มาเริ่มกันที่ traction เลยครับ อธิบายง่ายๆก็คือ "ความหนึบของพื้น" นั่นเองครับ โดยในสีที่ผมนำมารีวิวนี้ พื้นจะเป็นแบบ translucent หรือ โปร่งแสง นั่นเองครับ โดยตัวพื้นสามารถยึดเกาะได้ดีในระดับนึงเลยครับ สำหรับพื้นสนามที่สะอาดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นพื้นปาร์เก้หรือพื้นปูนเรียบ สามารถเบรกแบบมีเสียงเอี๊ยด!!ให้ได้ยินกันพอสมควรเลยครับ แต่สนามสนามส่วนใหญ่ไม่ว่าจะ indoor หรือ outdoor เค้าไม่ค่อยทำความสะอาดกันบ่อยนัก และปัญหาที่มีผลกับความหนึบของรองเท้าคือ "ฝุ่น" นั่นเองครับ ด้วยลักษณะของการดีไซน์ของลายดอกยางทำให้มันกลายเป็น"รองเท้าดูดฝุ่น"ไปเลยครับ และเมื่อฝุนเกาะมากๆจะทำให้ความหนึบของพื้นลดลงไปมาก โดยเวลาจะหยุดแรงๆมักจะไม่หยุดในทันที และมีการสไลด์เล็กน้อย ซึ่งทำให้ต้องคอยเช็ดฝุ่นบนพื้นรองเท้าค่อนข้างบ่อยครับ* (สำหรับสีอื่นที่เป็นพื้นแบบ"solid"จะหนึบกว่า ยึดเกาะดีกว่า และดูดฝุ่นน้อยกว่าพื้นแบบ"translucent" พอสมควรครับ เนื่องจาก"rubber compound"หรือ"สูตรการผสมยาง"ต่างกันนั่นเองครับ) โดยรวมแล้วพื้นสามารถยืดเกาะได้ดีทั้งพื้นปาร์เก้และพื้นปูนครับ ถ้าพื้นค่อนข้างสะอาด แต่สำหรับพื้นปูนอายุการใช้งานจะสั้นกว่าพื้นปาร์เก้พอสมควร ดังนั้นจึงไม่แนะนำสำหรับเล่น outdoor ครับ

มาถึงหัวข้อสำคัญสำหรับรองเท้าบาส นั่นก็คือการรองรับแรงกระแทกนั่นเองครับ โดยในรุ่น EM นี่จะเป็น"full length lunarlon"ครับ ไม่มีzoom ความรู้สึกจะออกไปทางนุ่มมากกว่าเด้งครับ แต่ในความรู้สึกอ่อนนี้จะไปในทางนุ่นแน่นมากกว่าอ่อนนุ่มครับ เนื่องจากโฟมlunarlonถูกเซ็ทมาให้มีความแน่นครับ โดยผลที่ได้คือทำให้รองเท้ามีการตอบสนองที่ค่อนข้างไว ระยะเวลาในการรีบาวด์(ยุบและเด้ง)ค่อนข้างน้อย และพื้นมีความมั่นคงสูงเนื่องจากไม่นุ่มเกินไป แต่โดยรวมไม่มีอะแปลกใหม่ครับ เรามาดูที่ข้อเสียที่ทำให้โดนตัดคะแนนกันเลยดีกว่าครับ เนื่องจากพื้นที่ไม่ได้นุ่มมากแล้วก็ไม่ได้มีความเด้งมากอะไรทำให้เมื่อใส่เล่นติดต่อกัน2-3ชั่วโมงขึ้นไป เริ่มมีความรู้สึกเจ็บเท้าพอสมควร โดยเฉพาะบริเวณหน้าเท้าเพราะโฟมlunarlonบริเวณหน้าเท้าค่อนข้างบางนั่นเองครับ อีกทั้งยังรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเพราะระยะ"heel to toe drop"ค่อนข้างมากครับ (ระยะของความต่างระหว่างความสูงของส้นเท้าและความสูงของปลายเท้า)

โดยรวมเเล้วระบบรองรับแรงกระแทกจะเหมาะกับผู้เล่นตำแหน่งการ์ดมากกว่าครับ เพราะไม่ได้หวือหวาอะไรมากแต่สามารถตอบสนองได้รวดเร็วครับ

 

สำหรับวัสดุของเวอร์ชั่น EM ก็ชื่อเลยครับ "engineer mesh" นั่นเอง และอีกวัสดุที่สำคัญคือ "flywires" และ "fuse" ครับ โดยรวมวัสดุค่อนข้างที่จะยืดหยุ่นในส่วนที่เป็นmesh และมีความทดทานในส่วนที่เป็น fuse ครับ ซึ่งส่วนที่เป็น fuse จะเป็นในส่วนของด้านหน้าเท้าและข้างเท้าบางส่วน การระบายอากาศก็ทำได้ดีมากครับ ไม่ค่อยอับเท้าเนื่องจากมีรูระบายอากาศมากและความสามารถในการระบายอากาศของผ้าmeshครับ แต่ในการใส่ครั้งแรกอาจจะยังรู้สึกอึกอัดนิดหน่อยครับ ซึ่งเมื่อผ่านการ "break-in time" (เหมือนกับการ burn in หูฟังแหละครับ ทำนองเดียวกัน) แล้ววัสดุจะกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้นครับ แต่ที่ต้องขอติเลยคือเรื่อง"ความทนทาน"ของส่วนที่เป็นmeshครับ โดยจะเห็นได้ชัดในบริเวณนิ้วก้อยครับ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกแรงกระทำค่อนข้างมากเวลาหยุดด้านข้าง และบริเวณนี้ไม่มี fuse ครับ จึงทำให้บริเวณนี้เกิดการขาดได้ง่าย

สำหรับหัวข้อนี้ถือว่าเป็นหัวข้อเด็ดของ Kobe 11 EM เลยครับ เพราะว่าความฟิตของมันเหมือนกับว่าเราใส่ถุงเท้าอีกคู่อยู่เลยครับ โดยวัสดุด้านในรองเท้าที่มีความหนานุ่ม(bootie)นั้นสามารถโอบล้อมเท้าเราได้อย่างดีเยี่ยมและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นถุงเท้าอีกคู่อย่างที่ได้บอกไปด้วนบนแหละครับ บริเวณหน้าเท้าของรองเท้าคู่นี้ออกไปทางค่อนข้างแคบครับ สำหรับคนหน้าเท้าปกติถือว่าไม่มีปัญหาครับ go true to size ได้เลยครับ(ของผม 8.5us ฟิตพอดี ไม่เหลือที่ว่างบริเวณนิ้วเท้าครับ) แต่สำหรับคนที่หน้าเท้ากว้าง แนะนำให้เพิ่มครึ่งไซส์ครับ มาถึงเหตุผลที่ผมไม่ให้10คะแนนนะครับ เป็นเพราะว่าใส่ตอนแรกยังรู้สึกอึดอัดนิดๆครับ เป็นรองเท้าที่ต้องการ "break-in time" เพื่อให้กระชับเข้ากับเท้าเรา100%ครับ

ถึงแม้ว่าวัสดุจะมีความยืดหยุ่นในระดับนึง แต่ก็ไม่ได้อ่อนนุ่มมากจนเกินไป อีกทั้งยังมี flywires และ fuse ที่ช่วยเสริมให้รองเท้าเป็นโครงและช่วยล็อคเท้าให้อยู่กับที่ ไม่หลุดจากพื้นรองเท้า ไม่ว่าจะขยับไปในทิศทางใดก็ตาม และวัสดุบริเวณส้นเท้าก็ค่อนข้างหนา ทำให้ไม่มีปัญหาส้นเท้าขยับขึ้นลงในรองเท้า สำหรับเหตุผลที่ไม่ได้เต็ม10คะแนน เพราะว่าเป็นรองเท้าข้อต่ำ(low) ทำให้การซับพอร์ทข้อเท้านั้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับรองเท้าบาสรุ่นอื่นๆ

 

โดยรวม Kobe 11 EM เป็นรองเท้าที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีในหลายๆด้าน แต่รวมๆยังไม่ถ่อว่าดีที่สุด เป็นรองเท้าที่เหมาะกับผู้เล่นตำแหน่งการ์ด โดยเฉพาะ shooting guard และตัวรองเท้าต้องการ break-in time เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 10
- Tum Munkonggadget

ตอนแรกผมดูผ่านๆ นึกว่า Noble Kaiser 11 ครับ 55+

ปล.รองเท้าสวยดีครับ ^^