คือผมใช้ iphone 7 ครับ และเป็นสมาชิก tidal แบบ hifi subscription มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการ setting tidal ครับ
1. หัวข้อ crossfade นี่คืออะไรครับ จำเป็นต้องเปิดมั้ย เพราะตอนนี้มัน off อยู่แล้วถ้าเปิดใช้ควรปรับยังไงดีครับ
2.loudness normalization นี่คืออะไรครับ เปิดหรือไม่เปิดดีกว่ากัน
3. ผมใช้ iphone7 ฟังเพลงใน tidal โดยปรับ quality เป็น hifi หูฟังที่ใช้คือหูฟังของiphoneที่หัวเสียบเป็น lightning อยากทราบว่า เวลาสตรีมเพลงฟัง จะสามารถรับฟังแบบ hifi ได้อย่างสมบูรณ์แบบหรือไม่ หรือต้องหา dac มาเสียบเพิ่มครับ ตอนนี้แอบเล็ง Dragonfly Red อยู่ครับ
4.อ่านในรีวิว เห็นเค้าบอกว่า dac dragonfly สามารถแสดงไฟแต่ละสีเพื่อบอก sample rate ของเพลงที่เล่นได้เลย เลยสงสัยว่า ถ้าสตรีม hifi ผ่าน Tidal ไฟที่แสดงจะออกมาเป็นสีอะไรครับ
5.ถ้าสอย dac dragonfly red มาเพื่อใช้กับ iphone7 ของผมแล้ว จำเป็นต้องซื้อ jitterbug ของ audioquest มาใช้ร่วมกันรึป่าวครับ อยากทราบความต่างระหว่างใช้และไม่ใช้ครับ
ขอขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้าครับผม
Guest
ช่องทางการติดต่ออื่น
aim40086
22/11/2017 15:06:54
0
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0เดียว
22/11/2017 15:39:57
1,067
อาสามาตอบให้ครับ 55 ผิดถูกยังไงอย่าถือสา
1.crossfade คือระยะเวลาช่วงต่อระหว่าง track ถ้าเปิดคือจะมีความสมู้ทเหมือนเราฟังเทปหรือ CD จะเลือกได้ว่ากี่วินาที แต่ถ้าปิดโหมดนี้พอจบเพลงปุ๊บ เพลงต่อไปก็เล่นต่อทันที
2.เปิด loudness normalization คือปรับเสียงทุกเพลงที่เล่นให้เป็น gain เดียวกัน (เพราะบาง track อัดมาดัง-เบา ต่างกัน ในกรณีฟัง Playlist แต่จะไม่มีปัญหากับคนที่ฟังเป็นอัลบั้ม เพราะทุกเพลงอัดมาเท่ากันอยู่แล้ว
3.ฟังจากไอโฟนจะถูก drop ความละเอียดลงกว่าฟังจากคอม เพื่อการส่งสัญญาณ ทั้งนี้เป็นที่ระบบโทรศัพท์เองว่าจะรองรับความละเอียดเท่าไร แต่ฟังจากคอม เสียงที่ได้ไม่ถูกลดความละเอียด ฟังได้เต็มๆถึงขั้น Master (แมงปอก็ช่วยได้ระดับนึง แต่ถ้าแมงปอต่อกับคอมจะมาเต็มๆ สว่างจ้า รายละเอียดยิบย่อยมาชัดหมด
4.แล้วแต่บาง track ครับ ถ้ามีแมงปอเอาไปฟังเทสกับคอมได้เลย ต่อไอโฟน = สีเขียว , คอม = สีชมพู,สีน้ำเงิน (หมายถึง lossless แน่นอน)
5. Jitter bug ช่วยในเรื่องของแรงขับ กระแสไฟให้สม่ำเสมอ ช่วยให้พื้นหลังสงัดขึ้น ถ้ามือถือที่ใช้มี dac เสียงที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ค่อยต่าง แต่ถ้าไอโฟนจะฟังออกชัดเจนครับ ว่า noise ลดลงไป (เปรียบเสมือนวงที่เล่นเจ๋งอยู่แล้ว ไปบันทึกเสียงในห้องอัดที่เงียบสงัด เพลงก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกระดับ
สุดท้ายนี้ผมฟัง TIDAL มายาวนานมาก อยากให้ลองเปิดใจให้ Deezer บ้างครับ lossless เหมือนกัน เร็วๆนี้จะมี MQA ให้ฟังแล้วด้วย อิอิ
1.crossfade คือระยะเวลาช่วงต่อระหว่าง track ถ้าเปิดคือจะมีความสมู้ทเหมือนเราฟังเทปหรือ CD จะเลือกได้ว่ากี่วินาที แต่ถ้าปิดโหมดนี้พอจบเพลงปุ๊บ เพลงต่อไปก็เล่นต่อทันที
2.เปิด loudness normalization คือปรับเสียงทุกเพลงที่เล่นให้เป็น gain เดียวกัน (เพราะบาง track อัดมาดัง-เบา ต่างกัน ในกรณีฟัง Playlist แต่จะไม่มีปัญหากับคนที่ฟังเป็นอัลบั้ม เพราะทุกเพลงอัดมาเท่ากันอยู่แล้ว
3.ฟังจากไอโฟนจะถูก drop ความละเอียดลงกว่าฟังจากคอม เพื่อการส่งสัญญาณ ทั้งนี้เป็นที่ระบบโทรศัพท์เองว่าจะรองรับความละเอียดเท่าไร แต่ฟังจากคอม เสียงที่ได้ไม่ถูกลดความละเอียด ฟังได้เต็มๆถึงขั้น Master (แมงปอก็ช่วยได้ระดับนึง แต่ถ้าแมงปอต่อกับคอมจะมาเต็มๆ สว่างจ้า รายละเอียดยิบย่อยมาชัดหมด
4.แล้วแต่บาง track ครับ ถ้ามีแมงปอเอาไปฟังเทสกับคอมได้เลย ต่อไอโฟน = สีเขียว , คอม = สีชมพู,สีน้ำเงิน (หมายถึง lossless แน่นอน)
5. Jitter bug ช่วยในเรื่องของแรงขับ กระแสไฟให้สม่ำเสมอ ช่วยให้พื้นหลังสงัดขึ้น ถ้ามือถือที่ใช้มี dac เสียงที่ดีอยู่แล้วก็ไม่ค่อยต่าง แต่ถ้าไอโฟนจะฟังออกชัดเจนครับ ว่า noise ลดลงไป (เปรียบเสมือนวงที่เล่นเจ๋งอยู่แล้ว ไปบันทึกเสียงในห้องอัดที่เงียบสงัด เพลงก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกระดับ
สุดท้ายนี้ผมฟัง TIDAL มายาวนานมาก อยากให้ลองเปิดใจให้ Deezer บ้างครับ lossless เหมือนกัน เร็วๆนี้จะมี MQA ให้ฟังแล้วด้วย อิอิ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 1หลุยส์ munkonggadget
22/11/2017 16:49:19
1,057
1 จะให้ค่อย ๆ ลดเสียง/เพิ่มเสียงระหว่างเพลงหรือไม่
2
3 ต่อตรงก็สามารถใช้งานได้ครับ แต่ถ้ามี Dac แยกเสียงก็จะดีขึ้นตามลำดับครับ
4 เป็นสีเเดง 16 bit ครับ
5 อันนี้เเล้วเเต่คนชอบครับอาจจะต้องทดลองฟังเทียบกันอีกทีครับ
2
3 ต่อตรงก็สามารถใช้งานได้ครับ แต่ถ้ามี Dac แยกเสียงก็จะดีขึ้นตามลำดับครับ
4 เป็นสีเเดง 16 bit ครับ
5 อันนี้เเล้วเเต่คนชอบครับอาจจะต้องทดลองฟังเทียบกันอีกทีครับ
ให้กำลังใจ 0 หยิกหู 0 แจกหู 0