ใน ปล.1 สลับกันนะครับ จริงๆ MS1 Retro หวานและโปร่งกว่า MS1E ครับ ส่วน MS1E จะมีมวลเบสมากกว่า Retro

อ่อๆ ขอบคุณมากครับ
ฝากช่วยดูหน่อยนะครับ :)

ตอนผมไปลองเทียบกัน ต้องบอกว่าทั้ง sr80 และ ms1e ค่อนข้างใกล้เคียงกันมากในเรื่องเสียง ต่างกันแค่ sr80 มันมีคาแรคเตอร์หรือกลิ่นอายของ grado จ๋าเลย (ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันอารมณ์แบบฟังปุ๊บ นี่มัน grado ชัด ๆ 555) ส่วน ms1e มันให้ความสมูทและผ่อนคลายมากกว่า 2 ตัวนี้เลือกหยิบตัวไหนกลับบ้านก็ไม่ผิดหวังแน่นอน แต่จากแนวเพลงที่บอกมา ผมเอียงไปทาง ms1e มากกว่า 

ปล. สุดท้ายผมจบที่ ms1e ครับ เพราะผมชอบฟังเพลงร้องผู้หญิง ซึ่ง ms1e มันเด่นกับแนวนี้อยู่แล้ว 555

ขอบคุณมากครับ เยี่ยมเลย !!
คงต้องลองหาลักษณะ grado ดูซะแล้ว 
หาได้แต่ข้อมูลรีวิวกะคอมเมนท์ เพราะยังไม่มีโอกาศไปเลือกเองครับ :)

เข้ามารอฟังด้วยคนค่ะ กำลังมองๆอยู่
ชอบเพลงแนวเดียวกันค่ะ ชอบแนว ed sheeran, passenger, john lennon แต่ไม่ชอบเสียงผู้หญิงค่ะ ^0^

Grado Sr80e vs Alessandro Ms1e

เคยมีทั้งสองตัว และได้ปล่อย Alessandro Ms1e ออกไป 

Grado Sr80e เสียงจะออกอิ่มหนากว่า

ฟังแนวร็อคหรือเพลงตลาดได้เสียงถูกใจ

Alessandro Ms1e เพลงร้องแนว Audiophile จะทำได้ดีมาก

แต่พอฟังเพลงแนวตลาดแล้วทั่วไปแล้ว Grado Sr80e

จะให้เสียงที่ผมชอบมากกว่า

แล้วแต่ว่าชอบเพลงแนวไหน ต้องลองฟังครับ

ผมว่า จขกท. ลองหาลิ้งค์เพลงที่ จขกท. ชอบ

เอามาลงประกอบการตัดสินใจดูก่อนก็ดีครับ

เป็นข้อมูลเพิ่มในการตัดตัวเลือกครับ

ขอบคุณมากๆครับ สำหรับทั้งสองท่านเพิ่มเติม
ผมมีตัวอย่างเพลงแนวที่ชอบครับ มาหลายเพลงหน่อย แนวพยายามฉีกดังนี้ครับ :)

ตัดเชือกที่เพลงร้องครับ ฟังให้นานๆหน่อย

ขอบคุณครับ ตอนนี้อยากได้ซักตัวแต่ไม่มีตัวอย่างให้ลองฟังเลยครับ พอดีอยู่ไกล เลยพยายามหาข้อมูลจากรีวิวและคอมเมนท์ครับ
เนี่ยะยังตัดสินใจไม่ได้ครับ ลังเลๆ ช่วยเชียร์หน่อยครับพี่ 555

ถ้าเป็นสมัยก่อน Grado Sr80e เสียงจะกัดหูมากกว่า แต่ตอนนี้ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ เสียงพอๆ กันแล้วครับ

หมายถึงรุ่นรหัสเดียวกันหรอครับ (e)

ถ้าคืนรัง เจ้าของกระทู้ชอบเวอร์ชั่นนี้มากกว่าที่แปะในความเห็น 8 น่าจะมาทาง MS1e ครับ แต่ถ้าชอบฉบับที่แปะไว้ในความเห็น 8 มากกว่า คงไปทาง SR80e ^ ^

ยินดีด้วยครับผม

ขอให้มีความสุขในการฟังเพลงครับ


ปล.อย่าพึ่งตกใจเสียงแกะกล่องนะครับ ยี่ห้อนี้เบิร์นข้ามชาติครับ 555

เฮ้ย ไปหาฟังก่อนนะครับ  อ่านที่คนอื่นบรรยาย อาจไม่ได้ตรงกับความต้องการของเราก็ได้ อย่าเพิ่งเชื่อผมมาก
สิบปากว่าไม่เท่าได้สัมผัสจริงครับ

แถมให้อีกเพลง ไม่เกี่ยวกับคำถามกระทู้นี้ แต่เป็นเพลงของน้าหงาที่ผมชอบมากอีกเพลง ส่วนตัวแล้วรู้สึกท่วงทำนองมันคล้ายเพลงลูกทุ่ง แปลกกว่าแนวเพลงปกติของน้า  แต่เนื้อหาก็ยังเป็นเพลงเพื่อชีวิตอยู่ดี  แล้วผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักเพลงนี้  (เสียงไม่ค่อยดีต้องทำใจหน่อยครับ)

ขอบคุณพี่ทั้งสองครับผมม
ผมอยู่ไกลครับ ไม่สามารถหาลองฟังได้ แต่ก็พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพเสียงให้ได้มากที่สุด โดยเน้นจากความเห็นผู้ใช้จริงนี่แหละครับ เพราะสเปกเขียนก็คล้ายๆกันหมดทุกแบรน 555

ว่าแต่เพลงนี้ คืนฟ้าดำ ผมไม่เคยได้ยินจริงครับ
ชอบเหมือนกันครับแนวทำนองแบบนี้เรียกอีกอย่างว่า เสพพพพ... ครับ หลับตาแล้วก็ ฟินนนน... กันไป :)

ได้มาแล้วครับ by kerry เมื่อกี้เลย

พอได้ฟัง รู้สึกถึงโทนที่นุ่มลงของเสียง เมื่อเทียบกับ marshall standmore ซึ่งผมใช้มา2-3ปี เสียงสดกระชับสะใจมาก แต่แยกตำแหน่งอะไรไม่ได้เลย 555
แต่ตอนนี้ ms1e ผมเหมือนยังแข็งๆสากๆหน่อย น่าจะต้องพ้นเบรินไปก่อนมั้ง 
รอดูอีกสักเดือนสองเดือนครับ 

ขอบคุณพี่ๆทุกๆคนที่ช่วยกันครับ :)

ต้องรอถึง200ชั่วโมงนู่นเลยครับ เสียงถึงจะเริ่มเข้าที่ครับ
และ500ชั่วโมง ถึงจะเริ่มนิ่งครับ
ผมใช้ Grado SR225e กว่าเสียงจะเหมือนตัวDemo ล่อไปเกือบ 6-700 ชั่วโมงเลยครับ

อ้อถ้ารู้สึกว่าก้านมันบีบเกินไป เอาไปหนีบหมอนขนาดประมาณหัวเรา ทิ้งไว้สัก2-3วันจะช่วยได้ครับ


ผมว่าถ้ารู้สึกได้ว่าเสียงนุ่มเกินไปนี่ สงสัยจะท่านจะได้ถอยGradoเพิ่มอีกตัวแล้วละครับ 555

แหม่ วันนี้ยุ่งเลยไม่ได้เข้ามาดูกระทู้ โดนท่าน MaxxIE ปาดหน้าไปก่อน
จะบอกเหมือนกันเลยครับว่า ดูไปก่อน ที่สองร้อย ห้าร้อย และเลยเจ็ดร้อยชั่วโมงครับ  ว่าไปเรื่อยๆ
ถึงเจ็ดร้อยชั่วโมงแล้ว ถ้าอยากเทียบกับ MS1 เดิม ลองบอกมานะครับ ^ ^

แหม่ วันนี้ยุ่งเลยไม่ได้เข้ามาดูกระทู้ โดนท่าน MaxxIE ปาดหน้าไปก่อน
จะบอกเหมือนกันเลยครับว่า ดูไปก่อน ที่สองร้อย ห้าร้อย และเลยเจ็ดร้อยชั่วโมงครับ  ว่าไปเรื่อยๆ
ถึงเจ็ดร้อยชั่วโมงแล้ว ถ้าอยากเทียบกับ MS1 เดิม ลองบอกมานะครับ ^ ^

ขอบคุณครับ คงเบรินโดยการใช้ฟังไปเรื่อยๆนี่แหละครับ 555
แต่โดยรวมแล้วเสียงก็ถูกใจไปอีกแบบครับ นุ่มๆ นวลๆดี แค่เสียงโปร่งๆผมก็ชอบละ ด้วยความที่เสียงไม่หนักแน่น จัดจ้านเท่า marshall ตั้งโต๊ะด้วย คงยังไม่ชินครับ 
แต่ก็เป็นข้อดีอีกอย่างคือทำให้ ใช้ฟังได้นานครับ ไม่หงุดหงิดเพราะโดนทิ่มแทงหูแทงใจมากเกินไป 555
ถ้าจะเอามันส์จริงๆ ค่อยไปฟังลำโพงตั้งโต๊ะละกัน :)

ส่วนเรื่องปวดหู อันนี้เซ็งๆเหมือนกันครับ ต้องถอดพักหูเรื่อยๆ แต่เค้าว่าเดี่ยวจะชินไปเอง ฟองน้ำนิ่มลงไปเอง ตรงนี้คงรอดูไปก่อนครับ ไม่งั้นก็คงต้องโมดิฟายฟองน้ำ เอาแบบหูครอบเป็นหนังมา DIY ไปครับ (วางแผนดูแบบไว้แล้ว 555)

อาการปวดหู เป็นกันทุกคนครับ ฟองน้ำ S Cush นี่ผมว่ายังไม่เท่าไหร่นะ
ถ้าพวกรุ่น L Cush นี่มันเริ่มคันตั้งแต่เริ่มใส่เลยครับ ใส่ไปนานๆปวดแสบปวดร้อนเลยครับ

วิธีแก้ก็อย่างที่ผมบอกไปคือ เอาไปหนีบหมอนความกว้างประมาณหัวเราครับ เวลาไม่ได้ฟังก็เอาไปหนีบไว้ครับ 2-3 วัน ก็ใส่สบายแล้วครับ

เอาจริงๆหูฟังฟองน้ำแบบGradoนี่ใส่สบายนะครับ เพราะมันโปร่งโล่งสบายไม่อับชื้น แค่ต้องเบิร์นก้านกับฟองน้ำมันสักหน่อยซะก่อนครับ

แรกๆผมใส่ได้ 10-20 นาทีก็หูแดงแล้วครับ แต่ทุกวันนี้ใส่5-6ชั่วโมง ยังชิลๆครับ

ขอบคุณมากครับผม :)
จะลองทำตามดูครับ ตอนนี้ใส่ไปสักพักต้องถอด แต่เหมือนจะอยู่ได้นานขึ้นเรื่อยๆทีละนิดๆครับ 555

ผมชอบฟังพวกเพลงแนว Diva ด้วยครับ 
 : ส่วนตัวผมว่า หูฟังตัวนี้มันหวาน ละมุน เหมาะกับ Diva เอเชียครับ
แต่ถ้าไปฟัง Diva ฝรั่ง เพราะ เหมือนกันแต่ไม่ค่อยสุดครับ ต้องไปพวกกระชับๆกว่านี้หน่อย บ้านผมมี Marshall เลยเทียบไป 
ไม่รู้ Grado จะแนวๆนี้รึเปล่าๆนะครับ ไม่เคยฟัง อาจได้เสียตังเพิ่ม 555

ตัวอย่างเพลงดังๆครับ แปะไว้ๆ แชร์ๆกันฟังครับ
Diva asia

เพลงที่เข้าทางGradoมันจะมาแนวๆเพลงของ AC/DC อะครับ
Grado ฟังเพลงวงนี้เพลงไหนก็ฟินครับ

เพลงนี้ เป็นเพลงที่ผมว่างัดเอาจุดเด่นของGradoออกมาได้สุดยอดเพลงนึงเลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=oVncCAR0MGs

เสียงกีตาร์คมๆ กลองแน่นๆ กีตาร์เบสจี๊ดจ๊าดๆ เสียงนักร้องกร้านๆหน่อย แถมจังหวะเร็วแค่ไหนก็ไม่ตีกันมั่วเลยครับ
ผมมีเวอร์ชั่นLosslessของเพลงนี้ เสียงกีตาร์นี่คมระดับได้ยินสายกีตาร์สั่นกระพือไปฟาดกับตัวกีตาร์เลยครับ

ขอบคุณมากครับ
เท่าที่ผมลองฟังดู และอ่านแนวเสียงที่พี่กล่าวไว้
ผมคิดว่า แนวดนตรีน่าจะคล้ายกับ Marshall นะครับ แต่ยังไงก็คงต้องลองฟังดู

ตอนนี้คิดว่าอยากจะเก็บอีกสักตัวละครับของ Grado ไม่ตัว wireless ก็ 225e  กิเลสมา 555
  แต่อย่างน้อยก็ขอลองฟังตัว ms1e ตัวนี้ ให้พ้นรันอินก่อน อยากเห็นแนวเสียงอย่างที่หลายๆรีวิวกล่าวไว้ครับ

แต่สำหรับ ms1e ตัวนี้ตอนนี้ ก็ถือว่าประทับใจมากครับ รักเลย 9/10 และจะรอฟังมันที่พ้นรันอินครับ

(สำหรับผมตอนนี่ ผมว่ามันเหมือนความลงตัวที่ครึ่งทาง ระหว่าง boss กับ marshall ติด B&O หน่อยๆ - เทียบได้แค่นี้เพราะมีแค่นี้ครับ 555)

ผมเพิ่งฟัง 225e ไม่ถึง 100 ชม. แต่ชอบเสียงมันแล้ว คงเพราะไม่มีตัวอื่นให้เทียบมาก ฮ่าๆๆ
ฟังวันละ 4-5 ชม. ยังเจ็บใบหูเป็นช่วง ๆ ฟังโมเดิร์นด็อก อัลบั้มเสริมสุขภาพ โดนใจมาก ๆ

ไม่แนะนำให้โม ear pad ครับ สบายหูแต่เสียงเปลี่ยน โฟกัสไม่ได้ สุดท้ายอาจต้องเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นของเดิมครับ

เริ่มชินขึ้นเรื่อยๆละครับ ปวดก็ถอด สักสองสามรอบแล้วถอดวางเลย 555

แต่ดีขึ้นอยุครับ
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะครับผม :)

Grado ทำแบบนี้ได้ด้วยนะครับ
ใครเบิร์นแล้วปวดหู แต่อยากฟังเพลงอยู่ ลองดูได้ครับ

https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=254052

เห็นรูปแล้วเข้าใจเลย ผมทำอยู่เหมือนกันครับ แขวนไว้ข้างโต๊ะ นั่งฟังไปเพลินๆ ดีกว่าเงียบๆ ครับ 555
ข้อดีของลำโพง open จริงๆ ^0^

วันนี้ผมเพิ่งได้นี่มาอีกตัวครับวันนี้ ksc35
ตามกระแสอันร้อนแรง อิๆ

แล้วผมก็ เหว๋อ!!! ครับ หลังจากได้ฟังเพลงนี้



และอีกหลายๆเพลง

หรือว่า Ms1e จำเป็นต้องมี Amp ต่อเพิ่มครับ
จึงจะดึงประสิทธิภาพได้เต็มที่ T^T
ตอนนี้เหมือนได้แค่ความหนักแน่น และแรงปะทะที่ดีกว่า =.="

วันนี้ผมเพิ่งได้นี่มาอีกตัวครับวันนี้ ksc35
ตามกระแสอันร้อนแรง อิๆ

แล้วผมก็ เหว๋อ!!! ครับ หลังจากได้ฟังเพลงนี้



และอีกหลายๆเพลง

หรือว่า Ms1e จำเป็นต้องมี Amp ต่อเพิ่มครับ
จึงจะดึงประสิทธิภาพได้เต็มที่ T^T
ตอนนี้เหมือนได้แค่ความหนักแน่น และแรงปะทะที่ดีกว่า =.="

นั่นไง เริ่มโดนของเข้าไปทีละตัวแล้ว 555

แต่ผมก็ยอมรับครับ ว่าเจ้าKSC35 มันเสียงเกินราคาจริงๆ แถมกำลังภายในยังเยอะอีกต่างหาก
ไม่เชื่อไปอ่าน คห ของคุณเหน่งบาในกระทู้จองKSC35ดูได้ครับ

ผมก็พึ่งซื้อมาเหมือนกัน เหวอกับเสียงและราคาของมันเหมือนกันครับ
แต่ผมว่าเบสมันบวมและเยอะไปหน่อย มันกลบรายละเอียดของเพลงไปเยอะอยู่ครับ

อ่านหลายกระทู้มากครับ ตั้งแต่ใหม่ไล่ไปเก่าๆ เลยตกลงปลงใจกับ ksc35 แล้วมาเหว๋อครับ 555
ที่จริงซื้อของมาแล้วมันดี นี่คือมันน่าดีใจครับ ดีกว่าซื้อมาแล้ว  // -.-" อืดๆ 555

สำหรับผม grado ยังต้องมีภาคต่อ ^^
แต่เรื่อง amp ยังใหม่มากเพราะเพิ่งมาสนใจ คงต้องศึกษากันไปพลางๆครับ

ผมว่าลองเบิร์นไปเรื่อยๆดูก่อนครับ
เพราะปกติGradoขึ้นชื่อเรื่องต่อตรงแล้วให้เสียงเป็นที่น่าพึงพอใจอยู่แล้วครับ

ผมบอกเลยว่าช่วงยังไม่ถึง500ชั่วโมงนี่ เสียงมันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะอยู่ครับ บางทีเบสหายไปเลย สักพักเบสบวม ก็มีครับ

ผมว่าถ้าจะไปต่อ ลงทุนจองตั๋วสายการบิน บินไปลองถึงที่เลยดีกว่าครับ เพราะแต่ละรุ่นแม้เสียงมันจะคล้ายๆกัน แต่มันมีบุคลิกที่แตกต่างกันอยู่พอสมควรครับ

ตอนผมไปลองผมยังชอบ325eน้อยกว่า225eเลยครับ เพราะผมว่าเบส325eมันเยอะเกินไป จนเหมือนเค้าพยายามเร่งเสียงย่านอื่นให้รายละเอียดมันกลับมาแสดงตัวอีกครั้งครับ

แต่วัสดุ325eมันดีกว่า225eเยอะเลยครับ ได้คัพอลู แถมเฮดแบนหนังแท้ด้วย ซีรี่ส์เดียวกันแท้ๆ แต่วัสดุเกินหน้าเกินตารุ่นน้องเกิ๊น
225eดันแค่คัพพลาสติก เฮดแบนหนังเทียม เอาจริงๆอยากเรียกว่าพลาสติกมากกว่าหนังเทียมด้วยซ้ำ หนังเทียมพี่ก็เทียมเกิ๊น 555

ครับผม ปลายปีนี้น่าจะได้เข้า กทม ครับ ว่าจะเลยไปเหนือหน่อย น่าจะได้แวะไปลองหลายๆรุ่นครับ ตอนนี้รู้สึกชอบในเสน่ห์หลายๆอย่างของ grado ครับ :)

แนะนำว่าต้องลองฟัง RS 1e กับ MS pro e ให้ได้เลยนะครับ แล้วถ้ามีเวลาเหลือก็ลองฟังสี่จตุรเทพ GS 1000e, GS 2000e, PS 1000e, PS 2000e ดูด้วยนะครับ 

ขอบคุณครับ จะพยายามไม่พลาดครับ

ว่าแต่ถ้าใช้ player จาก โทรศัพท์ เปิดยูทูปดีๆ
แล้วต่อผ่าน Dac/Amp อีกรอบก่อนเข้าหูฟัง คุณภาพเสียงจะดีขึ้นไหมครับ หรือแค่ดังขึ้นครับ

ต่อ DAC/Amp นอกจากกำลังขับแล้วจะได้เรื่องมิติด้านกว้างด้านลึกและการแยกชิ้นดนตรีที่ชัดเจนมากขึ้น อิมแพคแรงขึ้นรวมทั้งมีความไหลลื่นมากขึ้นครับ แต่ถ้า Grado รุ่น GS หรือ PS แนะนำให้ลองกับ DAC/Amp ตั้งโต๊ะจะได้คุณภาพสูงสุดครับ ถ้ามาลองฟังที่สาขาเรือธงก็หายห่วงเลยครับ กระซิบบอกคุณหลุยส์หยิบ Mojo, Hugo2, WA8 แอมป์ตั้งโต๊ะเทพๆ หรือแอมป์หลอดของ Woo มาลองได้เลยครับ

ผมนึกว่าผมเข้ามาตอบกระทู้นี้แล้วซะอีก แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นหลงตาไปซะงั้น 55

ตัว Alessandro นั้นจะมีข้อนึงที่ทุกคนเจอคือเสียงปลายแหลมมันมีเกรนหยาบ เสี้ยนเสียง หรือ Sizzle มันเยอะไปหน่อย อันนี้เป็นลักษณะของไดรเวอร์ที่พันลวดวอยซ์คอยส์ด้วยสูตรเฉพาะของ Grado ครับ ซึ่งไม่ต้องแปลกใจ ไม่ต้องไปส่ปุ๋ยเพื่อทำการเร่งมันหรอกครับ

ค่อยๆฟังไป เบิร์นไป ก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกันครับ หลังจากผ่านช่วงเบิร์นอินไประดับนึง เสียงจะกลมกล่อมกว่าเดิมพอสมควร แต่สิ่งที่ต้องผ่านให้ได้คือการที่ฟองน้ำมันกัดใบหูครับ บางท่านผิวบางหน่อยจะรู้สึกแสบมาก ผมเองเคยโดนกัดจนน้ำตาแทบไหล คือจะทิ้งก็เสียดายเพราะชอบเสียง แต่ก็ต้องทนเพราะไอ้ฟองน้ำกัดหูนี่ล่ะ 55

ส่วน Koss นั้นไม่มีอะไรต้องกังวลในเรื่องการเบิร์น หรือเรื่องจะเสียบกับอะไรดี คือมันเป็นหูฟังที่เสียบไปเหอะ ฟังไปเหอะ เสียบกับอะไรได้ง่ายๆแบบไม่ต้องคิดมาก ซึ่งทำยังไงก็ต้องบอกว่าเสียงมันดีมากแบบเรื่องไม่มาก สิ่งที่พึงระลึกก็คือ ต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับการใส่หูฟังสไตล์ Clip Ear ของ Koss KSC35 ครับ

เพราะบางท่านปรับตัวใช้งานไม่ได้ อาจจะถึงขั้นเกลียดมันเลยก็มี ซึ่งไม่ผิดแต่อย่างใดเช่นกันครับ 555

ขอบคุณมากนะครับคุณพี่และเฮียครับ

ผมน่าจะลองเอา Dac/Amp รุ่นเริ่มต้นมาลองดูหน่อยครับ ฟังความแตกต่างครับ <ปล.บ้านไกลนี่ลำบากกกจุงงๆๆ>

ในส่วนของการเบิร์นคงต้องทำและรอฟังต่อไปครับ สู้ๆ..
ส่วนเรื่องฟองน้ำตอนนี้โอเคครับ เริ่มชินและเริ่มชอบครับ

คลิปออนนี่ชอบเลยครับ เบากว่า สบายกว่า นอนกลิ่งเดินก็ไม่หลุดครับ และด้วยความใส สว่าง และเวทีเสียง เหมือนจะมาฟังตัวนี้บ่อยกว่าแระครับตอนนี้ 555
เลยมาเริ่มเวียนๆมองหา Dac/Amp ครับ :)

ยินดีครับ^^ ตอนนี้ใช้ของเท่าที่มีไปก่อนเลยครับ การเล่นพวกแก็ดเจ็ทอย่างหูฟัง ความสนุกคือการฟัง

ถามว่าฟังอะไร??

เราต้องฟังออกว่าหูฟังตั้งแต่ซื้อมาใหม่ๆแกะกล่อง จนผ่านการใช้งานไปตามวันเวลา เราฟังออกถึงความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เราฟังออกหรือไม่ว่าเราต้องการอะไรเพิ่มจากมันอีก และสำคัญคือเราฟังแล้วอยากฟังมันต่อหรือเปล่า

ความสนุกของการเล่นหูฟังจะอยู่ประมาณนี้ครับ ฟังบ่อย ได้ฟังเพลงที่ตัวเองชอบ ทักษะการฟังจะค่อยๆเกิดขึ้นเองไปเรื่อยๆ รับรองว่าฟังเป็นทุกคนแน่นอนครับ

การซื้อสินค้าแบบเปรี้ยงเดียวให้จบที่ตัวแพงสุดเลย ผมว่าไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง และถือว่าผิดวิธีด้วยซ้ำครับ เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าอะไรที่ตัวแพงให้ความต่างจากตัวถูก จนกว่าเราจะฟังมันออกจริงๆ หูฟังหลายๆตัวในโลกนี้ ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ให้คุณภาพที่ดีแล้วตอบสนองได้อย่างเพียงพอกับความต้องการก็มีเยอะครับ

ขอให้สนุกกับการฟังครับ^^

ขอบคุณมากๆครับเฮีย สำหรับคำแนะนำ เตือนสติ และการสอนครับ ผมจะเอาแนวคิดนี้มาปรับใช้ศึกษาเพิ่ม และพยายามพัฒนาต่อยอดไปครับ

ที่จริงผมชอบฟังเพลงมาตลอด แต่ไม่เคยฟังอย่างจริงจัง ไม่เคยสนใจหูฟังเลยครับ ออกทางแอนตี้ด้วยซ้ำเพราะสนใจแต่ลำโพงใหญ่ ซึ่งความละเอียดมันสู้พวกหูฟังไม่ได้ครับ (*สำหรับตัวที่ผมมีและส่องถึง)
เพิ่งมาสนใจได้ราว 1สัปดาห์ก่อนตั้งกระทู้นี่ครับ

ผมขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกๆคำแนะนำครับ :)

ขอความเห็นหน่อยครับที่ได้มาใหม่ทั้ง 2 ตัว เสียงต่างกันเยอะไหมครับ 

ถ้าตามประสามือใหม่ (มาก) ของผม

ผมว่า Ksc35 ให้เวทีเสียงที่กว้างกว่า เสียงของเครื่องดนตรีให้ความรู้สึกมีระยะห่างกว่าตัว Ms1e ไม่ซ้อนทับกัน 
เสียงแหลมประกายชัดกว่า เสียงร้องโปร่งสบายลอยเด่นออกมา เหมือนเราไปยืนฟังอยู่กลางวงดนตรีครับ ฟัง vocal แล้วฟิน ลอย สุดๆ

ส่วน Ms1 สำหรับผม มันให้ความหนักหน่วงของเสียงดนตรีมากว่า เนื้อเสียงนุ่มหนากว่า ปลายเสียงแหลมทอดยาวไกลกว่า เหมือนเราไปยืนอยู่ต้นคอนักร้องในฮอลครับ 555
(ความรู้สึกเหมือนฟังเสียงท่อฮาเล่ย์ กับ ksc35 เป็นเสียงเฟอร์รารี่ครับ)

ทั้งสองตัวนี้บุคลิคต่างกัน แต่ยังอยู่ในทิศทางเดียวกัน แต่แทนกันไม่ได้ เพราะฟังแล้วยังไงก็คนละแบบครับ

ปล. หลายๆท่านเค้าว่ากันว่า Ksc35 ฟังพวก Rock ++ มันส์ แต่สำหรับผม ส่วนตัวใช้ Ms1e จะโดนใจกว่าครับ เพราะเวลาฟัง rock ผมชอบเบสหนักครับ ksc35 กระชับและปริมาณน้อยกว่าครับ

ตอบมายาวยืดเผื่อกำลังสนใจสองตัวนี้นะครับ แต่ทั้งนี้รอท่านอื่นชี้แนะเพิ่มเติมครับ :)