ขอตอบแบบคร่าว ๆ เรียงลำดับคุณภาพเสียงจากดีที่สุดไปหาน้อยสุด ผิดถูกประการใดรอท่านอื่นมาเสริมอีกทีนะครับ

- สายสัญญาณ : สูญเสียน้อยที่สุดแต่ถ้าลากสายยาวมาก ๆ ก็อาจจะมีการสูญเสียและสัญญาณรบกวนมากขึ้น (ยกเว้นใช้สายแบบบาล้านซ์)
- ไว-ไฟ : สัญญาณด้อยกว่าแบบแรกเล็กน้อย ข้อดีคือมีระยะส่งที่ไกลแต่ถ้าต้องผ่านสิ่งกีดขวางเช่นกำแพงสัญญานจะอ่อนลงมาก
- บลูทูธ : จะรองรับสัญญาณที่มีความละเอียดน้อยกว่าสองแบบแรก และมีระยะส่งที่ไกล้

- แบบมีสาย ในปัจจุบันให้คุณภาพเสียงดีที่สุด สัญญาณมีการสูญเสียน้อยกว่าตัวนำแบบอื่นครับ แถมมีสายตัวนำคุณภาพสูงให้เลือกเป็นจำนวนมากตามระดับราคา
- WIFI ข้อดีคือระยะทำการกว้าง (ขึ้นอยู่กับพื้นที่และประเภทของเสากระจายสัญญาณ) อัตราการรับส่งข้อมูลสูง (ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการรับส่ง) แต่เซ็ตอัพยุ่งยากกว่าและกินไฟกว่า
- บลูทูธ ข้อดีคือเชื่อมต่อง่าย เพราะเชื่อมแบบเพียร์ทูเพียร์ และประหยัดไฟกว่าไวไฟ ข้อเสียคือความเร็วในการรับส่งข้อมูลต่ำ ถึงมี APTX, LDAC ก็น้อยกว่า WIFI เพราะ WIFI มาตรฐานใหม่ๆ มันจะวิ่งเป็นกิกะบิตแล้ว กับระยะเชื่อมต่อสั้น (ที่ V.4 ยังได้แค่สิบเมตร)

ตามที่ทุกท่านว่าไว้เลยครับ แต่แนวโน้มในอนาคต ทุกอย่างจะไม่มีสายอย่างแน่นอน ยกเว้นเครื่องเล่นในกลุ่มออดิโอไฟล์ไฮเอนด์ซึ่งเค้าไม่สนใจเรื่องไร้สาย และการใช้สายเชื่อมต่อยังคงเป็นเรื่องสำคัญในกลุ่มไฮเอนด์ไปอีกเป็น 10 ปีอย่างน้อย

สำหรับ Wifi นั้นยังไม่ใช่อุปกรณ์พื้นฐานในพวกหูฟังและลำโพงไร้สาย แต่อนาคตก็จะมีใส่ลงไปครบๆ เพราะสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่า ใหญ่กว่า

ส่วนบลูทูธก็น่าจะออกเวอร์ชั่นที่สูงกว่าขึ้นไปเรื่อยๆครับ มาตรฐานการส่งข้อมูลน่าจะดีขึ้นไปได้เรื่อยๆ ซึ่งปัจจุบันผมว่าอยู่ในเกณฑ์ยอมรับได้ดีเลยนะครับ อนาคตทุกอย่างคงไม่มีสาย และทำได้ดีพอฟัดพอเหวี่ยงกับมีสายอย่างแน่ๆๆครับ 555

ถ้าภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน ตอนนี้การต่อสายยังให้เสียงที่ดีกว่าครับ 

แต่ถ้าปัจจุบันอาจมีตัวแปลอื่นๆ ที่ทำให้ Wifi กับ Bluetooth เสียงดีกว่าครับ 
อย่างเช่นถ้าตัวลำโพง หรือหูฟัง มีภาค DAC ในตัว อาจจะทำให้เสียงดีกว่าการต่อสายจาก Source ธรรมดาๆก็ได้ครับ

ผมยกตัวอย่างเช่น Bose SoundLink ผมต่อ Blutooth แล้ว เสียงดีกว่าต่อสาย Aux จากมือถือครับ
อาจเป็นไปได้ว่า Bose รับสัญญาณมาถอดรหัสด้วย DAC ของตัวเอง แล้วก็มี DSP ช่วยด้วยครับ

อดีต BlueTooth รุ่นแรกๆ จนถึงก่อนยุค Bluetooth 4.0 
มีอาการหลุดบ่อยๆ ทำให้คนส่วนใหญ่ยังยึดติดกับ ความคิดที่ว่า
หุฟัง หรือลำโพง BlueTooth เสียงสู้ สายสัญญาณไม่ได้

แต่ตั้งแต่ มีการพัฒนาให้เป็น Bluetooth 4.0 (4.1) 
ทำให้อาการ สัญญาณ หลุด เสียงขาดๆหายๆ หมดไป

ในปัจุบัน ผมว่าถ้าไม่ใช่ สาย แจ็ค และช่องเสียบที่ใช้
วัสดุคุณภาพดี ราคาแพงๆ คืออาจเป็นสายราคาถูกที่แถมมากับ
หูฟังหรือเครื่องเล่น อาจสู้สัญญาณ Bluetooth ไม่ได้แล้วครับ

และยังมีองค์ประกอบ ที่ทำให้สายสัญญาณให้เสียงสู้ Bluetoothไม่ได้อีก

เช่น
-- สายสัญญาณเสื่อม ขาดใน
-- แจ็คหลวม แจ็คสกปรก
-- รูเสียบสกปรก หลวม

เพราะฉะนั้น ผมว่า Bluetooth 4.0 ขึ้นไปในปัจจุบัน เทียบเท่า
หรืออาจดีกว่า สายสัญญาณ (สายสต๊อก) แล้วครับ