Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

SSD เสียงมัน จะแห้งๆ เหรอครับ

ลองถามดู

20/04/2018 22:40:17
จริงๆ กลัวดราม่า ว่า ตามทฤษฎีแล้วไม่ควรต่าง แต่ ฟังเทียบกันหลายรอบ แล้ววันนี้ เลย อยากถามว่าเสียง ssd นี่มัน แห้งกว่า harddisk เหรอครับ หรือ ที่หายไปคือ noise 

คือ พื้นหลังมัน สงัดขึ้น เวทีกว้าง ขึ้นหน่อยนึง ตำแหน่งชิ้นดนตรีชัดขึ้น แต่เสียงมันแห้งลงอ่ะครับ ไฟล์ เดียวกันแป๊ะๆ แต่เปลี่ยนที่เก็บเฉยๆ เสียงมันต่าง ในความฉ่ำกับย่านแหลม ที่มัน ไม่ฟุ้ง 

Ssd ของผมคือ samsung 860 evo สาย sata ธรรมดา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

artpiggo

20/04/2018 23:10:55
15
น่าจะเข้าใจถูกแล้ว เสียงสงัดขึ้น ฉากหลังเงียบ รายละเอียดดนตรีชัดขึ้น แต่แห้งลงคงหมายถึงฉ่ำน้อยลงใช่มั้ยครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 2

ไม่ต่างกันหรอก

20/04/2018 23:28:01
ผมว่าไม่ต่างกันครับ ลองทำ blind test ด้วยตัวเองดู ผมลองแล้ว ไม่สามารถแยกได้เลย

ไม่เชื่อลองเอาไฟล์เพลงที่จะทำ blind test ใส่ใน ssd แล้ว hdd

เสร็จแล้วลากเพลงมาใส่ Foobar2000 สลับลากจาก ssd กับ hdd สลับๆลากใส่สัก 20 ครั้ง ให้เป็นไฟล์เพลงเดิมๆ ทั้งหมด 20 ไฟล์เพลง

เสร็จแล้วลองใช้ Foobar2000 เล่นเพลงแบบ Random พอฟังใกล้จะจบ ก็ลองทายดู แล้วกด Stop เสร็จแล้วลองคลิ๊กขวาที่ไฟล์เพลงนั้นแล้วเลือก  Open containing Folder ดูว่าไฟล์นี้อยู่ไหนมาจาก ssd หรือ hdd ลองทำสัก 10 ครั้ง

ผมค่อนข้างมั่นใจคุณแยกไม่ถูกแน่นอน 55555+ นอกจากจะฟลุ้คถูกจริงๆก็ได้
จริงทฤษฎีคิดไปเอง ในการฟังเพลงผมอยากจะพูดอยู่เหมือนกัน ทั้งที่มันไม่ต่างเลย แต่ใจเราถ้าคิดว่าต่าง มันก็ต่างครับ 5555+
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

sdiox

20/04/2018 23:34:22
1
ส่วนตัวผมคิดว่าที่ จขกท. พูดมามีความเป็นไปได้ เพราะอาจมีปัจจัยจากอุปกรณ์ที่ใช้ฟังว่ามัน sensitive กับ activity ของเครื่องคอมมากน้อยขนาดไหน

หากมีเวลาลองเข้าไปดูในเว็บ audio science review ดู เขาจะเน้นคุยประสิทธิภาพอุปกรณ์แบบ objective คือวัดและเปรียบเทียบได้
ไม่ใช่ subjective ที่เอาความรู้สึกมาบรรยาย จะเห็นว่าอุปกรณ์บางยี่ห้อบางรุ่น (เช่น DAC ยี่ห้อ S ยอดฮิตของเมกา) มันมีถูกสัญญาณภายนอกรบกวนง่ายมาก
เกิด distortion มากน้อยเปลี่ยนแปลงไปตาม activity ของคอมขณะที่ทำการวัดผลครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

ไม่ต่างกันหรอก

20/04/2018 23:45:26

ส่วนตัวผมว่าไม่ต่างนะครับ แต่ถ้า DAC AMP ต่างแน่นอน

ที่ว่าไม่ต่างคือ ไม่ว่าจะเปิดไฟล์เพลงจาก HDD หรือ SSD ผลสุดท้ายไฟล์เพลงจะไปอยู่ในแรมครับ

ก็จะเป็นการประมวลผลระหว่าง CPU กับ RAM นั้นเอง 
HDD กับ SSD แทบจะไม่ทำงานเลย

งี้เปลี่ยนแรมไม่เห็นผลกว่าหรอครับ 555+ แซวเล่นๆ

ลองทำ Blind test ดูก่อนครับ ผลเป็นไงเดี๋ยวก็รู้

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

sdiox

20/04/2018 23:49:23
1
สารภาพว่าผมเองไม่น่าจะฟังแยกออก และผมก็คิดว่ามันไม่น่าต่างกันด้วยเหตุผลที่คุณว่ามานี่แหละครับ 5555

แต่เห็นผลทดสอบใน ASR ละถึึงได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นพอควรว่าเออ มันก็มีการไปกวนอุปกรณ์ได้นะ ถึงตัวเองไม่น่าจะฟังแยกออกก็เหอะ :P
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

Kakaros

21/04/2018 05:49:45
ยืนยันว่าต่างครับ ของผมซัมซุง 850 อีโว โน๊ตบุ๊คเครื่องเดิมซึ่งผมฟังอยู่ทุกวันจนคุ้นหู พอเปลี่ยนเข้าไปเสียงสงัดขึ้น รายละเอียดชัดขึ้น เนียนใสขึ้น ผมว่าจานหมุนมันมีมอเตอร์มันเลยสร้าง noise ออกมา สรุปเปรียบง่ายๆเหมือนคุณใช้กล้องตัวเดิมแต่เปลี่ยนเลนส์เกรดโปรภาพก็ยังภาพเดิมแต่คมและใสขึ้นครับ ขนาดฟัง tidal ยังต่างเลยครับ ผมละงงจริงๆผมลองเอา hdd เดิมสลับใส่ก็ต่างครับ เป็นสิ่งที่ผมจะแนะนำให้ทำอย่างแรกถ้าจะอัพเกรดคอมไว้ฟังเพลงนอกจากเครื่องจะไวขึ้นแล้วเสียงยังดีขึ้นครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

yamano

21/04/2018 07:19:54
271
ส่วนผมว่า 

ถ้าผมไม่กินแห้ง ผมจะสั่ง ลุงเล็กน้ำหนึ่ง ไม่ใส่ถั่วงอก
แค่นี้ก้ไม่แห้งแล้วครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

CHRONOADICT

21/04/2018 07:47:47
676
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นที่แฝงความรู้นะครับ มีประโยชน์มากๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

Artnoi

21/04/2018 09:42:22
425
ลองใช้ foobar2000 แล้วใช้ ABX comparator ทดสอบดูครับว่าคุณแยกได้จริงไหม เพื่อผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือที่สุด และปราศจาก bias ทุกประเภทครับ

ปล. ผมเห็นด้วยนะครับว่าวัดค่าแล้วมันน่าจะต่าง แต่ค่านั้นอาจไม่ได้ส่งผลกับพารามิเตอร์ทางเสียง (noise, frequency response, time-based error, distortion) หรือไม่ก็ส่งผลกับออดิโอเล็กน้อยเกินหูคนเราจะได้ยินครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

ลองถามดู

21/04/2018 10:29:28
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมไม่อยาก ให้เป็นประเด็น นะครับ แค่อยากทราบว่ามีคนรู้สึกเหมือนผม ไหมครับ คือผม อ่ะ ใช้ jriver ฟัง สลับไปสลับมา ท่อนต่อท่อน เลยครับ ฟังแวบแรก ตอนใส่ ใหม่ๆ คือ พอใส่เสร็จ ลากไฟล์ ไปวางก็ลองเปิด ด้วยความคาดหวังว่า มันต้องไม่ต่าง พอฟังปุ๊บ มันผิดหูอ่ะครับ มันไม่ฉ่ำ อ่ะ อธิบายไม่ถูกครับ เลยลอง กลับไปฟัง จาก hdd เดิม มันก็ได้ความรู้สึกเดิมครับ เลยเปิด เทียบไปมาก็จับ ความรู้สึก ได้ประมาณที่เล่าครับ คือ ผมไม่ได้อยากให้มันต่างนะครับ จริงๆ แล้ว อยากให้เหมือนเดิม เสียตังค์ แล้วแย่ลง คงไม่ดี เด้ว จะลอง random เล่น ไฟล์ดู แล้ว จะลองเทสดูนะครับ ว่า มันแค่ bias หรือเปล่า ยังไงก็ขอบคุณ นะครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

Kakaros

21/04/2018 12:02:37
ผมว่าอย่างน้อยก็มี 2 คนคือผมกับ จชก. ฟังแล้วต่าง และก็ออกมาในทางเดียวกันแบบนี้ผมคงไม่บ้าอยู่คนเดียวแล่วล่ะครับ

คือวงการเครื่องเสียงถ้าคุณตั้งธงไว้แต่แรกว่า เชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ด้วยเหตุผลไดก็แล้วแต่ผมว่ามันเป็นการปิดกั้นตัวเองอยู่ในกะลาเกินไปแล้วละครับ ถ้าอยากรู้ต้องพิสูจน์เองเท่านั้น ใครฟังออกก็เสียเงิน ฟังไม่ออกก็โชคดีไปแค่นั้นเอง

ไม่ได้หมายความว่าคนที่ฟังออกคือคนบ้า แต่พวกที่ไม่เชื่อและคิดว่าตัวเองรู้เยอะ(แต่ไม่เคยลอง)คือพวกที่ฉลาดสุดงั้นหรอครับ...? 

จริงแล้วผมไม่ออกมาพูดก็ได้ แต่บังเอิญว่ามีคนรู้สึกเหมือนกันก็แค่ออกมาคุยกันเท่านั้นเองครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

Artnoi

21/04/2018 13:30:56
425
ผมก็ลองดูละครับตะกี้ ใช้ MacBook Pro touch bar 2016 มี SSD อยู่แล้ว ต่อกับ external HDD

USB DAC+Amp: Yulong DAART Canary
Desktop amplifier: Massdrop O2 (medium gain)
Headphones: HD600 K7XX DT770 DT880
ไฟล์ที่ใช้เป็นไฟล์ที่ฟังทุกวันครับ alac (16bit/44.1kHz)

ผมรัน foobar2000 ผ่าน wine แล้วใช้ ABX Comparator ฟังสองไฟล์จากจากสอง storage medium ผลคือ แยกไม่ได้ครับเลยไม่เทสต่อจนจบเทสต์ 555555555

คือถ้าเทสต์แล้วตายังมองเห็นอยู่ว่าไฟล์อยู่บนไหน เป็นไปได้สูงว่าคุณจะถูก mislead โดย bias ครับ ถ้าแยกออกก็ยินดีด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 13

kakraros

21/04/2018 21:14:32
ผมทดสอบโดยเปลี่ยน HDD ออกแล้วใส่ SSD ลงไปแทนเลยครับ os คือ windows 10 pro เหมือกัน แต่โปรแกรมในเครื่อง HDD จะมากกว่าเพราะมันคือของเดิมที่ใช้งาน (ไม่รู้มีผลรึป่าวครับ) ส่วน SSD ลงแค่ไดรเวอร์แล้วก็บางโปรแกรมเท่านั้น ฟังโดยใช้ Foobar 2000 กับ Tidal pc App โดยเปิด Fidilizer 8.1 Purist เวลาฟังทั้งคู่ เพลงก็ลงไว้ใน HDD กับ SSD ตัวที่เปลี่ยนลงไปนั่นล่ะครับ  

ชุดที่ฟังประจำก็
DAC Teac UDH 01 + Supra USB 2.0 Cable
Amp Elemental watson + Clef Lsd 5 Linear Power Supply
Headphone HD650 , DT880 Edition (แอบคล้ายกัน เห่อๆ)
interconnection cable Vampire AI 2
AC Power Cord Venom 14

ผลก็ตามที่บอกล่ะครับ เหมือนกระจกที่ใสขึ้นมองอะไรก็ชัดใสกว่าเดิมไปหมดทุกอย่างครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

ไม่ต่างกันหรอก

21/04/2018 22:18:46

ผมไม่รู้นะ การทำงานของ hdd กับ ssd เวลากดเล่นเพลง มันจะโยกข้อมูลจาก hdd หรือ ssd ไปประมวลผลในแรม

ไม่เชื่อลองเปิด Process ก่อนเล่นเพลง หลังเล่นเพลงดูครับ Memory ram จะขึ้นครับ

ถ้าให้พูดให้เห็นภาพก็ประมาณ hdd หรือ ssd เป็นแค่กล่อง ที่ไว้เก็บกระดาษโน๊ตเพลง แล้วนักเล่นเพลงก็ล้วง เอากระดาษโน๊ตเพลงไปเล่นใน Ram ครับ

ไฟล์เพลงที่ผมเล่น 24bit/96kHz

หูฟังที่ลองฟัง
ผ่านหูฟัง hd 700 , hd 800
Dac : audio gd r2r11


หรือผมต้องถอด hdd ออก เพราะจะบอกว่า hdd ไปก่อกวนสัญญาน หรือป่าวครับ เพราะตอนทดสอบผมไม่ถอด hdd 
spec คอมผมก็ประมาณนี้
► CPU : intel i7 8700k
► VGA : GTX ASUS 1080 ti Strix
► RAM : Corsair RGB 16 gb
► M/B : asus prime z370-A
► SSD : M.2 Samsung 960 Pro
► HDD : western 2 TB 2 ลูก

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

นายมั่นคง

21/04/2018 22:29:02
4,282
การฟังความต่างของเสียงระหว่าง SSD และ HDD ออกไม่ใช่เรื่องบ้าหรือแปลกครับ โครงสร้างของทั้งสองตัวไม่เหมือนกัน การบันทึกไฟล์และการเรียกไฟล์มาอ่านก็ไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่ามีความต่างกัน แต่ผมเองก็ไม่เคยทดลองจริงๆจังๆซักที ผมมี SSD และ Ex HDD แต่ก็นึกแปลกใจว่ายังไม่ได้ลองเทียบดูครับ

เพราะถ้าหากเทียบก็คิดว่าฟังออกยากเหมือนกัน (แต่คงฟังออก) ขนาดสาย USB 3 เส้น ยังฟังออกว่าเส้นไหนเสียงดีกว่าเส้นไหนได้เลยครับ พวกสาย lan ดีๆก็ฟังออก แต่ยังไงลองเทียบจากไฟล์เดียวกัน เงื่อนไขคล้ายๆกันที่สุดอีกที

ผมว่าจะเอา SSD ใส่ใน Roon Neucleus แล้วฟังเทียบกับ Ex HDD อยู่เหมือนกันเร็วๆๆนี้ครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 16

InLimbo

22/04/2018 09:00:11
53
SSD เสียงดีกว่าชัดเจนครับ ผมใช้ Samsung T5 สงัดและนิ่งมาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

เข้ามาอ่านครับ

22/04/2018 10:06:26
เฮียต้องต่อฟังจากพอร์ท sata ข้างใน room ให้เหมือนกันเลยครับจะได้ตัดตัวแปรเรื่องสาย USB จาก Ex HDD ด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

ไม่ต่างกันหรอก

22/04/2018 11:07:25

งั้นถ้า ใครหลายๆคนคิดว่าต่าง ลองใช้โปรแกรม Ramdisk เลยครับ
เอาแรมมาเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลเลย
http://memory.dataram.com/products-and-services/software/ramdisk?
ดาวโหลดปุ่มอยู่ด้านล่างๆครับ คำว่า RAMDisk Software

ครจะใช้โปรแกรมนี้คอมต้องมีแรมเยอะๆนิดนึง 8gb หรือ 16 ก็น่าจะพอ

สมมุติไฟล์เพลง 1 ไฟล์ขนาด 150 mb ก็น่าจะได้สัก 30 เพลงได้ คงเพียงพอ

ทีนี้ไฟล์เพลงจะได้ไม่ต้องโหลผ่านทั้ง SSD หรือ HDD เลยครับ ไฟล์เพลงอยู่ใน RAM พร้อมเล่นตลอดเวลา
ใครที่ฟังออกก็ลองดูนะครับว่าเสียงจะดีกว่าเดิมไหม

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

cement

22/04/2018 11:10:43
10
ไฟล์เพลงไม่ได้ประมวลผลในแรมนะครับ   ประมวลผลที่ชิพ dac 
แรมแค่เปลี่ยนจากที่เก็บดึงข้อมูลจากssdไปที่ramเพื่อรอประมวลผล

ssdกับhdd โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะต่างเพราะ hdd มีแม่เหล็กทั้งจานหมุน ทั้งที่หัวเข็ม
ในวงการเรื่องเสียงแค่เปลี่ยนสายหูฟังเสียงก็ยังเปลี่ยนเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

ไม่ต่างกันหรอก

22/04/2018 11:28:30
ใจเย็นๆครับ DAC ชื่อก็บอกอยู่ว่า digital to analog converter
ไม่ได้ประมวลผลนะครับ

สรุปคือไฟล์เพลงยังไงก็ต้องใช้ CPU ในการประมวลผลครับ แล้วก็ออกตามช่อง port ต่างๆไปที่ DAC อีกที
DAC ก็แค่เปลี่ยนสัญญาน ditital เป็น analog เฉยๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

tintin3274

22/04/2018 11:47:30
2
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 18 - ไม่ต่างกันหรอก

งั้นถ้า ใครหลายๆคนคิดว่าต่าง ลองใช้โปรแกรม Ramdisk เลยครับ
เอาแรมมาเป็นพื้นที่เก็บข้อมูลเลย
http://memory.dataram.com/products-and-services/software/ramdisk?
ดาวโหลดปุ่มอยู่ด้านล่างๆครับ คำว่า RAMDisk Software

ครจะใช้โปรแกรมนี้คอมต้องมีแรมเยอะๆนิดนึง 8gb หรือ 16 ก็น่าจะพอ

สมมุติไฟล์เพลง 1 ไฟล์ขนาด 150 mb ก็น่าจะได้สัก 30 เพลงได้ คงเพียงพอ

ทีนี้ไฟล์เพลงจะได้ไม่ต้องโหลผ่านทั้ง SSD หรือ HDD เลยครับ ไฟล์เพลงอยู่ใน RAM พร้อมเล่นตลอดเวลา
ใครที่ฟังออกก็ลองดูนะครับว่าเสียงจะดีกว่าเดิมไหม

ปกติผมใช้ JRiver ก็สะดวกดีครับ ตั้งค่าเล่นผ่าน RAM ได้เลย ไม่ต้องใช้โปรแกรมนอก เวลาจะเล่นเพลงโปรแกรมก็จะเอาเพลงมาไว้ในแรมเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

ไม่ต่างกันหรอก

22/04/2018 12:22:19
พอทราบครับว่า JRiver มีตั้งค่าเล่นผ่าน Ram
แต่ประเด็นคือ หลายๆคนบอกว่า ใช้ hdd กับ ssd เสียงต่างกัน เลยอยากให้เห็นภาพโดยใช้ Ram เป็นที่เก็บข้อมูลไปเลย จะได้ไม่ต้องผ่าน ssd กับ hdd 5555+


ส่วนเรื่องการฟังต่างไม่ต่าง อันนี้ผมก็ ยังไม่กล้าฟันธงครับ
แต่จะบอกว่าการเก็บข้อมูลของ SSD กับ HDD ก็คล้ายๆกันเลย ต่างกันแค่ความเร็ว
ไฟล์เพลงใน hdd หรือ ssd ก็เป็นไฟล์ Digital 0101010101 เหมือนกันเด๊ะๆ
พอเราเปิดเพลงในคอม ก็จะดึงข้อมูล พวกนี้แหละครับ ย้ายมาอยู่ในแรมชั่วคราว แล้ว CPU ก็จะประมวลผล
แล้วส่งข้อมูล Digital ออกไป port usb หรือ port อื่นๆที่เราเสียบอีกทีครับ เพื่อไปหา dac เปลี่ยนสัญญานเป็น analog
ทีนี้ก็อยู่ที่ dac แล้วครับจะขยายเสียงจะปรุงเสียงออกแนวโทนไหนก็ตามยี่ห้อนั้นๆ
ซึ่งถ้าคนรู้เรื่องคอมนิดหน่อยก็น่าจะรู้ แล้วจะพูดว่า เห้ยเสียงไม่น่าจะต่างกันหรอกมั้ง เพราะ HDD หรือ SSD ก็เก็บข้อมูลเหมือนกันนี้นา ต่อให้สัญญานรบกวนมากๆๆแค่ไหน ข้อมูลก็ยังคงเป็น 0101010101 เหมือนเดิมนี้นา ( เหตุผลส่วนตัวผมคิดว่า hdd vs ssd ไปที่แรม ไม่น่าจะมีผลต่อเสียง )
แต่!!! อันนี้ผมก็ไม่กล้า Confirm ครับ อาจจะมีหลายปัจจัย

ยกตัวอย่างเช่น !!
คอมเครื่องไหนมี hdd จานหมุน มันอาจจะไปสร้างสัญญาณรบกวน เสียงตอนช่วงขาออกจากเครื่อง PC
ช่วงที่สัญญานกำลังส่งออกไปหา DAC นั้นแหละครับ
เดี๋ยวผมว่าจะลองเอา hdd ถอดออกจากเครื่องทั้งหมดดูบ้าง แล้วให้เหลือแต่ SSD ในเครื่องอย่างเดียวเลย อาจจะเห็นความต่างก็ได้
ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่ได้ทำการทดลอง เดี๋ยวต้องขอลองดูหน่อยนึงครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

big ass

22/04/2018 14:22:35
อย่าว่าแต่ HDD กับ ssd ให้เสียงต่างกันเลย แม้แต่พอร์ต USB คนละช่องเอา DAC มาเสียบเสียงยังต่างกันนิดหน่อยเลย สังเกตุที่ปลายเสียงแหลม บางช่องจะฟุ้งหน่อย บางช่องจะไม่ฟุ้ง อันนี้ลองเล่นกันดู ฟังออกก็ดีไปฟังไม่ออกก็ไม่ต้องสนใจมัน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

Krittee

22/04/2018 14:58:13
13
สำหรับผมลอง Bind Test แล้วจาก Com เครื่องเดียวกัน ที่มีทั้ง HDD และ SSD ผมแยกไม่ออก
ลองเสียบ USB คนละช่องก็แยกไม่ออก

แต่ถ้าappคนละตัว คอมละคนเครื่อง หรือสายUSB สายหูฟัง คนละเส้นฟังออกสบายๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

ลองถามดู

22/04/2018 16:38:49
โอ้ววว ขอบคุณทุกท่านทีลอง ทั้งต่างและไม่ต่าง และขอบคุณเฮียด้วยครับ ที่จะลองให้ 

ผมลองเมื่อคืน ไปหลายครั้ง โดย add file เพลง เดียวกัน ใน playing now ของ jriver เล่น แบบ shuffle แล้วใช้ gizmo ลองเล่น สลับ ไปมา เพราะ gizmo ไม่ได้เห็น pathครับ ก็ฟังออก นะครับ ผมลองไป เพลงเดียว คือ beyond word ใน album natural jazz recording เป็น dsd เสียงที่จับได้ คือ hdd มันจะอิ่มฉ่ำ กังวาลนิสๆ เสียง แฉ่ จะ นุ่มกว่า piano มีความหวานในเสียง แต่ ssd จะให้ ตำแหน่งที่นิ่งชัด แต่ไม่อิ่มเท่า เสียง piano จะถูกผลักออก ไปข้างๆ มากกว่านิสนึงแต่ไม่หวานเท่า pc ผม ใส่ทั้ง hdd และ ssd ในเครื่องเดียวกัน ใช้ jriver load raw file ขึ้น ram ส่งไป dac ผ่าน jitterbug และ dac driver ใช้ asio ส่วน os เป็น 2012r2 บวก fidelizer หู 800s แต่ hdd หลายปีแล้วครับ เป็น wd เลยไม่รู้เพราะ มันเก่าหรือเปล่าเลย ต่าง อิอิ

ก่อนหน้านี้ เสียบ usb คนละช่อง ก็พอจับ ความรู้สึกได้นิดหน่อยนะครับ มันจะมี bus นึง ที่เสียบแล้วฟังแล้วเครียดกว่า รุกเร้ากว่า 

ผมเองก็หูตะกั่วครับเพิ่งเล่นแบบบ้านๆ เพียงแต่ พอลองแล้ว เจอเลยอยากถามว่าผม เจอคนเดียวหรือเปล่า อย่า ซีเรียสกันเลยครับ เหมือนที่ท่านบนบอก ว่า ฟังแล้วต่างนี่ซวยนะครับ ฟังแล้วไม่ต่างอ่ะโชคดี ผม อ่ะ เซ็งเพราะตั้งใจจะนำมา เก็บเพลง เพิ่ม รู้งี้ซื้อจานหมุนปกติดีกว่าได้ 1tb สบายๆ 

ขอให้สนุกกับการฟังกันนะครับ 


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

tintin3274

22/04/2018 17:08:17
2
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 25 - ลองถามดู
โอ้ววว ขอบคุณทุกท่านทีลอง ทั้งต่างและไม่ต่าง และขอบคุณเฮียด้วยครับ ที่จะลองให้ 

ผมลองเมื่อคืน ไปหลายครั้ง โดย add file เพลง เดียวกัน ใน playing now ของ jriver เล่น แบบ shuffle แล้วใช้ gizmo ลองเล่น สลับ ไปมา เพราะ gizmo ไม่ได้เห็น pathครับ ก็ฟังออก นะครับ ผมลองไป เพลงเดียว คือ beyond word ใน album natural jazz recording เป็น dsd เสียงที่จับได้ คือ hdd มันจะอิ่มฉ่ำ กังวาลนิสๆ เสียง แฉ่ จะ นุ่มกว่า piano มีความหวานในเสียง แต่ ssd จะให้ ตำแหน่งที่นิ่งชัด แต่ไม่อิ่มเท่า เสียง piano จะถูกผลักออก ไปข้างๆ มากกว่านิสนึงแต่ไม่หวานเท่า pc ผม ใส่ทั้ง hdd และ ssd ในเครื่องเดียวกัน ใช้ jriver load raw file ขึ้น ram ส่งไป dac ผ่าน jitterbug และ dac driver ใช้ asio ส่วน os เป็น 2012r2 บวก fidelizer หู 800s แต่ hdd หลายปีแล้วครับ เป็น wd เลยไม่รู้เพราะ มันเก่าหรือเปล่าเลย ต่าง อิอิ

ก่อนหน้านี้ เสียบ usb คนละช่อง ก็พอจับ ความรู้สึกได้นิดหน่อยนะครับ มันจะมี bus นึง ที่เสียบแล้วฟังแล้วเครียดกว่า รุกเร้ากว่า 

ผมเองก็หูตะกั่วครับเพิ่งเล่นแบบบ้านๆ เพียงแต่ พอลองแล้ว เจอเลยอยากถามว่าผม เจอคนเดียวหรือเปล่า อย่า ซีเรียสกันเลยครับ เหมือนที่ท่านบนบอก ว่า ฟังแล้วต่างนี่ซวยนะครับ ฟังแล้วไม่ต่างอ่ะโชคดี ผม อ่ะ เซ็งเพราะตั้งใจจะนำมา เก็บเพลง เพิ่ม รู้งี้ซื้อจานหมุนปกติดีกว่าได้ 1tb สบายๆ 

ขอให้สนุกกับการฟังกันนะครับ 


ขนาดใช้ JRiver โหลดขึ้น RAM แล้วยังต่างหรอครับเนี่ย แถมฟังออกอีก สุดยอดดีครับ ยอมรับในความเทพเมพขิงถ้าฟังออก
อย่างที่ว่าแหละครับ ฟังแล้วต่างนี่ซวย ไม่ต่างอ่ะโชคดี อืมก็จริง =w=

ส่วนตัวผมไม่ขอบอกละกัน ขี้เกียจลอง 5555+ =0=

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

ลองถามดู

22/04/2018 17:38:12
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 26 - tintin3274

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 25 - ลองถามดู
โอ้ววว ขอบคุณทุกท่านทีลอง ทั้งต่างและไม่ต่าง และขอบคุณเฮียด้วยครับ ที่จะลองให้ 

ผมลองเมื่อคืน ไปหลายครั้ง โดย add file เพลง เดียวกัน ใน playing now ของ jriver เล่น แบบ shuffle แล้วใช้ gizmo ลองเล่น สลับ ไปมา เพราะ gizmo ไม่ได้เห็น pathครับ ก็ฟังออก นะครับ ผมลองไป เพลงเดียว คือ beyond word ใน album natural jazz recording เป็น dsd เสียงที่จับได้ คือ hdd มันจะอิ่มฉ่ำ กังวาลนิสๆ เสียง แฉ่ จะ นุ่มกว่า piano มีความหวานในเสียง แต่ ssd จะให้ ตำแหน่งที่นิ่งชัด แต่ไม่อิ่มเท่า เสียง piano จะถูกผลักออก ไปข้างๆ มากกว่านิสนึงแต่ไม่หวานเท่า pc ผม ใส่ทั้ง hdd และ ssd ในเครื่องเดียวกัน ใช้ jriver load raw file ขึ้น ram ส่งไป dac ผ่าน jitterbug และ dac driver ใช้ asio ส่วน os เป็น 2012r2 บวก fidelizer หู 800s แต่ hdd หลายปีแล้วครับ เป็น wd เลยไม่รู้เพราะ มันเก่าหรือเปล่าเลย ต่าง อิอิ

ก่อนหน้านี้ เสียบ usb คนละช่อง ก็พอจับ ความรู้สึกได้นิดหน่อยนะครับ มันจะมี bus นึง ที่เสียบแล้วฟังแล้วเครียดกว่า รุกเร้ากว่า 

ผมเองก็หูตะกั่วครับเพิ่งเล่นแบบบ้านๆ เพียงแต่ พอลองแล้ว เจอเลยอยากถามว่าผม เจอคนเดียวหรือเปล่า อย่า ซีเรียสกันเลยครับ เหมือนที่ท่านบนบอก ว่า ฟังแล้วต่างนี่ซวยนะครับ ฟังแล้วไม่ต่างอ่ะโชคดี ผม อ่ะ เซ็งเพราะตั้งใจจะนำมา เก็บเพลง เพิ่ม รู้งี้ซื้อจานหมุนปกติดีกว่าได้ 1tb สบายๆ 

ขอให้สนุกกับการฟังกันนะครับ 


ขนาดใช้ JRiver โหลดขึ้น RAM แล้วยังต่างหรอครับเนี่ย แถมฟังออกอีก สุดยอดดีครับ ยอมรับในความเทพเมพขิงถ้าฟังออก
อย่างที่ว่าแหละครับ ฟังแล้วต่างนี่ซวย ไม่ต่างอ่ะโชคดี อืมก็จริง =w=

ส่วนตัวผมไม่ขอบอกละกัน ขี้เกียจลอง 5555+ =0=

ไม่เทพ หรอกครับ ผมอาจจะง่วง ผมว่าอาจจะเป็นที่ hdd ผมมันเป็นรุ่นเก่ามากหรือเปล่า อ่ะครับ มันเลยต่าง เด้วลองฟังดูหลายๆ เพลงก่อนครับ ว่า มันเป็นทุกเพลงไหม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 28

champ_korn

22/04/2018 20:47:38
2,143

เข้ามาตามอ่าน มันส์มาก

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาถกกันครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

นายมั่นคง

22/04/2018 21:43:56
4,282
สวรรค์มักจะลงโทษให้คนที่มีโสตสัมผัสดีกว่าคนอื่นต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานเสมอ 555

มีประเด็นที่น่าสนใจคือถ้าฟังไม่ออกแล้วต้องเปลี่ยนหรือไม่ อันนี้ต้องตอบว่าไม่ครับ แต่สำหรับท่านที่ฟังออกก็ไม่ควรมีประเด็นเอาไปบลัฟคนฟังไม่ออกเช่นกัน ใครที่ฟังออกก็จัดการลุยเปลี่ยนไปเลยครับ

ผมซื้อพวกหลอดสูญญากาศวินเทจมาฟังเทียบปี เทียบเวอร์ชั่นกัน และก็ต้องทุกข์ทรมานก็เพราะตัวเองดันบอกตัวเองว่าฟังความต่างออก ก็เลยกลายเป็นทุกขลาภที่ต้องมานั่งเฝ้านั่งตามหาตามซื้อครับ

นี่ผมยังไม่ทันจบเรื่อง PSU เลย สงสัยต้องมาเริ่มต้น SSD กับ HDD อีกแล้ว 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 30

ลองถามดู

22/04/2018 22:20:31
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 29 - นายมั่นคง

สวรรค์มักจะลงโทษให้คนที่มีโสตสัมผัสดีกว่าคนอื่นต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ทรมานเสมอ 555

มีประเด็นที่น่าสนใจคือถ้าฟังไม่ออกแล้วต้องเปลี่ยนหรือไม่ อันนี้ต้องตอบว่าไม่ครับ แต่สำหรับท่านที่ฟังออกก็ไม่ควรมีประเด็นเอาไปบลัฟคนฟังไม่ออกเช่นกัน ใครที่ฟังออกก็จัดการลุยเปลี่ยนไปเลยครับ

ผมซื้อพวกหลอดสูญญากาศวินเทจมาฟังเทียบปี เทียบเวอร์ชั่นกัน และก็ต้องทุกข์ทรมานก็เพราะตัวเองดันบอกตัวเองว่าฟังความต่างออก ก็เลยกลายเป็นทุกขลาภที่ต้องมานั่งเฝ้านั่งตามหาตามซื้อครับ

นี่ผมยังไม่ทันจบเรื่อง PSU เลย สงสัยต้องมาเริ่มต้น SSD กับ HDD อีกแล้ว 555

เฮียครับ psu เฮียเนี่ย ผมอยากลองมากเลยครับ แต่ pc ผมมันเป็น desktop ต้องใช้ watt สูง ถ้า nikola ทำ เหมือนพวก hdplex คงจะดีครับ ที่ใช้กับ atx power ได้เลย สัก 300 watts ถ้ามีนี่จะได้ ไม่ต้องสั่งนอกครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

kakraros

22/04/2018 22:41:29
ผมลองทดสอบอีกแบบ คือเอา Ext HDD ของ WD มาต่อที่พอร์ท USB ของโน๊ตบุ๊ค โดยดึงเอาไฟล์เพลงใน Ext HDD ลงมาวางใน Foobar 2000 ฟังเทียบกับเพลงเดียวกันที่อยู่ใน SSD ซึ่งเป็นไดร์ที่ติดตั้ง OS ในโน๊ตบุ๊คของผมนะครับ

ผมแยกเป็นการทดสอบ 3 แบบคือ

1. ฟังไฟล์ใน Ext HDD เทียบกับ ไฟล์ใน SSD ผมแยกความแตกต่างของเสียงไม่ได้ครับ เพียงแต่ไฟล์ใน Ext HDD จะมีกระตุกเวลาฟังบ้างครับ

2. ผมลอง Safe Remove ตัว Ext HDD แต่ไม่ดึงสาย USB ของ Ext HDD ออก แล้วฟังไฟล์จาก SSD ในเครื่องโน๊ตบุ๊ค ปรากฏว่ามีความต่างคือ ความโปร่งใส ความกังวานของหางเสียง รายละอียด บรรยากาศเสียงก้องสะท้อน สิ่งเหล่านี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจนรู้สึกได้ว่าฟังแล้วเพราะขึ้นกว่าเดิมครับ 

3. ต่อเนื่องจากข้อ 2 คราวนี้ผมดึงสาย USB ของ Ext HDD ออกเลย ผลคือมีความเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับข้อ 2 แต่ว่าดีขึ้นอีกครับ ฟังแล้วเหมือนปลายเสียงมันปลดปล่อยเป็นอิสระกว่าเดิมไม่รู้สึกเหมือนมีอะไรหน่วงเอาไว้เช่นเดียวกับที่ทดสอบในข้อ 1-2 ครับ

ถึงตรงนี้ผมได้คำตอบสำหรับตัวเองแล้วครับคือ

1. HDD น่าจะเป็นตัวที่ปล่อย noise เข้าไปในระบบ ทำให้เกิดความแตกต่างของเสียงได้ครับ
2. SSD หรือ HDD จะมีผลต่อเสียงอย่างมากถ้าเอามาใช้เป็นไดร์ที่ลง OS ในโน๊ตบุ๊คหรือ PC ครับ (จาก คห 13 ครับ)

เพลงที่ใช้ทดสอบ 16/44.1 Take five อัลบั่ม Time Out



ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

MaxxIE

22/04/2018 22:54:24
107
จากที่ตามอ่านๆมา

เอาเป็นว่า
ผมเป็นบุคคลมีบุญละกัน ฟังไม่ออกครับ
555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 33

ลองถามดู

22/04/2018 23:39:38
Update ครับ ผมลองฟังหลายๆ เพลงแล้ว เทียบ กัน วันนี้ หลายรอบ ฟังไม่ต่างแล้วครับ ดีใจมาก นึกว่าเสียตังเพิ่มแล้วจะได้เสียงที่ไม่ชอบ ขอบคุณทุกท่านมากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

taechanyz

23/04/2018 09:33:20
48
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 32 - MaxxIE
จากที่ตามอ่านๆมา

เอาเป็นว่า
ผมเป็นบุคคลมีบุญละกัน ฟังไม่ออกครับ
555
ผมนี่หนักกว่า มีแค่HDDลูกเดียว SSDยังไม่มีมาเทยบเลย555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

prolang

23/04/2018 10:45:19
23
อ่านได้แล้วความรู้มากเลยคับ 
ขอบคุณทุกท่านมากคับ  
อยากหูเทพแบบนี้บ้าง 55 ^o^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 36

cement

23/04/2018 12:29:50
10
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 20 - ไม่ต่างกันหรอก
ใจเย็นๆครับ DAC ชื่อก็บอกอยู่ว่า digital to analog converter
ไม่ได้ประมวลผลนะครับ

สรุปคือไฟล์เพลงยังไงก็ต้องใช้ CPU ในการประมวลผลครับ แล้วก็ออกตามช่อง port ต่างๆไปที่ DAC อีกที
DAC ก็แค่เปลี่ยนสัญญาน ditital เป็น analog เฉยๆ
ไปเอามาจากไหนครับ ว่าdacไม่ได้แปลงสัญญาณdigital  dacนี่แหล่ะครับประมาวลไฟล์เพลง  pcก็มีชิพdacฝังมากับmainboard dacบนmainboard เป็นชิพdacราคาถูก เล่นdsdไม่ได้  ถ้าไฟล์เพลงcpuประมวลผลอุปการณ์deviceทุกชนิดที่มีcpuก็เล่น ไฟล์dsdได้สิครับ
ลิ้ง dacจากwikiครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Digital-to-analog_converter
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 37

Artnoi

23/04/2018 13:05:21
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 36 - cement

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 20 - ไม่ต่างกันหรอก
ใจเย็นๆครับ DAC ชื่อก็บอกอยู่ว่า digital to analog converter
ไม่ได้ประมวลผลนะครับ

สรุปคือไฟล์เพลงยังไงก็ต้องใช้ CPU ในการประมวลผลครับ แล้วก็ออกตามช่อง port ต่างๆไปที่ DAC อีกที
DAC ก็แค่เปลี่ยนสัญญาน ditital เป็น analog เฉยๆ
ไปเอามาจากไหนครับ ว่าdacไม่ได้แปลงสัญญาณdigital  dacนี่แหล่ะครับประมาวลไฟล์เพลง  pcก็มีชิพdacฝังมากับmainboard dacบนmainboard เป็นชิพdacราคาถูก เล่นdsdไม่ได้  ถ้าไฟล์เพลงcpuประมวลผลอุปการณ์deviceทุกชนิดที่มีcpuก็เล่น ไฟล์dsdได้สิครับ
ลิ้ง dacจากwikiครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Digital-to-analog_converter

CPU เอาไว้ประมวลผลไฟล์ครับ (ทำการคำนวณเพื่อ decompress พวก codec ต่างๆ) เพียงแต่มันประมวลผลออกมาเป็นดิจิตอลเหมือนกันครับ เลยต้องการตัวแปลงสัญญาณหรือ dac อีกทีถ้าจะเอาไปใช้แบบอนาล็อกครับ

ผมว่าคุณพี่ที่เข้ามาตอบก่อน ก็พูดถูกแล้วนะครับ CPU ประมวลผล DAC แปลงสัญญาณ แต่ที่คุณพูดมาต่างหากที่ irrelevant
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

cement

23/04/2018 18:24:05
10



อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 37 - Artnoi
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 36 - cement

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 20 - ไม่ต่างกันหรอก
ใจเย็นๆครับ DAC ชื่อก็บอกอยู่ว่า digital to analog converter
ไม่ได้ประมวลผลนะครับ

สรุปคือไฟล์เพลงยังไงก็ต้องใช้ CPU ในการประมวลผลครับ แล้วก็ออกตามช่อง port ต่างๆไปที่ DAC อีกที
DAC ก็แค่เปลี่ยนสัญญาน ditital เป็น analog เฉยๆ
ไปเอามาจากไหนครับ ว่าdacไม่ได้แปลงสัญญาณdigital  dacนี่แหล่ะครับประมาวลไฟล์เพลง  pcก็มีชิพdacฝังมากับmainboard dacบนmainboard เป็นชิพdacราคาถูก เล่นdsdไม่ได้  ถ้าไฟล์เพลงcpuประมวลผลอุปการณ์deviceทุกชนิดที่มีcpuก็เล่น ไฟล์dsdได้สิครับ
ลิ้ง dacจากwikiครับ
https://en.wikipedia.org/wiki/Digital-to-analog_converter

CPU เอาไว้ประมวลผลไฟล์ครับ (ทำการคำนวณเพื่อ decompress พวก codec ต่างๆ) เพียงแต่มันประมวลผลออกมาเป็นดิจิตอลเหมือนกันครับ เลยต้องการตัวแปลงสัญญาณหรือ dac อีกทีถ้าจะเอาไปใช้แบบอนาล็อกครับ

ผมว่าคุณพี่ที่เข้ามาตอบก่อน ก็พูดถูกแล้วนะครับ CPU ประมวลผล DAC แปลงสัญญาณ แต่ที่คุณพูดมาต่างหากที่ irrelevant
relevant กันสิครับที่ผมยกมา ช่วยบอกหน่อยครับว่าที่ผมยกมามันไม่เกี่ยวข้องตรงงไหน   ผมก็แย้งไปว่าdacมันก็ประมวลผลจากdigital signal
ส่วนdecompressก็เป็นหน้าที่cpuอยู่แล้ว ผมว่าตรงนี้แหล่ะครับที่มัน   irrelevant   

dacมันก็ตรงประมวลผลจากdigital signal ว่าsampling rate เท่าไร  มีฟิลเตอร์ มีวงจรicต่างๆในdacอีก  ไม่งั้นจะมีdacเบอร์เทพๆ หรือdacบางตัวที่เล่นdsdไม่ได้  หรือในคอมพิวเตอร์บางเครื่องไฟล์24bitทำไมเล่นไม่ได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

Artnoi

23/04/2018 23:12:02
425
ก็คุณพูดว่าประมวล(ผล)ไฟล์เพลงน่ะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

cement

24/04/2018 07:40:59
10




โอเคครับ ผมอาจจะเข้าใจคำว่าประมวล(ผล)ไม่เท่ากันครับ  ตรงนี้ผมขอโทษคุณ Artnoiด้วย

ดูอย่างในรูป ในระดับชั้นโปรแกรมก็คงส่งค่าแค่ arrayของเลขมา  มีข้อมูลเป็นทั้งหลายแบบในตาราง dacมันก็ต้องมีการประมวลผลแบบlow-levelมากๆ   
-งั้นผมถามต่อนะครับ ถ้าdacมันไม่มีการประมวลผล ทำไมdacบางตัวเล่นdsdไม่ได้ เล่น24bitไม่ได้ ก็ให้cpu ประมวลผลแปลงไปสิ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

Artnoi

24/04/2018 08:32:04
425
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 40 - cement





โอเคครับ ผมอาจจะเข้าใจคำว่าประมวล(ผล)ไม่เท่ากันครับ  ตรงนี้ผมขอโทษคุณ Artnoiด้วย

ดูอย่างในรูป ในระดับชั้นโปรแกรมก็คงส่งค่าแค่ arrayของเลขมา  มีข้อมูลเป็นทั้งหลายแบบในตาราง dacมันก็ต้องมีการประมวลผลแบบlow-levelมากๆ   
-งั้นผมถามต่อนะครับ ถ้าdacมันไม่มีการประมวลผล ทำไมdacบางตัวเล่นdsdไม่ได้ เล่น24bitไม่ได้ ก็ให้cpu ประมวลผลแปลงไปสิ

เป็นที่ dac นั้นไม่ได้ hard coded มาสำหรับ dsd หรือ 24bit pcm ครับข้อมูลดิจิตอลที่ออกจากคอมมาหา dac เองก็ฟอร์แมต ที่ฝั่ง dac ก็ต้องรับ input ให้ได้เหมือนกันครับ

คุณเข้าใจถูกแล้วครับ เพียงแค่ใช้คำผิดว่าเกี่ยวกับไฟล์เพลง ผมเลยแก้ไขให้ครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

Hsung

24/04/2018 15:28:26
346
ทะเลาะกันทำไม DAC มันแค่ชื่อที่ตั้งให้รู้ว่าเอาไปใช้อะไร จริงๆ ตัวมันก็มีชิพเสียงที่ทำหน้าที่ถอดรหัสคำสั่งอยู่ภายใน

อย่าง ESS sabre burr brown หรือของ intel หรือ AMD ที่ทำเอง ไม่ได้เกี่ยวกับ CPU แบบตรงๆ เลยนะ

เพราะถ้าเกี่ยวมันจะเล่น SD card หรือ CD player โดดๆ ไม่ได้ ที่ CPU ทำมันเกี่ยวต้องโปรแกรมเล่นเพลงที่อยู่ในคอมต่างหาก 

ปล. เรื่องเสียงคิดว่ามีความแตกต่าง เพราะตัวกลางในการส่งผ่านข้อมูลต่างกัน ย่อมทำให้การประมวลผลข้อมูลแตกต่างกัน

สัญญาณดิจิตอลจริงๆ มันคือสัญญาณอนาล็อกที่มีรูปทรงเหมือนเนินเขาหัวตัดที่มีความชันสูง ตัวกลางมันมีผลให้ความชันและเวลาต่างกัน

ตัวอย่างก็คือสายดิจิตอลต่างๆ ที่ตอบสนองความถี่ที่แตกต่างกัน แต่คิดว่าคงฟังออกได้ยาก เพราะผลกระทบของมันน้อยกว่าแบบอื่น  
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

cement

24/04/2018 19:45:02
10
ขอบคุณคุณ Artnoi ครับ  จริงๆผมก็ใช้คำผิดว่าประมวลผลไฟล์เพลง   จริงๆควรใช้แค่คำว่าประมวลผล   
จริงๆผมแค่จะแย้งคำพูดของ คุณไม่ต่างกันหรอกที่ว่า  "DAC ก็แค่เปลี่ยนสัญญาน ditital เป็น analog เฉยๆ"


จริงๆdacมันก็เป็นส่วนหัวใจสำคัญ  ต่อให้cpu core i9  กับ core i3 มันก็ส่งสัญญาณดิจิตอลไปหาdacแบบเหมือนๆกัน arrayเลขเหมือนกันเด๊ะๆ  จะมาบอก    "DAC ก็แค่เปลี่ยนสัญญาน ditital เป็น analog เฉยๆ"   จริงๆในdacต้องมีการประมวลผลสัญญาณ มีfilterอะไรต่างๆอีกเยอะ  วงจรicอีกเยอะ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

ไม่รู้จะอธิบายยังไง

14/09/2021 11:08:18
SSD ยังไม่ได้เบิร์นครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

Tangmo

14/09/2021 11:34:58
16
https://youtu.be/8vdsCMn3MOc
เพิ่งดูอันนี้มา กระทู้นี้ก็มาอยู่ด้านบนพอดี
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

สมัครเล่น

14/09/2021 11:46:13
412
ขุดขึ้นมา
โหนกระแสตอนนี้พอดีเลย
ดิจิตอล เป็นตัวแปรที่สำคัญในวงการ
Audiophile จริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

ลองดูครับ

14/09/2021 13:03:41
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

Nut*

14/09/2021 23:01:46
RAM buss 2666 กับ 3200 

เสียงต่างกันไหมครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 49

Furch

15/09/2021 09:37:04
624
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 47 - ลองดูครับ
ผมว่าบางคนที่ลองฟังแล้วฟังออกก็แปลกดีนะครับ ตัวเองฟังออกแท้ๆ แต่กลับตั้งข้อกล่าวว่าเค้าแอบปรับ EQ บางคนก็ไปไกลถึงกระแสอากาศ 555 ตลกดี
ร้านเครื่องเสียงพวกนี้ เค้าเปิดโอกาสให้ไปลองฟังด้วยตัวเองอยู่แล้ว ไปลองเองก็จบ ฟังไม่ออกหรือฟังออกแต่ไม่ยินดีจ่าย ก็ไม่ต้องซื้อ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

สมัครเล่น

15/09/2021 10:24:43
412
เอหิปัสสิโก
ท่านจงมาลองฟังด้วยตนเอง

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

ลองดูครับ

15/09/2021 11:00:48
ความคิดเห็นที่ : 52

ผมว่านะ

15/09/2021 13:37:55
สงสัยผมจะตกข่าว เรื่องสายแลนมีดราม่าอะไรกันหรือครับ?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 53

ลองดูครับ

15/09/2021 13:42:21
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 52 - ผมว่านะ

สงสัยผมจะตกข่าว เรื่องสายแลนมีดราม่าอะไรกันหรือครับ?

https://facebook.com/munkonggadget1/photos/a.501861273215838/4276608019074459
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 54

ผมว่านะ

15/09/2021 19:15:09
ขอบคุณครับ จุดเริ่มต้นมาจากการรีวิวสายแลนแค่เส้นเดียวสินะครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

สมัครเล่น

15/09/2021 20:26:05
412
ในแง่มุมของคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็น audiophile หรือเล่นหูฟังแบบหมกมุ่น
ก็มักจะมองว่า เป็นเรื่องหนวดเต่า เขากระต่าย 
หัวเราะกันไป เพราะมันมีเรื่องราวที่ดูไม่สมเหตุผลในบางเรื่อง เช่น อิฐมหัศจรรย์
ยางรองสลายแรง ยกสายพ้นจากพื้น ฯลฯ
จนมีคำถากถางว่า
Audiofool กันเลย ต้องทำใจครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

ย่างเข้าเดือน 6

16/09/2021 14:20:30
จากคนรวยคนเก่งกลายเป็นคนโง่ในสังคมเลยครับ 5555555555555 

ไปด่าคนรวยคนเล่นคนลอง คนที่มองภาพวาดแวนโก๊ะแล้วพบว่ามันไม่ใช่แค่ผ้าใบกับสีน้ำมัน ว่าเป็นคนโง่ได้นี่ สุดยอดจริงๆ

ผมว่าทั้ง 2 camp ไม่ควรจะอธิบายอะไรให้กันฟังทั้งนั้น ทั้งตัวเลขและกราฟหรือเสียง

จริงๆพ่อค้าอย่างมั่นคงไม่ควรมาตอบโต้ด้วยซ้ำ คนที่ด่าคุณไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณเลย ถ้าวันนึงเค้าอยากลองของ เค้าเดินมาร้านคุณแล้วขอฟัง เกิดฟังออกก็ได้ลูกค้า ไม่ออกก็ไมเ่สียอะไร คนในโซเชี่ยลนี่ชอบนักเรื่องทัวร์ลง 555555

คุณดู Dealer ใหญ่ๆ อย่าง Deco หรือ Piyanas ไม่มีใครมาตอบโต้สักคน ถึงแม้คลิปทดสอบสายในยูทูปจะโดนถล่มเละ ยังไงคนพวกที่ด่าก็ไม่ใช่กลุ่มลูกค้าเค้า ยิ่งถ้าเป็นลูกค้าร้านพวกนี้จะยิ่งรู้ว่ายกไปให้ลอง ไม่เสียเงิน ไม่ชอบยกกลับ ไม่มีหรอกจับยัดมือหรือไปหลอกขาย ลค มันเสียชื่อ

ถ้าจะถามหา cost effective ในวงการเครื่องเสียงมันไม่มีหรอก ตั้งแต่ amp preamp คุณลองเปิดเครื่องแงะมันดูก็ได้ เช่น amp ตัวเป็นล้าน มีแค่แผ่น pcb กับอะไรก็ไม่รู้อยู่ข้างใน ดูแล้วน่จะไม่กี่ตัง แพงแค่ตัวถัง ซึ่งคงไม่กี่พันหมื่น ขายผลึกของ knowledge และ experiment ล้วนๆ รวมถึงสายแลนเส้นเป็นแสนนี่ด้วย สายข้างในแทบจะมาจาก รง ใน Taiwan หรือ China ทั้งนั้น สัดส่วนตัวนำในสาย 1 เส้น เป็นตามที่โฆษณาหรือเปล่าก็ไม่รู้ แค่แต่ละ brand มันมี secret ในการใส่เสียง house sound ของแบรนด์ลงไปในสาย ก่อนจับไปทำ appearance สวยๆ ก็แค่นั้นแหละ สิ่งที่สำคัญคือมันเอาไปเสียบชุดคุณแล้ว ให้เสียงอะไรกับชุดคุณ อยากได้ของถูกก็ต้องไปค้นไปลองไปสั่งไปผสมเอง ถ้าทำไม่ได้แต่มีเงิน ก็แค่ไปซื้อ

พอๆๆๆ เดี๋ยวก็มีคนมาด่าอีกว่าหูคนเรามันไม่เที่ยง ไอพวกซื้อมันเป็นคนโง่ 555555555


ให้กำลังใจ 2
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ

16/09/2021 16:56:40
ดราม่ามันเกิดเพราะ audiophile คนนึงไปว่าคนในกลุ่ม 9arm ว่าเลอะเทอะไม่ใช่เหรอครับสายเทคนิคเขาเลยเดือดกัน
เห็นว่ามีเดิมพัน blind test ด้วย เงินเดิมพันมีตั้งแต่หลักแสนไปถึงหลักล้านเลย เหล่าหูเทพไม่ลองไปลองสักหน่อยเหรอครับ ฟังออกแม้กระทั่ง HDD SSD ขนาดนี้ไม่น่าใช่เรื่องยากนะ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 58

LosInBlue

16/09/2021 17:24:39
116
รู้กันไหมครับ ว่าภาพ Mona lisa ที่เห็นกันใน internet นั้นส่วนใหญ่เป็นของปลอม วาดเลียนแบบครับ

ถ้าอยากเห็นภาพของจริง ที่ดาวินซี่วาดเองแท้ๆ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องไปดูที่ พิพิธท์ภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส ฝรั่งเศษครับ



ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้แต่อย่างใด 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

ethanwick

16/09/2021 21:35:52
0
ลงชื่อเข้ามาไล่อ่านครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

สมัครเล่น

17/09/2021 09:54:41
412
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 58 - LosInBlue

รู้กันไหมครับ ว่าภาพ Mona lisa ที่เห็นกันใน internet นั้นส่วนใหญ่เป็นของปลอม วาดเลียนแบบครับ

ถ้าอยากเห็นภาพของจริง ที่ดาวินซี่วาดเองแท้ๆ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องไปดูที่ พิพิธท์ภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส ฝรั่งเศษครับ



ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้แต่อย่างใด 555

บางความคิดเห็นบางคนก็ว่าเป็นของปลอมครับ
ของแท้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่กลัวประชาชนทั่วไปรู้ จึงปลอมไว้ในพิพิธภัณฑ์
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

G-Seed Destiny

17/09/2021 12:04:11
5
เรื่องสาย Lan ผมคิดว่านายอาร์มก็พูดได้ดีในแง่มุมทางเรื่องเทคนิคและวิศวกรรมในมุมของเค้าซึ่งเป็นวิศวกร ซึ่งทางจะมีวัดเค้าก็แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ทางเทคนิควิทยาศาสตร์ต่างๆมาวัด
แนะนำว่าควรลงทุนในส่วนของ Analog ในสุดก่อนเพราะเห็นผลชัดเจน ในส่วน Digital ก็แล้วแต่ความชื่นชอบและกำลังของแต่ล่ะท่าน แต่เค้าก็พูดในมุมของวิทยาศาสตร์และส่วนที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพของนายอาร์มเป็นหลัก
อาจจะมีการแซะบ้างแต่ผมคิดว่าภาพรวมก็โอเคครับ


แต่จริงๆเรื่องนี่้ในกลุ่มของคนฟังเพลงก็คุยกันมานานแสนนานแล้วนะครับ ผมคิดว่าคงไม่มีทางได้ข้อสรุปเป็นแน่ เป็น Rabbit hole ให้ผู้ที่อยากรู้อยากลองเข้าไปสัมผัสกัน
เรื่องแบบนี้ต้องพิสูจน์กันครับทั้งฟังและใช้อุปกรณ์ ก็เป็นจุดที่สนุกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบและมีกำลังครับ ถกกันไปได้ประโยชน์กับผู้บริโภคครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 62

Tangmo

17/09/2021 14:21:26
16
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 60 - สมัครเล่น

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 58 - LosInBlue

รู้กันไหมครับ ว่าภาพ Mona lisa ที่เห็นกันใน internet นั้นส่วนใหญ่เป็นของปลอม วาดเลียนแบบครับ

ถ้าอยากเห็นภาพของจริง ที่ดาวินซี่วาดเองแท้ๆ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องไปดูที่ พิพิธท์ภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส ฝรั่งเศษครับ



ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้แต่อย่างใด 555

บางความคิดเห็นบางคนก็ว่าเป็นของปลอมครับ
ของแท้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่กลัวประชาชนทั่วไปรู้ จึงปลอมไว้ในพิพิธภัณฑ์

จากการค้นคว้าเอกสารเก่า ๆ ทำให้ทราบว่าภาพโมนาลิซ่าอาจมีมากกว่าหนึ่งภาพ ภาพที่เหลืออาจสูญหายหรืออยู่ในครอบครองของใครซักคนโดยไม่เปิดเผย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

Tangmo

17/09/2021 14:21:29
16
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 60 - สมัครเล่น

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 58 - LosInBlue

รู้กันไหมครับ ว่าภาพ Mona lisa ที่เห็นกันใน internet นั้นส่วนใหญ่เป็นของปลอม วาดเลียนแบบครับ

ถ้าอยากเห็นภาพของจริง ที่ดาวินซี่วาดเองแท้ๆ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม ต้องไปดูที่ พิพิธท์ภัณฑ์ลูฟวร์ กรุงปารีส ฝรั่งเศษครับ



ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาในกระทู้แต่อย่างใด 555

บางความคิดเห็นบางคนก็ว่าเป็นของปลอมครับ
ของแท้ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่กลัวประชาชนทั่วไปรู้ จึงปลอมไว้ในพิพิธภัณฑ์

จากการค้นคว้าเอกสารเก่า ๆ ทำให้ทราบว่าภาพโมนาลิซ่าอาจมีมากกว่าหนึ่งภาพ ภาพที่เหลืออาจสูญหายหรืออยู่ในครอบครองของใครซักคนโดยไม่เปิดเผย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

ลองดูครับ

17/09/2021 20:51:40
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 65

ลองดูครับ

17/09/2021 20:54:24
ความคิดเห็นที่ : 66

Acholate

17/09/2021 21:34:22
5
ว่าจะไม่ตอบล่ะ ไม่อยากมีส่วนร่วมกับดราม่า
คลิป blindtest beartai ที่เอามาลง ผมไม่เห็นด้วยกับอุปกรณ์และเพลงที่เอาใช้ทดสอบเลยครับ
Devialet Phantom ตัวล่ะแสนก็จริง แต่ก็ยังแค่ถือว่าแค่ลำโพง active สู้ ชุด passive ในราคาเดียวกันยาก อยากให้ใช้ชุด 7-8หลักมาเทสครับ โดยเฉพาะชุดใช้ dac+source แพงๆ
สายเส้นล่ะหมื่น ชุดระดับแสน ฟังออกยากมากครับ ถ้าชุดระดับล้าน ฟังง่ายขึ้นมากๆ เท่าที่เคยเล่นมานะครับ

ส่วนเพลง Yellow ส่วนตัวผมว่าอัดมาไม่ดี Coldplay ทุกเพลงผมว่า record+master ไม่ค่อยดี
น่าจะเพลงระดับที่ audiophile ใช้เทสครับ

จริงๆที่ 9arm พูดมา ผมเห็นด้วยทุกอย่างเลย ยกเว้นเรื่อง noise ฟัง digital ที่บอกว่าถ้าใช้ dac แพงๆ ไม่น่าจะข้ามมา analog ได้
เท่าที่เห็น คนที่ audiophilestyle ใช้ dac ระดับ Chord Dave บอกเป็นคำเดียวหมดว่า source + network มีผลต่อเสียงมาก

เวลาผมเห็นเถียงกันเรื่องสาย digital 0/1 ไม่ว่าที่ไหนเวปไทยเวปนอก คนที่ตอบมามีผล คือชุดระดับ 7หลักอัพทั้งนั้น พวกที่บอกไม่มีผลคือเล่นชุดต่ำกว่านั้น ไม่ก็สายคอมอย่างที่รุ้กันครับ
คนที่พวกแรกเป็น niche market สุดๆ ในประเทศไทยไม่รู้มีกี่คน ไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะไม่เห็นด้วยครับ 




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

ฉันไม่ใช่โปรแกรมอัตโนมัติ

17/09/2021 22:45:07
ที่ตามดราม่านี้คืออยากเห็นอย่างเดียวเลยจริงๆคือคนหูเทพที่ฟังสายแลนออก blind test ให้ดูเป็นขวัญตา จะใช้ชุดเป็นล้านสิบล้านของตัวเองก็ว่ากันไป แค่สลับสายแล้วแยกให้ออกระหว่างสายถูกสายแพง เท่านี้ผมว่าสายเทคนิคหรือคนทั่วไปก็น่าจะยอมรับแล้วครับ แต่ที่ผ่านมาเห็นมีแต่หูเทพหลังคีย์บอร์ด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 68

สมัครเล่น

18/09/2021 07:14:00
412
น่าจะเป็น passive จริงครับ รูปแบบ สเตอริโอด้วย
เพราะความต่างที่ฟังออก มาในรูปแบบแอมเบียน ฮาร์โมนิคของเสียง หรือประกายของเสียงนั่นเอง
รวมไปถึงเพลงที่ฟัง dynamic range ไม่มาก ถึงจะอ้างว่าย่านความถี่สูงก็ตาม
เพลงที่อัดแบบอคูสติค จะเป็นตัวชี้บ่งชัดกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

LosInBlue

18/09/2021 14:23:06
116



ผมขี้เกียจจะดราม่าครับ  เพราะต่อให้ผมบอกว่า ผมมีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะระดับโลกเทียบได้กับ ลิโอนาโด ดาวินซี่

เป็นอัจฉริยะรู้ถึงความจริงของโลก เข้าใจลึกซึ้งถึงทฤษฎีสัมพันธ์ภาพอย่างแท้จริง เทียบเท่า อัลเบิรต์ ไอนสไตน์


ก็จะมีคนที่ไม่รู้จักผมดีพอ ดูถูก ถากถาง ให้หงุดหงิดใจ อยู่วันยันค่ำครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

ลองดูครับ

18/09/2021 22:21:05
ความคิดเห็นที่ : 71

สมัครเล่น

19/09/2021 19:12:17
412
มันตั้งแต่ สาย Coaxial 
ทำไมยังเสียงต่างกันได้
หรือ การใช้อุปกรณ์ต่างๆ เป็นต้นทาง
เช่น คอมพิวเตอร์
โทรศัพท์มือถือ
cd transport
cd-rom
เครื่องเล่น cd-dvd, ทั่วไป
ทั้งหมดส่งสัญญานเป็นดิจิตอล out ทั้งหมด
แต่ทำไมเสียงที่ผ่าน dac ตัวเดียวกัน
ไม่เหมือนกันเลย
ต้นทางแผ่น cd / file:wav
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 72

Furch

20/09/2021 14:06:48
624
ลองฟังคนนี้อธิบายมั้ยครับ

https://web.facebook.com/watch/live/?v=4164861566965814&ref=watch_permalink&_rdc=1&_rdr
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 73

ลองดูครับ

20/09/2021 21:11:07
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 74

ลองดูครับ

20/09/2021 21:48:27
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

ลองดูครับ

21/09/2021 23:36:47
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 76

ลองดูครับ

22/09/2021 20:57:35
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77

Sutad

23/09/2021 10:16:58
95
สินค้าราคาแพงผู้ผลิต และร้านค้าไม่ได้ขายฟังค์ชั่น หรือความคุ้มค่า แต่เขาขายความพึงพอใจ และคนที่มีกำลังซื้อ หรือคนรวย

อย่างนาฬิกาเรือนละ 100 บาทก็ใช้ดูเวลาได้เหมือนกัน จะไปซื้อเรือนละ 1,000 บาท 100,000 บาท หรือ 10 ล้านบาท ไปทำไม?

รถยนต์ อีโคคาร์คันละ 500,000 บาท ขับถึงจุดหมายปลายทางได้เหมือนคันละ 20 ล้านบาท

พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย

System หลักที่ผมใช้อยู่ก็ระดับ 10 ล้านบาท แต่ผมเน้นสายสัญญาณอนาล็อก อย่างสายลำโพงคู่ละ 5-6 แสน สายสัญญาณคู่ 3 แสน สายไฟเส้นละ 4 แสน รวมทุกชุด (มีบ้าน 5 หลัง และมีชุดเครื่องเสียงทุกบ้าน) น่าจะเกิน 30 ล้านบาท แต่สำหรับสายที่เป็นสายดิจิตอลที่ใช้มีแค่สาย USB AQ ที่ไว้เชื่อมต่อจาก Notebook ไป DAC เส้นละ 1 หมื่นกว่าบาท ส่วน Steaming เพิ่งมาเล่นปีนี้ แต่ใช้สัญญาณ wifi เคยคิดจะใช้สายแลน แต่ขี้เกียจเดินสาย และชอบใช้ DAC มากกว่า ซึ่งจะซื้อถูก หรือแพงมันขึ้นอยู่กับพึงพอใจ และความชอบ ผู้ผลิต หรือร้านค้าไม่ได้มาบังคับให้ผมต้องใช้สายแพง

เคยคุยกับคนอื่นๆ เขาว่าเพลงฟังได้เหมือนกัน ผมเลยตอบไปว่าคุณอย่างฟังแบบไหนก็เรื่องของคุณ ชอบแบบไหนก็ฟังไป ผมชอบแบบนี้ผมก็ฟังแบบนี้

หรือเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย ? ผมเลยตอบไปว่าเงินผมเหลือจนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรแล้ว การเอาเงินตัวเองมาซื้อความสุขสนองกิเลสตัวบ้างก็ไม่เห็นจะผิดอะไร ถ้าผมเอาแต่เก็บไม่ใช้เลย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขยันทำงานหาเงินไปทำไม

สรุป ผมมองว่าผู้ซื้อไม่ได้มองที่ฟังค์ชั่น หรือความคุ้มค่า แต่เป็นเรื่องของความชอบไม่ชอบ พึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ ส่วนคนวิจารณ์มองฟังค์ชั่น และความคุ้มค่า มันคุยกันคนละภาษา คุยยังไงก็ไม่รู้เรื่อง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78

ผ่านมาแนะนำครับ

23/09/2021 14:07:32
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 77 - Sutad
สินค้าราคาแพงผู้ผลิต และร้านค้าไม่ได้ขายฟังค์ชั่น หรือความคุ้มค่า แต่เขาขายความพึงพอใจ และคนที่มีกำลังซื้อ หรือคนรวย

อย่างนาฬิกาเรือนละ 100 บาทก็ใช้ดูเวลาได้เหมือนกัน จะไปซื้อเรือนละ 1,000 บาท 100,000 บาท หรือ 10 ล้านบาท ไปทำไม?

รถยนต์ อีโคคาร์คันละ 500,000 บาท ขับถึงจุดหมายปลายทางได้เหมือนคันละ 20 ล้านบาท

พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย

System หลักที่ผมใช้อยู่ก็ระดับ 10 ล้านบาท แต่ผมเน้นสายสัญญาณอนาล็อก อย่างสายลำโพงคู่ละ 5-6 แสน สายสัญญาณคู่ 3 แสน สายไฟเส้นละ 4 แสน รวมทุกชุด (มีบ้าน 5 หลัง และมีชุดเครื่องเสียงทุกบ้าน) น่าจะเกิน 30 ล้านบาท แต่สำหรับสายที่เป็นสายดิจิตอลที่ใช้มีแค่สาย USB AQ ที่ไว้เชื่อมต่อจาก Notebook ไป DAC เส้นละ 1 หมื่นกว่าบาท ส่วน Steaming เพิ่งมาเล่นปีนี้ แต่ใช้สัญญาณ wifi เคยคิดจะใช้สายแลน แต่ขี้เกียจเดินสาย และชอบใช้ DAC มากกว่า ซึ่งจะซื้อถูก หรือแพงมันขึ้นอยู่กับพึงพอใจ และความชอบ ผู้ผลิต หรือร้านค้าไม่ได้มาบังคับให้ผมต้องใช้สายแพง

เคยคุยกับคนอื่นๆ เขาว่าเพลงฟังได้เหมือนกัน ผมเลยตอบไปว่าคุณอย่างฟังแบบไหนก็เรื่องของคุณ ชอบแบบไหนก็ฟังไป ผมชอบแบบนี้ผมก็ฟังแบบนี้

หรือเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย ? ผมเลยตอบไปว่าเงินผมเหลือจนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรแล้ว การเอาเงินตัวเองมาซื้อความสุขสนองกิเลสตัวบ้างก็ไม่เห็นจะผิดอะไร ถ้าผมเอาแต่เก็บไม่ใช้เลย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขยันทำงานหาเงินไปทำไม

สรุป ผมมองว่าผู้ซื้อไม่ได้มองที่ฟังค์ชั่น หรือความคุ้มค่า แต่เป็นเรื่องของความชอบไม่ชอบ พึงพอใจหรือไม่พึงพอใจ ส่วนคนวิจารณ์มองฟังค์ชั่น และความคุ้มค่า มันคุยกันคนละภาษา คุยยังไงก็ไม่รู้เรื่อง

คนทั่วไปของไม่ถึงแล้วชอบแซะอะครับ จริงๆถ้าอยากจะปลดล็อคตัวเอง แค่ไปร้านแล้วขอฟังชุด top ของร้านนั้นๆก็รู้เรื่องถึงบางอ้อแล้ว หยิบสายไปด้วยเลย

ชาวเน็ตนี่ชอบด่ามากกว่าออกไปทำอะไรด้วยตัวเอง

อ้อแล้วก็อีกอย่าง การจะเป็นนักเล่นมันต้องอาศัยประสบการณ์ ตาสีตาสาจับมาฟังยังไม่รู้เลยมั้งว่าตัวเอง จะต้องฟังอะไร ฟังตรงไหน แล้วที่ได้ยินเรียก/แบ่ง ได้ว่าอะไร 

ง่ายๆก็เปิด Track ที่มีแต่ Bass เลย หยิบสายแถมไปเทียบกับ Nordost ก็ได้ Brand นี้ขึ้นชื่อเรื่องความสด ถ้ายังฟัง bass ไม่ออกนี่ก็ไม่รู้จะว่าไงและ ไม่ต้องไปฟังนานด้วยถ้าจะฝึกแยกแยะ เอาแค่ท่อนที่ตัวเองแม่นๆสัก 10วิ พอแล้วเปลี่ยนสาย ทำให้เร็ว ทำให้ไวครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

AudioScience

23/09/2021 23:14:22
ผมเชื่อว่าหูเทพมีจริงครับ เคยมีเพื่อนนักดนตรีฟังเพลงแล้วแกะโน๊ตได้ แต่สักแสนคนจะมีสักกี่คนที่หูดีแบบนั้น

system ราคาแพง แต่ขอโทษ หูคนฟัง เคยทดสอบไหมครับ ฟังได้ถึงย่าน 20kHzไหม? ถ้าอยุไม่เกิน 20 พอเป็นไปได้ แต่ถ้าอายุเกินกว่านั้นโดยทั่วๆไป 30-40 ผมเชื่อว่า 12-15kHz ก็หรูแล้ว

แต่ผมเชื่อว่าคุณฟังแล้วต่างครับ แต่ที่ได้ยินว่าต่าง จริงๆแล้วสิ่งที่เป็นจริงๆในทางกายภาพ(ไม่ใช่จากการรับรู้)มันต่างจริงๆแค่ไหน? การได้ยินของเรามันไม่เที่ยงนักหรอก

ลองโดนเมียด่าแล้วไปฟังเพลง กับอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ นั่งพักสักชั่วโมง ฟังsystem เดียวกัน เสียงต่างกันไหม? ไม่ต้องตอบผม ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ของตัวเอง

ไม่ป่วนไม่กล่าวหาครับ เงินใครเงินมัน ผมเองซื้อสายLANสวยๆ(หลักร้อยเองนะ) แม้มันจะแพงกว่า AMP/Link เกรดมาตรฐาน ห้องserverระดับโลก ก็ตามเพราะมันสวยดี แต่ไม่เคยคาดหวังว่ามันจะทำให้ส่งข้อมูลอะไรดีขึ้นเลย เพราะคนทำงานสายนี้รู้ดี ว่าสายLAN ที่ส่งสัญญาณผิดพลาดคือสายLANที่พังแล้ว ตัดหัวเข้าหัวใหม่หรือสายข้างในมันกรอบตามอายุการใช้งาน(บางยี่ห้อรับประกันสามสิบปีนะครับเกรดกลางๆบ้านเรารับประกันสิบปี) หรือกรณีสุดโต่งแบบลากสายLAN ไปพาดแนวสาย hi-voltage หรือบ้านอยู่ข้างสถานีวิทยุชุมชนเถื่อนสายเส้นละล้านก็อาจจะช่วยได้่หรือไม่ช่วยขึ้นกับกรณี แต่มันมีวิธีแก้ไขที่ต้นเหตุง่ายกว่าเยอะ และคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาแบบนี้

จริงๆแม้แต่สายanalog ก็มีทริกนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงสัญญาณรบกวนอะไรเลย เอาแค่ความต้านทานเปลี่ยน voltage ที่วิ่งตามสายเปลี่ยน เสียงดังขึ้นที่volume เครื่องเล่นเดิมๆ อ๊ะ เพลงเพราะขึ้น เสียงเบสหนักแน่นขึ้น ก่อนเทสพวกนี้ลองหัดทำ volume matching กันก่อนนะครับ จะได้ไม่หลงไปความรู้สึกตัวเอง

สุดท้ายผมก็ยังแปลกใจ อุปกรณ์ห้องอัด ที่ทำเพลงมาขาย ดันไม่เป็นที่นิยม เพราะข้ออ้างว่า เสียงแห้ง แบนเกิน สู้เสียงจากเครื่องเสียงเทพๆไม่ได้ ทั้งๆที่คนอัด คนมิกซ์เสียง เขาก็ฟังจากหูฟัง ลำโพงในห้องอัด เพื่อให้ได้ยินอย่างที่ตั้งใจmastering มา แต่คนฟังกลับพยายามบิดเบือนเสียงจากต้นทาง แล้วบอกว่านั่นคือเสียงที่เพราะกว่า? แต่ก็นั่นแหละ ความชอบเป็นปัจเจกครับ เราอาจจะชอบเสียงนักร้องจากชุดฟังที่หวานบาดหู แม้จะเสียงออกมาไม่เหมือนตัวจริงเลยก็ตาม แต่เราจินตนาการว่ามีนักร้องลึกลับมาร้องข้างๆหูเรา(แต่เสียงไม่เหมือนตัวจริงไม่เป็นไร เพราะเราไม่เคยเจอสักหน่อย?)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 80

Beat Takeshi

24/09/2021 08:13:53
39



น่าติดตาม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

สมัครเล่น

24/09/2021 13:26:51
412
เรื่องเสียง มันคือเสียงที่ชอบครับ
ไม่ใช่เสียงที่เหมือนจริง
แต่ละคนก็ถูกจริตไม่เหมือนกัน
ลองอัดเสียงมาแบบ flat เป๊ะๆ สิครับ
มีโดนด่าแน่ๆ ว่าเสียงไม่ได้เรื่อง
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นเสียงวงแบนด์เครื่องเป่า
เสียงเครื่องเป่าจริงๆ กับที่อัดมาแล้วคนละทางเลย
เพราะฉะนั้น เรื่องนามธรรมแบบนี้
เถียงกันตาย
เอาที่ชอบจะดีที่สุด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 82

Sutad

24/09/2021 14:21:47
95
ถึงความเห็นที่ 79

คุณเข้ามาโพสต์แบบนี้ในเว็บนี้ ไม่รู้ว่าคุณเล่นหูฟังหรือเปล่า ?

ผมนอกจากเครื่องเสียงบ้าน หูฟังผมก็เล่นเหมือนกัน พวกแอมป์ DAC หูฟัง DAP และอื่นๆ ผมก็ซื้อจากที่ร้านเฮียมั่นเนี่ยแหละ

คนที่เล่นหูฟังผมว่าส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดน่าจะรู้ว่าเสียงของหูฟัง แต่ละตัวมีบุคลิกเสียงที่ต่างกัน แอมป์ DAC DAP สายหูฟัง ก็เช่นกัน คิดว่าคนที่เล่นคาดหวังว่าเสียงที่ถ่ายทอดออกมาต้องเหมือนต้นฉบับเหรอ ?

หูฟังมีบุคลิกเสียงแตกต่างกันไป เช่น แนวสว่าง ดาร์ก ลายละเอียดดี มิติ เวทีเสียงกว้างแคบ เสียงร้องอวบอิ้ม แห้ง เบสหนัก เบา แหลมพริ้ว กุด อะไรอย่างนี้เป็นต้น  ทางร้านเขาจึงจัดหูฟังยี่ห้อ และรุ่นต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าฟัง เพื่อหาเสียงที่ตรงกับความชอบของลูกค้า ถ้ามันฟังแล้วเสียงเหมือนหมด จะมีให้ลองไปทำไม

เครื่องเสียงบ้านก็เช่นกัน  ลองถามคนที่เล่นเครื่องเสียงจริงๆ ว่าต้องการ System ที่ถ่ายทอดเสียงออกมาตรงต้นฉบับเหรอ ?  ส่วนใหญ่คงตอบว่าไม่ได้ต้องการเลย

คนเล่นเครื่องเสียงทุกคนรู้ว่า แอมป์ เครื่องเล่นต่างๆ และสายต่างๆ มีบุคลิกเสียงในแบบฉบับเฉพาะของตัวมันเอง อย่างลำโพง Proac กับ B&W ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าฟังแล้วเสียงออกมาเหมือนกัน คนชอบเสียงของ Proac เขาก็ซื้อ Proac ส่วนคนที่ชอบเสียงของ B&W เขาก็ซื้อ B&W เขาซื้อตามความชอบ และกำลังซื้อ งบมีแค่ตัวเริ่มต้นก็ซื้อรุ่นเริ่มต้น อย่าง B&W 602 งบเยอะซื้อรุ่นเรือธง 801 D4 (บอกตรงๆ ผมเป็นหนึ่งในคนที่จอง B&W 801 D4)

สิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงต้องการคือเสียงที่ชอบ เช่น เสียงร้อง เสียงแหลม เบส เวที มิติ รายละเอียด ความหนักแน่น ความสมจริงเหมือนมีวงดนตรีมาเล่นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น

อย่างที่บอกว่าเป็นการซื้อความชอบกับไม่ชอบ พอใจกับไม่พอใจ

อย่างนาฬิกา Automatic ของ Sieko ราคาหมื่นกว่าบาท มันก็เดินบอกมันก็มีกลไก และสามารถบอกเวลาได้เหมือนกับนาฬิกา Automatic Rolex  บางทีความเที่ยงตรงอาจจะมากกว่า Rolex ก็ได้ใครจะไปรู้  แล้วจะไปซื้อนาฬิกาแพงๆ ทำไม

กระเป๋าเป็นอีกตัวอย่าง หนังแท้ใบละ 2,000 บาท กับของแบรนด์เนมใบละ 1 ล้าน ใส่ของได้เหมือนกัน ทำไมยังมีคนซื้อกระเป๋าใบละ 1 ล้าน

ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา การตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างนั้น เขาไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า แต่เขาซื้อเพราะความชอบ และความพอใจ

อย่างคนที่เขาซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท พวกนี้เขามี System ระดับหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท เขาซื้อมันเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่เขามีชุดฟังเพลงทั้งชุด 20,000 บาท  แล้วไปซื้อสายเส้นละ 1 แสนซะที่ไหน

ไม่ต้องไปห่วงว่าคนรวย ว่าเขาจะถูกหลอกขายของ เขาไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร และไม่ได้มาร้องแรกแหกกระเชอในโซเชียลว่าเขาถูกหลอก ต้องการให้คนช่วยอะไรซะที่ไหน แล้วทำไมถึงมีคนเดือนร้อนแทนเขา และไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนทั่วไปโดนหลอก  เพราะราคาขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ซื้อหรอก

สรุปอีกครั้งว่าคนรวยซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น หรือความคุ้มค่า ขณะที่คนวิจารณ์มองจากฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า มองกันคนละมิติ เหมือนคุยกันคนละภาษา มันก็คุยกันไม่รู้เรื่องครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 83

ผ่านมาแนะนำครับ

24/09/2021 16:33:42
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 79 - AudioScience
ผมเชื่อว่าหูเทพมีจริงครับ เคยมีเพื่อนนักดนตรีฟังเพลงแล้วแกะโน๊ตได้ แต่สักแสนคนจะมีสักกี่คนที่หูดีแบบนั้น

system ราคาแพง แต่ขอโทษ หูคนฟัง เคยทดสอบไหมครับ ฟังได้ถึงย่าน 20kHzไหม? ถ้าอยุไม่เกิน 20 พอเป็นไปได้ แต่ถ้าอายุเกินกว่านั้นโดยทั่วๆไป 30-40 ผมเชื่อว่า 12-15kHz ก็หรูแล้ว

แต่ผมเชื่อว่าคุณฟังแล้วต่างครับ แต่ที่ได้ยินว่าต่าง จริงๆแล้วสิ่งที่เป็นจริงๆในทางกายภาพ(ไม่ใช่จากการรับรู้)มันต่างจริงๆแค่ไหน? การได้ยินของเรามันไม่เที่ยงนักหรอก

ลองโดนเมียด่าแล้วไปฟังเพลง กับอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ นั่งพักสักชั่วโมง ฟังsystem เดียวกัน เสียงต่างกันไหม? ไม่ต้องตอบผม ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ของตัวเอง

ไม่ป่วนไม่กล่าวหาครับ เงินใครเงินมัน ผมเองซื้อสายLANสวยๆ(หลักร้อยเองนะ) แม้มันจะแพงกว่า AMP/Link เกรดมาตรฐาน ห้องserverระดับโลก ก็ตามเพราะมันสวยดี แต่ไม่เคยคาดหวังว่ามันจะทำให้ส่งข้อมูลอะไรดีขึ้นเลย เพราะคนทำงานสายนี้รู้ดี ว่าสายLAN ที่ส่งสัญญาณผิดพลาดคือสายLANที่พังแล้ว ตัดหัวเข้าหัวใหม่หรือสายข้างในมันกรอบตามอายุการใช้งาน(บางยี่ห้อรับประกันสามสิบปีนะครับเกรดกลางๆบ้านเรารับประกันสิบปี) หรือกรณีสุดโต่งแบบลากสายLAN ไปพาดแนวสาย hi-voltage หรือบ้านอยู่ข้างสถานีวิทยุชุมชนเถื่อนสายเส้นละล้านก็อาจจะช่วยได้่หรือไม่ช่วยขึ้นกับกรณี แต่มันมีวิธีแก้ไขที่ต้นเหตุง่ายกว่าเยอะ และคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาแบบนี้

จริงๆแม้แต่สายanalog ก็มีทริกนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงสัญญาณรบกวนอะไรเลย เอาแค่ความต้านทานเปลี่ยน voltage ที่วิ่งตามสายเปลี่ยน เสียงดังขึ้นที่volume เครื่องเล่นเดิมๆ อ๊ะ เพลงเพราะขึ้น เสียงเบสหนักแน่นขึ้น ก่อนเทสพวกนี้ลองหัดทำ volume matching กันก่อนนะครับ จะได้ไม่หลงไปความรู้สึกตัวเอง

สุดท้ายผมก็ยังแปลกใจ อุปกรณ์ห้องอัด ที่ทำเพลงมาขาย ดันไม่เป็นที่นิยม เพราะข้ออ้างว่า เสียงแห้ง แบนเกิน สู้เสียงจากเครื่องเสียงเทพๆไม่ได้ ทั้งๆที่คนอัด คนมิกซ์เสียง เขาก็ฟังจากหูฟัง ลำโพงในห้องอัด เพื่อให้ได้ยินอย่างที่ตั้งใจmastering มา แต่คนฟังกลับพยายามบิดเบือนเสียงจากต้นทาง แล้วบอกว่านั่นคือเสียงที่เพราะกว่า? แต่ก็นั่นแหละ ความชอบเป็นปัจเจกครับ เราอาจจะชอบเสียงนักร้องจากชุดฟังที่หวานบาดหู แม้จะเสียงออกมาไม่เหมือนตัวจริงเลยก็ตาม แต่เราจินตนาการว่ามีนักร้องลึกลับมาร้องข้างๆหูเรา(แต่เสียงไม่เหมือนตัวจริงไม่เป็นไร เพราะเราไม่เคยเจอสักหน่อย?)

ผมฮาตรงไล่ให้คนฟังแล้วแตกต่างให้ไปทดสอบหู 555555555

เรื่องการทำ Mastering นั้นต้องทำให้ flat และกลางๆอยู่แล้วรึเปล่าครับ เราต้องไม่ลืมว่าเสียงพวกนั้นจะถูกเปิดที่ปลายทางด้วยลำโพงหูฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้วเสียงก็ไม่เหมือนกันอีก การทำออกมาให้กลางๆ แล้วโยนเรื่องรสนิยมไปยังปลายทางนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เป็นเรื่องของ aftermarket

ถ้าอยากได้เสียงแบบ Stuido ก็มีลำโพงประเภท Monitor ขายครับ จะเรียกว่าลำโพง Monitor คือลำโพงชีวิตจริงแล้วลำโพงอื่นๆคือการอ่านนิยายก็ได้ ใครอยากได้แบบไหนก็ซื้อแบบนั้น น่าจะเห็นภาพชัดเจน

การฟัง การเล่นเครื่องเสียงเป็นมัน Art อะครับ เสียงดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องของรสนิยม แต่เสียงที่ต่างกันเป็น Fact

อ่านๆมาก็เหมือนคนพยายามตีตารางในภาพวาด สักแต่จะตีด้วยนะ ไม่ได้รู้หรือลึกซึ้งอะไรกับสิ่งตรงหน้าด้วยซ้ำ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 84

phonlawat

24/09/2021 17:23:21
0
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 15 - นายมั่นคง
การฟังความต่างของเสียงระหว่าง SSD และ HDD ออกไม่ใช่เรื่องบ้าหรือแปลกครับ โครงสร้างของทั้งสองตัวไม่เหมือนกัน การบันทึกไฟล์และการเรียกไฟล์มาอ่านก็ไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่ามีความต่างกัน แต่ผมเองก็ไม่เคยทดลองจริงๆจังๆซักที ผมมี SSD และ Ex HDD แต่ก็นึกแปลกใจว่ายังไม่ได้ลองเทียบดูครับ

เพราะถ้าหากเทียบก็คิดว่าฟังออกยากเหมือนกัน (แต่คงฟังออก) ขนาดสาย USB 3 เส้น ยังฟังออกว่าเส้นไหนเสียงดีกว่าเส้นไหนได้เลยครับ พวกสาย lan ดีๆก็ฟังออก แต่ยังไงลองเทียบจากไฟล์เดียวกัน เงื่อนไขคล้ายๆกันที่สุดอีกที

ผมว่าจะเอา SSD ใส่ใน Roon Neucleus แล้วฟังเทียบกับ Ex HDD อยู่เหมือนกันเร็วๆๆนี้ครับ 555
สาย USB มันมีผลแน่ครับ เพราะมันส่ง Power ด้วย แต่การอ่านข้อมูลดิจิตอลไม่ต่างครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 85

เฟี้ยว

25/09/2021 11:05:54
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 83 - ผ่านมาแนะนำครับ

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 79 - AudioScience
ผมเชื่อว่าหูเทพมีจริงครับ เคยมีเพื่อนนักดนตรีฟังเพลงแล้วแกะโน๊ตได้ แต่สักแสนคนจะมีสักกี่คนที่หูดีแบบนั้น

system ราคาแพง แต่ขอโทษ หูคนฟัง เคยทดสอบไหมครับ ฟังได้ถึงย่าน 20kHzไหม? ถ้าอยุไม่เกิน 20 พอเป็นไปได้ แต่ถ้าอายุเกินกว่านั้นโดยทั่วๆไป 30-40 ผมเชื่อว่า 12-15kHz ก็หรูแล้ว

แต่ผมเชื่อว่าคุณฟังแล้วต่างครับ แต่ที่ได้ยินว่าต่าง จริงๆแล้วสิ่งที่เป็นจริงๆในทางกายภาพ(ไม่ใช่จากการรับรู้)มันต่างจริงๆแค่ไหน? การได้ยินของเรามันไม่เที่ยงนักหรอก

ลองโดนเมียด่าแล้วไปฟังเพลง กับอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ นั่งพักสักชั่วโมง ฟังsystem เดียวกัน เสียงต่างกันไหม? ไม่ต้องตอบผม ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ของตัวเอง

ไม่ป่วนไม่กล่าวหาครับ เงินใครเงินมัน ผมเองซื้อสายLANสวยๆ(หลักร้อยเองนะ) แม้มันจะแพงกว่า AMP/Link เกรดมาตรฐาน ห้องserverระดับโลก ก็ตามเพราะมันสวยดี แต่ไม่เคยคาดหวังว่ามันจะทำให้ส่งข้อมูลอะไรดีขึ้นเลย เพราะคนทำงานสายนี้รู้ดี ว่าสายLAN ที่ส่งสัญญาณผิดพลาดคือสายLANที่พังแล้ว ตัดหัวเข้าหัวใหม่หรือสายข้างในมันกรอบตามอายุการใช้งาน(บางยี่ห้อรับประกันสามสิบปีนะครับเกรดกลางๆบ้านเรารับประกันสิบปี) หรือกรณีสุดโต่งแบบลากสายLAN ไปพาดแนวสาย hi-voltage หรือบ้านอยู่ข้างสถานีวิทยุชุมชนเถื่อนสายเส้นละล้านก็อาจจะช่วยได้่หรือไม่ช่วยขึ้นกับกรณี แต่มันมีวิธีแก้ไขที่ต้นเหตุง่ายกว่าเยอะ และคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหาแบบนี้

จริงๆแม้แต่สายanalog ก็มีทริกนะครับ ยังไม่ต้องพูดถึงสัญญาณรบกวนอะไรเลย เอาแค่ความต้านทานเปลี่ยน voltage ที่วิ่งตามสายเปลี่ยน เสียงดังขึ้นที่volume เครื่องเล่นเดิมๆ อ๊ะ เพลงเพราะขึ้น เสียงเบสหนักแน่นขึ้น ก่อนเทสพวกนี้ลองหัดทำ volume matching กันก่อนนะครับ จะได้ไม่หลงไปความรู้สึกตัวเอง

สุดท้ายผมก็ยังแปลกใจ อุปกรณ์ห้องอัด ที่ทำเพลงมาขาย ดันไม่เป็นที่นิยม เพราะข้ออ้างว่า เสียงแห้ง แบนเกิน สู้เสียงจากเครื่องเสียงเทพๆไม่ได้ ทั้งๆที่คนอัด คนมิกซ์เสียง เขาก็ฟังจากหูฟัง ลำโพงในห้องอัด เพื่อให้ได้ยินอย่างที่ตั้งใจmastering มา แต่คนฟังกลับพยายามบิดเบือนเสียงจากต้นทาง แล้วบอกว่านั่นคือเสียงที่เพราะกว่า? แต่ก็นั่นแหละ ความชอบเป็นปัจเจกครับ เราอาจจะชอบเสียงนักร้องจากชุดฟังที่หวานบาดหู แม้จะเสียงออกมาไม่เหมือนตัวจริงเลยก็ตาม แต่เราจินตนาการว่ามีนักร้องลึกลับมาร้องข้างๆหูเรา(แต่เสียงไม่เหมือนตัวจริงไม่เป็นไร เพราะเราไม่เคยเจอสักหน่อย?)

ผมฮาตรงไล่ให้คนฟังแล้วแตกต่างให้ไปทดสอบหู 555555555

เรื่องการทำ Mastering นั้นต้องทำให้ flat และกลางๆอยู่แล้วรึเปล่าครับ เราต้องไม่ลืมว่าเสียงพวกนั้นจะถูกเปิดที่ปลายทางด้วยลำโพงหูฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้วเสียงก็ไม่เหมือนกันอีก การทำออกมาให้กลางๆ แล้วโยนเรื่องรสนิยมไปยังปลายทางนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เป็นเรื่องของ aftermarket

ถ้าอยากได้เสียงแบบ Stuido ก็มีลำโพงประเภท Monitor ขายครับ จะเรียกว่าลำโพง Monitor คือลำโพงชีวิตจริงแล้วลำโพงอื่นๆคือการอ่านนิยายก็ได้ ใครอยากได้แบบไหนก็ซื้อแบบนั้น น่าจะเห็นภาพชัดเจน

การฟัง การเล่นเครื่องเสียงเป็นมัน Art อะครับ เสียงดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องของรสนิยม แต่เสียงที่ต่างกันเป็น Fact

อ่านๆมาก็เหมือนคนพยายามตีตารางในภาพวาด สักแต่จะตีด้วยนะ ไม่ได้รู้หรือลึกซึ้งอะไรกับสิ่งตรงหน้าด้วยซ้ำ

ขออนุญาตขำอีกต่อหนึ่งครับการ Mastering ไม่มีคำว่า Flat จริงๆต้องย้อนกลับไปตั้งแต่การ Mixing และ Tracking ทุกอย่างไม่มีคำว่า Flat มาตั้งแต่ต้นแล้ว อุปกรณ์บันทึกเสียงทุกเครื่อง เครื่องดนตรีทุกชิ้น นักดนตรีทุกคน ทุกอย่างมีคาเรคเตอร์ล้วนแล้วแต่มี Bias ทางเสียง ด้วยกันหมดทั้งสิ้น แม้แต่ตัว Sound Engineer เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น เรื่องพวกนั้นมันก็แค่การทำให้สิ่งเหล่านี้มาประกอบกันจนมันเกิดเป็นความลงตัวออกมาอย่างที่ควรจะเป็น มันถึงสามารถเอาไปเปิดกับปลายทางที่ไหนก็ได้ไง แต่ซึ่งมันก็ยังห่างไกลกับคำว่า Flat อยู่ดี เพราะถ้าจะ Flat ก็คงต้อง White Noise แหละครับ แล้วเพลงทั้งหมดบนโลกก็ไม่ได้มี Spectrum แบบนี้เลย เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น เชื่อสิว่ามันออกมาฟังไม่ได้หรอก แม้แต่ลำโพง Monitor มันก็ไม่ได้ Flat แค่ดีเทลมันละเอียดกว่า และมันมีความตรงไปตรงมามากกว่าเท่านั้นเอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 86

ผมว่านะ

25/09/2021 11:22:15
คุณเฟี้ยวเป็นผู้มาก่อนกาลสินะครับ

https://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=297820
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 87

ลองดูครับ

26/09/2021 06:38:02
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 88

ลองดูครับ

26/09/2021 18:43:43
ความคิดเห็นที่ : 89

ผมว่านะ

27/09/2021 21:04:05
เอาจริงๆ ผมก็สับสนเหมือนกันนะครับ เพราะ audiophile ระดับพระกาฬบางท่านก็ยืนยันว่าสายแลนไม่มีผลต่อคาแรกเตอร์เสียง เพราะมันมีระบบ checksum ตรวจทานความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล (อ้างอิงจากคลิปนี้ นาทีที่ 1:06:35)
ถ้าฝั่ง audiophile ด้วยกันเองยังมีความเห็นแตกแยกไปคนละทางไม่เป็นเอกภาพแบบนี้ก็คงยากที่จะไปโต้แย้งฝั่ง IT เค้านะครับ (ทำไมไม่ปรึกษากันให้ดีก่อนเนี่ย?)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 90

Archdragoon

28/09/2021 15:24:24
13



หึหึ ผมเอาเอาข้อมูลจาก mojo ไปแปะไว้ในกลุ่มบน Facebook นี่ถึงกับ block ผมเลยนะครับ สุดยอดดดด

Computer Audio Misconceptions - Mojo Audio (mojo-audio.com)

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 91

Archdragoon

28/09/2021 15:53:41
13
จาก Chord*
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 92

Archdragoon

28/09/2021 15:55:29
13
จาก mojo
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 93

ยังไงแน่

29/09/2021 23:43:21
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 89 - ผมว่านะ

เอาจริงๆ ผมก็สับสนเหมือนกันนะครับ เพราะ audiophile ระดับพระกาฬบางท่านก็ยืนยันว่าสายแลนไม่มีผลต่อคาแรกเตอร์เสียง เพราะมันมีระบบ checksum ตรวจทานความถูกต้องครบถ้วนของข้อมูล (อ้างอิงจากคลิปนี้ นาทีที่ 1:06:35)
ถ้าฝั่ง audiophile ด้วยกันเองยังมีความเห็นแตกแยกไปคนละทางไม่เป็นเอกภาพแบบนี้ก็คงยากที่จะไปโต้แย้งฝั่ง IT เค้านะครับ (ทำไมไม่ปรึกษากันให้ดีก่อนเนี่ย?)

สายlanไม่มีผลจิงดิ คนนี้มะช่ายหรอที่มาออกคลิปอวยสายlanสวรรค์ฟ้า
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 94

ผมว่านะ

30/09/2021 15:18:44
สายแลนสวรรค์ฟ้า? คลิปอยู่ไหนครับ ผมจะได้เข้าไปดู?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 95

ลองดูครับ

30/09/2021 22:18:36
ความคิดเห็นที่ : 96

ผมว่านะ

01/10/2021 23:41:41
ขอบคุณครับ เป็นแบบนี้เอง เข้าใจแล้วครับ ป.ล. เทคโนโลยีสลาย noise ให้กลายเป็นความร้อนแล้วระเหยทิ้งไปในอากาศนี่สุดยอดมาก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 97

ลองดูครับ

02/10/2021 22:18:19
ความคิดเห็นที่ : 98

AudioScience

09/10/2021 20:52:11
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 83 - ผ่านมาแนะนำครับ

ผมฮาตรงไล่ให้คนฟังแล้วแตกต่างให้ไปทดสอบหู 555555555

เรื่องการทำ Mastering นั้นต้องทำให้ flat และกลางๆอยู่แล้วรึเปล่าครับ เราต้องไม่ลืมว่าเสียงพวกนั้นจะถูกเปิดที่ปลายทางด้วยลำโพงหูฟังอะไรก็ไม่รู้ แล้วเสียงก็ไม่เหมือนกันอีก การทำออกมาให้กลางๆ แล้วโยนเรื่องรสนิยมไปยังปลายทางนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เป็นเรื่องของ aftermarket

ถ้าอยากได้เสียงแบบ Stuido ก็มีลำโพงประเภท Monitor ขายครับ จะเรียกว่าลำโพง Monitor คือลำโพงชีวิตจริงแล้วลำโพงอื่นๆคือการอ่านนิยายก็ได้ ใครอยากได้แบบไหนก็ซื้อแบบนั้น น่าจะเห็นภาพชัดเจน

การฟัง การเล่นเครื่องเสียงเป็นมัน Art อะครับ เสียงดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องของรสนิยม แต่เสียงที่ต่างกันเป็น Fact

อ่านๆมาก็เหมือนคนพยายามตีตารางในภาพวาด สักแต่จะตีด้วยนะ ไม่ได้รู้หรือลึกซึ้งอะไรกับสิ่งตรงหน้าด้วยซ้ำ



***********
ผมไม่ฮาครับ เพราะเจอมาเยอะแล้ว หูเทพ ที่ฟังย่านไฮไม่ออกตามอายุ แล้วโม้ว่าหูเทพฟังเสียงต่างออก  ว่างๆไปทดสอบการฟังที่รพ.ก่อนจะมาโม้ดีกว่า 
ส่วนเรื่องรสนิยม อันนี้ไม่เถียงครับ แต่ถ้าบอกว่าเสียงดีกว่า ผมก็สงสัยกับนิยามคำว่า"ดีกว่า"
ผมทราบดีว่ามันไม่มีคำว่าflat ในโลกตั้งแต่การมิกซ์แล้ว แต่เสียงที่ดี น่าจะเป็นเสียงที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่บันทึกมาหรือเสียงที่คนทำmasteringตั้งใจที่สุด 
ผมอาจจะนิยมไปดูคอนเสิร์ตด้วยตัวเอง บินไปดูด้วยตัวเองที่ตปท.หลายรอบแล้ว แต่พอมาเจอcovid pandemic ก็ไปไม่ได้ ต้องกลับมาเล่นเครื่องเสียง เล่นหูฟัง เล่นจากรุ่นถูกไม่กี่พันยันไปหลายๆหมื่น(ผมไม่กล้าทุ่มซื้อแพงๆทีเดียว) แต่รวมแล้วก็หลายแสน เพราะโหยหาบรรยากาศที่เคยไปดูมาด้วยตัวเอง แรกๆก็ตามรีวิวนี่แหละครับ
ซื้อหูฟังราคาครึ่งแสนมาตัวแรกก็จากรีวิวในไทย(ไม่ระบุรุ่นแล้วกันนะครับ) แต่มาเอะใจตรง มาเจอเพลงที่เราเคยฟังในคอนฯจริงจากแผ่นบันทึกคอนฯที่เคยไปดูมาด้วยตัวเองก่อนโควิทไม่นาน ทำไมเสียงร้องมันต่าง เหมือนคนละคนร้อง เสียงร้องหวานจริงไม่เถียง แต่มัน"คนละคน" (อาจจะมีคนเถียงว่า เสียงจากไมค์ จากระบบเสียงในคอนฯ หรือการบันทึกมันก็เพี้ยนมาแล้ว แต่อย่างน้อยก็เป็นความเพี้ยนของระบบที่ producer และsound engineerของคอนฯระดับโลกนั้นตั้งใจแบบนั้น)
เลยเริ่มแสวงหาการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ จนพบว่า หูฟังรุ่นฮิตๆ หรือdacเทพๆบางตัว มันdistortionสูงมาก ยังไม่นับเรื่องfrequency response ที่จงใจเป็นเรื่องของรสนิยมได้ (house's sound?) แต่มันก็มี target curve กลางๆที่ยอมรับกันหลายเจ้า
มาหัดฟังลำโพงและหูฟัง studio monitor หรือdacที่วัดด้วยเครื่องมือแล้วdistortionต่ำจริง พอตั้งใจฟังก็ได้ยินเสียงที่เคยได้ยินในคอนฯมาก่อนมากขึ้น เสียงร้องมันใกล้กับที่เคยได้ยินด้วยตัวเองมากขึ้น
มันทำให้ได้ยินเสียงและบรรยากาศที่คุ้นเคยกลับมา 
อีกอย่างถ้าคุณยอมรับว่ามันเป็น Art ก็แสดงว่ายอมรับเป็นเรื่องของรสนิยม ผมก็ยังเห็นด้วยตรงนี้ เพราะคนที่ไม่เคยไปดูคอนฯจริงก็คงไม่สนใจว่าเสียงจะเพี้ยนจากตัวจริงแค่ไหน แค่ฟังแล้วชอบก็พอซึ่งความชอบมันก็เปลี่ยนไปตามวัยด้วยเหมือนกัน

แต่ก็อย่ามาอ้างเรื่องเที่ยงตรง กับพวกสาย LAN หรืออะไรที่มันตรวจวัดค่าได้โดยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แล้วบอกให้เทียบกับหู ใครแยกไม่ออกแสดงว่าไม่เก่ง หูไม่เทพ หรือเครื่องเสียงไม่แพงพอ โดยไม่สนใจเครื่องมือตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ มันคนละเรื่องกันเลย
เหมือนคนเห็นผี บอกฉันเห็นมาไล่บีบคอกันจะจะเลย คนอื่นบอกให้ถ่ายรูปผีให้ดูหน่อย แล้วเถียงข้างๆคูๆว่าฉันเห็นนะ คนอื่นต้องเปิดใจก่อนถึงจะเห็นผีเหมือนกัน? คือผมไม่เถียงว่าคุณเห็นผีนะ คุณอาจจะเห็นจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะอวดอ้างว่าเหนือกว่าคนอื่นตราบใดที่พิสูจน์ไม่ได้
ส่วนเรื่องทางเทคนิคทางdigitalอันนี้หน้าที่การงานโดยตรงครับ ขออนุญาตไม่หักหน้าผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจ แต่จะบอกว่าการทดสอบในไทยหลายเพจที่ทำๆกัน พลาดเรื่องการคิดเรื่อง ADC เลยเจอช่องที่ทำให้เจอไม่เหมือนกัน ทับกันไม่ได้ 100%เพราะเกิดจากerror และnoise ของการแปลง ไม่ใช่เรื่องการส่งสัญญาณ ที่พูดกันผิดๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 99

AudioScience

09/10/2021 21:04:24
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 85 - เฟี้ยว

ขออนุญาตขำอีกต่อหนึ่งครับการ Mastering ไม่มีคำว่า Flat จริงๆต้องย้อนกลับไปตั้งแต่การ Mixing และ Tracking ทุกอย่างไม่มีคำว่า Flat มาตั้งแต่ต้นแล้ว อุปกรณ์บันทึกเสียงทุกเครื่อง เครื่องดนตรีทุกชิ้น นักดนตรีทุกคน ทุกอย่างมีคาเรคเตอร์ล้วนแล้วแต่มี Bias ทางเสียง ด้วยกันหมดทั้งสิ้น แม้แต่ตัว Sound Engineer เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น เรื่องพวกนั้นมันก็แค่การทำให้สิ่งเหล่านี้มาประกอบกันจนมันเกิดเป็นความลงตัวออกมาอย่างที่ควรจะเป็น มันถึงสามารถเอาไปเปิดกับปลายทางที่ไหนก็ได้ไง แต่ซึ่งมันก็ยังห่างไกลกับคำว่า Flat อยู่ดี เพราะถ้าจะ Flat ก็คงต้อง White Noise แหละครับ แล้วเพลงทั้งหมดบนโลกก็ไม่ได้มี Spectrum แบบนี้เลย เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น เชื่อสิว่ามันออกมาฟังไม่ได้หรอก แม้แต่ลำโพง Monitor มันก็ไม่ได้ Flat แค่ดีเทลมันละเอียดกว่า และมันมีความตรงไปตรงมามากกว่าเท่านั้นเอง

ใช่ครับไม่มีคำว่าflat แต่ถ้าสิ่งที่ได้ยิน มัน"เพี้ยน"จากสิ่งที่คนทำ(producer,sound engineer,mastering)ตั้งใจ เช่นเสียงร้องออกมาเป็นคนละคน มันก็ไม่น่าจะเรียกว่าดีเท่าไร ยกมาก่อนมีคนเถียงข้างๆคูๆ ว่าแม้แต่เสียงในการระบบเสียงคอนฯหรือการแสดงสด จุดๆต่างๆมันก็มีการปรับแต่ง หรือแม้แต่ตอนทำmastering ลงแผ่นขายก็ต้องมาปรับอีกที ใช่ครับ มันปรับแต่งยันบันทึกสุดท้ายนั่นแหละ โดยเฉพาะเสียงตอนแสดงสดจริงมันก็มีความผิดพลาดบ้าง เช่นเสียงตึกตอนเปลี่ยนเพลง(ไปดูคอนฯครั้งแรกเจอแล้วก็งงเหมือนกันเพราะในแผ่นมันไม่มี) เสียงหายใจพ่นใส่ไมค์ หรือเสียงกระแทก ฯลฯ  แต่พอเป็นแผ่นจุดพวกนี้หายหมด 

แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้จัดการแสดง/หรือถ้าเป็นเพลงในห้องอัด ก็คือproducer ตั้งใจถ่ายทอดออกมาแบบนั้น ไม่ใช่ไปบิดให้มันเปลี่ยนไปกว่าเดิมอีก แล้วบอกว่า นี่ไงเครื่องเสียงราคาสิบล้านเสียง"ดีกว่า" ทั้งๆที่เสียงมันออกมาคนละแบบกันเลย

อาจจะยกเว้นคนที่ไม่เคยไปฟังคอนฯจริง ไม่เคยฟังเสียงการแสดงสดจริง ก็อาจจะโยนให้เป็นเรื่องของจินตนาการไป

เรื่องรสนิยมก็คือรสนิยมครับ อันนั้นคือเรื่องลำโพง และหูฟัง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายในการแปลงออกมาเป็นสัญญาณเสียง ต่อให้วัดค่าได้ มันก็มีความชอบมาแย้งกันไม่จบ ว่าชอบไม่เหมือนกัน แม้จะไม่เหมือนของจริงเลยก็ตาม

แต่ถ้าเรื่องของการส่งสัญญาณ อย่างสายLAN หรือการบันทึกจากแผ่นmedia แบบ HDD,SSD ตามกระทู้นี้ก็อีกเรื่อง เพราะมันวัดค่าด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ก็ไม่เชื่อกัน มาแย้งว่า หู ฉันฟังแล้วต่างนะ ใครฟังไม่ต่างแสดงว่าเครื่องเสียงไม่แพงพอ

มันตลกจริงๆครับ :P


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 100

AudioScience

09/10/2021 21:41:08
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 82 - Sutad
ถึงความเห็นที่ 79

คุณเข้ามาโพสต์แบบนี้ในเว็บนี้ ไม่รู้ว่าคุณเล่นหูฟังหรือเปล่า ?

ผมนอกจากเครื่องเสียงบ้าน หูฟังผมก็เล่นเหมือนกัน พวกแอมป์ DAC หูฟัง DAP และอื่นๆ ผมก็ซื้อจากที่ร้านเฮียมั่นเนี่ยแหละ

คนที่เล่นหูฟังผมว่าส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดน่าจะรู้ว่าเสียงของหูฟัง แต่ละตัวมีบุคลิกเสียงที่ต่างกัน แอมป์ DAC DAP สายหูฟัง ก็เช่นกัน คิดว่าคนที่เล่นคาดหวังว่าเสียงที่ถ่ายทอดออกมาต้องเหมือนต้นฉบับเหรอ ?

หูฟังมีบุคลิกเสียงแตกต่างกันไป เช่น แนวสว่าง ดาร์ก ลายละเอียดดี มิติ เวทีเสียงกว้างแคบ เสียงร้องอวบอิ้ม แห้ง เบสหนัก เบา แหลมพริ้ว กุด อะไรอย่างนี้เป็นต้น  ทางร้านเขาจึงจัดหูฟังยี่ห้อ และรุ่นต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าฟัง เพื่อหาเสียงที่ตรงกับความชอบของลูกค้า ถ้ามันฟังแล้วเสียงเหมือนหมด จะมีให้ลองไปทำไม

เครื่องเสียงบ้านก็เช่นกัน  ลองถามคนที่เล่นเครื่องเสียงจริงๆ ว่าต้องการ System ที่ถ่ายทอดเสียงออกมาตรงต้นฉบับเหรอ ?  ส่วนใหญ่คงตอบว่าไม่ได้ต้องการเลย

คนเล่นเครื่องเสียงทุกคนรู้ว่า แอมป์ เครื่องเล่นต่างๆ และสายต่างๆ มีบุคลิกเสียงในแบบฉบับเฉพาะของตัวมันเอง อย่างลำโพง Proac กับ B&W ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าฟังแล้วเสียงออกมาเหมือนกัน คนชอบเสียงของ Proac เขาก็ซื้อ Proac ส่วนคนที่ชอบเสียงของ B&W เขาก็ซื้อ B&W เขาซื้อตามความชอบ และกำลังซื้อ งบมีแค่ตัวเริ่มต้นก็ซื้อรุ่นเริ่มต้น อย่าง B&W 602 งบเยอะซื้อรุ่นเรือธง 801 D4 (บอกตรงๆ ผมเป็นหนึ่งในคนที่จอง B&W 801 D4)

สิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงต้องการคือเสียงที่ชอบ เช่น เสียงร้อง เสียงแหลม เบส เวที มิติ รายละเอียด ความหนักแน่น ความสมจริงเหมือนมีวงดนตรีมาเล่นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น

อย่างที่บอกว่าเป็นการซื้อความชอบกับไม่ชอบ พอใจกับไม่พอใจ

อย่างนาฬิกา Automatic ของ Sieko ราคาหมื่นกว่าบาท มันก็เดินบอกมันก็มีกลไก และสามารถบอกเวลาได้เหมือนกับนาฬิกา Automatic Rolex  บางทีความเที่ยงตรงอาจจะมากกว่า Rolex ก็ได้ใครจะไปรู้  แล้วจะไปซื้อนาฬิกาแพงๆ ทำไม

กระเป๋าเป็นอีกตัวอย่าง หนังแท้ใบละ 2,000 บาท กับของแบรนด์เนมใบละ 1 ล้าน ใส่ของได้เหมือนกัน ทำไมยังมีคนซื้อกระเป๋าใบละ 1 ล้าน

ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา การตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างนั้น เขาไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า แต่เขาซื้อเพราะความชอบ และความพอใจ

อย่างคนที่เขาซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท พวกนี้เขามี System ระดับหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท เขาซื้อมันเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่เขามีชุดฟังเพลงทั้งชุด 20,000 บาท  แล้วไปซื้อสายเส้นละ 1 แสนซะที่ไหน

ไม่ต้องไปห่วงว่าคนรวย ว่าเขาจะถูกหลอกขายของ เขาไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร และไม่ได้มาร้องแรกแหกกระเชอในโซเชียลว่าเขาถูกหลอก ต้องการให้คนช่วยอะไรซะที่ไหน แล้วทำไมถึงมีคนเดือนร้อนแทนเขา และไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนทั่วไปโดนหลอก  เพราะราคาขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ซื้อหรอก

สรุปอีกครั้งว่าคนรวยซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น หรือความคุ้มค่า ขณะที่คนวิจารณ์มองจากฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า มองกันคนละมิติ เหมือนคุยกันคนละภาษา มันก็คุยกันไม่รู้เรื่องครับ

เล่นสิครับ แต่อาจจะไม่ถึงหลักสิบล้านแบบที่ท่านข้างบนๆบอกไว้ แต่รวมๆก็หลักหลายแสนไปแล้ว 

เรื่องเสียงเปลี่ยนเพราะ หูฟัง ลำโพง สายสัญญาณแบบanalog หรือdac,amp อันนี้เห็นด้วยบางส่วนครับ ว่าเป็นเรื่องของรสนิยม ไม่พูดถึงความเที่ยงตรง (เพราะอย่างแอมป์หลอดนี่distortionสูงมากๆ แต่คนที่ชอบเขาก็ว่ามันเพราะดีก็เรื่องของคนชอบ)

ยังไม่ขอทักว่า บางอย่างมันไม่ได้เปลี่ยนจริงๆ แต่เป็นจินตนาการและทริกของเรื่องlevel matching แต่จะนอกประเด็นไป

แต่ถ้าเรื่องการส่งสัญญาณ โดยเฉพาะสัญญาณdigital มันคนละเรื่องกันเลยครับ 

สายLAN เส้นละแสน ที่ใช้กับชุดสิบล้าน ที่คุณเอาของใครมาโม้ก็ไม่รู้ มันไม่ได้ทำให้ เสียงเปลี่ยนไปเลย นอกจากเรื่องของความสวยงาม หรือความคงทนของตัวสาย (แต่อย่างที่บอกไปสายLAN เกรดดีๆมาตรฐาน เขารับประกันสามสิบปีนะครับยังเมตรละไม่กี่สิบบาทเอง) ซึ่งผมไม่เถียง ถ้าคุณบอกว่าจะซื้อเพราะมันสวยดี ดูเข้ากันกับเครื่องเสียงแพงๆ ไม่ใช่สายสีขาว สีฟ้าจืดๆ

แต่จะเถียง ถ้าบอกว่ามันส่งสัญญาณได้ดีกว่า โดยไม่อ้างอิงกับการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ แล้วไปบอกให้ใช้หู ของแต่ละคนฟังแยกกันเอาเอง?

บางคนไปอ้างเรื่องว่า การส่งสัญญาณของระบบเครื่องเสียง ไม่มี error correction? เอ ระบบไหน protocol อะไรครับ? บางคนอ้างเรื่องการส่งสัญญาณlive สด คือคุณใช้bandwidth ขนาดไหน ใช้ในสถานการณ์แบบไหน ถึงกลัวสภาวะสุดโต่งที่แทบไม่เกิดขึ้นจริง? (ยังไม่นับว่าที่หลายเพจทดสอบ ด้วยการใช้ ADC บันทึกเสียงกลับมาเทียบก็มีเรื่องของnoise ในตัวADC ด้วยนะครับ ไม่ใช้เรื่องของสัญญาณที่ออกมาต่างกัน)

คุณรู้ไหมว่า สายLAN CAT6 เมตรละสิบบาท มีbandwidth 10Gbps ที่55 เมตรนะครับ (ถ้า 100เมตรนี่ได้ 1Gbps)

เพลงฟังจากfile หรือฟังจากinternet คุณกินbandwidth ถึงขนาดไหน ถึงกลัวเกิดข้อผิดพลาดขนาดนั้น?

บางคนโม้ต่อว่า ก็ UDP ไง ไม่ต้องทำerror ผมเองใช้switch routerในบ้าน มันมีsoftware ตรวจวัดerror จากการส่งpacketได้ ในการส่งแบบสายนี่เป็นปีๆ ไม่มีการทำerror เลยสักครั้งเลยนะครับ จะเจอบนฝั่งไร้สายมากกว่า เพราะการกวนของสัญญาณ 

ซึ่งต่อให้โชคร้ายเจอปัญหาจากสัญญาณรบกวนภายนอกจริงๆ(กรณีสายLAN นี่ต้องแบบเอาไปพาดสายไฟAC ที่ต่อตรงกับmotor กำลังสูง หรือมีสถานีวิทยุชุมชนเถื่อนห้องติดกัน) คุณก็รับรู้ได้ทันทีครับ เสียงcrack เสียงหาย เสียงเงียบ (ที่คนส่วนใหญ่เจอจากปัญหาของสัญญาณinternetจากISP หรือเนทมือถือที่ช้าหรือล่ม ไม่ใช้ปัญหาของสาย LAN แต่ผลมันก็ออกมาไม่ต่างกันหรอก) มันไม่ได้ออกมา เสียงแหบแห้ง ไม่อิ่มกังวาลอะไรแบบนั้น

หรือแม้แต่สาย USB ซึ่งมีส่วนจริงว่า protocol ที่ DAC ใช้ในการต่อกับpc นั้นไม่มีการทำ error correction แต่โอกาสเกิดผิดพลาดก็น้อยมากๆ โดยเฉพาะสายรุ่นใหม่ พวกที่รองรับ type C ที่รองรับไป USB3.1 หรือการชาร์จแบบPower delivery ที่ต้องการมาตรฐานสูงกว่าเดิมเยอะไม่งั้นชาร์จไม่ได้ 

 ส่วนใหญ่ที่คนเจอกันและเข้าใจผิดว่า เกิดจากความผิดพลาด คือเรื่องground loop noise มากกว่าซึ่งต้นเหตุมักไม่ใช่จากตัวสาย แต่จากระบบground ของcomputer เอง ซึ่งอาจจะเลี่ยงได้ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ toslink (แต่dacหลายๆตัว ถ้าเปลี่ยนไปใช้optical แล้วjitterแย่กว่า USBนะครับ) หรือเปลี่ยนระบบไฟฟ้า แยกปลั๊กกัน หรือมีสายดินก็ช่วยเยอะ หรือแก้ปัญหาแบบปลายเหตุ คือใช้ USB isolator หรือเปลี่ยนไปใช้ dac แบบbalanced ต่อผ่านXLR ไปลำโพง/amp นี่ป้องกัน ground loop noiseได้ 100%

เห็นไหมครับ สิ่งที่ผมยกมา ก็น่าจะcover สาเหตุส่วนใหญ่ ที่เราคิดไปว่าเกิดจาก "ราคา"ของตัวสาย ได้แล้ว ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกันเลย

ป.ล. ผมไม่ได้บอกว่า ราคาไม่มีผลต่อคุณภาพสายไปหมดนะครับ พวกสายLANยี่ห้อจีนๆม้วนร้อยเมตรไม่ถึงห้าร้อยบาท นี่ไส้ในสายใช้อลูมิเนียมชุบทองแดง ย่อมไม่คงทน และมีประสิทธิภาพแย่กว่า สายยี่ห้อมาตรฐานที่ใช้สายทองแดงแท้ๆครับ(เช่นคงระยะbandwidth ได้สั้นกว่า หรือระยะเวลาการใช้งานน้อยกว่า ถ้าโดนแดดปีสองปีก็กรอบหมดพวกนี้รับประกันปีเดียว ในขณะที่สายทองแดงแท้ๆ รับประกันสิบปีขึ้นครับ) แต่ก็เป็นเรื่องสายที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งถ้าสายที่ได้มาตรฐานเท่าๆกันแล้ว ไม่มีผลต่อคุณภาพเสียง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 101

AudioScience

09/10/2021 21:57:47
จริงๆอยากพูดเรื่องของสาย HDMI อีกนะครับ

สีสด สีอิ่ม อะไรไม่มีจริง ถ้าเชื่อมต่อแบบเดียวกันได้

สายHDMI นี่ส่งสัญญาณแบบdifferential โอกาสเจอกวนต่ำมากๆ และใช้bandwidth สูงมาก สายHDMI2.0 นี่ 14Gbps 2.1 นี่แถวๆ40Gbps อันนี้พวกสายจีนไร้ยี่ห้อ ที่ทำยาวเกินมาตรฐานพวกห้าเมตรสิบเมตร ก็มีโอกาสที่จะเจอภาพดับ กระพริบหรือต่อ ความละเอียดสูงไม่ถึง(เช่นควรจะต่อ4k ได้แต่ได้แค่ 1080p) ได้ครับ เพราะส่งได้ไม่ถึงbandwidthขั้นต่ำที่กำหนด 

แต่เรื่องของคุณภาพตัวสาย อันนี้ราคาก็มีผล แต่ก็ไม่ได้มาก พวกสายห่วยๆไร้ยี่ห้อราคาหลักสิบ ข้อต่อหลวม วงจรบัดกรีไม่ดี ถอดเข้าออกบ่อยๆมันก็ต่อไม่ติด หรืออาจทำให้ไฟช็อตจนวงจรอุปกรณ์เครื่องรับไหม้ได้จริง โดยเฉพาะถ้าต่อกับอุปกรณ์ที่ไม่มีสายดิน โดนไฟดูดได้เต็มๆ ตอนถอดเสียบ แต่พวกสายราคาหลักร้อย มันก็ไม่น่ามีปัญหาแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหลักพันหลักหมื่นเลย

แต่มันก็คือคุณภาพของ"ตัวสาย" ไม่ใช่คุณภาพของภาพและเสียงครับ

ย้ำว่าถ้าเชื่อมต่อแบบเดียวกันได้ ครบตามมาตรฐาน มันก็ออกมาแบบเดียวกันนั่นแหละ ถ้าไม่เหมือนกัน แสดงว่าเชื่อมต่อผิดmode หรืออุปกรณ์คุณเองไปเล่นอะไรกับสัญญาณ เช่นพวกทีวี ที่เปิดmode noise reduction หรือmotion flow มันจะทำให้ภาพเปลี่ยนไป ไม่เหมือนกันเป๊ะๆทุกครั้งขึ้นกับalgorithmของsoftwareบนทีวี/เครื่องเล่นเอง แต่ก็ไม่ได้เกิดจากตัวสายHDMI เช่นกัน

ป.ล. ที่ย้ำเรื่องมาตรฐานการเชื่อมต่อ เพราะมันมีมากกว่า แค่ 1080p, 2160p 10ิbit HDR อะไรพวกนี้นะครับ ลองไปดูเรื่อง sub sampling ที่เป็นสิ่งที่แตกต่างกันมาก ของ HDMI2.1 vs 2.0 และอาจทำให้สีที่ออกมาแตกต่างกันได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 102

ลองดูครับ

09/10/2021 22:09:16
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 103

เฟี้ยว

10/10/2021 01:00:37
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 99 - AudioScience

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 85 - เฟี้ยว

ขออนุญาตขำอีกต่อหนึ่งครับการ Mastering ไม่มีคำว่า Flat จริงๆต้องย้อนกลับไปตั้งแต่การ Mixing และ Tracking ทุกอย่างไม่มีคำว่า Flat มาตั้งแต่ต้นแล้ว อุปกรณ์บันทึกเสียงทุกเครื่อง เครื่องดนตรีทุกชิ้น นักดนตรีทุกคน ทุกอย่างมีคาเรคเตอร์ล้วนแล้วแต่มี Bias ทางเสียง ด้วยกันหมดทั้งสิ้น แม้แต่ตัว Sound Engineer เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น เรื่องพวกนั้นมันก็แค่การทำให้สิ่งเหล่านี้มาประกอบกันจนมันเกิดเป็นความลงตัวออกมาอย่างที่ควรจะเป็น มันถึงสามารถเอาไปเปิดกับปลายทางที่ไหนก็ได้ไง แต่ซึ่งมันก็ยังห่างไกลกับคำว่า Flat อยู่ดี เพราะถ้าจะ Flat ก็คงต้อง White Noise แหละครับ แล้วเพลงทั้งหมดบนโลกก็ไม่ได้มี Spectrum แบบนี้เลย เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น เชื่อสิว่ามันออกมาฟังไม่ได้หรอก แม้แต่ลำโพง Monitor มันก็ไม่ได้ Flat แค่ดีเทลมันละเอียดกว่า และมันมีความตรงไปตรงมามากกว่าเท่านั้นเอง

ใช่ครับไม่มีคำว่าflat แต่ถ้าสิ่งที่ได้ยิน มัน"เพี้ยน"จากสิ่งที่คนทำ(producer,sound engineer,mastering)ตั้งใจ เช่นเสียงร้องออกมาเป็นคนละคน มันก็ไม่น่าจะเรียกว่าดีเท่าไร ยกมาก่อนมีคนเถียงข้างๆคูๆ ว่าแม้แต่เสียงในการระบบเสียงคอนฯหรือการแสดงสด จุดๆต่างๆมันก็มีการปรับแต่ง หรือแม้แต่ตอนทำmastering ลงแผ่นขายก็ต้องมาปรับอีกที ใช่ครับ มันปรับแต่งยันบันทึกสุดท้ายนั่นแหละ โดยเฉพาะเสียงตอนแสดงสดจริงมันก็มีความผิดพลาดบ้าง เช่นเสียงตึกตอนเปลี่ยนเพลง(ไปดูคอนฯครั้งแรกเจอแล้วก็งงเหมือนกันเพราะในแผ่นมันไม่มี) เสียงหายใจพ่นใส่ไมค์ หรือเสียงกระแทก ฯลฯ  แต่พอเป็นแผ่นจุดพวกนี้หายหมด 

แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้จัดการแสดง/หรือถ้าเป็นเพลงในห้องอัด ก็คือproducer ตั้งใจถ่ายทอดออกมาแบบนั้น ไม่ใช่ไปบิดให้มันเปลี่ยนไปกว่าเดิมอีก แล้วบอกว่า นี่ไงเครื่องเสียงราคาสิบล้านเสียง"ดีกว่า" ทั้งๆที่เสียงมันออกมาคนละแบบกันเลย

อาจจะยกเว้นคนที่ไม่เคยไปฟังคอนฯจริง ไม่เคยฟังเสียงการแสดงสดจริง ก็อาจจะโยนให้เป็นเรื่องของจินตนาการไป

เรื่องรสนิยมก็คือรสนิยมครับ อันนั้นคือเรื่องลำโพง และหูฟัง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายในการแปลงออกมาเป็นสัญญาณเสียง ต่อให้วัดค่าได้ มันก็มีความชอบมาแย้งกันไม่จบ ว่าชอบไม่เหมือนกัน แม้จะไม่เหมือนของจริงเลยก็ตาม

แต่ถ้าเรื่องของการส่งสัญญาณ อย่างสายLAN หรือการบันทึกจากแผ่นmedia แบบ HDD,SSD ตามกระทู้นี้ก็อีกเรื่อง เพราะมันวัดค่าด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ก็ไม่เชื่อกัน มาแย้งว่า หู ฉันฟังแล้วต่างนะ ใครฟังไม่ต่างแสดงว่าเครื่องเสียงไม่แพงพอ

มันตลกจริงๆครับ :P


อันนี้ต้องขอชี้แจงว่าการแต่งเสียงจากเสียงที่อัดมาดั้งเดิมให้มันหังต่างจากออกไปโดยสิ้นเชิงมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับภาษาซาวด์เอ็นเขาเรียกว่า Extream Process ซึ่งมันก็เทียบกับการทำ CGI ในหนังนั่นแหละบางครั้งเราไม่ได้ต้องการความสมจริง แต่เราต้องการความเวอร์วังต้องการความแฟนตาซี ซึ่งในแนวเพลงสาย Modern นิยมทำกันมาก ยกตัวอย่างเช่นแนวร็อคที่กลองจะเสียงโคตรจิกเสียงกระแทกฟังดูใหญ่กว่าปกติ ซึ่งถ้าหากเป็นโลกความจริงตีกลอง Acoustic เปล่าๆเราคงไม่มีวันได้ยินเสียงแบบนี้แน่นอน จะได้ยินเสียงแบบนี้ได้ในโลกของการมิกซ์เท่านั้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 104

ลองดูครับ

10/10/2021 18:39:02
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 105

ลองดูครับ

10/10/2021 18:42:16
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 106

Sutad

10/10/2021 19:49:33
95



อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 100 - AudioScience
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 82 - Sutad
ถึงความเห็นที่ 79

คุณเข้ามาโพสต์แบบนี้ในเว็บนี้ ไม่รู้ว่าคุณเล่นหูฟังหรือเปล่า ?

ผมนอกจากเครื่องเสียงบ้าน หูฟังผมก็เล่นเหมือนกัน พวกแอมป์ DAC หูฟัง DAP และอื่นๆ ผมก็ซื้อจากที่ร้านเฮียมั่นเนี่ยแหละ

คนที่เล่นหูฟังผมว่าส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดน่าจะรู้ว่าเสียงของหูฟัง แต่ละตัวมีบุคลิกเสียงที่ต่างกัน แอมป์ DAC DAP สายหูฟัง ก็เช่นกัน คิดว่าคนที่เล่นคาดหวังว่าเสียงที่ถ่ายทอดออกมาต้องเหมือนต้นฉบับเหรอ ?

หูฟังมีบุคลิกเสียงแตกต่างกันไป เช่น แนวสว่าง ดาร์ก ลายละเอียดดี มิติ เวทีเสียงกว้างแคบ เสียงร้องอวบอิ้ม แห้ง เบสหนัก เบา แหลมพริ้ว กุด อะไรอย่างนี้เป็นต้น  ทางร้านเขาจึงจัดหูฟังยี่ห้อ และรุ่นต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าฟัง เพื่อหาเสียงที่ตรงกับความชอบของลูกค้า ถ้ามันฟังแล้วเสียงเหมือนหมด จะมีให้ลองไปทำไม

เครื่องเสียงบ้านก็เช่นกัน  ลองถามคนที่เล่นเครื่องเสียงจริงๆ ว่าต้องการ System ที่ถ่ายทอดเสียงออกมาตรงต้นฉบับเหรอ ?  ส่วนใหญ่คงตอบว่าไม่ได้ต้องการเลย

คนเล่นเครื่องเสียงทุกคนรู้ว่า แอมป์ เครื่องเล่นต่างๆ และสายต่างๆ มีบุคลิกเสียงในแบบฉบับเฉพาะของตัวมันเอง อย่างลำโพง Proac กับ B&W ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าฟังแล้วเสียงออกมาเหมือนกัน คนชอบเสียงของ Proac เขาก็ซื้อ Proac ส่วนคนที่ชอบเสียงของ B&W เขาก็ซื้อ B&W เขาซื้อตามความชอบ และกำลังซื้อ งบมีแค่ตัวเริ่มต้นก็ซื้อรุ่นเริ่มต้น อย่าง B&W 602 งบเยอะซื้อรุ่นเรือธง 801 D4 (บอกตรงๆ ผมเป็นหนึ่งในคนที่จอง B&W 801 D4)

สิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงต้องการคือเสียงที่ชอบ เช่น เสียงร้อง เสียงแหลม เบส เวที มิติ รายละเอียด ความหนักแน่น ความสมจริงเหมือนมีวงดนตรีมาเล่นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น

อย่างที่บอกว่าเป็นการซื้อความชอบกับไม่ชอบ พอใจกับไม่พอใจ

อย่างนาฬิกา Automatic ของ Sieko ราคาหมื่นกว่าบาท มันก็เดินบอกมันก็มีกลไก และสามารถบอกเวลาได้เหมือนกับนาฬิกา Automatic Rolex  บางทีความเที่ยงตรงอาจจะมากกว่า Rolex ก็ได้ใครจะไปรู้  แล้วจะไปซื้อนาฬิกาแพงๆ ทำไม

กระเป๋าเป็นอีกตัวอย่าง หนังแท้ใบละ 2,000 บาท กับของแบรนด์เนมใบละ 1 ล้าน ใส่ของได้เหมือนกัน ทำไมยังมีคนซื้อกระเป๋าใบละ 1 ล้าน

ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา การตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างนั้น เขาไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า แต่เขาซื้อเพราะความชอบ และความพอใจ

อย่างคนที่เขาซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท พวกนี้เขามี System ระดับหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท เขาซื้อมันเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่เขามีชุดฟังเพลงทั้งชุด 20,000 บาท  แล้วไปซื้อสายเส้นละ 1 แสนซะที่ไหน

ไม่ต้องไปห่วงว่าคนรวย ว่าเขาจะถูกหลอกขายของ เขาไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร และไม่ได้มาร้องแรกแหกกระเชอในโซเชียลว่าเขาถูกหลอก ต้องการให้คนช่วยอะไรซะที่ไหน แล้วทำไมถึงมีคนเดือนร้อนแทนเขา และไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนทั่วไปโดนหลอก  เพราะราคาขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ซื้อหรอก

สรุปอีกครั้งว่าคนรวยซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น หรือความคุ้มค่า ขณะที่คนวิจารณ์มองจากฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า มองกันคนละมิติ เหมือนคุยกันคนละภาษา มันก็คุยกันไม่รู้เรื่องครับ

เล่นสิครับ แต่อาจจะไม่ถึงหลักสิบล้านแบบที่ท่านข้างบนๆบอกไว้ แต่รวมๆก็หลักหลายแสนไปแล้ว 

เรื่องเสียงเปลี่ยนเพราะ หูฟัง ลำโพง สายสัญญาณแบบanalog หรือdac,amp อันนี้เห็นด้วยบางส่วนครับ ว่าเป็นเรื่องของรสนิยม ไม่พูดถึงความเที่ยงตรง (เพราะอย่างแอมป์หลอดนี่distortionสูงมากๆ แต่คนที่ชอบเขาก็ว่ามันเพราะดีก็เรื่องของคนชอบ)

ยังไม่ขอทักว่า บางอย่างมันไม่ได้เปลี่ยนจริงๆ แต่เป็นจินตนาการและทริกของเรื่องlevel matching แต่จะนอกประเด็นไป

แต่ถ้าเรื่องการส่งสัญญาณ โดยเฉพาะสัญญาณdigital มันคนละเรื่องกันเลยครับ 

สายLAN เส้นละแสน ที่ใช้กับชุดสิบล้าน ที่คุณเอาของใครมาโม้ก็ไม่รู้ มันไม่ได้ทำให้ เสียงเปลี่ยนไปเลย นอกจากเรื่องของความสวยงาม หรือความคงทนของตัวสาย (แต่อย่างที่บอกไปสายLAN เกรดดีๆมาตรฐาน เขารับประกันสามสิบปีนะครับยังเมตรละไม่กี่สิบบาทเอง) ซึ่งผมไม่เถียง ถ้าคุณบอกว่าจะซื้อเพราะมันสวยดี ดูเข้ากันกับเครื่องเสียงแพงๆ ไม่ใช่สายสีขาว สีฟ้าจืดๆ

แต่จะเถียง ถ้าบอกว่ามันส่งสัญญาณได้ดีกว่า โดยไม่อ้างอิงกับการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ แล้วไปบอกให้ใช้หู ของแต่ละคนฟังแยกกันเอาเอง?

บางคนไปอ้างเรื่องว่า การส่งสัญญาณของระบบเครื่องเสียง ไม่มี error correction? เอ ระบบไหน protocol อะไรครับ? บางคนอ้างเรื่องการส่งสัญญาณlive สด คือคุณใช้bandwidth ขนาดไหน ใช้ในสถานการณ์แบบไหน ถึงกลัวสภาวะสุดโต่งที่แทบไม่เกิดขึ้นจริง? (ยังไม่นับว่าที่หลายเพจทดสอบ ด้วยการใช้ ADC บันทึกเสียงกลับมาเทียบก็มีเรื่องของnoise ในตัวADC ด้วยนะครับ ไม่ใช้เรื่องของสัญญาณที่ออกมาต่างกัน)

คุณรู้ไหมว่า สายLAN CAT6 เมตรละสิบบาท มีbandwidth 10Gbps ที่55 เมตรนะครับ (ถ้า 100เมตรนี่ได้ 1Gbps)

เพลงฟังจากfile หรือฟังจากinternet คุณกินbandwidth ถึงขนาดไหน ถึงกลัวเกิดข้อผิดพลาดขนาดนั้น?

บางคนโม้ต่อว่า ก็ UDP ไง ไม่ต้องทำerror ผมเองใช้switch routerในบ้าน มันมีsoftware ตรวจวัดerror จากการส่งpacketได้ ในการส่งแบบสายนี่เป็นปีๆ ไม่มีการทำerror เลยสักครั้งเลยนะครับ จะเจอบนฝั่งไร้สายมากกว่า เพราะการกวนของสัญญาณ 

ซึ่งต่อให้โชคร้ายเจอปัญหาจากสัญญาณรบกวนภายนอกจริงๆ(กรณีสายLAN นี่ต้องแบบเอาไปพาดสายไฟAC ที่ต่อตรงกับmotor กำลังสูง หรือมีสถานีวิทยุชุมชนเถื่อนห้องติดกัน) คุณก็รับรู้ได้ทันทีครับ เสียงcrack เสียงหาย เสียงเงียบ (ที่คนส่วนใหญ่เจอจากปัญหาของสัญญาณinternetจากISP หรือเนทมือถือที่ช้าหรือล่ม ไม่ใช้ปัญหาของสาย LAN แต่ผลมันก็ออกมาไม่ต่างกันหรอก) มันไม่ได้ออกมา เสียงแหบแห้ง ไม่อิ่มกังวาลอะไรแบบนั้น

หรือแม้แต่สาย USB ซึ่งมีส่วนจริงว่า protocol ที่ DAC ใช้ในการต่อกับpc นั้นไม่มีการทำ error correction แต่โอกาสเกิดผิดพลาดก็น้อยมากๆ โดยเฉพาะสายรุ่นใหม่ พวกที่รองรับ type C ที่รองรับไป USB3.1 หรือการชาร์จแบบPower delivery ที่ต้องการมาตรฐานสูงกว่าเดิมเยอะไม่งั้นชาร์จไม่ได้ 

 ส่วนใหญ่ที่คนเจอกันและเข้าใจผิดว่า เกิดจากความผิดพลาด คือเรื่องground loop noise มากกว่าซึ่งต้นเหตุมักไม่ใช่จากตัวสาย แต่จากระบบground ของcomputer เอง ซึ่งอาจจะเลี่ยงได้ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ toslink (แต่dacหลายๆตัว ถ้าเปลี่ยนไปใช้optical แล้วjitterแย่กว่า USBนะครับ) หรือเปลี่ยนระบบไฟฟ้า แยกปลั๊กกัน หรือมีสายดินก็ช่วยเยอะ หรือแก้ปัญหาแบบปลายเหตุ คือใช้ USB isolator หรือเปลี่ยนไปใช้ dac แบบbalanced ต่อผ่านXLR ไปลำโพง/amp นี่ป้องกัน ground loop noiseได้ 100%

เห็นไหมครับ สิ่งที่ผมยกมา ก็น่าจะcover สาเหตุส่วนใหญ่ ที่เราคิดไปว่าเกิดจาก "ราคา"ของตัวสาย ได้แล้ว ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกันเลย

ป.ล. ผมไม่ได้บอกว่า ราคาไม่มีผลต่อคุณภาพสายไปหมดนะครับ พวกสายLANยี่ห้อจีนๆม้วนร้อยเมตรไม่ถึงห้าร้อยบาท นี่ไส้ในสายใช้อลูมิเนียมชุบทองแดง ย่อมไม่คงทน และมีประสิทธิภาพแย่กว่า สายยี่ห้อมาตรฐานที่ใช้สายทองแดงแท้ๆครับ(เช่นคงระยะbandwidth ได้สั้นกว่า หรือระยะเวลาการใช้งานน้อยกว่า ถ้าโดนแดดปีสองปีก็กรอบหมดพวกนี้รับประกันปีเดียว ในขณะที่สายทองแดงแท้ๆ รับประกันสิบปีขึ้นครับ) แต่ก็เป็นเรื่องสายที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งถ้าสายที่ได้มาตรฐานเท่าๆกันแล้ว ไม่มีผลต่อคุณภาพเสียง
คุณอ่านความเห็นผมแล้วจับประเด็นไม่ได้

ไม่มีตรงไหนที่ผมบอกว่าเสียงดี หรือไม่ดี ผมมีแต่บอกเป็นเรื่องของความชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือไม่พอใจ ผมไม่ได้มาเถียง หรือโต้แย้งกับใครว่าสาย LAN เส้นละ 100 บาท กับเส้นละ 1 แสนบาท แตกต่างหรือไม่แตกต่าง และไม่ได้ต้องการเปลี่ยนความคิดของใครทั้งนั้น ใครเชื่ออะไรก็เชื่อไป อ่านให้ดีๆ และจับประเด็นให้ถูก

คนที่เครื่องเสียงชุดละ 10 ล้านบาท แล้วเขาซื้อสาย LAN แสนละ 1 แสนบาท มีตรงไหนที่ผมบอกว่าทำให้เสียงเปลี่ยน หรือดีขึ้น เมื่อเขามีเงินซื้อเครื่องเสียงเป็น 10 ล้านบาท กับอีกสาย LAN เส้นละแสนบาท มันถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้ง System นั่นคือเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยกับการซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท แล้วคุณจะเดือนร้อนไปทำไม ? เพื่อ ?

ใครอยากซื้อ อยากใช้อะไร เป็นเรื่องของคนๆ นั้น คุณคิดว่าไม่แตกต่าง ไม่คุ้มค่าเงินก็ไม่ต้องซื้อ ไม่มีใครบังคับ คนแต่ละคนมีความชอบ ความต้องการแตกต่าง และฐานะแตกต่างกัน

นี่เป็น 1 ใน 5 ชุดเครื่องเสียงของผม ลำโพง Gauder Akustik Berlina RC 9 ราคาเท่าไหร่ ลองไป Search เอาเอง ไม่ต้องเอาของใครมาโม้หรอก (แต่อย่างที่บอกไว้ในความเห็นก่อนหน้าว่าผมไม่ได้ใช้สาย LAN นะ บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะมาอย่างโน้นอย่างนี้อีก) ล่าสุดเมื่อวานเพิ่งจะซื้อสาย Zensati Zilesio ประมาณ 2 ล้านบาทมาเพิ่ม แต่ยังไม่ได้เอามาเสียบ ทั้งที่สายลำโพงเส้นละ 1,000 บาท มันก็ทำให้เสียงออกลำโพงได้เหมือนกัน ไม่ได้ต้องการอวดรวยหรืออะไร ต้องการสื่อว่าคนรวยเขาซื้ออะไรเพื่อตอบสนองความต้องการ เขาไม่ได้มองที่ฟังค์ชั่น (เช่น นาฬิกาไว้ดูเวลา กระเป๋าไว้ใสของ) หรือความคุ้มค่า และผมก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ที่ดูถูกคนไม่รวยเลยแม้แต่น้อย






ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 107

Sutad

10/10/2021 19:50:46
95
รูปไม่ขึ้น ลองลงใหม่อีกครั้งครับ




ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 108

รวยแต่ไม่โง่

10/10/2021 21:04:32
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 82 - Sutad

ถึงความเห็นที่ 79

คุณเข้ามาโพสต์แบบนี้ในเว็บนี้ ไม่รู้ว่าคุณเล่นหูฟังหรือเปล่า ?

ผมนอกจากเครื่องเสียงบ้าน หูฟังผมก็เล่นเหมือนกัน พวกแอมป์ DAC หูฟัง DAP และอื่นๆ ผมก็ซื้อจากที่ร้านเฮียมั่นเนี่ยแหละ

คนที่เล่นหูฟังผมว่าส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดน่าจะรู้ว่าเสียงของหูฟัง แต่ละตัวมีบุคลิกเสียงที่ต่างกัน แอมป์ DAC DAP สายหูฟัง ก็เช่นกัน คิดว่าคนที่เล่นคาดหวังว่าเสียงที่ถ่ายทอดออกมาต้องเหมือนต้นฉบับเหรอ ?

หูฟังมีบุคลิกเสียงแตกต่างกันไป เช่น แนวสว่าง ดาร์ก ลายละเอียดดี มิติ เวทีเสียงกว้างแคบ เสียงร้องอวบอิ้ม แห้ง เบสหนัก เบา แหลมพริ้ว กุด อะไรอย่างนี้เป็นต้น  ทางร้านเขาจึงจัดหูฟังยี่ห้อ และรุ่นต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าฟัง เพื่อหาเสียงที่ตรงกับความชอบของลูกค้า ถ้ามันฟังแล้วเสียงเหมือนหมด จะมีให้ลองไปทำไม

เครื่องเสียงบ้านก็เช่นกัน  ลองถามคนที่เล่นเครื่องเสียงจริงๆ ว่าต้องการ System ที่ถ่ายทอดเสียงออกมาตรงต้นฉบับเหรอ ?  ส่วนใหญ่คงตอบว่าไม่ได้ต้องการเลย

คนเล่นเครื่องเสียงทุกคนรู้ว่า แอมป์ เครื่องเล่นต่างๆ และสายต่างๆ มีบุคลิกเสียงในแบบฉบับเฉพาะของตัวมันเอง อย่างลำโพง Proac กับ B&W ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าฟังแล้วเสียงออกมาเหมือนกัน คนชอบเสียงของ Proac เขาก็ซื้อ Proac ส่วนคนที่ชอบเสียงของ B&W เขาก็ซื้อ B&W เขาซื้อตามความชอบ และกำลังซื้อ งบมีแค่ตัวเริ่มต้นก็ซื้อรุ่นเริ่มต้น อย่าง B&W 602 งบเยอะซื้อรุ่นเรือธง 801 D4 (บอกตรงๆ ผมเป็นหนึ่งในคนที่จอง B&W 801 D4)

สิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงต้องการคือเสียงที่ชอบ เช่น เสียงร้อง เสียงแหลม เบส เวที มิติ รายละเอียด ความหนักแน่น ความสมจริงเหมือนมีวงดนตรีมาเล่นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น

อย่างที่บอกว่าเป็นการซื้อความชอบกับไม่ชอบ พอใจกับไม่พอใจ

อย่างนาฬิกา Automatic ของ Sieko ราคาหมื่นกว่าบาท มันก็เดินบอกมันก็มีกลไก และสามารถบอกเวลาได้เหมือนกับนาฬิกา Automatic Rolex  บางทีความเที่ยงตรงอาจจะมากกว่า Rolex ก็ได้ใครจะไปรู้  แล้วจะไปซื้อนาฬิกาแพงๆ ทำไม

กระเป๋าเป็นอีกตัวอย่าง หนังแท้ใบละ 2,000 บาท กับของแบรนด์เนมใบละ 1 ล้าน ใส่ของได้เหมือนกัน ทำไมยังมีคนซื้อกระเป๋าใบละ 1 ล้าน

ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา การตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างนั้น เขาไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า แต่เขาซื้อเพราะความชอบ และความพอใจ

อย่างคนที่เขาซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท พวกนี้เขามี System ระดับหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท เขาซื้อมันเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่เขามีชุดฟังเพลงทั้งชุด 20,000 บาท  แล้วไปซื้อสายเส้นละ 1 แสนซะที่ไหน

ไม่ต้องไปห่วงว่าคนรวย ว่าเขาจะถูกหลอกขายของ เขาไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร และไม่ได้มาร้องแรกแหกกระเชอในโซเชียลว่าเขาถูกหลอก ต้องการให้คนช่วยอะไรซะที่ไหน แล้วทำไมถึงมีคนเดือนร้อนแทนเขา และไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนทั่วไปโดนหลอก  เพราะราคาขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ซื้อหรอก

สรุปอีกครั้งว่าคนรวยซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น หรือความคุ้มค่า ขณะที่คนวิจารณ์มองจากฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า มองกันคนละมิติ เหมือนคุยกันคนละภาษา มันก็คุยกันไม่รู้เรื่องครับ

พูดแบบนี้เหมือนหลอกด่าคนรวยว่าเป็นพวกไม่มีสมอง หลับหูหลับตาซื้อของไม่ดูตาม้าตาเรือ ซื้อเพียงเพราะความพอใจ คนที่เค้าหวังดีเค้าเตือนเค้าทักท้วงยังไงก็ไม่ฟัง ดันทุรังซื้อมันเข้าไป และถ้าพูดแบบนี้ก็ยิ่งไปเข้าทางฝ่ายที่ด้อยค่าสาย LAN audio grade ที่เอาไปล้อกันสนุกสนานว่ารวยอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องโง่ด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 109

Sutad

10/10/2021 21:27:54
95
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 108 - รวยแต่ไม่โง่

พูดแบบนี้เหมือนหลอกด่าคนรวยว่าเป็นพวกไม่มีสมอง หลับหูหลับตาซื้อของไม่ดูตาม้าตาเรือ ซื้อเพียงเพราะความพอใจ คนที่เค้าหวังดีเค้าเตือนเค้าทักท้วงยังไงก็ไม่ฟัง ดันทุรังซื้อมันเข้าไป และถ้าพูดแบบนี้ก็ยิ่งไปเข้าทางฝ่ายที่ด้อยค่าสาย LAN audio grade ที่เอาไปล้อกันสนุกสนานว่ารวยอย่างเดียวซื้อไม่ได้ ต้องโง่ด้วย

ไม่ต้องไปหวังดี หรือห่วงคนรวยหรอก

คุณห่วงตัวเองเถอะ ว่าจะทำยังไงให้รวยแบบเขา หรือรวยกว่าเขา

คนโง่ และรวย มีในโลกนี้ด้วยเหรอ ? อยากรู้

อย่างผมใช้เงินกับเครื่องเสียงไปเกือบ 30 ล้าน ผมเทียบกับเงิน และทรัพย์สินที่มีแล้วมันไม่เดือนร้อนผมก็ซื้อมาลอง มาเล่น เพราะผมถือว่าผมมีเงินอยู่ 100 บาท ผมใช้เงินซื้อความสุขไป 2-3 บาท ผมยังเหลือเงินอีก 97-98 บาท เงินตรงนี้จะเอาไปหาผลตอบแทนเพื่อให้ได้อีก 2-3 บาท หรือแค่ 2.04-.09% มันเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ไม่ใช่ว่ามี 100 บาท แล้วใช้ไป 80 บาท เหลือ 20 บาท จากเงิน 20 บาท มันต้องทำถึง 400% ถึงจะกลับมา 100 บาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก นี่ไงความฉลาดของคนรวย

คนที่ฉลาดมันก็จะรวยเร็ว ไม่ต้องเอาแต่เก็บเงินสะสมเพื่อไปหวังใช้เงินตอนแก่ ตอนนั้นร่างกาย อวัยวะ และประสาทสัมผัสต่างๆ มันเสื่อมไปหมดแล้วจะมีประโยชน์อะไร ?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 110

รวยแต่ไม่โง่

10/10/2021 21:47:57
คนโง่และรวยมีในโลกแน่นอน หนึ่งในนั้นก็คือคนที่มีตรรกะป่วยๆว่าคนรวยทุกคนคือคนฉลาด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 111

Sutad

10/10/2021 22:05:53
95
นอกจากงาน เชื่อว่ายามว่างทุกคนต้องมีงานอดิเรก หรือต้องมีกิจกรรมสันทนาการด้วยกันทั้งนั้น

การเล่นเครื่องเสียง มันก็เป็นหนึ่งในนั้น คนมีน้อยเล่นชุดหลักพันบาท คนมีมากหน่อยเล่นชุดหลักแสน หรือมีมากยิ่งขึ้นชุดหลักหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท

คนรอบตัวผม มีผมคนเดียวที่เล่นเครื่องเสียง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากิจกรรมอื่นๆ ไม่ต้องใช้เงินนะ

มีคนหนึ่งเปิดร้านขายยา มี 3 สาขา ร้านขายดีมาก ยาเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นสูง ยิ่งขายได้เยอะกำไรยิ่งเยอะกว่า (กำไรเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่มากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น) คนนี้จัดว่ารวยเลยแหละ ซื้อบ้านพักตากอากาศที่ต่างจังหวัดเป็น 10 ล้านบาท ปีหนึ่งไปพักไม่กี่หน  และชอบขี่จักรยาน ซึ่งเขาเล่นราคาคันละ 4-5 แสนบาท และมีหลายคัน หมดไปกับจักรยานน่าจะเกิน 5 ล้านบาท

อีกคนชอบเรื่องเพศ คนนี้เป็นเจ้าของกิจการจัดว่ารวยเหมือนกัน เขาซื้อบริการระดับครั้งละเป็นหมื่นบาท เห็นเขาว่าเป็นระดับโมเดล (ผมไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ เพราะไม่เที่ยว) พวกนั่งตู้ราคา 1-2 พันบาท ก็น้ำแตกเหมือนกัน แต่เขาบอกว่าไม่สวย เอาทั้งทีขอแบบมีคุณภาพ

และยังมีคนชอบสะสมพระ นาฬิกา ซึ่งก็ใช้เงินไม่แพ้กัน

หรืออย่างไฮโซ ดารา ใช้กระเป๋าถือใบละหลายแสน หรือบางทีเป็นล้านบาท

อย่างนี้คนพวกนี้จัดว่าโง่ ด้วยยังงั้นหรือ ? มันไม่ได้เรียกว่าโง่ เขาเรียกว่าใช้เงินซื้อความสุข หรือสิ่งที่ต้องการ

มันดีกว่าคนที่ไม่มีแล้วได้แต่แดกดันคนรวย ซึ่งเห็นในโซเชียลเยอะมาก ทั้งที่มันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่คนที่ไม่มีชอบไปละเมิดเขา อย่างนี้ซิน่าอายมากกว่า

กลับกันถ้าเกิดวันหนึ่งคนพวกนี้มีโอกาสเป็นคนรวย อยากรู้ว่าการอยู่ การกิน รถยนต์ บ้าน และงานอดิเรก หรือกิจกรรมสันทนา เขาจะเหมือนเดิมหรือไม่ ?

วิธีคิด และวิถีของคนรวยมันแตกต่างจากคนพอมีจะกินอยู่แล้ว อย่าเอามาเปรียบเทียบให้มันเกิดดราม่าเลย บอกตามตรงว่าไม่ได้ประโยชน์

ขอจบแค่นี้ ป่วยการที่จะโต้แย้ง เพราะคุยกันคนละมิติ หรือมองคนละด้าน มันเลยไม่มีทางที่จะมาบรรจบกันได้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 112

Archdragoon

11/10/2021 08:21:45
13
ผมตลกอะเรื่องสาย LAN เพราะมีข้อเท็จจริงจากผู้ผลิตก็แล้ว มีการพิสูจน์ออกมาแล้วว่าถ้าฟังผ่านระบบ TCP/IP จะสาย LAN ถูกหรือแพงมันก็ไม่ต่างกัน เพราะระบบ TCP/IP มันมี Error Correction
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 113

เชื่อผมเหอะ

11/10/2021 23:39:49
จริงครับ แบบจานหมุนเสียงจะเหมือนเครื่องเล่นแผ่นเสียงเพราะใช้หลักการหมุนเหมือนกันนะจ๊ะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 114

AudioScience

13/10/2021 23:15:45
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 103 - เฟี้ยว
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 99 - AudioScience

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 85 - เฟี้ยว

ขออนุญาตขำอีกต่อหนึ่งครับการ Mastering ไม่มีคำว่า Flat จริงๆต้องย้อนกลับไปตั้งแต่การ Mixing และ Tracking ทุกอย่างไม่มีคำว่า Flat มาตั้งแต่ต้นแล้ว อุปกรณ์บันทึกเสียงทุกเครื่อง เครื่องดนตรีทุกชิ้น นักดนตรีทุกคน ทุกอย่างมีคาเรคเตอร์ล้วนแล้วแต่มี Bias ทางเสียง ด้วยกันหมดทั้งสิ้น แม้แต่ตัว Sound Engineer เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น เรื่องพวกนั้นมันก็แค่การทำให้สิ่งเหล่านี้มาประกอบกันจนมันเกิดเป็นความลงตัวออกมาอย่างที่ควรจะเป็น มันถึงสามารถเอาไปเปิดกับปลายทางที่ไหนก็ได้ไง แต่ซึ่งมันก็ยังห่างไกลกับคำว่า Flat อยู่ดี เพราะถ้าจะ Flat ก็คงต้อง White Noise แหละครับ แล้วเพลงทั้งหมดบนโลกก็ไม่ได้มี Spectrum แบบนี้เลย เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น เชื่อสิว่ามันออกมาฟังไม่ได้หรอก แม้แต่ลำโพง Monitor มันก็ไม่ได้ Flat แค่ดีเทลมันละเอียดกว่า และมันมีความตรงไปตรงมามากกว่าเท่านั้นเอง

ใช่ครับไม่มีคำว่าflat แต่ถ้าสิ่งที่ได้ยิน มัน"เพี้ยน"จากสิ่งที่คนทำ(producer,sound engineer,mastering)ตั้งใจ เช่นเสียงร้องออกมาเป็นคนละคน มันก็ไม่น่าจะเรียกว่าดีเท่าไร ยกมาก่อนมีคนเถียงข้างๆคูๆ ว่าแม้แต่เสียงในการระบบเสียงคอนฯหรือการแสดงสด จุดๆต่างๆมันก็มีการปรับแต่ง หรือแม้แต่ตอนทำmastering ลงแผ่นขายก็ต้องมาปรับอีกที ใช่ครับ มันปรับแต่งยันบันทึกสุดท้ายนั่นแหละ โดยเฉพาะเสียงตอนแสดงสดจริงมันก็มีความผิดพลาดบ้าง เช่นเสียงตึกตอนเปลี่ยนเพลง(ไปดูคอนฯครั้งแรกเจอแล้วก็งงเหมือนกันเพราะในแผ่นมันไม่มี) เสียงหายใจพ่นใส่ไมค์ หรือเสียงกระแทก ฯลฯ  แต่พอเป็นแผ่นจุดพวกนี้หายหมด 

แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้จัดการแสดง/หรือถ้าเป็นเพลงในห้องอัด ก็คือproducer ตั้งใจถ่ายทอดออกมาแบบนั้น ไม่ใช่ไปบิดให้มันเปลี่ยนไปกว่าเดิมอีก แล้วบอกว่า นี่ไงเครื่องเสียงราคาสิบล้านเสียง"ดีกว่า" ทั้งๆที่เสียงมันออกมาคนละแบบกันเลย

อาจจะยกเว้นคนที่ไม่เคยไปฟังคอนฯจริง ไม่เคยฟังเสียงการแสดงสดจริง ก็อาจจะโยนให้เป็นเรื่องของจินตนาการไป

เรื่องรสนิยมก็คือรสนิยมครับ อันนั้นคือเรื่องลำโพง และหูฟัง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายในการแปลงออกมาเป็นสัญญาณเสียง ต่อให้วัดค่าได้ มันก็มีความชอบมาแย้งกันไม่จบ ว่าชอบไม่เหมือนกัน แม้จะไม่เหมือนของจริงเลยก็ตาม

แต่ถ้าเรื่องของการส่งสัญญาณ อย่างสายLAN หรือการบันทึกจากแผ่นmedia แบบ HDD,SSD ตามกระทู้นี้ก็อีกเรื่อง เพราะมันวัดค่าด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ก็ไม่เชื่อกัน มาแย้งว่า หู ฉันฟังแล้วต่างนะ ใครฟังไม่ต่างแสดงว่าเครื่องเสียงไม่แพงพอ

มันตลกจริงๆครับ :P


อันนี้ต้องขอชี้แจงว่าการแต่งเสียงจากเสียงที่อัดมาดั้งเดิมให้มันหังต่างจากออกไปโดยสิ้นเชิงมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับภาษาซาวด์เอ็นเขาเรียกว่า Extream Process ซึ่งมันก็เทียบกับการทำ CGI ในหนังนั่นแหละบางครั้งเราไม่ได้ต้องการความสมจริง แต่เราต้องการความเวอร์วังต้องการความแฟนตาซี ซึ่งในแนวเพลงสาย Modern นิยมทำกันมาก ยกตัวอย่างเช่นแนวร็อคที่กลองจะเสียงโคตรจิกเสียงกระแทกฟังดูใหญ่กว่าปกติ ซึ่งถ้าหากเป็นโลกความจริงตีกลอง Acoustic เปล่าๆเราคงไม่มีวันได้ยินเสียงแบบนี้แน่นอน จะได้ยินเสียงแบบนี้ได้ในโลกของการมิกซ์เท่านั้น

ผมยกให้เรื่องนั้นเป็น "รสนิยม" ไงครับ คุณจะปรับ EQ แบบไหนถ้าเด็กๆก็อาจจะเร่งเบส ถ้าแก่แล้วก็อาจจะเร่งย่านไฮ เป็นความชอบของแต่ละคนครับ หรือไปremix เป็นเพลงใหม่ อาจจะฮิตกว่าเดิมก็ยังได้

เพียงแต่ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนั้นตัวนี้แล้วบอกว่าเสียง "ดีกว่า" หรือ"เที่ยงตรงกว่า" มันก็ต้องมีมาตรวัดอีกแบบ ตรงนี้ผมว่ามันก็ต้องคุยถึงเกณฑ์ที่ตรงกันก่อน เช่นวัดdistortion หรือดูกราฟ frequency response เสียงที่ออกมาใกล้เคียงเสียงที่บันทึกหรือปรับแต่งโดยคนทำเพลงที่สุด มีสัญญาณรบกวนน้อย แสดงว่าอุปกรณ์มันไม่เพี้ยน

ซึ่งจริงๆประเด็นในกระทู้นี้ ไปเน้นเรื่องการส่งสัญญาณแบบdigital เช่นวางไฟล์บน SSD/HDD หรือการใช้สาย LAN แพงๆมีผลต่อเสียงไหม ซึ่งด้วยอุปกรณ์การวัดทางวิทยาศาสตร์หลายๆที่ เขาก็วัดมาแล้วว่ามันไม่ต่าง

แต่มันก็มีคนพยายามโม้ว่าหูฉันดีกว่าคนอื่น เครื่องเสียงฉันสิบล้าน ฉันฟังแล้ว"ต่าง" โดยไม่สนใจเครื่องมือวัดใดๆ มันก็เลยไม่จบกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 115

AudioScience

13/10/2021 23:46:35
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 106 - Sutad



อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 100 - AudioScience
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 82 - Sutad
ถึงความเห็นที่ 79

คุณเข้ามาโพสต์แบบนี้ในเว็บนี้ ไม่รู้ว่าคุณเล่นหูฟังหรือเปล่า ?

ผมนอกจากเครื่องเสียงบ้าน หูฟังผมก็เล่นเหมือนกัน พวกแอมป์ DAC หูฟัง DAP และอื่นๆ ผมก็ซื้อจากที่ร้านเฮียมั่นเนี่ยแหละ

คนที่เล่นหูฟังผมว่าส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งหมดน่าจะรู้ว่าเสียงของหูฟัง แต่ละตัวมีบุคลิกเสียงที่ต่างกัน แอมป์ DAC DAP สายหูฟัง ก็เช่นกัน คิดว่าคนที่เล่นคาดหวังว่าเสียงที่ถ่ายทอดออกมาต้องเหมือนต้นฉบับเหรอ ?

หูฟังมีบุคลิกเสียงแตกต่างกันไป เช่น แนวสว่าง ดาร์ก ลายละเอียดดี มิติ เวทีเสียงกว้างแคบ เสียงร้องอวบอิ้ม แห้ง เบสหนัก เบา แหลมพริ้ว กุด อะไรอย่างนี้เป็นต้น  ทางร้านเขาจึงจัดหูฟังยี่ห้อ และรุ่นต่างๆ ไว้ให้ลูกค้าฟัง เพื่อหาเสียงที่ตรงกับความชอบของลูกค้า ถ้ามันฟังแล้วเสียงเหมือนหมด จะมีให้ลองไปทำไม

เครื่องเสียงบ้านก็เช่นกัน  ลองถามคนที่เล่นเครื่องเสียงจริงๆ ว่าต้องการ System ที่ถ่ายทอดเสียงออกมาตรงต้นฉบับเหรอ ?  ส่วนใหญ่คงตอบว่าไม่ได้ต้องการเลย

คนเล่นเครื่องเสียงทุกคนรู้ว่า แอมป์ เครื่องเล่นต่างๆ และสายต่างๆ มีบุคลิกเสียงในแบบฉบับเฉพาะของตัวมันเอง อย่างลำโพง Proac กับ B&W ก็ไม่เคยมีใครบอกว่าฟังแล้วเสียงออกมาเหมือนกัน คนชอบเสียงของ Proac เขาก็ซื้อ Proac ส่วนคนที่ชอบเสียงของ B&W เขาก็ซื้อ B&W เขาซื้อตามความชอบ และกำลังซื้อ งบมีแค่ตัวเริ่มต้นก็ซื้อรุ่นเริ่มต้น อย่าง B&W 602 งบเยอะซื้อรุ่นเรือธง 801 D4 (บอกตรงๆ ผมเป็นหนึ่งในคนที่จอง B&W 801 D4)

สิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงต้องการคือเสียงที่ชอบ เช่น เสียงร้อง เสียงแหลม เบส เวที มิติ รายละเอียด ความหนักแน่น ความสมจริงเหมือนมีวงดนตรีมาเล่นอยู่ตรงหน้า ซึ่งเสียงจะเหมือนกับต้นฉบับหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น

อย่างที่บอกว่าเป็นการซื้อความชอบกับไม่ชอบ พอใจกับไม่พอใจ

อย่างนาฬิกา Automatic ของ Sieko ราคาหมื่นกว่าบาท มันก็เดินบอกมันก็มีกลไก และสามารถบอกเวลาได้เหมือนกับนาฬิกา Automatic Rolex  บางทีความเที่ยงตรงอาจจะมากกว่า Rolex ก็ได้ใครจะไปรู้  แล้วจะไปซื้อนาฬิกาแพงๆ ทำไม

กระเป๋าเป็นอีกตัวอย่าง หนังแท้ใบละ 2,000 บาท กับของแบรนด์เนมใบละ 1 ล้าน ใส่ของได้เหมือนกัน ทำไมยังมีคนซื้อกระเป๋าใบละ 1 ล้าน

ผู้บริโภคมีกำลังซื้อ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา การตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่างนั้น เขาไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า แต่เขาซื้อเพราะความชอบ และความพอใจ

อย่างคนที่เขาซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท พวกนี้เขามี System ระดับหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท เขาซื้อมันเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว ไม่ใช่เขามีชุดฟังเพลงทั้งชุด 20,000 บาท  แล้วไปซื้อสายเส้นละ 1 แสนซะที่ไหน

ไม่ต้องไปห่วงว่าคนรวย ว่าเขาจะถูกหลอกขายของ เขาไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร และไม่ได้มาร้องแรกแหกกระเชอในโซเชียลว่าเขาถูกหลอก ต้องการให้คนช่วยอะไรซะที่ไหน แล้วทำไมถึงมีคนเดือนร้อนแทนเขา และไม่ต้องห่วงว่าจะมีคนทั่วไปโดนหลอก  เพราะราคาขนาดนี้ ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ซื้อหรอก

สรุปอีกครั้งว่าคนรวยซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อเพราะฟังก์ชั่น หรือความคุ้มค่า ขณะที่คนวิจารณ์มองจากฟังก์ชั่น และความคุ้มค่า มองกันคนละมิติ เหมือนคุยกันคนละภาษา มันก็คุยกันไม่รู้เรื่องครับ

เล่นสิครับ แต่อาจจะไม่ถึงหลักสิบล้านแบบที่ท่านข้างบนๆบอกไว้ แต่รวมๆก็หลักหลายแสนไปแล้ว 

เรื่องเสียงเปลี่ยนเพราะ หูฟัง ลำโพง สายสัญญาณแบบanalog หรือdac,amp อันนี้เห็นด้วยบางส่วนครับ ว่าเป็นเรื่องของรสนิยม ไม่พูดถึงความเที่ยงตรง (เพราะอย่างแอมป์หลอดนี่distortionสูงมากๆ แต่คนที่ชอบเขาก็ว่ามันเพราะดีก็เรื่องของคนชอบ)

ยังไม่ขอทักว่า บางอย่างมันไม่ได้เปลี่ยนจริงๆ แต่เป็นจินตนาการและทริกของเรื่องlevel matching แต่จะนอกประเด็นไป

แต่ถ้าเรื่องการส่งสัญญาณ โดยเฉพาะสัญญาณdigital มันคนละเรื่องกันเลยครับ 

สายLAN เส้นละแสน ที่ใช้กับชุดสิบล้าน ที่คุณเอาของใครมาโม้ก็ไม่รู้ มันไม่ได้ทำให้ เสียงเปลี่ยนไปเลย นอกจากเรื่องของความสวยงาม หรือความคงทนของตัวสาย (แต่อย่างที่บอกไปสายLAN เกรดดีๆมาตรฐาน เขารับประกันสามสิบปีนะครับยังเมตรละไม่กี่สิบบาทเอง) ซึ่งผมไม่เถียง ถ้าคุณบอกว่าจะซื้อเพราะมันสวยดี ดูเข้ากันกับเครื่องเสียงแพงๆ ไม่ใช่สายสีขาว สีฟ้าจืดๆ

แต่จะเถียง ถ้าบอกว่ามันส่งสัญญาณได้ดีกว่า โดยไม่อ้างอิงกับการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ แล้วไปบอกให้ใช้หู ของแต่ละคนฟังแยกกันเอาเอง?

บางคนไปอ้างเรื่องว่า การส่งสัญญาณของระบบเครื่องเสียง ไม่มี error correction? เอ ระบบไหน protocol อะไรครับ? บางคนอ้างเรื่องการส่งสัญญาณlive สด คือคุณใช้bandwidth ขนาดไหน ใช้ในสถานการณ์แบบไหน ถึงกลัวสภาวะสุดโต่งที่แทบไม่เกิดขึ้นจริง? (ยังไม่นับว่าที่หลายเพจทดสอบ ด้วยการใช้ ADC บันทึกเสียงกลับมาเทียบก็มีเรื่องของnoise ในตัวADC ด้วยนะครับ ไม่ใช้เรื่องของสัญญาณที่ออกมาต่างกัน)

คุณรู้ไหมว่า สายLAN CAT6 เมตรละสิบบาท มีbandwidth 10Gbps ที่55 เมตรนะครับ (ถ้า 100เมตรนี่ได้ 1Gbps)

เพลงฟังจากfile หรือฟังจากinternet คุณกินbandwidth ถึงขนาดไหน ถึงกลัวเกิดข้อผิดพลาดขนาดนั้น?

บางคนโม้ต่อว่า ก็ UDP ไง ไม่ต้องทำerror ผมเองใช้switch routerในบ้าน มันมีsoftware ตรวจวัดerror จากการส่งpacketได้ ในการส่งแบบสายนี่เป็นปีๆ ไม่มีการทำerror เลยสักครั้งเลยนะครับ จะเจอบนฝั่งไร้สายมากกว่า เพราะการกวนของสัญญาณ 

ซึ่งต่อให้โชคร้ายเจอปัญหาจากสัญญาณรบกวนภายนอกจริงๆ(กรณีสายLAN นี่ต้องแบบเอาไปพาดสายไฟAC ที่ต่อตรงกับmotor กำลังสูง หรือมีสถานีวิทยุชุมชนเถื่อนห้องติดกัน) คุณก็รับรู้ได้ทันทีครับ เสียงcrack เสียงหาย เสียงเงียบ (ที่คนส่วนใหญ่เจอจากปัญหาของสัญญาณinternetจากISP หรือเนทมือถือที่ช้าหรือล่ม ไม่ใช้ปัญหาของสาย LAN แต่ผลมันก็ออกมาไม่ต่างกันหรอก) มันไม่ได้ออกมา เสียงแหบแห้ง ไม่อิ่มกังวาลอะไรแบบนั้น

หรือแม้แต่สาย USB ซึ่งมีส่วนจริงว่า protocol ที่ DAC ใช้ในการต่อกับpc นั้นไม่มีการทำ error correction แต่โอกาสเกิดผิดพลาดก็น้อยมากๆ โดยเฉพาะสายรุ่นใหม่ พวกที่รองรับ type C ที่รองรับไป USB3.1 หรือการชาร์จแบบPower delivery ที่ต้องการมาตรฐานสูงกว่าเดิมเยอะไม่งั้นชาร์จไม่ได้ 

 ส่วนใหญ่ที่คนเจอกันและเข้าใจผิดว่า เกิดจากความผิดพลาด คือเรื่องground loop noise มากกว่าซึ่งต้นเหตุมักไม่ใช่จากตัวสาย แต่จากระบบground ของcomputer เอง ซึ่งอาจจะเลี่ยงได้ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ toslink (แต่dacหลายๆตัว ถ้าเปลี่ยนไปใช้optical แล้วjitterแย่กว่า USBนะครับ) หรือเปลี่ยนระบบไฟฟ้า แยกปลั๊กกัน หรือมีสายดินก็ช่วยเยอะ หรือแก้ปัญหาแบบปลายเหตุ คือใช้ USB isolator หรือเปลี่ยนไปใช้ dac แบบbalanced ต่อผ่านXLR ไปลำโพง/amp นี่ป้องกัน ground loop noiseได้ 100%

เห็นไหมครับ สิ่งที่ผมยกมา ก็น่าจะcover สาเหตุส่วนใหญ่ ที่เราคิดไปว่าเกิดจาก "ราคา"ของตัวสาย ได้แล้ว ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกันเลย

ป.ล. ผมไม่ได้บอกว่า ราคาไม่มีผลต่อคุณภาพสายไปหมดนะครับ พวกสายLANยี่ห้อจีนๆม้วนร้อยเมตรไม่ถึงห้าร้อยบาท นี่ไส้ในสายใช้อลูมิเนียมชุบทองแดง ย่อมไม่คงทน และมีประสิทธิภาพแย่กว่า สายยี่ห้อมาตรฐานที่ใช้สายทองแดงแท้ๆครับ(เช่นคงระยะbandwidth ได้สั้นกว่า หรือระยะเวลาการใช้งานน้อยกว่า ถ้าโดนแดดปีสองปีก็กรอบหมดพวกนี้รับประกันปีเดียว ในขณะที่สายทองแดงแท้ๆ รับประกันสิบปีขึ้นครับ) แต่ก็เป็นเรื่องสายที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งถ้าสายที่ได้มาตรฐานเท่าๆกันแล้ว ไม่มีผลต่อคุณภาพเสียง
คุณอ่านความเห็นผมแล้วจับประเด็นไม่ได้

ไม่มีตรงไหนที่ผมบอกว่าเสียงดี หรือไม่ดี ผมมีแต่บอกเป็นเรื่องของความชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือไม่พอใจ ผมไม่ได้มาเถียง หรือโต้แย้งกับใครว่าสาย LAN เส้นละ 100 บาท กับเส้นละ 1 แสนบาท แตกต่างหรือไม่แตกต่าง และไม่ได้ต้องการเปลี่ยนความคิดของใครทั้งนั้น ใครเชื่ออะไรก็เชื่อไป อ่านให้ดีๆ และจับประเด็นให้ถูก

คนที่เครื่องเสียงชุดละ 10 ล้านบาท แล้วเขาซื้อสาย LAN แสนละ 1 แสนบาท มีตรงไหนที่ผมบอกว่าทำให้เสียงเปลี่ยน หรือดีขึ้น เมื่อเขามีเงินซื้อเครื่องเสียงเป็น 10 ล้านบาท กับอีกสาย LAN เส้นละแสนบาท มันถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้ง System นั่นคือเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยกับการซื้อสาย LAN เส้นละ 1 แสนบาท แล้วคุณจะเดือนร้อนไปทำไม ? เพื่อ ?

ใครอยากซื้อ อยากใช้อะไร เป็นเรื่องของคนๆ นั้น คุณคิดว่าไม่แตกต่าง ไม่คุ้มค่าเงินก็ไม่ต้องซื้อ ไม่มีใครบังคับ คนแต่ละคนมีความชอบ ความต้องการแตกต่าง และฐานะแตกต่างกัน

นี่เป็น 1 ใน 5 ชุดเครื่องเสียงของผม ลำโพง Gauder Akustik Berlina RC 9 ราคาเท่าไหร่ ลองไป Search เอาเอง ไม่ต้องเอาของใครมาโม้หรอก (แต่อย่างที่บอกไว้ในความเห็นก่อนหน้าว่าผมไม่ได้ใช้สาย LAN นะ บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะมาอย่างโน้นอย่างนี้อีก) ล่าสุดเมื่อวานเพิ่งจะซื้อสาย Zensati Zilesio ประมาณ 2 ล้านบาทมาเพิ่ม แต่ยังไม่ได้เอามาเสียบ ทั้งที่สายลำโพงเส้นละ 1,000 บาท มันก็ทำให้เสียงออกลำโพงได้เหมือนกัน ไม่ได้ต้องการอวดรวยหรืออะไร ต้องการสื่อว่าคนรวยเขาซื้ออะไรเพื่อตอบสนองความต้องการ เขาไม่ได้มองที่ฟังค์ชั่น (เช่น นาฬิกาไว้ดูเวลา กระเป๋าไว้ใสของ) หรือความคุ้มค่า และผมก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ที่ดูถูกคนไม่รวยเลยแม้แต่น้อย






ผมคิดว่าประเด็นที่เห็นตรงกัน ผมก็เขียนไปข้างบนแล้วนะครับ เรื่องอุปกรณ์ ลำโพง amp dac เสียงที่ออกมาเป็นรสนิยมของแต่ละคน ใครชอบแบบไหนก็ซื้อแบบนั้น จะถูกหรือแพงขึ้นกับความชอบ ไม่แปลก และเป็นเรื่องปกติ ความชอบในงานอดิเรกแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เพียงแต่กระทู้นี้เขาเถียงกันเรื่องการส่งข้อมูลdigital จาก SSD/HDD ต่อมาโดยเฉพาะสายLAN ที่คคห.บนๆโม้ว่า เครื่องเสียงชุดสิบล้าน ใช้สายLANเส้นละแสน เสียงออกมา"ต่าง" ใครไม่มีปัญญาใช้เครื่องเสียงราคาสิบล้าน อย่าเสนอความเห็น หรือถ้าฟังไม่ออก แสดงว่าหูไม่ถึงเอง โดยเฉพาะพวกขุนพลอยพยัก แบบ คคห. 78

ผมก็แค่แย้งว่ามันไม่จริงเท่านั้น ยกหลักการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ และหลักการทางวิศวกรรม การเขียนprotocol มาว่าจะใช้สายLANแบบไหน ถ้ามันได้มาตรฐานขั้นต่ำแล้ว เสียงที่ออกมามันไม่ควรจะต่าง หรือต่อให้เกิดเจอเหตุการณ์สุดโต่งใครแอบต่อmotorกำลังสูงใช้ในบ้านจนเกิดการกวนในระบบได้ มันก็ควรจะเห็นๆว่าเสียงหาย เสียงcrack หรือดับไปเลย ซึ่งรับรู้ได้ว่าไม่ใช่สถานการณ์ปกติแล้ว แต่ถ้าเสียงออกมาต่างแบบเสียงอิ่ม เสียงกังวาล หรือเสียง"ดีขึ้น"นี่อาจจะเป็นที่คนฟังหูเพี้ยนไปเองมากกว่าจะ"หูดี"แบบที่อวดอ้างกันด้วยซ้ำ

ถ้าที่ผมพูดไม่จริง ก็แย้งมาให้ตรงประเด็นครับ ผมยินดีรับฟัง ความรู้วศ.บ.ที่ผมร่ำเรียนมากับประสบการณ์สายงานวิศวกรรมหลายสิบปี อาจจะเรียนรู้ไม่มากพอที่จะรู้ถึงหลักเหตุผลลับของโลก ที่ไม่เคยมีงานวิจัยมาก่อนได้

และคุณเอง ลืมคคห.ของตัวเอง ในคคห. 77 ไปแล้วหรือครับ คุณรับรองเองนะว่า คนรวยที่ซื้อสายLANเส้นละแสนบาทกับ system ระดับหลายล้าน แล้ว ฟังดีขึ้น 10% 
พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย 

พอผมตอบ แล้วคุณมาบอกว่าไม่ได้ใช้ แต่คุณไปรับรองแทนคนที่เขาใช้ และโม้ผิดๆว่าดีขึ้นไปก่อนหน้าทำไมล่ะครับ?

คุณหรือคนมีเงินจะซื้อของแพงไม่แพงยังไง ก็เรื่องความพึงพอใจของแต่ละคนครับ แต่มันไม่ได้ทำให้ ข้อพิสูจน์ว่า สายLAN แพงๆทำให้เสียงเปลี่ยน หรือเสียงดีขึ้นได้เลยสักนิดเดียว 

ผมบอกแล้วถ้าคุณชอบเพราะสายมันสวย หรือฉันถูกใจ เป็นศิลปะ โชว์สายแล้วสวยงาม อยากได้ ก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามาบอกใครผิดๆ ว่าฉันซื้อเพราะเสียงดีขึ้น 10%(ที่คุณอ้างว่าไม่ได้ซื้อเองและไม่ได้พูด แต่อ้างใครก็ไม่รู้ในคคห.77 ?) 

ไม่มีใครรู้ทุกเรื่องหรอกครับ แต่ถ้ายังเถียงด้วยข้อเท็จจริงผิดๆ ผิดตรรกะ ผิดหลักเหตุผล ผิดหลักวิทยาศาสตร์ หลายๆหน ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับจนหรือรวยแล้วล่ะ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 116

เฟี้ยว

14/10/2021 06:20:55
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 114 - AudioScience

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 103 - เฟี้ยว
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 99 - AudioScience

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 85 - เฟี้ยว

ขออนุญาตขำอีกต่อหนึ่งครับการ Mastering ไม่มีคำว่า Flat จริงๆต้องย้อนกลับไปตั้งแต่การ Mixing และ Tracking ทุกอย่างไม่มีคำว่า Flat มาตั้งแต่ต้นแล้ว อุปกรณ์บันทึกเสียงทุกเครื่อง เครื่องดนตรีทุกชิ้น นักดนตรีทุกคน ทุกอย่างมีคาเรคเตอร์ล้วนแล้วแต่มี Bias ทางเสียง ด้วยกันหมดทั้งสิ้น แม้แต่ตัว Sound Engineer เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น เรื่องพวกนั้นมันก็แค่การทำให้สิ่งเหล่านี้มาประกอบกันจนมันเกิดเป็นความลงตัวออกมาอย่างที่ควรจะเป็น มันถึงสามารถเอาไปเปิดกับปลายทางที่ไหนก็ได้ไง แต่ซึ่งมันก็ยังห่างไกลกับคำว่า Flat อยู่ดี เพราะถ้าจะ Flat ก็คงต้อง White Noise แหละครับ แล้วเพลงทั้งหมดบนโลกก็ไม่ได้มี Spectrum แบบนี้เลย เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้น เชื่อสิว่ามันออกมาฟังไม่ได้หรอก แม้แต่ลำโพง Monitor มันก็ไม่ได้ Flat แค่ดีเทลมันละเอียดกว่า และมันมีความตรงไปตรงมามากกว่าเท่านั้นเอง

ใช่ครับไม่มีคำว่าflat แต่ถ้าสิ่งที่ได้ยิน มัน"เพี้ยน"จากสิ่งที่คนทำ(producer,sound engineer,mastering)ตั้งใจ เช่นเสียงร้องออกมาเป็นคนละคน มันก็ไม่น่าจะเรียกว่าดีเท่าไร ยกมาก่อนมีคนเถียงข้างๆคูๆ ว่าแม้แต่เสียงในการระบบเสียงคอนฯหรือการแสดงสด จุดๆต่างๆมันก็มีการปรับแต่ง หรือแม้แต่ตอนทำmastering ลงแผ่นขายก็ต้องมาปรับอีกที ใช่ครับ มันปรับแต่งยันบันทึกสุดท้ายนั่นแหละ โดยเฉพาะเสียงตอนแสดงสดจริงมันก็มีความผิดพลาดบ้าง เช่นเสียงตึกตอนเปลี่ยนเพลง(ไปดูคอนฯครั้งแรกเจอแล้วก็งงเหมือนกันเพราะในแผ่นมันไม่มี) เสียงหายใจพ่นใส่ไมค์ หรือเสียงกระแทก ฯลฯ  แต่พอเป็นแผ่นจุดพวกนี้หายหมด 

แต่ก็เป็นสิ่งที่ผู้จัดการแสดง/หรือถ้าเป็นเพลงในห้องอัด ก็คือproducer ตั้งใจถ่ายทอดออกมาแบบนั้น ไม่ใช่ไปบิดให้มันเปลี่ยนไปกว่าเดิมอีก แล้วบอกว่า นี่ไงเครื่องเสียงราคาสิบล้านเสียง"ดีกว่า" ทั้งๆที่เสียงมันออกมาคนละแบบกันเลย

อาจจะยกเว้นคนที่ไม่เคยไปฟังคอนฯจริง ไม่เคยฟังเสียงการแสดงสดจริง ก็อาจจะโยนให้เป็นเรื่องของจินตนาการไป

เรื่องรสนิยมก็คือรสนิยมครับ อันนั้นคือเรื่องลำโพง และหูฟัง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายในการแปลงออกมาเป็นสัญญาณเสียง ต่อให้วัดค่าได้ มันก็มีความชอบมาแย้งกันไม่จบ ว่าชอบไม่เหมือนกัน แม้จะไม่เหมือนของจริงเลยก็ตาม

แต่ถ้าเรื่องของการส่งสัญญาณ อย่างสายLAN หรือการบันทึกจากแผ่นmedia แบบ HDD,SSD ตามกระทู้นี้ก็อีกเรื่อง เพราะมันวัดค่าด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ก็ไม่เชื่อกัน มาแย้งว่า หู ฉันฟังแล้วต่างนะ ใครฟังไม่ต่างแสดงว่าเครื่องเสียงไม่แพงพอ

มันตลกจริงๆครับ :P


อันนี้ต้องขอชี้แจงว่าการแต่งเสียงจากเสียงที่อัดมาดั้งเดิมให้มันหังต่างจากออกไปโดยสิ้นเชิงมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดครับภาษาซาวด์เอ็นเขาเรียกว่า Extream Process ซึ่งมันก็เทียบกับการทำ CGI ในหนังนั่นแหละบางครั้งเราไม่ได้ต้องการความสมจริง แต่เราต้องการความเวอร์วังต้องการความแฟนตาซี ซึ่งในแนวเพลงสาย Modern นิยมทำกันมาก ยกตัวอย่างเช่นแนวร็อคที่กลองจะเสียงโคตรจิกเสียงกระแทกฟังดูใหญ่กว่าปกติ ซึ่งถ้าหากเป็นโลกความจริงตีกลอง Acoustic เปล่าๆเราคงไม่มีวันได้ยินเสียงแบบนี้แน่นอน จะได้ยินเสียงแบบนี้ได้ในโลกของการมิกซ์เท่านั้น

ผมยกให้เรื่องนั้นเป็น "รสนิยม" ไงครับ คุณจะปรับ EQ แบบไหนถ้าเด็กๆก็อาจจะเร่งเบส ถ้าแก่แล้วก็อาจจะเร่งย่านไฮ เป็นความชอบของแต่ละคนครับ หรือไปremix เป็นเพลงใหม่ อาจจะฮิตกว่าเดิมก็ยังได้

เพียงแต่ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนั้นตัวนี้แล้วบอกว่าเสียง "ดีกว่า" หรือ"เที่ยงตรงกว่า" มันก็ต้องมีมาตรวัดอีกแบบ ตรงนี้ผมว่ามันก็ต้องคุยถึงเกณฑ์ที่ตรงกันก่อน เช่นวัดdistortion หรือดูกราฟ frequency response เสียงที่ออกมาใกล้เคียงเสียงที่บันทึกหรือปรับแต่งโดยคนทำเพลงที่สุด มีสัญญาณรบกวนน้อย แสดงว่าอุปกรณ์มันไม่เพี้ยน

ซึ่งจริงๆประเด็นในกระทู้นี้ ไปเน้นเรื่องการส่งสัญญาณแบบdigital เช่นวางไฟล์บน SSD/HDD หรือการใช้สาย LAN แพงๆมีผลต่อเสียงไหม ซึ่งด้วยอุปกรณ์การวัดทางวิทยาศาสตร์หลายๆที่ เขาก็วัดมาแล้วว่ามันไม่ต่าง

แต่มันก็มีคนพยายามโม้ว่าหูฉันดีกว่าคนอื่น เครื่องเสียงฉันสิบล้าน ฉันฟังแล้ว"ต่าง" โดยไม่สนใจเครื่องมือวัดใดๆ มันก็เลยไม่จบกันครับ

ผมไม่ได้พูดถึงการเอามาเปิดฟังครับ จะเอาไปเปิดฟังยังไงมันก็สิทธิ์ของแต่ละคนจะเอาไป แต่ผมหมายถึงในขั้นตอนการทำเพลงนี่แหละครับ มันไม่ได้มีสูตรตายตัวไม่จำเป็นต้อง Conservative เสมอไป อัดเสียงกีต้าร์ Gibson จะ EQ จนให้มันเปลี่ยนเป็น Fender ก็ไม่ใช่เรื่องผิด กลองอัดสดมาแล้วเอากลองโปรแกรมมา Replace แปะทับทั้งชุดจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอีก หรืออัดเสียงร้องมาดีๆ จะกด Compressor จนเสียงมันบี้แบนก็ไม่ใช้่เรื่องผิดอีกเช่นกัน มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของงาน เหมือนหนังอย่างที่ผมบอกตอนแรกแหละ หนังแฟนตาซีไซไฟมันก็ต้องยัด CGI มันทั้งเรื่องถึงจะสนุก ส่วนหนังชีวิตมันก็ต้องเน้นความ Realistic จะมาล่อ CGI มันดุ้นก็คงจะไม่ใช่เรื่อง 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 117

Sutad

14/10/2021 11:56:23
95
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 115 - AudioScience

ผมคิดว่าประเด็นที่เห็นตรงกัน ผมก็เขียนไปข้างบนแล้วนะครับ เรื่องอุปกรณ์ ลำโพง amp dac เสียงที่ออกมาเป็นรสนิยมของแต่ละคน ใครชอบแบบไหนก็ซื้อแบบนั้น จะถูกหรือแพงขึ้นกับความชอบ ไม่แปลก และเป็นเรื่องปกติ ความชอบในงานอดิเรกแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เพียงแต่กระทู้นี้เขาเถียงกันเรื่องการส่งข้อมูลdigital จาก SSD/HDD ต่อมาโดยเฉพาะสายLAN ที่คคห.บนๆโม้ว่า เครื่องเสียงชุดสิบล้าน ใช้สายLANเส้นละแสน เสียงออกมา"ต่าง" ใครไม่มีปัญญาใช้เครื่องเสียงราคาสิบล้าน อย่าเสนอความเห็น หรือถ้าฟังไม่ออก แสดงว่าหูไม่ถึงเอง โดยเฉพาะพวกขุนพลอยพยัก แบบ คคห. 78

ผมก็แค่แย้งว่ามันไม่จริงเท่านั้น ยกหลักการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ และหลักการทางวิศวกรรม การเขียนprotocol มาว่าจะใช้สายLANแบบไหน ถ้ามันได้มาตรฐานขั้นต่ำแล้ว เสียงที่ออกมามันไม่ควรจะต่าง หรือต่อให้เกิดเจอเหตุการณ์สุดโต่งใครแอบต่อmotorกำลังสูงใช้ในบ้านจนเกิดการกวนในระบบได้ มันก็ควรจะเห็นๆว่าเสียงหาย เสียงcrack หรือดับไปเลย ซึ่งรับรู้ได้ว่าไม่ใช่สถานการณ์ปกติแล้ว แต่ถ้าเสียงออกมาต่างแบบเสียงอิ่ม เสียงกังวาล หรือเสียง"ดีขึ้น"นี่อาจจะเป็นที่คนฟังหูเพี้ยนไปเองมากกว่าจะ"หูดี"แบบที่อวดอ้างกันด้วยซ้ำ

ถ้าที่ผมพูดไม่จริง ก็แย้งมาให้ตรงประเด็นครับ ผมยินดีรับฟัง ความรู้วศ.บ.ที่ผมร่ำเรียนมากับประสบการณ์สายงานวิศวกรรมหลายสิบปี อาจจะเรียนรู้ไม่มากพอที่จะรู้ถึงหลักเหตุผลลับของโลก ที่ไม่เคยมีงานวิจัยมาก่อนได้

และคุณเอง ลืมคคห.ของตัวเอง ในคคห. 77 ไปแล้วหรือครับ คุณรับรองเองนะว่า คนรวยที่ซื้อสายLANเส้นละแสนบาทกับ system ระดับหลายล้าน แล้ว ฟังดีขึ้น 10% 
พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย 

พอผมตอบ แล้วคุณมาบอกว่าไม่ได้ใช้ แต่คุณไปรับรองแทนคนที่เขาใช้ และโม้ผิดๆว่าดีขึ้นไปก่อนหน้าทำไมล่ะครับ?

คุณหรือคนมีเงินจะซื้อของแพงไม่แพงยังไง ก็เรื่องความพึงพอใจของแต่ละคนครับ แต่มันไม่ได้ทำให้ ข้อพิสูจน์ว่า สายLAN แพงๆทำให้เสียงเปลี่ยน หรือเสียงดีขึ้นได้เลยสักนิดเดียว 

ผมบอกแล้วถ้าคุณชอบเพราะสายมันสวย หรือฉันถูกใจ เป็นศิลปะ โชว์สายแล้วสวยงาม อยากได้ ก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามาบอกใครผิดๆ ว่าฉันซื้อเพราะเสียงดีขึ้น 10%(ที่คุณอ้างว่าไม่ได้ซื้อเองและไม่ได้พูด แต่อ้างใครก็ไม่รู้ในคคห.77 ?) 

ไม่มีใครรู้ทุกเรื่องหรอกครับ แต่ถ้ายังเถียงด้วยข้อเท็จจริงผิดๆ ผิดตรรกะ ผิดหลักเหตุผล ผิดหลักวิทยาศาสตร์ หลายๆหน ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับจนหรือรวยแล้วล่ะ


ผมว่าคุณมีปัญหาเรื่องภาษา และการสื่อสารแล้วละ ในการทำงานถ้าอยากไปสู่ระดับสูง นอกจากทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์ การสื่อสารสำคัญไม่แพ้กัน การสื่อสารแย่ก็ไปต่อยาก แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมครับ

คุณแยกไม่ออกว่าอะไรเป็น ใจความสำคัญ และ ข้อความสนับสนุน

สั้นๆ เลยนะยาวไปกลัวจะสับสนอีก

ความเห็นผมไม่ได้ต้องการพิสูจน์ใดๆ  อ่านดีๆ จับ Main Idea ของผมให้ได้ก่อน ผมไม่ได้ต้องการรู้  ความแตกต่าง การใช้เครื่องมือวัดค่า ความเที่ยงตรง ความเพื้นน แต่ผมเข้ามาพูดเรื่องของความชอบ และความพอใจ คนเล่นเครื่องเสียงบางคนเข้าซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อจากฟังค์ชั่น หรือความคุ้มค่า

ถ้าคุณอยากจะโต้ตอบเรื่องการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์  คุณต้องโต้ให้ถูกคน กับคนที่เขาคุยเรื่องเดียวกับคุณ


-------------------------------------------------------

คนเราแต่ละคนมีเกณฑ์การตัดสินใจไม่เหมือนกัน เกณฑ์ของคุณ ต้องเอาเครื่องมือวัดค่าดูความแตกต่าง แต่คนเล่นเครื่องเสียงบางคนเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อ คือการฟัง ในเมื่อเขาซื้อมาฟัง เขาก็ต้องใช้การฟังเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ดูค่าการวัด แม้หูเขาจะไม่เที่ยง เพี้ยน หรืออะไรก็แล้วแต่ นั้นมันก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาไม่สนใจเครื่องมือวัดค่าออกมา แล้วคุณจะไปเดือดร้อนอะไร ต้องให้เขาคิดเหมือนคุณให้ได้ยังงั้นเหรอ ?

และคุณเอง ลืมคคห.ของตัวเอง ในคคห. 77 ไปแล้วหรือครับ คุณรับรองเองนะว่า คนรวยที่ซื้อสายLANเส้นละแสนบาทกับ system ระดับหลายล้าน แล้ว ฟังดีขึ้น 10% 
พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย 

พอผมตอบ แล้วคุณมาบอกว่าไม่ได้ใช้ แต่คุณไปรับรองแทนคนที่เขาใช้ และโม้ผิดๆว่าดีขึ้นไปก่อนหน้าทำไมล่ะครับ?

--------------------------------------------------------

อย่างตรงนี้ ให้คุณค่อยๆ อ่าน อ่านแล้วจับประเด็นใหม่อีกครั้ง

ผมพิมพ์ว่า  -- แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า "ถ้า"เขาพอใจ และซื้อได้ --

คุณหาว่าผมรับรองแทนคนที่เขาใช้ คุณเห็นคำว่า "ถ้า" มั้ย และอีกอย่างนี้มันเป็นข้อความสนับสนุนความคิดหลัก ที่บอกว่าคนรวยซื้อสินค้าจากความพอใจ และความชอบ ไม่ได้มีการระบุเลยว่านาย เอ หรือนาย บี ซื้อ


คุณบอกทำงานมาหลายสิบปี ดูแล้วอายุน่าจะมากกว่าผมพอสมควร เพราะผมเรียนจบ และทำงานได้สิบกว่าปี แต่ภาษา และการสื่อสารของคุณจัดว่าค่อนข้างแย่ ผมว่าคุณควรปรับปรุงตรงนี้ก่อนจะไปโต้แย้งกับใครนะครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 118

เท่านั่นเอง

14/10/2021 16:22:39
พูดไปมันก็เท่านั้นแหละครับคนมันโดนปลูกฝังชุดข้อมูลแบบผิดๆไปแล้ว ตั้งแต่มีดราม่า Engineer เขาพิสูจน์กันมาไม่รู้ต่อกี่เจ้าต่อกี่เจ้าแล้วครับผลก็ออกมาว่ามันไม่ต่าง จะซื้อเพราะค่านิยม หรือความชอบมันไม่เคยผิดเลย แต่ข้อเท็จจริงมันก็คือข้อเท็จจริง โลกมันกลมจะบอกว่ามันแบนมันไม่ได้ครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 119

เปลี่ยนแปลงยาก

14/10/2021 23:26:27
คนจนมักถูกปลูกฝังชุดความคิดแบบผิดๆ คนรวยซื้ออะไร ถ้าเป็นข่าว อย่างแรกที่เห็นประจำ จะมีเม้นแบบเสร่อๆ ไปบอกเขาให้เอาเงินไปทำบุญ เป็นผมซื้อแค่นี้พอ และบร่าๆๆๆๆ คนรวยซื้อสินค้า หรือบริการราคาแพงๆ ด้วยควาชอบ มันมองเป็นเรื่องผิด กินข้าวมื้อละ 10,000 คนจนเข้าไปเม้นแบบเสร่อๆ เป็นผมกินแค่ข้าวผัดกระเพราจานละ 35 พอแระ 555 ตราบใดที่มันยังคงจนอยู่ ชุดความคิดแบบนี้จะถูกฝังอยู่ในหัวสมองมันไปตลอด และถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นต่อๆไป ด้วยประการละฉะนี้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 120

เฟี้ยว

15/10/2021 03:36:37
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 119 - เปลี่ยนแปลงยาก

คนจนมักถูกปลูกฝังชุดความคิดแบบผิดๆ คนรวยซื้ออะไร ถ้าเป็นข่าว อย่างแรกที่เห็นประจำ จะมีเม้นแบบเสร่อๆ ไปบอกเขาให้เอาเงินไปทำบุญ เป็นผมซื้อแค่นี้พอ และบร่าๆๆๆๆ คนรวยซื้อสินค้า หรือบริการราคาแพงๆ ด้วยควาชอบ มันมองเป็นเรื่องผิด กินข้าวมื้อละ 10,000 คนจนเข้าไปเม้นแบบเสร่อๆ เป็นผมกินแค่ข้าวผัดกระเพราจานละ 35 พอแระ 555 ตราบใดที่มันยังคงจนอยู่ ชุดความคิดแบบนี้จะถูกฝังอยู่ในหัวสมองมันไปตลอด และถูกส่งต่อไปยังรุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นต่อๆไป ด้วยประการละฉะนี้

พวกขี้แซะเพราะอิจฉาก็อีกเรื่อง แต่พวกที่ทำตัวเหมือนเก่งกว่า Sound Engineer อันนี้ไม่ใช่เรื่อง Sound Engineer ไม่ใช่ว่าใครจะเป็นก็ได้เขาต้องไปเรียนมีวุฒิการศึกษามีครูบาอาจารย์ มีการบ่มเพาะฝึกฝนไม่รู้กี่ปีกว่าจะสำเร็จวิชา ต้องผ่านประสบการณ์ไม่รู้อีกเท่าไหร่กว่าจะได้รับการยอมรับ เขามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลทางวิชาการมาโต้แย้ง แล้วจะมาบอกว่าตัวเองหูเทพกว่าใช้ของแพงกว่าไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นครับ แต่อย่างว่าแหละคนรวยมักจะไม่เห็นหัวคนอื่น ไม่ยอมรับแม้ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายผิด เพราะคิดว่าตัวเองมีอำนาจเงินซื้อได้ทุกอย่าง มองคนอื่นที่ไม่ได้รวยเท่าตัวเองต่ำต้อยกว่าแล้วก็จะเป็นแบบนี้สืบต่อไปยันรุ่นลูกรุ่นหลาน ไม่งั้นคนที่ขับรถชนคนตายถึง 9 ศพจะมีชีวิตอยู่แบบปกติสุขโดยไม่ได้รับโทษอะไรทางกฎหมายจวบจนปัจจุบันนี้ได้อย่างไรเล่าจริงหรือไม่?
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 121

เอาตามสันดาน

15/10/2021 12:53:50
ถุย ขี้โม้
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 122

นี่สินะ

15/10/2021 15:00:36
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 121 - เอาตามสันดาน

ถุย ขี้โม้

นี่แหละหนอธาตุแท้ของคนเรา รวยจนก็แค่เปลือกจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 123

RockDragon

15/10/2021 21:13:42
2,893
@คคห.120
ช่วยกรุณาอย่าพิมพ์ตกหล่นคำตามท้ายนะครับ
คำเต็มๆที่ถูกต้องควรเป็น "คนรวยบางคน" นะครับ
ผมไม่อยากให้เนื้อหาของกระทู้นี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนะครับ
ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 124

AudioScience

15/10/2021 21:55:00
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 116 - เฟี้ยว
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 114 - AudioScience
ผมไม่ได้พูดถึงการเอามาเปิดฟังครับ จะเอาไปเปิดฟังยังไงมันก็สิทธิ์ของแต่ละคนจะเอาไป แต่ผมหมายถึงในขั้นตอนการทำเพลงนี่แหละครับ มันไม่ได้มีสูตรตายตัวไม่จำเป็นต้อง Conservative เสมอไป อัดเสียงกีต้าร์ Gibson จะ EQ จนให้มันเปลี่ยนเป็น Fender ก็ไม่ใช่เรื่องผิด กลองอัดสดมาแล้วเอากลองโปรแกรมมา Replace แปะทับทั้งชุดจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอีก หรืออัดเสียงร้องมาดีๆ จะกด Compressor จนเสียงมันบี้แบนก็ไม่ใช้่เรื่องผิดอีกเช่นกัน มันขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของงาน เหมือนหนังอย่างที่ผมบอกตอนแรกแหละ หนังแฟนตาซีไซไฟมันก็ต้องยัด CGI มันทั้งเรื่องถึงจะสนุก ส่วนหนังชีวิตมันก็ต้องเน้นความ Realistic จะมาล่อ CGI มันดุ้นก็คงจะไม่ใช่เรื่อง 

ผมก็พูดถึง การเปิดฟังเพลงหลังจากการทำเพลงแล้วไงครับ คือสิ่งที่คนทำเพลง คนมิกซ์ รวมถึงproducer ตัดสินใจมา คือก่อนหน้านั้นระหว่างตอนpost processing คุณจะใช้ filter,dsp, processing หรือเร่งเสียงอะไรอย่างไร สุดท้ายออกมาเป็น master เหมือนคุณทำน้ำซุปใส่อาหาร สูตรลับของคุณ ออกมาเป็นอาหารให้ทาน นั่นคือผลงานของคุณ

ผมก็บอกว่า เครื่องเสียงที่ทำให้ได้ยินใกล้เคียง สิ่งที่ผู้ทำเพลงจัดทำออกมา น่าจะเรียกว่าเที่ยงตรงที่สุด หรือเสียงดีที่สุด จริงไหมครับ? ไม่ต่างจากการทานอาหารโดยไม่ปรุงเพิ่ม นั่นคือรสจากเชฟ แท้ๆ

แต่ดีแล้วจะชอบไม่ชอบ อยากปรับเองก็อีกเรื่อง จะปรุงเพิ่มใส่พริกหน่อย น้ำตาลตัด ก็แล้วแต่คนไป 

แต่ไม่ใช่คนเสริฟ ตอนถือมาแอบใส่พริกเพิ่มให้เอง เพราะคิดไปเองว่าดีกว่า จนสุดท้ายแล้ว อะไรคือรสชาติที่เชฟทำออกมาจริงๆกันแน่? มันอาจจะถูกใจบางคนที่ชอบรสเผ็ดมากๆ แต่ก็อาจจะทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเชฟนี่ ไร้ฝีมือ เพราะใส่พริกเยอะเกิน นั่นคือเราไม่ได้ตัดสินจากตัวผลงานตรงๆเลยด้วยซ้ำ เพราะโดนดัดแปลงกลางทาง (เหมือนที่ผมบอกว่า ฟังเพลงบางเพลงด้วยหูฟังบางตัว แล้วเสียงร้องกลายเป็นคนละคนไปจากตอนไปดูคอนฯ)

อย่างเพลงยุคใหม่นี่เสียงเครื่องดนตรีมันก็สังเคราะห์ซะเยอะ บางทีมันแทบไม่มีทางเหมือนการเล่นด้วยเครื่องดนตรีจริงๆ แถมเสียงร้องก็อีก อาจจะtuneเสียงร้องไปบ้าง ชนิดร้องสดก็ยังอาจได้ไม่เหมือนเดิม แต่คือproducer เขาจัดมาแบบนี้ เราก็อยากฟังสิ่งที่producer ทำมาก่อน ชอบไม่ชอบ ค่อยมาปรับเองอีกที แต่ไม่ใช่ให้คนอื่น ที่ไม่ใช่producer มายัดเยียดตรงกลาง ดัดแปลงให้เราครับ ประเด็นอยู่ตรงนี้แหละ (ส่วนที่จงใจไป remix ใหม่  โดยที่เราก็รับรู้ เช่นฟังจากDJ อันนี้คนละเรื่องกันนะครับ เหมือนเขาไปรังสรรค์ดัดแปลงผลงานใหม่เห็นๆ ไม่ใช่แอบทำแล้วบอกว่าไม่ได้ดัดแปลง)

คำว่าเที่ยงตรง หรือเสียงดี ของผมเกณฑ์อยู่ตรงนี้ ให้เสียงที่ออกมาใกล้เคียงกับสิ่งที่คนทำเพลงรังสรรค์และบันทึกออกมามากที่สุด ซึ่งพวกนี้มันวัดค่าด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ อย่างAudio Analyzerได้ครับ ไม่ว่าsweep test หรือ pink noise เช่นถ้าส่งสัญญาณ 1kHz ตัวรับก็ต้องได้ 1kHz โดยไม่มีเสียงย่านอื่นแทรกหรือบิดเบี้ยวไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 125

เฟี้ยว

15/10/2021 22:19:14
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 123 - RockDragon
@คคห.120
ช่วยกรุณาอย่าพิมพ์ตกหล่นคำตามท้ายนะครับ
คำเต็มๆที่ถูกต้องควรเป็น "คนรวยบางคน" นะครับ
ผมไม่อยากให้เนื้อหาของกระทู้นี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนะครับ
ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ

ผมก็ขออภัยถ้าเป็นเช่นนั้น แต่เพื่อความไม่สองมาตรฐานท่านควรจะแจงอีกฝ่ายด้วยว่าคำเต็มๆที่ถูกต้องควรเป็น "คนจนบางคน" นะครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 126

RockDragon

15/10/2021 22:41:25
2,893
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 125 - เฟี้ยว
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 123 - RockDragon
@คคห.120
ช่วยกรุณาอย่าพิมพ์ตกหล่นคำตามท้ายนะครับ
คำเต็มๆที่ถูกต้องควรเป็น "คนรวยบางคน" นะครับ
ผมไม่อยากให้เนื้อหาของกระทู้นี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนะครับ
ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ

ผมก็ขออภัยถ้าเป็นเช่นนั้น แต่เพื่อความไม่สองมาตรฐานท่านควรจะแจงอีกฝ่ายด้วยว่าคำเต็มๆที่ถูกต้องควรเป็น "คนจนบางคน" นะครับ
อ่อ... ใช่ๆเลยครับ ขอบคุณที่ชี้แนะครับ

@คคห.119 ก็เช่นกันครับ
ช่วยกรุณาอย่าพิมพ์ตกหล่นคำตามท้ายนะครับ
คำเต็มๆที่ถูกต้องควรเป็น "คนจนบางคน" นะครับ
ผมไม่อยากให้เนื้อหาของกระทู้นี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นนะครับ
ขอบคุณที่เข้าใจนะครับ


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 127

AudioScience

15/10/2021 22:53:45
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 117 - Sutad
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 115 - AudioScience

ผมคิดว่าประเด็นที่เห็นตรงกัน ผมก็เขียนไปข้างบนแล้วนะครับ เรื่องอุปกรณ์ ลำโพง amp dac เสียงที่ออกมาเป็นรสนิยมของแต่ละคน ใครชอบแบบไหนก็ซื้อแบบนั้น จะถูกหรือแพงขึ้นกับความชอบ ไม่แปลก และเป็นเรื่องปกติ ความชอบในงานอดิเรกแต่ละคนไม่เหมือนกัน

เพียงแต่กระทู้นี้เขาเถียงกันเรื่องการส่งข้อมูลdigital จาก SSD/HDD ต่อมาโดยเฉพาะสายLAN ที่คคห.บนๆโม้ว่า เครื่องเสียงชุดสิบล้าน ใช้สายLANเส้นละแสน เสียงออกมา"ต่าง" ใครไม่มีปัญญาใช้เครื่องเสียงราคาสิบล้าน อย่าเสนอความเห็น หรือถ้าฟังไม่ออก แสดงว่าหูไม่ถึงเอง โดยเฉพาะพวกขุนพลอยพยัก แบบ คคห. 78

ผมก็แค่แย้งว่ามันไม่จริงเท่านั้น ยกหลักการตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์ และหลักการทางวิศวกรรม การเขียนprotocol มาว่าจะใช้สายLANแบบไหน ถ้ามันได้มาตรฐานขั้นต่ำแล้ว เสียงที่ออกมามันไม่ควรจะต่าง หรือต่อให้เกิดเจอเหตุการณ์สุดโต่งใครแอบต่อmotorกำลังสูงใช้ในบ้านจนเกิดการกวนในระบบได้ มันก็ควรจะเห็นๆว่าเสียงหาย เสียงcrack หรือดับไปเลย ซึ่งรับรู้ได้ว่าไม่ใช่สถานการณ์ปกติแล้ว แต่ถ้าเสียงออกมาต่างแบบเสียงอิ่ม เสียงกังวาล หรือเสียง"ดีขึ้น"นี่อาจจะเป็นที่คนฟังหูเพี้ยนไปเองมากกว่าจะ"หูดี"แบบที่อวดอ้างกันด้วยซ้ำ

ถ้าที่ผมพูดไม่จริง ก็แย้งมาให้ตรงประเด็นครับ ผมยินดีรับฟัง ความรู้วศ.บ.ที่ผมร่ำเรียนมากับประสบการณ์สายงานวิศวกรรมหลายสิบปี อาจจะเรียนรู้ไม่มากพอที่จะรู้ถึงหลักเหตุผลลับของโลก ที่ไม่เคยมีงานวิจัยมาก่อนได้

และคุณเอง ลืมคคห.ของตัวเอง ในคคห. 77 ไปแล้วหรือครับ คุณรับรองเองนะว่า คนรวยที่ซื้อสายLANเส้นละแสนบาทกับ system ระดับหลายล้าน แล้ว ฟังดีขึ้น 10% 
พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย 

พอผมตอบ แล้วคุณมาบอกว่าไม่ได้ใช้ แต่คุณไปรับรองแทนคนที่เขาใช้ และโม้ผิดๆว่าดีขึ้นไปก่อนหน้าทำไมล่ะครับ?

คุณหรือคนมีเงินจะซื้อของแพงไม่แพงยังไง ก็เรื่องความพึงพอใจของแต่ละคนครับ แต่มันไม่ได้ทำให้ ข้อพิสูจน์ว่า สายLAN แพงๆทำให้เสียงเปลี่ยน หรือเสียงดีขึ้นได้เลยสักนิดเดียว 

ผมบอกแล้วถ้าคุณชอบเพราะสายมันสวย หรือฉันถูกใจ เป็นศิลปะ โชว์สายแล้วสวยงาม อยากได้ ก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามาบอกใครผิดๆ ว่าฉันซื้อเพราะเสียงดีขึ้น 10%(ที่คุณอ้างว่าไม่ได้ซื้อเองและไม่ได้พูด แต่อ้างใครก็ไม่รู้ในคคห.77 ?) 

ไม่มีใครรู้ทุกเรื่องหรอกครับ แต่ถ้ายังเถียงด้วยข้อเท็จจริงผิดๆ ผิดตรรกะ ผิดหลักเหตุผล ผิดหลักวิทยาศาสตร์ หลายๆหน ก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับจนหรือรวยแล้วล่ะ


ผมว่าคุณมีปัญหาเรื่องภาษา และการสื่อสารแล้วละ ในการทำงานถ้าอยากไปสู่ระดับสูง นอกจากทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์ การสื่อสารสำคัญไม่แพ้กัน การสื่อสารแย่ก็ไปต่อยาก แนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมครับ

คุณแยกไม่ออกว่าอะไรเป็น ใจความสำคัญ และ ข้อความสนับสนุน

สั้นๆ เลยนะยาวไปกลัวจะสับสนอีก

ความเห็นผมไม่ได้ต้องการพิสูจน์ใดๆ  อ่านดีๆ จับ Main Idea ของผมให้ได้ก่อน ผมไม่ได้ต้องการรู้  ความแตกต่าง การใช้เครื่องมือวัดค่า ความเที่ยงตรง ความเพื้นน แต่ผมเข้ามาพูดเรื่องของความชอบ และความพอใจ คนเล่นเครื่องเสียงบางคนเข้าซื้อจากความชอบ และความพอใจ ไม่ได้ซื้อจากฟังค์ชั่น หรือความคุ้มค่า

ถ้าคุณอยากจะโต้ตอบเรื่องการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์  คุณต้องโต้ให้ถูกคน กับคนที่เขาคุยเรื่องเดียวกับคุณ


-------------------------------------------------------

คนเราแต่ละคนมีเกณฑ์การตัดสินใจไม่เหมือนกัน เกณฑ์ของคุณ ต้องเอาเครื่องมือวัดค่าดูความแตกต่าง แต่คนเล่นเครื่องเสียงบางคนเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อ คือการฟัง ในเมื่อเขาซื้อมาฟัง เขาก็ต้องใช้การฟังเป็นเกณฑ์ ไม่ใช่ดูค่าการวัด แม้หูเขาจะไม่เที่ยง เพี้ยน หรืออะไรก็แล้วแต่ นั้นมันก็เรื่องของเขา ในเมื่อเขาไม่สนใจเครื่องมือวัดค่าออกมา แล้วคุณจะไปเดือดร้อนอะไร ต้องให้เขาคิดเหมือนคุณให้ได้ยังงั้นเหรอ ?

และคุณเอง ลืมคคห.ของตัวเอง ในคคห. 77 ไปแล้วหรือครับ คุณรับรองเองนะว่า คนรวยที่ซื้อสายLANเส้นละแสนบาทกับ system ระดับหลายล้าน แล้ว ฟังดีขึ้น 10% 
พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย 

พอผมตอบ แล้วคุณมาบอกว่าไม่ได้ใช้ แต่คุณไปรับรองแทนคนที่เขาใช้ และโม้ผิดๆว่าดีขึ้นไปก่อนหน้าทำไมล่ะครับ?

--------------------------------------------------------

อย่างตรงนี้ ให้คุณค่อยๆ อ่าน อ่านแล้วจับประเด็นใหม่อีกครั้ง

ผมพิมพ์ว่า  -- แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า "ถ้า"เขาพอใจ และซื้อได้ --

คุณหาว่าผมรับรองแทนคนที่เขาใช้ คุณเห็นคำว่า "ถ้า" มั้ย และอีกอย่างนี้มันเป็นข้อความสนับสนุนความคิดหลัก ที่บอกว่าคนรวยซื้อสินค้าจากความพอใจ และความชอบ ไม่ได้มีการระบุเลยว่านาย เอ หรือนาย บี ซื้อ


คุณบอกทำงานมาหลายสิบปี ดูแล้วอายุน่าจะมากกว่าผมพอสมควร เพราะผมเรียนจบ และทำงานได้สิบกว่าปี แต่ภาษา และการสื่อสารของคุณจัดว่าค่อนข้างแย่ ผมว่าคุณควรปรับปรุงตรงนี้ก่อนจะไปโต้แย้งกับใครนะครับ

คุณใส่คำว่า"ถ้า"พอใจและซื้อได้ ไม่ได้บอกว่า "ถ้า"เสียงดีขึ้น 

ขอcopy มาชัดๆ
/****************************/
"พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย"
/****************************/
คุณรับรองคำว่าเสียงดีขึ้นตะหากแม้จะแค่ 10% นั่นคือเสียงดีขึ้นแน่ๆ คุณดันใช้เหตุผลไปในความหมายว่า แม้จะเพิ่มแค่ 10% ก็ไม่เกี่ยวกับความคุ้มค่า แต่เพราะพอใจเลยซื้อ ความหมายของความมันคนละเรื่องเลยครับ แถมตบท้ายด้วยการเหน็บว่าคนที่จนไม่มีกำลังซื้อเดือดร้อนแทนอีกตะหาก (ตามด้วยขุนพลอยพยัก จากคคห.อื่นต่อในเรื่องจน-รวย ซึ่งอันนี้ไม่ใช่คุณ แต่เขาเสริมจากคุณ)

ซึ่งถ้าคุณจะใช้การสนับสนุนว่าคนรวยซื้อโดยความพึงพอใจ โดยไม่ให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงเรื่องเสียงดีขึ้นหรือไม่ก่อนหน้า ต้องพูดว่า ไม่ว่าเสียงจะดีขึ้นจริงๆหรือไม่ ถ้าเขาพอใจและซื้อได้ เขาก็ซื้อ แบบนี้ไม่มีใครโต้แย้งและจบแต่แรกครับ 

ผมก็เริ่มเบื่อที่คุยวนไปมา ทั้งๆที่คุณพาดพิงผมในคคห.82ก่อนด้วยซ้ำ ว่าผมเล่นหูฟังเครื่องเสียงไหม เกี่ยวกันตรงไหน (บอกอีกทีให้ว่าผมก็ลูกค้าร้านของบอร์ดนี้ครับ) แถมตบท้ายด้วยว่า ผมไม่ต้องไปเป็นห่วงกลัวคนรวยโดนหลอกขายของ(ผมพูดตรงไหน?)

ทั้งๆที่จริงแล้ว กระทู้นี้เขาคุยด้วยเรื่่องของการส่งสัญญาณdigital ไม่ว่าการอ่านจากสื่อมีเดีย SSD,HDD หรือการส่งผ่านสาย digital network ว่ามันทำให้เสียงที่ออกมาแตกต่างจริงๆไหม ระหว่างของถูกที่ได้มาตรฐานกับของแพงมากๆ?

สิ่งที่หลายคนพยายามอธิบาย ด้วยหลักการวิทยาศาสตร์พื้นฐาน หลักการทางวิศวกรรม ว่าเทคโนโลยียุคใหม่ เขามีการป้องกันความผิดพลาด หรือลดความเสี่ยงที่จะเกิดการรบกวน จนเกิดการส่งข้อมูลที่ผิดพลาดได้อย่างไร

รวมไปถึง real-world scenario ก็แทบไม่มีโอกาสส่งข้อมูลผิดพลาด ด้วยสายLAN ภายในบ้านอยู่แล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้ ว่าสายแพงจะทำให้เสียง"ดีกว่า"สายถูกที่ได้มาตรฐาน เพราะอย่างดีที่สุด คือส่งข้อมูลได้เท่ากัน เสียงมันก็ต้องเท่ากัน และอย่างแย่ที่สุด คือสายถูกอาจจะเสียหาย จนไม่สามารถส่งข้อมูลหรือสูญหายไปได้ จนอาจเกิดการสะดุดในการรับฟัง แต่ไม่ได้ทำให้คุณภาพของตัวเพลงเปลี่ยนไป (เราไม่พูดถึงการลดบิทเรทลงกรณีฟังstreaming จากinternetจากความเร็วinternetที่ลดลง นะครับ เพราะมันไม่เกิดจากสาย LANในบ้านแน่นอน และผมยังไม่ยกเรื่อง buffer มาพูดเลยนะครับ)  และผมก็เสริมว่า จริงๆแล้วที่ได้ยินว่าต่าง อาจเป็นเพราะหูเราเองก็ได้ เพราะสภาพร่างกายและอารมณ์มีผลต่อการฟังเยอะมาก

ไม่เกี่ยวกับความรวย ไม่เกี่ยวกับเครื่องเสียงแพงไม่แพงเพราะไม่เกี่ยวข้องเลย ถ้ามันผ่านมาตรฐานขั้นต่ำ ไม่ได้เป็นห่วงใครโดนหลอกขายของด้วย(ย้ำว่าคุณเป็นคนพูดเอง ไม่ใช่ผม)แต่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจ ในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดิจิตอลขั้นพื้นฐานครับ

ถ้าจะอ้างความพึงพอใจ หรือรสนิยม ตามงบประมาณกำลังซื้อของแต่ละคน ก็ไม่เห็นแย้งครับ ผมก็พูดไปตั้งแต่ คคห.100 แล้วนะเรื่องนี้ อย่าให้ต้องพูดซ้ำๆเลยครับ และคิดว่าเข้าใจตรงกับสิ่งที่คุณพยายามบอกว่าเป็น main idea แต่ผมแย้งในส่วนที่พูดถึงข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เรื่องสายLAN แพงๆที่คุณยกตัวอย่างว่าเสียงดีขึ้น"แค่" 10% ว่าการยกตัวอย่างแบบนั้นมันไม่จริง และเป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณจะต่อประเด็นนี้ ผมก็ยินดี แต่ถ้ายังเรื่องอื่น ผมขอจบแล้วกันครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 128

Sutad

16/10/2021 00:09:55
95
"พวกที่ใช้สาย LAN เส้นละแสนบาท พวกนี้ System เขาระดับหลายล้าน ถึงหลายสิบล้านบาท แค่ฟังแล้วดีขึ้นแค่ 10% แต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 10 เท่า หรือ 100 เท่า ถ้าเขาพอใจ และซื้อได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา เขาไม่มานั่งเทียบบัญญติไตรยางค์ ว่าคุ้มไม่คุ้ม มันมีแต่ชอบหรือไม่ชอบ แต่กลายเป็นคนที่มีปัญหาคือคนที่ไม่กำลังซื้อเดือนร้อนแทนคนรวย"

ปวดหัวเลยเจอคนแบบนี้  อ่านแล้วจับประเด็นไม่ได้ คุณก็ดูบริบท และย่อหน้าอื่นซิ ถ้าคุณอ่านเป็นมันก็จบแล้วว่าผมต้องการสื่ออะไร (คนมีกำลังซื้อ ซื้อด้วยความพอใจ และความชอบ) อ่านเป็นกับอ่านได้มันคนละเรื่องกันนะครับ

เอาสั้นๆ ในย่อหน้านี้ ถ้าเป็นคนที่อ่านแล้วจับประเด็นได้จะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนฟัง แต่เป็นคนที่ซื้อฟัง ซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ใช้ภาษาง่ายๆ เหมือนการยกตัวอย่าง

ผมพิมพ์ไปตั้งเยอะ น่าจะพิมพ์เกิน 10 ย่อหน้า มีตรงไหนที่ผมไปแย้งผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์กับสาย LAN ว่ามันแตกต่างอย่างโน้น อย่างนี้ และยังได้ออกตัวตั้งแต่ความเห็นที่ 77 ว่าใช้ wifi ไม่ได้ใช้สาย LAN มันยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องแย้งเลย

ผมว่าผมพอแค่นี้ดีกว่า พิมพ์เยอะไปแล้วเดี๋ยวคุณจะสับสนจับประเด็นไม่ได้อีก เสียเวลาผมต้องมาโต้ตอบอีก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 129

Salek

16/10/2021 11:02:46
187



ท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่องละผมว่า!!
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 130

Hsung

20/10/2021 09:31:59
346
สั่งแกรปได้มั้ย หมี่แห้ง ธรรมดา

ปล. หูเราเอง ซ้าย ขวา ยังได้ยินไม่เท่ากันเลย ไม่แปลกที่่คิดต่าง 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 131

ไอ้ขี้โม้

20/10/2021 11:56:48
เงินก็เงินเขาไปเสือกอะไรกับเขา ตอนเขาซื้อก็ไม่ได้ถามสักหน่อย เสือกเสนอหน้าหิวแสงจริงๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0