Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

เหน่งบาตัดแปะ....เจ้าพ่องูใหญ่(สระบุรี)

เหน่งบา

09/04/2018 08:29:50
1,866



สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน ในบริเวณเดียวกับศาลอาญาประจำจังหวัดสระบุรี อ้างอิงข้อมูลการสร้างจากหนังสือ กฎแห่งกรรม ของท่าน ท.เลียงพิบูลย์ http://kothangkum.com/?p=675 โดยขออนุญาตคัดลอกข้อมูลมาลง ณ ที่นี้ (ผมเคยอ่านเรื่องนี้ตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะอยู่จังหวัดติดๆกันกับสระบุรี และขับรถผ่านแทบนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่ได้คิด และไม่ได้จังหวะไปเยี่ยมคารวะที่ศาล จนสองสามปีก่อน ถึงมีโอกาสไปกราบไหว้ศาลท่าน)

มีข้อสังเกตว่าการที่ศาลเทพเจ้าจะมาอยู่บริเวณเดียวกับสถานที่ราชการสำคัญสูงสุดอย่างศาลอาญาประจำจังหวัด คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ปัจจุบัน ศาลอาญาประจำจังหวัดได้ย้ายไปอยู่ในที่ทำการแห่งใหม่แถบถนนเลี่ยงเมืองแล้ว เรื่องราวของเจ้าพ่องูไหญ่คงจะเลือนลางไปจากการรับรู้ของผู้คน ก็เลยถือโอกาสบันทึกไว้ให้อ่านกันครับ ^ ^ เวลานี้ถ้าแวะไปที่ศาลเจ้าพ่องูใหญ่ ใกล้ๆกันก็มีศาลหลักเมืองอยู่ไม่ห่างกันนนัก และตรงข้ามศาลหลักเมือง มีวัดซึ่งมีพระพุทธรูปสำคัญที่ในหลวงรัชกาลที่๙ทรงสร้างพระราชทานไว้(ทั่วประเทศมีไม่กี่องค์) ควรแก่การไปกราบสักการะบูชาเป็นศิริมงคลกับตัว

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 1

เหน่งบา

09/04/2018 08:31:35
1,866



เรื่องที่ ๑๑๘
เจ้าพ่องูใหญ่

คำว่าอภินิหารหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องมหัศจรรย์หาเหตุผลทางหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ยังเป็นเรื่องลี้ลับแปลกประหลาดยากที่จะอธิบายให้แจ่มแจ้งชัดเจนได้
ข้าพเจ้าเขียนเรื่องลี้ลับมหัศจรรย์ทุกครั้ง มิใช่ว่าจะให้ท่านเชื่อ เพราะการเชื่อสิ่งใดโดยที่ไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองนั้น มักจะเรียนว่างมงาย เป็นธรรมดาของมนุษย์ส่วนมากทั่วไป ไม่อยากให้ใครว่าเรางมงาย ว่าโง่ ฉะนั้น จำเป็นที่เราจะต้องใช้สติปัญญาพิจารณาดูว่าสิ่งใดควรเชื่อหรือไม่
หลักธรรมของพระพุทธเจ้าท่านก็สอนไว้ เมื่อรู้อะไรก็ต้องมาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนจึงเชื่อ ไม่ใช่ว่าผู้อื่นเขาเชื่อ เราก็ต้องเชื่อตามเขา หรือเขาเชื่อกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ ย่า ตา ยาย เราก็เชื่อต่อไปเช่นนี้ผิดหลักพระพุทธศาสนา เรามีความรู้มีสติปัญญาสามารถพอจะพิจารณาดูว่า สิ่งใดสมควรที่จะเชื่อ สมควรที่จะเคารพบูชา หรือสิ่งใดไม่ควรเชื่อ ไม่ใช่ของจริงของหลอกหลวง ไม่ใช่คนโง่ที่จะให้คนฉลาดหลอกลวง จูงไปในทางที่เห็นผิดเป็นชอบ คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด ในยุคนี้คนไม่เชื่อบาปเชื่อกรรม เมื่อสร้างกรรมชั่วแล้วก็คิดว่าไม่เห็นว่าความชั่วจะตามสนองได้อย่างใด ทำไมคนทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำไมกรรมจึงไม่ไปตามสนองเป็นต้น เมื่อเขาทำชั่วได้ดี เราก็ทำบ้างจะเป็นไร นี่เป็นความคิดที่ผิดทั้งทางโลกและทางธรรม อันกรรมดีหรือกรรมชั่วจะตามสนองเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่ที่เวลา เมื่อทำชั่วก็มีความชั่ว ติดตามคอยสนองเมื่อถึงเวลา การทำดีก็เช่นกัน ความดีก็คอยสนองเราในโอกาสข้างหน้า ข้าพเจ้าก็ได้พบได้เห็นทั้งได้ประสบมาแก่ตนเองแล้ว กรรมดี กรรมชั่ว สิ่งลี้ลับและสิ่งประหลาดมหัศจรรย์มีอยู่ในโลกมนุษย์มากมาย เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไปเมื่อไม่มีใครกล้าจดบันทึกกล้าเขียน เมื่อมีผู้เขียนออกมาก็ถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นคนงามงายเชื่อในสิ่งไม่มีตัวตน เชื่อในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล เมื่อคนเราคิดว่าบาปไม่มี กรรมดี กรรมชั่ว ไม่ตามสนอง เพราะคิดว่าทำชั่วได้ดีมีมาก ที่ทำดีไม่เห็นมีความดีก็มีไม่น้อย ลืมหลักธรรมอันดีของเรา ควรปฏิบัติอยู่ในศีลในสัตย์ มีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีคุณ มีจิตใจเมตตาปรานี สร้างแต่ความดี ข่มใจตนเองไม่ให้ทำชั่วกลัวบาป ซึ่งควรจะปฏิบัติเป็นหลักทางใจ ถ้าเราทิ้งหลักมนุษยธรรมแล้วก็ยิ่งห่างออกไป เพราะไม่เชื่อทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม จิตใจก็ล่องลอยไกลออกไปตามอารมณ์ ไม่มีขอบเขต เพราะไม่มีหลักปฏิบัติทางใจ ความโกรธความอิจฉาพยาบาทก็มากขึ้น ปัจจุบันนี้มีความรู้สึกเช่นนี้เป็นส่วนมากก็เกิดอารมณ์ร้อนแรง ขาดความเมตตากรุณาปราณี มองดูคนอื่นเป็นศัตรูไปหมด ความเห็นอกเห็นใจเหมือนคนสมัยก่อนมีน้อย วัยรุ่นยุคนี้ใจต่ำมากขึ้น ใจสูงน้อยลง เพียงแต่มองหน้าเห็นสายตาไม่กินกันก็ทำลายกันถึงชีวิต มีจิตใจวิปริตไม่ใช้สติคิดหน้าคิดหลังว่า การทำเช่นนี้จะเกิดอะไรตามมาภายหลัง ความเยือกเย็นสุขุมไม่มี มีอารมณ์เจ้าโมโหชอบก่อเหตุร้าย จิตใจเ้ยมโหดผิดมนุษย์ปรกติธรรมดา การฆ่าฟันทำลายกันในยุคนี้เหมือนของธรรมดา ทำลายอนาคตทำลายชีวิตตนเองให้สั้นลงโดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัวว่าทำชั่วก็สายเกินไป เหตุทั้งนี้ก็เพราะต่างก็ไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง ห่างจากหลักธรรมของพุทธ-ศาสนา ไม่สนใจจึงไม่กลัวบาปกลัวกรรม ชักชวนกันไปจี้ปล้นฆ่าข่มขืน ทำลายคนดี ๆ บริสุทธิ์ สร้างกรรมเห็นเป็นธรรมดา ไม่กลัวเวรจะตามสนอง ไม่เชื่อบุญบาป หากเชื่อว่าวิญญาณจะกลับมาใช้หนี้กรรมแน่นอนไม่มีทางหลีกพ้นไปได้ จิตใจมนุษย์เราก็คงจะเพลาความเ้ยมโหดร้ายแรง การฆ่าฟันยิงแทงก็จะลดน้อยลงถอยเข้าสู่ปรกติ
ฉะนั้น การที่ข้าพเจ้านำเอาเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วมาเขียนก็เพื่อให้ท่านได้นึกถึงกรรม วิญญาณมีจริง สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกมนุษย์เป็นสิ่งลี้ลับมหัศจรรย์ที่เคยมีผู้ประสบมากับตนแล้วก็จริง แต่คนเราจิตใจความรู้สึกสติปัญญานั้นไม่ได้อยู่ในลำดับเดียวกัน สิ่งที่จะรวมจิตใจของคนให้อยู่ระดับเดียวกันได้ก็คือการศึกษาหลักธรรม เมื่อรู้แล้วต้องปฏิบัติก็จะได้ผล ก่อนที่จะปฏิบัติตามหลักธรรมนั้น เราต้องเชื่อหลักของกรรมเสียก่อน ทำดีทำชั่วแล้วกรรมจะต้องตามสนองแน่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังมีอยู่ในโลกมนุษย์ การที่ปัจจุบันยังพิสูจน์ให้เห็นแจ่มแจ้งไม่ได้ก็เพราะวิทยาศาสตร์ยังสูงไม่พอ แม้ปัจจุบันนี้จะมีมนุษย์ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์หรือดาวอื่น ๆ ก็ดี แต่สิ่งลี้ลับมหัศจรรย์ต่าง ๆ นั้น ยังสูงเกินกว่าที่ความสามารถทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้จะพิสูจน์ได้ แต่คิดว่าในอนาคตถ้าพิสูจน์ได้เมื่อใด เมื่อนั้นโลกก็จะเข้าสู่ยุคแห่งความสงบสุข ไม่ต้องวุ่นวายหวาดกลัวอีกต่อไปเหมือนเช่นปัจจุบัน
ข้าพเจ้าเคยพูดแล้วและจะพูดย่ำอีกว่า การที่ข้าพเจ้าเขียนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วมิได้ให้ท่านเชื่อ คิดแต่เพียงว่าเหตุประหลาดมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ถ้าไม่มีผู้บันทึกและเขียนไว้ ในไม่ช้าเหตุการณ์ที่ประหลาดก็จะสูญไป คนรุ่นหลังก็ไม่มีใครรู้ หรือจะมีการพิสูจน์ค้นคว้าหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วมาเป็นหลักศึกษาก็หาไม่ได้ ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเขียนขึ้น แม้ในปัจจุบันจะได้ประโยชน์ไม่มากนัก แต่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในอนาคตต่อไป และปัจจุบันนี้ข้าพเจ้าก็เป็นแต่เพียงผู้ถ่ายทอด ไม่สนใจว่าท่านผู้ใดอ่านแล้วจะคิดอย่างไร อยู่ที่การพิจารณาใช้สติปัญญาของท่านให้เป็นประโยชน์ ถ้าท่านว่าไม่จริง ข้าพเจ้าก็ว่าไม่จริงเพราะเราไม่ได้ประสบกับตัวเอง ถ้าท่านว่าจริง ข้าพเจ้าก็ว่าจริง เข้าได้ทุกฝ่ายเพราะตั้งจิตอยู่ กลาง ๆ เพื่อความสบายใจของตนเอง เพราะมนุษย์โลกเรามีทั้งคนดีคนชั่ว มีทั้งคนโง่และคนฉลาด มีทั้งคนได้รับการศึกษาสูงและได้รับการศึกษาต่ำ มีทั้งคนโง่และอวดฉลาด และมีทั้งคนฉลาดแล้วทำเป็นโง่ จิตใจผิดแปลกแตกต่างกัน บางคนก็มีจิตใจเป็นกุศล บางคนก็มีจิตใจเป็นอกุศล เช่นบางคนฉลาดความรู้ดี จิตใจมีศีลธรรมเห็นประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่าส่วนตัว กลัวผู้อื่นจะทุกข์ยากลำบากก็มีไม่น้อย แต่ส่วนมากคนที่ฉลาดความรู้ดี เห็นประโยชน์ส่วนตัวสำคัญกว่าส่วนรวม ไม่สนใจว่าใครจะทุกข์ยากลำบาก ท่านจะยกย่องคนจำพวกไหน ลองพิจารณาด้วยตัวของเราเองว่าควรปฏิบัติอย่างใด ข้าพเจ้าได้นำเอาเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วมาเขียน ขอให้ท่านพิจารณาโดยใช้สติปัญญา กลัวบางท่านจะหลงงมงายไม่ได้พิจารณาว่าสิ่งใดควรเชื่อหรือไม่ ข้าพเจ้าไม่อยากให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ขอให้ท่านทำจิตใจเป็นกลางเพราะโลกมนุษย์เวลานี้สิ่งที่หลอกลวงมีมาก และสิ่งที่เป็นความจริงก็มีไม่น้อย สุดแต่เราจะใช้ปัญญาพิจารณา ว่าเรามัวหลงงมงายหรือเปล่า จุดประสงค์ไม่อยากให้งมงาย ถ้าเรื่องที่เขียนนี้ทำให้มีผู้งมงาย ข้าพเจ้าก็เสียใจและเศร้า จึงขอร้องให้ท่านอ่านแล้วใช้สติปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงเสียก่อน ไม่งมงาย ข้าพเจ้าจะมีความปีติในผลงานซึ่งจะเกิดประโยชน์ทางใจ
เรื่องมีว่า เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๓ หลังอาหารเที่ยง เราซึ่งมีข้าพเจ้า พี่หลวงผู้มีอาวุโสที่ข้าพเจ้านับถือ คุณพิชาน และคุณวิชัย ได้ใช้เวลาไปเยี่ยมเยียนเพื่อนรุ่นพี่ที่ข้าพเจ้านับถือ ซึ่งเราไม่ได้พบกันมานาน ตั้งแต่เพื่อนผู้นี้ท่านได้ย้ายไปอยู่ในซอยหน้าวัดอุดมรังษี ถนนเพชรเกษม ซึ่งเกือบจะถึงสามพราน ข้าพเจ้าอยู่ในพระนคร ซึ่งเวลามีน้อยแต่งานมาก ฉะนั้น การไปมาย่อมจะห่างเหินกันไปบ้าง ไม่ค่อยจะมีเวลาพบกันบ่อยนัก นาน ๆ จะได้มีโอกาสไปเยี่ยมกันสักครั้ง บ่ายวันนั้นเราได้ถึงบ้านเพื่อนรุ่นพี่ เคราะห์ดีที่เราได้พบพร้อมหน้ากัน เมื่อได้ทักทายปราศรัยตามสมควรแล้ว คุณพี่ก็บอกว่า “บังเอิญหรือยังกับรู้” ข้าพเจ้าถามว่า “มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับผมหรือ” เพื่อนรุ่นพี่ได้บอกว่า “มีซี เมื่อวานนี้คุณบุศย์ได้มาที่นี่ ได้ฝากข้อความบันทึกเรื่องเจ้าพ่องูใหญ่ ขอให้ผมมอบให้คุณ เพราะคุณบุศย์จะไปหาที่บ้านก็ไปไม่ถูก ผมจะโทรศัพท์บอกให้รู้ โทรศัพท์บ้านผมก็เสีย เพิ่งจะแก้ไขเรียบร้อยเช้าวันนี้เอง ต่อไปเท่าไหร่ก็ไม่ติด มาพอดีนี่แหละ รู้สึกว่าบังเอิญอย่างเหมาะเจาะ” ข้าพเจ้าก็หัวเราะพูดว่า “โทรศัพท์ที่ทำงานของผมก็เสียร่วมเดือน โทรศัพท์บอกให้เขามาแก้ก็ยังไม่สะดวก ใช้ได้ครั้งสองครั้งก็เสียอีก ทางองค์การโทรศัพท์เขาบอกว่า กำลังเปลี่ยนเบอร์ใหม่ เมื่อเปลี่ยนแล้วคงสะดวกขึ้น”
วันนั้น เราสนทนากันสนุกสนาน เพราะทุกคนคุ้นเคยนับถือคุณพี่ดี พอได้เวลา ทราบว่าคุณพี่ทั้งสองจะไปในงานรดน้ำสังข์แต่งงานทางบางโพ เราก็จะลาคุณพี่กลับ แต่เมื่อขึ้นนั่งบนรถแล้ว รถก็ไม่ยอมติดเครื่อง เรามาได้ถึงบ้านคุณพี่แต่รถไม่ยอมกลับ แม้คุณพี่จะได้หาช่างหรือหมอเครื่องยนต์ที่เป็นนักศึกษาอยู่ในซอยนั้น ก็ไม่สามารถจะบังคับให้กลับมาได้ ตกลงข้าพเจ้าก็ต้องฝากไว้บ้านคุณพี่ก่อนตามความสมัครใจของรถ และพวกเราก็อัดเข้าไปในรถของคุณพี่ ซึ่งจะรีบไปในงานสมรสให้ทันเวลา แล้วเราก็ต้องแยกกัน เพราะไปคนละทาง เราก็หาแท็กซี่กลับบ้าน คุณพี่ไปบางโพเพราะจวนได้เวลางาน
คืนนั้น ข้าพเจ้าได้นำบันทึกมาอ่าน และพิจารณาดูทุกแง่ทุกมุมในข้อความบันทึกเรื่อง “เจ้าพ่องูใหญ่” เห็นมีเรื่องเกี่ยวพันกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตากสินมหาราช ซึ่งพระวิญญาณของพระองค์ท่านได้รับสั่งเรียกเจ้าพ่องูใหญ่ว่า “พ่อ” สิ่งใดที่จะเขียนเกี่ยวกับพระวิญญาณของพระองค์ท่าน ข้าพเจ้าถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ต้องทำพิธีระลึกถึงพระองค์ท่าน ดังที่เคยปฏิบัติมาก่อนที่จะลงมือเรียบเรียงขึ้น เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองต่อไป
เรื่องที่ข้าพเจ้าจะนำมาเขียนเล่าต่อไปนี้เป็นบันทึกของ คุณบุศย์ อุดมวิทย์พงษ์นุ่มกุล ปัจจุบันเป็นข้าราชการอัยการพิเศษ ฝ่ายวิชาการประจำกรมอัยการ ในบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มิได้ระบุถึงวัน เดือน ปีไว้ เข้าใจว่าเหตุการณ์ได้ผ่านมานับปีแล้ว แต่ไม่มีบันทึกมาให้ และบังเอิญครั้งนี้ก็ไดบันทึกมาอย่างไม่นึก คิดว่ายังไม่เก่าจนเกินไป เพราะผู้ได้ร่วมประสบการณ์ในครั้งนั้นมีมากมาย ยังอยู่พอที่ท่านผู้สนใจสงสัยก็สามารถจะสอบถามได้ ในข้อบันทึกมีใจความเมื่อเรียบร้อยขึ้นมีดังนี้
จากข้อบันทึกของคุณบุศย์ตอนหนึ่ง คำยืนยันเล่าเรื่องอภินิหารของเจ้าพ่องูใหญ่ จากคำบอกเล่าของคุณแถม ทัพวงศ์ ว่า คืนหนึ่งได้กลับจากธุรกิจการค้าจากโรงเลื่อย พร้อมกับคุณสุธี ทัพวงศ์ ในฐานะเกี่ยวข้องเป็นน้องชายพร้อมด้วยคนขับรถอีกคนหนึ่ง พอรถวิ่งเข้าเขตจังหวัดสระบุรี วิ่งอยู่ในถนนมิตรภาพ แสงไฟหน้ารถดวงใหญ่ส่องตรงเห็นทางไกล ถนนเรียบ รถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูง ทันใดสายตาทุกคนแลไปข้างหน้าแต่ไกลเหมือมีไม้ซุงยาวขวางถนนอยู่ คนขับต้องชะลอความเร็วของรถให้ช้าลง เพื่อจะห้ามล้อให้หยุดได้ทันท่วงที แต่เมื่อรถวิ่งใกล้เข้าไปมองเห็นข้างหน้านั้นมิใช่ไม้ซุงอย่างที่คิด เพราะแสงไฟดวงใหญ่หน้ารถฉายแสงสว่างสะท้อนให้เห็นเงาเลื่อมของเกล็ด ก็รู้ว่าเป็นงูใหญ่กำลังค่อย ๆ เลื้อยข้ามถนนอย่างเชื่องช้า ประมาณความยาวไม่ได้ เพราะทางหัวได้ลงพ้นจากขอบถนนอีกฟากหนึ่ง แต่หางก็ยังไม่โผล่ขึ้นพ้นขอบถนนตรงข้าม ครั้งแรกเมื่อเห็นก็พากันตื่นเต้นตกตะลึง เพราะไม่เคยนึกว่าจะได้พบเห็นงูใหญ่โตขนาดนี้ ยังไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน มีแต่คำเล่าลือมาแต่ครั้งโบราณเท่านั้น คนในยุคปัจจุบันไม่มีใครเคยเห็น เกิดคิดอกุศลว่าถ้าเราได้งูไป คงตื่นเต้นทั้งเมือง ทั้งหนังงูถ้าแผ่ออกคงจะกว้างยาวใหญ่โตและคงจะมีราคาสูง เมื่อต่างก็คิดเช่นเดียวกัน คนขับก็ตัดสินใจเปลี่ยนเกียร์เร่งเครื่องรถให้แรงขึ้น เพราะคิดว่ารถใหญ่มีกำลังแรงและหนักมากพอที่จะทับบดขยี้งูใหญ่ตัวนั้นให้แบนตายลงได้ แล้วรีบจัดการตามที่หมายตาไว้ มุ่งจะชนตอนทางหัวของงู คิดว่าเพียงทับครั้งเดียวคงบี้แบน งูแม้จะใหญ่โตก็คงทนทานน้ำหนักรถไม่ได้ ทันใดเมื่อรถพุ่งเข้าชนจุดที่หมายไว้ แต่ปรากฏว่างูตัวนั้นไม่สะดุ้ง ตัวแข็งเหมือนทำด้วยท่อนเหล็ก ตัวรถสั่นสะเทือนไปทั้งคัน คนขับรีบถอยออกมาวกรถพุ่งเข้าชนอีกเป็นครั้งที่ ๒ แต่ความสั่นสะเทือนคล้ายเหมือนชนภูเขา คุณสุธีเห็นว่ารถไม่สามารถจะชนงูใหญ่นี้ได้ ก็ชักปืนขึ้นลำกล้องจะยิงตอนลำตัวทางหัว ทั้งใดนั้นเองเหตุไม่นึกฝันก็เกิดขึ้น ความเชื่องช้าอุ้ยอ้ายของงูเกิดความว่องไวขึ้น กลับเกรี้ยวกราดรวดเร็วชูหัวขึ้นมาอยู่ตรงกลางถนน สูงเทียบรถแผ่แม่เบี้ย มีลูกตาสีแดงเหมือนแสงไฟคล้ายจ้องมาทางรถ แสดงท่าทางโกรธมาก ผู้ที่นั่งอยู่ในรถต่างตกใจตัวสั่นตะลึงขวัญเสียใจหายหมด พูดได้แต่คำว่า “หนีเร็ว” เท่านั้น คุณสุธียกปืนค้างไม่กล้ายิง เพราะกลัวว่าจะทำให้งูโกรธมาก สามารถที่จะพังทลายรถให้แหลกทั้งคันได้ ต่างก็คิดว่าไม่ใช่งูธรรมดา คนขับวกรถหนีโดยเร็ว เคราะห์ดีที่ไม่ทำให้คนขับรถสติเสีย หากเครื่องดับแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงดี อย่างไรก็ดีเท่านี้ก็กลัวจนขวัญบินอยู่แล้ว
ก่อนจะพบกับงูใหญ่ การค้าก็เจริญรุ่งเรือง หลังจากได้พบงูใหญ่ตัวนั้นแล้วก็ทำให้เกิดภัยพิบัติ ทั้งในครอบครัวและทางการค้าเกิดมีอุปสรรคต่าง ๆ นานา เห็นได้ชัดว่าเหตุเนื่องด้วยวิบากกรรมในการคิดสังหารงูใหญ่ เพราะเหตุเกิดขึ้นอย่างไม่นึกและไม่น่าจะเป็นไปได้ อยู่ ๆ รถก็เกิดขับวิ่งฝ่าเข้าไปในหมู่ทหารที่กำลังเดินแถวชนคนตาย และต่อมารถตกเหว การค้าขาดทุนย่อยยับ ได้ถูกฟ้องร้องเป็นคดีในศาล ทางครอบครัวก็เกิดความยุ่งยาก จิตใจคิดท้อแท้หมดกำลังใจที่จะต่อสู้กับชีวิตต่อไป ไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไรดีแทบหมดปัญญา
เมื่อได้ทราบว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เข้ามาประทับในร่างของคุณนายอรนุช หัสดิน ซึ่งเป็นสื่อกลาง จึงได้มีโอกาสเข้าเฝ้าดวงพระวิญญาณ ได้ทูลถามถึงวิบากกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัวและกิจการค้าทั่วไป ความวิบัติในครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุใด เพื่อขอให้พระองค์ท่านช่วยเหลือปัดเป่าภัยพิบัติให้เรื่องร้ายกลายเป็นดีดังเดิม จึงได้ทราบจากพระองค์ท่านว่างูใหญ่นั้นเป็นดวงวิญญาณ ซึ่งเคยเป็นต้นกำเนิดดั้งเดิมของพระองค์ ท่านได้อาศัยงูใหญ่นั้นมา เมื่อมีผู้ไปดูหมิ่นคิดร้ายจะทำลายร่างงูใหญ่ จึงเกิดภัยพิบัติขึ้นแก่ครอบครัวและชีวิตไม่เป็นสุข การคิดร้ายนั้นเป็นวิบากกรรม ทำให้ความวิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้นทันตาเห็น ให้ทำพิธีขอขมากรรมต่อดวงวิญญาณเจ้าพ่องูใหญ่ เพราะทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ท่านคงจะยอมอภัยให้ จะได้พ้นภัยพิบัติ
คุณแถม ทัพวงศ์ ได้จัดการทำพิธีขอขมากรรมตามพระวิญญาณที่รับสั่ง ต่อจากนั้นก็มีงูเหลือมตัวขนาดใหญ่ได้ไปขดอยู่ใต้เตียงที่สำนักงานโรงเลื่อยจักรที่สระบุรี คราวนี้ได้ให้คนงานค่อย ๆ ช่วยกันนำตัวใส่กระสอบไปปล่อยในป่าที่สมควร
ต่อจากนั้นมา ชีวิตในครอบครัวและกิจการงานก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับจนเข้าขั้นปรกติ นี่ก็เป็นเรื่องแปลกหรืออภินิหารของ “เจ้าพ่องูใหญ่” ในบันทึกฉบับนั้น เรื่องของเจ้าพ่องูใหญ่เป็นที่รู้จักกันในจังหวัดสระบุรีเป็นส่วนมาก และได้มีผู้ประสบเหตุการณ์ประหลาดมหัศจรรย์ไม่น้อย
ต่อมา คืนหนึ่งจวนจะรุ่งแจ้งแสงเงินแสงทองขึ้นจับท้องฟ้า ตอนตี ๕ กว่า คุณอำนวย ไวยวงศ์ นายช่างชลประทานสระบุรี ได้ลุกขึ้นนั่งทำงานภายในห้องนอน ซึ่งกรุด้วยมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงเข้า ในห้องปิดสนิทมิดชิดอยู่ตลอดเวลา กำลังนั่งทำงานเพลินอยู่ในบ้านพักจังหวัดสระบุรี ก็ได้ยินเสียงหนัก ๆ ตกลงข้างล่าง เหลียวหลังไปดูทางเสียงพอเห็นก็ตกใจสะดุ้งขนลุกซ่า เพราะไม่ทันได้รู้ตัว เห็นงูเหลือมตัวขนาดลำแขนไปขดเป็นวงกลมอยู่กลางห้อง ชูหัวขึ้นหันหน้าจ้องมองดูคุณอำนวย ทำให้ตื่นเต้น เพราะไม่เคยนึกฝันว่าเหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดได้ เหตุใดงูเหลือมจึงเข้าไปอยู่ในห้องที่มีมุ้งลวดปิดมิดชิด แม้แต่แมลงตัวเล็ก ๆก็ยังไม่สามารถจะบินเข้าไปได้ ไฉนงูตัวใหญ่จึงเข้าไปไม่ได้ พอตั้งสติได้ก็นึกถึงว่า นี่คงเป็นบริวารของเจ้าพ่องูใหญ่ จึงขอให้ท่านช่วยเรียกบริวารให้ออกจากบ้าน เมื่อปักธูปไว้ที่ระเบียง ทันใดนั้นงูเหลือที่อยู่ในห้องมุ้งลวดนั้น ก็ค่อย ๆ เลื้อยออกมาชูคอขึ้นอ้อมธูปครู่หนึ่ง แล้วก็เลื้อยลงจากเรือนหายไปท่ามกลางความมืด
สิ่งที่คุณอำนวยได้รับคือความเป็นสิริมงคล ได้รับความรุ่งเรืองในครอบครัวตลอดจนหน้าที่ การงานตลอดมา
เมื่อผู้ได้ประสบอภินิหารของเจ้าพ่องูใหญ่มีมากขึ้น ก็มีผู้สนใจใคร่จะสร้างศาลเจ้าพ่องูใหญ่ ทั้งข้าราชการและพ่อค้าต่างก็ตกลงที่จะตั้งกรรมการขึ้นเพื่อดำเนินงานสร้างศาล เพื่อเป็นที่เคารพบูชาของคนทั่วไป
เวลานั้นขุนสนิทประชากร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เช้าวันหนึ่งท่านผู้ว่าราชการได้เปิดห้องน้ำส่วนตัวของท่าน ได้ปรากฏสิ่งแปลกประหลาดขึ้น คือคราบงูใหญ่ในห้องน้ำซึ่งท่านปิดสนิทแม้แต่จิ้งจกตัวเล็ก ๆ ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่เหตุใดจึงมีคราบงูในห้องน้ำได้ เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ ฉะนั้น พอมีผู้มาขอให้ท่านเป็นประธานในการสร้างกุศล “เจ้าพ่องูใหญ่” ท่านก็ตกลงทันที และยินดีร่วมงานด้วยความเต็มใจ คุณแถม ทัพวงศ์ เมื่อรู้ว่าจะมีการสร้างศาลเจ้าพ่องูใหญ่ ก็ขอสมทบทุนร่วมสร้างในครั้งนี้ด้วย เพราะอภินิหารของเจ้าพ่อที่ไดประสบมากับตนเองอย่างน่าสะพรึงกลัว ยังอยู่ในความทรงจำ
การสร้างศาลครั้งนั้นมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของศูนย์การทหารม้าสระบุรีหลายท่าน เช่น พ.อ. จักรชัย สุภางคเสน พ.อ. สุดสาย หัสดิน พ.อ. พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ท่านขุนสนิท-ประชากร ผู้ว่าราชการสระบุรี คุณดิเรก น้ำทิพย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล คุณบุศย์ อุดมวิทย์พงษ์นุ่มกุล อัยการจังหวัด คุณอำนวย ไวยวงศ์ นายช่างชลประทาน ส่วนพ่อค้าและประชาชนก็มี คุณทรวง เลียว-ไพโรจน์ เป็นหัวหน้า ได้มีผู้ร่วมงานในครั้งนี้มาก
ก่อนที่คณะกรรมการสร้างศาลจะอัญเชิญวิญญาณเจ้าพ่องูใหญ่ได้เข้าเฝ้าฯ พระวิญญาณของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตากสิน มหาราช ในร่างประทับทรงของคุณนายอรุนุช ณ บ้านพักที่จังหวัดสระบุรี มีผู้ทูลถามถึงเจ้าพ่องูใหญ่ตามประวัติศาสตร์ เมื่อครั้งพระองค์ท่านทรงคลอดใหม่ ๆ มีงูใหญ่ไปพันรอบกระด้งเป็นความจริงเพียงใด พระองค์ท่านรับสั่งว่าเป็นเรื่องจริง และท่านได้รับสั่งต่อไปว่า บัดนี้เจ้าพ่องูใหญ่ได้อาศัยสิงสถิตอยู่ที่ต้นตะโกเป็นครั้งคราว ตะโกใหญ่ต้นนี้อยู่ข้างศาลยุติธรรม จังหวัดสระบุรี ต้นตะโกใหญ่นี้มีต้นโพธิ์ขึ้นซ้อนอยู่บ้านบนอีกต้นหนึ่ง ข้างล่างเป็นตะโกแต่ข้างบนเป็นต้นโพธิ์ จะเห็นว่าตะโกต้นนั้นเปลือกรอบนอกมีลักษณะเหมือนเกล็ดงูใหญ่ ผิดแปลกแตกต่างกับตะโกต้นอื่น
มีกรรมการท่านหนึ่ง ถามถึงการอันเชิญวิญญาณเจ้าพ่องูใหญ่ จะจัดการอย่างไรจึงจะถูกต้องกับพิธี พระวิญญาณสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีรับสั่งว่า การสร้างศาลนั้นเป็นความคิดที่ดีมาก เพราะเจ้าพ่องูใหญ่นี้ท่านเป็นเจ้าพ่อหลักเมืองของปากเพรียวหรือเมืองสระบุรี การอัญเชิญก็ทำให้ถูกพิธีคือ ให้ใช้ผ้า สีแสดพันโอบรอบต้นตะโกเสียก่อน และอย่าจุดเทียนในการอัญเชิญครั้งนี้เป็นอันขาด นอกนั้นทำตามประเพณี
เรื่องที่บันทึกมานั้น มีสิ่งที่ประหลาดมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่รู้ทั่วไปคือ ช่างก่อสร้างกำลังถือปูนอยู่บนหลังคาศาล มีแสดงแดดเป็นวันอากาศสว่างแจ่มใสตามธรรมดา แต่แล้วก็เกิดมีพายุ ท้องฟ้าที่สว่างจากมีแสดงแดดอยู่ก็มือมัวลงทันทีอย่างไม่นึกไม่ฝัน แม้จะเป็นเวลากลางวันก็ดูคล้ายกับเวลาย่ำค่ำ พายุใหญ่และฝนกำลังจะติดตามมา ฟ้าแลบเป็นระยะ นายช่างผู้รับเหมาตกใจกลัว เพราะหากฝนตกลงมาหมายถึงว่าจะขาดทุน เพราะการรับสร้างศาลนี้ ก็เพียงแต่คิดค่าของก่อสร้างแต่เพียงทุน ไม่หวังกำไร เพื่อเป็นการช่วยการกุศลไปในตัว แต่เมื่อพายุใหญ่มาและฝนจะตกเช่นนี้หมายถึงการขาดทุนแน่นอน แต่ไม่มีทางใดจะยังยั้งดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนได้ นอกจากลองขออำนาจอภินิหารช่วยคุ้มครองเท่านั้น เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็รีบจุดธูปเทียนขอบารมีคุ้มครอง ขออย่าให้ฝนตกในเขตบริเวณที่กำลังก่อสร้างอยู่เลย ขอให้พายุฝนจงไปตกที่อื่น ขอบารมีเจ้าพ่องูใหญ่เป็นที่พึ่ง แต่แล้วปรากฏสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ความเป็นจริงก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ฝนได้ตกลงมาหนักจนน้ำนองท่วมถนนตอนสี่แยกหน้ากองกำกับการตำรวจ ห่างกันเพียง ๓ เส้นเท่านั้น เป็นเรื่องที่น่าคิดมาก
ครั้งศาลสร้างเสร็จ ถึงวันจะอัญเชิญวิญญาณของเจ้าพ่องูใหญ่ ให้ไปสถิตอยู่ในศาลใหม่ ครั้งนั้นทางกรรมการได้มอบหน้าที่ให้ภรรยา ร.อ. วิเชียร วรรณบุตร์ เป็นผู้จัดหาซื้อผ้าสีแสด โดยได้วัดขนาดกว้างยาวของต้นตะโกไว้แล้ว เพื่อจะนำมาห่มตามที่รับสั่งไว้ แต่ผู้ซื้อได้ถามหาผ้าสีแสดตามร้านก็หายาก คิดว่าหาซื้อผ้าเหลืองไปห่มแทนคงใช้ได้ เพราะผ้าเหลืองหาง่ายมีขายทั่วไป จึงซื้อผ้าเหลืองมาแทน มีนายทหารหลายท่านลงความเห็นว่าใช้แทนได้ เมื่อได้นำมาห่มรอบต้นตะโกเรียบร้อยเท่านั้น ก็ปรากฏสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น ด้วยมีฝูงมดแดงมากมาย ซึ่งอาศัยอยู่บนต้นตะโกนั้นได้พากันทึ้งผ้าเหลืองเหมือนจะพยายามปลดเอาออกให้พ้นจากต้นตะโกไป ทำให้กรรมการบางท่านที่เข้าเฝ้าฯ พระวิญญาณของสมเด็จ-พระเจ้ากรุงธนฯ ระลึกได้ว่ารับสั่งให้เอาผ้าสีแสด แต่เมื่อเอาผ้าสีเหลืองมาห่มแทนย่อมจะผิดพระประสงค์ กรรมการจึงสั่งให้รีบหาผ้าสีแสดมาเปลี่ยนด่วน หากซื้อไม่ได้จะต้องย้อมก็ต้องทำ เมื่อได้ผ้าสีแสดมาห่มแล้ว ปรากฏว่าพวกมดแดงเหล่านั้นไม่มารบกวนแม้แต่ตัวเดียว เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่มีผู้รู้เห็นกันมาก
ครั้งถึงเวลาจะอัญเชิญวิญญาณเจ้าพ่องูใหญ่ให้ไปสถิตอยู่ที่ศาลสร้างใหม่ ก็จัดเครื่องสังเวยมีทั้งอาหารคาวหวาน จัดตามวิธีประเพณีของพราหมณ์ เห็นจะเป็นเพราะคณะกรรมการที่เฝ้าฯ พระวิญญาณของพระเจ้ากรุงธนฯ มิได้บอกกล่าวให้ทั่วถึงกัน ในการรับสั่งไม่ให้จุดเทียนหรืออาจจะเป็นเพราะความเคยชิน การบวงสรวงบูชาทั่วไปก็จะต้องจุดเทียนขึ้น ทันใดนั้นก็มีเหตุประหลาดมหัศจรรย์เกิดขึ้น คือมีมดแดงมากมายได้พากันขึ้นไปบนลำเทียนที่กำลังลุกเป็นเปลวไฟนั้น พวกมดเหล่านั้นมิได้ย่อท้อต่อความร้อนและความตายเลย คล้ายจะพยายามกัดเนื้อเทียนออกมา และจะกัดให้ถึงไส้ในเทียนจนขาดเพื่อดับแสงเทียน พวกมดแดงมิได้แยแสกับอาหารคาวหวาน ทำให้กรรมการท่านหนึ่งนึกขึ้นมาได้ว่า พระวิญญาณรับสั่งไม่ให้จุดเทียน ก็เลยสั่งให้ดับเทียน พวกมดแดงก็พากันไต่ลงจากเทียนแล้วหายไปหมด ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนที่มาประชุมบวงสรวง เพื่อที่จะอัญเชิญ “เจ้าพ่องูใหญ่” ไปสิงสถิตอยู่ที่ศาลใหม่ นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกลางประชุมชนและชั้นปัญญาชนจำนวนมาก
ข้าพเจ้าได้พิจารณาดูบันทึกแล้วก็เห็นว่าควรที่จะเขียนไว้ ให้ท่านได้มีโอกาสพิจารณาถึงสิ่งมหัศจรรย์และเพื่อค้นคว้าต่อไป ข้าพเจ้าขอขอบคุณ คุณบุศย์ อุดมวิทย์พงษ์นุ่มกุล ที่ได้อุตส่าห์บันทึกข้อความเหล่านี้มาให้ข้าพเจ้า หวังว่าผู้อ่าน อ่านแล้วก็คงได้ข้อคิดบ้างไม่มากก็น้อย
สิ่งที่ประสบกับตัวข้าพเจ้าผู้เขียนในเรื่องนี้ก็คือ วันนั้นวันที่ ๗ ข้าพเจ้าได้รับบันทึกจากเพื่อนรุ่นพี่แล้ว คืนนั้นก็นำมาอ่านและพิจารณาดูแต่ละข้อความ เห็นเรื่องนี้เกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตากสินมหาราช ซึ่งข้าพเจ้าเคารพและระลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ได้ทรงกู้เอกราชของชาติไทยตลอดมา ระลึกถึงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ท่าน คืนนั้นจึงเข้าห้องพระจุดธูป แล้วสงบจิตบอกกล่าวแก่พระองค์ท่านว่า ข้าพเจ้าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ท่านตามที่มีผู้ได้บันทึกไว้ส่งมาให้ พอพระบารมีได้ปกป้องคุ้มครองให้ข้าพเจ้าได้เขียนขึ้นตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงทุกประการ และข้าพเจ้าก็ตั้งจิตแผ่ส่วนกุศลแก่พระองค์ท่านว่า บุญใด กุศลใดที่ข้าพเจ้าทำไว้ในอดีตชาติก็ดีในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี ข้าพเจ้าขอแผ่ส่วนกุศลที่ได้แผ่ถวายตามที่ตั้งใจของข้าพเจ้าทุกประการ แต่แล้วรุ่งขึ้นเช้า ข้าพเจ้าเปิดประตูห้องตอนหน้าระเบียงก็พบคราบงูเหยียดยาวอยู่หน้าห้อง ซึ่งข้าพเจ้าอยู่บ้านนี้ยี่สิบกว่าปีไม่เคยเห็นคราบงูอยู่ในบริเวณบ้านมาก่อน คราบนี้ครบบริบูรณ์ไม่มีขาดวิ่น นับแต่หัวซึ่งมีตาตลอดจนสุดปลายหาง เช้ามีผู้มาหาข้าพเจ้าและเพื่อน ๆ มารับข้าพเจ้าไปในงานทอดกฐินวัดจันทร์กะพ้อ ข้าพเจ้าชี้ให้ดูคราบงูซึ่งมองเห็นกันแต่ไกล แม้ข้าพเจ้าจะได้ถามเด็กที่ทำความสะอาดทุกวัน ก็บอกว่าเมื่อวานนี้ยังไม่มี ข้าพเจ้าได้เก็บคราบงูนี้ไว้เป็นที่เรียบร้อยเพื่อระลึกว่าข้าพเจ้าได้เขียนเรื่อง “เจ้าพ่องูใหญ่” ก็นับว่าเป็นเรื่องแปลก หรือบังเอิญสำหรับข้าพเจ้าในวันนั้น

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 2

เหน่งบา

09/04/2018 08:32:25
1,866



      
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 3

เหน่งบา

09/04/2018 08:33:44
1,866



ภาพสร้างสมัยแรกสร้าง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

เหน่งบา

09/04/2018 08:35:58
1,866



เมื่อบูรณะ มีการเสริมฐานให้สูงใหญ่แข็งแรงขึ้น
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

เหน่งบา

09/04/2018 08:37:00
1,866



     
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

เหน่งบา

09/04/2018 08:38:47
1,866



ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับศาลอาญาประจำจังหวัดสระบุรี(หลังเก่า)
ในภาพเป็นสภาพขณะกำลังบูรณะเมื่อสักสามปีก่อน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

เหน่งบา

09/04/2018 08:39:25
1,866



         
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"เหน่งบาตัดแปะ....เจ้าพ่องูใหญ่(สระบุรี)"