดูเหมือนง่าย  แต่มันก็หายไปง่ายๆเหมือนกัน เช่นโดนล็อคแอ็คเค้า มีเรื่องกับเจ้าของแผงไม่ได้  ฯลฯ

ฟังแล้วนึกถึงหน้าเฮียลอยขึ้นมาเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 117

นายมั่นคง

17/01/2019 20:13:15
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 116 - pockethifi
เมื่อกี๊ฟังคลิป youtube เกี่ยวกับตลาดดิจิทัล ผู้รู้เขาทักว่า
ถ้าคุณไม่สร้างที่ทางของตัวเอง ไม่สร้างบ้านตัวเอง  เอาแต่เช่าแผงคนอื่นขาย คุณก็จะโดนค่าเช่าแผงแพงขึ้นเรื่อยๆ  ยกตัวอย่าง การโฆษณาทางเฟสที่ใช้เงินเท่าเดิมแต่เข้าถึงคนได้น้อยลงเรื่อยๆ
หรือ การลงทุนหลายสิบล้านบาทกับอะไรบางอย่างในที่ทางของคนอื่น  ก็ไม่เหมือนกับการลงทุนในที่ทางของตนเอง

มันคงมีระบบอื่นๆอีกที่ดูเหมือนฟรี ดูเหมือนง่าย  แต่มันก็หายไปง่ายๆเหมือนกัน เช่นโดนล็อคแอ็คเค้า มีเรื่องกับเจ้าของแผงไม่ได้  ฯลฯ

ฟังแล้วนึกถึงหน้าเฮียลอยขึ้นมาเลย
สวัสดีครับ ที่พอคุยถึงเรื่องตลาดดิจิตัลออนไลน์แล้วมีหน้าผมลอยขึ้นมา 555

ผมเคยเขียนและพูดถึงเรื่องเหล่านี้ไว้หลายปีมาแล้วครับ ยุคออนไลน์ใหม่นั้นทุกคนต้องพยายามสร้างบ้านเป็นของตัวเอง จะสร้างเล็กสร้างใหญ่ก็สร้างกันไป ตัวเว็บไซต์เปรียบไปก็เสมือนบ้านครับ ใครมีทุนรอนก็เปิดเอง หรือถ้าไม่มีทุนรอนมากนักจะไปเช่าอยู่ในเว็บสำเร็จรูปอะไรก็ตามที มันก็คือบ้านอยู่ดี บ้านคือที่เก็บที่นอนหมอนมุ้งที่เรานอน เก็บหนังสือ เก็บของสะสม เก็บของที่เราลงมือทำ ใครก็มาฉวยไปง่ายๆไม่ได้ เช่นเดียวกัน บทความ content หรือความรู้ที่เราทุ่มเทอยู่กับมัน ยังไงก็อยู่ที่เรา

แต่เฟซบุ๊ค ไอจี มาร์เก็ตเพลสก็เหมือนกับแผงลอยครับ คือเค้ามีแผงให้เราไปออกบู้ท เราก็ไปออก แต่พอเราเอาอะไรไปปาใส่ไว้ เวลาหาก็หายาก ใครจะมาค้นก็ค้นลำบาก เพราะเค้าเห็นแค่หน้าแผงลอยที่เราวางนั่นแหละ แต่ก่อนเค้าให้อยู่ฟรี วันดีคืนดีเค้าก็มาเก็บค่าเช่าแพงไปเรื่อยๆ และก็ไม่รู้ว่าวันไหนเราจะจ่ายค่าเช่าอยู่ไหวหรือเปล่า และการไปรวมอยู่ในแผงลอยมากๆ เจ้าของตลาดหรือแผงลอยเค้าก็รู้ว่าอะไรขายได้ อะไรขายไม่ได้ เค้ารู้ทุกอย่างๆที่ทุกคนซื้อ รู้ทุกอย่างที่ทุกคนมาขาย วันใดวันหนึ่ง เค้าละโมภอยากจะขายเอง เค้าก็กั้นห้องหรูๆในตลาดเค้าเองนั่นแหละ แล้วบอกว่านี่ชั้นจะขายเองบ้าง ใครไม่พอใจก็เฉดหัวออกไป

คนไทยเราส่วนใหญ่ชอบทำอะไรง่ายๆ ขอให้ได้ไวๆ ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำมาก ไม่ต้องคิดสร้างสรรค์อะไร และสำคัญเป็นพวกคิดสั้นๆ ขอแค่ได้ขายตัดหน้าคนอื่น หลังจากนั้นไม่สน จะมีปัญหาอะไรหลังจากขายก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไร เพราะถือว่าได้เงินง่ายก็ต้องจบให้เร็ว ตัดตอนให้สั้น

คนเหล่านี้เหมาะกับมาร์เก็ตเพลสครับ และมาร์เก็ตเพลสก็ต้องการคนเหล่านี้มาเป็นมือเป็นเท้าให้มากที่สุด เพราะวิธีบริหารจัดการกับคนเหล่านี้นั้นง่าย แค่เอาเม็ดเงินโยนล่อ แค่นี้ก็งับกันโผงผางแล้ว คนเหล่านี้มักคิดว่าคนรวยคือคนที่ดีที่สุด ซึ่งต่างจากผม

ผมโดนคนมากมายวิพากษ์ว่าโง่ ยุคนี้เค้าไปอยู่ในมาร์เก็ตเพลสกันหมดทุกคนแล้ว เหลือแต่ผมนี่แหละที่เต่าล้านปีไม่ยอมไปอยู่ ซึ่งผมก็มีเหตุผลในใจแบบของผมครับ ผมมองโลกต่างจากที่คนอื่นมอง ผมไม่ใช่คนเก่งและไม่ใช่คนดี แต่ผมก็มีวิธีคิดแบบของผมครับ ซึ่งถ้าคิดผิดก็เท่ากับว่าผมคงต้องเลิกราจากตรงนี้ไป แต่ถ้าไม่ผิดผมก็คงพอจะอยู่เป็นกระบอกเสียงให้กับคนที่สนใจกลไกยึดประเทศครั้งนี้ครับ

มาติดตามกันว่าเดิมพันประเทศครั้งใหญ่นี้จะไปทางไหนนะครับ....


ให้กำลังใจ 5
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 118

ลูกตาล Reus Glass

18/01/2019 13:09:28
96
ถามกระทู้นี้ละกัน น่าจะตรงจุด
ผมสงสัยว่าโมเดลการขายแบบโค้ดส่วนลดเนี่ยมันมีแนวคิดยังไง ทำไมต้องโค้ด? แล้วใครเป็นคนอุดหนุนส่วนลด?
แบบว่าเดี๋ยวนี้ผมเห็นคนจะซื้อของถามหาโค้ดๆ
ซึ่งส่วนตัวผมชอบระบบที่ลดก็ลดไปเลยมากกว่า เท่าเทียมกันหมด 

ปล ระบบการขายออนไลน์ของเวบเฮียผมว่าค่อนข้างดีมากแล้วนะครับ ใช้งานโอเคไม่มีติดขัดอะไร
ปล.2 ถ้าเพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์แนวๆของเข้าแล้วนอกเหนือจากเพจก็ดีครับ บางทีของเล็กๆเราไม่รู้เมื่อใหร่มันจะเข้ามา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 119

นายมั่นคง

18/01/2019 15:39:50
4,282
อธิบายให้คุณลูกตาลและท่านอื่นๆทราบพร้อมกันเลยนะครับ^^

เรื่องการขายสินค้าบนโลกใบนี้ มันจะมีราคากลางที่ผู้ผลิตเป็นคนกำหนดเรียกว่าราคา MSRP ย่อมาจาก Manufacturer's Suggested Retail Price ซึ่งเป็นราคาที่บอกว่าสินค้าชิ้นนี้จะวางขายในราคาเท่าไหร่ ถูกหรือแพงกว่าสินค้าของยี่ห้ออื่นเท่าไหร่ คนซื้อจะเปรียบเทียบด้วยราคานี้ก่อน เช่นตั้งราคา $300 ก็จะใช้ราคานี้อ้างอิงทั้งโลกไปเลยสำหรับสินค้ายี่ห้อนั้นๆรุ่นนั้นๆ

ในอดีตที่ผ่านมา เวลามีการลดราคาสินค้า ทางผู้นำเข้า(ทุกๆประเทศคล้ายกัน) ก็จะทำการลดราคาลงมา เช่นวางตามห้าง ตามร้าน หรือวางในออนไลน์ สมมุติราคา 10,000 บาท ถ้าผู้นำเข้าต้องการลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย ก็อาจจะลดลงเหลือ 9,000 บาท เหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าที่ไหนก็ลดราคานี้ คนซื้อก็เข้าใจดีว่า ราคาปรับแล้วเหลือเท่านี้ ถ้าชอบก็ซื้อเลยได้

แต่พอมีมาร์เก็ตเพลสเข้ามาขายสินค้าทางออนไลน์ วิธีเข้ามาแทรกตัวเพื่อเรียกความสนใจกับลูกค้าก็คือการลดราคาให้มากกว่าร้านค้าที่มีหน้าร้านนั่นเอง สมมุตว่าเมื่อกี๊เราขายที่ 9,000 บาท เพราะราคานี้คือราคาที่ศูนย์กำหนดให้ลดเท่านี้ คราวนี้พวกมาร์เก็ตเพลสจะใช้วิธีลดราคาลงมาอีกซัก 500 บาทก็ทำไม่ได้ เพราะติดเงื่อนไขปัญญาอ่อนของศูนย์อยู่

คือศูนย์ขอให้ราคาเหมือนกันทั้งคนที่ขายหน้าร้านและขายออนไลน์ คือทุกคนต้องตั้ง 9000 บาท ส่วนใครจะทำอะไรก็ไปทำเถิด พวกมาร์เก็ตเพลสหรือร้านออนไลน์ก็เลยต้องสร้างโค้ดที่ว่าออกมาครับ แล้วแต่ใครจะสร้างโค้ดกี่ตัว กี่อัน มูลค่ามากน้อยเท่าไหร่ก็สุดแท้แต่ แล้วไอ้โค้ดนี้แหละจะไปลดราคาในขั้นตอนการจ่ายเงินสุดท้าย ซึ่งการสร้างโค้ดลดราคาแล้วแจกให้ใช้ คือเทคนิคเบสิคที่ใช้ชิงความได้เปรียบของมาร์เก็ตเพลสครับ

มันก็จะมีว่าราคา 9000 บาทแล้ว มาร์เก็ตเพลสรายนี้ให้โค้ดลด 500 บางที่ 800 คนซื้อก็ไปเสาะหาว่าใครลดถูกกว่ากัน จนกลายเป็นเกมส์ที่คนช็อปปิ้งรู้สึกว่าสนุก ยังไม่จบครับ เพราะกลายเป็นว่าการใส่โค้ตลดนั้นยังไม่ทำให้คนเสพติด ทางมาร์เก็ตเพลสเลยต้องควักเงินตัวเองมาแจกในรูปแบบโค้ด เพื่อให้คนซื้อเฮโลมาซื้อสินค้าภายใต้มาร์เก็ตเพลสตนเอง

ไอ้การควักเงินนี่มันไม่ใช่บาทสองบาท แต่ควักเป็นล้านๆบาท เพื่ออะไร? เพื่อทุบและทำลายผู้ค้าเดิมที่ไม่มีทุนรอนในระบบให้ตายไปหมดก่อน ตรงนี้ครับที่ผมบอกว่าเป็นความผิดปกติ (จริงๆต้องใช้คำว่าชั่ว) คือการควักเงินออกมาทุ่มช่วยส่วนลด มันไม่มีทางที่ร้านค้าเล็กๆทั่วไปจะทำได้ ร้านไหนก็ทำไม่ได้ครับ การลดราคาพอลดกันไปถึงจุดหนึ่งคือขาดทุน ซึ่งธุรกิจที่ไม่ซับซ้อนเค้าไม่ค้าขายขาดทุนหรอกครับ

แต่ธุรกิจซับซ้อน มันมีตั้งแต่การต้องการมาปักธงเป็นเบอร์หนึ่ง การเชื่อมโยงต่อไปยังระบบโลจิสติกส์ ระบบไฟแนนซ์ ระบบคมนาคม พืชผลเกษตร จะเห็นได้ว่าการขาดทุนของมาร์เก็ตเพลสมันก็คือการลงทุนนั่นเอง คือหว่านลงในช่องนี้เพื่อไปสวาปามช่องที่ใหญ่กว่านี้สิบเท่าร้อยเท่า อีกหน่อยอาจจะมีโปรโมชั่นแบบนี้ก็ได้ ใครโอนเงินไม่ผ่านธนาคารในไทย แต่กดแอฟโอนตรงไปประเทศเค้าเลย ลดเพิ่มอีก 10% ซึ่งสิ่งเหล่านี้ชั่วโมงนี้ยังไม่เกิด แต่รับรองว่าเกิดแน่ครับ

และสิ่งที่ผมบอกคือ ธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวพันกับมนุษย์ หรือพื้นที่จริงๆที่ต้องเก็บของ โชว์ของ ตอนนี้กำลังทะยอยเลิก จะจ้างคนทำไมในเมื่อมีระบบต่างๆรองรับ เปิดร้านทำไมเป็นสิบเป็นร้อยสาขาในเมื่อระบบการสั่งสินค้านั้นกดสั่งบนมือถือและดิ่งตรงไปที่เดียวกัน ธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นธุรกิจที่ไม่เอื้อและไม่ทำกำไรอีกต่อไปแล้วครับ

ทุกวันนี้สิ่งที่ดีที่สุดของผมคือเช็คราคา และทำราคาลงมาแข่งขันกับราคาจำหน่ายสินค้าในมาร์เก็ตเพลสหรือร้านออนไลน์ที่ไม่มีหน้าร้าน ถ้าเค้ามีโค้ดลด ผมก็พยายามลดด้วยการเฉือนกำไร หรือเฉือนทุนเพื่อทำให้ตัวเองอย่าเพิ่งล้มหายตายจากไปตอนนี้ ณ เวลานี้คนไทยหลายๆพื้นที่ยังไม่ซื้อออนไลน์ และสินค้าบางอย่างก็ยังไม่ใช่สินค้าที่ตัดสินใจจะซื้อบนออนไลน์ได้ทันทีทันใดก็จริง แต่ก็คงไม่นานที่ร้านสเกลแบบผมก็อาจจะต้องปิดตัวลงครับ

เหลือเชื่อว่าตอนนี้ผมโดนร้านออนไลน์หน้าด้านที่ไม่มีหน้าร้าน ดำเนินการร้องเรียนกับศูนย์ว่าผมขายสินค้าราคาเท่าเค้าหรือถูกกว่า และคร่ำครวญ(คนจีนเรียกเค้าเป๋เค้าบ้อ) บอกว่าร้านเค้าเสียเปรียบร้านแบบผม เพราะร้านเค้าขายออนไลน์อย่างเดียวไม่มีหน้าร้าน เลยขอให้ศูนย์ช่วยดำเนินการตักเตือนและระงับการส่งสินค้าให้ผม

เวลาคนเห็นแก่ได้และออกแนวฉลาดคนเดียว อยากจะพลิกลิ้นพูดเอาแต่ได้ทางไหน ก็ปลิ้นไปได้เรื่อยครับ นี่ก็ได้ข่าวว่าเป็นคนมีการศึกษาและเรียนกันสูงมากๆ แต่ไหงความคิดแย่กว่าคนไม่มีการศึกษาแบบผมล่ะเนี่ย 555
ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 120

Exmor

18/01/2019 16:05:45
9
เป็นกำลังใจให้เฮียครับ  
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 121

RockDragon

18/01/2019 16:30:01
2,893
เห็นตรงที่เฮียพิมพ์ตัวสีแดงแล้วคนอย่างนี้มันเรียนมาเสียเงินเสียเวลาเปล่าๆครับ 555


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 122

นายมั่นคง

18/01/2019 16:50:15
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 121 - RockDragon
เห็นตรงที่เฮียพิมพ์ตัวสีแดงแล้วคนอย่างนี้มันเรียนมาเสียเงินเสียเวลาเปล่าๆครับ 555


นี่เป็นเรื่องจริงๆเลยครับ เพิ่งจะ 2-3 วันนี้เองครับน้า 555

คือผมเปิดร้านมาจนถึงทุกวันนี้ ผมก็อยู่แบบทั้งระบบเดิมคือมีหน้าร้านและก็ออนไลน์โดยมีเว็บไซต์เว็บบอร์ดไว้คุยกับสมาชิก แล้วก็ขายสินค้าแบบที่เห็นๆมาตลอดๆ เคยรบกับคนอื่นก็ต่อเมื่อมีมารุกล้ำอธิปไตยหรือแอบอ้างเอาดื้อๆ รบกันแล้วก็จบกันไปไม่ได้ติดใจอะไรหรอกครับ ต่างคนต่างสร้างสรรค์วงการไปหาสินค้าดีๆมาเสนอลูกค้า ผมถือว่าแบบนี้จรรโลงวงการครับ

แต่ไม่กี่วันก่อน ผมโดนศูนย์แจ้งว่ามีเว็บออนไลน์แจ้งร้องเรียน ว่าห้ามไม่ให้ผมทำโปรโมชั่นแข่งขันกับเค้า เพราะทุกวันนี้เค้าเสียเปรียบผม เพราะว่าเค้าไม่มีหน้าร้าน ผมก็นึกแปลกใจว่าเออหนอ โลกนี้มันกลับตาลปัตรไปได้เพียงนี้ มีแต่คนที่มีหน้าร้านกำลังใกล้ตายเพราะโดนออนไลน์ไร้จริยธรรมกระทืบจนเละ

แต่นี่ร้านออนไลน์เอาแต่ได้บอกว่าพวกมีหน้าร้านได้เปรียบเค้า 555 ก็อาจจะเป็นไปได้ที่พ่อแม่อบรมสั่งสอนมาแบบนี้ เลยต้องใช้วิธีการแบบนี้ แต่ผมในฐานะพ่อคน ผมไม่สอนลูกผมแบบนี้แน่ๆๆ 555 (ผมเชื่อเรื่องลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นครับ ถ้าไม่มีแนวคิดและเชิงปฏิบัติน่าจะคิดไม่ได้ขนาดนี้)

ผมเชื่อว่าร้านออนไลน์หน้าหนาเหล่านี้ตอนที่เปิดร้านใหม่ๆ คงหัวเราะปิดปากคิกๆๆว่าคอยดูนะ ชั้นจะเล่นงานพวกมีหน้าร้านให้หมอบ เพราะทุนชั้นต่ำ หน้าร้านไม่ต้องมี พนักงานจ้างไม่มาก สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ทำให้เค้าคิดเปิดร้านออนไลน์เพียวๆหรือครับ 555

อ้าวเฮ้ย พอเจอพวกมีหน้าร้านอย่างผมยอมตายคาสนาม ทำราคาแข่ง กลายเป็นร้องไห้ไปฟ้องพ่อ ฟ้องศูนย์ 5555

เฮียจะบอกเอ็งว่า อยากรวยต้องรู้จักแบ่งปันคนอื่น ควรทำถูกต้องทำดีและสง่างามด้วยนะ ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ขอให้ได้เงินอย่างเดียว จำไว้ด้วยจ้าๆๆๆ


ปล.ผมจบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 เองนะครับ และประกาศนียบัตรก็ไม่มีด้วย(เพราะครูไม่ยอมให้) 555
ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 123

ลูกตาล Reus Glass

18/01/2019 17:28:27
96
ผมอ่านแล้วก็งงเหมือนเฮีย ออนไลน์ร้องว่าโดนหน้าร้านกลั่นแกล้ง
แล้วก็งงหนักที่ศูนย์ก็บ้าจี้รับตามนั้นด้วย? หน้าร้านยอมเฉือนกำไรเพื่อสู้กับออนไลน์ ศูนย์ดันเห็นใจร้านออนไลน์มากกว่า? 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 124

นายมั่นคง

18/01/2019 19:37:13
4,282
เดี๋ยวผมขออนุญาตเจ้าของกระทู้เปลี่ยนชื่อหัวข้อกระทู้หน่อยนะครับ เพราะประเด็นเรื่อง Hifiman มันเป็นเรื่องที่จิ๊บจ๊อยและไม่น่าสนใจไปแล้ว แต่สิ่งที่ผมพิมพ์และออกความเห็นและวิเคราะห์ส่วนตัวยืดยาวแบบนี้นั้น ผมว่ามันเป็นภาพกว้าง และเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่า และมีหลายแง่มุมรวมปนกันอยู่ครับ ขอเปลี่ยนเป็น

บทวิเคราะห์และความเห็นเรื่อง : ตลาดออนไลน์ยุคใหม่ โดยเฮียมั่นคง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 125

Draco

18/01/2019 21:41:39
424
อ่านตรงสีแดงเฮียแล้วก็งงศูนย์โง่ๆเจ้านี้เหมือนกัน  แปลกจัง

จริงๆ สินค้าที่มี brand  ถ้าจะมีศีลธรรมและเข้าใจซะหน่อย ว่าเค้าอยู่ได้เพราะคู่ค้า  ไม่ว่าจะเป็นแบบหน้าร้านหรือออนไลน์  กลไกก็คือการควบคุมราคาขาย ณ จุดขายให้เท่าๆกัน
ซึ่งก็เป็นตามที่เฮียว่า ก็คือวิธีการหลบไปใช้โค๊ดส่วนลด  โดยบอกว่าจริงๆชั้นขายที่ราคาที่ brand กำหนดนะ  ไม่ได้ทำผิด  โดยอ้างว่าตรงนั้นมันเป็นงบ marketing

แต่เอาเข้าจริงๆออนไลน์ในยุคแรกกับยุคนี้  พอไม่มีการโฆษณาง่ายๆผ่าน FB  ทุกการโฆษณาเดี๋ยวนี้มีค่าใช้จ่าย  การไปขายบน market place ซึ่งก็มีค่าใช้จ่าย(ยิ่งคนมาขายเยอะถ้าไม่ทำอะไรคนก็จะไม่เจอสินค้าที่ขาย) การต้องไปใช้บริการขนส่ง  จากตัวเลขที่ผมพอจะได้เห็น  การขายออนไลน์บน market place เดี๋ยวนี้สำหรับรายย่อย  ต้นทุนดีกว่าหน้าร้านไม่เท่าไหร่แล้วคับ(เพราะค่าโฆษณาออนไลน์ผ่านคนอื่นที่แพงขึ้น)

แต่ที่น่ากลัวจริงๆ ก็คือเป๊ะอย่างที่เฮียเล่า  เจ้าใหญ่ที่กินรวบตั้งแต่หน้าร้าน สินค้าจากตปท.  การนำเข้าสินค้าและระบบ logistic  ทั้งระหว่างประเทศและอนาคตภายในประเทศเราด้วย  
ถ้าสังเกตสินค้าในเว็ปใหญ่ที่ขึ้นต้นด้วย L  ปัจจุบันมีแต่สินค้าส่งจากจีนขึ้นหน้าแรกเต็มไปหมด  สินค้าไทยอยากขึ้นต้องเสียค่าโฆษณาเอา  ส่วนรายใหญ่ที่เข้ามาใหม่ขึ้นต้นด้วย J  อันนี้จับกับเบอร์ 2 ในจีนแต่เป็นคนที่แข็งแกรงเรื่อง logistic  ก็มีสินค้าส่งตรงจากจีนให้เห็นชัดขึ้นอย่างมาก   คนที่จะเดือดร้อนคนแรกคือรายย่อยที่เอาของจีนมาขายนั่นแหละคับผมว่า  หลังจากนั้นคงลามไปทุกหย่อมหญ้ากันทีเดียว

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 126

นายมั่นคง

18/01/2019 23:02:22
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 125 - Draco
อ่านตรงสีแดงเฮียแล้วก็งงศูนย์โง่ๆเจ้านี้เหมือนกัน  แปลกจัง

จริงๆ สินค้าที่มี brand  ถ้าจะมีศีลธรรมและเข้าใจซะหน่อย ว่าเค้าอยู่ได้เพราะคู่ค้า  ไม่ว่าจะเป็นแบบหน้าร้านหรือออนไลน์  กลไกก็คือการควบคุมราคาขาย ณ จุดขายให้เท่าๆกัน
ซึ่งก็เป็นตามที่เฮียว่า ก็คือวิธีการหลบไปใช้โค๊ดส่วนลด  โดยบอกว่าจริงๆชั้นขายที่ราคาที่ brand กำหนดนะ  ไม่ได้ทำผิด  โดยอ้างว่าตรงนั้นมันเป็นงบ marketing

แต่เอาเข้าจริงๆออนไลน์ในยุคแรกกับยุคนี้  พอไม่มีการโฆษณาง่ายๆผ่าน FB  ทุกการโฆษณาเดี๋ยวนี้มีค่าใช้จ่าย  การไปขายบน market place ซึ่งก็มีค่าใช้จ่าย(ยิ่งคนมาขายเยอะถ้าไม่ทำอะไรคนก็จะไม่เจอสินค้าที่ขาย) การต้องไปใช้บริการขนส่ง  จากตัวเลขที่ผมพอจะได้เห็น  การขายออนไลน์บน market place เดี๋ยวนี้สำหรับรายย่อย  ต้นทุนดีกว่าหน้าร้านไม่เท่าไหร่แล้วคับ(เพราะค่าโฆษณาออนไลน์ผ่านคนอื่นที่แพงขึ้น)

แต่ที่น่ากลัวจริงๆ ก็คือเป๊ะอย่างที่เฮียเล่า  เจ้าใหญ่ที่กินรวบตั้งแต่หน้าร้าน สินค้าจากตปท.  การนำเข้าสินค้าและระบบ logistic  ทั้งระหว่างประเทศและอนาคตภายในประเทศเราด้วย  
ถ้าสังเกตสินค้าในเว็ปใหญ่ที่ขึ้นต้นด้วย L  ปัจจุบันมีแต่สินค้าส่งจากจีนขึ้นหน้าแรกเต็มไปหมด  สินค้าไทยอยากขึ้นต้องเสียค่าโฆษณาเอา  ส่วนรายใหญ่ที่เข้ามาใหม่ขึ้นต้นด้วย J  อันนี้จับกับเบอร์ 2 ในจีนแต่เป็นคนที่แข็งแกรงเรื่อง logistic  ก็มีสินค้าส่งตรงจากจีนให้เห็นชัดขึ้นอย่างมาก   คนที่จะเดือดร้อนคนแรกคือรายย่อยที่เอาของจีนมาขายนั่นแหละคับผมว่า  หลังจากนั้นคงลามไปทุกหย่อมหญ้ากันทีเดียว

ก่อนอื่นต้องย้อนไปถึงประเด็นตัวแดงก่อนครับ 55 เพราะอาจจะอ่านไม่ละเอียดครับ

คือผมแค่ได้รับการส่งข้อมูลจากทางศูนย์ แต่ศูนย์ยังไม่ได้ดำเนินการบ้าจี้ตามที่มีร้านออนไลน์ร้องขอนะครับ เพียงแต่นำมาหารือและแชร์ข้อมูลให้ทางผมทราบ ว่าขณะนี้มีคนคิดอย่างนี้จริงๆ ก็เลยต้องแก้ข่าวนิดนึง เพราะไม่งั้นศูนย์จะโดนด่าว่าพลอยบ้าตาม สรุปคือศูนย์ที่ว่าไม่ได้เป็นดังที่เข้าใจครับ แต่คนที่ร้องศูนย์นี่ผมว่าทั้งบ้าและโง่บัดซบด้วยครับ 555


ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 127

นายมั่นคง

18/01/2019 23:15:00
4,282

คราวนี้มาคุยถึงเรื่องต้นทุนของคนที่มีหน้าร้านกับไม่มีหน้าร้านกันต่อครับ ตอนนี้คนที่มีหน้าร้านอยู่ในสภาพที่พูดไม่ออก ยิ่งพวกรายย่อยนี่ยิ่งตายครับ ส่วนรายใหญ่อาจจะมีการต่อรองค่าเช่าและอื่นๆได้ดีกว่า แต่ผมคอนเฟิมว่าทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายยังต่างกันมากครับ อันนี้ผมทราบดีเพราะผมทำงานทั้ง 2 มิติ คือผมขายสินค้าทั้งช่องทางออนไลน์ และขณะเดียวกันก็มีหน้าร้านอยู่หลายสาขา

ที่บอกว่าเยอะกว่า เพราะปัจจุบันการใช้ช่องทางเฟชบุ๊คหรือผ่าน @LINE หรือจะเป็น Google Adwards นั้น ไม่ว่าร้านออนไลน์หรือร้านที่มีหน้าร้านจ่ายเท่ากันเหมือนๆกัน ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เพราะกลไกต่างๆถูกผูกอยู่บนมือถือ ผู้ค้าที่มีหน้าร้านและออนไลน์ล้วนๆต่างใช้เหมือนกัน ค่าใช้จ่ายลดหลั่นกันไปแล้วแต่ใครจะยอมจ่ายมากหรือน้อย อันนี้เป็นไฟต์บังคับ

ค่าธรรมเนียมบนมาร์เก็ตเพลสตอนนี้มีฟรี มีเก็บเล็กๆน้อยๆพอขำๆ เมื่อปีก่อนมาร์เก็ตเพลสเก็บคอมมิชชั่นจากการขาย 10-12% ในบางแคต และ 5-7% ในบางแคต และ 1.5-3% ในบางแคต ปรากฏว่าเมื่อ 2 ปีก่อนการเก็บค่าธรรมเนียมมันไม่ทำให้มาร์เก็ตเพลสเกิด และการเข้าร่วมวงแข่งขันตะกร้อลอดบ่วงของขาใหญ่ ทำให้ทุกๆเจ้าต้องตัดเรื่องคอมมิชชั่นออก ก็เลยกลายเป็นว่าทุกวันนี้ผู้ค้ารายย่อยยังไม่ต้องจ่าย อาจจะมีศูนย์หรือ Official ที่ต้องจ่ายบ้าง แต่อันนี้ผมไม่นับนะครับ เรานับเฉพาะร้านค้า เพราะผมถือว่าใช้คนละกลไกกัน

ก็เท่ากับว่าค่าคอมมิชชั่น พวกร้านออนไลน์ทั่วไปจริงๆ หรือร้านที่มีหน้าร้านแต่อยากเข้ามาร์เก็ตเพลส มี cost เหมือนกัน เพราะคนที่มีหน้าร้านและไม่มีหน้าร้าน เวลาเข้ามาร์เก็ตเพลสก็มีค่าเท่ากันครับ ไม่ถือว่าช่วยประหยัด หรือไม่เป็นต้นทุนที่เพิ่มอะไรของร้านที่ขายออนไลน์เพียวๆครับ อีกอย่างคือเรื่องเว็บไซต์ ร้านออนไลน์หรือร้านมีหน้าร้าน ชั่วโมงนี้ทุกคนมีเว็บไซต์และจ่ายเงินเหมือนๆกันเช่นกัน เห็นไม๊ครับว่ายังไม่มีอะไรที่ต่างกัน

แล้วอะไรที่เป็นตัวแปรที่ต่างกัน??

ผมจะเล่าให้ฟัง ท่านที่ไม่เคยทราบก็จะเข้าใจที่ผมเขียนว่าอะไรคือตัวแปรระหว่างร้านออนไลน์เพียวๆกับคนที่มีหน้าร้าน ตัวแปรที่สำคัญคือ

1. ค่าเช่าพื้นที่ในการตั้งร้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ท ค่าส่วนกลางของห้าง ค่าตกแต่งร้าน(หนักมาก) ค่าประกันการเช่า ประกันอัคคีภัย

2. ค่าสินค้าที่ต้องซื้อเพื่อจัดวางสินค้าภายในร้านให้เต็ม ให้ดูน่าซื้อ น่าเข้า ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าเดโมหรือสินค้าวางโชว์ สินค้าที่สูญหาย สินค้าโดนขโมย

3. ค่าใช้จ่ายในการจัดจ้างพนักงานขายเพื่อทำการบริการ ควบรวมถึงคอมมิชชั่นการขาย เบี้ยเลี้ยง โบนัส แต๊ะเอีย ค่าแม่บ้านทำความสะอาด ค่าช่างซ่อมแซม

4. ค่าใช้จ่ายในการบริหารแฝงต่างๆ เช่นค่าขนส่งสินค้าไปยังสาขา ค่าเสื่อมรถ ค่าเวลาตรวจนับสต๊อค ค่าอุปกรณ์สิ้นเปลือง ค่าประกันรถ

ตายๆๆ ทำไมมันเยอะแบบนี้



จะเห็นได้ว่าแค่นี้พวกที่มีหน้าร้านก็เตรียมตัวซื้อเชือกไนล่อนเส้นโตๆเพื่อทำการผูกคอหรือไม่ก็ซื้อยาฆ่าแมลงหรือถ้าอยากถูกหน่อยก็ยาฆ่าหญ้า 555 ยิ่งเขียนยิ่งสนุก คนอ่านก็ได้ประโยชน์และทราบข้อเท็จจริงๆไปพร้่อมกันเลย และจะได้รู้เท่าทันว่าไอ้ที่บอกว่าการค้ายุคใหม่น่ะคืออะไรกันแน่


ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 128

นายมั่นคง

18/01/2019 23:45:42
4,282

มาวิเคราะห์ความแตกต่างของต้นทุนกันครับ

ข้อ 1. ที่ผมเขียนถึงนี้ พวกค่าเช่าต่างๆ ถ้าคนที่เช่าห้างอยู่จะรู้ว่าต้องเสียเงินประกัน 6 เดือน ค่าเช่าตารางเมตรละ 1500-4000 บาท แล้วแต่ห้าง แล้วแต่ทำเล เช่าใหญ่จ่ายมาก เช่าน้อยกลับไม่ใช่จ่ายน้อย เพราะพื้นที่เล็กๆทางห้างคิดแพงกว่าใหญ่ๆ ขี้หมูขี้หมา เปิดร้านบนห้างจ่ายค่าเช่าต่างๆแบบเบาะๆ 100000-200000-250000 บาท ถ้าใหญ่หน่อยก็ทะลุ 300000 บาท

แล้วพวกออนไลน์เพียวๆจ่ายอะไรบ้าง พวกออนไลน์ไปเช่าตึกแถวในซอย เช่าพวกออฟฟิตที่แชร์กันได้ หรือ Co Working space  ขนาดสบายๆกว้างขวาง 15000-20000 บาท พอให้คนนั่งวางโน้ตบุ๊ค ซัก 3-4 ตัวก็ทำได้แล้ว ตัดปัญหาเรื่องความผูกพัน เพราะย้ายไปไหนก็ได้เท่าที่พอใจ แต่พวกอยู่ห้างนี่ตายเพราะเงินประกัน และย้ายยากเพราะมีค่าก่อสร้างตกแต่งที่จ่ายหมดไปก่อนแล้ว แค่นี้ก็ถูกกว่าหลายสิบเท่าตัวแล้วครับ นี่ผมไม่นับคนที่มีสาขาหลายสิบสาขา เจ้าของธุรกิจที่มีหน้าร้านมากๆ โดนพวกออนไลน์เพียวๆสอยจนหมอบเพราะข้อนี้ก่อน


ข้อ 2. สินค้าที่จะต้องจัดวาง จัดโชว์ หรือจัดเดโม ขอให้ท่านลองหลับตาแล้วนึกดูครับ ถ้าขายกล้อง ขายของอิเล็คโทรนิค จะต้องมีกล้องมูลค่ากี่ล้านบาทในร้าน ถ้าขายหูฟังต้องไปหาเงินเท่าไหร่ถึงจะมีหูฟังหรือลำโพงวางเต็มร้าน และค่าสินค้าเดโมที่แกะออกมาให้ทดลอง ในแต่ละสาขา ผมเชื่อว่าทุกแคตสินค้า ทุกร้านมีค่าใช้จ่ายตรงนี้มากมาย แล้วออนไลน์เพียวๆล่ะเค้าทำไง เค้าใช้วิธีโป๊วของครับ โป๊วคือการรับออร์เดอร์ได้ 1 ชิ้น แล้วก็ไปสั่งสินค้า 1 ชิ้น ขาย 2 ชิ้นก็โป๊ว 2 ชิ้น เค้าขายได้แล้วค่อยจ่ายครับ และถ้าขายจนล่วงรู้ว่าอะไรขายดี ก็จะทำการสั่งสินค้ามาสต๊อกบ้างกันโดนศูนย์ด่า แต่ไม่มากนักอาจจะ 3-5 ชิ้นหรืออย่างเก่งไม่เกิน 10 เพราะออนไลน์ถูกวางไว้ให้ฉลาดตั้งแต่แรกเกิดแล้ว เห็นหรือยังครับว่าข้อ 2 พวกมีหน้าร้านก็คางเหลืองอีกเช่นกัน

อ้าวแล้วศูนย์ยอมให้ทำแบบนี้เหรอ ตอบว่าในช่วงที่ฝุ่นตลบ ศูนย์ทุกศูนย์ต่างไม่รู้ว่าจะบริหารจัดการอย่างไรดีอยู่ครับ ฝ่ายนึงก็อยากคบไว้ อีกฝ่ายก็คบอยู่แล้ว ก็เลยกลายเป็นว่าจับปลาห้ามือ ทุกคนต้องการ connection หมดครับ แต่ลืมคำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในกลุ่มดีเลอร์เดิมของตน

ข้อ 3. อันนี้คงไม่ต้องพูดเยอะเพราะเจ็บคอ การจ้างพนักงานขายของร้านที่มีหน้าร้าน หลักการคือต้องจัดให้มีพนักงานพอเพียงกับขนาดร้านและ traffic ของร้านนั้นๆ จะขายดีหรือไม่ดีก็ต้องจ้าง จ้างเพื่อให้ดูไม่ให้ของหาย สินค้าหาย จ้างเพื่อให้บริการ จ้างเพื่อให้ดูแล จ้างเพื่อการรับซ่อมเคลม ค่าใช้จ่ายตรงจุดนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าออนไลน์ไม่ต้องมีเหรอเฮีย ผมบอกว่ามีหร็อมแหล็ม คือถ้าคนมีหน้าร้านต้องจ้างพนักงานขาย 10 คน ทางออนไลน์ใช้เพียง 1-2 คนครับ ทั้งนี้ขออย่าได้เถียงผม เพราะผมทำงานตรงนี้อยู่และดูเองแบบทุกมิติ ตอบทุกท่านได้ทุกคำถามครับ

ร้านออนไลน์จะมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนถูกกว่ามากและโคตรมาก เพราะออนไลน์นั่งตรงไหนก็ได้ แต่พนักงานขายต้องโหนรถไฟฟ้าต่องแต่งมาทำงาน ต้องสแกนนิ้ว ต้องมีเวลาเข้าออกงาน ตรงนี้ทุกท่านเห็นภาพชัดแล้วนะครับ ส่วนพนักงานนั่งตัดต่อภาพ พนักงานนั่งตอบคำถามออนไลน์ ผมถือว่าไม่ว่าคนมีหน้าร้านหรือไม่มี ปัจจุบันทุกคนต้องจ่ายค่าใช้จ่ายตรงนี้เหมือนกันแล้ว ไม่มีหรอกครับว่าพวกมีหน้าร้านไม่ได้จ่ายค่าใช้จ่ายตรงนี้ แล้วออนไลน์เพียวๆจ่ายแต่ผู้เดียว เป็นความคิดและเป็นตรรกะที่ล้าไปแล้ว และร้านออนไลน์เพียวๆมักจะหลอกศูนย์ว่าตนเป็นผู้ฉลาด ขอให้เลือกคบตนไว้ ส่วนพวกมีหน้าร้านคือพวกไดโนซอรัส จะสูญพันธุ์วันไหนไม่รู้ ไอ้พวกนี้มันกินพืช มันโง่จะตาย พวกออนไลน์เพียวๆมันคิดของมันแบบนี้จริงๆครับ 555

ข้อ 4. ข้อนี้พวกออนไลน์ไม่มี เพราะนั่งตูดด้านอยู่หน้าจอ ไม่ต้องใช้โปรแกรมคุมสต๊อค ถึงมีก็ใช้ฟรีเพราะนิสัยไม่ยอมจ่ายไม่ยอมลงทุน เรื่องการขนย้ายสต๊อคก็ไม่ต้อง รถส่งของไม่ต้องมี น้ำมันไม่ต้องเติม ไม่ต้องจ่ายค่าประกันรถ เพราะไม่ได้ซื้อรถ เพราะมีอะไรเรียก kerry มารับ ไม่ต้องไปรับของจากศูนย์ ไม่ต้องส่งของเคลม ไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายตรงนี้ว่างั้น ไม่ต้องให้พนักงานส่วนกลางออกไปตรวจนับสต๊อก เพราะสต๊อกออนไลน์ไม่ได้มีอะไรให้นับ ทั้งนี้ผมไม่นับรวมถึงผู้ที่ค้าออนไลน์ขนาดใหญ่นะครับ เพราะถ้าใหญ่มโหฬารหรือสเกลใหญ่ก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายตรงนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มากเท่าพวกมีหน้าร้าน

ค่าใช้จ่ายในการบริหารต่ำกว่าคนที่มีหน้าร้านทั้งหมดครับ จะให้ตีลังกาหรือห้อยหัวคิด คนที่ค้าขายแบบมีหน้าร้านนั้นแบกรับค่าใช้จ่ายที่หนักหนาสาหัสกว่าคนที่เปิดออนไลน์อย่างเดียวจริงๆ อันนี้ผมแจงให้ทุกท่านได้ทราบกัน และหลังจากที่ท่านอ่านแล้วคงพอนึกภาพตามออกนะครับ


อ้าว แล้วเฮียเป็นควายทำไม ทำเป็นมาเขียนให้อ่าน ทำไมไม่ทำตามเค้าล่ะ 555

คำตอบมันไม่ยากเลยครับ คนที่มีหน้าร้านคือคนที่เกิดมาก่อนในธุรกิจไงครับ บางคนทำมา 30 ปี บางคนทำมา 10-20 ปี คนพวกนี้เริ่มต้นธุรกิจมาก่อนทั้งนั้น แต่พวกออนไลน์เพียวๆนี่มาทีหลังและเฝ้ามองหาโอกาสแจ้งเกิด เฝ้ามองและหาข้อมูลว่าต้องเข้ารุกในจังหวะไหน แล้วก็ทำมันในช่วงเวลาที่เทคโนโลยีมันปรับเปลียนไงครับ เป็นการฉกฉวยโอกาสที่ฉลาด แต่ที่เจ็บใจมันดันอวดและเยาะเย้ยว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นนี่ซิ 555

การค้าออนไลน์แบบที่มีผู้ค้าบางรายอ้างตนว่าเป็นผู้นำหรือทันสมัยกว่าใครในหล้า ผมอยากจะบอกว่าไอ้วิธีเหล่านี้มันทำกันมาเป็นร้อยปีแล้ว แค่เปลี่ยนรูปแบบและประยุกต์ด้วยเทคโนโลยีเท่านั้นเอง...และอยากจะบอกเพิ่มว่าคนที่เค้าทำงานมาก่อน และมีสาขาเป็นสิบเป็นร้อยเค้าไม่ได้โง่เว้ยเฮ้ย เพียงแต่เค้าลงทุนไปแล้ว จะขยับจะปรับมันไม่ได้ง่ายในพริบตาแบบพวกออนไลน์เพียวๆครับ

เพราะเค้าต้องดูแลรับผิดชอบความเป็นอยู่พนักงานในองค์กรเป็นร้อยๆ การลดขนาดองค์กร ลดจำนวนสาขา ลดอัตราการจ้าง ไม่ใช่เรื่องที่คิดวันนี้พรุ่งนี้ทำได้เลย มันเป็นภาระผูกพันที่คนมีหน้าร้านต้องใช้เวลาปรับนานกว่าและมีความยุ่งยากกว่ามากครับ

ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 1
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 129

นายมั่นคง

19/01/2019 01:48:08
4,282
นี่ยังไม่นับวิธีคิดแบบขอมีแต้มต่อ หรือแทคติกเอาเปรียบคู่แข่งขัน ซึ่งวิธีดังกล่าวก็คือพวกออนไลน์เพียวๆ ใช้วิธีคิดที่ว่าให้คนซื้อไปตระเวนลองตระเวนทดสอบให้ครบ แล้วตั้งเข่ารอด้วยการวางโค้ดลดราคาดักไว้ เพราะรู้วิธีคิดของคนช็อปปิ้งออนไลน์ค่อนข้างครบถ้วนว่าจุดอ่อนคืออะไรถ้าไม่ใช่ราคา

ออนไลน์บางพวก ไม่มีอะไรในมือด้วยซ้ำ เล่นก็ไม่เคยเล่นเอง ฟังก็ไม่เคยฟัง ใช้ก็ไม่เคยใช้ สินค้าเดโมก็ไม่มีเพราะขี้เกียจลงทุนซื้อ แต่ใช้วิธีนั่งทางในใบ้ข้อมูลกันดื้อๆ อุปโลกน์ตนเองเป็นเกจิ เป็นนักธุรกิจสมองดีเพราะกินวิตามินบี 12 เอาบทความเมืองนอกและ content คนอื่นมายำใหญ่ใส่หอมกระเทียมบีบพริกมะนาวใส่ แล้วปรุงหลอกคนกินว่าเป็นของตนเอง


พรุ่งนี้อ่านต่อครับ
ว่าผมโดนฟ้องว่าการมีหน้าร้านเป็นความได้เปรียบและทำให้พวกออนไลน์หน้าหนาเสียเปรียบซะงั้น แล้วผมจะมีทางออกกับเรื่องนี้ยังไงมั่ง??
ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 130

ohwownoone

19/01/2019 11:23:58
370
อ่านแล้วขนลุกเกรียวเลยครับ เดี๋ยวนี้ยึดประเทศกันง่ายๆด้วยการทำมาเก็ตเพลสกันเลย พอหน้าร้านตายหมด คนที่มีเวปขายของตัวเองตายเกลี้ยง ทุกคนต่างต้องซื้อของในมาเก็ตเพลส คราวนี้จะเป็นยังไงกัน แล้ว คนรุ่นหลังๆอีกซักรุ่นสองรุ่น ก็ต้องเข้าโรงงานกันไปหมด เพราะไม่มีบริษัท ห้างร้าน หน้าร้าน ให้เข้าทำงานแล้วซิครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 131

dearzclash

19/01/2019 11:24:54
12
รออ่านต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 132

Tourweb

19/01/2019 22:57:41
อ่านตัวแดงของเฮียแล้วขำมาก   ร้านขายออนไลน์มาร้องเรียนศูนย์ฯ ว่าเสียเปรียบ   ทั้งทีตัวเองต้นทุนต่ำกว่า  ลงทุนน้อยกว่าแท้ๆ

ถ้าผมเป็นศูนย์ ผมจะคิดกลับกัน   ผมมองว่าร้านขายออนไลน์ แทบไม่ได้มี value added ในการขายสินค้าเลย

ทำไมผมคิดอย่างนั้น   
หนึ่ง  ร้านขายออนไลน์ ไม่สต๊อกสินค้าเอง เท่ากับว่า ผลักต้นทุนสต๊อกไปให้ศูนย์ฯ   เท่ากับภาระสต๊อกสินค้าอยู่ที่ศูนย์ฯ ทั้งหมด
สอง ร้านออนไลน์มันสลายตัวง่าย   โดยมาร์เกตเพลสบีบหน่อย  โดนเก็บค่าใช้จ่ายจุกจิก เช่น ค่าโฆษณาให้คนเห็นร้าน  ฯลฯ
ก็คงเลิกขายแล้ว  แล้วศุนย์ฯ จะทำอย่างไร  

อย่างนี้ศูนย์ฯ ขายออนไลน์ในมาร์เกตเพลสเองง่ายกว่ามั๊ย 
ลงทุนไม่มาก  ใช่คนน้อย  ควบคุมนโยบายได้ด้วย  จะไปพึ่งร้านออนไลน์แบบนี้ทำไม 

แต่ถ้าร้านแบบมีหน้าร้าน  ยังถือว่าเป็นโชว์รูมให้คนมาทดลองสินค้า  ผมว่ายังมีประโยชน์ใน supply chain มากกกว่าน่ะ

สนับสนุนเฮียเต็มที่ครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 133

tintin3274

19/01/2019 23:39:51
2
อ้าว ผมก็นึกว่ากระทู้เก่าที่ไหนโดนขุด ที่ไหนได้ กระทู้ Hifiman ที่นั่งตามอ่านอยู่นี่เอง ก็ว่าอยู่หายไปไหน ว่าจะมาดูเฮียให้ความรู้สักหน่อย ตามครับผม =0=
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 134

Draco

19/01/2019 23:50:40
424
ก่อนอื่นต้องย้อนไปถึงประเด็นตัวแดงก่อนครับ 55 เพราะอาจจะอ่านไม่ละเอียดครับ

คือผมแค่ได้รับการส่งข้อมูลจากทางศูนย์ แต่ศูนย์ยังไม่ได้ดำเนินการบ้าจี้ตามที่มีร้านออนไลน์ร้องขอนะครับ เพียงแต่นำมาหารือและแชร์ข้อมูลให้ทางผมทราบ ว่าขณะนี้มีคนคิดอย่างนี้จริงๆ ก็เลยต้องแก้ข่าวนิดนึง เพราะไม่งั้นศูนย์จะโดนด่าว่าพลอยบ้าตาม สรุปคือศูนย์ที่ว่าไม่ได้เป็นดังที่เข้าใจครับ แต่คนที่ร้องศูนย์นี่ผมว่าทั้งบ้าและโง่บัดซบด้วยครับ 555


ก็เฮียไม่ได้บอกว่าเค้าแค่บอกเฉยๆ ไม่ได้ว่าอ่า...T_T

เรื่องต้นทุน  ได้ความรู้เพิ้มเยอะเลย  ผมดันไปมองในฐานะรายใหญ่คับ  และมองขาดไปหลายจุดจริงๆ ยอมรับคับ :D


@Tourweb
คหสต. ผมว่ามันคงจะขยับไปเป็นแบบนั้นหละคับในอนาคต  เพียงแต่ช่วงนี้เป็นช่วงฝุ่นตลบแบบเฮียว่า  บริษัทใหญ่ๆหลายๆที่เชี่ยวชาญออนไลน์ไม่เท่าหน้าใหม่ๆที่เข้ามา  งงกับตึ๊บหละ  %CR, UIP, sessions, SEM, remarketing, boost post  ข้อมูลและสถิติเต็มไปหมด  เลยทำหน้างานแบบที่ตัวเองถนัดไปก่อน  ดีหน่อยก็คุมราคาขายให้  หน้ามืดหน่อยก็ปล่อยคู่ค้าไปตีกันเอง กอบโกยเอาอย่างเดียว(แถมไปทำ flash sale เองอีก โดยอ้างว่าแป๊บเดียว)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 135

นายมั่นคง

20/01/2019 00:21:26
4,282

มหากาพย์ การขายของออนไลน์ (ตอนที่เท่าไหร่ช่างมัน พิมพ์เรื่อยๆก็แล้วกัน)

สวัสดีครับ พี่อ่าง, คุณ dearzclash, และคุณ Tourweb

ขอบคุณที่ตามอ่านกันมา และยังช่วยวิเคราะห์เรื่องการค้าการขายออนไลน์ในยุคปัจจุบัน ผมจะพิมพ์ไปเรื่อยๆเท่าที่นึกออกครับ คงไม่ได้รวบรวมหัวข้อเพราะไม่มีเวลาจริงๆ เอาเป็นว่าท่านที่สงสัยก็ตามอ่านที่ผมพิมพ์ก็แล้วกัน และเรื่องหนึ่งที่ผมว่าทุกท่านน่าจะมั่นใจได้ก็เพราะผมมีตัวตน และผมอยู่กับอาชีพนี้จริงๆ ลงมือเองจริงๆ และอยู่กับมันจริงๆ และผมทำทั้งออนไลน์ และมีหน้าร้าน และที่สำคัญอยู่มาได้ 13 ปี(ได้ไง) 555

เพราะฉะนั้นการอ่านแง่มุมของผู้ค้าออนไลน์และมีหน้าร้านแบบผม ทุกท่านต้องวิเคราะห์และใช้วิจารณญาณแยกแยะด้วย อย่าเชื่อผมจนกว่าท่านจะพบเห็นข้อมูลที่ตรงกับที่ผมบอก ผมจะพิมพ์และลงในเว็บบอร์ด เพราะผมถือว่าคนที่อ่านในเว็บบอร์ดมีวุฒิภาวะสูงพอครับ บางท่านอาจจะมองว่าเป็นการเสียผลประโยชน์แล้วจึงออกมาเขียนโวยวายเหรือไง 555 คงต้องบอกทุกท่านว่าปกติผมจะไม่ค่อยเขียนอะไรแบบนี้บ่อยนัก นอกจากโดนภัยคุกคาม ซึ่งถ้าเมื่อไหร่ภัยคุกคามมาถึง ผมก็จะขอเขียนก็แล้วกัน ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาดครับ

ตอนนี้ประเทศไทยกำลังระส่ำ เหตุที่ผมใช้คำว่าระส่ำเพราะว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา เอาเป็นว่า 2-3 ปี มีมาร์เก็ตเพลสต่างชาติขนาดใหญ่หลายรายลงมาชิงเค้กก้อนใหญ่ในประเทศไทย หากท่านย้อนไปเมื่อ 10-12 ปีก่อน ท่านอาจจะจำได้ว่ามีมาร์เก็ตเพลสต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทย นามว่า Rakuten ซึ่งหลังจากที่ทำไปได้หลายปี ปรากฏว่าไม่สามารถดึงความสนใจของคนไทย การเข้ามาของ Rakuten ค่อนข้างเงียบเหงา ในที่สุดก็โบกมืออำลาไป

เหตุที่ไม่สำเร็จในครั้งนั้น ผมวิเคราะห์โง่ๆแบบฉบับของผมก็แล้วกัน

1. Rakuten มาในจังหวะที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นชินกับพฤติกรรมการทำธุรกรรมออนไลน์ การกระตุ้นให้คนเริ่มมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันยุคนั้นไม่มี เราไม่มี facebook ไม่มี Line ไม่มี Live สดเต้นจ้ำบ๊ะกัน และที่สำคัญตลาด smart phone ยังไม่ถึงช่วงพีค สรุปคือ มาถูกที่ แต่ไม่ถูกเวลา

2. Rakuten ไม่มีแหล่งเงินขนาดใหญ่มากระตุ้นคนไทย ผมว่าเค้ามาแบบงงๆ ก็คือมาตามแบบฉบับที่เคยทำที่ญี่ปุ่น มาแบบไม่ได้วิเคราะห์อุปนิสัยคนไทย และที่สำคัญผมว่าเค้าไม่ได้รวยแบบบรรลัยเหมือนขาใหญ่มาร์เก็ตเพลสในปัจจุบัน ซึ่งการเปิดตัวแบบเปิดราคาบอลก็ต้องถือว่าไร้ราคาต่อรอง เพราะผู้มาใหม่สามารถซื้อเสียง(แต่เรียกให้ไพเราะว่างบ Marketing) ขาใหญ่จ่ายเงินหว่านแบบเจ้าบุญทุ่มครับ การโปรยเงินเหมือนนาคจะเข้าประตูโบสถ์ มันล่อใจคนไทย ลูกเด็กเล็กแดง พ่อเฒ่าแม่แก่สนใจหมด ต่างจาก Rakuten ที่ทำแบบนี้ไม่ไหว

ก็เหตุผลมีไม่มากนักครับ เราไม่นับไปถึงการบริหารจัดการภายในต่างๆที่อาจจะตีโจทย์ไม่แตก และโครงสร้างวิธีการของตัวเว็บที่ไม่เอื้อกับไลฟ์สไตล์คนไทย ทำให้ Rakuten ก็เลยบ๋ายบายไป ซึ่งผมต้องบอกว่า ออนไลน์ไทยมีมานานสิบกว่าปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมามีตอนนี้ และผมเองก็หอบเสื่อผืนหมอนใบมาเหมือนกัน อาศัยเว็บฟรีของ Thaisecondhand ของท่านนายกป้อม ภาวุธ เค้าเป็นที่แจ้งเกิด และค้าออนไลน์มาตั้งแต่ซื้อเน็ท Loxinfo มานั่งขูด

ตอนนี้พอทราบแล้วใช่ไม๊ครับ ว่าอดีตเราเคยมีอะไรมาก่อน และทำไมไม่สำเร็จ และทำไมตอนนี้ถึงสำเร็จ การเขียนของผมอาจจะโฉบเข้าโฉบออก เพราะผมนั่งพิมพ์สดๆไปเรื่อยๆ เหมือนนั่งคุยกับเพื่อน ไม่ได้เขียนหัวข้ออะไรเตรียมไว้ ไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องพิมพ์เรื่องอะไรก่อน หัวข้ออะไรก่อน 1-2-3-4 นึกอะไรออกก็พิมพ์ไปตามสันดานและตามใจตนเอง แต่สิ่งที่ดีคือผมว่ามันสดดี มันดูเรียลดี และไม่ต้องคิดเยอะ

ตอนนี้พักเรื่องอดีตไว้ก่อน เรามาว่าปัจจุบันกันต่อครับ และปัจจุบันก็เขียนเล่าไปเยอะพอควรแล้ว มันมีอีกหลายหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ อาทิเช่น

- ในมาร์เก็ตเพลสใครอยู่กันมั่ง?
- มีศูนย์ไทยขายแล้วมีร้านขายอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ตกลงจะให้ขายอีท่าไหนดี?
- กติกาที่คุ้มครองผู้ขายในมาร์เก็ตเพลส กันพวกนอกคอก หรือเป็นเขตปกครองพิเศษ?
- ทำไมคนจีนรู้ได้ไงว่าคนไทยอยากได้อะไร ถึงโพสขายเองตรงมาไทย ข้อมูลรั่วไหล?
- มีคนขายแยกร่างปลอมตัวเป็นหลายๆร้าน ทำราคาแข่งกับตัวเองให้คนซื้อตัดสินใจเร็วขึ้น?
- ผู้ค้าที่ขายผ่านมาร์เก็ตเพลสเสียภาษีให้รัฐหรือยัง หรือว่าขอนัวๆอึนๆไปพลางๆก่อน?
- ผิดหรือถูก โง่หรือฉลาดที่ไม่เข้ามาร์เก็ตเพลส?

นี่ถ้าผมนึกหัวข้อเรื่อยๆบวกกับประสบการณ์ที่เจอในทุกวันนี้ น่าจะเขียนได้เป็นเดือนๆแล้วครับ 555 ผมเชื่อว่าหลายๆท่านก็คงอยากจะรู้เหมือนกัน ทุกท่านไม่ต้องห่วงว่าผมจะติดคุกข้อหาหมิ่นประมาท หรือโดนยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่าย เพราะผมเลิกสนใจแล้วครับ ถึงติดคุกผมก็พิมพ์ส่งออกมาจากในคุกได้ก็แล้วกัน 555



หัวข้อที่คนสนใจก็คือขำอีตรงตัวอักษรที่ผมไฮไลท์เป็นสีแดง (ก๊อปมาวางตรงนี้เลยดีกว่า)

***************************************************************

เหลือเชื่อว่าตอนนี้ผมโดนร้านออนไลน์หน้าด้านที่ไม่มีหน้าร้าน ดำเนินการร้องเรียนกับศูนย์ว่าผมขายสินค้าราคาเท่าเค้าหรือถูกกว่า และคร่ำครวญ(คนจีนเรียกเค้าเป๋เค้าบ้อ) บอกว่าร้านเค้าเสียเปรียบร้านแบบผม เพราะร้านเค้าขายออนไลน์อย่างเดียวไม่มีหน้าร้าน เลยขอให้ศูนย์ช่วยดำเนินการตักเตือนและระงับการส่งสินค้าให้ผม

เวลาคนเห็นแก่ได้และออกแนวฉลาดคนเดียว อยากจะพลิกลิ้นพูดเอาแต่ได้ทางไหน ก็ปลิ้นไปได้เรื่อยครับ นี่ก็ได้ข่าวว่าเป็นคนมีการศึกษาและเรียนกันสูงมากๆ แต่ไหงความคิดแย่กว่าคนไม่มีการศึกษาแบบผมล่ะเนี่ย 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 136

นายมั่นคง

20/01/2019 00:30:00
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 134 - Draco
ก็เฮียไม่ได้บอกว่าเค้าแค่บอกเฉยๆ ไม่ได้ว่าอ่า...T_T
555 ต้องขออภัยพี่ Draco ด้วยนะครับ 555 แต่จริงๆก็ไม่ได้คลาดเคลื่อนจากที่เข้าใจหรอกครับ เพียงแต่การเขียนในที่สาธารณะผมต้องควบคุมสิ่งที่ตัวเองพิมพ์เหมือนกัน 555

จริงๆบริษัทใหญ่ๆ เค้าเชี่ยวชาญออนไลน์อยู่แล้วครับ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะการจะจ้างบุคลากรที่มีคุณภาพและความสามารถมาดูแลงานออนไลน์นั้นไม่ยากเย็น แต่อย่างที่ผมบอกไปคือบริษัทใหญ่เวลาจะปรับโครงสร้าง ปรับวิธีการ ปรับขนาดองค์กรเพื่อแข่งขัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ผมเองขนาดมีหน้าร้านแค่ 5 ที่ ออนไลน์ 1 ที่ ผมยังปรับและขยับเปลี่ยนเกมส์การเล่นยากเหมือนกัน 555

ส่วนเรื่องความรู้ อย่าไปคิดว่าผมให้ความรู้เลยครับ คิดว่าเหมือนเราเพื่อนกัน เอาประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟัง ถูกมั่งผิดมั่งก็ไม่ว่ากัน ตรงไหนผิดหรือถูกทักท้วงกัน หรือต่อว่ากันตรงๆ ผมว่าสนุกดีครับ 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 137

นายมั่นคง

20/01/2019 00:45:23
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 132 - Tourweb

อย่างนี้ศูนย์ฯ ขายออนไลน์ในมาร์เกตเพลสเองง่ายกว่ามั๊ย 
ลงทุนไม่มาก  ใช่คนน้อย  ควบคุมนโยบายได้ด้วย  จะไปพึ่งร้านออนไลน์แบบนี้ทำไม 

แต่ถ้าร้านแบบมีหน้าร้าน  ยังถือว่าเป็นโชว์รูมให้คนมาทดลองสินค้า  ผมว่ายังมีประโยชน์ใน supply chain มากกกว่าน่ะ
ประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่กำลังฝุ่นตลบ และสร้างความลำบากใจให้กับทุกๆคนในวงจรขายออนไลน์นี้ครับ 555

คือฝุ่นตลบตรงที่ว่า ตกลงผู้ที่จะขายสินค้าในมาร์เก็ตเพลสควรเป็นใคร ควรเป็นศูนย์ ควรเป็นร้านค้า หรือช่วยกันขาย แล้วช่วยกันในลักษณะไหน ในเงื่อนไขอะไร อยู่ได้หรือไม่ ราคาเท่ากันหรือต่างกัน แล้วใครควรขายสูง ใครควรขายต่ำ ซึ่งผมพูดเสมอว่า การจะทำอะไรก็ตามควรทำให้ชัดเจนอย่าหน้าเบลอหลังเบลอ และควรใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

จริงๆเรื่องเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็น 10 ปี ผมว่าทุกคนในวงการค้าในไทยต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ต่อให้เป็นสินค้าต่างแบรนด์ก็ตามที การแข่งขันทำตลาดทำแบบมีความเคารพกัน แต่ตอนนี้เหมือนผู้ค้า-ผู้ขาย-ผู้นำเข้าในไทยล้วนแตกคอกันเอง

แตกเพราะใคร ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพ่อมาร์เก็ตเพลสดอกหรือ???



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 138

นายมั่นคง

20/01/2019 00:56:15
4,282
จั่วหัวรอต่อไปไว้ก่อน

เมื่อผมโดนร้านออนไลน์หน้าหนาฟ้องศูนย์ว่าตัวเองเสียเปรียบผู้ขายที่มีหน้าร้าน....

เป็นท่านจะทำอย่างไร?

ข้อ ก. ดีดไข่เค้าไปเลย
ข้อ ข. ยกมือไหว้เค้าไปเลย
ข้อ ค. ดีดไข่ตัวเองไปเลย
ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 139

somkiatr

20/01/2019 12:01:42
182
ถ้าเขารู้สึกว่าเสียเปรียบทำไมไม่เปิดร้านเองเพื่อให้มีหน้าร้านล่ะครับ ศูนย์ไม่ได้ห้ามมิใช่รึ ? แต่เขาเสียเปรียบจริงหรือเปล่า หรือมาแบบมั่วๆ  จริงๆผมว่าต้นทุนมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว คนที่น่าจะเสียเปรียบคือคนที่ต้องลงทุนเปิดหน้าร้านมากกว่ารึเปล่า ถ้าศูนย์บ้าจี้ไปด้วยแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่ต้องมีร้าน Bose หรือ ร้าน Sony ในห้างดีกว่ามั๊งครับ เพราะไม่จำเป็น ร้าน Piyanas หรือ ร้านหมูหวานคงจะไปต่อไม่ได้เพราะโดยร้องเรียนว่าได้เปรียบ   ร้าน Hifi Lover คงได้เปลี่ยนเป็นร้านขายทองแทนแน่ๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 140

Uthen

20/01/2019 15:11:58
17
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 138 - นายมั่นคง
จั่วหัวรอต่อไปไว้ก่อน

เมื่อผมโดนร้านออนไลน์หน้าหนาฟ้องศูนย์ว่าตัวเองเสียเปรียบผู้ขายที่มีหน้าร้าน....

เป็นท่านจะทำอย่างไร?

ข้อ ก. ดีดไข่เค้าไปเลย
ข้อ ข. ยกมือไหว้เค้าไปเลย
ข้อ ค. ดีดไข่ตัวเองไปเลย
เป็นผมคงมึนตึบ 5555   
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 141

นายมั่นคง

20/01/2019 20:51:14
4,282
ตอบพี่สมเกียรติ :
นั่นน่ะซิครับ ถ้าเสียเปรียบทำไมไม่เปิดหน้าร้าน เปิดใหญ่ๆเลยก็ได้ เหมายกชั้นก็ได้ไม่มีใครว่า 555  แต่จริงๆเป็นอาการแก้เกี้ยว หรือเฉไฉ คือพวกออนไลน์หน้าส้นเท้าเหล่านี้พอเจอคนบ้าอย่างผมทำราคาแข่งขันแบบยอมตาย ก็เกิดอาการพาลทะโรขึ้นมาซะงั้น อ้าวพ่อมึง ตอนแรกที่เปิดขายไม่ใช่เพราะคิดฉลาดวางแผนเรื่องเซฟค่าใช้จ่ายเรื่องเปิดร้านแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ไหงมาร้องว่าเสียเปรียบเพราะไม่มีร้าน 555

ผมจะทะยอยเล่าเรื่อยๆครับพี่สมเกียรติ ค่อยๆอ่านตามไปเรื่อยๆๆ 555

ตอบป๋าอู๊ด :
สงสัยผมต้องบีบไข่ตัวเองแก้มึนแล้วล่ะครับ 555 สบายดีนะพี่อุเทน ไม่ได้คุยกันนานเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 142

นายมั่นคง

20/01/2019 22:08:37
4,282



แผนภูมิแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบของการค้าออนไลน์ในปี 2019

อันนี้ผมทำให้เพื่อเข้าใจง่ายๆนะครับ เกิดมาจนแก่ป่านนี้เพิ่งหัดทำ สมัยก่อนตอนเรียนหนังสือก็ขี้เกียจเรียน ไม่งั้นป่านนี้สบายไปแล้วผม 555 แผนภูมิอันนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการค้าออนไลน์ยุคนี้ ครอบคลุมแทบทั้งหมดทุกสาขา แต่ทั้งนี้เป็นแบบคร่าวๆนะครับ เพราะตัวแปรอื่นๆยังมีอีกเช่นขนาดธุรกิจ ประเภทของธุรกิจ แต่อันนี้ถือว่าดูแล้วน่าจะเข้าใจกลไกของมันครับ

หลายๆท่านจะได้เลิกเข้าใจผิดว่า คนขายของมีหน้าร้านนั้นโง่ไม่ปรับตัว หรือเลิกเข้าใจผิดว่าคนขายออนไลน์อย่างเดียวคือเทพบุตรอย่างที่เข้าใจ หลังจากผมอธิบายแผนภูมิอันนี้ ทุกท่านจะพอเข้าใจว่ามันมีกลไกที่สร้างความได้เปรียบเสียเปรียบ ซึ่งตอนนี้มันมีปัญหาและยังไม่มีใครริเริ่มวางระบบหรือสร้างมาตรฐานครับ รูปภาพปลากรอบอาจจะงอกง่อยหน่อยนะครับ แต่ถือว่าผมตั้งใจทำละกัน 555

เรามาเริ่มกันเลย เอ้า ดูรูปตาม

โรงงาน-แบรนด์
บนยอดสุดจะเห็นเลยว่ามีโรงงานอยู่ จะเป็นโรงงาน เป็นผู้ผลิต หรือเป็นแบรนด์ (Brand) ขอให้เข้าใจว่าคืออันเดียวกัน คือต้นทางของการเริ่มต้นทั้งหมด ผู้ผลิตคือผู้คิดค้น ส่วนจะจ้างใครช่วยคิดก็ช่างเค้าเหอะ เอาเป็นว่าผู้ผลิตคือเจ้าของสินค้านะครับ

ผู้นำเข้า-ศูนย์-Distributor
จากผู้ผลิตจะเห็นว่าสินค้าทั้งหมดจะถูกส่งมาที่ผู้นำเข้า หรือศูนย์ หรือ Distributor ตรงจุดนี้จะเห็นว่าผู้ผลิตบางรายเล็กๆก็จะควานหา distributor ในประเทศนั้นๆมาเป็นผู้กระจายสินค้า แต่ถ้าผู้ผลิตรายไหนมีศักยภาพสูงก็จะมาตั้งสาขาซะเองในประเทศนั้นๆ แต่ตรงนี้เข้าใจง่ายๆว่าจากผู้ผลิต > ศูนย์หรือผู้นำเข้า เพราะโลกนี้ไม่มีใครชำนาญไปซะทุกเรื่อง ก็เลยต้องหา distributor ไงครับ ตัว distributor คือนักรบที่ชำนาญพื้นที่ รู้ว่าคนในประเทศมีใครอยู่ตรงไหน รู้หน้าค่าตาว่าใครจะเป็นผู้ช่วยขายสินค้าให้

ผู้ค้าปลีกรายย่อย ที่มีหน้าร้าน+ออนไลน์ และออนไลน์อย่างเดียว
จากศูนย์ก็จะทำการหาคนที่ชำนาญเฉพาะพื้นที่ เฉพาะช่องทางลงไปอีก เรื่องนี้สำคัญ เพราะผู้ค้ารายย่อยหรือค้าปลีกเปรียบไปก็เหมือนช่างตัดผม เหมือนร้านอาหาร คือมีขาประจำผูกปิ่นโตกินกันประจำ ซึ่งวัฒนธรรมไทยแต่ก่อน ผู้ซื้อจะคุ้นชินกับคนขาย คุ้นเคยกับร้านประจำ ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ ดีลเลอร์แต่ละรายเก่งกันคนละแบบ ในอดีตเหมือนจะมีแบบเดียว แต่ตอนนี้แยกออกเป็น 2 แบบดังนี้ครับ

- ผู้ค้ารายย่อยที่มีหน้าร้านและขายช่องทางออนไลน์
- ผู้ค้ารายย่อยที่ขายเฉพาะช่องทางออนไลน์อย่างเดียว

จะเห็นได้ว่า ปี 2019 นี้ผู้ค้ารายย่อยที่มีหน้าร้าน ล้วนแต่ปรับตนเองจนมีช่องทางออนไลน์ควบคู่ไปแล้ว ไม่มีใครที่ไม่มีช่องทางออนไลน์อีกต่อไปครับ มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่ไม่มี แม่ค้าขายขนมเบื้อง พ่อค้าขายก๊วยเตี๋ยวก็มีช่องทางออนไลน์ทั้งสิ้นครับ จะขายน้ำมันกัญชาสกัดก็ขายออนไลน์

เพราะฉะนั้นตัดออกไปประเด็นเรื่องผู้ค้าที่ขายสินค้าแบบ offline ไม่ทันสมัย ปรับตัวไม่เป็น ผมเชื่อว่าทุกคนปรับกันไปนานพอสมควร และก็ทำควบคู่กันไปทั้งหน้าร้านและออนไลน์

ส่วนผู้ค้าที่ขายเฉพาะออนไลน์อย่างเดียว ก็จะมีช่องทางขายออนไลน์อย่างเดียวจริงๆ คือไม่ได้ลงทุนเกี่ยวกับหน้าร้านอีกต่อไป ส่วนมากมักเป็นผู้มาเริ่มใหม่ ผู้ที่มองหาอาชีพเสริม ผู้ที่มองช่องทางหารายได้เพิ่ม ก็เลยเริ่มต้นจากตรงนี้ไปก่อน ซึ่งปัจจุบัน พ่อค้าแม่ค้าทางเฟซบุ๊คมากมายก่ายกอง ขายทางไลน์ ขายผ่านไอจี ทุกคนทำเป็นหมดแล้วครับ

จะเห็นได้ว่า คนที่มีหน้าร้านและคนที่ขายออนไลน์ มีหน้าตา มีนิ้ว มีเท้า มีสมอง มีสติปัญญาเหมือนๆกัน ไม่มีใครเก่งกว่าใครอีกต่อไป คนที่มีหน้าร้านเค้าก็ไม่ได้โง่กว่า เพียงแต่เค้าลงทุนตรงนี้มานานกว่า ส่วนคนขายออนไลน์อย่างเดียวก็ไม่ใช่คนที่ปราดเปรื่องอะไร ทุกอย่างเบสิคครับ

ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นของร้านค้า
ตอนนี้จะเห็นแล้วนะครับ สมมุตว่าศูนย์มองหาผู้มาช่วยขายสินค้า สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือราคาขายส่งครับ ศูนย์ทั้งหลายก็ทำการขายส่งสินค้าให้กับร้านค้าที่มีหน้าร้านและร้านที่ออนไลน์อย่างเดียวเหมือนๆกัน (อันนี้มีบางคนพยายามแยกแต่เหมือนไม่เป็นรูปธรรม) สรุปคือ ศูนย์ไทยก็ขายสินค้าให้กับทุกช่องทางเหมือนกัน สมมุตว่าราคาตั้งคือ 100 บาท ศูนย์จะทำการลดราคาให้กับร้านเอาไปขาย สมมุตว่า ตั้งราคา 100 ก็จะขายส่งที่ราคา 70 บาท

ลองมาดูที่แผนภูมิต่อ จะเห็นรูปเหรียญเยอะๆ นั่นหมายถึงพวกที่ต้องเปิดและมีหน้าร้าน และจ้างพนักงานไว้ดูแล รวมถึงมีสินค้าเดโมให้ทดสอบ จะแบกภาระตรงนี้ไว้เยอะมาก ซึ่งผมได้เล่าไปแล้วในช่วงต้น และในขณะที่ร้านที่มีหน้าร้านก็เปิดช่องทางออนไลน์ของตนเองด้วย จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายทางด้านออนไลน์มีอะไรบ้าง

หลักใหญ่ๆที่จ่ายกันก็คือค่าโฆษณาครับ ค่า Facebook, GooGle Adwords  อันนี้ไม่ว่ายากดีมีจน ถ้ากระโดดมาทำแล้วต้องจ่าย มันเป็นไฟต์บังคับของยุคนี้ไปแล้ว อันนี้ผมหมายถึงร้านค้าที่ยกระดับจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ใส่ยกทรงโชว์นมนะครับ ส่วนมากทุกคนจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนนี้หมด ส่วนค่าใช้จ่ายที่ออนอยู่บน MarketPlace ทุกวันนี้ถือว่ายังไม่เป็นเรื่องเป็นราว เพราะ MarketPlace ก็ต้องแข่งกันเรื่องค่าคอมมิชชั่น ก็เลยกลายเป็นว่าบางที่เก็บนิดๆหน่อยๆ บางที่ฟรี

จะเห็นได้ว่า ร้านที่มีหน้าร้านและออนไลน์ แบกภาระ 2 ขา คือทั้งฟากหน้าร้านและฟากออนไลน์ ตัวนี้ที่ทำให้เป็นตัวแปรความได้เปรียบเสียเปรียบครับ มันเป็นภาะหนักเพราะมันคือต้นทุนที่สูงกว่า ส่วนพวกออนไลน์เพียวๆอย่างเดียวจ่ายค่าใช้จ่ายขาเดียวเท่านั้น ซึ่งก็เท่ากับค่าใช้จ่ายที่ร้านมีหน้าร้านเค้าก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว

สรุปคือ ร้านออนไลน์อย่างเดียว ไม่มีต้นทุนประกอบการที่สูงกว่า และก็ไม่ได้เป็นผู้เก่งกาจกว่าแต่อย่างใด เพราะยุคนี้ การจ่ายเงินบูสโฆษณาทาง facebook หรือ Google Adwords หรือ Agency อื่นๆ มันก็เหมือนกดแอฟสั่งก๊วยเตี๋ยวจาก Lineman หรือสั่งพวก Grab Taxi ให้มารับ ใครก็ใช้เป็น ที่ผ่านๆมาเจ็บใจตรงที่พวกค้าออนไลน์(บางราย) ชอบเอาเรื่องนี้ไปเล่าเป็นตุเป็นตะให้ศูนย์ฟัง ว่าตนเองเก่งทาง Online Marketing ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเท็จ โกหกพกลมให้ตัวเองดูดีไปวันๆ

แล้วจุดชี้แพ้ชนะมันคืออะไร และตรงไหน
พอหลังจากผู้ค้าปลีกได้รับราคาสินค้ามาจากศูนย์ในราคา 70 บาท ทุกคนก็จะมาบวกลบหักค่าใช้จ่ายต่างๆที่ตนเองแบกอยู่ พวกที่มีหน้าร้านและมีออนไลน์จะขยับปรับยาก เพราะความที่แบกรับภาระค่าเช่าและค่าจ้างพนักงานไว้สูงมาก ถึงจะมีช่องทางออนไลน์มาช่วยเสริมก็จริง ก็ยังต้องคำนึงถึงเรื่องภาระสต๊อกที่ซื้อเข้า คำนวนว่าต้องขายเท่าไหร่จึงจะถึงจุดคุ้มทุน และลดราคาได้สูงสุดเท่าไหร่ถึงอยู่ได้และพอเหลือกำไร

โดยปกติร้านที่มีหน้าร้านพออยากทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย ก็จะทำการลดราคา หรืออาจจะตั้งราคาขายเองซะใหม่ และทำส่วนลดได้อย่างมากแค่ 10% (คร่าวๆนะครับ) เพราะหากต่ำกว่านี้ก็จะไม่มีปัญญาไปจ่ายค่าเช่า ค่าแรงพนักงาน และอื่นๆจิปาถะ ในขณะเดียวกันในช่องทางออนไลน์ที่ร้านมีอยู่ก็ต้องขายราคาเดียวกันกับที่ขายหน้าร้าน เพื่อมิให้โดนลูกค้าด่าหรือดราม่าแบบละครย้อนหลัง และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหน้าร้านและออนไลน์ของตนเอง ก็เลยกลายเป็นว่าต้องตั้งราคาเท่าๆกัน

ร้านค้าที่มีหน้าร้านและออนไลน์ ราคาหน้าร้านและออนไลน์จำเป็นต้องตั้งเท่ากัน

ส่วนร้านออนไลน์อย่างเดียว จ่ายค่าใช้จ่ายทางออนไลน์เหมือนๆกันนั่นแหละครับ มี Facebook มี Google Adwords วนๆอยู่แถวๆนี้ และด้วยความที่ไร้ภาระทางค่าเช่า ค่าแรงพนักงานขาย และจ่ายค่าใช้จ่ายในทางออนไลน์เหมือนกันกับคนอื่นนั่นแหละ และส่วนมากคนที่ค้าออนไลน์ สิ่งแรกที่คิดมาก่อนคือต้นทุนต่ำ อันนี้เป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่าจริง พอไม่มีค่าใช้จ่ายประจำที่เป็น Fix Cost ก้อนใหญ่ และต้องการจะขายสินค้าให้ได้มากกว่าคนอื่น กลไกเดียวที่ง่ายที่สุด ที่ไม่ต้องใช้สมองอะไรก็คือ

ขายตัดราคาผู้อื่นให้ได้
จะเห็นว่าเมื่อตะกี๊ผมชี้ให้ดูว่าศูนย์ส่งให้ราคา 70 บาท ร้านออนไลน์อย่างเดียวจะทำการขายสินค้าลดราคาทันทีเพื่อให้ตัวเองขายได้ โดยลดลงมา 20% จากราคาตั้งไว้ 100 บาท ซึ่งทั้งนี้ไม่ต้องทำอะไรมากครับ ไม่ต้องลงทุนมาร์เก็ตติ้ง ลงทุนสมอง ไม่ต้องทำอะไร ไม่สนผู้ค้าอื่นๆในตลาด หรือไม่สนความชอบธรรม ซึ่งพอศูนย์กำหนดราคามา ก็พยายามหาทางลดราคาตัดหน้าผู้ค้าคนอื่น ซึ่งแฝงมาด้วยรูปแบบใส่ Code ให้กด Subscribe เว็บก็แจก Code ลด

จะเห็นได้ว่าไม่ได้ใช้สมองอะไรในการสร้างสรรค์ หรือไม่ได้สนใจผู้บริโภคว่าจะได้รับสินค้าถูกใจหรือไม่ เพราะออนไลน์สนอย่างเดียวคือลูกค้ารีบซื้อไปเหอะ เลือกสินค้าถูกหรือผิดไม่เกี่ยวกันเพราะไม่มีความผูกพันอะไรต่อกัน ต่างคนต่างไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน และตรงนี้แหละที่ทุกวันนี้มีปัญหา เพราะศูนย์ผู้นำเข้า(บางราย)ก็มีความพอใจที่ได้นั่งบนภูดูเสือกัดกัน เพราะไม่ว่าผู้ค้าปลีกคนไหนจะลดราคาแข่งกันขนาดไหน ศูนย์ก็ได้รับยอดขายที่กลับไปเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิม

ความแตกต่างที่ชัดเจนคือ % ในการลด
จากแผนภูมิจะเห็นเลยว่า ร้านค้าที่มีหน้าร้านและออนไลน์ ทำส่วนลดได้อย่างมากเพียง 10% และออนไลน์อย่างเดียวทำส่วนลดได้มากกว่าถึง 20% ซึ่งความต่างของราคา 10% นี่ไม่ต้องพูดถึงครับ คือไม่มีใครซื้อของที่ราคาแพงกว่าโดยขาดเหตุผล ซึ่งผู้ค้าที่มีหน้าร้านทราบดีว่าตัวเองโดนหมัดน็อคจากผู้ค้าออนไลน์เพียวๆ ศูนย์หรือผู้นำเข้าก็ไม่ได้มีมาตรการควบคุม (และก็ไม่อยากคุมให้โง่ด้วย) ร้านที่มีหน้าร้านก็ขายสินค้าลำบากขึ้นไปทุกๆวัน

สรุปยอดขายใครมากกว่า?
จากแผนภูมิจะเห็นว่า ร้านค้าที่มีร้านและมีออนไลน์ ยอดขายรวม 6 ชิ้น (ตัวเลขสมมุตนะครับ) คืออาจจะขายออกที่หน้าร้านได้ 5 ชิ้น เพราะว่าอาจจะมีคนที่ไม่ได้สนใจอะไร ไม่สนราคา ซื้อสินค้าด้วยอารมณ์อยากซื้อ เห็นก็ซื้อเลย จะเห็นได้ว่าสินค้าขายออกได้ 5 ชิ้นทางหน้าร้าน แต่มามองช่องทางออนไลน์ซิครับ จะขายออกได้แค่ 1 ชิ้นเท่านั้น

เพราะการขายทางออนไลน์ ผู้ซื้อจะทำการเช็คราคาก่อนซื้อ การตั้งราคาขายที่ต่างกัน 10% ในขณะที่สินค้าเหมือนกันทุกอย่าง ไม่มีทางที่ช่องทางออนไลน์เหมือนๆกันจะขายได้ครับ

สรุปตัวเลข ร้านค้าที่มีหน้าร้านและออนไลน์จะขายสินค้าออกรวมกันทุกช่องทางได้เพียง 6 ชิ้น เพราะว่าเงื่อนไขที่ตัวเองลดได้เพียง 10% จากราคาขายไงครับ

มาดูตัวเลขฝั่งผู้ค้าออนไลน์อย่างเดียว จะเห็นว่าหลังจากได้ราคาขายส่งมา เมื่อคำนวนจากค่าใช้จ่ายที่มีต่ำกว่า ทำให้ร้านค้าออนไลน์ไม่ต้องมีอะไรให้คิดมาก ไม่มีภาระอะไรนอกจากการเร่งขาย จึงทำราคาขายลงด้วยการลดต่ำที่ 20% ซึ่งอาจจะเป็นการลด 10% ก่อนขยักนึง แล้วใส่โค้ดลดเพิ่มอีก 10% หรือวิธีอะไรก็ตาม สรุปคือร้านออนไลน์อย่างเดียวขายได้มากถึง 15 ชิ้น

เห็นหรือยังครับ ว่าทำไมถึงมีความเหลื่อมล้ำ และทำไมร้านออนไลน์อย่างเดียวถึงมีความได้เปรียบมากมายมหาศาล และทำไมร้านค้าที่มีหน้าร้านติดขัดเรื่องอะไรถึงปรับตัวลำบาก บางรายอยู่ในขั้นตอนการปรับสู้ บางรายต้องรอเวลาในการปรับตัวอีกระยะ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ค้าเดิมนั้นไม่ทันเกมส์ หรือปรับตัวไม่เป็น แต่สาเหตุคือสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมด

สรุปจุดที่ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบคือต้นทุนที่สูงกว่านั่นเอง

ก็จบการเล่าประกอบภาพแผนภูมิแต่เพียงเท่านี้ครับ

แล้วมารออ่านกันต่อว่า แล้วร้านมั่นคงเอาไง จะไปทางไหน สู้หรือถอย เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังต่อครับ

ให้กำลังใจ 4
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 143

จำไอดีไม่ได้แล้ว

21/01/2019 04:56:03
พึ่งได้มีโอกาสติดตามกระทู้นี้ครับ ขอบคุณเฮียกับเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกท่านที่มาบอกเล่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในกระทู้นี้ครับ ผมได้ข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างเลยทีเดียว ผมขออนุญาตนำไปแบ่งปันให้คนอื่นอ่านด้วยนะครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 144

birdbird

21/01/2019 13:29:36
16
เข้ามาอ่านครับ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจครับ
เป็นช่วงที่ ผู้ค้าปลีกต้อง งัด กลยุทธ์ มาสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จริงๆ ถ้า บริษัทฯ ที่ดีๆ แล้วคิดทั้ง supply chain แล้ว co กับ partner ครับ

แต่เป็นอย่างที่เฮียว่า เดี๋ยวนี้ แม้แต่ producer เอง หรือ distributor เอง เห็นช่องทางที่ เข้าถึง ลูกค้าโดยตรง เลยพยายามเข้ามาจับตรงนี้ แต่ถ้าดูให้ดี อาจจะมี value บางอย่างที่จะหายไปจาก brand ต้องมานั่งคิดกันดีๆ ครับ

อย่างกลุ่ม microsoft/apple เขาสามารถคง retail price กับ พวก reseller ได้ ด้วยเขาวาง positioning ของสินค้าเขาไว้แบบนั้น หรือแม้แต่แบรนด์ใหญ่ๆ ส่วนใหญก็พยายามคง retail price 

จะมีก็ สินค้าแบรนด์จีน ที่ยังไม่ค่อยชัดเจนตรงนี้ ทำให้เกิด ภาวะ การตั้งราคาขายปลีก ที่ค่อนข้างหลากหลาย เกิดช่องว่าง

กลับมาที่ ธุรกิจ ด้านหูฟัง เครื่องเล่น

ความเห็นส่วนตัวของผม ในฐานะคนซื้อ แน่นอน ย่อมอยากได้ของถูก ยิ่งถ้าการรับประกัน การดูแลลูกค้าเหมือนๆ กัน นี่ แทบปิดประเด็นเรื่องอื่นได้เลย คิดแต่เรื่องราคาอย่างเดียว 

โดนผมเองลองไปเป็นลูกค้ามาหลายๆ ร้าน

สำหรับร้านเฮียจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ในระดับผู้ค้าปลีกด้วยกันเพราะเรื่องของการบริการ และ sevice mind ของร้าน

แต่สินค้าบางชิ้น โดยเฉพาะแบรนด์จีน ที่เขาไม่มีนโยบายคุมราคาขายปลีกที่ชัดเจน แต่ให้การ การรับประกันเหมือนกัน บางทีผมก็เลือกไปราคาถูกนะครับ (เพราะส่วนนึงเวลาไม่โอหรือขายต่อจะไม่ค่อยเจ็บตัวมาก)

แต่ก็มีบางจังหวะถ้าการบริการที่แตกต่างกันผมก็เลือกที่บริการนะครับ บางรายการ ร้านเฮียขายถูกกว่าศูนย์ แต่ผมก็เลือกบริการที่ศูนย์ เพราะมีบางเรื่องสะดวกสบายในการบริการและการฝากเคลม ผมก็ซื้อที่ศูนย์ตรง

ทั้งนี้ ผมว่าร้านเฮียก็น่าจะมีกลยุทธ์ในระดับที่เฮียตัดสินใจแล้ว ดูได้จากสินค้าที่นำมาวาง ก็เพื่อ จัดวาง position ของร้านให้เหมาะสม และอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 145

เหน่งบา

21/01/2019 14:22:37
1,866
ไม่มีข้อมูลอะไรจะวิจารณ์หรือเสนอแนะครับเฮีย
ตามอ่านด้วยความอัดอั้นในสถานการณ์ และด้วยความเต็มตื้นในจิตใจและวิธีคิดของเฮีย
เอาว่า ทำเท่าที่ผู้บริโภคคนหนึ่งจะทำได้
ไว้มีจังหวะจะเข้าไปนังฟังและอุดหนุนของร้านเฮียตามประสาคนซื้อบ้านๆคนนึง เท่านั้นแหละครับ
อาจจะเป็นอินเอียร์เล็กๆซักตัวแบบเสียบตรงที่จะมาแทน RE 0 ที่พังไป รวมถึงเข้าไปเอาKSC35 ที่สั่งไว้ซะที
ผมยังเชื่่อมั่นในความสัมพันธ์ระหว่างคนซื้อและคนขายครับ ว่ามิได้ผูกพันกันเพียง "ราคา" คำเดียว
วงการ..ที่เฮียมีส่วนในการสร้างขึ้นมา ด้วยการยอมให้นักเล่น มีโอกาสได้ลองได้ฟังอย่างจุใจ(แม้อาจจะไม่ได้ซื้อ) จากในอดีตที่"ถ้าไม่ซื้อ ก็ไม่ได้แกะกล่องฟังเสียง" 
ผมไม่ได้คิดอะไรไกลหรอกครับ ตอนนี้ร้านเฮียยังอยู่ ผมก็พยามยามสนับสนุนเล็กๆน้อยๆแบบนี้แหละครับ มีกำลังมีปัญญาแค่นี้
สู้สู้ครับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 146

Kai_3m

21/01/2019 14:46:10
28
+1 คุณเหน่งบาครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 147

นายมั่นคง

21/01/2019 15:40:56
4,282
ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะมาร่วมแสดงความเห็นและมีแง่มุมบางอย่างที่น่าสนใจอยู่มากเลยครับ

ในกระทู้นี้อาจจะเป็นที่เดียวในประเทศไทยที่มีการสื่อสารพูดคุย และแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการค้าในตลาดออนไลน์แบบตรงถึงกันเลย คือคนขายคุยกับคนซื้อเพื่อแชร์ข้อมูล แต่ผมถือเป็นการคุยกันแบบฐานะเพื่อนนะครับ 55

เดี๋ยวคืนนี้จะมาคุยต่อถึงเรื่องเหล่านี้นะครับ^^
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 148

เหน่งบา

21/01/2019 17:24:36
1,866
สภาพที่เป็นอยู่ มันก็ทุนนิยมเต็มขุั้นแหละครับ
จากผู้ผลิต แต่แรก ถ้าแน่จริง ก็ขายตรงถึงผู้ซื้อไปเลยยยยยยย
รูปการณ์ตอนนี้ ก็คือ ช่วงถีบหัวเรือแหละครับ เมื่อถึงฝั่ง คือ สินค้าเป็นที่รู้จักสำหรับผู้บริโภคแล้ว
ซึ่งที่ผ่านมา ต้องอาศัยผู้แทนจำหน่าย ให้ช่วยแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก สร้าง brand awareness ในการรับรู้ของลูกค้่าปลาย โดยอาศัยหน้าร้าน ความพยายามช่วงหนึ่งของชีวิตดีเลอร์ ในการผลักดันขายสินค้า และการกระจายสินค้า

ตอนนี้ถึงเวลาที่มันจะบอกว่า brandกู กูจะขายเอง ที่ผ่านมาพวกมึงก็ได้กำไรจากการขายสินค้ากู เราไม่มีบุญคุณอะไรกัน
...จะบอกเฮียว่า ไอ้ประโยค"เราไม่บุญคุณอะไรติดค้างกัน" นี่เป็นคำพูดของลูกชายเจ้าของบริษัทที่นอนยักษ์ใหญ่รายหนึ่ง ที่พูดใส่หน้าลูกค้าdealerในงานเลี้ยงสมนาคุณลูกค้าที่ต่างจังหวัด เมื่อสามปีก่อนครับ  
แปลว่า วิธีคิดแบบทุนนียมแบบนี้ ธุรกิจอื่นก็ทำ ผู้ค้าในธุรกิจอื่นก็โดน
ปัจจุบันที่นอนยี่ห้อนี่ ก็ดำเนินการขายตรงลงเน็ทแบบเต็มสูบ รวมถึงเปิดหน้าร้านเป็นศูนย์ที่นอนขนาดใหญ่ ร้านค้า dealer เห็นราคาใน net แล้วทำได้แค่ด่าครับ  ก็สินค้าเค้า เค้ากะจะขายเองจะให้ทำไงได้
ไอ้เรื่องตอนเริ่มธุรกิจที่นอน ต้องให้ร้านค้าช่วยผลักดัน มันคืออดีตครับ มันจบไปแล้ว ร้านเอาของเค้าไปขายก็ทำกำไรจากการขายของเค้า ก็อย่างที่ว่า...เราไม่มีบุญคุณติดค้างอะไรกัน
บริษัทเองก็ทำการโปรโมชั่นโฆษณาอะไรต่ออะไรมาเต็มที่ ไม่ได้อาศัยร้านค้าอย่างเดียวซะเมื่อไหร่

ร้านค้าก็หายี่ห้ออื่นที่ไม่พยายามขายเอง มาขายกันต่อไปครับ หึหึหึ...
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 149

Tourweb

21/01/2019 19:27:26
ถ้าตัวเลขขายออนไลน์เป็นอย่างที่เฮียมั่นคง อธิบายมา   ผมว่าศูนย์ฯ ต้องกลับมาคิดใหม่ ทำใหม่แล้วครับ  (--> ผมว่าต้องคุมราคาขายให้ต่างกันไม่มากไป  แค่เป็นน้ำจิ้มพอ)
เพราะปล่อยไปอย่างนี้  จะทำให้ผู้ขายที่มีหน้าร้านล้มหายตายจากไป   เหลือแต่ร้านขายออนไลน์ซึ่งผมว่าไม่ค่อยมี value added  ศูนย์ฯ ขายเองดีกว่า

ร้านออนไลน์ โมเดลเค้าต้องการต้นทุนต่ำที่สุด   คงสต๊อคสินค้าน้อยถึงน้อยมาก  รับออเดอร์มา  ก็ค่อยมาสั่งกับศูนย์อีกต่อ  ง่ายดี ศูนย์ฯ ก็แบกต้นทุนสต๊อคไปซิ    ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่มีหน้าร้านแล้วลูกค้าจะลองสินค้ายังไง  ให้อ่านจากรีวิวเอาเหรอ

ถ้าจะพึงแต่รีวิวสินค้าแล้วจะให้มั่นใจว่าขายได้   ศูนย์ฯ ก็ต้องจัดงบโฆษณาให้บรรดา reviewer, influencer, net idol ฯลฯ เพราะเป็นช่องทางเดียวที่สื่อสารกับลูกค้า   งบบานแน่   มันน้องๆ จ้างดาราเลยน่ะครับ หรือหวังว่าจะปล่อยลูกค้าหาข้อมูลรีวิวเมืองนอกเอาเอง   อันนั้นเหมือนปล่อยตามบุญตามกรรมไปไหม   ศุนย์ฯ กล้าสั่งของมาสต๊อคเหรอ

ถ้าผมเป็นร้านออนไลน์ก็คงทำแค่ก๊อปเอารีวิวเมืองนอกมาแปะ หรือทำช่องให้ลูกค้ามารีวิวกันเองเหมือน amazon แต่จะหวังให้แอ็คทีฟมากๆ น่าจะยากหน่อยน่ะ เพราะผมมีทางเลือกอื่นที่ง่ายกว่า  แค่เอารูปสินค้าแบรนด์อื่นมาใส่ร้านผม  เปลี่่ยนสินค้าที่ขายง่ายมาก  ไม่จำเป็นต้องมาช่วยโปรโมตให้เปลืองต้นทุน

ผมขอเห็นต่างจากท่านอื่นหน่อยครับ   ตรงที่ผมเชื่อร้านขายออนไลน์อย่างเดียวไม่น่าให้บริการรับประกันสินค้าได้ดีเหมือนผู้ขายที่มีหน้าร้านด้วย  แค่ช่องทางรับสินค้าไปซ่อมก็ลำบากแล้ว    อีกอย่างจะให้เค้าลงทุนบริการเยอะก็ไปขัดกับโมเดลธุรกิจที่ต้องการต้นทุนต่ำสุด ถ้าจะบริการประกันสินค้าดีเหมือนกัน  ศูนย์ฯ ต้องเป็นผู้ลงทุนให้มีศูนย์ส่งซ่อมให้เพียงพอ อย่าง sony นี้ผมว่าโอเคเลย ใกล้ที่ทำงานผม 555

แต่อีกแหละ  ถ้าไม่มีหน้าร้านให้ลอง ให้ไปจับ ไปลูบๆ คลำๆ   ลูกค้าจะไปรู้จักสินค้าได้ไง  คงจะขายได้แค่สินค้ารุ่นแรกๆ ที่ฮิตๆ ยังรู้จักอยู่   แล้วสินค้ารุ่นถัดๆ ไปล่ะ dealer โดยเฉพาะในต่างจังหวัดจะมีบทบาทใน supply chain อันนี้แหละครับ

อย่างกรณีที่นอนขายออนไลน์  ผมนึกถึงที่นอนยางพารายี่ห้อ original เค้าก็ขายทำการตลาดออนไลน์  แต่มีร้านให้ไปดูของน่ะครับ แต่นั้นเป็นเคสพิเศษ  คือของเค้าแพงเป็นพิเศษ 555    ผมซื้อรุ่น mahler7 หลังละตั้ง 6หมื่นกว่า เค้า target ลูกค้าเค้าว่าเป็นพวก early adopter    คือของดี ต้นทุนสูง กลุ่มลูกค้ามีน้อย และเค้าต้องการกดต้นทุนน่ะครับ  ไม่เน้นยอดขาย

เหมือนเคยดูรายการ sme ตีแตกมั๊ง    เค้าก็ยอมรับว่ายอดขายไม่มีทางสู้รายใหญ่ที่ขายผ่าน dealer อย่าง omazz ได้  ถ้าผมจำไม่ผิดน่ะครับ  ผมเริ่มแก่แล้วแต่น้อยกว่าเฮียนิดนึง 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 150

นายมั่นคง

21/01/2019 20:05:58
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 148 - เหน่งบา

...จะบอกเฮียว่า ไอ้ประโยค"เราไม่บุญคุณอะไรติดค้างกัน"

เดี๋ยวจะไปลองค้นดูครับพี่เหน่งบา ว่าวลีที่ว่าเป็นวลีของที่นอนยี่ห้ออะไร 555 (อยากรู้)

จริงๆในโลกธุรกิจ ผมเข้าใจได้ครับว่าทุกคนก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ก็เลยไม่สนใจเวลาเกิดอะไรขึ้นมา การจะตัดรอนหรือทำอะไรลงไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือสนใจแต่เรื่องประโยชน์ที่จะได้รับ ลูกชายนายห้างที่นอนก็อยู่ในกลุ่มคนปกติที่ต้องการความร่ำรวยที่เพิ่มพูนขึ้น(เร็วๆ)

แต่ไม่ใช่คนอย่างผมครับ การที่ผมโตมาวันนี้เป็นเพราะผมได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์ไทยทุกๆศูนย์ ผมถือว่ามีบุญคุณต่อกัน และผมไม่เคยคิดว่าผมทำรีวิวหรือเขียนถึงสินค้าอะไรนั้นเป็นบุญคุณอะไรเลย เพราะมันเป็นเรื่องที่เราต้องช่วยเหลือเกื้อกูลพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากกว่า จะบอกว่าผมเป็นคน Generation ที่มี Loyalty ก็ได้ครับ

มิตรภาพสำคัญกว่าเงินครับ..........
(แต่คนอื่นคิดหรือเปล่าเราไม่รู้)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 151

นายมั่นคง

21/01/2019 20:23:08
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 149 - Tourweb

ผมเริ่มแก่แล้วแต่น้อยกว่าเฮียนิดนึง 555
ขอบคุณครับพี่ Tourweb ครับ เรียกพี่ละกัน เพราะไหนๆอายุอานามก็ไล่เรี่ยกันซะขนาดนี้ ต้องบอกว่าความเห็นพี่ Tourweb นั้น สุขุม ลุ่มลึก รู้หรือเปล่าครับว่าเราเป็นคนในเจนเนอเรชั่นสุดท้ายที่ยังคิดถึงเรื่องรอยัลตี้กันอยู่ หลังจากเจนของเราลงไปแล้ว ไม่มีใครมานั่งคิดเรื่องพรรค์นี้ครับ

นี่คือสาเหตุที่ผมเปิดร้านแล้วต้องทำยังไงก็ได้ที่ต้องจัดการให้ลูกค้าแฮปปี้ ต้องเคลียร์ปัญหาให้จบ ขายส่วนขาย แต่ขายแล้วผมต้องดูแลลูกค้าได้ และผมทิ้งลูกค้าไม่ได้ เพราะผมเป็นพวกมีรอยัลตี้ คิดถึงแต่เรื่องอกเขาอกเรามาโดยตลอด จะทำอะไรก็เกรงจะกระทบคนนู้นคนนี้อยู่ร่ำไป ก็เลยไม่รวยกับเค้าซักที 555

เรื่องที่บอกศูนย์ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ผมหารืออยู่ตลอดครับ ว่าทำไมไม่ควบคุมหรือทำไมไม่มีมาตรการ หรือทำไมไม่ classify ดีเลอร์ หรือไม่มีวิธีที่ดีกว่าปัจจุบันแล้วเหรอ ทำไมปล่อยให้ดีลเลอร์หน้าส้นเท้าทำตามใจชอบ  ซึ่งเหล่านี้ผมพูดหมด และเหมือนไม่ได้รับการตอบรับอะไร พยักหน้าหงึกๆแล้วก็จบกันไป ซึ่งถ้าศูนย์มาอ่านเจอตรงนี้ ช่วยกรุณาคอมเฟิมว่าผมพูดความจริงด้วยนะครับ

แต่เหมือนว่าผลประโยชน์มันเป็นเรื่องหอมหวาน ใครๆก็ต้องการ ก็เลยเงียบหายต๋อมไปหมด

ว่าแต่ที่นอน mahler7 หลังละ 6 หมื่นกว่า เดี๋ยวขอผมไปสัมผัสของจริงที่ร้านหน่อยว่ามันเป็นยังไงนะครับพี่ เกิดมาเพิ่งรู้ว่ามีที่นอนราคาขนาดนี้จริงๆครับ 555

ว่างๆขอเชิญมาแจมกระทู้นี้ต่อนะครับพี่ 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 152

birdbird

21/01/2019 21:04:09
16

Original (original patex หรือ patex เดิมนั่นเองครับ เป็นที่นอนยางพารา รายแรกๆ ของไทย) ก็มียางพาราหลายเกรด มีแตกไลน์ออกไป ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า ว่าเกิดจากต้นทางเดียวกัน แต่แนวคิดในการทำธุรกิจต่างกัน เลย แยก ไลน์กันไปในนาม ventry (เห็นเขาว่าคนจีนชอบ) แต่แพงจริงครับ 55 โดยเฉพาะตัว top อย่าง mahler

แต่ตัวที่นอน omazz หรือในนามที่ผมชอบเรียกที่นอนดูดวิญญาณ น่าจะเป็นแบรนด์ของต่างชาติ มีทั้งแบบสปริง ยางพารา หรือแบบ ผสม  ถ้าอยู่ในห้างก็หลังหนึ่งเรือนแสนครับ ผมก็ชอบนะครับ เคยไปลองนอนในห้าง แต่เอื้อมไม่ถึง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 153

นายมั่นคง

21/01/2019 23:50:42
4,282
มาคุยต่อครับ หลังจากทิ้งท้ายไว้เมื่อคืนก่อน^^

ถึงตอนนี้เราทราบประเด็นหลักๆของการค้าออนไลน์ในยุคปัจจุบันกันแล้ว สาเหตุหลักๆก็มาจากผู้ค้าเดิมๆที่รับภาระต้นทุนที่สูงกว่าผู้ค้าที่ทำการค้าเฉพาะช่องทางออนไลน์อย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันไทยเรานั้นอยู่ในยุคของการเปลียนผ่านโครงสร้างของช่องทางการจำหน่ายสินค้าแล้วครับ ยังจำได้นะครับว่าผู้ค้าที่อยู่ในวงจรการค้าปลีกจะมีดังนี้

1. ผู้นำเข้าหรือศูนย์
2. ผู้ค้าเดิมที่มีหน้าร้านมาก่อน แล้วเพิ่มช่องทางออนไลน์ภายหลัง
3. ผู้ค้ารายใหม่ที่มุ่งจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์อย่างเดียว
4. Marketplace (ยกไว้คุยวันหลัง)

ร้านมั่นคงอยู่ในกลุ่มที่ 2 ครับ ซึ่งผมทำออนไลน์มานานเกินกว่า 13 ปี แต่ยุคแรกเป็นออนไลน์ที่มีเว็บไซต์เป็นเพียงเครื่องมือทำหน้าที่ให้ information การชำระเงินยังเป็นเพียงการโอน การตัดเงินผ่านบัตรเครดิตยังไม่ได้รับความนิยม และที่สำคัญศูนย์ก็ทำหน้าที่ตนเองชัดเจนคือ distribution เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันก็มีปัญหาที่เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งก็คือ ศูนย์ทำการจำหน่ายสินค้าให้กับดีลเลอร์ และศูนย์ก็จำหน่ายสินค้าเองแข่งขันกับดีลเลอร์ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยเล่าถึงในตอนต่อไปครับ

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการจำหน่ายสินค้าทางช่องทางออนไลน์แบบไม่มีหน้าร้านโดยใช้กลยุทธง่ายๆก็คือการตัดราคา หาช่องทางในการตัดราคาในทุกช่องทางเพื่อให้ตนเองแจ้งเกิด ซึ่งตรงนี้ผมก็แปลกใจว่าศูนย์ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก ปากก็แจ้งว่าจะดูแลและตักเตือน ซึ่งผมเข้าใจได้ว่าใครก็ต้องการผู้ค้ารายใหม่เข้ามาร่วมผลักดันสินค้า ซึ่งผมเองก็ประพฤติตนเป็นเด็กดีตลอดมา โดยไม่กล้าลงมือขายสินค้าตัดราคากลับแต่อย่างใด

เพราะอะไรหรือ?

เพราะว่าในตลาดมีผู้ค้าที่มีหน้าร้านที่มีสาขามากกว่าผม ทุกคนลงทุนสั่งสต๊อคสินค้า ทุกคนลงทุนมากกว่าผมมากมายมหาศาล ซึ่งหากผมทำการขายตัดราคาผู้อื่นก็เท่ากับเปิดสงครามการรบด้วยราคา ซึ่งในสงครามนี้นอกจากบาดเจ็บแล้ว ยังไม่สร้างมาตรฐานที่ดีขึ้นแต่อย่างใดครับ เพราะธุรกิจหากขาดกำไร ก็จำเป็นที่จะต้องลดต้นทุนในทุกๆทาง และแน่นอนว่าต้องลดคุณภาพในแง่มุมตั้งแต่การบริการ และการดูแลหลังการขาย เพราะไม่มีใครรับภาระตรงนี้จนถึงปลายทางได้

ผมเข้าใจดีว่าในมุมของลูกค้า ไม่มีใครอยากซื้อสินค้าในราคาที่แพงกว่าอย่างแน่นอน และผมตระหนักดีว่าอันนี้คือกลไกสำคัญที่ต้องบริหารความรู้สึกที่ดีของลูกค้าให้ได้ครับ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผมหารือกับทางศูนย์ว่ามีนโยบายและมีความเห็นอย่างไรที่จะดูแลกลุ่มดีลเลอร์ตรงนี้ ปรากฏว่าศูนย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจ และผมก็แปลกใจหนักขึ้นที่ศูนย์(บางราย)เห็นชอบในการปล่อยให้ร้านออนไลน์หน้าส้นเท้าที่ไม่สต๊อกสินค้า หรือสต๊อกก็เพียงไม่กี่ชิ้น ทำการขายตัดราคาสินค้าผู้ค้ารายอื่นๆที่มีหน้าร้านที่มีสาขาเป็นสิบเป็นร้อย ที่ช่วยโชว์สินค้า ที่ช่วยเดโมสินค้า ที่สั่งสินค้าคราวละหลายๆร้อย หรือพันชิ้นได้อย่างไร??

ตรรกะที่อธิบายไม่ได้ของศูนย์ไทย(บางราย) มันขาดจริยธรรมในสายตาของผมครับ ผมจะเน้นว่าบางรายตลอดเพราะว่าศูนย์ที่ดีมากๆก็ยังคงมองเห็นปัญหานี้อยู่ครับ เราอย่าไปเหมารวมหมดนะครับ พอศูนย์ไม่จัดการไม่สร้างกติกาอย่างจริงจัง ผมก็ทราบดีว่า ป่วยการที่จะไปหารือและปรึกษาอะไรอีกต่อไป และเข้าใจได้ว่าทุกอย่างต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

และเมื่อช่วงกลางปีถึงปลายปีที่แล้ว ผมเรียกประชุมและทำความเข้าใจกับทีมงานร้านมั่นคงว่า ผมจำเป็นจะต้องนำร้านเข้าแข่งขันเรื่องราคากับเจ้าอื่นๆ เพราะคงไม่มีทางที่เราจะขายสินค้าในราคาที่เท่ากับผู้ค้ารายอื่นๆอีกต่อไป ก็เพราะมีผู้ค้าออนไลน์เพียวๆยืนตัดราคาโดยไร้จิตสำนึกอยู่ ถึงเวลาที่ต้องปรับโครงสร้างราคาเพื่อแข่งขันเพื่อความอยู่รอดของทุกๆคน ขอให้ทุกคนยอมรับกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นการไม่มีโบนัส ไม่ขึ้นเงินเดือน ลดคอมมิชชั่น หรือสุดท้ายคือร้านต้องเลิก ซึ่งทุกคนยอมรับได้ตามที่ผมบอก

ผมก็ทำการหารือกับศูนย์ว่า ต่อแต่นี้ไป หากไม่สามารถวางมาตรฐานให้กับผู้ค้าปลีกได้ ผมขออนุญาตล่วงหน้าในการขายสินค้าโดยใช้เงื่อนไขดังนี้

"ทางร้านมั่นคงขอจำหน่ายสินค้าในราคาเท่ากับราคาต่ำสุดที่หาซื้อได้ในช่องทางออนไลน์" โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เพราะผมถือว่าผมเป็นเด็กดีในโอวาทมาสิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยทำอะไรที่เป็นการหักหน้าผู้ค้ารายอื่น และเพราะว่าศูนย์ไทย(บางราย)มิได้ให้ความเป็นธรรมกับร้านมั่นคง ซึ่งผมก็ยืนกรานไปว่าจะใช้มาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรม

ซึ่งผมก็มองว่าเป็นเรื่องปกติในตอนนี้ไปแล้ว เพราะการทำราคาจำหน่ายที่ต่ำสุดนั้นใครๆก็ทำกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะใน Marketplace หรือที่ไหน ผมก็ขอจำหน่ายในราคาที่แข่งขันได้บ้างไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ปรากฏว่าพอผมเริ่มเข้าสู่สนามแข่งขัน และทำราคาไปเท่ากับร้านค้าออนไลน์หน้าส้นเท้า ปรากฏว่าคราวนี้ร้านออนไลน์หน้าส้นเท้าไม่ยอมครับ ร้องเรียนศูนย์ว่าเสียเปรียบร้านมั่นคงเพราะว่าร้านมั่นคงมีหน้าร้าน ในขณะที่เค้าไม่มี??

นั่นเป็นเพราะหากร้านค้าที่มีหน้าร้าน แล้วกล้าบ้าเลือดยอมตัดนิ้ว เฉือนเนื้อออกมาสู้ โดยขายที่ราคาเท่ากัน ผมเชื่อว่าร้านออนไลน์หน้าส้นเท้าจะหงุดหงิดและอึดอัดและรีบบีบน้ำตาไปฟ้องร้องเรียนกับศูนย์เหมือนอย่างที่ผมพบเจอทุกวันนี้ครับ เพราะร้านออนไลน์รู้ดีว่าตัวเองเป็นพวก Nobody ใช้วิธีตีกินไปวันๆ จุดขายเดียวที่ทำให้เสียวได้ก็คือการตัดราคา แต่พอเจอคนบ้าอย่างผมที่เที่ยวนี้เอาอาชีพเป็นเดิมพัน ก็ออกอาการหัวเสียครับ

ก็ขอบอกว่าต่อแต่นี้ไป ร้านมั่นคงจะทำการจำหน่ายสินค้าในราคาแข่งขันกับผู้อื่นให้ได้ในทุกมิติ
สินค้าบางอันราคาจะถูกกว่าหรือบางอันอาจจะเท่ากันนะครับ แต่แพงกว่าน่าจะไม่ค่อยมี นอกจากทำราคาไม่ได้จริงๆนะครับ ตอนนี้เราเริ่มทำแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งต่อจากนี้ไป หากผมไม่มีสินค้าของแบรนด์ไหนจำหน่ายในร้าน ก็แสดงว่าผมโดนศูนย์นั้นไล่ออกหรือลงโทษแบนทิ้งนะครับ 555 อาจจะเป็นเพราะผมไปเหยียบตาปลาพวกเด็กเส้นเด็กสาย โดยกระทำความผิดโทษฐานขายสินค้าราคาเท่ากับร้านค้าที่ขายตัดราคาอยู่ก่อนหน้าอยู่แล้ว

ก็เป็นอันเคลียร์ในประเด็นนี้ ว่าทางออกที่ผมเลือกคืออะไรนะครับ^^

รออ่านตอนต่อไปครับ^^


ให้กำลังใจ 3
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 154

dearzclash

22/01/2019 00:42:32
12
เป็นกำลังใจให้เฮียและทีมงานครับ อ่านแล้วเข้าใจอย่าง แจ่มแจ้ง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 155

Draco

22/01/2019 01:08:00
424
อื้อฮือ  เฮียของขึ้น  เป็นกำลังใจให้เฮียและทีมงานคับ 

เดือนหน้าน่าจะมีโอกาสได้อุดหนุน momentum true wireless ชดเชยอันที่ทำตกน้ำไปคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 156

เฝ้ามองความเป็นไปของตลาด

22/01/2019 10:39:52
ค่าใช้จ่าย คงที่เฮียมีแน่นอนทุกเดือน เงินเดือน ค่าเช่า ค่าทำการตลาดต่างๆ ร้านที่ไม่มีหน้าร้าน ค่าใช้จ่ายคงที่ มีแต่ค่ายิง ads และจริงๆก็แอบอาศัยอานิสงค์จากเฮีย ในการที่ลูกค้าส่วนหนึ่งมาลองเดโมลองเสียงแท้ๆ จริงๆเฮียถือว่าเป็นผู้มีพระคุณด้วยซ้าไป  ผมมองว่าเรื่องนี้ ศูนย์ไทย ต้องมีมาตรการ ที่ฉลาดและยุติธรรมหน่อยอย่ามองแต่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ร้านที่มีหลักแหล่ง สั่งของไม่สต๊อค อย่ามองเขาเป็นของตาย ใจเขาใจเรา ยังไงขอให้เฮียสู้ๆและเจอทางออกที่ดีที่สุดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 157

เฝ้ามองความเป็นไปของตลาด

22/01/2019 10:41:04
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 156 - เฝ้ามองความเป็นไปของตลาด
ค่าใช้จ่าย คงที่เฮียมีแน่นอนทุกเดือน เงินเดือน ค่าเช่า ค่าทำการตลาดต่างๆ ร้านที่ไม่มีหน้าร้าน ค่าใช้จ่ายคงที่ มีแต่ค่ายิง ads และจริงๆก็แอบอาศัยอานิสงค์จากเฮีย ในการที่ลูกค้าส่วนหนึ่งมาลองเดโมลองเสียงแท้ๆ จริงๆเฮียถือว่าเป็นผู้มีพระคุณด้วยซ้าไป  ผมมองว่าเรื่องนี้ ศูนย์ไทย ต้องมีมาตรการ ที่ฉลาดและยุติธรรมหน่อยอย่ามองแต่ผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง ร้านที่มีหลักแหล่ง สั่งของไม่สต๊อค อย่ามองเขาเป็นของตาย ใจเขาใจเรา ยังไงขอให้เฮียสู้ๆและเจอทางออกที่ดีที่สุดครับ
แก้ไข สั่งของไปสต๊อคไว้ให้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 158

เหน่งบา

22/01/2019 12:15:11
1,866
ตอบคุณbirdbirdความเห็น 152
ที่นอนเจ้าที่ว่า ไม่ใช่ Patex ครับ ^ ^
บอกใบ้ว่า เป็นแบรนด์คนไทยนี่เอง มีรากฐานจากสินค้าเครื่องนอนมาก่อน ที่นอนเลยเป็นแค่ส่วนหนึ่งของธุรกิจหลายอย่างของครอบครัวเขา
ลูกชายเจ้าของนี่ก็คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จแหละครับ คิดค้นก่อตั้งธุรกิจอื่นที่เจริญรุ่งเรืองไม่แพ้ที่นอนด้วย  เก่งมากครับ เป็นหนึ่งในสามนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงที่โดดเด่นพอๆกับคนก่อตั้งบริษัทืสาหร่ายเถ้าแก่น้อย ส่วนหนึ่งเพราะเขานั่งอยู่บนบ่ายอดมนุษย์อย่างพ่อเขา คนรวยมีรากฐาน มีทุนอยู่แล้ว ก็ย่อมมองอะไรในสายตาของทุน  ดังนั้นในสายตาคนรุ่นเก่าอย่างผมก็จะมีอคติรู้สึกว่าเขาไม่มีเยื่อใยไมตรีกับคู่ค้า ถ้ามองเขาจากมิติอื่น อาจจะมองด้วยความชื่นชมในความสำเร็จท่วมท้นของเขาก็ได้ 555

ส่วนที่นอน Omazz นั่น เป็นบริษัทที่นอนไทย ไปซื้อลิขสิทธิ์มาทำการตลาดครับ เป็นที่นอนรุ่นสูงของข้างมาก รุ่นมาตรฐานสเป็คเดิมๆที่นำเข้ามาทีแรก เป็นยางพาราสกัดล้วน หลังละหลายหมื่นไปถึงแสนกว่าครับ ตอนหลังก็มีการออกรุ่นสินค้าที่ราคาต่ำลงมาหาตลาดเมืองไทยครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 159

สมัครเล่น

22/01/2019 13:46:22
412
ศูนย์ไหนมันว่าเฮียนะ
น่าจะหมดสิทธิ์กระเด็นไป
ครั้งตอไปให้เฮียเป็นศูนย์แทนนะนี่
ฝรั่งมันสนยอดอย่างเดียวเท่านั้นล่ะ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 160

Uthen

23/01/2019 12:51:57
17
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 141 - นายมั่นคง
ตอบพี่สมเกียรติ :
นั่นน่ะซิครับ ถ้าเสียเปรียบทำไมไม่เปิดหน้าร้าน เปิดใหญ่ๆเลยก็ได้ เหมายกชั้นก็ได้ไม่มีใครว่า 555  แต่จริงๆเป็นอาการแก้เกี้ยว หรือเฉไฉ คือพวกออนไลน์หน้าส้นเท้าเหล่านี้พอเจอคนบ้าอย่างผมทำราคาแข่งขันแบบยอมตาย ก็เกิดอาการพาลทะโรขึ้นมาซะงั้น อ้าวพ่อมึง ตอนแรกที่เปิดขายไม่ใช่เพราะคิดฉลาดวางแผนเรื่องเซฟค่าใช้จ่ายเรื่องเปิดร้านแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้ไหงมาร้องว่าเสียเปรียบเพราะไม่มีร้าน 555

ผมจะทะยอยเล่าเรื่อยๆครับพี่สมเกียรติ ค่อยๆอ่านตามไปเรื่อยๆๆ 555

ตอบป๋าอู๊ด :
สงสัยผมต้องบีบไข่ตัวเองแก้มึนแล้วล่ะครับ 555 สบายดีนะพี่อุเทน ไม่ได้คุยกันนานเลย
สวัสดีคร้าบบบเฮีย   สบายดีครับผม
ต้องการใช้แรงงานบอกนะครับ เดี๋ยวไปช่วยจัดให้ แต่ไม่ช่วยดีดไข่นะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 161

ไม่ล็อคอินเน้อ

23/01/2019 15:15:27
เป็นกำลังใจให้เฮียและพนักงานมั่นคงทุกคนนะครับ
ผมเองก็อุดหนุนร้านเฮียมานานแล้ว ประทับใจกับความรับผิดชอบ ยอมรับเลยว่า ซื้อหูฟังที่มั่นคง ผมไม่เคยกลัวพังเลย เพราะความรับผิดชอบเรื่องการเคลม ถ้าเห็นว่าช้าเกินไป แค่ทวงถาม ทีมงานก็จัดการให้แล้ว ขณะที่ร้านออนไลน์ไม่มีทางเป็นแบบนี้แน่ๆ

ผมเองเป็นคนที่จะ "ไม่" อยู่ 2 เรื่อง คือ
1. เพราะตัวเองเป็นคนชอบฟังเพลง ไม่ถึงขั้นหูเทพแต่ไม่ใช่อะไรก็ได้ ซื้อๆ ไป ดังนั้น .. เรื่องหูฟัง ยังไงก็ไม่มีวันซื้อออนไลน์ครับ (ยกเว้นยี่ห้อและรุ่นที่เคยใช้และเสีย ซึ่งจะรู้แนวเสียงอยู่แล้ว) เพราะไม่ได้ลอง คือถ้าซื้อหูฟังแล้วไม่ได้ลองก่อน  แบบนี้มันผิดครับ ลองผิดลองถูกได้อย่างไร ของที่เราเน้น ต้องการที่เหมาะกับเราจริงๆ

2. ผมจะซื้อของออนไลน์อยู่แค่ไม่กี่อย่างนะครับเช่น เคสโทรศัพท์,หนังสือ,อุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ แต่ของไม่ซื้อออนไลน์แน่ๆ ก็คือ พวกคอมพิวเตอร์และมือถือ (ต้องลองหน้าร้านก่อนครับ กลัวปัญหาพวกจอเป็นเด็ดเป็นไบร์ท กลัวมากเรื่องนี้) , เสื้อผ้ากางเกง ต้องลองใส่ดูก่อนครับ ว่าพอดีตัวหรือไม่ , รองเท้า .. อันนี้สำคัญครับ จะซื้อออนไลน์ได้อย่างไร ไม่ได้ลอง เผื่อสวมมาแล้วคับไปหลวมไป จะเปลี่ยนแต่ละทียุ่งยาก สู้ไปซื้อที่ร้าน ลองให้จบตรงนั้นเลยดีกว่า

ดังนั้นก็อย่างที่เห็น ว่าระบบออนไลน์ ไม่ได้เหมาะกับทุกอย่าง คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ในประเทศไทย จะคิดยังไงผมไม่รู้นะครับ แต่ผมอาจจะเป็นคนส่วนน้อยก็ได้ ที่คิดว่าระบบออนไลน์ มันเหมาะกับของบางอย่าง ไม่ใช่ทุกอย่าง ... โดยเฉพาะพวก หูฟัง,เครื่องเล่นเพลง,รองเท้า,เสื้อผ้า,มือถือและคอม ผมคงไม่เสี่ยงดวง หลับหูหลับตาซื้อ แลกกับเงินที่ถูกกว่าไม่กี่บาท .. เพราะของพวกนี้มันต้องลองก่อน จะมาจ่ายโดยไม่ลอง ถ้าไม่เหมาะกับเรา เราจะทำยังไง 

ระบบความคิดของคนยุคปัจจุบัน บางทีผมก็ว่าประหลาดนะครับ คือระบบมันทำให้คนมักง่ายเกินไปหรือคนคิดน้อยเกินไปก็ไม่รู้
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 162

iPrach

23/01/2019 16:20:43
28
มิตรภาพสำคัญกว่าเงินครับ.........

ผมเชื่อคำนี้มาตลอดครับ เฮียโต
โลกสมัยนี้มันปรับเปลี่ยนรวดเร็วตามเงินที่เข้ามาล่อ และทำให้คนเปลี่ยนไปด้วยเพราะความโลภ
แต่มิตรภาพแท้ๆ ยังไงก็เหมือนเดิมครับ

ผมโหวตพรรคไทยมั่นคง 1 เสียงครับ!!
ว่าแล้วเย็นนี้แวะไปมั่นคงดีกว่า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 163

นายมั่นคง

23/01/2019 21:55:29
4,282
555 ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นนะครับ ที่ช่วยกันแชร์ความเห็นส่วนตัวและความรู้สึกเกี่ยวกันสถานะการณ์ปัจจุบัน

ที่ผมเขียนมานั้นถือว่าเป็นเรื่องใหม่ล่าสุด และกำลังเกิดอยู่ และยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน และเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุดในตอนนี้ครับ ผมเขียนในฐานะคนที่อยู่ในวงการนี้โดยตรง ถ้าเล่าเองก็น่าจะมีน้ำหนัก หรือถ้าโกหกก็น่าจะมีคนจับได้ว่างั้น 555

แต่ลูกผู้ชาย(ไม่ใช่ลูกหมา)เขียนอะไรรับผิดชอบทุกอย่างครับ ใครมาอ่านเจอแล้วไม่เห็นด้วย จะแสดงความคิดเห็นโต้แย้งก็สามารถทำได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องล็อคอินครับ ผมถือว่าอย่างน้อยจะได้ฟังความทั้ง 2 ด้าน และผมมั่นใจว่าผมสามารถตอบคำถามทุกคำถามในสิ่งที่ผมนำเสนอไปได้อย่างแน่นอน

วันนี้เดี๋ยวผมจะนำเรื่องๆนึงมาคั่นก่อนที่จะไปเขียนต่อถึงเรื่องศูนย์ไทย และระบบมาร์เก็ตเพลส รวมถึงสายสัมพันธ์ระหว่างศูนย์ไทยและมาร์เก็ตเพลสนะครับ^^

เอ้า ตามอ่านต่อ

ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 164

นายมั่นคง

23/01/2019 22:37:52
4,282



คืนนี้ขอเลี้ยวไปถึงเรื่องที่มองผ่านๆเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ผมกลับมองว่าสาเหตุที่ประเทศไทยไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นทัดเทียมกับชาติอื่นๆได้ นั้นเป็นเพราะอะไร บทความที่ผมเขียนเป็นความเห็นส่วนตัวของผม ใครอย่าได้เอาไปใช้อ้างอิงหรือใช้เป็นคติธรรมในการดำเนินชีวิตนะครับ อ่านแล้วใช้วิจารณญาณส่วนตัวได้เลยครับ

วันนี้พรรคไทยมั่นคง ขอแถลงนโยบายพรรค เอ๊ย ไม่ใช่ๆๆ ผมขอเขียนถึงในอีกแง่มุมที่ผมเห็นมาโดยตลอด สิ่งที่ทำให้คนไทยไม่ไปถึงไหน นั้นมีเรื่องหนึ่งซึ่งอยู่ในความคิดของคนไทยมาตลอดก็คือเรื่อง....

"ชาตินิยม" และ "ค่านิยม"

(เราตัดปัญญาเรื่องคอรัปชั่นก่อนนะครับ เพราะก่อนที่จะเกิดการคอรัปชั่นได้นั้น มันต้องผ่านกระบวนการคิดและการฝังหัวมาในระดับหนึ่งก่อน นั่นก็คือ เรื่อง "ชาตินิยม" และ "ค่านิยม" พอทั้ง 2 อย่างนี้มันเกิดการบันทึกผิดๆในกระบวนความคิดและจิตสำนึกเมื่อไหร่ เรื่องคอรัปชั่นก็จะตามมาทันที) อ่านกันเลยนะครับ

ช่วงไม่กี่วันมานี้ ผมอ่านข่าวผ่านๆตา ผมใช้คำว่าผ่านๆตา เพราะว่าวันหนึ่งเชื่อว่าเราเสพข้อมูลเยอะมาก แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมนำมาคิดประติดประต่อและจับมารวมกันเพื่อเล่าให้ฟัง ซึ่งเรื่องที่ยังคงฮอตในตอนนี้ก็คือสงครามการค้ายุคใหม่ของสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันอธิบายให้เห็ฯถึงคำว่าชาตินิยมได้เป็นอย่างดี

ลองมาดูรูปประกอบกันเลย

บนสุดเราจะเห็นธงชาติสหรัฐอเมริกาอยู่ทางซ้าย และธงชาติจีนอยู่ทางขวา ทั้งคู่ถือว่าเป็นชาติมหาอำนาจมายาวนาน สหรัฐเหมือนจะไฮเทคและดูหล่อกว่ามาตลอด แต่ช่วงหลังจีนมาแรงและแซงชาติมหาอำนาจไปได้ในความรู้สึกของผม ถ้านับตั้งแต่วันที่จีนเริ่มเปิดประเทศ จากใส่ชุดเขียวขี้ม้าสีเดียวกันทั้งประเทศ และอยู่ในระบอบคอมมิวนิสต์มายาวนาน ถ้านับถึงวันนี้นับว่าเป็นก้าวที่ไกลและมีคุณภาพมากครับ

มองถัดลงมาข้างล่าง จะเจอโลโกแอปเปิ้ลแหว่ง ซึ่งชัดเจนว่ามันกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ผมว่ามันมีความชัดเจนมากกว่านกอินทรีย์ที่เป็นมาสคอตของสหรัฐเสียอีก มองไปทางขวาจะเจอแบรนด์จีนนามว่าหัวเหว่ย ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้เป็นคู่กัดของแอปเปิ้ล สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ข่าวบอกว่ามีบริษัทเทคโนโลยีในจีน ออกโปรหัวเหว่ยออกมาให้พนักงานของบริษัทที่เลิกใช้ไอโฟน หากใครใช้อาจจะไม่ได้รับการพิจารณาเงินเดือน และหากใครใช้หัวเหว่ย ก็จะได้รับการพิจารณาเงินเดือนขึ้นเป็นพิเศษกว่า

เห็นได้ชัดว่ามี การรณณรงค์ใหัคนมาใช้ผลิตภัณฑ์ของประเทศตนเองอย่างหัวเหว่ย โดยเริ่มจากในองค์กรและน่าจะขยายวงไปถึงบริษัทอื่นๆในอีกไม่ช้า ซึ่งอันนี้เรียกกันให้ชัดคือ"ชาตินิยม" ครับ เรื่องนี้ทำขึ้นเพื่อตอบโต้และป้องกันปัญหาเรื่องขาดดุลย์การค้าในระยะยาว ซึ่งข่าวนี้อ่านแล้วจะเข้าใจทันทีว่าแม้แต่ในภาคเอกชนของจีนก็ให้ความร่วมมือและเห็นด้วยกับแนวคิด"ชาตินิยม"

มองถัดลงมาอีก คือโลโก้กาแฟที่เราคุ้นตา ส่วนขวามือผมเองก็เพิ่งรู้จัก ตามข่าวบอกว่าเป็นกาแฟยี่ห้อ Luckin Coffee ซึ่งถือกำเนิดมาเพียง 1 ปีหรือไงนี่แหละ เกิดหลัง Starbucks นานมาก ในข่าวบอกว่า Luckin จากสาขาที่มีจำนวนน้อย ตอนนี้เพิ่มจนมากกว่า Starbucks ไปแล้ว และจีนยังเสริมเรื่องการบริการอื่นที่สูงกว่า คือ add value เข้าไป เช่นบริการส่งถึงบ้านหรือการสั่งซื้อและจ่ายเงินผ่านมือถือที่บ้าน ในขณะที่ทำราคาถูกกว่า 25-30% ทำให้กาแฟแบรนด์จีนเกิดใหม่ได้รับความสนใจจากจีนอย่างสูง และแนวโน้มจะทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ และมองเห็นแววจะปล่อยหมัดน็อคในไม่นาน

เห็นการสร้างแบรนด์ ผมเห็นว่านักธุรกิจในจีนมองเห็นว่าเค้าสามารถทำได้หรืออาจจะทำได้ดีกว่าในอีกไม่นาน การจะเปลี่ยนพฤติกรรมของคนให้หันจากสิ่งหนึ่งมาสิ่งหนึ่งเป็นเรื่องยาก และการเปลี่ยนความภักดีต่อแบรนด์ต่างชาติให้มาเป็นภักดีต่อแบรนด์ในชาติ และเป็นไปได้ไงว่าเค้าหัดชงกาแฟเพียงแค่ไม่นาน แต่สามารถโตแบบก้าวกระโดดพรวดๆแบบนี้ สิ่งที่เป็นเรื่องเกื้อหนุนก็คือค่านิยมครับ คือต้องมีค่านิยมที่ดีว่า การดื่มกาแฟแบรนด์ประเทศตนเองไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด

เลื่อนดูลงมาอีกนิดครับ เราเจอ search engine ระดับโลกอย่าง Google ตอนนี้ไม่มีใครในโลกไม่ใช่ Google แต่ก่อนอาจจะมี Altavista, Yahoo, Bing แต่หลังจากที่โลกหมุนไป ทุกอย่างก็ตัดสินว่า Google คือผู้ไปต่อ คนทั้งโลกใช้ Google กันหมดยกเว้นจีน !! จีนใช้ search engine ชื่อไป่ตู๋ครับ และไม่ใช่ในจีนมี Google เป็นตัวเลือกรอง แต่ในประเทศในจีนไม่มี Google ให้ใช้ครับ เหตุที่ไม่มีเป็นเพราะจีนต้องปกป้องข้อมูลของประเทศ ไม่ยอมปล่อยข้อมูลเชิงการค้าและยุทธศาสตร์ที่เป็น Big Data ทั้งก้อนของประเทศให้ใคร ถึงจะมีข่าวลือว่าจีนอาจจะหวนไปเปิดรับ Google อีกครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการยืนยัน

เห็นจะไรจากการไม่มี Google ในจีน อันนี้ผมยังไม่ได้รวม Facebook ลงไปนะครับ การปิดกั้นไม่ให้นักรบ AI อย่าง Google เข้าไปเจาะเก็บข้อมูล ผมไม่ถือว่าเป็นการตกผลึกของความคิดแบบคอมมิวนิสต์นะครับ แต่เพื่อความมั่นคงของประเทศ และผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ การที่พลเมืองเกินพันสี่ร้อยล้านคนมันต้องมีความเป็นตัวเองสูง และไม่พึ่งพาคนอื่น และในขณะเดียวกันก็ไม่ชักชวนคนอื่นเข้ามากางมุ้งนอนเอาหมอนหนุนหัวถึงในบ้าน

สรุปคือ เราเห็นได้ชัดจากประเทศมหาอำนาจอย่างจีนว่าเค้าเลือกอะไรและไม่เลือกอะไร เค้าพิทักษ์ผลประโยชน์ของพลเมืองในชาติ และปกป้องดุลย์การค้าของประเทศ ในขณะเดียวกันก็หาทางเอาเงินหรือค้าขายทำธุรกิจกับชาติอื่น แต่ก็ต่อรองไม่ให้เสียเปรียบมหาอำนาจชาติฝรั่ง สิ่งที่ผมเห็นคือความเป็นชาตินิยมและมีค่านิยมที่ดีของคนจีน ไม่มีอะไรผิดที่จีนปกป้องและดูแลผลประโยชน์ของประเทศ

เลื่อนมาล่างสุด จะเป็นธงชาติไทย และเครื่องหมายปรัศนี(?) และอัศเจรีย์(!) มีความหมายถึงอะไร แล้วเกี่ยวโยงกันอย่างไร

(รออ่านต่อ)


ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 165

Draco

23/01/2019 23:51:33
424
เห็นด้วยมากๆคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 166

รักยืนยง

24/01/2019 08:06:14
ขอสมัคร   เป็นสมาชิกพรรค


"ไทยมั่นคง"
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 167

เฝ้ามองความเป็นไปของตลาด

24/01/2019 10:04:04
เห็นด้วยอย่างมากครับ ผมว่าเฮียรวบรวม ทำหนังสือขายได้เลยนะครับเรื่องนี้ น่าจะทำให้ชาวไทยเราสะอึก และฉุกคิดอะไรๆได้หลายๆอย่าง เรากำลังเดินไหลเข้าไปในกับดัก ของชาติอื่นๆอย่างสบายใจ โดย ณ.จุดนี้ ดูแล้วยากมากที่จะถอนตัวออก ตอนที่ จีนตัดสินไม่ให้ social สายพันธูชาติอื่น เข้ามาในประเทศตน ในตอนแรกถูกมองว่าตลก ล้าหลัง คอมมิวนิสต์ แต่ภายใต้การตัดสินใจนั้น กลับมีวิสัยทัศน์ที่มองเกมส์ขาดต่างหาก ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ...........
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 168

นายมั่นคง

24/01/2019 20:52:42
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 167 - เฝ้ามองความเป็นไปของตลาด
เห็นด้วยอย่างมากครับ ผมว่าเฮียรวบรวม ทำหนังสือขายได้เลยนะครับเรื่องนี้ น่าจะทำให้ชาวไทยเราสะอึก และฉุกคิดอะไรๆได้หลายๆอย่าง เรากำลังเดินไหลเข้าไปในกับดัก ของชาติอื่นๆอย่างสบายใจ โดย ณ.จุดนี้ ดูแล้วยากมากที่จะถอนตัวออก ตอนที่ จีนตัดสินไม่ให้ social สายพันธูชาติอื่น เข้ามาในประเทศตน ในตอนแรกถูกมองว่าตลก ล้าหลัง คอมมิวนิสต์ แต่ภายใต้การตัดสินใจนั้น กลับมีวิสัยทัศน์ที่มองเกมส์ขาดต่างหาก ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ...........
ขอบคุณที่ตามอ่านนะครับ 555

จริงๆเรื่องที่ผมเขียนไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องแปลกใหม่หรือแง่มุมเร้นลับอะไรเลย เพียงแต่คนไทยส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป และบางทีอาจจะลืมคิดไปว่า ผลที่ตามมาจากการที่เราขาดความเป็นชาตินิยม และค่านิยมที่ดี ผลเสียสุดท้ายคือตกที่เรานั่นเอง และตอนนี้เราเดินทางมาอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนผ่านขนานใหญ่แล้วครับ ยิ่งมีการเปลี่ยนผ่านมาก และคนไทยไม่ได้สนใจภัยเงียบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผมว่าไม่น่าจะถูกต้องนักครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 169

นายมั่นคง

24/01/2019 22:13:20
4,282



เมื่อคืนผมเล่าข่าวที่เชื่อมโยงถึงความเป็นชาตินิยมและค่านิยม หลายๆท่านเริ่มเห็นภาพกันบ้างแล้วนะครับ ในคืนนี้ผมจะหยิบเอาประเด็นเรื่องชาตินิยมมาเล่าเพิ่ม

ประเทศไทยไม่ใช่ไม่เคยมีมาตรการเรื่องชาตินิยมมาก่อนนะครับ แต่เชื่อหรือไม่ว่าประเทศไทยเราเคยผ่านยุคที่คล้ายๆกันกับปัจจุบันมาแล้ว ไทยเราเคยมีการรณณรงค์เรื่องเหล่านี้มาเมื่อ 80 ปีที่แล้ว เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากมีการยึดอำนาจในปี 2475 และในปี 2482 จอมพล ป.พิบูลสงครามได้ออกประกาศและจัดทำคู่มือเกี่ยวกับการรณณรงค์ให้คนไทยควรทำอะไร ซึ่งตอนนี้จะบอกว่าแคมเปญใหญ่ที่ถูกใช้ก็คือคำว่า

"รัฐนิยม"

คำว่ารัฐนิยมเป็นแคมเปญที่ออกโดยรัฐบาลในยุคการปกครองของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม มีการบันทึกไว้มากมาย แม้แต่ในหนังสือหัสนิยายอย่าง พล นิกร กิมหงวน ก็มีการแต่งถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนอยู่ 1 ตอน เนื้อหาตอนนั้นบางอันอาจจะไม่สอดคล้องกับสภาพปัจจุบันนี้ แต่ก็มีบางอันที่ผมคิดว่ามันทันสมัย และเป็นการเล็งเห็นโทษภัยที่จะเกิดขึ้นในยุคก่อน และพอย้อนนำมาเปรียบเทียบกับยุคปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่าบางบริบทนั้นทันสมัยอยู่

ผมขอนำข้อมูลส่วนหนึ่งจากในพันทิปโดยคุณ KeyArNuLive และวิกิพีเดียมาประกอบและเล่าแบบกระชับให้ทุกท่านเข้าใจง่าย และบางอันที่ไม่ได้เป็นสาระหลักที่เชื่อมโยงกับหัวข้อเรื่องตลาดออนไลน์ ผมก็จะเล่าให้สั้นและกระชับนะครับ ส่วนข้อไหนที่ต้องเล่า ผมจะพยายามอธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

รัฐนิยมคืออะไร ? รัฐนิยมคือแนวนโยบายการสร้างชาติ พลเมืองควรให้ความร่วมมือเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในแนวทางเดียวกัน และเพื่อเป็นการสนับสนุนรัฐและการรักประเทศ ซึ่งนโยบายรัฐนิยมประกาศออกใช้ด้วยกัน 12 ฉบับ และมีบทลงโทษสำหรับผู้ที่เพิกเฉย ไม่ให้ความร่วมมือ เรามาอ่านกันครับว่ามีอะไรบ้าง

ฉบับที่ 1. ประเทศไทยใช้คำว่าสยามและไท โดยให้เรียกเป็นหนึ่งเดียวเหมือนกันว่าประเทศไทย แทนสยามประเทศ และก็ใช้คำว่า THAI และ THAILAND ครับ

ฉบับที่ 2. พลเมืองไทยต้องมีหน้าที่ปกป้องชาติและประเทศดังนี้
- โดยต้องไม่ทำกิจการที่ขัดต่อประโยชน์ของรัฐ
- ต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของชาติ มิฉะนั้นถือเป็นการทรยศชาติ
- ต้องไม่เป็นปากเสียงของต่างชาติ ต้องไม่ออกเสียงหรือแสดงตนเข้าข้างต่างชาติห่างอยู่ระหว่างการมีปัญหา มิฉะนั้นถือว่าทรยศชาติ
- ต้องไม่แอบอ้างหรือรับใช้ หรือเสนอตัวซื้อขายที่ดินให้กับต่างชาติ ถือว่าทรยศชาติ
- เมื่อมีคนทรยศ ชาวไทยทุกคนต้องช่วยกันสกัดกั้น

ฉบับที่ 3. ให้เรียกชาวไทยว่าคนไทย โดยมิมีการแบ่งแยกชนชาติ ศาสนา

ฉบับที่ 4. ว่าด้วยการเคารพธงชาติ หน้าที่และวิธีปฏิบัติ

ฉบับที่ 5. ให้คนไทยบริโภคสินค้าในไทยและส่งเสริมงานอาชีพของคนไทย
- คนไทยต้องสนับสนุนอาชีพเกษตร การค้าขาย อุตสาหกรรมและวิชาชีพของคนไทยด้วยกันเอง
- กิจการสาธารณูปโภคของรัฐที่มีอยู่แล้ว คนใช้ต้องช่วยกันใช้และสนับสนุน

ฉบับที่ 6. เป็นเรื่องการร้องเพลงชาติ ปรับปรุงเนื้องร้องและทำนอง

ฉบับที่ 7. คนไทยต้องช่วยกันสร้างชาติและสนับสนุนให้คนไทยมีอาชีพสุจริตและมีหลักแหล่ง

ฉบับที่ 8. ว่าด้วยเนื้อหาของเพลงสรรเสริญพระบารมี

ฉบับที่ 9. เรื่องภาษากลางคือภาษาไทยและหน้าที่พลเมืองดีของคนไทย

ฉบับที่ 10. การแต่งกายของชาวไทย

ฉบับที่ 11. การบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนพักผ่อนวันละ 8 ชั่วโมง

ฉบับที่ 12. ต้องช่วยเหลือเด็ก สตรี คนชรา และคนพิการ


เนื้อหาหลักๆของนโยบายรัฐนิยมก็จะมีหัวข้อตามที่ผมพิมพ์ใหม่ให้อ่าน จะเห็นว่าเนื้อหาสาระบางข้อนั้นปัจจุบันก็มีการปฏิบัติกันอยู่ บางเรื่องที่เราเหมือนจะทราบกันอยู่แล้ว แต่ทราบไม๊ว่าถ้าไม่มีนโยบายรัฐนิยมออกมาเมื่อ 80 ปีก่อน เราอาจจะไม่ได้มีขนบธรรมเนียมปฏิบัติแบบทุกวันนี้ก็ได้

แต่สำหรับผม ผมให้ความสำคัญของเนื้อหาในฉบับที่ 2 และ 5 ครับ จะเห็นได้ว่าในยุคนั้นเหลือเชื่อว่ามีการคิดและคำนึงถึงเรื่องนี้มาก่อนปัจจุบันถึง 80 ปี หากเราลงมาดูในรายละเอียดในหัวข้อย่อยๆจะเห็นได้ชัดว่า ปัจจุบันนี้ผู้บริหารชาติบ้านเมืองดำเนินนโยบายที่ผิด ขาดความรอบคอบ เพียงแค่ต้องการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยขาดการไตร่ตรองผลเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจจะยาวหรือสั้นก็ได้

อย่างเช่นการเปิดเผยข้อมูลของชาติ ถือว่าทรยศชาติ อันนี้เราทราบกันดีอยู่ว่า การที่ปล่อยให้ต่างชาติที่เป็นเจ้าของกิจการเข้ามาดำเนินการประกอบธุรกิจออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีที่สูงกว่าที่ไทยมี และเข้ามาจัดเก็บและนำข้อมูลต่างๆที่เราเรียกว่า Big Data ไปใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมทุกๆอย่างของคนไทย รวมถึงไม่ได้เฉลียวใจถึงเรื่องผลเสียที่เกิดขึ้น ปัจจุบันเรามีบริษัทข้ามชาติเข้ามาฉกข้อมูลต่างๆจากประเทศไทยมากมายนับไม่ถ้วนครับ

ผมขอถามว่าแล้วประเทศไทยเคยมีโอกาสไปเก็บข้อมูลเหล่านี้กับต่างชาติหรือไม่ คำตอบก็คือไม่ เราทราบกันดีว่ามาร์เก็ตเพลสอันหนึ่งเข้ามาประกอบอาชีพด้วยการยอมขาดทุนเป็นเวลานานหลายปี โดยที่ทุกคนก็สงสัยว่าจะทำไปทำไมให้ขาดทุน แต่คนไทยหารู้ไม่ว่าจุดประสงค์หลักคือเปิดมาร์เก็ตเพลสล่าข้อมูลคนไทยเพื่อขายส่งมอบให้รายใหญ่กว่าต่อ

แล้ววันหนึ่งก็ปรากฏว่ามาร์เก็ตเพลสดังกล่าวขายกิจการทั้งหมดให้กับมาร์เก็ตเพลสที่ขนาดใหญ่กว่า เหตุที่ขายได้เพราะว่าได้ทำโครงการนำร่องเก็บข้อมูล big data ที่มีปริมาณมากพอ ส่งมอบจนครบถ้วนแล้วนั่นเอง การซื้อขายจึงเกิดขึ้นตามมา
**ปัจจุบันข้อมูลของประเทศถือเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าและสามารถขายได้มูลค่ามหาศาล**

มาถึงข้อที่ต้องไม่เป็นปากเสียงให้ต่างชาติ หรือแสดงตนเข้าข้างต่างชาติ อันนี้คงไม่ต้องพูดถึง เราทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา เราเป็นยิ่งกว่าปากเสียง เราค้ำประกัน เรายืนยัน เราทำทุกอย่างเพื่อให้คนไทยเข้าใจว่าทิศทางที่ผู้บริหารบ้านเมืองตัดสินใจไปแล้วนั้นถูกต้อง ขอไม่เอ่ยนามเพราะว่าเป็นอะไรที่คนไทยทุกคนเข้าใจได้ดีแล้วนะครับ

ต้องไม่ช่วยเหลือในการขายที่ดิน ในยุคก่อนทำไม่ได้และปัจจุบันก็มีกฏหมายควบคุมอยู่ ข้อนี้คือผลพวงที่คนไทยยังเป็นเจ้าของแผ่นดินจริงๆ แต่ในปัจจุบัน เราเลี่ยงกฏหมายถือครองที่ดิน ด้วยการปล่อยให้ต่างชาติสามารถถือกรรมสิทธิ์อาคารชุด ซึ่งผมไม่ทราบจริงๆว่ากฏหมายประเทศอื่นเค้ามีการบัญญัติสัดส่วนไว้อย่างไร แต่ในไทยเท่าที่ทราบ เมื่อเปิดจองอาคารชุด จะมีนายหน้าคนไทยล็อคจำนวนห้องไว้ 50% ของยูนิตทั้งหมดเพื่อจำหน่ายให้ต่างชาติ

และราคาอาคารชุดที่พุ่งสูงจนคนไทยทั่วไปเอื้อมไม่ถึง สาเหตุก็เพราะการนำเอาราคาบวกค่าการตลาดและบวกค่าโอกาสหรือบวกค่าจองถูกนำเสนอให้กับชาวต่างชาติ เลยทำให้คนไทยต้องรับราคาที่ถูกมาร์คอัพสูงขึ้นไปเกินความเป็นจริงมาก คนไทยที่ทำงานย่านใจกลางเมืองที่มีตำแหน่งงานในระดับผู้จัดการ ปัจจุบันไม่มีปัญหาหาซื้ออาคารชุดใจกลางเมืองได้อีกต่อไปแล้ว

มาถึงข้อ 5 กันครับ คนไทยต้องสนับสนุนกิจการคนไทยด้วยกัน และสนับสนุนกิจการที่เป็นของรัฐ ข้อนี้ผมว่าคนยุค 80 ปีก่อนเค้าเล็งเห็นคุณและโทษมานานมากแล้วครับ แต่กาลปัจจุบัน คนไทยถูกลดโอกาสในการจ้างงาน ไม่ได้รับการสนับสนุนกิจการที่ดำเนินการโดยคนไทยด้วยกัน โดยเฉพาะกิจการของรัฐ ปัจจุบัน เราเริ่มปล่อยให้เจ้าของที่เป็นคนต่างชาติเข้ามาดำเนินธุรกิจที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของคนไทย นั่นก็คือ กิจการค้าออนไลน์ทั้งส่งและปลีก และระบบคมนาคม การขนส่งสินค้า และสัมปทานต่างๆที่รัฐเสียประโยชน์มากกว่าได้ และในไม่นานก็น่าจะลุกลามไปถึงระบบการเงินทั้งหมด

ก็สรุปตรงนี้ว่า คนยุค 80 ปีก่อนนั้น เค้ามีความแหลมคมและเล็งเห็นโทษภัยของเรื่องข้างต้น ผมนึกไม่ออกว่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะเหลือคนไทยที่มีความสามารถในการหาเลี้ยงชีพจริงๆอีกมากน้อยแค่ไหน เราไม่ตระหนักถึงเรื่องความพอเพียง เรามีความละโมภในเหยื่อเคลือบหาพิษที่โยนล่อเข้ามาวันแล้ววันเล่า

ผมเริ่มเข้าใจความหมายของคำว่า "คนทรยศชาติ" ของคนเมื่อ 80 ปีก่อนแล้วครับ.....


credit : https://pantip.com/topic/32377925
ให้กำลังใจ 4
หยิกหู 0
แจกหู 4
ความคิดเห็นที่ : 170

iPrach

25/01/2019 09:10:24
28
กระทู้ยอดเยี่ยมแห่งปี 2019
ความรู้ สาระด้านประวัติศาสตร์การตลาดล้วนๆ
ติดตามอ่านเรื่อยๆ นะครับผม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 171

นายมั่นคง

25/01/2019 23:23:17
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 170 - iPrach
กระทู้ยอดเยี่ยมแห่งปี 2019
ความรู้ สาระด้านประวัติศาสตร์การตลาดล้วนๆ
ติดตามอ่านเรื่อยๆ นะครับผม
555 นี่ถ้าจะให้เฮียพิมพ์ให้อ่านเรื่อยๆ รับรองพิมพ์ 2 ปียังไม่หมดเลยครับ เอาเรื่องที่อยู่รอบตัวมาเขียนก็ยาวแล้วครับปรัช

----------------------------------
จริงๆการศึกษาประวัติศาสตร์ แล้วนำมาเทียบเคียงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน บางทีมันบอกอะไรบางอย่างเราได้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติรัฐประหาร การต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นของนิสิตนักศึกษาเมื่อหลายสิบปีก่อน เหตุการณ์เมื่อ 14 ตุลา หรือพฤษภาทมิฬปี 35

ทุกอย่างของกงล้อประว้ติศาสตร์มันหมุนวนและย่ำอยู่บนรอยเก่ามาตลอด ใครโกงก็ถูกปฏิวัติให้ออกนอกประเทศ ใครปฏิวัติได้มาแล้วอยากจะอยู่นานๆ ก็โดนคนที่ไม่กลัวตายออกมาต้านจนต้องออกไปจนได้อีก ทั้งหมดล้วนเกิดจากความไม่พอครับ ถ้าหากทุกคนรู้จักพอ ผมว่าปัญหามันไม่ได้รุนแรงจนคุยไม่ได้หรือแก้ไม่ได้หรอกครับ

และอีกสิ่งหนึ่งที่ธรรมชาติลงโทษก็คือเรื่องฝุ่นควันในช่วงนี้ เป็นเพราะไม่รู้จักพอนั่นเองครับ ทำคอนโดขายก็วางแผนยาว 10 ปี ซื้อที่ทางริมถนนตุนไว้แล้วก็ลุยก่อสร้างออกมาเรื่อยๆ ขายคนไทยรวยไม่พอก็ต้องหาทางไปขายต่างชาติ ล็อคจำนวนห้อง ล็อคทำเล เร่งผลิต เร่งก่อสร้าง แล้วขาย ทุกอย่างขาดการควบคุมในความพอดี เครนเป็นร้อยๆแท่งปักไปทุกๆทิศ ผมไม่เห็นประเทศไหนเค้ามีไอ้เครนมหึมาเยอะเหมือนประเทศไทยเลยจริงๆ

รถยนต์ก็ปล่อยออกมาจนเต็มเมือง ขายรถก็เร่งยอดกันทุกๆเจ้า ทั้งผ่อนยาวผ่อนสั้น ขายไม่ดีหาพริตตี้นุ่งสั้นที่สุดออกมาช่วยขาย เร่งขายทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเอาถนนที่ไหนวิ่ง ตอนนี้ผมว่าทุกคนที่ใช้พาหนะเดินทางในช่วงเร่งด่วน(จริงๆมันติดทั้งวัน) คงรู้สึกว่าคุณภาพชีวิตมันถึงขั้นแย่มากไปหมดแล้วนะครับ เด็กนอนในรถ พ่อแม่ตระเวนพาลูกเรียนพิเศษ 9 วัดจนดึกจนดื่น

แก่งแย่งและแข่งขัน นั่นเป็นเพราะความไม่พอนั่นเอง

เป็นไปได้ไงว่าเมืองใหญ่ขนาดนี้แต่ไม่มีมาตรการที่ดีและการวางแผนล่วงหน้าในระยะยาว แต่ก็เข้าใจได้ครับว่ารัฐบาลไหนออกกฏหมายเข้มงวดมาก งวดหน้าก็อดแดกไม่ได้เป็นรัฐบาลอีก ก็เลยกล้ว ไม่ทำอะไรไม่จัดการอะไร นั่นเป็นเพราะไม่พอนั่นเอง คือได้เป็นแล้วก็อยากเป็นอีก อะไรที่ควรห้ามก็ไม่อยากห้าม ไปจัดการเรื่องขี้เล็บขี้ผงกันเป็นส่วนใหญ่

ตอนนี้ผมว่าธรรมชาติมันลงโทษพวกเราอยู่นะครับ.............


พรุ่งนี้มาเขียนต่อเกี่ยวกับเรื่องออนไลน์ ว่าตอนนี้ใครโชคดีที่สุดในวงจรนี้.....
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 172

Draco

25/01/2019 23:53:44
424
คนที่ได้ BOI ป่าวคับเฮีย  555  รออ่านคับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 173

นายมั่นคง

25/01/2019 23:55:55
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 172 - Draco
คนที่ได้ BOI ป่าวคับเฮีย  555  รออ่านคับ
555 สารภาพเลยว่าไม่รู้จริงๆครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 174

Draco

26/01/2019 00:21:08
424
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 173 - นายมั่นคง
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 172 - Draco
คนที่ได้ BOI ป่าวคับเฮีย  555  รออ่านคับ
555 สารภาพเลยว่าไม่รู้จริงๆครับ
ขาใหญ่ที่ได้ปลอดภาษี ก็ด้วยสิทธิ์ BOI คับเฮีย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 175

นายมั่นคง

26/01/2019 00:36:28
4,282



ไหนๆก็ไหนๆ กลัวแฟนคลับนอนไม่หลับ ขอขยับเล่าแง่มุมของวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจของบริษัทหนึ่งที่ผมเคยเห็นและใช้บริการมานะครับ 555

ผมเคยเริ่มทำอาชีพพิมพ์สกรีนเมื่อ 26-27 ปีก่อน ตอนนั้นจำได้เลยว่าตัวเองยังหนุ่มๆ และพอจะมีหัวทางศิลปะเล็กๆน้อย และที่บ้านผมก็ไม่ได้มีอาชีพอะไรรองรับ ผมเองก็เลยลองดิ้นรนขวนขวายหาอะไรที่ตัวเองพอจะเข้าใจ และมีสกิลในเชิงนี้ ปรากฏว่าตอนแรกคิดไม่ออกครับ จนไปเจอน้องคนหนึ่ง(ตอนนี้ตายไปแล้ว) แนะนำผมว่า เฮียลองทำซิลค์สกรีนดูซิ ลงทุนไม่มากด้วยนะ

จำได้ว่าผมเพิ่งได้ยินคำว่าพิมพ์ซิลค์สกรีนครั้งแรกในวันนั้น แล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำเลยในวันนั้นเช่นกัน คนหนุ่มครับ ไม่มีอะไรต้องกลัว เรามีเวลาอีกมากมายที่จะหกล้ม แต่ถ้าเราไม่ยอมเดินไปไหนเลยซักก้าว เราจะไม่หกล้ม แต่เราก็จะไม่ไปไหนเลย ได้แต่ซอยย่ำเท้าอยู่กับที่นั่นเอง "คนหนุ่มเอย เจ้าจงก้าวเดินออกไปแสวงหา อย่าปล่อยให้ชีวิตเจ้าถูกกักขังกับกรงขังความคิดที่ขลาดเขลาอีกเลย"

แปลสำบัดสำนวนที่ผมพยายามคิดก็ประมาณว่า ไอ้พวกคนหนุ่มๆ มึงอยากทำอะไร มึงก็ลุยไปเลย อย่ามัวกล้าๆกลัวๆ คิดนู่นคิดนี่ กลัวนู่นกลัวนี่ ไม่ได้ทำกันพอดี 555

ผมจำได้ว่าวันที่ผมจะลองทำซิลค์สกรีน ผมเปิดหาสมุดโทรศัพท์ Yellow Pages (ยุคนั้นหรูสุดแล้ว) แล้วหาที่อยู่กลุ่มผู้จำหน่ายสินค้าสำหรับร้านพิมพ์ซิลค์สกรีน บริษัทอยู่ใกล้ๆแยกบรรทัดทอง ข้างๆปั๊มน้ำมันเชลล์ (ทุกคนน่าจะรู้จักดี) ผมรีบนั่งรถเมล์ไปทันที กำเงินไปประมาณ 3-4000 บาท ตั้งใจว่าจะลงทุนซื้ออุปกรณ์มาทดลองทำดูเล่นๆก่อน ผมก็เดินเข้าไปที่ร้าน สิ่งที่สะดุดตามากๆๆก็คือ

เหนือโต๊ะของพนักงานขาย มีป้ายขนาดใหญ่เกินกว่า 3.5 เมตร พิมพ์ตัวอักษรตัวโตๆว่า

"เราไม่รับงานแข่งกับลูกค้า"

ผมอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าวลีนี้ความหมายมันลึกซึ้งขนาดไหน ได้แต่ขยับถามพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ว่าป้ายนี้ติดไว้ทำไม พนักงานขายบอกผมว่า "ที่บริษัทเราจำหน่ายแต่อุปกรณ์พวกหมึกพิมพ์ บล็อคสกรีน และแท่นพิมพ์อัตโนมัติทุกชนิด และเราไม่รับงานแข่งขันกับลูกค้า เพราะจะทำให้ลูกค้าระแวงและไม่ซื้อสินค้ากับเรา เลยติดประกาศให้ชัดเจนเพื่อความสบายใจของลูกค้าค่ะ"

ตอนนั้นผมเพิ่งหัดซื้ออุปกรณ์มาพิมพ์ ซื้อหมึกพิมพ์ ซื้อยางปาด ซื้อบล็อคสกรีน ซื้อกาวอัดกลับมาที่บ้าน แล้วก็ค่อยๆลงมือทำเอง หัดรับงาน และค่อยๆรับงานเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ และก็ซื้อสินค้าที่เป็นอุปกรณ์หมึกพิมพ์และอื่นๆจากร้านนี้มาเป็นประจำ พอทำงานด้านนี้นานขึ้น มากขึ้น ก็เข้าใจกลไกต่างๆของระบบงานพิมพ์สกรีนครับ

งานพิมพ์จำเป็นต้องมีต้นทุน คือพวกหมึกพิมพ์ เครื่องพิมพ์ และอื่นๆ และเราก็ต้องมีต้นทุนเป็นแรงงานของคนงาน เราต้องมีค่าเช่า ไหนจะต้องมีสวัสดิการในการดูแลพนักงาน จัดหาที่อยู่หลับนอน และเรายังต้องออกวิ่งไปรับงานกับลูกค้าด้วยตัวเอง ในธุรกิจการพิมพ์ ความต่างกันของสินค้าในระดับเศษสตางค์ มีผลทำให้รับงานได้หรือไม่ได้ทันที งานพิมพ์แข่งขันกันทั้งเวลา ทั้งต้นทุน ทั้งทักษะ คนทำงานพิมพ์สกรีนแบบรับค่าแรงพิมพ์ มักจะเป็นแบบหาเช้ากินค่ำ หาคนที่ร่ำรวยในธุรกิจนี้ยาก

พอผมรับงานได้ ผมก็ต้องวิ่งไปซื้อสีจากบริษัทดังกล่าว หลังจากเวลาผ่านไปเป็นปีๆ หลังจากผมเรียนรู้รสชาติความเจ็บปวดของการทำงานและแข่งขัน ผมก็กลับไปที่เดิม ตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงินจุดเดิม และผมก็เห็นป้ายเดิม "เราไม่รับงานแข่งกับลูกค้า" ผมอมยิ้ม ผมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น วุฒิภาวะและภาระที่เราต้องรับผิดชอบ และอุปสรรคที่เราต้องเจอ มันทำให้เราฉลาดขึ้น เรียนรู้มากขึ้น

การที่บริษัทขายสีไม่รับงานแข่งกับลูกค้าคืออะไร ถ้าบริษัทที่ผมซื้อสีมาด้วยราคาปกติ และถ้าหากเค้ากระโดดทำให้ครบวงจรด้วยการหาเซลล์ออกไปวิ่งรับงานในทุกหัวระแหงที่ลูกค้าซื้อสีวิ่งรับงานอยู่ล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ?? แน่นอนว่าการที่ผู้ขายวัตถุดิบกระโดดลงมารับงานเองโดยตรง มันเป็นการแข่งขันกับลูกค้าตัวเอง และเมื่อทำเช่นนั้น ลูกค้าก็ยากที่จะทำใจในการจะซื้อสินค้าที่เป็นอุปกรณ์กลับมาทำที่บ้าน เพราะทำอย่างไรก็ไม่มีทางจะแข่งขันได้ เพราะวัตถุดิบต่างๆก็ซื้อมาจากบริษัทท่านนั่นเอง

และถ้า "เราไม่รับงานแข่งกับลูกค้า" ล่ะ ลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ก็ยังคงซื้ออุปกรณ์ต่อไปกับบริษัทนี้อยู่นั่นเอง เพราะมีความมั่นใจและไม่กังวลถึงความไม่แน่นอนในอาชีพภายภาคหน้า อย่างน้อยก็มีความรักและผูกพันกันอุดหนุนกันไปจนกว่าจะเลิกไปข้าง ทุกวันนี้ผมเลิกประกอบอาชีพพิมพ์สกรีนนานแล้วเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ใช้พื้นที่มาก พึ่งพาแรงงานไทยที่หาลำบากขึ้นทุกวัน (ต่อมาถึงมาจำหน่ายขายหูฟัง) หลายคนสงสัยว่าเรื่องที่ผมเล่านี้จริงหรือ ให้ลองสังเกตุที่อีเมล์ผมครับ ทุกวันนี้ผมยังคงใช้คำว่า mass_screen อยู่เลย

ผมตั้งใจพิมพ์เผื่อว่าศูนย์ไทยหรือผู้นำเข้าสินค้าประเภทต่างๆเข้ามาอ่าน อาจจะได้แง่มุมเล็กๆน้อยๆในการพิจารณาแนวทางและการกำหนดนโยบายทิศทางของบริษัทท่านใหม่ในภายภาคหน้าว่า..


ผมก็ต้องกินข้าวและหาเลี้ยงลูกเมียเช่นกันครับ....
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 3
ความคิดเห็นที่ : 176

เฝ้ามองความเป็นไปของตลาด

26/01/2019 10:02:50
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 175 - นายมั่นคง



ไหนๆก็ไหนๆ กลัวแฟนคลับนอนไม่หลับ ขอขยับเล่าแง่มุมของวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจของบริษัทหนึ่งที่ผมเคยเห็นและใช้บริการมานะครับ 555

ผมเคยเริ่มทำอาชีพพิมพ์สกรีนเมื่อ 26-27 ปีก่อน ตอนนั้นจำได้เลยว่าตัวเองยังหนุ่มๆ และพอจะมีหัวทางศิลปะเล็กๆน้อย และที่บ้านผมก็ไม่ได้มีอาชีพอะไรรองรับ ผมเองก็เลยลองดิ้นรนขวนขวายหาอะไรที่ตัวเองพอจะเข้าใจ และมีสกิลในเชิงนี้ ปรากฏว่าตอนแรกคิดไม่ออกครับ จนไปเจอน้องคนหนึ่ง(ตอนนี้ตายไปแล้ว) แนะนำผมว่า เฮียลองทำซิลค์สกรีนดูซิ ลงทุนไม่มากด้วยนะ

จำได้ว่าผมเพิ่งได้ยินคำว่าพิมพ์ซิลค์สกรีนครั้งแรกในวันนั้น แล้วก็ตัดสินใจว่าจะทำเลยในวันนั้นเช่นกัน คนหนุ่มครับ ไม่มีอะไรต้องกลัว เรามีเวลาอีกมากมายที่จะหกล้ม แต่ถ้าเราไม่ยอมเดินไปไหนเลยซักก้าว เราจะไม่หกล้ม แต่เราก็จะไม่ไปไหนเลย ได้แต่ซอยย่ำเท้าอยู่กับที่นั่นเอง "คนหนุ่มเอย เจ้าจงก้าวเดินออกไปแสวงหา อย่าปล่อยให้ชีวิตเจ้าถูกกักขังกับกรงขังความคิดที่ขลาดเขลาอีกเลย"

แปลสำบัดสำนวนที่ผมพยายามคิดก็ประมาณว่า ไอ้พวกคนหนุ่มๆ มึงอยากทำอะไร มึงก็ลุยไปเลย อย่ามัวกล้าๆกลัวๆ คิดนู่นคิดนี่ กลัวนู่นกลัวนี่ ไม่ได้ทำกันพอดี 555

ผมจำได้ว่าวันที่ผมจะลองทำซิลค์สกรีน ผมเปิดหาสมุดโทรศัพท์ Yellow Pages (ยุคนั้นหรูสุดแล้ว) แล้วหาที่อยู่กลุ่มผู้จำหน่ายสินค้าสำหรับร้านพิมพ์ซิลค์สกรีน บริษัทอยู่ใกล้ๆแยกบรรทัดทอง ข้างๆปั๊มน้ำมันเชลล์ (ทุกคนน่าจะรู้จักดี) ผมรีบนั่งรถเมล์ไปทันที กำเงินไปประมาณ 3-4000 บาท ตั้งใจว่าจะลงทุนซื้ออุปกรณ์มาทดลองทำดูเล่นๆก่อน ผมก็เดินเข้าไปที่ร้าน สิ่งที่สะดุดตามากๆๆก็คือ

เหนือโต๊ะของพนักงานขาย มีป้ายขนาดใหญ่เกินกว่า 3.5 เมตร พิมพ์ตัวอักษรตัวโตๆว่า

"เราไม่รับงานแข่งกับลูกค้า"

ผมอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าวลีนี้ความหมายมันลึกซึ้งขนาดไหน ได้แต่ขยับถามพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ว่าป้ายนี้ติดไว้ทำไม พนักงานขายบอกผมว่า "ที่บริษัทเราจำหน่ายแต่อุปกรณ์พวกหมึกพิมพ์ บล็อคสกรีน และแท่นพิมพ์อัตโนมัติทุกชนิด และเราไม่รับงานแข่งขันกับลูกค้า เพราะจะทำให้ลูกค้าระแวงและไม่ซื้อสินค้ากับเรา เลยติดประกาศให้ชัดเจนเพื่อความสบายใจของลูกค้าค่ะ"

ตอนนั้นผมเพิ่งหัดซื้ออุปกรณ์มาพิมพ์ ซื้อหมึกพิมพ์ ซื้อยางปาด ซื้อบล็อคสกรีน ซื้อกาวอัดกลับมาที่บ้าน แล้วก็ค่อยๆลงมือทำเอง หัดรับงาน และค่อยๆรับงานเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ และก็ซื้อสินค้าที่เป็นอุปกรณ์หมึกพิมพ์และอื่นๆจากร้านนี้มาเป็นประจำ พอทำงานด้านนี้นานขึ้น มากขึ้น ก็เข้าใจกลไกต่างๆของระบบงานพิมพ์สกรีนครับ

งานพิมพ์จำเป็นต้องมีต้นทุน คือพวกหมึกพิมพ์ เครื่องพิมพ์ และอื่นๆ และเราก็ต้องมีต้นทุนเป็นแรงงานของคนงาน เราต้องมีค่าเช่า ไหนจะต้องมีสวัสดิการในการดูแลพนักงาน จัดหาที่อยู่หลับนอน และเรายังต้องออกวิ่งไปรับงานกับลูกค้าด้วยตัวเอง ในธุรกิจการพิมพ์ ความต่างกันของสินค้าในระดับเศษสตางค์ มีผลทำให้รับงานได้หรือไม่ได้ทันที งานพิมพ์แข่งขันกันทั้งเวลา ทั้งต้นทุน ทั้งทักษะ คนทำงานพิมพ์สกรีนแบบรับค่าแรงพิมพ์ มักจะเป็นแบบหาเช้ากินค่ำ หาคนที่ร่ำรวยในธุรกิจนี้ยาก

พอผมรับงานได้ ผมก็ต้องวิ่งไปซื้อสีจากบริษัทดังกล่าว หลังจากเวลาผ่านไปเป็นปีๆ หลังจากผมเรียนรู้รสชาติความเจ็บปวดของการทำงานและแข่งขัน ผมก็กลับไปที่เดิม ตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงินจุดเดิม และผมก็เห็นป้ายเดิม "เราไม่รับงานแข่งกับลูกค้า" ผมอมยิ้ม ผมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น วุฒิภาวะและภาระที่เราต้องรับผิดชอบ และอุปสรรคที่เราต้องเจอ มันทำให้เราฉลาดขึ้น เรียนรู้มากขึ้น

การที่บริษัทขายสีไม่รับงานแข่งกับลูกค้าคืออะไร ถ้าบริษัทที่ผมซื้อสีมาด้วยราคาปกติ และถ้าหากเค้ากระโดดทำให้ครบวงจรด้วยการหาเซลล์ออกไปวิ่งรับงานในทุกหัวระแหงที่ลูกค้าซื้อสีวิ่งรับงานอยู่ล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น ?? แน่นอนว่าการที่ผู้ขายวัตถุดิบกระโดดลงมารับงานเองโดยตรง มันเป็นการแข่งขันกับลูกค้าตัวเอง และเมื่อทำเช่นนั้น ลูกค้าก็ยากที่จะทำใจในการจะซื้อสินค้าที่เป็นอุปกรณ์กลับมาทำที่บ้าน เพราะทำอย่างไรก็ไม่มีทางจะแข่งขันได้ เพราะวัตถุดิบต่างๆก็ซื้อมาจากบริษัทท่านนั่นเอง

และถ้า "เราไม่รับงานแข่งกับลูกค้า" ล่ะ ลูกค้าที่ซื้ออุปกรณ์ก็ยังคงซื้ออุปกรณ์ต่อไปกับบริษัทนี้อยู่นั่นเอง เพราะมีความมั่นใจและไม่กังวลถึงความไม่แน่นอนในอาชีพภายภาคหน้า อย่างน้อยก็มีความรักและผูกพันกันอุดหนุนกันไปจนกว่าจะเลิกไปข้าง ทุกวันนี้ผมเลิกประกอบอาชีพพิมพ์สกรีนนานแล้วเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ใช้พื้นที่มาก พึ่งพาแรงงานไทยที่หาลำบากขึ้นทุกวัน (ต่อมาถึงมาจำหน่ายขายหูฟัง) หลายคนสงสัยว่าเรื่องที่ผมเล่านี้จริงหรือ ให้ลองสังเกตุที่อีเมล์ผมครับ ทุกวันนี้ผมยังคงใช้คำว่า mass_screen อยู่เลย

ผมตั้งใจพิมพ์เผื่อว่าศูนย์ไทยหรือผู้นำเข้าสินค้าประเภทต่างๆเข้ามาอ่าน อาจจะได้แง่มุมเล็กๆน้อยๆในการพิจารณาแนวทางและการกำหนดนโยบายทิศทางของบริษัทท่านใหม่ในภายภาคหน้าว่า..


ผมก็ต้องกินข้าวและหาเลี้ยงลูกเมียเช่นกันครับ....

ชอบมากๆครับเฮีย ประโยคนี้ ตอนนี้ธุรกิจที่ผมทำก็เจอลักษณะนี้เลย ผมต้องซื้อวัตถุดิบปูน จากผู้ที่ได้รับสัมปทานปูนเพียงไม่กี่รายในประเทศ ซึ่งวันนึงเขากลับทำสินค้าตัวเดียวกันมาขาย วางสินค้า ตัดราคากันแบบน่าเกลียด แถมขึ้นราคาวัตถุดิบผมอีก เอาเป็นว่า แค่ราคาวัตถุดิบที่ส่งให้ผม ก็แทบจะสูงกว่า ราคาที่เขาขายสินค้าสำเร็จให้ผู้บริโภคแล้ว ตอนนี้ที่ยังขายได้แม้จะแพงกว่า ก็เป็นเพราะ know how เฉพาะด้าน ที่เขายังตามไม่ทันเท่านั้น แต่กระนั้นยอดขายก็หายไปมากมาย ด้วยราคาที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว และวันนึง คุณภาพเขาคงพัฒนาได้เทียบเคียงกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 177

ohwownoone

26/01/2019 10:05:01
370
ถ้าผู้ผลิต หรือ ผู้นำเข้ามาขายปลีกเอง ก็เหนื่อยละครับ แม้ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ก็เถอะ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 178

PUPU

26/01/2019 13:06:52
44
ผมตอบสั้นๆในฝ่ายที่อยู่ด้านการผลิตแล้วกันนะครับ
ทุกวันนี้การแข่งขันในส่วนผู้ผลิตสูงมาก ดูผู้ผลิตหน้าใหม่ที่เกิดขึ้นจากจีนใน่งสามสี่ปีนี้ดูสิครับ
ผู้ผลิตหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำตลาดก็ล้วนแต่ต้องแสวงหาช่องทางจำหน่ายสินค้าของตนเพื่อที่จะมียอดขายให้โรงงานอยู่รอดได้
คนไทยคงรู้จัก massdrop ส่วนที่จีนเขาใช้ pinduoduo กัน ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะโรงงาน ผู้นำเข้า ผู้ค้าปลีก
ต่างดิ้นรนแข่งขันและลดต้นทุนในทุกมิติ เพื่อที่จะนำเสนอการทำตลาดิธีง่ายๆด้วยการทำราคาขายให้ต่ำสุดในสายตาผู้บริโภค เมื่อคู่แข่งของตนเริ่มขยับ เราก็ต้องขยับตามแม้ว่าเราจะไม่ชอบกับวิถีทางนี้ก็ตาม แต่การแข่งขันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เทรนด์การทำตลาดแบบนี้มันกระทบทุกฝ่ายไล่ต้องแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้ค้าปลีกแหละครับ แต่ผลกระทบมีมากน้อยต่างกันไป
กว่าจะมาเป็นผู้ผลิตก็ไม่ง่าย การจะเป็นผู้นำเข้าแะกระจายสินค้าหรือกว่าจะมีสาขาหน้าร้านทำตลาดกระจายสินค้าแก่ผู้บริโภคก็ไม่ง่าย
และทุกฝ่ายก็มีภาระหน้าที่ในการดูแลองค์กรและลูกน้องเช่นกัน
ไม่ว่าสุดท้ายการแข่งขันนี้จะจบที่ตรงใหน หูฟังก็เป็นสินค้าที่ไม่ใช่สินค้าจำเป็นคือบริโภคกันด้วยความชอบและรสนิยมส่วนตัว หูฟังมีตั้งแต่ตัวละร้อยจนตัวละแสน กลุ่มผู้บริโภคมันกว้างมากๆ สุดท้ายก็คงต้องยกให้ผู้บริโคเป็นผู้ตัดสินว่าใครที่นำเสนอสินค้าได้เหมาะกับเขามากที่สุด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 179

Tourweb

26/01/2019 16:51:49
ขอกลับมาแจมอีกที   ผมเป็นพนักงานประจำอาจจะไม่มีประสบการณ์ตรงมาแชร์
ขอเอาข้อสังเกตที่ผมเห็นจากการเป็นผู้บริโภคล่ะกันครับ

นอกจากโมเดลการตลาดของที่นอน Original Patex กับ Omazz ที่เคยพูดถึงไปแล้วว่า
Original เค้าเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่มจริงๆ ถึงทำตลาดออนไลน์ขายตรงกับลูกค้า  โดยไม่ใช้ dealer เพื่อลดต้นทุน
เทียบกัน Omazz ที่ขายผ่าน dealer  หาซื้อได้ทุกห้าง   ผมว่า Omazz ดูจะยอดขายดีกว่าเยอะ
ตัวโรงงาน Patex เองก็ออกแบรนด์อื่น อย่าง Ventry ขายผ่าน dealer เหมือนกันน่ะ 
จริงๆ ก็ดูจะทำตลาดหลายๆ ทางอยู่  แต่ก็เป็นแบบเครือญาติแบ่งๆ กันทำ  นัยว่าไม่แย่งตลาดกันด้วย

อีกอันที่อยากแชร์คือนาฬิกาครับ  หลายปีมาแล้วผมประทับใจนาฬิกา Nomos แบบเห็นปุ๊บชอบเลย
แต่เห็นว่าแพงไปหน่อย    ไปค้นเจอว่าดีไซน์แบบ Nomos เรียกว่า Bauhaus design 
ก็เลยไปสั่งซื้อนาฬิการูปแบบนี้มาทั้งยี่ห้อ junghans รุ่น max bill  และ Stowa รุ่น Antea 
ที่อยากจะพูดถึงคือ Nomos เทียบกับ Stowa นี้แหละ
ในมุมมองผมคุณภาพ Stowa ต่างจาก Nomos ไม่มาก 
Nomos เค้าผลิตเครื่องเองก็มี value added อีกหน่อย 
ขณะที่Stowa นี้เจ้าของเป็นช่างฬิกามือดีช่ื่อ Jörg Schauer เคยทำนาฬิกา hi-end มากก่อน
เรื่องคุณภาพงานนี้หายห่วง     แต่สองแบรนด์นี้ทำการตลาดต่างกัน
Nomos ขายผ่าน distributor   ขณะที่ Stowa ขายตรงผ่านออนไลน์เท่านั้น   Stowa ขายถูกว่า 3 เท่าโดยประมาณ
ในช่วง 5-6 ปีที่ผมรู้จักแบรนด์มา  ผมพบว่า Nomos เติบโตขึ้นมาก  ขณะที่ Stowa ดูนิ่งๆ   
คนไทยไม่รู้จัก Stowa เท่าไหร่  ถึงรู้จักก็ไม่ค่อยจะซื้อ   อาจเพราะราคามือสองต่ำมาก   
เดาว่าเกิดจากคนทั่วไปไม่รู้จักอีกนั่นแหละ 

สรุปจากที่มุมมองเล็กๆ ที่คงไม่ครบถ้วนของผมว่า  ระบบในปัจจุบันเอื้อให้ผู้ผลิตขายตรงถึงลูกค้าได้
แต่จะเลือกแบบไหนต้องดูให้ดี  โดยกำหนดเป้าหมายก่อนว่าธุรกิจอยากโตแบบไหน   กลุ่มลูกค้าคือใคร
ผมว่า dealer มีความคุ้นเคยกับพื้นที่มากกว่า ยังคงมีประโยชน์กับ supply chain ถ้าอยากจะโตแบบยอดขายเยอะๆ
แต่ถ้าเน้นลูกค้ากลุ่มเล็กๆ อยากจะกดต้นทุนให้ต่ำที่สุด  สินค้าเป็นแบบที่ลูกค้ารู้จักอยู่แล้ว  ไม่ต้องมาทดลองใช้ 
ก็อาจไปทางขายออนไลน์ตรงถึงลูกค้า  ทำการตลาดผ่าน reviewer/influencer หรือรอคนบอกต่อกัน ก็น่าจะได้  

แต่ผมว่าหูฟังมันต้องลองน่ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 180

เหน่งบา

26/01/2019 18:50:15
1,866
ปัญหาคือ มัน(หูฟังยี่ห้อไหนก็ไม่รู้ละ)ไม่ใช่การเลือกกระจายสินค้าวิธีไหนแต่ต้น
แต่เ่ล่นให้dealer ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตทำตลาดให้จนติด จนลูกค้ารู้จัก แล้วมาขายตรงตัดราคานี่สิครับ
คือถ้าแต่แรก ขายตรงออนไลน์ในเน็ทเองเลย คงไม่มีใครเดือดร้อน ถ้าสร้างตลาด สร้างตัวตนของสินค้าขึ้นมาเองทั้งหมด..
แต่นี่ ตอนนี้คือ ถีบหัวเรือชัดๆ T^T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 181

นายมั่นคง

26/01/2019 22:09:03
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 178 - PUPU

ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะโรงงาน ผู้นำเข้า ผู้ค้าปลีก
ต่างดิ้นรนแข่งขันและลดต้นทุนในทุกมิติ เพื่อที่จะนำเสนอการทำตลาดิธีง่ายๆด้วยการทำราคาขายให้ต่ำสุดในสายตาผู้บริโภค เมื่อคู่แข่งของตนเริ่มขยับ เราก็ต้องขยับตามแม้ว่าเราจะไม่ชอบกับวิถีทางนี้ก็ตาม แต่การแข่งขันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เทรนด์การทำตลาดแบบนี้มันกระทบทุกฝ่ายไล่ต้องแต่ผู้ผลิตไปจนถึงผู้ค้าปลีกแหละครับ แต่ผลกระทบมีมากน้อยต่างกันไป
555 ขอบคุณมากๆๆครับคุณ PUPU ที่ร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับภาวะการณ์ในปัจจุบันนะครับ ทุกๆคนจะได้เห็นให้ครบในทุกๆแง่มุมของวรจรนี้ครับ และผมยินดีจริงๆที่กระทู้นี้มีผู้สนใจอ่านและร่วมโพส^^

ตอนนี้ในฟากของผู้ผลิตหรือแบรนด์ ตอนนี้แต่ละแบรนด์ก็ต้องแข่งขันกันสุดฤทธิ์ มันยากตั้งแต่ต้องมีทุนในการวิจัยวิเคราะห์สินค้า ผลิตแล้วจะสู้ค่ายคู่แข่งได้หรือเปล่า และผลิตแล้วจะดำเนินนโยบายอะไร จะขายตรง หรือจะขายส่ง อีกทั้งยังต้องคำนวนว่าราคาสุทธิเมื่อถึงมือ end user จริงๆ จะสู้แบรนด์อื่นได้หรือเปล่า ยอดขายรวมจะแพ้ใครบ้าง
ไหนยังมีเรื่องมาร์เก็ตติ้งให้คนอยากซื้ออีก ผู้ผลิตทำเรื่องยากตั้งแต่ต้นยันกระบวนการสุดท้ายครับ ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าผู้ผลิตมีแนวทางวางไว้ชัดเจนว่าจะดำเนินนโยบายอย่างไร ไม่งั้นตัวเองคงไปต่อไม่ได้

ปัญหาในไทยน่าจะอยู่ตรงนี้ครับ สมมุตว่าตอนนี้ผู้ผลิตหรือแบรนด์ ยังคงเลือกวิธีที่ต้องมี Distributor ทั่วโลกมาคอยช่วยกระจายสินค้านะครับ แล้วจาก distributor ค่อยไปที่ dealer และ customer ผมเขียนโยงคร่าวๆจะเป็นแบบนี้ Brand > Distributor > Dealer > Customer

ผมว่าในไทยเราตอนนี้มีปัญหาตรงท่อนท้ายครับ คือจาก Distributor ไป Dealer ตรงนี้ที่เป็นจุดอ่อนไหวมาก แต่จาก Dealer ไป Customer ไม่มีอะไรยาก คือขอให้ขายถูกๆไว้ก่อน

ผมว่า Distributor ในไทยไม่ว่าจะเป็นสินค้าอะไร ไม่สามารถ(จริงๆต้องเรียกว่าไม่ยอมมากกว่า 55) คือไม่ได้กำหนดกติกาว่าจะเอาอย่างไรกับ Dealer ทุกๆรายที่ต้องรับสินค้าไปจำหน่ายต่อครับ

ชั่วโมงนี้การที่ distributor จำหน่ายสินค้าโดยตรงเอง และในขณะเดียวกันก็อยากมี dealer ช่วยขายด้วย สิ่งที่ผมหารือมาตลอดคือกติกาที่ชัดเจนน่ะครับ ปัญหาทุกวันนี้คือขาดความชัดเจน และไม่มีใครยอมสร้างความชัดเจน ผมเห็นว่าควรมีนโยบายและกติกาที่ชัดเจนจากศูนย์ครับ เพราะมันเป็นส่วนที่ดีลเลอร์ต้องใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง การจะสต๊อคสินค้ามากหรือน้อย การจะลงทุนจ่ายค่ามาร์เก็ตติ้งของดีลเลอร์ ผมว่าควรได้รับความชัดเจนจากศูนย์ก่อนครับ ตอนนี้ทุกๆวงการในไทยน่าจะเจอปัญหาคล้ายกัน

อีกประการในมาร์เก็ตเพลสก็มีศูนย์เป็นผู้ขายหลัก และก็มีดีลเลอร์เป็นผู้ขายอีกหลายสิบรายขายด้วย และดีลเลอร์ก็ถูกจับให้กัดกันเหมือนจิ้งหรีดกัดกันในเวทีมาร์เก็ตเพลส ผมว่าตรงนี้แหละครับที่เปราะบางต่อความรู้สึก สัปดาห์นี้ผมมีนัดประชุมกับผู้บริหารแบรนด์หนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ทุกๆคนตอนนี้ยอมรับว่ายังหาทางออกไม่ได้ และผมก็ขอเป็นผู้ให้ข้อมูลด้วยตัวเองและขอซักถามความชัดเจนด้วยตนเองด้วยครับ 555

ทุกคนต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนนะครับ ว่าผมไม่ได้เหมารวมศูนย์หรือผู้นำเข้าทั้งหมดนะครับ ผู้นำเข้าหรือศูนย์ที่ดีและตระหนักถึงเรื่องนี้ก็กำลังหาข้อยุติเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครับ หลายๆศูนย์ที่ดีทราบปัญหาจากผมแล้ว และให้ความช่วยเหลืออย่างดี ซึ่งผมต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้เช่นกันครับ



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 182

นายมั่นคง

26/01/2019 22:19:55
4,282
ยกตัวอย่างกติกาเรื่องหนึ่งที่ควรต้องประกาศให้ชัดเจนคือ

- ดีลเลอร์ที่ลงทุนเปิดหน้าร้านและจัดให้มีการเดโมสินค้ากับลูกค้า กับลูกค้าที่ขายทางช่องออนไลน์อย่างเดียว จำเป็นจะต้องใช้ Price List ที่มีราคาเดียวกันหรือไม่ ถ้าต้องเป็นเพราะเหตุใด

- และศูนย์มีความเห็นอย่างไรหากลูกค้าไปทดลองสินค้าจากร้านที่มีหน้าร้าน แล้วกลับไปซื้อร้านออนไลน์ที่ไม่มีหน้าร้าน หรือลองที่ร้านดีลเลอร์แล้วกลับไปซื้อที่ศูนย์

คำถามพื้นฐานง่ายๆเหล่านี้ทุกวันนี้ยังไม่มีศูนย์ไหนกล้าตอบให้มันชัดเจนลงไป มีแต่เพียงแบ่งรับแบ่งสู้เองครับ 555 นี่ก็ถามมาหลายปีแล้วเหมือนกัน 555


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 183

นายมั่นคง

26/01/2019 22:35:11
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 179 - Tourweb

แต่สองแบรนด์นี้ทำการตลาดต่างกัน
Nomos ขายผ่าน distributor   ขณะที่ Stowa ขายตรงผ่านออนไลน์เท่านั้น   Stowa ขายถูกว่า 3 เท่าโดยประมาณ
ในช่วง 5-6 ปีที่ผมรู้จักแบรนด์มา  ผมพบว่า Nomos เติบโตขึ้นมาก  ขณะที่ Stowa ดูนิ่งๆ   
คนไทยไม่รู้จัก Stowa เท่าไหร่  ถึงรู้จักก็ไม่ค่อยจะซื้อ   อาจเพราะราคามือสองต่ำมาก   
เดาว่าเกิดจากคนทั่วไปไม่รู้จักอีกนั่นแหละ
ขอบคุณเลยครับพี่ Tourweb
นี่ผมก็เพิ่งรู้จักนาฬิกาแบรนด์ Nomos เดี๋ยวนี้เหมือนกัน แต่สำหรับ Junghans ผมรู้จักในฐานะนาฬิกาไขลานครับ และตอนนี้ก็แอบสะสมไว้สวยๆนิดๆหน่อยๆเหมือนกัน 555

ปัญหาของปัจจุบันก็คือเรื่องการขาดกติกาครับ คือผู้นำเข้าทุกๆคนก็ต้องการยอดขายที่สูงสุด แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าร้านค้าปลีกก็ต้องการเช่นกัน การขาดกติกาในการทำสิ่งใดก็ตาม มันทำให้ทุกๆคนไม่รู้จะแข่งขันกันในวิธีไหนครับ ค้าออนไลน์ไม่ใช่มวยตับจาก (คือเอาผ้าปิดตาแล้วเดินบนตับจาก เสียงมาตรงไหนก็เหวี่ยงหมัดมั่วไปหมด)

ตอนนี้ผมเชื่อว่าผู้นำเข้าคนใดสามารถยกระดับกติกาที่ดีได้ก่อน ผู้นั้นคือผู้ชนะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 184

Tourweb

27/01/2019 15:09:56
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 180 - เหน่งบา
ปัญหาคือ มัน(หูฟังยี่ห้อไหนก็ไม่รู้ละ)ไม่ใช่การเลือกกระจายสินค้าวิธีไหนแต่ต้น
แต่เ่ล่นให้dealer ใช้เวลาช่วงหนึ่งของชีวิตทำตลาดให้จนติด จนลูกค้ารู้จัก แล้วมาขายตรงตัดราคานี่สิครับ
คือถ้าแต่แรก ขายตรงออนไลน์ในเน็ทเองเลย คงไม่มีใครเดือดร้อน ถ้าสร้างตลาด สร้างตัวตนของสินค้าขึ้นมาเองทั้งหมด..
แต่นี่ ตอนนี้คือ ถีบหัวเรือชัดๆ T^T
กรณีนี้จะทำให้รู้สึกแย่แค่ในช่วงแรกครับ  แต่ทั้งเจ้าของสินค้าหรือศูนย์ฯ กับ dealer ก็แค่ต่างคนต่างไป
dealer ก็ไปขายสินค้าอื่นที่เจ้าของหรือศูนย์ฯ ไม่มาแข่งด้วย
ตัวเจ้าของหรือศูนย์ฯ จะได้เปรียบแค่ช่วงต้น   พอเวลาผ่านไป 3-4 ปี ต้องขายสินค้ารุ่นใหม่  ตัวลูกค้าเองก็เปลี่ยนรุ่นไป 
สุดท้ายการเลือกใช้ dealer หรือ ขายตรงออนไลน์  ก็จะส่งผลกับยอดขายในอนาคตเอง 
จะดราม่าก็คงที่คุณเหน่งบาพุดถึง   กรณีเจ้าของบอกกับ dealer ว่า  เราไม่มีอะไรติดค้างกัน
จริงๆ ผมว่าจากกันแบบดีๆ ก็น่าจะได้   หรือไม่ก็ออกแบรนด์ใหม่สำหรับขายออนไลน์ไปดีกว่า
แต่อย่างว่าแหละ  เราก็แค่วิจารณ์จากข้างนอกน่ะครับ

ผมว่ากรณีของเฮียมั่นคง ดูจะหนักหนากว่า    เพราะไม่รู้จะเอายังไงกันแน่   
จะขี่ (เอาเปรียบ) dealer แบบมีหน้าร้านไปเรื่อยๆ    สักพัก dealer แบบมีหน้าร้านคงล้มหายไปกันหมด
เป็นผมนอกจากคุยกับศูนย์แล้ว  ก็คงต้องหาทางเลือกอื่นอีก
ถึงว่าล่ะทำไมเวปเฮียถึงขายอุปกรณ์เกมคอมพิวเตอร์ด้วย 
คงได้แต่เอาใจช่วยเฮียให้คุยกับศูนย์  แก้ปัญหาได้ไวๆ   ผมว่าเฮียมองเกมขาด น่าจะปรับตัวได้ดีครับ 

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 185

นายมั่นคง

27/01/2019 21:20:52
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 184 - Tourweb
คงได้แต่เอาใจช่วยเฮียให้คุยกับศูนย์  แก้ปัญหาได้ไวๆ   ผมว่าเฮียมองเกมขาด น่าจะปรับตัวได้ดีครับ 

555 ขอบคุณครับพี่ แต่จริงๆไม่ใช่มองเกมส์ขาด แต่ผมว่าคออาจจะขาดในไม่นาน ผมอาจจะโดนปิดบัญชีก็ได้ครับ 555 เพราะว่าการเขียนบทวิเคราะห์แบบนี้ไม่มีศูนย์คนไหนชอบอ่านหรอกครับ แต่ผมว่าใครที่อยู่ในแวดวงการค้าการขายออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มไหน มากน้อยอาจจะได้มุมมองเล็กๆน้อยๆจากแต่ละท่านเอาไปคิดครับ

ส่วนพวกหูฟังเกมส์นั้น อันนี้เป็นเรื่องตกกระไดพลอยโจน เพราะเหตุว่าพอขายๆไปพักนึง แบรนด์หูฟังที่ผมถืออยู่หรือแบรนด์ที่มีศูนย์ ต่างก็ผลิตหูฟังเกมส์ออกมา ก็เลยกลายเป็นว่าถูกบรรจุลงไปในร้านด้วยส่วนนึงครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 186

นายมั่นคง

27/01/2019 21:53:22
4,282
คุยต่อถึงประเด็นเรื่องการขายออนไลน์ที่ผมคิดว่าทุกวงการน่าจะเจอเหมือนๆกัน ผมขอสรุปให้ทุกท่านเข้าใจง่ายๆ(ตามความเข้าใจของผม)ว่าสถานะการณ์ปัจจุบันจริงๆไม่มีอะไรมาก หากจะสรุปแบบย่นย่อก็จะมีเพียง 2 ประเด็นคือ

ประเด็นแรก - ผู้นำเข้าต้องการจำหน่ายสินค้าเองโดยตรงปราศจากดีลเลอร์อีกต่อไป

ประเด็นหลัง - ผู้นำเข้าต้องการจำหน่ายสินค้าเองโดยตรงแต่ยังต้องการดีลเลอร์ต่อไปอยู่

ประเด็นแรก อันนี้ผมว่าทุกคนเข้าใจได้ไม่ยาก เพราะว่าผู้นำเข้าตัดสินใจประกาศจะจำหน่ายสินค้าโดยตรงเอง (อาจจะคล้ายกรณีบริษัทที่นอนที่ประกาศชัดๆ) อาจจะจำหน่ายผ่านโชว์รูมตนเอง ผ่านมาร์เก็ตเพลส หรือช่องทางที่บริษัทดำเนินการเอง ผมว่าข้อนี้คนที่เป็นดีลเลอร์ทุกๆรายคงเข้าใจ และสามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในร้านได้ เพราะชัดเจนว่าทางบริษัทไม่ได้จัดส่งสินค้าป้อนให้อีกต่อไปแล้ว อย่างมากก็แค่ทะยอยระบายสินค้าที่ค้างในสต๊อกออก และผมว่าการที่ผู้นำเข้าประกาศชัดเจน มันยุติธรรมต่อทุกๆฝ่ายที่เคยร่วมมือกันมาครับ

ประเด็นหลัง อันนี้ที่ทุกคนไม่เข้าใจ และพูดไม่ออก บางคนอาจจะไม่กล้าพูด เพราะการที่ผู้นำเข้าจำหน่ายสินค้าเองโดยตรง ไม่มีทางที่ดีลเลอร์จะไปแข่งขันด้วยได้อย่างที่ทราบกันอยู่ แต่ถ้าหากมีการทำความเข้าใจกับดีลเลอร์ถึงกติกาทั้งหมดที่ชัดเจน ว่าจะดูแลเรื่องราคาจำหน่ายขายส่งอย่างไร มีส่วนลดอย่างไร ชดเชยส่วนลดอย่างไร ถ้าชัดเจนผมว่าดีลเลอร์ก็เข้าใจได้อีกครับ และอีกประการคือ ระหว่างดีลเลอร์ต่อดีลเลอร์ด้วยกัน ระหว่างช่องทางที่แตกต่างกันจะมีนโยบายอย่างไร ทุกวันนี้ผมว่าคนที่เคยเป็นมิตรกันก็จะมาผิดใจกันเพราะกลไกออนไลน์ของขาใหญ่มาร์เก็ตเพลสนี่แหละครับ ทำให้ดีลเลอร์ทุกคนต้องมากัดกันทั้งๆที่ไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน

นี่คือสิ่งที่ผมพยายามหารืออยู่ครับ การที่ผู้นำเข้าพยายามผลักดันให้สินค้าตนเองขายออกมากๆในทุกช่องแบบไร้กติกา โดยปล่อยให้ร้านค้าที่เป็นเหมือนรากฝอยมานั่งรบกันทุกวันๆ โดยคำนึงเพียงแค่ยอดขายที่จะได้รับ ผมว่าไม่เป็นผลดีต่อแบรนด์นั้นๆทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะดีลเลอร์ทุกรายก็คงทนอยู่ในสภาพนี้ไม่ได้นานเพราะขาดกำไรไปหล่อเลี้ยงธุรกิจตนเองครับ ความชัดเจนต่างหากที่จะทำให้ทุกคนเดินหน้าต่อได้ครับ ผมเองขายหูฟังเป็นหลัก หากผู้นำเข้ารำคาญและให้เลิกขายผมก็คงต้องเลิกขาย และก็ต้องดิ้นรนหาหูฟังอื่นๆขายอยู่ดี เราเป็นร้านขายหูฟังตั้งแต่เกิดแล้วนี่ครับ จะให้เลิกไปทำอย่างอื่นก็ทำไม่เป็น 555

ผมว่าเหมือนการเมืองช่วงนี้แหละครับ เลื่อนไม่เลื่อน ลาออกก่อนหรือไม่ต้องลาออกก่อน เอาไงก็ต้องชัดเจน พูดกันให้มันชัดๆ จะเป็นผู้นำ(เข้า)ต้องมีความชัดเจนมากกว่าคนอื่นที่สุดครับ การจัดการคนข้างตัวไม่กี่คนยังทำไม่ได้ แล้วจะจัดการปัญหาของคนหลายสิบล้านได้อย่างไรกัน^^

ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 187

iNY

28/01/2019 10:28:02
2
ชอบแนวความคิดเฮีย
เอาใจช่วยครับเ
หวังว่าจะมีทางออกที่ดีกว่าการยุติธุระกิจที่ชอบ
(ส่วนการตั้งพรรคเมื่อเข้าไปได้
คงจัดการอะไรได้ไม่มากนัก
ขนาดมีอำนาจเต็ม ยังไม่มีปัญญาเลย)
ส่วนผู้ผลิตหรือศูนย์ใหนที่ไร้สมอง
ถ้าเลิกคบได้ก็เลิกเถอะครับ
(สุดท้ายจะได้มีเวลาว่างเยอะๆ)
ถ้าพูดถึงภาครัฐไทย
เป็นมาตั้ง(แต่ 7 โลตัส)นานแล้ว
ไม่มี(เสีย)เวลามากำกับดูแล
เพราะอะไร??? !!! (ก็ต้องเดากันไป)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 188

นายมั่นคง

20/03/2019 00:51:48
4,282
https://www.facebook.com/munkonggadget1/videos/397877834343314/?t=0

ดูลิงค์นี้ครับ เป็นการพูดถึงเรื่องการค้าออนไลน์และแนวทางการแก้ปัญหาของลุงมิ่งขวัญ ซึ่งผมเห็นแล้วก็ตื้นตันใจว่ามีคนคิดเหมือนกับที่ผมเขียนเป็นวักเป็นเวรในเว็บบอร์ดนี้

ที่นี่คือแผ่นดินไทย และคนไทยต้องเป็นเจ้าของมันครับ

การปล่อยให้แพลทฟอร์มต่างชาติเข้ามาตักตวงกอบโกยผลประโยชน์ของชาติ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหรือไม่ชั่งน้ำหนักของผลได้ผลเสีย ผมถือว่าเป็นการชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้านครับ ก็หวังว่าคงจะไม่มีใครเลือกผู้บริหารชาติบ้านเมืองที่คิดสั้นเช่นนี้อีกครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 189

redondo16

20/03/2019 09:46:56
55
ผมฟังคุณมิ่งขวัญจากอีกรายการนึงที่ออกกับอ.วีระ ที่ช่อง mcot พอคิดตามแล้วก็น่ากลัวนะครับ

GDP ประเทศไทยตอนนี้เลขกลมๆ 3ล้านๆ บาท มาจาก C+I+G+(X-M) แต่ละตัวลองหาความหมายใน google ดู แต่ที่จะเขียนถึงคือ (X-M) X = Export คือการส่งออกสินค้าออกต่างประเทศ (รายได้) ลบกับ M = Import คือการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศคือรายจ่าย

ประเด็นคือ การค้าออนไลน์จากแพลทฟอร์มต่างประเทศในปัจจุบัน รวม M เข้าไปใน GDP หรือยัง ถ้ายัง ผมว่าน่ากลัวนะ การซื้อของออนไลน์ตปทเข้ามาโดยตรงไปเสียภาษี ทางร้านค้าก็ได้เงินเต็มๆผ่านระบบ payment เท่ากับเงินไทยโดนดูดออกจากระบบไปเรื่อยๆ ไม่กลับมาหมุนเวียนในประเทศหรืออยู่ในระบบภาษี จึงไม่แปลกที่บางเซ็กเตอร์รู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี เงินฝืดเคืองเหลือเกิน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 190

นายมั่นคง

21/03/2019 00:40:47
4,282
เรื่องการค้าออนไลน์แบบไม่เป็นธรรมที่คนไทยอาจจะไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นมาแล้วในรัฐบาลชุดนี้ครับ คือการไปกวักมือเย้วๆเรียกต่างชาติ และโดยเฉพาะแพลทฟอร์มขนาดใหญ่จากจีนว่าช่วยมาโกยเงินไปทีๆ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียต่อส่วนรวมในระยะยาว หรือเป็นการสร้างรายได้มหาศาลให้กับกลุ่มคนเล็กๆไม่กี่กลุ่ม ผมว่ามันเท่ากับการคอรัปชั่นทางอ้อมครับ

การหลิ่วตา หรี่ตา หูทวนลม เหล่านี้คือคอรัปชั่นทั้งสิ้น เพียงแต่มันไม่โจ๋งครึ่มเหมือนการสร้างหลักฐานเท็จแล้วเอาไปขึ้นเงิน การที่เงินถูกดึงออกจากระบบไปแล้วหายวับแบบไปแล้วไปลับ เงินขาดการหมุนเวียนหรือสะพัดในประเทศ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำลายเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาวครับ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ผมเขียนไว้ในกระทู้นี้มานานเป็นเดือนๆแล้ว

ผมฟังคุณมิ่งขวัญพูดถึงการค้าแบบออนไลน์ เห็นด้วยในภาพรวม อาจจะมีมองต่างบ้างแต่ก็เป็นจุดเล็กจุดน้อย แต่นโยบายหลักเรื่องออนไลน์ถือว่าประกาศจุดยืนได้ชัดเจน หลายคนบอกว่าทำได้หรือ ผมตอบว่าทำได้ครับ เพียงแต่คนไทยเวลานึกถึงอะไรที่ใหญ่เกินตัวก็ถอดใจ ท้อถอย เลิกสู้ แล้วก็ยอมแพ้ มันเป็นวัฏที่วนเวียนมานานแล้วครับ

คิดใหม่ ทำใหม่ กับคนใหม่ๆ กันครับงวดนี้ อาทิตย์ที่ 24 เจอกัน ห้ามพลาดนะครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 191

PUPU

22/03/2019 11:20:54
44
จะไปหาคนไทยคนใหนที่กล้าทำแพลทฟอร์มแบบนี้มาแข่งกับจีนครับ
ผมรู้จักคนไทยที่เคยทำ หมดเงินไประดับร้อยล้าน สุดท้ายก็ต้องลดสเกลตัวเองลงมาและปรับแผนธุรกิจใหม่หมดเลย
พยามหาผู้ร่วมทุนที่มีเงินระดับหมื่นล้าน พอเข้าไปพิทช์ เขาก็คิดว่าเขาทำเองก็ได้มีเงินตั้งเป็นหมื่นล้าน จะมาร่วมทุนทำไม และสุดท้ายเขาก็ทำจริงและก็เลิกไป ขาดทุนแค่เศษเงินเขา เสียเวลา เขาคงคิดอย่างนี้มั้งเลยเลิกไป
ทุกวันนี้คนที่ผมรู้จักก็ยังคงอยู่ในการแข่งขันได้ เพราะลดสเกลและปรับแผนธุรกิจใหม่แบบกลยุทธิ์ใหม่หาช่องที่สุดจะเล็ก
จนสุดท้ายพาตัวเองรอดในธุรกิจนี้ที่การแข่งขันสุดจะโหดสำหรับคนตัวเล็กๆแบบเขา

โลกมันเล็กลงทุกวันและการแข่งขันก็โหดขึ้นเป็นเงาตามตัว ธุรกิจที่นำเสนอสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคเห็นคุณค่าจึงจะสามารถอยู่รอดได้

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 192

นายมั่นคง

22/03/2019 15:35:08
4,282
เรื่องแพลทฟอร์มอันนี้ผมกลับมีความเห็นว่าคนไทยทำได้ และมีคนที่มีเงินทุนสูงพอที่จะทำมันได้ด้วยครับ ผมว่ามีบริษัทของคนไทยอีกมากมายที่สามารถทำแพลทฟอร์มขายสินค้าที่เป็นของคนไทยจริงๆได้

ปัญหาคือเวลาจะลงทุนทำ การเปิดให้ช่องทางของยักษ์ใหญ่เสรีเกินไป โดยไม่คำนึงถึงพลเมืองในประเทศเลย ทำให้ไม่มีคนไทยคนไหนกล้าลงทุน เราไม่มีกรอบ เราขาดการวางกติกา แต่เราลากคนอื่นเข้ามาหมดเพราะเห็นว่าง่ายดี เรียกวันนี้พรุ่งนี้ก็มาทันที

แต่ผลเสียกำลังทะยอยตามมาครับ จะค่อยๆมาทีละอย่าง และภาพจะเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆว่าเราไม่ได้อะไรจากการที่แพลทฟอร์มต่างชาติมายึดประเทศไทย เงินจะถูกดึงออกจากระบบไปแบบดื้อๆหายวับ ตอนนี้อาจจะผ่านตัวกลางสถาบันการเงินอยู่บ้าง แต่จะค่อยๆบายพาสลัดตรงออกไปในไม่ช้าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 193

PUPU

23/03/2019 13:10:36
44
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และผมเองก็ไม่ชอบใจที่ เราเจ้าของประเทศไม่ได้เป็นเจ้าของ และก็ไม่มีคนไทยคนใหนหาญกล้าทีจะทำและลงทุนแข่งกับต่างชาติ แม้แต่ต่างชาติที่เข้ามาแข่งกันเองก็ล้มหายตายจากไป ดูอย่างถนนสายสิบเอ็ดของท่านหญิงแดจังกึ่มสิครับ เปิดตัวอย่างใหญ่โตจ้างดาราระดับแม่เหล็ก สุดท้ายก็เลิกภายในไม่กี่เดือน แม้ธุรกิจนี้รัฐไม่เคยคิดจะช่วยผู้ประกอบการไทย แต่ก็ไม่เคยขัดขวางแน่นอน เพราะคนที่ผมรู้จักเขาก็ไม่เคยบ่นว่ารัฐขัดขวางอะไร

แต่ผมมองโลกในแบบที่มันเป็น ไม่ได้มองในแบบที่เราอยากให้มันเป็น ดูไปรอบๆตัวสิครับ เราคนไทยเป็นเจ้าของอะไรบ้าง ขนาดชื่อยี่ห้อแอร์ของไทยไซๆอะไรสักอย่างยังตั้งชื่อเป็นญี่ปุ่นเลย หากมีคนไทยคนใหนกล้าทำผมก็จะช่วยอุดหนุนแน่นอนครับ
                                                                                                       
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 194

นายมั่นคง

23/03/2019 15:11:12
4,282



อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 193 - PUPU
มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า และผมเองก็ไม่ชอบใจที่ เราเจ้าของประเทศไม่ได้เป็นเจ้าของ และก็ไม่มีคนไทยคนใหนหาญกล้าทีจะทำและลงทุนแข่งกับต่างชาติ แม้แต่ต่างชาติที่เข้ามาแข่งกันเองก็ล้มหายตายจากไป ดูอย่างถนนสายสิบเอ็ดของท่านหญิงแดจังกึ่มสิครับ เปิดตัวอย่างใหญ่โตจ้างดาราระดับแม่เหล็ก สุดท้ายก็เลิกภายในไม่กี่เดือน แม้ธุรกิจนี้รัฐไม่เคยคิดจะช่วยผู้ประกอบการไทย แต่ก็ไม่เคยขัดขวางแน่นอน เพราะคนที่ผมรู้จักเขาก็ไม่เคยบ่นว่ารัฐขัดขวางอะไร

แต่ผมมองโลกในแบบที่มันเป็น ไม่ได้มองในแบบที่เราอยากให้มันเป็น ดูไปรอบๆตัวสิครับ เราคนไทยเป็นเจ้าของอะไรบ้าง ขนาดชื่อยี่ห้อแอร์ของไทยไซๆอะไรสักอย่างยังตั้งชื่อเป็นญี่ปุ่นเลย หากมีคนไทยคนใหนกล้าทำผมก็จะช่วยอุดหนุนแน่นอนครับ
                                                                                                       
ผมนี่แหละครับที่กล้าหาญ 555 ผมคิดจะเป็นเจ้าของแพลทฟอร์มไทยที่จะสู้กับต่างชาติ และทุกอย่างเริ่มไปแล้วด้วยครับ 555

คือผมวางโปรเจกต์ไปเมื่อหลายปีก่อนแล้วครับ และทำสัญญากับบริษัทที่เขียนโปรแกรมและ application ไปแล้ว แต่ปัญหาคือบริษัทที่ทำไม่สามารถส่งงานและทำได้ตามที่ตกลงกันไว้ ทุกอย่างก็เลยรวนและสะดุด จนตอนนี้ต้องระงับโครงการไว้ก่อนเพราะไม่มีคนทำ

ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ยอมแพ้นะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 195

PUPU

23/03/2019 22:23:57
44
ผมจำได้ครับว่าเฮียมีโปรเจ็คนี้อยู่ และขอเป็นกำลังใจให้และสัญญาว่าจะช่วยอุดหนุนเฮียแน่นอนเมื่อเปิดดำเนินการ
คนที่ผมรู้จักเขาใช้เวลาราวสี่ปีในการเขียนโปรแกรมสร้างแพลทฟอร์มและระบบหลังบ้านทำๆแก้ๆกว่าจะลงตัวใช้เวลาสี่ปี จนระบบเริ่มลงตัวและราบลื่น นี่คือทำเต็มที่ไม่มีหยุดนะครับ เพราะมีลูกจ้างและบริษัทเปิดดำเนินการไปแล้ว ทำไปแก้ไป รอไม่ได้เพราะโอเวอเฮดมันวิ่งทุกวัน หากเฮียมุ่งมั่นจะทำจริง หากมีโอกาสอาจได้แลกเปลี่ยนความรู้แนวคิดกับคนที่ผมรู้จักก็ได้ครับ เพราะถือว่าเป็นคนไทยที่หาญกล้าจริงๆที่กล้าจะลงทุนและสู้กับยักษ์ใหญ่ข้ามชาติในระดับนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 196

นายมั่นคง

23/03/2019 22:45:57
4,282
555 ผมว่าผมเป็นคนบ้ามากกว่า 555

จริงๆผมเริ่มต้นเซ็นสัญญาทำไปกับบริษัทหนึ่งแล้ว แต่เหมือนกับทางบริษัทจะมีปัญหาภายในทำให้โครงการและระยะเวลาทุกอย่างผิดพลาดและเสียหาย ช่วงนั้นมั่นคงหมดเงินไปหลายล้านบาทโดยไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยครับ 555

ตอนนี้ผมก็เก็บโปรเจกท์ไว้ก่อน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธคนจะมาร่วมทุนหรือนายทุนใหญ่ๆๆนะครับ 555 คือผมว่าผมเข้าใจกลไกการขายสินค้าออนไลน์ดีพอสมควร มันมีสินค้าอีกมากมายที่ไม่สามารถขายในแพลทฟอร์มยักษ์แต่อาจจะขายได้ในแพลทฟอร์มแบบที่ผมจินตนาการไว้ก็ได้ 555

ตื่นๆๆๆๆๆๆได้แล้ว 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 197

Endurance

25/03/2019 15:50:56
109



ถึงกับต้อง Login มาออกความเห็นครั้งแรกในเว็บเฮีย  (หัวอกเดียวกัน)

ผมขายประกันรถ  ครับเฮีย....

และเจอปัญหาแบบที่เฮียเจอ  

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บริษัทประกันภัย : ตั้งโบรเกอร์เอง กินเอง ชงเอง (ลูกค้าเจอปัญหาเคลมต้องไปดิ้นรนเอง และประกันก็ชอบด้วยเพราะลูกค้ารู้น้อย...)

บริษัทประกันภัยบางแห่ง ทำเบี้ยให้นายหน้าอย่างผม ไม่สามารถแข่งขันกับโบรกเกอร์ได้ (ข้อเสนอเท่ากัน แต่ราคาสู้โบรเกอร์ไม่ได้)

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

" ซื่อสัตย์ จริงใจ ไม่ทอดทิ้งลูกค้า"

นี่คือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง...  ตราบใดที่ลูกค้าเชื่อว่าเรามีฝีมือ  แก้ไขปัญหาต่างๆให้เขาได้ ลูกค้าไม่หนีหายครับ

แน่นอนว่า มันอาจไม่โต ไม่หวือหวา   แต่หนักแน่น มั่นคง  ในภาวะที่ยุทธจักร มีจอมยุทธ์เกิดใหม่มากมายครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 198

นายมั่นคง

25/03/2019 19:02:07
4,282
^
^
ขอบคุณครับที่อ่านแล้วอดมาออกความเห็นไม่ได้นะครับ 55

ในทุกวงการล้วนแต่มีการแข่งขันครับ ในส่วนของราคาถ้าหากแข่งขันไปจนครบถ้วนและทำราคาได้ใกล้เคียงแล้ว สิ่งที่จะเป็นส่วนผูกใจในระยะยาวก็คือการบริการหลังการขาย การเก็บรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับปัญหาในตัวสินค้า(ถ้ามี) การช่วยเหลือต่างๆให้ลูกค้ารู้สึกดีกับตัวร้าน

พวกนี้ผมทำอยู่ตลอดครับ ก็คงต้องทำอย่างต่อเนื่องเรื่อยไปครับ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 199

Endurance

25/03/2019 22:19:56
109
สินค้าเฉพาะกลุ่มแบบเฮีย การได้ไปลองฟัง ยังไงก็คือจุดแข็ง
ผมไปลองที่ร้านเฮีย2รอบ ถึงจะตัดสินใจซื้อ...  ที่อื่นทำไม่ได้แบบเฮียหรอกครับ 55+...
แล้วความเชื่อมั่นเรื่องบริการหลังการขายจากร้านเฮียอีก...
ผมนำสินค้าที่บกพร่องจากผู้ผลิต  ไปขอเคลมเปลี่ยนตัวใหม่ แต่ไม่มีของ แล้วยังไม่มีตัวน่าสนใจอื่นในใจ
ทางสาขาปิ่นเกล้า เคลมเงินคืนให้ผมเลย...
ผมวิ่งไปหาร้านเฮียทีเดียว  ลูกน้องเฮียจัดการให้หมด....แม้ว่ามูลค่าจะไม่ได้มากมาย  แต่ความใส่ใจคือสิ่งที่ผมประทับใจ...
---------------------------------------------
กรณีที่ไปซื้อร้านออนไลน์ ที่หั่นราคาแบบฉาบฉวย
อย่าได้คาดหวังบริการแบบนี้....  คุณต้องไปเดินเรื่องเองทุกอย่าง...เหนื่อยนะครับบอกเลย...ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นอีก
---------------------------------------------
ลูกค้าที่มีกำลังจ่าย จะซื้อความสบายใจ...ไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับส่วนต่างราคาในร้านออนไลน์ที่ไม่มีบริการหลังการขาย
ค้าขายก็ต้องมีกำไร  ต่างคนต่างชำนาญคนละด้าน...
ถือว่าผมซื้อความสบายใจ  ซื้อความชำนาญในอาชีพของร้านเฮีย...
---------------------------------------------
สินค้าที่ควรจะต้องทดลองก่อนซื้อ   หากไม่มีหน้าร้านให้ทดลอง
ลูกค้าซื้อแบบลองผิดลองถูกไปทีเดียว แล้วไม่ถูกใจ   ผู้ผลิตก็อย่าหวังจะได้เงินจากลูกค้าคนนั้นอีก...
ตรงนี้ผมมองว่ายังเป็นจุดแข็งมากๆของร้านเฮียครับ
ส่วนคนที่มาลองร้านเฮีย แล้วไปซื้อร้านนอก
ถือว่าเขารับความเสี่ยงเอาเอง....
เสี่ยงที่จะเจอของปลอม ในราคาเทียบเท่าของแท้...
เสี่ยงที่จะเจอJackpot แล้วต้องไปเหนื่อยดิ้นรนเอง...
เฮียคงไม่ห้ามเขาไม่ได้....
-------------------------------------------
ประเด็นสุดท้ายในเรื่องราคา ที่ไม่มีการควบคุมจากทางศูนย์บางราย
ผมบอกเฮียเลยว่า  ทำไม่ได้...  เพราะศูนย์มีแต่ win กับ win ในเรื่องตัวเลข...
ผมเคยเอากรณีแบบนี้ไปคุยกับบริษัทประกันภัย ว่าทำไมทำตัวเลขให้โบรเกอร์ กับนายหน้าประกันไม่เท่ากัน
ก็ไม่มีความชัดเจนใดๆเช่นกัน   เพราะตัวเลขมันหอมหวน......
เลยได้แต่ปรับตัว  ทุกวันนี้ขายประกันรถ  ก็ไม่ลดสู้ราคา แต่เน้นบริการหลังการขายให้ดีที่สุด....
ได้ลูกค้ามาจากการแนะนำทั้งนั้น  เพราะเราคือมืออาชีพ ไม่ใช่พวกค้าขายฉาบฉวย  เราขายความรู้ ความชำนาญในวิชาชีพ ขายความเชื่อมั่นให้ลูกค้า
-------------------------------------------
เป็นกำลังใจให้ครับเฮีย หัวอกเดียวกัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 100
ความคิดเห็นที่ : 200

นายมั่นคง

25/03/2019 22:52:03
4,282
ขอบคุณ คุณEndurance มากๆๆครับที่ช่วยแนะนำติชม และเล่าประสบการณ์ตรงของร้านมั่นคง ขออนุญาตมอบหูแทนการขอบคุณซัก 100 หูนะครับ (อันนี้ไม่ได้ประชานิยมนะครับ แต่เป็นการขอบคุณจากใจจริงๆ) 555

และตอนนี้ราคาสินค้าของร้านออนไลน์เพียวๆ ไม่ได้ถูกกว่าร้านผมมานานแล้วนะครับ ผมมีทีมเปรียบเทียบราคาสินค้าในตลาดแบบรายวันตลอดครับ^^

----------------------------------
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 201

นายมั่นคง

25/03/2019 22:57:21
4,282
----------------------------------
ผมขอเล่ามั่งนะครับ

เรื่องการค้าออนไลน์ยุคปัจจุบันนี้ มันมีคนที่ค้าขายแบบฉาบฉวย และฉกฉวยในทุกโอกาสที่มีลมหายใจอยู่ ผมขอเรียกในที่นี้ว่า ร้านออนไลน์หน้าส้นเท้า ละกัน 555 (เรียกไปแล้วช่วงต้นๆกระทู้ ตอนนี้ขอย้ำอีกหน่อย)

ร้านออนไลน์ส้นเท้าจะเปิดเว็บไซต์ แล้วหาช่องในการตัดราคาร้านค้าทั่วไปที่เปิดร้านและเดโมสินค้า และก็ย่ามใจว่านี่เป็นกลไกที่ฉลาด ขี่คอชาวบ้านแล้วเจริญแน่ๆๆ ไม่สนใจว่ากลไกของคนอื่นเป็นอย่างไร พูดง่ายๆ กูจะหาเงินแบบนี้ใครจะทำไม ร้านออนไลน์หน้าส้นเท้าก็คิดว่าต่อไปนี้ตนจะคือมหาเศรษฐี เพราะย่ามใจคิดว่าร้านค้าที่มีหน้าร้านไม่สามารถขายสินค้าได้ในราคาเดียวกันกับเค้า

แต่ปรากฏว่าผมสั่งลูกทีมทำราคาแข่งขันทุก SKU เพราะว่าโลกนี้คือการเปรียบเทียบบนแพลทฟอร์มมือถือ จนถึงขั้นเปิดการเจรจากับทุกๆศูนย์ว่า ผมต้องขอจำหน่ายสินค้าในราคาที่ต่ำสุดเท่าที่เจอบนอินเตอร์เน็ท เพราะมิฉะนั้นร้านมั่นคงไม่อาจจะอยู่ได้ในตลาดหูฟัง และผมก็ทำการแข่งขันราคามานานตั้งแต่ปีที่แล้วนู่น 555

ปรากฏว่าร้านออนไลน์ส้นเท้าก็ดิ้นพล่าน เพราะว่ายอดขายอาจจะไม่เข้า เพราะดันไปเจอร้านที่มีหน้าร้านขายในราคาเท่ากันหรือถูกกว่า ซึ่งผมทดสอบแล้วว่า สุดท้ายนอกจากราคาแล้ว ลูกค้ายังคงต้องมองไปที่การบริการ การดูแล การให้คำแนะนำ และที่สำคัญต้องมีมนุษย์ที่มีเลือดมีเนื้อคอยจัดการแก้ไขปัญหาในทุกระดับขั้นให้ครับ

การโพสขายสินค้าแล้วขีดฆ่าราคา มันเป็นกลยุทธของพวกกระจอกและไร้ฝีมือครับ เอาง่ายเข้าว่า เหนื่อยไม่เอา เบาขอกู เอาเข้าจริงผมยังเชื่อว่าการที่คิดว่าคนซื้อๆเพราะราคาถูก ผมถือว่าไอ้คนขายคือพวกกระจอก ดูถูกลูกค้ามากไปหน่อย(ต้องตะโกนแบบอาจารย์เฉลิมชัย ไอ้กระจกอก!! 555)

ผมแนะนำร้านออนไลน์ส้นเท้าว่าควรจะลงทุนด้วยการสร้างความแตกต่างกับคนอื่นบ้าง การโพสสินค้าขีดฆ่าราคาทุกวันถามจริงๆไม่เบื่อหรือไง 555 เดี๋ยวนี้ชาวบ้านทุกร้านเค้าขายราคาถูกกว่าเอ็งเยอะแยะแล้ว หัดแหกตาดูบ้าง 555

ทางที่ดีน่าจะลงทุนกับการจ้างบริษัทแอดเวอร์ไทส์ หรือบริษัทโฆษณาแนวหน้า ลงุทนจ้างดารา เซเลป หรือวง BNK มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำโฆษณาแบบแอนิเมชั่น 3D แบบหนังอวตาร หรืออย่างน้อยควรลงทุนด้วยการชิงโชครถยนต์เมอซีเดสก็ได้ หรือเปิดแล็ป สร้างห้องเก็บเสียง หรือหาฝรั่งเจ้าของแบรนด์มาเทรนนิ่งพนักงานบ้างก็ดี 555 อย่าเอาแต่ใส่โค้ดงอกง่อยสี่ซ้าห้าร้อยเลยครับ

การที่คอยตักตวงประโยชน์จากการแผ้วถางทางของผู้อื่น ผมดูมันกระจอกงอกง่อยสิ้นดีนะเออ

ขออภัยถ้าผมโพสกวนตีนไปหน่อยนะครับ 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 202

Endurance

25/03/2019 23:56:26
109

ร้านพวกนี้ขายได้แต่สินค้า   แต่ขายความเชื่อมั่น ความจริง และบริการให้ลูกค้าไม่ได้...

.

เฮียดูตัวอย่าง เบ้นซ์ทองหล่อ...ของจากรถแล้ว ยังแถมความเชื่อมั่นให้ลูกค้า

พวกฉาบฉวย สุขเอาเผากิน อยู่ไม่ยั่งยืนหรอกครับ 555+

**************************************************************

เคยซื้อหูฟัง Earbud Creative  สมัยยี่สิบปีก่อน แบบแขวนใส่กล่องในห้าง

มูลค่าพันกว่าบาท ซึ่งตอนนั้นผมยังเป็นเด็กหัวเกรียน ยังหาเงินเองไม่ได้ ถือว่าแพงมากๆสำหรับผมในตอนนั้น

วัดดวงสุดๆ ว่าเสียงจะถูกใจไหม  

.

ต่อมา ผมซื้อ Grado S60 เมื่อสิบกว่าปีก่อนที่ร้านเฮีย  ไม่ต้องวัดดวงแล้ว

ลองฟังแล้วถูกใจก็ซื้อเลย 5555+.....

-----------------------------------------

.

ซื้อร้านเฮีย ได้ทดลองฟัง ไม่ต้องไปวัดดวง มีบริการหลังการขาย

พวกคิดมาก คิดเล็กคิดน้อย เจอพวกร้านออนไลน์ไม่จริงใจ ขายตัดราคาต่างกันไม่เท่าไหร่

เอาเงินไปเสี่ยงดวงกับของที่ไม่เคยได้ลองฟัง เชื่อหูคนอื่น

.

เข้าทำนองเสียน้อย เสียยาก  เสียมากเสียง่าย ได้มาไม่ถูกใจก็ชีช้ำกระหล่ำปลีกันไป

ความเชื่อมั่นมันสร้างยาก  แต่สร้างได้แล้ว คนอื่นก็มาล้มเรายากครับ

ยิ่งเราค้าขายจริงใจ ลูกค้าไม่หนีหายแน่นอน

ราตรีสวัสดิ์ครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 203

Endurance

25/03/2019 23:57:05
109

แก้ไข

ร้านพวกนี้ขายได้แต่สินค้า   แต่ขายความเชื่อมั่น ความจริงใจและบริการให้ลูกค้าไม่ได้...

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 204

นายมั่นคง

26/03/2019 17:44:23
4,282



ขออนุญาตโพสรูปการ์ตูน"ออนไลน์หน้าส้นเท้า" ในจินตนาการของผมไว้ตรงนี้นิดนึงครับ ตอนนี้โลกออนไลน์เดินทางมาถึงจุดที่ร้านค้าที่ไม่ได้คิดอะไรไกลกว่าตัดราคาทีละ 10 บาทแล้วครับ 555

แทนที่จะหาเวลาไปสร้างสรรค์หรือคิดวิธีบริการลูกค้าให้ดีๆ กลับมานั่งไล่ตัดราคาทีละ 10 บาทเหมือนเด็กเล่นไพ่เก้าเกซะงั้น จริงๆผมแนะนำร้านออนไลน์ส้นเท้าว่าถ้าอยากจะให้สะใจ ควรตัดราคาให้ขาดทุนเยอะๆนะครับ และบีบน้ำตาร้องขอให้ศูนย์ช่วย support เยอะๆด้วย 555

ก็ขอกวนตีนกันแบบนี้แหละครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 205

PUPU

27/03/2019 11:06:30
44
แม้ธุรกิจนี้จะดูใหญ่เกินตัวสำหรับคนมีเงินไม่มาก แต่คนเล็กๆก็ทำได้ ถ้ามีกลยุทธ์ทีแหลมคม
แต่ต้องเริ่มให้เร็วแม้ว่าจะไม่พร้อมก็ตาม เพราะพอลงมือทำและเปิดตัวต่อสาธารณะแล้ว จะเจอปัญหาใหม่ๆเข้ามา และปัญหาที่ไม่คาดคิดจะมีตามมาอย่างหนักหน่วง ต้องทำต้องแก้กันอย่างหนักหน่วงเลย เมื่อเริ่มอยู่ตัว และเฮียแบกรับขาดทุนไหวในตลอดช่วงเวลาที่ผ่าน ทำให้ระบบพอเดินไปได้
ก็จะได้เริ่มลงเงินทำตลาดแบบเต็มรูปแบบ เฮียเริ่มมองภาพรวมออกและได้ปรับกลยุทธ์จากประสบการณ์ที่ผ่านมาและเห็นช่องว่างเล็กๆพอที่จะพาตัวเองทะลุช่องนี้ ก็อาจจะได้เริ่มขายหุ้นให้กับนายทุนคนใหม่ ขายเยอะๆไปเลยครับ ขายแบบ 90% แล้วเอาเงินที่ได้เพิ่มทุนไปเลยทั้งหมด เพื่อบังคับหุ้นส่วนใหม่ต้องลงเพิ่มในระดับ 90% ที่เขาถือ เฮียก็จะมีเงินก้อนใหญ่ใช้ทำตลาดและจ้างทีมงานที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเร่งเครื่องต่อไป
ผมเองไม่ได้รู้อะไรมากนักและก็ไม่คิดว่าจะแนะนำอะไรได้ เพียงแต่เคยเห็นคนที่ทำมาก่อนและเห็นตั้งแต่เขาเริ่มคิดเมื่อสิบปีที่แล้วจนเริ่มทำและพอยืนไหวในวันนี้ และอยากจะเห็นเรามีแพลทฟอร์มตัวนี้ที่แข่งกับต่างชาติได้
เพราะการที่เงินไหลออกและเราไม่มีอำนาจต่อรองและทางเลือกจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประเทศเราในระยะยาว
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 206

Endurance

27/03/2019 18:42:46
109

ขออนุญาตแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ

ผมมองว่า สินค้าหูฟัง  ไม่ใช่สินค้าจำเป็นที่ทุกคนต้องซื้อ

แล้วเฮียเองก็ไม่ใช่ผู้ผลิต  การเพิ่มทุน ระดมทุน ขายหุ้นส่วน... เพื่อขยายสาขา

หรือเพื่อลงทุนโฆษณาทำตลาดให้เจ้าของBrand  ไม่น่าเป็นตัวเลือกที่ดีนักในสภาวะแบบนี้

.

.

.

สำหรับกลุ่มหูฟังที่ราคาไม่เกิน1หมื่นบาท ยี่ห้อฮิตติดตลาด ซื้อง่ายขายคล่อง

การลงทุนโฆษณาให้เจ้าของBrand  จัดโปรหั่นราคา สามารถเรียกลูกค้า เรียกยอดขายได้ในระยะเวลาสั้น

แต่ก็เจ็บตัวในระยะยาว  เพราะเรามีต้นทุนแฝงอื่นๆที่มากกว่าร้านออนไลน์

.

.

.

ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ที่ไม่เคยรู้จักร้านเฮียมั่นคง

พฤติกรรมการซื้อ คือ ซื้อที่ไหนก็ได้ ขอเป็นยี่ห้อนี้ ราคาถูกกว่าเป็นใช้ได้

บังเอิญกดมาเจอโฆษณาเฮีย  ซื้อแล้วจบ ก็แยกทาง

แต่บางคนเจอพลังแฝงในร้านเฮีย เขาก็อาจกลับมาซื้อได้เช่นกัน

.

.

.

ส่วนกลุ่มหูฟังระดับกลาง-สูง

ผมมองว่า ร้านเฮียมั่นคง มีพลังแฝงที่ร้านออนไลน์ให้ไม่ได้

ตามสโลแกน "มั่นคง มั่นใจ"

.

.

.

ถ้าร้านเฮียยังรักษามาตรฐานการบริการที่ดีเยี่ยมได้เรื่อยๆ

ลูกค้ากลุ่มที่มีใจรักเสียงเพลง (หรือมีกรรม)

ก็กลับมาซื้อร้านเฮียอีก  เกิดการบอกต่อปากต่อปาก

เป็นการสร้างแบรด์นให้กับร้านเฮียเอง  โดยไม่ต้องโฆษณาซักบาท

.

.

.

ลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูงมาก : กลุ่มนี้ผมมองว่า... ยังไงก็ยังชอบให้มีคนบริการ
เพราะจ่ายทีเดียวจบ ส่วนเรื่องปวดหัวๆโยนให้เฮียมั่นคงจัดการ
.
.
.
ร้านออนไลน์ที่ฟาดฟันราคากันตายไปข้าง  คือดีคือพวกเราก็ซื้อของถูก
แต่พอมาถึงจุดหนึ่ง  ความถูกในราคา มันไม่ได้ตอบโจทย์เสมอไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 207

Endurance

27/03/2019 19:55:30
109
ถ้าผู้ผลิตรายไหนอยากฆ่าตัวตายทางอ้อม  หลอกใช้ร้านค้าปลีก ให้ทำสินค้าจนติดตลาด
เสร็จศึกฆ่าขุนพล  จากนั้นจัดจำหน่ายออนไลน์เองทั้งหมด
.
.
.
ผมบอกได้เลยนะว่า
.
.
.
สินค้าที่ควรจะต้องทดลองก่อนซื้อ   หากไม่มีหน้าร้านให้ทดลอง
ลูกค้าซื้อแบบลองผิดลองถูกไปทีเดียว แล้วไม่ถูกใจ   ผู้ผลิตก็อย่าหวังจะได้เงินจากลูกค้าคนนั้นอีก...
.
.
.
(นอกเสียว่า  ผู้ผลิตหูฟัง เครื่องเสียง ผลิตรุ่นเดียวแล้วขายรุ่นนั้นตลอดชาติ)
.
.
.
เมื่อผู้ผลิตมองแต่ผลประโยชน์ระยะสั้น...เอาแต่ตัวเลขกำไรเป็นที่ตั้ง
ก็ไปตั้งShowRoom ลงทุนทำตลาดเอง
.
.
ในเมื่อแต่ก่อนมีร้านค้าปลีกลงทุน บริหารต้นทุนส่วนนี้ให้
ของก็ขายได้ หน้าร้านผู้ผลิตก็ไม่ต้องลงทุนเอง  ร้านปลีกก็อยู่ได้ win win ทุกฝ่าย
.
.
.
จ้องแต่จะเอาชนะแบบนี้ ดูแล้วไม่ฉลาดเท่าไหร่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 208

นายมั่นคง

27/03/2019 20:07:02
4,282
ขอบคุณ คุณ PUPU และคุณ Endurance ที่ให้คำแนะนำและความเห็นเกี่ยวกับเรื่องออนไลน์นะครับ^^ สิ่งเหล่านี้ผมเก็บเป็นข้อมูลเข้าสมองไว้หมดครับ เพราะเป็นมุมมองที่ดีของผู้บริโภคโดยตรงเลยก็ว่าได้

----------
ในช่วงที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้ง สิ่งหนึ่งที่เป็นนโยบายที่ผมมองว่าเข้าท่าและเป็นการมองแบบคนที่เข้าใจถึงเรื่องแพลทฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ นั่นก็คือนโยบายของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ของคุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ซึ่งตอนนี้เราไม่พูดถึงว่าพรรคจะได้ร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลนะครับ และนโยบายจะถูกนำมาใช้หรือไม่อย่างไร

แต่เรามองถึงเรื่องแนวคิดและมุมมองที่มีต่อธุรกิจออนไลน์กันก่อน สิ่งที่คุณมิ่งขวัญมองเห็นก็คือแพลทฟอร์มในไทยส่วนมากไม่มีของคนไทยเลย และก็จะมีต่างชาตินี่แหละที่มีเรื่องเทคโนโลยีและเงินทุน และที่สำคัญคือความสามารถในการที่จะขาดทุนเพื่อรอให้คนไทยใช้งานจนติดงอมแงมก่อน

เงินที่ถูกใช้จ่ายซื้อของไหลผ่านออกนอกประเทศไปแบบหน้าตาเฉย มีสิ่งที่อัพเดทใหม่เข้ามาโดยที่ผมคิดว่าภาครัฐไม่ได้มองหรือทำเป็นมองไม่เห็น การขาดดุลย์ทางการค้าทางออนไลน์นี่มันน่ากลัวกว่ายุคสมัยก่อนมากมายนะครับ เพราะมองไม่เห็นด้วยตาเหมือนสมัยก่อน และก็ตรวจสอบยากกว่า

ตอนนี้ไม่รู้จะฝากรัฐบาลไหนดีว่างั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 209

smith009

16/04/2019 20:08:04
15
เรื่องต้องรู้ 'ธุรกิจออนไลน์ไม่จ่ายภาษี' !?!?!!
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"บทวิเคราะห์ : การตลาดออนไลน์ยุคใหม่ (2019) โดยเฮียมั่นคง"