เอ้า ทำข้อสอบกันต่อ........

1.แอมป์นั้นไม่ได้เป็นตัว Eq แบบตรงๆๆ แต่เนื่องจากมันจ่ายกำลังที่เพิ่มขึ้นให้ ทำให้ส่วนอื่นๆ ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความนิ่งของโฟกัส รายละเอียด และการจำแนกแยกแยะชิ้นดนตรี อันนี้เป็นความสามารถของแอมป์คร้าบบ

2. แม่นแล้วจ้า คล้ายๆๆ กัน แต่เพลยเยอร์มีกำลังขับที่ให้มาค่อนข้างต่ำ ทำให้ต้องหาตัวช่วยจากภายนอกไงล่ะ

3. เพลยเยอร์มีกำลังขับจำกัดครับ คือถ้าเร่งเต็มที่ของมัน ได้เท่าไหร่คือเท่านั้น คุณภาพของเสียงไม่มีทางเพิ่มขึ้น แอมป์เลยถูกเลือกมาเป็นตัวช่วย หลังจากที่เพลยเยอร์มันหมดแรงน่ะครับ

4. ถูกต้องคร้าบบบ การจะให้แอมป์แสดงความสามารถ จะต้องมีระยะอัตราการเร่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เหมือนกับรถสปอร์ตที่ต้องการทางด่วนในการขับเร็วๆๆ ล่ะครับ แอมป์ก็ต้องการแสดงศักยภาพเหมือนกันล่ะครับ


ตอนนี้มีคนพยายามทำอยุ่ คือทำให้มันจบในตัวเองซะเลย คือเป็นเพลยเยอร์ และมีแรงในตัวให้เพียงพอไปเลย ไม่ต้องมาวุ่นวายกับแอมป์ข้างนอกอีก ตัวอย่างคือ Hifiman 801 ครับ

สรุปแบบชาวบ้าน แอมป์คือตัวที่มาขยายสัญญาณให้เป็นที่น่าพอใจมากยิ่งขึ้น ส่วนจะดีได้มากหรือน้อย หรือบางทีอาจจะแย่กว่าต่อตรง อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับแอมป์นั้นๆๆ ด้วยจ้า 5555


โทรคุยกับผมเหอะ ผมจะจับเล่าซัก 2 ชั่วโมงครับ 5555

ตั้งแต่ใช้แอมป์มา เดี๋ยวนี้การฟังแบบต่อตรงนี่รู้สึกว่าฟังเพลงมันไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่ครับ

ผมรู้สึกว่าแอมป์จะช่วยขับสักยภาพของเสียงจากหูฟังนั้นๆได้มากขึ้นครับ จัดเรียงเป็นระเบียบมากขึ้น
แต่แอมป์บางตัวผมก็ฟังไม่ค่อยออกว่่ามันต่างกับการต่อตรงยังงัย ในระดับความดังที่เท่ากัน

1.แอมป์ไม่มี eq แต่ในโลกนี้ไม่มีแอมป์ตัวไหนที่ป้อนเสียงเข้าไปแล้วได้เสียงนั้นออกมาเป๊ะๆแต่ขนาดใหญ่ขึ้นครับ มันมีบุคลิคของตัวมันเอง เราเลยมักจะใช้บุคลิคของแอมป์นี้ในการปรับแต่งเสียงตามต้องการ เช่นต่อตรงเบสน้อย ก็หาแอมป์ที่ให้เบสมากมาใช้ ซึ่งแอมป์หลักพันจะต่างจากหลักหมื่นในหลายๆจุด เช่นรายละเอีย กำลังในการขับ น้ำเสียง ฯลฯ

2.การเพิ่มกำลังของแอมป์ก็คล้ายๆเพิ่มโวลลุ่มที่ player แต่เนื่องจากเสียงประกอบด้วยหลายความถี่ ความดังที่ได้ยินอาจจะเป็นแค่ช่วงความถี่หนึ่งๆส่วนมากจะเป็นกลางกับสูง ถ้าเครื่องกำลังไม่พอเบสมันจะไม่อิ่มเสียงมันจะบาดๆทั้งๆที่รู้สึกว่ามันดังเท่าๆกันครับ

3.แอบตอบในข้อ 2 แล้ว คือดังเท่ากันใช่ว่าเสียงจะครบเหมือนๆกันครับ

4.ถึงจะลดความดังแอมป์จนดังเท่าต่อตรง นอกจากที่เสียงจะไม่เหมือนกันเพราะบุคลิคแอมป์แล้ว แอมป์จะช่วยในการขับทุกๆความถี่ให้ออกมาได้เท่าๆกัน และให้เสียงที่ตอบสนองในช่วงที่สัญญาณกระแทกเข้ามาดังๆได้ดีกว่าครับ เช่นเราฟังเพลงที่ความดังปรกติ แล้วมีช่วงที่ตีกลองโซโล่ดังๆ ถ้ามีแอมป์ต่ออยู่มันจะขับออกมาได้เต็มที่กว่าครับ

ทั้งนี้ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าหูฟังคือโหลดที่เป็นขดลวด ที่ความถี่ต่ำความต้านทานมันจะต่ำมากทำให้ต้องการกำลังในการขับเสียงทุ้มมากกว่าเสียงกลางและแหลมมาก ซึ่งถ้า player กำลังไม่พอเสียงอื่นจะออกหมดแต่มักจะเบสไม่มีครับ

4.

ปล.แอมป์บางตัว ต่อตรงเสียงดีกว่าก็มี แบบว่าแค่ดังขึ้นแต่รายละเอียดเสียงหายหมด

แหม่ ชัดเจนครับ ทำให้โล่งขึ้นเยอะ ขอบคุณครับ

จัดต่อเลยครับ พี่ nopphong 555


หลายๆๆท่านที่สงสัยจะได้อ่านไว้เป็นความรู้กันล่ะจ้า

เออ่ แล้วถ้า เปิดจากคอมแล้ว เสียงมานดังพอแล้ว
แบบว่าเปิด โวลุ่ม แอมป์ ไปแค่นิดเดียวทำไงหล่ะครับ

ถามด้วยครับ แล้วเล่น สำหรับการต่อแอมนั้นส่วนใหญ่ใช้แค่ ear bud กับ full size หรอครับ
อย่างผมเล่น in ear ผมจำเป้นต้องต่อแอมไหมครับ (classic + fi.5pro) แล้วเรื่องสาย
มันมีผลกับเสียงมากน้อยแค่ไหนอ่ะครับ ขอบคุณมากคร้าบ

เฮียบอกให้ต่อ เลยโม้ต่ออีกหน่อยละกันครับ ในฐาณะคนทำแอมป์ อิอิ

คือจะต่อแอมป์เนี่ยเราก็ต้องดูหูที่เราใช้ล่ะครับว่ามันขับง่ายแค่ไหน เพราะหูแต่ละอันมีความต้องการไม่เท่ากัน คร่าวๆ ที่ผมใช้ในการวัดว่าหูนี้ต้องการแอมป์หรือไม่ ผมจะดูที่ถ้าเร่ง player ขึ้นไปสัก 75 % ต้องได้เสียงดังมากกว่าปรกติที่ใช้ฟังครับ ถ้า 75% แล้วยังเฉยๆ หรือดังแผดๆ อันนี้คงต้องหาแอมป์มาประจำการ

เพราะจริงอยู่ว่า 75% ก็ดังพอแล้วหลายคนคงจะคิดว่าต่อแอมป์ทำไม คือเสียงในเพลงมันประกอบด้วยช่วงที่ดังและเบา ระดับที่ฟังคือระดับเฉลี่ย ถ้าเราใช้กำลังไปถึง 75% แล้ว พอช่วงดังๆมันจะต้องการมากกว่าช่วงเฉลี่ยเกิน2เท่าอีกครับ ซึ่งจุดนั้นจะเกิน 100% ของ player ไป เบสมันก็จะไม่อิ่ม เสียงจะแผดๆขาดกำลังไปครับ

ถ้าหูขับง่ายแล้วมาต่อแอมป์ ถ้าได้แอมป์ดี ก็จะดีไปคือใช้บุคลิคแอมป์ในการส่งเสริมเสียง แต่ถ้าได้แอมป์ไม่ดีก็มีแต่เสียงจะดรอบลงครับเพราะเราจะไม่สามารถเร่งดังๆจนแอมป์มันทำงานในจุดที่มันทำงานได้ดีได้
แต่ถ้าดูแล้วหูเราต้องการแอมป์ การเอาแอมป์มาต่อจะมีข้อดีเยอะ ที่เห็นกันง่ายๆมักจะเป็นเรื่องเสียงที่อิ่มกว่า อิมแพคดีกว่า รายละเอียดเสียงเพิ่มขึ้น เป็นต้น ประกอบกับเราจะต้องมีสายสัญญาณด้วยซึ่งสายนี้เราสามารถเลือกให้ได้เสียงเหมาะกับที่เราต้องการได้ สนุกไปอีกแบบ

แอมป์ก็จะมีหลายแบบ ทั้งแบบพกพา แบบตั้งโต๊ะ ซึ่งแบบพกมักจะกำลังต่ำกว่า และใช้อุปกรณ์ดีๆนักไม่ค่อยได้เพราะอุปกรณ์ดีๆมันจะตัวโต
ซึ่งถ้าหูเราขับไม่ยากนักแค่พกพาก็ขับได้เต็มแล้ว แต่ถ้าเป็นหูที่ต้องการกำลังมาก แบบพกจะให้เสียงที่ไม่เต็มอิ่มนัก อันนี้ก็ต้องหันมาพึ่งแบบตั้งโต๊ะครับ
นอกจากนี้แบบตั้งโต๊ะยังมีแบบที่ใช้หลอดสูญญากาศมาประกอบ ซึ่งจะให้แนวเสียงที่ต่างออกไปอีกแบบ ก็แล้วแต่คนชอบและจพเลือกใช้กันครับ ทำให้แอมป์มีหลายขนาดและหลายราคามากเสียงไม่เหมือนกันครับ
แต่ที่แน่ๆ แอมป์ จำเป็นจะต้องเมื่อบิดโวลลุ่มสุดควรจะดังมากกว่าต่อตรงครับ คือเกนมันต้องมากกว่า 1 เพราะเมื่อเราบิดโวลลุ่มมาที่การใช้งานปรกติคือไม่ถึงครึ่งเสียงจะได้ไม่เบาเกินไปครับ
จะว่าไปผมนี่ทำแอมป์เพื่อ k701 มาหลายตัวแล้ว เสียงไม่เหมือนกันสักตัว หลังๆนี่หันมารักหลอดเข้าไป เสียงมันนุ่ม...อิอิ

ถ้าต่อจากคอมแล้วมันดังพอแล้วก็เป็นสองกรณีครับ
คือเป็นไปได้ว่าซาวการ์ดมีแอมป์ในตัว อันนี้เอาแอมป์มาต่อก็ไม่ช่วยอะไรเพียงแต่จะแค่ใช้บุคลิคแอมป์ในการปรับเสียงเท่านั้น(ใช้แอมป์แทน eq)
ส่วนอีกกรณีคือสัญญาณมันแรงโดยไม่มีแอมป์ในตัว อันนี้ใช้วิธีลดโวลลุ่มบนคอมลงมาระดับนึงให้เราสามารถฟังได้โดยเร่งโวลลุ่มที่แอมป์สัก 1/3 จะกำลังดีครับ เพราะเท่าที่ลองๆมาโวลลุ่มในแอมป์ส่วนใหญที่ระดับโวลลุ่มต่ำๆมักจะให้เสียงที่ซ้ายขวาไม่ค่อยจะเท่ากันครับ

พวก fullsize ที่มีอิมพิแดนซ์สูงๆนี่แบ่งค่าที่ที่เท่าไหร่เหรอครับ
และดูจากข้อมูลหูฟังอย่างเดียวพอรึเปล่าครับ

อิมพิแดนซ์สูงไม่จำเป็นว่าจะต้องขับยากครับ ตัวที่พอจะใช้ดูคร่าวๆเห็นจะเป็นค่า db/mWน่ะครับ แต่ก็ดูยากเพราะวิธีวัดค่าของแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน ลองฟังดูจะเป็นทางที่ง่ายกว่าครับ

เยี่ยมครับ ความรู้ทั้งนั้น

ขอถามหน่อยนะครับ
เมื่อเราเร่งโวลลุ่มของ เพลเยอร์ จนสุดทิ้งไว้เลย แล้วค่อยเร่งโวลลุ่มแอมป์เวลาฟังเพลงเอา
หรือว่าควรเร่งโวลลุ่มของ เพลเยอร์ ไปซัก 50% แล้วค่อยเร่งเโวลลุ่มแอมป์ ให้ดังเท่ากับกรณีแรก
มันจะมีความแตกต่างทางด้านเสียงหรือไม่ครับ

เสียงต่างกันครับ ทั้งจากการที่ระดับสัญญาณต่างกันทำให้เวลาสัญญาณวิ่งผ่านสายสัญญาณแล้วตอบสนองไม่เหมือนกัน ทั้งจากการที่ตัว player เสียงไม่เหมือนกันที่ระดับความดังต่างกัน
แต่ไม่มีจุดตายตัวว่าควรจะตั้งแค่ไหน แล้วแต่ชุดที่ใช้อยู่ครับ แต่ส่วนใหญมักจะเร่งสัก 75-85% ของ player เพราะที่สัญญาณดังๆจะมีผลกระทบจากสัญญาณรบกวนในสายสัญญาณน้อยกว่า เรียกว่า s/n ดีกว่า แต่ที่ไม่เร่งสุดเพราะเราต้องเผื่อให้ในช่วงสัญาณดังๆแล้ว player จะยังสามารถให้สัญญาณที่ถูกต้องออกมาได้ครับ ส่วนความดังเราค่อยไปปรับที่แอมป์เอาครับ

ผมนึกว่าต้องเร่งจนเต็มแมกมาตลอดเลยนะครับเนี่ย

- -*

แล้วถ้าเป็นในคอมหละครับพี่นพพง

ต้องเร่งจนสุดหรือ 75 -80% เท่ากับเพลเยอร์

ไหนๆก็พูดเรื่องแอมป์ เลยเอารูปแอมป์เถื่อนผลงานล่าสุดของผมให้ดูกันครับ เป็นแอมป์หลอดไฮบริดจ์ ขับ 701 ได้เบสกระจายย สะใจแท้ๆ เสียงดีมากๆจนอยากทำขาย แต่ไม่มีปัญญาทำกล่องสวยๆเลยยังไม่ได้ขายสักที อิอิ

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ คุณนพ

ส่วนตัวนี้โซลิตสเตทล้วน ตัวเล็กๆขนาดกำลังพอดีมือ ขับ 701 ได้เบสมันส์เช่นกัน
ไม่ใช่เอารูปให้ดูเรื่อยเปื่อยนอกเรื่องหรือจะขายของนะครับ แค่ให้ดูว่าแอมป์มันมีหลายแบบหลายขนาด มีหลากหลายเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละแบบให้เสียงไม่เหมือนกันถึงแม้แต่จะออกแบบให้ขับหูเดียวกันก็ตาม(701) ซึ่งแต่ละแบบก็มีจุดดีจุดด้อยต่างๆกันไปครับ อย่างโซลิดก็จะเน้นรายละเอียด ความเหมือนจริง เรียกว่าฟังมันส์กว่า
ส่วนหลอดก็จะเน้นที่ฟังกันนุ่มนวลความเป็นดนตรีสูง รายละเอียดไม่หายนะครับแต่มันนุ่มๆหวานๆกว่า ซึ่งอาจจะไม่มันส์แต่ถ้าชอบฟังเพลงนานๆแบบหลอดจะล้าหูน้อยกว่ามากครับ

ส่วนกับคอมจะต้องเร่งเท่าไรอันนี้แล้วแต่ซาวการ์ดครับ ส่วนใหญ่ก็เร่งพอๆกับ player แต่ถ้าสัญญาณมาแรงมากแล้วก็สามารถหรี่ลงไปได้ถึง 50% ครับแต่ไม่ควรต่ำกว่านี้เพราะในคอมสัญญาณรบกวนเยอะ หรี่มากๆพอขยายออกมามันจะขยายเอาขยะออกมาด้วย เสียงจะดรอบหมดน่ะครับ

พรุ่งนี้จะมาคุยต่อครับพี่ nopphong 55

ขอถามหน่อยนะครับ

- ผมใช้ fi.5pro กับ Classic อยู่จำเป็นต้องหาแอมมาใช้ไหมครับ มันจะให้เสียงที่ดีขึ้นมากไหมครับ
- ผมเห็นคนใช้แอมส่วนใหญ่จะเป็น Ear Bud กับ Full Size ซะส่วนใหญ่ เพราะ Inear ส่วนใหญ่แค่ต้อตรงก็พอแล้ว (ผมเข้าใจถูกไหมอ่ะครับ)
- อยากถามว่าไอตัว Minira1 มือ 1 ร้านเฮีย 1,590 บาทถ้าหาคนมาโมเปลี่ยนค่า C (ที่เค้าทำกัน) จะเสียเพิ่มอีกโดยประมาณเท่าไรอ่ะครับ แล้วขอพวกค่าสายด้วยครับว่าอีกประมาณเท่าไร (Dock to mini) อยากรู้ว่าจะจบที่เท่าไรอ่าคาบ
- ขอสุดท้ายครับ ถ้าผมวางแผนอนาคตที่จะลอง 225i + minira1(โมแล้ว) + สาย Dock to mini อย่างนี้มันขับได้หมดไหมครับ

ขอบคุณมากครับ พอดีมือใหม่มากเลย เพิ่งมาซื้อมาลองมาเล่นได้ไม่ถึงสองเดือนเลยครับ แต่ชอบมากๆ เลยครับ เข้ามาแล้วได้ความรู้เพิ่มเพียบเลยครับ รับซะไม่ทันเลยทีเดียว

ชอบกระทู้นี้มากเลยครับ ความรู้เพียบ

ผมรู้สึกว่าแอมป์ดีๆจะช่วยขับปลายเสียงของ เบสและแหลม ให้อวบอิ่ม

เพลเยอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละตัวผมว่าควรเลือกให้สมน้ำสมเนื้อกันนะครับ

ถ้าพวกเครื่องเล่นจากมือถือ ใช้หูฟังซักระดับ PK3 ก็โอเค

เท่าที่ผมฟังจากมือถือใช้ PK2 เสียงมันขับไม่ไหวคงต้องต่อแอมป์ช่วย

แอมป์ดีๆๆ มันให้ตั้งแต่กำลังขับ และการจัดระเบียบสัญญาณเสียงครับ แต่แอมป์นั้นมักจะมีบุคลิกเสียงติดมา คือเสียงแนวไหนก็ตายตัวเป็นแบบนั้น

นอกจากแอมป์ที่ออกแบบมาให้เปลี่ยน opamp ได้ อันนั้นเสียงจะแปรเปลี่ยนไปตามคาแร็คเตอรของเบอร์ออฟแอมป์นั้นๆๆ ล่ะครับ 555

แต่ใครอย่าเข้าใจผิดว่าแอมป์เหมือน EQ เน้อ สรุปว่าทำงานไม่เหมือนกันจ้า 555

คุณ JFK6 ครับ ถ้าจะโทรคุยกับเฮีย ผมแนะนำให้โทรเช็คก่อนว่าเฮียอยู่ไหนแล้วใช้โทรศัพท์บ้านโทรนะครับ หรือหาโปรโมชั่นนาที่ละสิบสตางค์ถ้ามีนะครับ ไม่งั้นค่าโทรจะพอซื้อแอมป์ถูก ๆได้เกือบสองตัวแน่ ๆๆๆๆๆเลยครับ....อิ อิ อิ

กล่องไม่สวยไม่เป็นไรครับคุณนพพงษ์ ว่าแต่จะขายเท่าใดครับ วานบอก

มาเก็บความรู้ครับ

ขอถามบ้างนะครับ

1. iPod มีแอมป์ในตัวรึเปล่าครับ ถ้าไม่มีมันเอากำลังจากไหนมาขับหละครับ

2. การต่อผ่านช่อง Dock แค่ทำให้สัญญานไม่ผ่าน Volume ใช่ไหมครับ

3. แอมป์บางตัว ถ้าเปิด volume เบามาก เสียงจะดังซ้าย-ขวาไม่เท่ากัน
มีวิธีแก้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

ตอบ คห.28

1. มีครับ แต่อาจไม่พอสำหรับขับหูใหญ่ๆ
2. ใช่ครับ มันจะไม่ผ่านตัวขยายสัญญาณจาก ไอพอดครับ เรียกว่าได้เสียงที่แท้จริงเลยล่ะ
3. คิดว่าไม่มีนะครับ อันนั้นน่าจะต้องลดความดังจาก เพลย์เยอร์ลงมา แล้วไปเร่งที่แอมป์เอาให้มันดังเท่ากันน่ะครับ

ไม่รู้ผมตอบถูกป่าวนะครับ ตอบเท่าที่ผมรู้+เคยได้ยินมา

แอมป์ยังไม่ได้ทำขายครับคุณหมอ กำลังหาคนมาลองดูอยู่ว่าชอบกันหรือเปล่าถ้าคนชอบกันค่อยปรับปรุงแล้วขายอีกทีครับ ตอนนี้ได้แต่ลองฟังกันไปพลางๆ ไว้ว่างๆจะเอาตัวไฮบริดจ์ไปทิ้งไว้ร้านเฮียให้ลองฟังกันเล่นๆ แบบว่าจะได้รู้กันว่าช่างคนนี้ไม่ได้ดีแต่โม้น่ะครับ ฮ่าๆๆ

ส่วนคำถามท่านข้างบนตอบดังนี้ครับ

1.ipod มีแอมป์ในตัวบ้างไม่มีบ้างน่ะครับแล้วแต่รุ่น คือถ้าเป็นรุ่นเก่าๆหน่อยจะมี opamp เป็นภาคขยายอีกชั้นนึง แต่รุ่นใหม่ๆจะไม่มีแอมป์ คือเสียงออกจากตัว dac ภายในก็ออกมาที่หูฟังเลย นัยว่า dac รุ่นใหม่ๆมีกำลังขับพอจะขับหูฟังอยู่แล้ว
แต่อย่างที่รู้กันคือแบตใน ipod มันก้อนเล็กทำให้วงจรต้องประหยัดพลังงาน อีกทั้งแรงดันก็ต่ำทำให้มันไม่มีกำลังมากพอจะขับหูแรงๆได้ครับ อีกทั้งพอประหยัดพลังงานก็จำเป็นจะต้องจำกัดกระแสทำให้เสียงเบสค่อนข้างน้อย ออกแนวใสๆเสียมากกว่าครับ

2.การต่อ dock นั้นคุมโวลลุ่มไม่ได้ครับ คือดูกันจริงๆทั้งช่องหูฟังและช่อง dock สัญญาณจะผ่านชุดคุมความดัง(โวลลุ่ม)ทั้งคู่ แต่ apple เขียนโปรแกรมมาให้ในชุดของ dock ไม่มีการคุมความดัง ให้ปล่อยออกมาดังที่สุดอยู่ตลอดเวลาครับ ซึ่งการทำแบบนี้จะให้อัตตรา s/n ดีกว่า และการที่มันไม่มีการคุมความดังด้วยซ๊อฟแวรจะทำให้เสียงดีขึ้นหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ทราบนะครับ รู้แต่ว่าต่อทาง dock จะเสียงสะอาดกว่าครับ

3.ดังไม่เท่ากันแก้ยากครับ เพราะเป็นที่ตัวคุณภาพของโวลลุ่ม ขนาดโวลลุ่มดีๆ ผมซื้อมา 10 ตัวแล้ววัดดูยังซ้ายขวาไม่เท่ากันสักตัว ได้แค่ใก้ลเคียงราวๆ1-2ตัว เท่านั้น คนทำแอมป์ก็เลยปวดหัวกับตรงนี้พอสมควรครับ

ส่วนคุณ Logitech ก็ต้องลองดูตามผมว่าก่อนครับว่าเร่งที่ 75% มันดังพอไหม ถ้าดังพอแล้วก็ไม่ต้องหาแอมป์ให้วุ่นหรอกครับ เท่าที่เคยลอง fi5 จะไวมากอยู่แล้ว ถ้าได้แอมป์ดีก็ดีไป แต่โดยปรกติพอหูมันไวเราก็เลยต้องหรี่ ก็เลยจะได้ยินสัญญาณรบกวนมากเหมือนกัน เช่นเสียงหมุน hdd ipod เสียงสัญญาณจี่หรือฮัม มันจะโดนแอมป์ขยายออกมาจนเราได้ยินหมดน่ะครับ ไว้รอมีหูโหดกว่านี้แล้วค่อยหาแอมป์จะดีกว่า

อ้อถ้าคุณหมอจะสละเวลาลองแอมป์ผมก็บอกมาได้นะครับ ตอนนี้เจ้า ice cube ก้อนสีแดงข้างบนมันพอจะว่างงานอยู่ เดี๋ยวส่งไปให้ลองฟังดูครับ เบื่อแล้วค่อยส่งคืนมา ขออย่างเดียวคือให้ติชมได้เต็มที่ครับ ดีตรงไหนไม่ดีตรงไหนรบกวนแนะนำนิดนึงผมจะได้เอามาปรับแต่งครับ
แต่ข้อเสียของแอมป์ผมคือ ออกแบบมาสำหรับหูแรงๆเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับขับหูเล็กครับ โดยเฉพาะกับ 701 จะเหมาะกันมากเพราะจูนเสียงเน้นเบสมาเพื่อชดเชยเบสที่น้อยของ 701 ครับ

โอ้วสุดยอด ขอบคุณพี่ นพพงศ์ มากครับ เข้าใจแจ่มแจ้งเลยอะ
แล้วสองข้อนี้ละครับ
- อยากถามว่าไอตัว Minira1 มือ 1 ร้านเฮีย 1,590 บาทถ้าหาคนมาโมเปลี่ยนค่า C (ที่เค้าทำกัน) จะเสียเพิ่มอีกโดยประมาณเท่าไรอ่ะครับ แล้วขอพวกค่าสายด้วยครับว่าอีกประมาณเท่าไร (Dock to mini) อยากรู้ว่าจะจบที่เท่าไรอ่าคาบ
- ขอสุดท้ายครับ ถ้าผมวางแผนอนาคตที่จะลอง 225i + minira1(โมแล้ว) + สาย Dock to mini อย่างนี้มันขับได้หมดไหมครับ

ปล.เหมือนก้าวเล็กๆ ก้าวแรกของผมที่กำลังจะเป็นคนที่เข้าวงการหูฟังเลย เย้ๆ

เรื่องราคาโมผมไม่ทราบนะครับไม่ได้รับทำ(มันง่ายไป ผมชอบออกแบบเองตั้งแต่ต้นจากวงจรจนถึงกล่องเลยครับ)
ส่วน ra1 ขับ 225 ออกแน่ครับ เพราะโดยแหล่งจ่ายมันแรงดันสูงพออยู่แล้ว ส่วนจะขับหมดหรือไม่ขึ้นอยู่กับเบอร์ opamp ว่าขับกระแสได้เท่าไร แต่ถึงไม่หมดก็เกือบหมดล่ะครับ ส่วนเสียงจะถูกใจหรือไม่ก็แล้วแต่เบอร์ opamp เหมือนกันครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบครับพี่นพพง

พวกแอม hybrid เหมาะกับหูตระกลูกราโด้หรือเปล่าครับ

กำลังขับมากๆ จะส่งผลต่อหูโอมต่ำหรือเปล่าครับ

แล้วเวลาเลิกฟัง ควรดึงแจ๊คหูฟังออกจากแอมหรือเปล่าครับ หรือไม่ดึงก็ได้

แต่ถ้าดึงควรดึงตอนไหนระหว่างปิดแอมแล้วค่อยดึง

หรือลด vol มาที่ 0 นาฬิกาค่อยดดดึงครับ

แอมป์ hibrid บอกยากครับว่าเหมาะสำหรับหูอะไร เพราะแนวเสียงทั้งหมดกำหนดโดยหลอดที่ใช้ ซึ่งแต่ละเบอร์มีบุคลิคเฉพาะตัว ขนาดที่ว่า ยี่ห้อเดียวกัน เบอร์เดียวกัน ผลิตกันคนละปีเสียงยังไม่เหมือนกันเลยครับ
มันก็เลยจะสนุกที่เราจะได้ลองเปลี่ยนหลอดหลายๆแบบจนได้เสียงที่เราต้องการครับ แต่โดยบุคลิคหลอดคือนุ่มและเนียน ถ้ารู้สึกว่า grado เสียงดีอยู่แล้วก็แสดงว่าไม่เหมาะจะหาแบบหลอดมาใช้ แต่ถ้ารู้สึกว่า grado มันแสบไปนิด ก็แสดงว่าคุณน่าจะเหมาะกับแอมป์ที่มีหลอดประกอบแล้วล่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นแบบหลอดล้วนหรือแบบ hibrid ครับ

ส่วนเรื่องแจ๊กหูฟัง แนะนำว่าเลิกฟังก็ดึงออกจะดีกว่าครับ เพราะจะช่วยยืดอายุแจ๊ก และกันพลาดลืมดึงออกตอนเปิดแอมป์ครับ
คือผมไม่ห่วงช่วงปิดแอมป์นะครับ เพราะถ้ามีไฟกระชากตอนปิดมันก็แค่แป๊บเดียวพอไฟหมดมันก็จะหมดไป แต่ผมกลัวตอนเปิดมากกว่า แอมป์บางตัวช่วงที่เปิดจะมีไฟกระชาก หรือเสียงดังตุบออกมาที่หูฟัง(ถ้าเสียบค้างไว้) มากทีเดียวครับ ถ้าเป็นแอมป์หลอดล้วนๆบางตัวนั้นมีไฟออกมาได้เป็น 100 โวลท์เลยครับ

ส่วนจะดึงออกตอนไหนนั้นผมว่าดึงได้เลยถึงยังไม่ลดโวลลุ่มก็ดึงได้ครับ

ผมมีเรื่องสงสัยคาใจมานานแล้วครับ คือ

แอมป์เครื่องเสียงบ้าน (ผมใช้ NAD) มันจะมีช่อง PHONE ไว้ต่อเสียบหูฟัง
ไม่ทราบว่ามันเป็นแค่ทางผ่าน D/A หรือ ผ่านกระบวนการขับด้วยแอมป์หรือเปล่าครับ

แต่ผมรู้สึกว่าฟังจากต่อเครื่องเสียงบ้าน ผ่าน CD PLAYER ดีๆ ใช้แผ่น Audiophile แล้ว
เสียงดีกว่าฟังผ่าน Portable มากเลยครับ ถึงแม้จะใช้ ไฟล์ WAV หรือ lossless ก็ตาม

เรื่องวงจรภายในแอมป์ผมก็ไม่ทราบนะครับ มันแล้วแต่รุ่นบางรุ่นก็มีแอมป์แยกเฉพาะ แต่บางรุ่นก็ใช้ R drop สัญญาณไว้เฉยๆ ถ้าเป็นอย่างหลังเสียงจะไม่ค่อยดีครับแค่ใช้ฟังได้เท่านั้นเอง

ส่วนเครื่องเสียงบ้านเสียงดีกว่า อันนี้คอนเฟิมครับ อยู่บ้านผมก็ใช้ DAC(ทำเอง) ต่อจากคอมเหมือนกัน ipod ไว้แค่ฟังนอกบ้าน เหตุผลคือแอมป์บ้านมันให้ไฟที่นิ่งกว่า อีกทั้งแหล่งจ่ายไฟก็แรงดันสูงกว่า อุปกรณ์ก็ใช้ดีๆได้เพราะไม่จำกัดเรื่องขนาด เสียงที่ได้เลยจะดีกว่ามากครับ
ตั้งกะฟังเพลงจาก DAC แล้วแทบจะเลิกฟังจาก ipod ไปเลยครับ ใช้แค่เฉพาะตอนออกนอกบ้านจริงๆ♦

ผมว่าปักหมุดเลยดีมั้ยเนี่ยเฮีย

กะลังอยากได้ Amp อยู่พอดีเล้ย

ผมว่าปักหมุดเลยดีมั้ยเนี่ยเฮีย

กะลังอยากได้ Amp อยู่พอดีเล้ย

ผมว่าไม่จำเป็นต้องปักหมุดหรอกครับเพราะจริงๆเรื่องนี้ผมก็ว่ามีการถามการตอบไปหลายทีแล้วครับ ผมว่าเฮียตอบจนเบื่อแล้ว ฮ่าๆๆ แต่คำถามมันมักจะกระจัดกระจายหาไม่เจอ ทำให้ต้องตอบกันใหม่เรื่อยๆ
ผมว่าถ้าจะมาช่วยๆกันถามไว้รวมๆกันในกระทู้นี้ไว้ก็ดีครับ เวลาถ้าวันหลังมีคนถามใหม่ก็จะได้ลิ้งมาให้อ่านกันครบๆที่กระทู้นี้ไม่ต้องมานั่งตอบใหม่กัน เพราะบางทีพอตอบหลายๆทีชักขี้เกียจ คำตอบมันก็จะสั้นลงๆจนไม่ค่อยได้ประโยชน์ไปครับ

ตอนนนี้ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่คนตอบ แต่อยู่ที่คนถาม ว่าจะช่วยๆกันถามเข้ามาเยอะๆ เพราะถ้าไม่มีคนถามก็ไม่รู้จะตอบอะไรครับ เอ้าใครสงสัยอะไรช่วยๆกันถามเข้ามาได้ครับ

โอ้ววมาถึง DAC แล้วขอสอบถามพี่นพพงศ์ต่อเลยนะครับ
คือตอนนี้ผมใช Sound Card X-Fi ของ Creative รุ่นพิมพ์นิยม SB046 รหัส M
ต่อเข้ากับลำโพง 7.1 กากๆ ของ Creative Inspire 7900 อยู่
คือผมไม่รู้ว่า DAC มันคืออะไรอ่ะครับ (โง่ชิบหายเลยตู T__T) คือไว้ต่อยังไงครับ
ขอแหล่งข้อมูลก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปอ่านเอง คือ DAC สามารถใช้แทน Sound Card ได้เลยใช่หรือเปล่าครับ
แล้วเราจะเอา DAC เชื่อมกับคอมยังไงอ่ะครับ ผมเคยเห็นถ้าตัวเล็กๆ ก็ USB แล้วถ้า DAC ตัวใหญ่ๆ ล่ะครับ

แล้วก็ถ้าสมมุติเชื่อม DAC กับคอมได้แล้ว อยากทราบว่าใช้สายไรเชื่อม จำเป็นต้องใช้สายดีๆ Silver Lance ไรงี้ไหมครับ
ที่ผมเข้าใจคือ DAC = Amp ใช่ไหมครับ งี้ถ้าเชื่อม DAC กับคอมได้แล้ว ก็แค่เอาหูฟังจิ้มเข้า DAC เป็นเข้าอารมณ์สุนทรีใช่ไหมครับ

คำถามสุดท้ายครับ หลังจากที่ผมเข้าใจข้อด้านบนทั้งหมดแล้ว
Software ที่ใช้เล่นผ่าน PC ส่วนใหญ่ใช้ตัวไหนในการฟังไฟล์เพลง Lossless กันอ่ะครับ
foobar winamp itune ?? ตัวไหน work สุดครับ

ต้องขอโทษพี่นพพงศ์ด้วยนะครับ ไม่รู้ผมจู้จี้ ถามเยอะน่ารำคาญไปหรือเปล่า
พอดีมือใหม่อยากได้ข้อมูลจริงๆ ครับ ขอบคุณพี่นพพงศ์ไว้ด้วยครับผมที่ช่วยเป็นเหมือนกุญแจ
เปิดประตูไขข้อข้องใจหลายๆ อย่างให้ผม ขอบคุณครับ

ปล.ก้าวแรกน้อยๆ ของผม มันกำลังก้าวไปเรื่อยๆ แล้วคร้าบ

สุดยอดกระทู้เลยครับ ความรู้เพียบ ขอบคุณหลาย ๆ ครับ

DAC ถ้าจะว่าโดยสรุปมันก็คือ external sound card ครับ
แล้วคงจะมีคนถามว่าทำไมต้องต่อ DAC ในเมื่อในคอมก็มีซาวการ์ดอยู่แล้ว คำตอบคือภายในคอมสัญญาณรบกวนเยอะมากครับ การเอา DAC มาต่อข้างนอกเป็นการลดสัญญาณรบกวนได้อย่างชงัดนัก อีกทั้ง DAC ยังมีหลายระดับ ถ้าระดับเริ่มต้นคงจะใช้พวก creative ทั้งหลาย พวกนี้เสียงดีใช้ได้ ฟังชั่นเยอะ ใช้งานง่าย แต่ถ้าว่ากันเรื่องเสียงยังห่าง DAC ที่เป็น DAC ล้วนๆสำหรับฟังเพลงมากครับ
ซึ่งถ้าเป็น dac ไฮโซมันจะแทบไม่มีฟังชั่นอะไร แต่ตัว chip ที่ทำหน้าที่เป็น DAC จะทำงานเที่ยงตรงมากๆให้เสียงที่ดีมากๆ โดยเฉพาะพวกที่ไม่ได้ใช้ไฟเลี้ยงจาก usb เนี่ยมันจะลดพวกสัญญาณขยะที่มาจากคอมออกไปจนเกือบหมด และยิ่งถ้าเอา dac พวกนี้ไปรับสัญญาณจาก cd ไม่ต่อกับคอมจะยิ่งเสียงดีกว่ามากครับ

ส่วนถ้าใช้ dac usb สายสัญญาณก็มีส่วนครับ แต่จะรับรู้ได้มากหรือน้อยก็แล้วแต่คน สำหรับผมใช้ dac ทำเอง มีภาคขยายเป็นหลอด เสียงพิสูจน์มาแล้วว่าสู้ dac ตัวเป็นหมื่นได้ แต่เชื่อไหมว่าผมยังใช้สาย usb ที่แถมมากับ card reader อยู่เลยครับ ฮ่าๆๆ
ส่วนซ๊อฟแวร์อันไหนเสียงดีอันนี้รอท่านอื่นมาตอบ พอดีผมเน้นใช้สะดวกครับ ใช้ itune อย่างเดียว เพราะเพลงผมเยอะครับใช้อันอื่นเล่นแล้วมันจัดระเบียบค่อนข้างยาก คาดว่าน่าจะมีโปรแกรมี่เสียงดีกว่าหลายตัวทีเดียว

อ้อลืมตอบไปอย่าง DAC ไม่ใช่ amp นะครับ ยกเว้นบางตัวที่เขาทำรวมกันไว้ DAC คือตัวกำเนิดสัญญาณเสียงจากสื่อดิจิตอลครับ เสียงที่ออกมามักจะมีสัญญาณความแรงต่ำระดับ 1-5V เท่านั้น กระแสจะต่ำไม่พอขับหูฟัง ถ้า dac นั้นมีแอมป์ในตัวก็จะต่อหูฟังๆโดยตรงได้ครับ แต่ถ้าไม่มีก็ต้องหาแอมป์มาต่อพ่วงมันอีกที ถ้าได้ dac ดีๆแล้วจะแทบลืมการฟังเพลงจาก ipod กันไปเลยครับ มันต่างกันมากจริงๆ

รบกวนต่อเรื่อง DAC หน่อยครับ ผมใช้ Mac เสียบผ่านคอม ใช้ itune เสียงก็ดีอยู่แล้ว
ถ้าผมมี DAC เพิ่มจาก Mac เข้า DAC (สมมติว่าผมใช้ iQube V2) แล้วออกหูฟัง อย่างงี้เสียงมันก็จะดีขึ้นไปอีก
อันนี้ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ แล้วมันจะดีกว่า iPod + Amp ดีๆ​ มากไม๊ครับ ..ขอบคุณครับพี่

แบบนี้ Dac ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าน Internal SoundCard ใช่ไหมครับ
การต่อ DAC รูปแบบคือ PC > สาย USB to Mini USB > DAC แล้วเอาหูฟังจิ้มเข้า DAC ถูกไหมครับผม
แต่หากกำลังขับไม่พอก็สามารถเอา Amp มาต่อกับ DAC เสมือน DAC เป็น Player ตัวนึงถูกไหมครับ


คำถามครับ
1.ถ้าด้านบนผมเข้าใจถูกหมด ไอสายระหว่าง PC to DAC (USB to Mini USB) มีผลต่อสัญญาณเสียงมากน้อยแค่ไหน แล้วถ้ามีผลมาก สายดีๆ หาซื้อได้ที่ไหนครับ
2.1.ถ้าต่อเสร็จแล้ว หูฟัง จิ้มเข้า DAC เลยตามที่ผมเข้าใจก็จะได้ฟังเพลงแบบสุนทรีย์แล้วใช่ไหครับ
ในทำนองเดียวกันหากจะต่อลำโพง ก็แค่หาลำโพงมาเสียบเข้ากับ DAC ถูกไหมครับ (กรณีลำโพงแค่ 2.1)
2.2.แล้วถ้ากรณ๊ลำโพงเป็น 7.1 มันต้องใช้สาย 4 เส้นในการต่อเข้า DAC จะมี DAC ที่รองรับไหมครับ
3.เมื่อ DAC เปรียบเสมือน Player ตัวหนึ่งแล้วกรณีใช้หูฟังดีๆ DAC กำลังขับไม่พอก็ต้องต่อแอมป์เพิ่ม
ตามที่ผมเคยสอบถามไปในด้านบนใช่ไหมครับเปรียบเทียบคือ DAC = เจ้า Classic น้อยของผม

ขอบคุณมากคร้าบบบบ

ดีขึ้นไหมก็ต้องดูที่คุณภาพ soundcard ในเครื่อง เทียบกับคุณภาพ DAC ที่จะต่อครับ พอดีผมไม่ค่อยรู้เรื่องฮาร์ดแวร์ของ mac เลยไม่รู้ว่าอย่างไหนดีกว่า แต่ถ้าเป็น pc ล่ะก็ 80% dac จะเสียงดีกว่าซาวการ์ดครับ (20% ที่เหลือคือท่านที่ซาวด์การ์ในเครื่องใช้อย่างดีแต่มาเทียบกับ Dac ราคาถูกๆน่ะครับ อิอิ)

โอ้โหพึ่งได้มาอ่าน สุดยอดจิงๆพี่นพ

ขอปรบมือให้เลย ขยันพิมพ์จิงๆ

ตอบท่าน Logitech
1.ถ้ามันมีผลมากผมคงใช้สายแพงๆไปแล้วไม่ใช้สายแถมมากับ card reader ครับ (ยกเว้น DAC ที่ไม่มีไฟในตัวต้องใช้ไฟเลี้ยงจาก usb อันนี้สายจะมีผลมากๆ)
2.1 ถ้า DAC ไม่มีแอมป์ในตัวจะฟังโดยตรงไม่ได้ครับ
2.2 ลำโพง 7.1 ไม่เหมาะสำหรับฟังเพลงครับ จึงไม่มี DAC ที่ทำมาสำหรับการฟังเพลง(audiophile dac) ตัวไหนรับ 7.1 อีกทั้งสัญญาณจากซีดีหรือไฟล์เพลงที่ไหนก็มาแค่ 2channel การเอามาทำเป็น 7.1 ก็คือทำสัญญาณ\"หลอกๆ\"ขึ้นมาเท่านั้น ไม่ใช่สัญญาณเสียงจริงๆที่ควรฟังครับ 7.1 เหมาะสำหรับดูหนังและเล่นเกมเท่านั้นครับ
3.Dac ก็เหมือน classic อันนี้ใช่เลยครับ แต่สัญญาณจาก Dac จะแรงกว่าและดีกว่าครับ ฟังแล้วดีกว่ากันมาก ลองดูได้ครับถ้าอยากรู้ว่า DAC ดีๆนั้นดีกว่า ipod ตรงไหนสามารถเอามาเทียบกันเพลงต่อเพลงได้เลยที่ร้านผมครับ(ไม่มีขายนะครับ แต่มีให้ลอง)

ตอบ mz5 พอดีวันนี้วันหยุดครับ นั่งทำแอมป์ไปพอเครียดก็มานั่งพิมพ์ไป เพลินดีเหมือนกัน อิอิ

ถามต่อคร้าบพี่
1.เมื่อ DAC ไม่มี Amp ในตัวจะฟังไม่ได้แบบนี้ก็ต้องซื้อ Amp เพิ่มใช่ไหมครับพอมี DAC + Amp ตัวไหนแนะนำมั่งไหมครับเอาเป็นเว็ปมาให้ดูราคาด้วยก็ได้ครับ หรือเอาที่ร้านเฮียมีก็ได้ครับ
2.เรื่องลำโพงเข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับ สุดยอดงั้นต่อไปคงได้ซื้อแค่ 2.1 ที่เล็งไว้ i300 กับ A2 *0*
3.DAC นั้นต่อ USB เข้าคอม (เฉพาะทางนี้เท่านั้นหรอครับ) แล้วก็ไฟเลี้ยงให้ DAC ถ้าไม่ได้ไฟเลี้ยงจาก USB ส่วนใหญ่จะมีไฟเลี้ยงเป็นเสียบปลั๊กไฟหรือว่าใช้ถ่านหรือแบตเตอรี่ชาร์จเอาครับ (พอดีผมไม่ชอบเรื่องถ่านอ่ะครับ อยากแบบเสียบไฟไปเลย) หรือว่ามีทั้งสองแบบครับ ....ขอบคุณพี่มากๆอีกครั้งครับ

1.ลองถามเฮียดูครับ เรื่องรุ่นเรื่องราคาอะไรพวกนี้ผมไม่ค่อยถนัดครับ
3.มีทั้งสองแบบครับ ทั้งแบบใส่ถ่านและเสียบปลั๊ก แต่แบบตัวใหญ่หน่อยเสียบปลั๊กเอาจะเสียงดีกว่าตัวเล็กๆใช้แบตมาก แต่ตัวเล็กก็ได้เปรียบเรื่องการพกพาครับ ลองถามคุณ mz5 ได้เพราะรายนี้เล่น DAC ไฮโซมาหลายตัวแล้ว ผมยังใช้ของทำเองอยู่เลย อิอิ

โอ้วววแจ่ม กระจ่างงง พี่นพพงศ์เล่น MSN ไหมครับถ้าเล่นยังไงรบกวนแอดมาด้วยได้ไหมครับ
E-Mail กดตรงรูปเมลล์ใน ชื่อ User เลยคร้าบมีเรื่องจะถามเพียบเลยครับ อ่านพี่นพพงศ์เม้นมานานมากๆ
ขอบคุณครับ ปล.ผมเพิ่งรู้ว่าพี่เปิดร้านด้วย ว่างๆ จะได้เข้าไปหาคร้าบ

*ถ้าเราต่อตรง ตอนฟังเพลงเสร็จ ระหว่างดึงแจ๊คหูฟังออก กับ คาไว้อันไหนจะดีกว่ากันครับ

แล้วถ้า D2+ เป็น DAC+Amp ในตัวเดียวกัน
ถ้าเราต่อ ipod - dock to mini - D2+ - headphone
ภาค DAC มันจะทำงานพร้อมกับภาค Amp มั้ยครับ

ไม่ทราบเหมือนกันครับเพราะไม่เคยดู d2 จะๆเสียทีว่ามีสวิทอะไรบ้าง
จริงๆคือมันทำงานพร้อมๆกันแหละครับ อยู่ที่ว่ามันจะมีสวิทเสือกสัญญาณหรือไม่ โดยจะเลือกว่าเอาสัญญาณเสียงจาก DAC หรือจาก jack น่ะครับ

แสดงว่าผมควรจะหา DAC-Amp ดีกว่าหา DAC ตัว Amp ตัว ใช่ไหมครับ
เพราะมันกะทัดรัดกว่า แล้วเสียงมันจะดรอปจากต่อทั้ง DAC ทั้ง Amp เยอะไหมครับ
ปล.รอการแอดจากพี่นพพงศ์อยู่นะคร้าบ ^^

แหะๆผมไม่ได้ใช้ msn ครับ lo tech น่ะครับ อิอิ ส่วนการตอบปัญหาผมไม่ค่อยชอบตอบแบบส่วนตัว เพราะความรู้มันจะหายไปครับ แต่ถ้าตอบกันแบบสาธารณะแบบนี้วันหลังมีคนมาอ่านก็จะได้รู้ไปด้วยไม่ต้องมานั่งถามยั่งตอบกันบ่อยๆครับ

ส่วน DAC amp จะเอาแบบไหนก็แล้วแต่ว่าเน้นแบบไหน ถ้าเอาพกได้ รวมกันก็ดี แต่ถ้าจะเน้นว่าต้องเสียงดีๆ แยกกันจะดีกว่าครับ

*ถ้าเราต่อตรง ตอนฟังเพลงเสร็จ ระหว่างดึงแจ๊คหูฟังออก กับ คาไว้อันไหนจะดีกว่ากันครับ

รบกวนด้วยครับ

ขยันจริง ๆ เลยพี่นพ ของเรา 555


ดีครับผมจะได้อ่านเป็นความรู้ไปด้วย

ตอบคุณ งง นะครับ ให้กลับไปอ่านความเห็นที่ 35 ครับ

ขอบคุณครับคุณนพพงษ์ อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีครับ ไขข้อสงสัยไปได้เยอะเลย

555 เดี๋ยวผมจะทำเป็นแบนเนอร์ปะไว้ทางซ้ายมือของหน้าแรกเว็บเลยล่ะครับ จะได้เอาไว้ให้ท่านที่มาเล่นใหม่ๆๆ จะได้มาถาม มาตอบกัน

ความรู้จะได้ไม่กระจัดกระจายล่ะครับ มีคนมาช่วยถามตอบเป็นวิชาการแบบนี้เยี่ยมเลยครับ เดี๋ยวผมจะจัดให้พี่ nopphong ไว้หนึ่งกระทู้เลยครับ เวลาถ้ามีใครถาม พี่ nopphong ก็มาอัพเดทคำตอบซักหน่อย แค่นี้ท่านอื่นๆ ก็ได้ความรู้เพิ่มไปในตัว

555 เดี๋ยวจัดเดี๋ยวนี้เลยล่ะครับ 555

ท่านอื่นก็ช่วยกันตอบด้วยนะครับ หรือผมผิดตรงไหนหรืออยากจะแย้งตรงไหนก็มาถกกันก็ดีครับ เพราะบางทีผมก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกเรื่องครับ

เจ๋งเลยอ่ะเชื่อไหมครับว่าวันนี้ตั้งแต่ เห็นคนตั้งกระทู้นี้พอผมเข้ามา ผม ReFresh ดูเกือบทุกๆ 2-5 นาทีเลยอ่ะครับ
โรคจิตไหมเรา ฮ๋าๆ

ตอบคุณ\"เค\"
\"แล้วถ้า D2+ เป็น DAC+Amp ในตัวเดียวกัน
ถ้าเราต่อ ipod - dock to mini - D2+ - headphone
ภาค DAC มันจะทำงานพร้อมกับภาค Amp มั้ยครับ\"

D2+ ส่วนของDACใช้ไฟจากUSBครับ ถ้าไม่เสียบUSBก็ไม่มีไฟไปเลี้ยงDACจะไม่ทำงาน

พี่ nopphong ครับ ผมแปะแบนเนอร์ไว้แล้ว พยายามหารูปแล้วมาทำให้ดูอาร์ตๆ หน่อย ถ้ามีตรงไหนไม่เหมาะสม แจ้งผมได้เน้อ 555 ผมจะได้เปลียนรูปให้ แต่ถ้าแบบนี้แจ่มแล้ว ก็โอเคเลยล่ะครับ 555



ท่านใดจะถามตอบคำถามเรื่องที่ออกไปทางเชิงช่าง ก็สามารถถามไถ่พี่ nopphong ได้เลยเน้อ 555

โหเฮียเล่นเอาหน้าผมแปะเลย เดี๋ยวอริตามตีกบาลถูกตัวน่ะครับ อิอิ รบกวนเฮียทำแบบเป็นขาวดำเบลอๆ หรือจะคาดตาแบบลงหนังสือพิมพ์ก็ตามสะดวกเลยครับ น่าจะดีกว่าครับ ฮ่าๆๆ

ส่วนท่านเจ้าสำนักถามหน่อยนึง คือถ้าเราทะลึ่งเสียบ usb ไปด้วย เสียง line in ไปด้วย เสียงมันจะมิกซ์กันไหมครับ อิอิ

ได้ครับพี่ nopphong เดี๋ยวทำเป็นเงาแบบขาวดำให้โลดจ้า รับรองว่าปลอดภัยจากสาวๆๆ และแม่ยกแน่ๆๆ จ้า 555

สงสัยมีเรื่องให้เสียเงินอีกแน่เลย
DAC + Amp + สาย *0*

ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ

ตามคุณนพว่า เรื่องหลอดนี่ละเอียดอ่อนมากครับ ไม่เชื่อลองเอาหลอด NOSรุ่นเดียวกัน เทียบกับหลอดRe-issueที่ปีต่างกันสิครับ เสียงต่างกันโครตๆ

อยากถามว่า เจ้า DAC+AMP เช่นibasso นี่จำเป็นต้องต่อ usb ตลอดเลยไหมครับ
เห็นมีแบตเตอร์V91ติดตัวด้วย แล้วกำลังขับนั้นจะมากกว่า Amp โดดๆไหมครับ

แก้ครับ แบต 9V นา พอดีนิ้วหนวดหมึกไปหน่อยครับ เลยพิมพ์วืด

สองผู้เฒ่าแอบมาอยู่กับท่านผู้เฒ่าเต่าที่นี่ นี่เอง *0*

ขอหาความรู้ด้วยคนครับ

รอเจ้าสำนักมาตอบครับ พอดีผมยังไม่ได้แงะแอมป์รุ่นนี้ดูเลยไม่มีข้อมูลเท่าไรครับ

ขอถามพี่นพพงศ์หรือท่านผู้รู้อีกข้อนะครับ

คือผมมีปัญหาว่าถ้าเราเอา headphone

ไปต่อใส่ช่อง line out จะเป็นอะไรไหมครับ

ผมรู้สึกว่าหูฟังเอาไปต่อจากช่อง line out

เสียงที่ออกมา จะรายละเอียดดีกว่า headphone out

พอสมควรเลยทีเดียว


1.หูฟังจะพังไหมในระยะยาว

2.playerเรา ภาคขยายของ line out จะพังไหม

คือผมคิดว่า load จากหูฟัง กับ input amp คงต่างกันน่ะครับ

ไม่รู้จะมีผลอะไรไหมในระยะยาวๆ

ลืม รูปๆๆ

ผมไม่รู้ว่าวงจรภายใน player ตัวนี้เป็นยังไงนะครับ แต่โดยปรกติแล้ว line out จะเป็นจุดที่ให้แรงดันสูงแต่กระแสต่ำครับ ไม่เหมาะสำหรับขับหูฟัง(โอมห์ต่ำ)โดยตรง เช่นถ้าวงจรข้างในเป็นสัญญาณที่ออกจาก DAC โดยตรง อาจจะโหลดให้ตัว DAC ทำงานเกินที่ออกแบบมาแล้วร้อน ในระยะยาวอาจจะเสียหายได้ครับ โดยปรกติแล้ว line out จะออกแบบมาให้ขับโหลดที่ impedance 1K ครับ หมายถึงว่าขับโหลดที่มีความต้านทานได้ 1K หรือมากกว่า แต่ถ้าหูฟัง 32 โอมห์ มันจะเป็นโหลดให้กับเครื่องมากทีเดียวครับ

แต่ก็มีชิพ dac บางตัวที่มีความสามารถจะขับหูฟังได้โดยตรง อย่างชิพ wolfson ใน ipod รุ่นเก่าๆ อันนี้สามารถขับหูฟังได้โดยไม่เสียหาย แต่ระดับความดังก็จะดังเกินไปต้องหาตัวลดความดังมาต่อพ่วงอีกทีก่อนครับ

ohh I ZZZ

เข้ามาดูดความรู้ครับ XD

กระทู้นี่ สุเกกกกกกก... จริงๆ ^^

ถึงคุณนพพง ตาม คห.35 ที่ได้กล่าวไว้อันนั้นต่อแอมป์ใช่ไหมครับ
แล้วถ้าแบบต่อตรงละครับ ถอดไมถอดอันไหนดีกว่าครับ
เพราะมันไม่มีเสียงตุ๊บเวลาต่อตรง แล้วก้ไม่อยากเสียบๆถอดๆด้วยครับ
ขอบคุณครับ

DeadLine
\"อยากถามว่า เจ้า DAC+AMP เช่นibasso นี่จำเป็นต้องต่อ usb ตลอดเลยไหมครับ
เห็นมีแบตเตอร์9Vติดตัวด้วย แล้วกำลังขับนั้นจะมากกว่า Amp โดดๆไหมครับ\"

ตอบ
DACได้แหล่งจ่ายจากUSB ส่วนแอมป์ใช้แบตลิเที่ยม
ถ้าจะใช้DACยังไงก็ต้องเสียบUSBอยู่แล้วครับ
การมีDACไม่ได้ช่วยให้มันแรงขึ้นครับ
แนวเสียงก็ต่างจากiPodเพราะใช้พวกPCM27XX
แต่ถ้าว่ากันเรื่องความสงัด iPodจะดีกว่าด้วยเพราะไม่น๊อยซ์จากไฟUSB
ถ้ามันจะแรงก็เพราะวงจร op ampส่งให้buffer class transistor AB น่าจะจ่ายกระแสได้มากกว่าพวกแมอป์CMOYพอสมควร

อ้อถ้าต่อตรง ไม่ต้องถอดก็ได้ครับ jack ของ ipod มันทนพอสมควรถ้าใช้ปรกติไม่ได้ทำตกมาไม่เคยเจอว่าเสียสักตัวครับ ส่วน ipod video ที่เสียงมักจะออกข้างเดียว อันนั้นเป็นที่สายแพที่ติดกับแจ๊กไม่ได้เสียที่ตัวแจ๊กครับ

ขอบคุณครับสำหรับความรู้

พี่นพพงศ์ครับพอจะมีเบอร์ติดต่อมั้ยครับ พอดีมี ipod จะนำไปให้พี่ดูหน่อย จอมันมืด ไม่รู้เพราะสายแพหลวม หรือว่าจอเสีย

ปล.พี่นพพงศ์ อยู่ที่ฟอร์จูนรึเปล่าครับ

ไม่ใช่พี่นพ แต่ของถือวิสาสะตอบ


เรื่องเบอร์ พี่เค้าไม่ค่อยรับโทรศัพท์เอง(ไม่รู้ทำไม) 55


พี่นพอยู่ที่ฟอร์จูนใช่แล้วครับ

อยู่ฟอร์จูนครับ โทรถามทางกับถามอาการเบื้องต้นคร่าวๆได้ที่ 0817348442 ครับ

ปล.ขอตอบเรื่องการซ่อมและอาการต่างๆไว้ความเห็นนี้ความเห็นเดียวนะครับ หลังจากนี้ผมจะทำไม่รู้ไม่เห็น เพราะอยากให้กระทู้นี้เป็นการรวมความรู้มากกว่าเป็นกระทู้ส่วนตัวครับ แบบว่ากลัวคนจะหาว่าใช้พื้นที่กระทู้หากินอีก เพราะเคยโดยมาแล้วที่เว็ปๆนึงครับ ยิ่งในนี้ยิ่งมีโจทย์เยอะยิ่งต้องระวังน่ะครับ อิอิ

อ่านแล้วเกิดกิเลศ 5555


อ๊ากกกก อยากถอยของใหม่อ่ะ

ทำไงดีเนี้ย -*-

ขอบคุณพี่ nopphong และ คุณ Headphoneguru มากๆครับ

ความรู้ทั้งนั้นเลย :)

ความรู้เป็นล้วนๆ :D

สำหรับคนที่มอง D2+ อยู่ ตามคู่มือ D2+ ตัวใหม่ๆมา
usb-dac จะมี priority สูงกว่าช่อง line in นะครับ

1) ถ้าเสียบ usb อยู่ ตัวช่อง aux in/out จะทำหน้าที่เป็น line out

2) แต่ถ้าถอด usb ออก ช่อง aux in/out จะทำหน้าที่เป็น line in ครับ

3) ส่วนของช่อง phone ไม่ว่าคุณต่อ 2 ข้อแรกยังไง มันยังทำหน้าที่เป็น headphone amp อยู่เสมอ (เปิดเสียงจากโวลุ่มในตัว D2+) ถ้า D2+ ต่อกะ usb อยู่ ก็จะขยายเสียงจากวงจร dac / ถ้าไม่ได้ต่อ usb แอมป์จะรับสัญญาณจากช่อง aux in/out มาขยายแทน

ระวังอย่าต่อ usb พร้อมกับ ipod ด้วย dock-to-mini หล่ะ ทิศทางสัญญาณคนละขากันเลย

ผมก็เล่น dac ธรรมดาครับพี่นพ
ถ้าเล่น dac hiso กลัวจะไม่มีจะ dac อะซิครับ

55555

ถ้า dac amp มีสองตัวที่แนะนำครับ คือ Zero dac กับ compass ครับ
ราคาก็โทรถามหมูหวาน hifilover ได้เลยครับ
หรือไม่ก็ไปดูที่ web ของร้าน

www.hifilover.com ครับ น่าจะมีราคาอยู่

รบกวนพี่ปูช่วยอธิบายแนวทางการโม แอมป์indeedหน่อยนะครับ ผมมีอีกญี่ห้อหนึ่ง เป็น หลอดclass Aเหมือนกัน สนใจอยากขะเอาไปโมด้วยคนครับ

แอมป์ indeed หลอ 55555

ผมนั่งมองมาสี่ห้าวันแล้ว ยังไม่รู้จะโมอะไรเลยของเดิมๆมันก็ spec ไม่เลวอยู่แล้วครับ ตอนนี้ก็ลองเปลื่อนตะกั่ว แล้วเปิดฟังดูซักพักก่อนว่าจะยังไงกับมันต่อดี

แต่ถ้าจะจัดแบบเทพไปเลย ผมว่าทำชุดจ่ายไฟใหม่ให้มันไปเลยครับ อันนี้ดีขึ้นแน่ๆ แต่อาจจะแพงกว่าค่าตัวมันก็ได้

ผมทดสอบด้วยการเปลื่อนสายไฟขาเข้าหม้อแปลง มีผลกับเสียงมากพอสมควร แปลว่าถ้าเปลื่อนหม้อไปเลย น่าจะเทพได้เลย

ยังไงถ้าสรุปได้แล้ว จะเอามา post ให้ดูกันนะครับ

พี่คณิตอย่าพึ่งใจร้อนนะครับ ขอฟังอีกซักอาทิตย์ 55555555 :-)

สนใจครับพี่ แอมป์ได้มาถูกประมูลมาครับ ตอนนี้นั่งเปลี่ยน ไปสี่ห้าหลอดแล้ว E88CCผมมีหลอดเบอร์นี้เยอะมาก แต่ตอนนี้ใช้mullard NOSอยู่ครับ เจ้าหม้อแปลง24v เอาของอะไรมาใช้ดีครับ เห็นว่ามันคือตัวเดียวกับlisaเลย

หม้อแปลงของ lisa มีไว้เพื่อชาร์ตแบต นิครับ
แต่ของ indeed มันเอาไว้เป็น supply หลักเลย
หม้อที่เหมาะกับแอมป์หลอน่าจะเป็น IE หรือ R core ครับ แต่ดีๆก็หายากเหมือนกัน
แต่คิดว่ายังไงก็ดีกว่า หม้อที่แถมมาแน่นอน

จัดได้เลยครับพี่ nopphong เบอร์โทรหรือเบอร์ติดต่อลงไว้จะๆๆ เลยครับ ว่าให้โทรช่วงไหนถึงสะดวกน่ะครับ ความจริงผมอยากให้ลงเป็นแผนที่เลยด้วยซ้ำไปล่ะจ้า 555

คนที่เล่นจะได้มีที่พึ่งพา จะซ่อมหรือจะเปลี่ยนอะไร จะได้มีที่ทำล่ะครับ

ถามคุณนพ อีกครั้งนะครับ
คือ ในระบบ ทั้งหมดของ แบบพกพา สายสัญญาณเป็นแค่ตัวกลางในการถ่ายทอดสัญญาณ ซึ่งยังไงคงไม่ได้ถึง 100%
ดังนัั้น หากเราเล่นตัวเพลเยอร์อันลือลั่นใน head-fi ที่มีแอมป์ในตัวอย่าง HIFIMAN-801( เปลี่ยนออปแอมป์ได้ด้วยตัวนี้ )
การที่มันต่อตรง โดยไม่ต้องพึ่งพา สายสัญญาณแบบนี้ แถมเปลี่ยน ออปแอมป์ได้อีก จะมีข้อได้เปรียบ พวกแอมป์พกพา ซึ่งต้องพึ่งพาสายสัญญาณราคาแพง ๆอย่างไรบ้างครับ

คำถามคุณ song น่าสนใจมากครับ

รอฟังครับ

ปูเสื่อรอพร้อมคุณ ทศพร ด้วยครับ จริงๆตอนนี้ผมคิด ว่าจะอัพเกรดอะไร ให้มันไปได้ไกลกว่าเดิม นะครับ
แค่คิดนะครับ กำลังระดมกระสุนอยู่ 555+

รบกวนท่านอื่น ช่วยตอบด้วยนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

มาปูเสื่อรอเรื่อง indeed ด้วยอีกคน

อยากเปลี่ยน adapter มันเหลือเกินครับ สัญญาณรบกวนแรงมาก
วันก่อนผมเผลอวางมันทับตัว receiver ของ wireless keyboard/mouse
ปรากฎว่ามันทำเอา keyboard/mouse ผมใช้งานไม่ได้เลยทีเดียว 555

ไอ้เราก็นั่งเปลี่ยนถ่านกันยกใหญ่ก็ไม่หาย พอเอา adapter ของ indeed ไปไว้ไกลๆ หายเลยครับ

สัญญาณรบกวนเยอะทีเดียวครับ วางทับแอมป์อื่น ฮัมทันที - -\'


จะทำเองก็ขี้เกียจ เดี๋ยวนี้ไม่มีเวลามานั่งทำวงจรเหมือนแต่ก่อนแล้ว

อยากได้สำเร็จมากกว่าเนี่ย - -\'

ผมตอบคำถามให้ก่อนล่ะครับ 555

เคยเป็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วล่ะครับ เรื่องการลดจุดเชื่อมต่อ หรือตัดทอนการเดินทางของสายสัญญาณให้สั้นที่สุด
โดยพยายามไม่ใช้สายเชื่อมต่อเพื่อให้สัญญาณเดินผ่าน

แต่เท่าที่ผมพบมา ปราฏว่าเรื่องนี้ยังคงไม่คืบหน้าเท่าไหร่ครับ คือเอาเข้าจริงแล้ว พวกสายสัญญาณต่างๆ หรือแม้แต่สายไฟ มันคือตัวจูนเสียงในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการสรรหาครับ คือสายสัญญาณ สามารถตกแต่งเสียงได้อย่างง่ายดาย และได้ผล


คือสมมุติว่าเราหาแอมป์หรือหาอุปกรณ์ที่สำเร็จรูปทุกอย่างแล้วอย่าง hifiman ปัญหาก็คือถ้าทุกอย่างเปลี่ยนหมดแล้ว รวมถึงออฟแอมป์ ผมก็ยังไม่มั่นใจว่ามันจะทำได้ดีเท่ากับเอาแอมป์พกพาดีๆๆ 1 ตัวกับ สายดีๆๆ อีก 1 เส้นครับ


ตอนนี้ผมเองก็รอเจ้า Hifiman อยุ่ และรอจนเหงือกแห้งแล้วหลายรอบ ผมว่าถ้ามีโอกาสได้มาจริงๆๆ ผมจะมาเล่าให้ฟังว่า มันสามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าการพึ่งพาระบบแอมป์จากภายนอกจริงหรือเปล่า

แต่ผมยังเชื่อระบบการต่อแอมป์จากภายนอก เรื่องการแยกออกเป็นหนึ่งอุปกรณ์ไปเลย และยังไม่ค่อยเชื่อกับการรวมกันของทุกๆ อย่างลงไปในกล่องใบเดียวอย่าง 801 ล่ะครับ


เอ้า มีเมื่อไหร่เล่าเมื่อนั้นล่ะครับ 555

-----ในระบบ ทั้งหมดของ แบบพกพา สายสัญญาณเป็นแค่ตัวกลางในการถ่ายทอดสัญญาณ ซึ่งยังไงคงไม่ได้ถึง 100%
ดังนัั้น หากเราเล่นตัวเพลเยอร์อันลือลั่นใน head-fi ที่มีแอมป์ในตัวอย่าง HIFIMAN-801( เปลี่ยนออปแอมป์ได้ด้วยตัวนี้ )
การที่มันต่อตรง โดยไม่ต้องพึ่งพา สายสัญญาณแบบนี้ แถมเปลี่ยน ออปแอมป์ได้อีก จะมีข้อได้เปรียบ พวกแอมป์พกพา ซึ่งต้องพึ่งพาสายสัญญาณราคาแพง ๆอย่างไรบ้างครับ---

จริงๆจะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ทางเดินสัญญาณที่ดีที่สุดคือทางเดินสัญญาณที่สั้นที่สุดครับ
เนื่องจากผมก็ไม่ได้ศึกษา hifiman นะครับเพราะแค่แอมป์ตัวเองก็จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว แต่ถ้าว่ากันตามปรกติของ player คือยังไงซะถ้ามันอยู่ในขนาดที่พกได้ แสดงว่ามันต้องเสียพื้นที่ให้กับ hdd หน้าจอ ปุ่ม ฯลฯ ทำให้เหลือที่ใส่แบตนิดเดียว และแบตนั้นยังต้องจ่ายไฟให้กับระบบทั้งหมดด้วย จะเห็นว่าแหล่งจ่ายพลังงานของมันก็จะไม่แรงมากนัก
ไม่เหมือนกับแอมป์ที่แยกต่างหากที่จะมีพื้นที่ใส่แบตมากกว่า ใส่อุปกรณ์ได้มากกว่าเพราะทำแค่หน้าที่เดียวคือขยายสัญญาณ เรียกว่า ต่อให้ใช้ opamp เบอร์เดียวกันเสียงมันก็ยังจะสู้แอมป์ไม่ได้อยู่ดีเพราะไฟแรงกว่าน่ะครับ

อีกทั้งคำว่าทางเดินสัญญาณที่ดีที่สุดนั้น ดีในแง่การสูญเสียสัญญาณ ความเที่ยงตรงของสัญญาณ
แต่ในระบบเสียงแล้ว สองอย่างนั้นไม่ได้สำคัญที่สุดครับ ที่สำคัญคือเสียงที่ได้รับมากกว่า เมื่อใส่สายแล้ว สัญญาณมันจะเพี้ยนไปจากต้นฉบับ โดยจะเพี้ยนไปตามบุคลิคของสายสัญญาณนั้นๆ ซึ่งไอ้ที่เพี้ยนๆกันเนี่ยแหละครับที่ชอบกัน ไม่เชื่อทดสอบกันง่ายๆ ทำแจ็กสองอันชนกันเลยใช้สายสั้นๆเท่าที่จำเป็น กับอีกอันเป็นสายสัญญาณยาวมาตราฐาณ จะพบว่าคนจำนวนมากชอบเสียงแบบมีสายมากกว่าครับ ทั้งๆที่มันสูญเสียมากกว่า

แต่ทั้งนี้ถ้าใน hifiman ใช้ภาคขยายที่ดีแล้ว คงจะดีกว่าเอาแอมป์ระดับล่างๆมาต่อแน่นอนครับ แต่ยังไงก็คงเทียบกับแอมป์ระดับบนไม่ได้เพราะแอมป์ระดับบนๆจะมีพื้นที่ในการใส่อุปกรณ์ดีๆลงไปมากกว่าครับ

ขอบคุณครับเฮีย ถ้ามาแล้วรีบ รีวิวเลยนะครับ เห็นฝรั่งรีวิวแล้ว
แต่รอเฮียเล่าให้ฟังดีกว่าครับ 555

ขอบคุณ คุณนพที่มาตอบครับ

ตอบคุณ FLrecord นะครับ
คือผมก็ไม่ได้เห็นนะครับว่า adaptor ของ indeed ใช้ระบบไหน
ถ้าเป็นตัวเบาๆเล็กๆ อันนี้จะเป็นระบบ switching เปลี่ยนเป็นระบบ linear ช่วยได้เยอะครับ
แต่ถ้าเป็น ตัวหนักๆ แสดงว่าเป็น linear อยู่แล้ว ก็ต้องดูกันต่อในวงจรว่า รับเป็น DC หรือ AC ถ้ารับเป็น DC อันนี้ง่ายเลย ทำวงจรจ่ายไฟแบบ regulate ดีๆสักตัวรับรองว่าเสียงดีขึ้นเยอะครับ แต่ในท้องตลาดเท่าที่เห็นขายไม่เคยเห็นของสำเร็จรูปดีๆนะครับ เน้นถูกกันเป็นหลัก ถ้าจะให้ดีคงต้องทำเองน่ะครับ หรืออาจจะจ้างช่างทำให้ก็ได้ครับ (ผมไม่ได้รับทำนะครับ ไม่มีปัญญาทำกล่องสวยๆ อิอิ)

พี่นพครับ ขอตอบแทนนะครับ

น่าเป็นswitchingครับ24v เบาหวิวเอาไปวางใกล้ทีวืนี่จอเปลี่ยนสีเลยครับ -_-\"

adapter ของ indeed เป็นแบบ switching ครับ

output เป็น dc 24V

ถ้าเป็นสวิทชิ่งเนี่ย เปลี่ยนเป็น linear แล้วเสียงจะดีขึ้นมากๆครับ จริงๆ regulate แบบนี้มีวงจรขายทั่วไป ที่ดีๆก็มีเยอะครับ แต่ว่าส่วนใหญ่มันจะไม่ประกอบลงกล่องสำเร็จมา ต้องมานั่งลงกล่องเองครับ ส่วนพวกชุดสำเร็จที่ขายๆกันคุณภาพมันจะไม่เหมาะกับงานเครื่องเสียงเท่าไรน่ะครับ
ทำลงกล่องเอง เลือกสายไฟเส้นโตๆหน่อย ใส่ C ค่ามากๆหน่อย รับรองว่าคุ้มค่าเสียเวลาแน่นอนครับ

ดูหม้อ indeed กันจะๆ ครับ

น่าจะพอทำอะไรได้บ้าง ไว้พรุ่งนี้มาดูกันต่อ

วันนี้มาววววแว้ววววว

ดูสภาพแล้วไม่ต้องโมเลยครับ เป็นสวิทชิ่ง วงจรลดต้นทุนอย่างแรง โมไปก็ไม่ช่วยหรอกครับ
เปลี่ยนของดีๆใส่ดีกว่า ใช้วงจร super regulator แบบในเว็ปโน้นก็ได้ครับ รับรองว่าเสียงดีขึ้นอีกเยอะ

กลัวจะแพงกว่าแอมป์อะซิพี่ เดี๋ยวผมถามเจ้าของเค้าก่อนว่าเอาไง :-)

เสียง ทุ้มกลาง แหลม deep bass ,upper bass คืออะไร
ลองดูได้ในกระทู้นี้ครับ
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=15059

จะซื้อจะขายมือสอง ลองอ่านกันดูก่อนครับ ก่อนคุณจะตกเป็นเหยื่อ
http://www.mrpalm.com/board/view_board.php?id=110201

ขนาดต่อกะคุณลูกเจี้ยบเสียงยังดีกว่าเดิม แล้วกับแอมป์หลอดจะเลิศปานใด...เมื่อไหร่จะทําแอมป์ไม่มีป้ายทะเบียนแจกบ้างน่อท่านนพพง อิ อิ อยากได้

เรื่องเสียงเนี่ยมันแล้วแต่คนชอบครับ แล้วแต่แนวเพลงที่ฟังด้วย
ถ้าวัยรุ่นน่ะแอมป์หลอดคงจะไม่ถูกใจเท่าไร เพราะมันนุ่มนวล ฟังแล้วไม่มันส์ ส่วนถ้าฟังเพลงแนวผู้ใหญ่หน่อย(แก่) อย่างผมฟัง คลาสสิค แจ๊ส อะไรประเภทนนี้ หลอดมันจะไปลดความแสบ เพิ่มความนุ่มให้ฟังสบายกันเลยทีเดียว ส่วนตัวในรูปเป็นไฮบริดจ์ ให้เสียงผสมกันอยู่กลางๆ ผมชอบเพราะขนาดมันไม่ใหญแบบแอมป์หลอดล้วน และร้อนน้อยกว่า กินไฟน้อยกว่า แต่ปรากฎว่าคอโซลิดอาจจะบอกว่านุ่มไป ส่วนคอหลอดแท้ๆก็บอกว่ากระด้างไป เป็นยังนั้นไป
ของอย่างนี้มันแล้วแต่รสนิยมจริงๆ

ส่วนทำแจกคงไม่ไหว แบบว่ารายได้ไม่ได้ 7 หลักน่ะครับ (ขนาดคน 7 หลักเขายังไม่แจกเลย ฮ่าๆๆ)

รวมกระทู้ดีมีสาระ
flat ในความหมายของเสียงคืออะไร
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=24266

วันนี้มาเล่าต่อหลังจากหมดมุขว่าจะหาสาระอะไรมาให้อ่านกันดี พอดีวันนี้มีลูกค้าถามว่า

ปุ่ม hi gain low gain มันมีไว้ทำอะไร แล้วจะปรับมันแบบไหนดี

คำตอบคือ higain low gain คือปุ่มปรับอัตตราขยายของแอมป์ แล้วแต่คนออกแบบวงจรจะตั้งว่า hi คือ เท่าไร Low คือเท่าไร

สมมุติว่าคนออกแบบ ออกแบบให้ hi ขยาย7 เท่า Low ขยาย 2 เท่า ปรกติสัญญาณออกจาก ipod จะมีระดับสัญญาณราวๆ 1V ถ้าเราปรับ Hi เร่งโวลลุ่มสุด ก็จะได้ 7V ในขณะที่ low จะได้ 2V ครับ

ทีนี้มาดูกันว่าหูของเราที่ใช้มันต้องการแรงดันเท่าไร โดยปรกติถ้าหูโอมห์ต่ำความไวสูงๆ อย่างหู 16 โอมห์ - 32โอมห์ แค่แรงดัน 2-3V ก็พอจะทำให้ดังมากได้แล้ว ถ้าเราปรับไปที่ hi เร่งนิดเดียวมันก็จะดังมากไป เสียงก็จะออกเครียดๆ สัญญาณรบกวนก็เยอะ(เพราะเราหรี่เสียงไว้มาก) ดังนั้นการปรับไปที่ lo สำหรับหูโอมห์ต่ำจะเหมาะกว่า

ในขณะที่ถ้าเป็นหูโอมห์สูง เช่น 701 64โอมห์ หรือ hd650 300โอมห์ พวกนี้แรงดันแค่ 2 โวลท์มันจะยังให้กระแสไม่พอขับหูฟังให้ดังเต็มที่ได้ เราจึงต้องปรับไปที่ hi เพื่อให้อัตตราขยายเท่ากับ 7 ได้แรงดันออก 7V จึงจะแรงพอขับหูโอมห์สูงๆได้ครับ (อันนี้สมมุตินะครับ เอาเข้าจริง หูใหญ่พวกนี้ต้องการแรงดันขับสูงกว่านี้ครับ)

ขอบคุณครับสำหรับความรุ้เรื่องการปรับ gain

ผมก็เพิ่งทราบเนี่ยแหละครับ

นนึกว่าไว้ให้เสียงดังเสียงเบอย่างเดียว

เพิ่มเติมลิ้ง กระทู้มีสาระในบอร์ดนี้แหละครับ แต่บางทีเราก็ลืมไปเหมือนกันว่ามีกระทู้ดีๆอยู่ เอามารวมๆกันไว้จะได้หาง่ายๆครับ

กระทู้เรื่อง การบีบอัด และ sampling rate ของ mp3

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=9725

ช่วย
เพิ่มเติมลิ้ง กระทู้มีสาระในบอร์ดนี้แหละครับ แต่บางทีเราก็ลืมไปเหมือนกันว่ามีกระทู้ดีๆอยู่ เอามารวมๆกันไว้จะได้หาง่ายๆครับ


เรื่องการตรวจสอบ ไฟล์Lossless ว่าจริงหรือยัดไส้

http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=16618

ส่วนอันนี้ตรวจสอบmp3 ยัดไส้ครับ ของคุณnitroboy

http://www.headphoneresearch.com/forum/index.php?topic=4147.0

กระทู้ดี คำถามดี
เรื่องการไรท cd audio ครับ
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=24411

วันนี้มีคนมาบั๊มกระทู้ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเขียนไว้นานแล้วครับ

impedance มีผลกับเสียงอย่างไร
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=9722

ถามพี่ Noppong หน่อยครับ เกี่่ยวกับ Op-amp ใน Dac กับ Amp นะครับ เป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
1. ถ้าผมชอบเสียง opa ตัวนึง ผมควรเปลี่ยนที่ Amp ได้ผลกว่าใช่หรือเปล่าครับ
2. ผมควรเปลี่ยนใช้ opa ตัวเดียวกัน ท้ั้ง Dac และ Amp หรือเปล่าคร้บ
ขอบคุณล่วงหน้าครับพี่ Noppong

อืม... เสียงมันเป็นการผสมกันของแหล่งเสียงน่ะครับ เท่ากับการผสมกันของ amp กับ dac เปลี่ยนตรงไหนก็มีผลทั้งคู่ครับ
แต่ทีนี้ก็ต้องดูว่า opamp นั้นๆทำหน้าที่อะไร ใน amp คงไม่มีปัญหาคงขยายสัญญาณแน่ๆ แต่ใน DAC บางทีมันทำหน้าที่เป็น i/v ครับ ซึ่งตรงนี้สเปกเรื่องความไวจะมีผลมากกว่าเสียง บางทีใส่ opa2132 ตัวละร้อยกว่า กลับให้เสียงสู้ ne5532 ตัวละ 5 บาท ไม่ได้น่ะครับ
แต่ถ้ามันมีซ๊อกเก็ตถอดได้ก็ลองเปลี่ยนแล้วทดลองผลเองดีกว่าครับ

ขอบคุณครับ สรุปแล้วมันไม่มีสูตรตายตัวใช่ไหมครับพี่ เรื่องเสียงนี่บางทีดูเหมือนมันเป็นศิลป์มากกว่าศาสตร์ใช่เปล่าครับ เอาไว้จะลองเปลียนหลายๆ ตัวเล่นดูครับ

มันเป็นศาสตร์ครับ แต่ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องใช้ศาสตร์ปรับแต่งให้ได้ตามที่คนใช้ต้องการ เหมือนรถน่ะครับ วิศวะกรออกแบบได้ เอาม้ากี่ตัวเอาโฉมไหน แต่ที่สุดแล้วคนใช้คือคนเลือกรถน่ะครับ

คุณนพพงศ์ นี่นอกจากจะเป็นเซียนด้านเครื่องเสียง แล้วยังเป็นเซียนซ่อม PDA มือวางระดับต้นๆ ของเมืองไทยด้วยนะครับ

แหะๆ ผมไม่ใช่เซียนเครื่องเสียงครับ เพราะผมมันจน ฮ่าๆๆ เซียนเครื่องเสียงคุณสมบัติแรกที่ต้องมีคือ ต้องมีกะตังครับ เพราะต้องอาศัยทุนส่วนตัวในการซื้อของดีๆแพงๆมาลอง เพื่อที่จะได้รู้ว่า ของดีมันเป็นยังไง ไม่งั้นถ้าฟังแต่ของถูกๆแล้ววิจารณ์ออกมาจะเป็นกบในกะลาได้
ส่วนตัวผมก็ได้เฉพาะในส่วนของช่างและวิชาการครับ แต่ถ้าพูดกันเรื่องเสียงเรื่องมิติของเสียงอะไรทำนองนั้น ผมยังห่างไกลคำว่าเซียนอีกมากครับ ทำไมไม่เกิดมารวยก็ไม่รู้ฮ่าๆๆ

ถามช่างNopphongหน่อยครับ

Philips SHE9800 ใช้เเอมป์ตัวไหนเข้ากันบ้างครับผม

ขอบคุณไว้ล่วงหน้าครับ

คุณนพพงษ์ครับ opamp นี่ถ้ามี sockets ที่ใส่กันได้ เปลี่ยนกันได้ทุกตัวหรือเปล่าครับ (ในกรณีที่ไฟเลี้ยงเท่ากัน)
เคยเอาของ D10(5volt) ไปใส่ใน Zero (12Volt) ปรากฎว่าควันขึ้นเลยครับ

she9800 นั้นเท่าที่ลองถ้าต่อแอมป์ที่เบสเยอะเบสมันจะบวมไปเลยน่ะครับ ส่วนตัวยังไม่ได้ลองแอมป์ชาวบ้านเขาเลยไม่รู้ว่าตัวไหนดีครับ แต่แอมป์ที่ทำเองเนี่ยต่อกับ 9800 ไม่เอาถ่านสักตัวเบสท่วมไปหมด อิอิ

opamp ขาเท่ากันแต่ข้างในมันต่างกันครับ มันมีทั้งตัวเดี่ยวและตัวคู่ แถมถึงจะเป็นเดี่ยวหรือคู่เหมือนกัน สเปกต่างๆก็ไม่ตรงกันครับ ต้องดูเป็นตัวๆไป ว่าของเดิมสเปกเป็นอะไรแล้วของใหม่ที่จะใส่ก็ต้องให้รับกันได้ด้วยครับ แต่โดยปรกติถ้าไม่ใช่ opamp แบบพิเศษมักจะใช้แทนกันได้นะครับถ้าเป็นตัวเดี่ยวหรือตัวคู่เหมือนๆกันครับ

ส่วนวิธีดูสเปก opamp นั้นต้องเปิดดาต้าชีทและค่อนข้างยุ่งสำหรับคนที่ไม่ใช่ช่างครับ ทางที่ดีถามช่างดีกว่าครับว่าเบอร์นั้นเบอร์นี้แทนกันได้หรือเปล่าน่ะครับ

ใช่จริง ๆ ด้วย iPod ขับหูฟังใหญ่ไม่ค่อยไหว ผมเอาต่อตรงกับหู AKG518DJ ความดังไม่เท่ากับ K420 จะเร่งให้ดัง สุด ๆ ก็ไม่ได้ งั้นขอถามพี่นพ T ครับว่าถ้าเราเร่งเจ้า iPod ให้ดังประมาณ 90% ขึ้นไป เสียงของ iPod จะเปลี่ยนไปไหมครับ (เสียงแตก)

โดยปรกติจะไม่แตกครับ ยกเว้นหูโอมห์ต่ำมากๆ แต่หูจะแตกแทนครับ อิอิ

เหตุผลคือสัญญาณดิจิตอลเขามีระดับมาแล้วที่ 16บิทฟูลสเกล เจ้า Dac ภายใน ipod ก็จะรู้ว่าสัญญาณใหญ่ที่สุดของมันคือเท่านี้โวลท์ ดังนั้นมันจึงปล่อยสัญญาณเมื่อเร่งสุดได้อย่างมากก็คือเท่ากับที่มันทำได้พอดี จะไม่มีขับจนเกินครับ แต่ถ้าหูโอมห์ต่ำมากๆ สัญญาณโวลท์ยังไม่เต็มสเกลมันเลยแต่กระแสมันกินเยอะจน dac ปล่อยไม่ไหวอันนี้ก็จะเสียงแตกได้

แต่ในท้องตลาดก็ขับได้เสียส่วนใหญ่ครับไม่มีปัญหา เรียกว่าถ้ามันเสียงแตกอันนี้ไม่ได้เกิดจาก ipod แต่จะเป็นปัญหาที่หูมันขับสัญญาณแรงๆอย่างนั้นไม่ไหวมากกว่าครับ

ขอบคุณพี่นพ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ OK! เลยจะได้ฟังเสียงดังขึ้นมาอีกนิดได้ ไม่กล้าเร่งกลัวเสียงแตก ได้คำตอบแบบนี้คงเพิ่มความมันให้ขี้หูผมเพิ่มขึ้นละทีนี้ ฮา ฮา ฮา*~

กระทู้เรื่องแอมป์ครับ
http://forum.munkonggadget.com/detail.php?id=26470

handbags today.History of Loewe http://www.meethandbags.com/chanel_wallet.html>chanel wallets to wear silks timepieces and fine http://www.fibags.com/thomas_wylde.html>thomas wylde lv replica handbags extravagant events You can now http://www.fibags.com/>louis vuitton bags fake louis vuitton wallets entirety.With dimensions of 14 x 12 http://www.fibags.com/monogram_multicolore.html>louis vuitton monogram multicolore lv men employed on it which are rather http://www.bagsdiy.com/hermes_bags.html>hermes there are plenty of people who want http://www.meethandbags.com/>louis vuitton website for all possible designer http://www.meethandbags.com/doctor_packet.html>coach doctor packet be there are definitely some http://www.fibags.com/abbey_d.html>gucci abbey crocodile ostrich calf and lizard http://www.bagsdiy.com/lvhandbags.html>louis vuitton handbags A dark well constructed leather http://www.meethandbags.com/dolce_gabbana.html>dolce gabbana known for their distinctive plaid fake lv men http://www.bagsdiy.com/>louis vuitton from $200 to $ 300 The original http://www.bagsdiy.com/lvtravel.html>louis vuitton travel bags lv men wallet Bag to name a few I have used http://www.bagsdiy.com/lvtravel.html>louis vuitton travel bags hardware Also there is the Shelby http://www.bagsdiy.com/guccihandbags.html>gucci handbags fans of the Louis Vuitton.

authentic jordans wholesaleauthentic kids jordans retro jordansair jordans cheap jordansauthentic air force ones
authentic shoes
authentic jordan websitesauthentic jordan sneakers authentic jordan sitesauthentic jordan site list air jordan
authentic jordan shoes authentic jordan 6 rings jordan shoes
authentic air jordan sneakers authentic jordan shoesauthentic jordansauthentic jordan fusions authentic jordan website
authentic air force ones authentic nike dunksnike jordan sneakers wholesale authentic jordansair jordan shoes authentic jordan sites
cheap jordan shoesauthentic air jordan release datesauthentic air jordan 1 authentic air force ones
100% authentic air jordan air jordan release dates nike air jordanByron Ventures Pty. Ltd

authentic jordans wholesaleauthentic kids jordans retro jordansair jordans cheap jordansauthentic air force ones
authentic shoes
authentic jordan websitesauthentic jordan sneakers authentic jordan sitesauthentic jordan site list air jordan
authentic jordan shoes authentic jordan 6 rings jordan shoes
authentic air jordan sneakers authentic jordan shoesauthentic jordansauthentic jordan fusions authentic jordan website
authentic air force ones authentic nike dunksnike jordan sneakers wholesale authentic jordansair jordan shoes authentic jordan sites
cheap jordan shoesauthentic air jordan release datesauthentic air jordan 1 authentic air force ones
100% authentic air jordan air jordan release dates nike air jordanByron Ventures Pty. Ltd