Guest
หมวดหมู่ > เว็บบอร์ด จับฉ่าย

ช่องทางการติดต่ออื่น

  • Munkonggadget
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Reviews
  • Munkonggadget Contact Us

รีวิว : หูฟังอีเล็คโทรสแตติก Shure KSE1500 (พระกาฬสุดชัวร์)

นายมั่นคง

14/09/2016 23:09:23
4,282


บทนำ

สวัสดีครับ มิตรรักแฟนเพลงอันเป็นที่รักทุๆท่านครับ กลับมาอีกแล้วครับสำหรับคอลัมน์รีวิวตามสะดวกของผม คือเป็นรีวิวที่กะเกณฑ์ไม่ได้เรื่องเวลา รวมถึงปริมาณเรื่องและก็ยังรวมไปถึงคุณภาพในการเขียนเรื่องอีก 555  วันนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผมต้องบอกว่ามันใหม่จริงๆ และเป็นสถิติใหม่ของโลกเลยก็ยัได้ นั่นก็คือ Shure เค้าผลิตหูฟังขนาดเล็กสุดแบบ inear แต่ใช้ระบบการทำงานแบบ Electrostatic ซึ่งว่ากันว่ามันเป็นตัวแรกของโลกใบนี้ ซึ่งใส่ระบบที่ว่าเข้าไปในหูฟัที่ตัวเล็กกระจิ๋วหลิวนั่นเอง

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน แบรนด์ Shure ถือว่าเป็นแบรนด์ที่เป็นผู้ริเริ่มผลิตหูฟังยุคใหม่หรือที่เรียกกันว่า Canal earphone หรือว่า inear ในปัจจุบัน Shure คือผู้ผลิตรายใหญ่และผู้วิจัยพัฒนาหูฟังเป็นรายแรกๆของโลกเลยก็ว่าได้  Shure อยู่ในฐานะผู้ริเริ่ม 1 ใน 5 ของแบรนด์หูฟังในยุคนั้น ก่อนที่จะมีหูฟังเกิดตามหลังมาอีกกว่า 500 แบรนด์ในปัจจุบัน แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้ Shure หยุดวิ่งหรือหยุดเดิน หรือปล่อยให้ใครไล่กวดวิ่งแรงแซงทางโค้งขึ้นมาได้แต่อย่างใด ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผมจะเล่าให้ฟังในวันนี้อีกด้วยเช่นกัน!!
ให้กำลังใจ 4
หยิกหู 0
แจกหู 16
ความคิดเห็นที่ : 1

นายมั่นคง

14/09/2016 23:09:59
4,282


จุดเริ่มต้นของ KSE1500

เมื่อ 8 ปีก่อน บริษัท Shure ได้ออกโครงการลับ คือลับแบบที่ว่าไม่มีพนักงานในองค์กรล่วงรู้เลยว่าผู้บริหารเค้าคิดทำอะไรกันอยู่ ซึ่งผู้อนุมัติโครงการและสนับสนุนเดิน หน้าเต็มที่ก็คือ (จากซ้ายไปขวา) Mr. Sandy LaManTia (CEO) และด็อกเตอร์ Avi Vaidya (Executive VP Product Development and CTO), และ Ms Chris Schyvinck (Executive VP of Global Operations) และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น เค้าให้ใช้รหัสลับในการพูดคุยถึงโครงการลับและใช้ code name นี้ว่า "Kelp" !!! เป็นไงครับ อ่านแล้วราวกับหนังไซไฟ ที่พระเอกต้องปิดบังโครงการลับไว้เป็นความลับสุดยอดมิให้แพร่งพรายออกไปได้ 555

และสิ่งที่หลายท่านไม่รู้คือ Shure ซุ่มพัฒนาหูฟังขนาดเล็กด้วยระบบ Electrostatic มานานถึง 8 ปี ซึ่งเป็นการคิดค้นล่วงหน้าที่นานมาก นานก่อนที่หูฟังพวก inear ทั่วไปจะเติบโตในปัจจุบันเสียด้วยซ้ำไปครับ โจทย์ถูกกำหนดว่าต้องเป็นหูฟังขนาดเล็กที่ต้องตอบสนองทุกความถี่ได้อย่างเที่ยงตรง ขนาดต้องเล็กจนพกไปไหนมาไหนได้ และ Shure ได้เลือกระบบที่จะใส่ไปในหูฟังตัวนี้ตั้งแต่ 8 ปีก่อน โดยโครงการลับ "Kelp" ทุกคนลงความเห็นตรงกันว่า ต้องเป็นระบบ Electrostatic เท่านั้น !!

วันนี้ผมคงต้องขออนุญาตเล่าโดยละเอียด เพราะหากเล่าเพียงนิดๆหน่อยๆ หรือเล่าแค่พอเอาตัวรอดแบบขอไปที ทุกท่านก็จะไม่ได้รับอรรถประโยชน์กับผลิตภัณฑ์ที่เค้าอุตส่าห์คิดค้นออกมาหัวแบบระเบิด และอีกประการหูฟังตัวใหม่อย่าง Shure KSE1500 นั้น มันมีแง่มุมที่ต้องเขียนและเล่โดยละเอียดค่อนข้างมาก เพราะการที่ท่านจะใช้งานหูฟังระดับนี้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น จำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจในทุกองคาพยพของมันเลยครับ การจะจ่ายบาทแล้วใช้เพียงสลึงเดียว มันไม่ใช่วิสัยของนักเล่นที่ดี ซึ่งผมขออาสาเป็นผู้ถ่ายทอดให้ทุกท่านได้อ่านกันนะครับ
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 2

นายมั่นคง

14/09/2016 23:10:32
4,282


ว่าด้วยระบบ Electrostatic ในหูฟัง

Electrostatic คือระบบในการกำเนิดเสียงขนิดหนึ่ง ซึ่งระบบกำเนิดเสียงแบบ Electrostatic ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด มันถูกสร้างขึ้นมาบนโลกนี้เมื่หลายสิบปีก่อน โดยถูกนำไปใช้ในการกำเนิดเสียงในลำโพงบ้านอย่างลำโพง Martin Logan หรือ Quad ซึ่งเป็นลำโพงที่ขนาดสูงท่วมหัรูปทรงสี่เหลี่ยม แต่กลับมีขนาดที่บางเพียงไม่กี่นิ้ว มือเท่านั้น หรือในหูฟังระบบ Electrostatic อย่างเช่นหูฟัง Stax นั้นก็ทำออกมาตั้งแต่ยุค '60s แล้ว แต่ยังคงเป็นอะไรที่มีขนาดใหญ่ทอะทะ และรวมถึงต้องใช้กล่องเหล็กขนาดใหญ่แยกออกมาเพื่อจ่ายกระแสไฟให้กับตัวหูฟังอีก (ดูภาพประกอบ)

และหากลองย้อนไปมองหูฟังที่ถือว่าเป็นระดับตำนานวางอยู่บนหิ้งอย่างหูฟัง Orpheus ของค่าย Sennheiser นั้น เจ้า Orpheus ก็คือหูฟังที่ผลิตขึ้นมาให้เป็ระบบ Electrostatic อีกเช่นกัน นั่นคือตำนานเมื่อ 20 กว่าปีที่ทุกคนก็ยังลุ่มหลงในลักษณะการให้เสียงเอกลักษณ์เฉพาะทางของ Electrostatic หรือแม้แต่หูฟังยุคใหม่ ที่ได้ชื่อว่าเป็น King of Headphone อย่าง Stax 009 ก็ยังคงเป็นหูฟังระบบ Electrostatic เช่นกัน นี่ผมยังไม่ได้นับซิสเต็มที่จ่คิวรอ ขายอย่าง Sennheiser HE1 ซึ่งว่ากันว่าราคาค่าตัวสูงถึง 55,000 ยูโร ต่อเซ็ท แล้วไหนจะมีหูฟัง Shangri-la จากค่าย Hifiman ที่รอวางตลาดอีกไม่นานจากนี้ไป
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 3

นายมั่นคง

14/09/2016 23:11:04
4,282


เหตุใด Shure ถึงเลือกใช้ Electrostatic ?

ด้วยความที่เป็นจ้าวแห่งเทคโนโลยี  บริษัท Shure ได้ทุ่มเวลาและคิดค้นให้โครงการลับ "Kelp" ว่าต้องสร้างความตื่นเต้นใหักัวง การหูฟังให้ได้ นั่นก็คือการจับระบบ Electrostatic ที่มีขนาดใหญ่โตเทอะทะ หนัก พกไม่ได้ ต้องนอนฟังอยู่กับบ้าน โดย Shure จับระบบ Electrostatic ขนาดมโหฬาร ย่อส่วนแล้วยัดลงไปในหูฟัง inear ที่ขนาดเล็กกว่านิ้วหัวแม่มือ ให้มันพกพาไปได้ทุกที่ ตอบสนองการฟังเพลงของนักฟังระดับเอาจริงทั้งหลาย ให้ใช้เวลาที่ได้ประโยชน์สูงสุจากการฟังเพลงยามอยู่นอกบ้าน

อีกเหตุผลที่ Shure เลือกใช้ระบบ Electrostatic ในหูฟัง KSE1500 นั้น เป็นเพราะระบบ Electrostatic นั้นตอบสนองเสียงได้อย่างเที่ยงตรงและถูกต้อง ซึ่งเมื่อทดสอบค่าความสัมพันธ์องเสียงแล้ว การใช้ไดรเวอร์แบบ Electrostatic นั้นตอบสนองสัญญาณเสียงได้รวดเร็วกว่าไดรเวอร์ระบบ Balanced Amateur และเมื่อมันตอบสนิงสัญญาณเสียงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แล้วมันก็ต้องมีระบบกันเสียงหรือ isolated ที่ดีอีก และไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเอาไดรเวอร์ที่ดีอย่าง Electrostatic แล้วมาผนวกควบรวมกับหูฟังขนาดเล็กอย่าง inear นั่นเอง เป็นไงครับ อ่านมาถึงตอนนี้หลายท่านน้ำลายเหนียวกันแล้ว ผมอนุญาตให้ท่านเดินไปจิบน้ำเพื่อความสบายแล้วกลับมาอ่านกันต่อครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 4

นายมั่นคง

14/09/2016 23:11:40
4,282


หลักการทำงานของไดรเวอร์ระบบ Electrostatic ของ Shure KSE1500

Shure อธิบายหลักการทำงานของระบบ Electrostatic ทีนำมาใช้ในหูฟังรุ่นนี้ไว้ในคลิปวีดีโอ แต่ผมนำมาถ่ายทอดให้ทุกท่านผ่านรูปแบบการอ่านอีกครั้ง ซึ่งหลักการของหูฟัง Electrostatic ทั่วไปก็จะเป็นอย่างที่บางท่านทราบ แต่ Shure นำมันมาย่อขนาดลงจนอยู่ในขั้นเล็กจนประหลาดใจ จะเห็นภาพเฮาส์ซิ่งซึ่งมีตราสัลักษณ์ของ Shure ติดอยู่ ประกบอยู่บนล่าง ถัดเข้าไปเราจะเห็นแผ่นเหล็กที่เจาะรูอยู่ 4 รู เจ้าแผ่นที่ว่าคือแผ่นเพลทเหล็ก ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวรับสัญญาณออดิโอ เพื่อผลักให้แผ่นไดอะแฟรมที่เป็นแผ่นกลมๆสีเทาอยู่ตรงกลางได้เกิดการขยับขึ้นลงระหว่างเพลทเหล็กทั้งสอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 5

นายมั่นคง

14/09/2016 23:12:08
4,282


ในภาพจะแสดงให้เห็นถึงไฟฟ้าสถิย์ที่ถูกประจุอยู่บนแผ่นไดอะแฟรมแล้ว ซึ่งทาง Shure ได้ใส่ประจุบวกไว้ในแผ่นไดอะแฟรม
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 6

นายมั่นคง

14/09/2016 23:12:37
4,282


จะเห็นว่าไดอะแฟรม(เส้นสีแดง)จะอยู่ตรงกลาง และมีประจุไฟฟ้าสถิตย์อยู่ พอสัญญาณออดิโอถูกป้อนเข้าไปในเพลทเหล็กที่ประกบอยู่ทั้ง 2 ข้าง  ก็จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าไปเป็นพลังงานกลซึ่งไปผลักไดอะแฟรมซึ่อยู่ตรงกลางให้ขยับไปทางซ้ายและทางขวาได้ตามสัญญาณออดิโอที่แปรเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นถ้าสัญญาณเสียงเข้าทางซีก + แผ่นไดอะแฟรมก็จะโดนผลักออก และถ้ามีสัญญาณเข้าทางซีก - แผ่นไดอะแฟรมก็จะถูกดูดไปหา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 7

นายมั่นคง

14/09/2016 23:13:02
4,282


ซึ่งสัญญาณออดิโอที่ถูกเปลี่ยนจากไฟฟ้าไปเป็นพลังงานกล ทำให้เกิดการขยับตัวของไดอะแฟรมที่ถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นไดอะแฟรมที่เป็นแบบไร้มวล (คือเบาจนไม่สามารถคำนวนหาน้ำหนักได้) การขยับตัวที่ทำได้รวดเร็วของไดอะแฟรมชนิดพิเศษ ส่งผลต่อการตอบสนองความถี่เสียงที่ครบถ้วนและรวดเร็ว และการขยับตัวที่รวดเร็วของไดอะแฟรมทำให้อากาศเคลื่อนที่ตาม ซึ่งเมื่ออากาศเคลื่อนที่ก็จะทำให้ปฏิกริยาทั้งหมดถูกเปลี่ยนเป็นเสียงแล้วส่งผ่านต่อถึงหูของเรานั่นเอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 8

นายมั่นคง

14/09/2016 23:13:27
4,282


แล้วทุกอย่างก็ถูกบรรจุลงไปในหูฟัง Shure KSE1500 ตัวนี้ครับ จากภาพจะสังเกตุเห็นว่าตัวหูฟัเป็นระบบ Closed Back คือถูกชีลด์ปิดอย่างแน่นหนา สายหูฟังจะถูกประกอบติดตายมากัตัวหูฟัง ซึ่งไม่สามารถถอดเปลี่ยนสายได้บบหูฟังในซีรียส์อื่นๆของ Shure เนื่องจาก Shure ได้ใช้สายที่มีคุณภาพสูงอยู่แล้ว และอีกประการ เพื่อความแข็งแรงทนทาน จุดนี้จึงต้องถูกล็อคเข้ากับตัหูซะเลย  และตัวหูฟังสามารถกันเหงื่อเข้ตามรอยตะเข็บได้อย่างดีอีกด้วย ตัวอักษรสีเงินฝังอยู่บนเฮาส์ซิ่งพลาสติกสีดำ ดูเหมือนเป็นการตอกย้ำให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Shure ได้เกิดความมั่นใจสูงสุดอีกด้วย มันเท่จริงๆตรงนี้แหละ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 9

นายมั่นคง

14/09/2016 23:13:55
4,282


ในชุดหูฟัง Shure KSE1500 นั้น จะมีแอมป์ขยายสัญญาณและป้อนกระแสไฟเลี้ยงไปที่ตัวหูฟัง ซึ่งมันเป็นของคู่บุญกันนะครับ ท่านไม่สามารถจะแยกหูฟังออกไปใช้กับอุปกรณ์อื่นๆ และขณะเดียวกันท่านก็ไม่สามารถแยกเอาแอมป์ไปใช้กับหูฟังตัวอื่นๆเช่นกัน เพราะมันเป็นของที่ต้องอยู่คู่กันไปตลอดครับ ขอให้ท่านคิดแบบนี้ครับ คิดว่า Shure KSE1500 คือหูฟัง 1 ตัว ที่จะต้องเล่นร่วมกับแอมป์คู่บุญของมันตลอดไป หลายท่านสงสัยว่างั้นก็ไม่สะดวกซิ ผมต้องบอกว่านี่คือซิสเต็มที่ถูกจำลองลงมาจากซิสเต็มใหญ่ๆที่ท่านไม่สามารถนำติดตัวไปฟังที่ไหนได้ ซึ่งมันให้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการนั่งฟังหูฟังระบบ Electrostatic ที่บ้านเลยก็มิปาน
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 10

นายมั่นคง

14/09/2016 23:14:20
4,282


ในภาพจะแสดงให้เห็นถึงขนาดของตัวหูฟัง ที่ถือว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆในค่าย Shure จะทำสายหูฟังติดตายมากับตัวหูฟัง และสายหูฟังในส่วนที่ใกล้กับขั้วนั้น ทาง Shure ใส่ลวดชนิดยื่นหยุ่นได้ (memory wired) ซึ่งเมื่อดัดให้โค้งงอกับตัวหูองเจ้าของแล้ว เมื่อยามที่ถอดออกเจ้าลวดดังกล่าวก็จะอยู่ในลักษณะเดิม ซึ่งอำนวยความสะดวกในการหยิบใส่ใน ครั้งต่อไปเช่นกัน ในภาพจะเห็นว่า Shure ยังคงเลือกใช้ปลายท่อ Canal ขนาดเล็ก ซึ่งข้อดีของท่อขนาดเล็กนั้น ทำให้มันเข้ากันได้กับรูหูของทุกๆคน มากกว่าหูฟังที่มีแกนท่อขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้ใส่เข้าได้ยากในบางคน และ Shure มีจุกหูฟังมากมายให้ทุกท่านได้ลือกใช้อีกด้วย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 11

นายมั่นคง

14/09/2016 23:14:44
4,282


มาถึงสายหูฟังกันต่อครับ  Shure แจ้งไว้ว่านี่คือเทคโนโลยีที่ต้องใช้ความอุตสาหะหรือความเพียรสูงมาก เพราะในหูฟัง Shure KSE1500 นั้น จะต้องใช้สายที่ตัวนำแยกออกเป็น 2 ชุด นั่นก็คือชุดที่นำสัญญาณไฟเลี้งและชุดนำสัญญาณออดิโอวิ่งรวมกันไปบนสายพร้อมกัน และมันถูกจับสายลงในฉนวนด้านในที่แยกออกเป็น 2 เส้นมีลักษณะกลม แทนที่จะเป็นสายแบนขนาดเทอะทะอย่างที่เราเคยเห็นกันมาในหูฟังระบบ Electrostatic อื่นๆ อีกประการ Shure ใช้ฉนวนผ้า Kevlar มาหุ้มในขั้นตอนสุดท้าย แน่นอนครับ ว่าผ้าเคฟล่าร์นั้นขึ้นชื่อมากในความทนทาน และ Shure ก็ใส่มันลงมาในหูฟัง KSE1500 จบความกังวลเรื่องสายหูฟังเปื่ยหรือขาดกลางออกไปได้ในทันที
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 12

นายมั่นคง

14/09/2016 23:15:09
4,282


มาดูกันในส่วนของตัวไดร์ฟสัญญาณและกำลังไฟไปเลี้ยงที่ตัวหูฟังกันครับ Shure KSA1500 (ตัวแอมป์จะใช้รหัสว่า KSA1500) ทำเก๋ด้วยการจับอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคย่อส่วนแล้วยัดใส่ลงไปในเคสโลหะที่เล็กเหมาะมือและออกแบบสัดส่วนให้มีขนาดที่เล็กกว่ามือถือเล็กน้อย ตัวเคสชุบอโนไดซ์สีดำด้าน ด้านข้างของแอมป์ไม่มีสันหรือเหลี่ ยมให้บาดมือ เพราะ Shure ทำมันเป็นมุมโค้งกลมไปเลย เวลาเปิดให้กดปุ่ม ON แช่ไว้ 3 วินาที หน้าจอของ KSA1500 ก็จะสว่างขึ้น จอแบบ OLED ขนาดเล็ก ที่สามารถปรับลด-เพิ่มความสว่างหน้าจอได้สะดวกมาก และเวลาหน้าจอเปิดขึ้นมา มันจะโชว์ firmware ตัวล่าสุดว่าเป็นเวอร์ชั่นอะไรอยู่ ซึ่งปัจจุบันอัพเดทล่าสุดคือ 1.2.2 นั่นเอง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 13

นายมั่นคง

14/09/2016 23:15:29
4,282


ย้อนมาดูปุ่มเปิดอีกครั้งครับ ด้านข้างที่เป็นสันส่วนโค้ง Shure วางปุ่มไว้ 2 ปุ่มอยู่ใกล้กัน นั่นก็คือปุ่ม On-Off ซึ่งมีไอคอนสัญลักษณ์เปิดปิดวางอยู่บนปุ่ม ส่วนปุ่มล่างนั้น Shure คงนึกไม่ออกว่าจะใช้สัญลักษณ์ว่าอะไรดีก็เลยปล่อยให้มันเรียบๆโล่งๆ ซึ่งปุ่มนี้ก็คือปุ่ม Hold นั่นเอง ปุ่ม Hold นี้ถ้าเราเร่งลดเสียงไว้ที่ตำแหน่งใดก็ตาม เพียงแต่เลื่อนปุ่ม Hold ลง มันจะทำการล็อคระดับโวลุ่มที่ตั้งไว้ทันที นับว่าจุดนี้สะดวกสุดๆสำหรับคนเล่นครับ ส่วนในปุ่ม On-Off นั้น นอกจากเป็นปุ่มปิด-เปิดแล้ว ปุ่มนี้ถูกออกแบบให้เป็นปุ่มย้นกลับก่อนหน้า หรือ returns to previous menu ครับ กด 1 ทีก็ย้อนไป 1 ครั้ง กด 2 ครั้งก็ย้อนไป 2 ครั้งก่อนหน้า แรกๆอาจจะงงเล็กน้อย แต่พอใช้งานไปซักครึ่งวัน ทุกท่านคงจะหายงง เพราะว่าจ่ายเงินไปแล้วยังไงก็ต้องเล่นเป็นจนได้ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 14

นายมั่นคง

14/09/2016 23:15:49
4,282


มาดูปุ่มต่อไปครับ เจ้าปุ่มนี้สำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่ามันเป็นศูนย์กลางการควบคุมหรือ Control Knob มันไม่ใช่เพียงแค่ปุ่มโวลุ่มเร่งลดความดังนะครับ แต่ Shure จับให้มันเป็นปุ่ม Navigator ไปพร้อมกันเลย คือเมื่อหมุนเดินหน้าหรือถอยหลัง มันจะเลื่อนทีละคลิกแบบ Step Volume ซึ่งผมว่ามันให้ฟิลลิ่งที่ดีมากในการเร่งลดเสียง และเมื่อกดปุ่มโวลุ่มนี้ลงไปตรงๆ 1 ครั้ง จะเป็นการเรียกหน้าจอที่ดับกลัมา (หน้าจอสามารถตั้งค่าให้ดับได้หมือนมือถือ) แต่ถ้ากดปุ่มนี้ 2 ครั้งติดกัน มันจะถูกส่งเข้าเมนูหลักในการตั้งค่าต่างๆ เมนูที่ว่ามี 3 หมวดหลัก นั่นก็คือ 1. Equalizer 2. Audio 3. Utilities ทั้ง 3 เมนู เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังโดยละเอียดอีกครั้งถ้าไม่หมดแรงไปก่อน 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 15

นายมั่นคง

14/09/2016 23:16:07
4,282


มาดูรูปหน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นดำ และไม่ยิ้มกันบ้าง Shure KSA1500 ออกแบบมาแนวแมนๆ คือของเล่นผู้ชายมันต้องออกแบบหน้าตาแบบนี้ครับ คือต้องดูดุ เอาจริง และต้องดูโปร เมื่อไหร่ที่คุณลักษณ์เหล่านี้าครบๆ เมื่อนั้นมันจะขายดีทันที เรามาดูหน้าตรงกันครับ ปุ่มซ้ายมือคือปุ่มโวลุ่มที่ผมอธิ บายให้ทราบกันไปแล้ว ปุ่มหมุนขนาดใหญ่ แน่น ไม่มีอาการคลอนแม้แต่น้อย เลื่อนไปทีละคลิกอย่างมั่นใจ ถัดไปคือไฟแสดงสถานะ ถ้าไฟสีเขียวแสดงว่าทำงานอยู่ และสถานะแบตยังสามารถใช้งานอีกนาน แต่เมื่อไหร่ไฟเขียวเปลี่ยนเป็ไฟสีแดง แสดงว่าตอนนี้เหลือแบตเตอรี่อีเพียง 15% หมายถึงเตรียมตัวชาร์ตได้แล้วนะ

ถัดมาคือปุ่ม Line In ซึ่งเอาไว้รองรับสัญญาณอนาล็อคจาก device อื่นๆที่นำมาเล่นร่วมกัน เป็นช่อง input ขนาด 3.5 มม. ซึ่งเวลาเราใช้อุปกรณ์ที่เล่นร่วมก็ คือการเอาสัญญาณ audio output 3.5 มม. ของมือถือ หรือ tablet หรือจะเป็นจาก DAP ก็สุดแท้แต่ ในชุดอุปกรณ์ที่ Shure จัดมาในชุด มีมาให้ครบๆโดยไม่ต้องลำบากไปวิ่งหาเอาเอง มาถึงช่องขวาสุด หน้าตาดูเกเรและเอาจริงเอาจังชอบก ล นั่นก็คือ Socket จากค่ายผู้ผลิตชื่อดัง LEMO จากประเทศ Switzerland นั่นเอง ซึ่ง LEMO คือบริษัทที่ชำนาญในการผลิต Connector คุณภาพสูง ที่ใช้ในอุตสาหกรรม Audio-Video และยังใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆเช่น อุตสาหกรรมยา หรืออุตสาหกรรมที่ทำและผลิตระบบทดสอบต่างๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 16

นายมั่นคง

14/09/2016 23:16:36
4,282


ดูกันให้ชัดๆเพื่อความมั่นใจกัอีกทีครับ เจ้า Connector ตัวนี้ก็คือผลิตภัณฑ์ของค่ายดัจากสวิสเซอร์แลนด์นามว่า LEMO ซึ่งเท่าที่ผมทดลองใช้งานดูอย่งต่อ เนื่องมาหลายสัปดาห์ พบว่ามันให้ความแม่นยำ และเที่ยงตรงสูงมาก คือเวลาดึงเสียบเข้า-ออก ปราศจากอาการคลอน หรือออกอาการเป๋ หรือโงนเงนแต่อย่างใดจริงๆ และ LEMO ยังได้มาตรฐาน ISO9001 สาขา manufacture & distribution of self latching push pull electrical connectors แปลง่ายๆ ก็คืออะไรที่มันเกี่ยวกับการเสียบเข้าเสียบออก LEMO เค้าเจ๋งทำนองนั้น ซึ่ง Shure ก็เลือกมาใส่ลงไปใน KSA1500 และ KSE1500 !!

และสิ่งที่น่าทึ่งสำหรับ Connector ระดับโลกก็คือ เวลาเสียบใช้งานแล้ว เราไม่สามารถจะกระชากให้มันหลุดออกจากกันได้ เรียกว่าถ้าใช้งานปกติหากมีการไปฉุดดึงหรือกระตุกที่ตัวสาย เจ้าขั้ว Lemo จะยึดล็อคไว้อย่างแน่นหนา แต่เมื่อไหร่ที่ท่านต้องการดึงแจ็คออก ขอให้ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็สามารถดึงแจ๊คออกมาได้  นั่นเป็นเพราะ Lemo ทำสลักขนาดเล็กซ่อนเขี้ยวตัวล็อคไว้ด้านใน ถ้าออกแรงมากตัวล็อคจะต้านแรงดึงและล็อคไว้ทันที แต่ถ้าใช้แรงดึงและปลดออกตามปกติ มันจะคลายตัวปลดล็อคออกให้ทันที นี่เป็นกลไกแมคคานิคที่ดีไซน์ฟังก์ชั่นใช้งานได้อย่างล้ำลึกจริงๆ วาวๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 17

นายมั่นคง

14/09/2016 23:17:04
4,282


ถึงเวลามาดูในส่วนบั้นท้ายหรือตูดของ เจ้า Shure KSA1500 กันแล้วครับ จะเห็นว่ามีปุ่ม INPUT ให้เลือกอยู่ทางด้านซ้าย  เป็นปุ่ม ซีเล็คเตอร์ให้เลือกระหว่าง LINE กับ USB ซึ่งปุ่มนี้ออกแบบมาเพื่อให้เราเลือกใช้งานระหว่างจะเลือก source ที่เข้าเป็นดิจิตอล หรือ อนาลอก ถ้าเลือกสัญญาณเข้าเป็นดิจิตอลก็ให้เลื่อนมาที่ USB แต่ถ้าเลือกจะให้สัญญาณเข้าเป็นอนา ลอก ก็ให้เลือกมาคำว่า LINE และช่องทางขวาสุดก็คือช่อง INPUT ที่เป็น micro B-USB นั่นเอง ตัวอย่างเช่น ถ้าต้องการใช้สัญญาณดิจิตอลจากไอโฟน เราต้องใช้สาย lightning to micro B-USB มาเสียบเข้าที่ช่องนี้ หรือท่านใดที่ใช้โทรศัพท์แอนดรอยด์ก็เสียบได้ที่ช่องนี้โดยตรง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 18

นายมั่นคง

14/09/2016 23:17:59
4,282


ในชุด Shure จะมีสายสัญญาณต่างๆให้มาครบถ้วน (แต่ผมน่าจะถ่ายมาไม่ครบ) คือมีรองรับสำหรับท่านที่ใช้ iPhone ขั้ว Lightning หรือแบบแอนดรอยด์ก็มีสายมาให้  สายชาร์ตจากคอมหรือโน้ตบุ๊คก็มี ซึ่งนอกจากช่อง Micro B-USB จะใช้ชาร์ตแล้ว ยังใช้เป็นช่องสำหรับรับ data ไปในตัวอีกด้วย ซึ่งถ้าเล่นกับโน้ตบุ๊ค ท่านสามารถเสียบสาย USB-A เข้าที่ท้ายเครื่องของ Shure KSA1500 ได้ทันที ซึ่งสามารถเล่นเพลงและชาร์ตไฟไปพร้อมกันในตัว ส่วนถ้าท่านใดที่ใช้สายชาร์ตต่งหาก(ไม่ใช่จากคอม) ขณะที่ชาร์ตอยู่ ท่านต้องไปใช้ input เป็น LINE แทน ซึ่งเวลาเสียบเล่นกับคอมหรือโน๊ตบุ๊ค คอมจะมองเห็น Shure KSA1500 ทันที โดยไม่ต้องลงไดรเวอร์เพิ่มแต่อย่างใด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 19

นายมั่นคง

14/09/2016 23:18:45
4,282


คราวนี้เรามาดูส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของซิสเต็มนี้กันครับ เจ้าส่วนสำคัญก็คือหน้าจอของ KSA1500 ครับ มันเป็น display ที่จะบอกเราว่าตอนนี้เราทำอะไรกับมันอยู่ และในตัวแอมป์ขนาดเล็กของ KSA-1500 กลับทำให้สามารถเล่นกับการ Setting ค่าต่างๆได้สนุกสนานราวกับเล่นอุปกรณ์ dac-amp ตั้งโต๊ะระดับมืออาชีพ รูปที่ผมถ่ายนั้นเป็นเพียงตัวบอกให้ท่านได้ดูประกอบคร่าวๆ นะครับ ส่วนสำคัญคืออ่านจากที่พิมพ์ให้ก็แล้วกัน 555

หน้าจอมาตรฐาน หรือหน้าจอ Home (ซ้ายบน)

- มันจะแสดงว่าตอนนี้ท่านใช้ INPUT อะไรอยู่ ซึงจะมีการโชว์ให้เห็นเพียง 2 อย่างคือ INPUT : LINE หรือ INPUT : USB

- ถัดไปคือแสดงสถานะแบตเตอรี่ ถ้าสีเขียวคือเล่นได้อีกยาวนาน ถ้าสีแดงโชว์แสดงว่าให้เตรียมชาร์ตได้ เท่าที่เล่นมา เมื่อระดับแบตตกลงที่ 15% มันจะกลายเป็นตัวสีแดงครับ และแบตนั้นใช้เวลาชาร์ตนานประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที (แหมต้องมีเศษ 15 นาทีด้วย) และถ้าฟังผ่านช่องทาง USB แบตจะอยู่ได้นาน 7 ชั่วโมง แต่ถ้าฟังผ่าน LINE IN แบตจะอยู่คงกระพันได้ถึง 10 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว

- ตรงกลางจอจะเห็นแถบ indicator ของแชนแนลซ้ายและขวา (R & L) ซึ่งถ้าเป็นสัญญาณปกติ แถบจะขึ้นเป็นสีเขียว แต่ถ้าสัญญาณเริ่มพีคขึ้นสูง แถบตรงปลายจะเป็นสีเหลืองและสีดงตามลำดับ ขึ้นอยู่กับสัญญาณ input แรงหรือค่อย ถ้าปลายเป็นสีแดงแสดงว่าเกิดอาการคลิปปิ้ง(Clipping) ของสัญญาณแล้ว

- ตรงกลางขวาจะเป็นสัญลักษณ์วงกลมแทนค่าระดับโวลุ่ม ระดับโวลุ่มนั้นมีระดับ maximum ที่ระดับ 25 ซึ่งใครฟังระดับนี้แสดงว่าหูท่นใกล้จะแตกเต็มทน

- ต่ำลงมาอีกบันทัดจะเห็นคำว่า INPUT PAD  : -10dB ซึ่งถ้าท่านอยู่ในการเลือกใช้สัญญาณอนาลอก หรือ LINE หน้าจอจะบอกค่าตัวนี้ขึ้นมา (เดี๋ยวผมเล่าอีกทีในหมวดของมั) แต่ถ้าท่านเลือกใช้ INPUT เป็น USB บันทัดนี้จะหายไปไม่โผล่ออกมาให้เห็นนะครับ

- อันดับสุดท้ายเลยคือ EQ : BYPASS ซึ่งถ้าท่านอยู่ในโหมดเลือกสัญญาณเข้าเป็น LINE อนาลอก หรือ USB ตรงนี้สามารถเลือกปรับได้ตามใจชอบ (เดี๋ยวเล่าอีกทีในหมวดของมันเช่นกันครับ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 20

นายมั่นคง

14/09/2016 23:19:45
4,282


มาดูกันในส่วนของเมนูการ setting ทุกอย่างบน Shure KSA1500 กันครับ มันถูกแบ่งเมนูออกเป็น 3 หมวดง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ดังนี้เอย

1. Equalizer จะเป็นการปรับแต่งเสียงผ่านโปรแกรม EQ ของเครื่อง เวลาเข้าไปในเมนูจะเจอตัวเลือกย่อยอีกคือ

- Flat (กรณีใช้ source จาก USB) หรือเป็น Bypass (กรณีใช้ source จาก Line in ที่เป็นอนาลอก)
- Low Boost บูสเบสในช่วงต่ำ โดยไม่ดึงเอาความถี่อื่นขึ้นมากวน เวิร์คมากในความเห็นผม
- Vocal Boost ยกเสียงร้องในย่านความถี่ 1K ขึ้นมา ทำให้เสียงร้องเปิด พุ่งมาด้านหน้าเล็กน้อย
- Loudness ยกความถี่ทุ้มและแหลม เหมาะสำหรับการฟังเพลงที่ระดับความดังไม่มากนัก แต่อยากได้ยินเสียงที่ครบถ้วน
- DE-ESS อันนี้น่าจะเป็นการลดน๊อยซ์ กรณีที่ฟังซาวด์อื่นๆที่ไม่ใช่พลง (ผมไม่แน่ใจนัก)
- USER DEFINED1, 2, 3, 4  เป็นการ custom เลือกแต่งเสียงด้วยตัวเอง สามารถสร้างได้ถึง 4 ชุด

2. Audio อันนี้จะเป็นการปรับแต่งในเรื่งการได้ยินและสัญญาณ input มี 2 ตัวเลือกครับ

- Limiter ซึ่งเลือกได้ระหว่าง on หรือ off เป็นการล็อคระดับความดัง กันการเผลอเปิดดังโดยไม่รู้ตัวครับ
- Input Pad (กรณีใช้เป็น Line In) และจะเป็น sample rate (กรณีเลือกเป็น USB)

Input Pad มี 3 ตัวเลือก คือ 0 dB, -10 dB, -20dB ในเมนูนี้สำหรับท่านที่ต่อใช้กับ Line In อื่นๆ เช่นพวก DAP หรือโทรศัพท์ เนื่องจาก Output ของเครื่องเล่นอื่นๆมีระดับความดังที่แตกต่างกัน Shure เค้าเลยคิดเมนูนี้มาให้ใช้อย่างรอบคอบ เพราะปุ่ม Input Pad จะช่วยลด input ที่แรงจนเกินไปให้กับเราครับ ทำให้สัญญาณไม่พีคจนเกิดอาการคลิปปิ้ง(เสียงแตกพร่า) ซึ่งเท่าที่ลองเล่นดู ผมแนะนำให้ทุกท่านเซ็ทตำแหน่งที่ -10dB ไว้ชั่วนิรันดร์ เพราะตำแหน่งนี้ผมว่าเป็นตำแหน่งที่ฟังแล้วได้ผลดีที่สุดครับ

3. Utilities เมนูนี้คือส่วนของการปรับแต่งการใช้งานและแสดงผล มี 6 ตัวเลือกครับ

- Display ซึ่งในนี้มีเมนูย่อยแตกออกไป เช่นแต่งแสง เวลาปิดเปิดหน้าจอ ภาษา หรือแม้แต่พลิกหน้าจอ
- Battery Info บอกปริมาณแบต บอกจำนวนรอบชาร์ตของแบตเตอรี่ที่ใช้ไป บอกอุณหูภูมิแบต (เก๋มาก)
- Factory Reset การย้อนกลับไปใช้ค่าที่โรงงานตั้งไว้ เหมาะสำหรับคนที่เผลอแต่งนู่นนี่แล้วกลับมาไม่ถูกว่างั้น
- Firmware บอกเวอร์ชั่นของเฟิร์มแวร์ หรือเพียงเสียบสายแล้วกดปุ่มให้เครื่องเช็คการอัพเดทก็ยังได้
- Hardware โชว์เลขเครื่อง ซึ่งถ้าเกิดการสูญหายหรือขโมย ยังไงก็ไม่สามารถทำลายหรือเปลี่ยนเลขรหัสเครื่องได้
- Disable Charging อันนี้เอาไว้ยกเลิกการชาร์ตแบต กรณีที่เล่นกับโน้ตบุ๊คครับ สามารถยกเลิกเพื่อรับ data เพียงอย่างเดียวก็ได้

จะเห็นได้ว่า Shure ใส่ฟังก์ชั่นการปรับแต่งมาให้อีกมากมายจริงๆ ผมเองพยายามเล่าให้ท่านเข้าใจแบบรวบรัด จะเอามากกว่านี้อาจจะต้องใช้เวลาแรมปีถึงจะเล่าหมด 555 แต่จริงๆแล้วทุกอย่างเอื้อประโยชน์ให้กับคนเล่นมากครับ ใช้งานง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะยุ่งยากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 21

นายมั่นคง

14/09/2016 23:20:12
4,282


DAC และ ADC ใน Shure KSA1500 เป็นยังไงกันนะ?

ภาค DAC ของ Shure KSA1500 นั้น รองรับการเล่นไฟล์ระดับ Bit Depth : 16 บิท/24 บิท และ Sample rate : 44.1/48/88.2/96 kHz หรือจำกันง่ายๆคือสูงสุดที่ 24/96 kHz ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงสำหรับนัก เล่นทั่วไปแล้วครับ  Shure KSA1500 ไม่รองรับการเล่นไฟล์ฟอร์แมท DSD ผ่านทาง USB แต่ที่ฟอร์แมท PCM ที่ 24/96 นั้นก็ถือว่าเป็นมาตรฐานของ Hi-Res Audio ยุคปัจจุบันแล้วล่ะ

Shure KSA1500 รับสัญญาณดิจิตอลจาก USB และทำหน้าที่เป็น DAC หรือ Digital to Analog Converter ซึ่งอันนี้ทุกท่านรู้กันจนเบื่อยู่แล้วว่าคือการแปลงสัญญาณดิจิตอ ลเป็นอนาลอก แต่ใน Shure KSA1500 ทำตัวเลือกมาเพิ่มให้อีก 1 ตัวนั่นก็คือ ADC หรือ Analog to Digital Converter หลายท่านสงสัยว่าคืออะไร ทำมาเพื่ออะไร? ผมอธิบายให้ทราบดังนี้ครับ ในฟังก์ชั่นการรับสัญญาณ input ที่เป็น Analog เข้ามานั้น ถ้าท่านต้องการฟังเสียงโดยไม่ผ่านการปรับแต่งอะไรอีก ให้เลือกตัวเลือกในเมนู Equalizer แล้วกดเลือกที่ Bypass เท่านี้สัญญาณก็จะไม่ผ่านชุดปรับแต่งดิจิตอลแต่อย่างใด

แต่ถ้าหากท่านต้องการปรับหรือแต่งเสียงในส่วนต่างๆเพิ่มเติมอีก สัญญาณจะถูกส่งจาก Analog ไปเข้าในชุดปรับแต่งดิจิตอลก่อน เพื่อทำการปรับแต่งสัญญาณให้ได้เสียงที่เราต้องการในแบบฉบับของดิจิตอล แล้วจึงส่งสัญญาณกลับมาเป็นอนาลอกอีกครั้งสู่รูหูของท่าน ซึ่งตรงนี้ผมถือว่าเป็นกำไรของคนใช้งานจริงๆ เพราะมันเป็นจุดที่ยืดหยุ่นและเอื้อความสะดวกให้กับคนฟังในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะจะรับ input เข้ามาเป็นดิจิตอลก็ปรับแต่งเสียง ได้ หรือจะรับ input เข้ามาเป็นอนาลอก ก็สามารถปรับแต่งใช้ชุดคำสั่ง Equalizer ในส่วนที่เป็น User Defined ได้เหมือนๆกัน เจ๋งไม๊ล่ะๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 22

นายมั่นคง

14/09/2016 23:20:39
4,282


เริ่มต้นใช้งานกันเลยนะ

เจ้าซิสเต็ม Shure ตระกูล 1500 นี้ ผมอยากให้ท่านมองว่ามันคือหูฟัเท่านั้นนะครับ เพราะด้วยความที่มันเป็นหูฟังระบบ Electrostatic ที่ต้องใช้ไฟเลี้ยงช่วย มันจึงต้องมีตัวแอมป์สำหรับป้อนกระแสและขยายสัญญาณห้อยมาด้วยอีก 1 ตัว ทั้ง 2 ชิ้นที่ให้มาไม่สามารถแยกการใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นการนำหูฟังไปเสียบกับเครื่องเล่นอื่นๆ หรือเอาหูฟังอื่นๆมาเสียบกับตัแอมป์ของมัน ตรงนี้ทุกท่านต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อน เพราะผมเชื่อว่าบางท่านก็ยังไม่ทราบหลักการทำงานของหูฟังประเภทนี้เท่าไหร่นักครับ

อุปกรณ์ที่ใช้เล่นร่วมกับ Shure KSE1500 นั้น ตอนนี้ที่นึกออกก็จะมีพวก iPhone, iPad, Android รวมถึงพวก Tablet, Notebook , PC อันนี้ใช้กันได้หมดครับ และถ้าจะให้ได้ผลดียิ่งขึ้นไปอีก เห็นทีจะไม่พ้นมิวสิคเพลย์เยอร์เฉพาะ ทางดีๆ หรือที่เราเรียกว่า DAP (Digital Audio Player) ครับ ทั้งหมดที่ว่ามานั้น Shure KSE1500 สามารถรับสัญญาณเข้าเป็น ดิจิตอล(USB )หรือ อนาลอก (Line) ได้ทั้งสิ้น ตอนนี้ท่านเก็บไฟล์เพลงที่เล่นประจำไว้กับอะไร ลองนึกให้ออกแล้วหยิบมาเล่นได้ลย Shure KSE1500 รองรับและสามารถเล่นกันได้กับเครื่องเหล่านี้ได้ทั้งหมดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 23

นายมั่นคง

14/09/2016 23:21:07
4,282


เริ่มต้นกันกับช่องทางดิจิตอลก่อนกันดีไหม

Shure KSA1500 ให้สายเชื่อมต่อต่างๆมาครบถ้วน ท่านไม่ต้องลำบากเดินไปร้านเซเว่นหรือเดินหาจากที่ไหนอีก ในภาพคือสาย lightning to micro USB-B ซึงเราจะเริ่มต้นเสียบสายเพื่อทำการเล่นกับมือถือสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone กัน ซึงหากท่านมีมือถือในฟาก Android ก็เพียงแต่เลือกสายเชื่อมต่ออัอื่นเท่านั้นเอง ให้ทุกท่านเสียบสายเข้าไปตรงด้นท้ายเครื่อง แล้วอย่าลืมเลื่อนปุ่ม selector ไปทางด้าน USB ด้วยล่ะ ไม่งั้นเสียงจะไม่ออกนะเออ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 24

นายมั่นคง

14/09/2016 23:21:24
4,282


Shure KSE1500 นั้น ส่วนหนึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งที่กำลังมาแรงมากในปัจจุบัน รวมถึงการฟังเพลง Hi-Res ที่เก็บไว้ในมือถือทั้งหมด เพราะการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งนั้น มีความละเอียดไม่สูงนัก อย่างเช่นค่าย Joox, Spotify, apple music หรือความละเอียดสูงสุดของมิวสิสตรีมมิ่งก็คือค่าย Tidal ซึ่งสูงถึง 16/44.1 หมายถึงเพียงพอและเหลือเฟือเมื่อเล่นกับหูฟังชุดนี้ของ Shure ครับ เมื่อเริ่มต้นเล่นก็เพียงแค่เสียบสายเชื่อมต่อ ทุกอย่างสามารถเล่นและฟังได้ทัที ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องคิดนาน ไม่ต้องสงสัย เพราะทุกอย่างง่ายดาย ชัดเจน และได้ผลจริง มาเริ่มลองฟังเลยดีกว่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 25

นายมั่นคง

14/09/2016 23:21:55
4,282


ลองฟังเพลงแบบมิวสิคตรีมมิ่งบน Tidal กัน

Shure KSE1500 ออกแบบมาเพื่อให้เล่นกันได้กับการสตรีมมิ่งเพลงที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพลงที่เราสตรีมมิ่งฟังแบบเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนนั้น ส่วนมากมักจะเป็นการฟังผ่านสัญญาณ 4G บนโทรศัพท์ หรือ Wifi ภายในบ้าน ซึ่งภาค dac ที่ติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์นั้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอฟังได้เท่านั้น หลายท่านชื่นชอบการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งเพราะสะดวกสบาย ง่าย แต่มันก็ยังคงถูกจำกัดคุณภาพด้ยตัวไฟล์ที่ถูกสตรีมลงมาและถูกจำกัดด้วยคุณภาพของภาค dac ในโทรศัพท์อีก

Shure KSE1500 + KSA1500 ทำให้การฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งดีขึ้น ได้อรรถรสในการฟังยิ่งขึ้น เพียงท่านต่อสายเชื่อมต่อจากโทรศัพท์เข้าที่ตัว Shure KSA1500 เท่านี้ท่านก็สามารถยกระดับคุณภาพเสียงขึ้นได้อีกมากพอสมควร เพราะสัญญาญดิจิตอลจากโทรศัพท์ะถูกถอดรหัสจากดิจิตอลแล้วแปลงเป็นอนาลอกที่ได้คุณภาพสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่า Shure KSA1500 รับอาสามาทำหน้าที่ตรงจุดนี้ ซึ่งหลังจากที่ Shure KSA1500 ทำหน้าที่แปลงสัญญาณออกมาเป็นอนาลอกแล้ว ก็ทำการขยายสัญญาณส่งต่อเข้าไปที่ตัวหูฟังนั่นเอง

ผมเลือกฟังเพลงสตรีมมิ่งจากค่าย Tidal ซึ่งค่าย Tidal นั้นทำออกมาเพื่อรองรับนักฟังที่ต้องการคุณภาพในการฟังสูงกว่าคนทั่วไป คุณภาพไฟล์นั้นเทียบเท่ากับการฟังจากแผ่นซีดี ซึ่ง Tidal รองรับนักฟังระดับออดิโอไฟล์มากกว่าค่ายอื่น จริงอยู่ที่คุณภาพไฟล์ที่ถูกสตรีมมิ่งลงมา อาจจะไม่สามารถเทียบเท่ากับไฟล์ความละเอียดสูงอื่นๆ แต่ถ้านับความสะดวกและความหลากหลายในการฟังเพลง นี่คือทิศทางใหม่ของไลฟ์สไตล์การฟังเพลงในยุคปัจจุบันแล้วครั

- Amber Rubarth / Sessions from the 17th Ward เป็นอัลบั้มที่บันทึกมาได้ดีมาก โชว์ความกว้างของซาวด์เสตท Shure KSE1500 สามารถถ่ายทอดความกว้างของการบันทึกที่โอบล้อมเกินกว่า 180 องศา
- Michael Jackson / Thriller เป็นอัลบั้มที่บันทึกเสียงได้มีมากของ King of Pop หูฟัง Shure ทำให้เราสามารถรับรู้ถึงเสียงเบสที่มีแรงกระแทกกระทั้น คึกคักและเร้าใจได้เป็นอย่างดี
- Tatiana Troyanos Benita Valente Julius Rudel / Handel & Mozart ฟังไม่เป็นกับเขาหรอก แต่รับรู้ได้ว่าเสียงโซปราโนของนักร้องหญิงนั้นไต่ขึ้นสูง และหูฟัง Electrostatic เก็บรายละเอียดของเนื้อเสียงร้งมาได้ครบหมด
- Antonio Vivaldi / Les 4 Saisons แยกแยะและแจกแจงกลุ่มเครื่องสายออกจากกันได้อย่างดีเยี่ยม วางตำแหน่งที่ลดหลั่นใกล้ไกลได้ดี ความไหลลื่นต่อเนื่องของเครื่องสี ถูกถ่ายทอดได้อย่างบรรจง
- Elvis Presley / Elvis is Back เป็นอัลบั้มที่นักฟังไม่ควรพลาด เทคนิคการบันทึกที่ดีเยี่ยมยอด แทร็คสอง Fever โชว์การดีด double bass และฟังตัวโน้ตเบสออกและจับเสียงหัวโน๊ตได้เคลียร์ ชัดเจน
- Neil Young / Live at Massey Hall 1971 อัลบั้มที่ไม่ได้บันทึกได้ดีอะไรมากมาย แต่เป็นอัลบั้มอคูสติกที่ถือว่เป็นช่วงที่ Neil Young หนุ่มและสดที่สุด Shure KSE1500 ทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังฟังอยู่ใน Massey Hall ในค่ำคืนนั้น
- Eric Clapton / Just one night หูฟัง Shure KSE1500 ถ่ายทอดความสด และอารมณ์ของแคลปตันยามโซโล่ลื่นไหลแบบยาวๆได้เป็นอย่างดี รวมถึงจับบรรยากาศของความเป็น Live ได้อย่างสุดยอด
- Sara Vaughan / At Mister Kelly's อีกอัลบั้มการบันทึกแสดงสดในแจ๊สคลับในอเมริกา บันทึกปี 1957 เก็บบรรยากาศเก่าๆของการเล่นและร้องเพลงแจ๊สแบบสดๆได้ดีมากชุดหนึ่ง แนะนำให้หาฟังกันให้ได้ครับ

อัลบั้มที่ผมหยิบจาก Tidal มาทดสอบนี้ ไม่ได้เป็นอัลบั้มที่มีคุณภาพการบันทึกที่ดีอะไรมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นอัลบั้มแสดงสด แต่ผมกำลังจะบอกว่าแม้แต่กระทั่งอัลบั้มธรรมดาทั่วไปที่เราชื่ชอบก็สามารถฟังออกมาได้ดีเมื่อถ่ายทอดผ่านซิสเต็มของ Shure Electrostatic ชุดนี้ โดยไม่จำเป็นต้องไปเจาะจงหาฟังเพลงที่บันทึกคุณภาพสูงแต่อย่างใด นี่ผมยังไม่อยากนึกว่าถ้าเลือกหยิบอัลบั้มที่มีคุณภาพการบันทึกเยี่ยมยอดขึ้นไปอีก จะได้อรรถรถเพิ่มขึ้นอีกมากขนาดไหน

ซึ่งท่านใดที่สนใจการฟังเพลงสตรีมมิ่งที่คุณภาพการบันทึกที่ดี ผมขอแนะนำ playlist ที่จัดทำโดยคณทำงานของ Tidal Thailand ให้ท่านได้ลองฟังกัน ทั้งหมดถูกคัดเลือกและตั้งชื่อเพลย์ลิสต์ว่า "โอ้ฟาย" ซึ่งเป็นสะแลงมาจากคำว่า AudioPhile นั่นเอง ท่านใดสนใจขอให้ลองคลิกเข้าตามที่ลิงค์นี้ได้ครับ tidal.com/playlist/79e6a290-8ff3-4c36-b33e-47d26d5025ae  เครดิต : กลุ่ม Tidal Thailand ครับ ^^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 26

นายมั่นคง

14/09/2016 23:22:14
4,282


หลังจากได้ทดลองเล่น Shure KSE1500 กับ สมาร์ทโฟนไปแล้ว คราวนี้ลองใช้ Source ตัวอื่นๆที่มีคุณภาพสูงกว่าโทรศัพท์บ้างว่าจะเป็นอย่างไร เราสามารถเลือกเอามิวสิคเพลย์เยอร์ ที่สามารถเล่นไฟล์ Hires หรือไฟล์ DSD แล้วนำมาเล่นร่วมกับ Shure Electrostatic ชุดนี้ได้เช่นกันครับ ถึงแม้ Shure KSA-1500 อาจจะไม่รองรับการเล่นไฟล์ DSD ก็ตามที แต่เราก็สามารถเล่นมันร่วมก้นผ่านช่องทาง INPUT ที่เป็น Line in แบบอนาลอกนั่นเอง ในแพคเกจของ Shure จะมีแถมสาย mini to mini ขนาดเล็กให้มาเส้นหนึ่งซึ่งสามารถใช้งานได้ทันที

แต่ผมเลือกอัพเกรดการถ่ายทอดเสียงทางช่องทาง LINE IN ด้วยสายอัพเกรดค่ายอิสระต่างๆที่ชำนาญในการผลิตสายนำสัญญาณลักษณะนี้อยู่แล้ว การปรับเปลี่ยนสายสั้นๆในช่วงนี้ มีผลต่อคุณภาพเสียงโดยรวมทั้งหมดของซิสเต็ม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคนเล่นเองด้วย ผมจับเปลี่ยนสายสัญญาณจากสายแถมมาเป็นสายอัพเกรด แล้วทดลองเล่นร่วมกับเครื่องเล่น DAP คุณภาพสูงอีกตัวหนึ่งของวงการ นั่นก็คือ Astell&Kern AK380 U โดยลองเล่นกับไฟล์เพลงที่บรรจุลากหลายอยู่ในเครื่อง แต่มีเพลงเด็ดที่อยากจะเล่าให้ฟังอยู่เพลงหนึ่งครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 27

นายมั่นคง

14/09/2016 23:22:51
4,282


เคล็ดลับก่อนฟัง

เล่าย้อนขึ้นไปเล็กน้อยสำหรับท่านที่ตัดสินใจซื้อและใช้งาน Shure KSE1500 ทุกท่าน หากท่านมีความคุ้นเคยกับการฟังหูฟังตัวเล็กๆในระบบ Balanced Amateur อยู่แล้ว ต้องบอกว่าเวลาท่านสลับมาฟังหูฟัง Shure KSE1500 ซึ่งเป็นระบบ Electrostatic ในทันที ท่านอาจจะเกิดความรู้สึกแปลกกัเสียงที่ได้ยินในครั้งแรก นั่นเป็นเพราะลักษณะการถ่ายทอดเสียงของหูฟังทั้งสองระบบนั้นแตกต่างกัน ผมเองเมื่อครั้งที่ได้ทดลองฟัง Shure KSE1500 เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกได้ถึงอาการที่ว่า คือยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นมีความพิเศษแตกต่างในด้านใดบ้าง

คำแนะนำคือให้ใช้เวลาฟังไปก่อนประมาณ 1-2 วันเต็ม โดยให้หยิบเอาอัลบั้มที่ฟังจนคุ้นเคยทีสุดมาฟังเพื่ออ้างอิงหลายๆอัลบั้ม และขอให้ฟังยาวๆแบบไม่สลับเปลี่ยนไปฟังหูฟังตัวอื่นๆ หลังจากผ่านไป 1-2 วัน ขอให้สลับกลับมาฟังหูฟังตัวเดิที่ท่านมีอยู่ก่อนหน้า อาการแรกที่ท่านรู้สึกได้ คือหูฟังตัวเดิมนั้นมีการแต่งแต้มสีสันที่เกินจริงอยู่ ความถี่ต่างๆมีการปรุงแต่งอยู่อสมควร และท่านจะรู้สึกว่าหูฟังระบบ Electrostatic จาก Shure นั้น ให้ความรู้สึกที่สมจริงกว่า มีความเที่ยงตรงสูงกว่า และการแจกแจงตำแหน่งชิ้นดนตรี รวมถึงการวาง Layer นั้นทำได้ดีเยี่ยมยิ่งกว่า

ผลการทดสอบฟัง

ผมลองฟัง Shure KSE1500 ร่วมกับ DAP AK380 CU เปิดไฟล์เพลงรายละเอียดสูงอื่นๆ อีกหลายๆอัลบั้มในการทดสอบฟัง ซึ่งข้อที่แนะนำคือ หากท่านที่ใช้มิวสิคเพลย์เยอร์ะดับพระกาฬอยู่แล้ว การอ่านไฟล์ที่ละเอียดสูงเกินกว่า 24/96 หรือเป็นไฟล์ DSD ขอให้ท่านใช้ช่องทางออกจากเพลย์เยอร์ เป็นอนาลอกเอาท์ แล้วให้เลือกใช้หูฟัง Shure KSE1500 เป็นตัวรับสัญญาณอนาลอก LINE IN แล้วฟังได้เลย และอย่าลืมว่าการฟังโดยผ่านช่อง LINE IN ต้องเข้าไปปรับตั้งในเมนูให้เป็น Audio > INPUT PAD > -10 dB ก่อนด้วยนะครับ เพื่อความลื่นไหลและสัญญาณที่แรงในระดับพอดีกับการรับฟัง

ขั้นตอนต่อไปก็คือการเลือกจุกหูฟังในชุดให้ตรงกับตัวเราเองมากที่สุด Shure KSE1500 ให้ชุดจุกยางต่างๆมามากจนเกินพอแล้วครับ ซึ่งหูฟัง Shure KSE1500 นั้นให้การกันเสียงรบกวนภายนอกสูงมาก ซึ่งข้อนี้อาจจะเป็นข้อที่บางท่านชอบและบางท่านอาจจะอยากได้แบบกันเสียงได้น้อยกว่านี้ ซึ่งสุดแท้แต่รสนิยมครับ การเลือกใช้จุกโฟมทำให้ซาวด์โดยรวมนุ่มลงได้ หรือถ้าเป็นจุกยางก็จะให้เนื้อเสียงเบสที่มวลหนาขึ้น ซึ่งบางท่านอาจจะเลือกจุกหูฟังของค่ายอิสระก็สุดแท้แต่ความถนัด 

เสียงของ Shure KSE1500 นั้น หลังจากที่ทำความคุ้นเคยกับมันซักพัก จะพบว่ามันให้เสียงที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์แบบ Balanced Amateur พอสมควร ในหูฟังที่ใช้ไดรเวอร์แบบ BA นั้น โดยมากจะเน้นไปที่ความชัดเจนเป็นส่วนใหญ่ เราจะได้ยินเสียงดนตรีทุกชิ้น นั้นชัดทุกระยะ ชัดทุกตำแหน่ง ซึ่งหลายคนอาจจะชื่นชอบการให้เสียงในลักษณะดังกล่าว แต่กับ Shure KSE1500 นั้น เสียงที่ทุกท่านได้ยินอาจสร้างความแปลกใจให้กับท่าน คือมันไม่ได้ให้เสียงที่ชัดเป๊ในทุกความถี่ แต่มันให้เสียงแบบที่หนักไปทางการสร้างลีลาของเสียงมากกว่า

หรือจะบอกว่าซาวด์ของ Electrostatic นั้นเป็นซาวด์หล่อ หรือเสียงแบบพระเอกก็คงได้ครับ สเกลเสียงของ Shure KSE1500 เป็นเสียงแบบสเกลใหญ่ คือนักร้องตัวโต ชิ้นดนตรีให้ความรู้สึกถึงขนาดที่ใหญ่กว่า ในช่วงต้นๆของการฟัง ผมเคยรู้สึกว่าปลายเสียงบางอย่งมันขาดหายไป แต่หลังจากฟังแบบพินิจแล้ว ความจริงทุกสิ่งมันอยู่ครบ เพียงแต่มันถูกจัดเรียงลดหลั่นเข้าลึกไปเป็นชั้นๆ นั่นเอง เสียงที่อิ่ม เนียน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ฮิตในชั่วโมงนี้ รวมถึงเวทีเสียงของ Shure KSE1500 นั้น ถือว่ากว้างเมื่อเทียบกับหูฟังกลุ่ม inear ด้วยกัน แต่แน่นอนว่าเวทีเสียงอาจจะไม่ว้างเท่ากับหูฟังระดับฟูลไซส์ระดับพระกาฬทั้งหลายในท้องตลาด

โชคดีของผมที่เคยมีโอกาสฟังหูฟัง Electrostatic ระดับเรือธงของทุกค่ายในโลกมาครบหมด(ขอเค้าฟังฟรี)  ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งของหูฟังประเภทนี้ก็คือเรื่องความเที่ยงตรงนั่นเอง หูฟังสไตล์ Electrostatic ถ่ายทอดคุณภาพการบันทึกได้เที่งตรงสูงกว่า ทำให้เรารู้สึกและรับรู้ได้ถึงทรวดทรงของเครื่องดนตรี อะไรที่มันเป็นทรงกลม หรือมีการสั่นก้องกังวานอยู่ภายในเหมือนเราจะได้ยินสิ่งเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น และระยะของชิ้นดนตรีนั้นลอยห่างออก จากกัน ไม่มีอาการบังกัน หรือรวมกันเป็นก้อนแบบแยกไม่ออก กับ Shure ตัวนี้ ชิ้นไหนอยู่ใกล้มันก็ใกล้ แต่ชิ้นไหนอยู่ไกล หูฟัง Electrostatic มันกลับให้ระยะที่ไกลยิ่งกว่า และสิ่งที่อยู่ไกลเสียงก็จะได้ยินเบาลงสมจริงตามระยะ ไม่ใช่ชิ้นที่อยู่ไกลหรือใกล้ก็ให้เสียงที่ดังเท่ากันหรือไม่ต่างกัน

มาว่ากันในเรื่องไดนามิกทรานเซี้ยน (Dynamic Transient) สิ่งที่หลายๆท่านเคยเป็นกังวลว่าหูฟัง Electrostatic นั้นให้ไดนามิกได้ไม่เร้าใจเท่หูฟังที่ใช้ไดรเวอร์ประเภทอื่นๆ จากที่ลองฟัง Shure KSE1500 กับเพลงหลากหลายนั้น ผมพบว่า Shure KSE1500 ให้ไดนามิกเสียงที่ดีมาก ไม่มีอาการป้อแป้ หรือโหนไม่ขึ้น ช่วงโหมของเพลงไม่ว่าจะเป็นการกระหน่ำกลองหรือแรงปะทะต่างๆนั้นรู้สึกถึงแรงที่ดี และไทม์มิ่งนั้นเที่ยงตรง ไม่มีแววว่ากลองหวดแล้ว แต่เสียงเบสเพิ่งดีดตามหลังมา อาการหนืดหรือช้าเพราะดนตรีมาไม่พร้อมกันนั้นตัดออกได้เลย

ในตัวขยาย KSA1500 นั้นมีฟังก์ชั่น Equalizer มาให้ใช้ด้วย ซึ่งปกติแล้วผมจะบอกกับทุกท่านเป็นประจำว่าเลี่ยงเถอะอย่าใช้เลย เพราะส่วนมาก Equalizer นั้นมักมอบความเพี้ยนมาพร้อมกัความตื่นตาตื่นใจ(ติดหู) การหวังผลที่ดีจากฟังก์ชั่นอีควอไลเซอร์นั้นเป็นอะไรที่นักเล่นมักจะไม่นิยมกัน แต่กับ Shure KSA1500 นั้น ผมได้ลองในโหมด Low Boost พบว่ามันหวังผลได้ดีพอสมควร มันน่าจะเหมาะกับท่านที่บางอารมณ์ที่ไม่อยากจะเปิดเพลงดังมาก แต่อยากได้ยินเสียงเบสต่ำๆที่ครบหรือมากกว่าเดิมอีกนิด ซึ่งโหมด Low Boost ตอบสนองได้ดีครับ ส่วนโหมดอื่นๆ โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยอยากใช้เท่ไรนัก

จากการทดสอบฟังหลายชั่วโมงติดกันในห้องปรับอากาศ พบว่าในส่วนของตัวแอมป์ KSA1500 นั้น ไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่สูงขึ้แต่อย่างใดแม้แต่น้อย ไม่สามารถใช้คำว่าอุ่นเลยด้วยซ้ำครับ ซึ่งถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนเวลาใช้ฟังเพลงยังกลับรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนกว่า ซึ่งแอมป์ KSA1500 นั้นออกแบบฟังก์ชั่นคำนวนอุณหภูมิให้เราทราบด้วยการเข้าไปที่เมนู Utilities แล้วกดเข้า Battery Info > Temp จะพบกับคำว่า Normal โดยตลอดครับ ตัดปัญหาท่านที่กังวลและไม่ชอบใจกับอุปกรณ์กับอุณหภูมิขณะใช้งาน

แล้วก็มาถึงเพลงครูที่ใช้ทดสอบในครั้ง นี้ ผมเลือก Source เป็น Astell&Kern AK380 CU โดยเปิดไฟล์ DSD อัลบั้ม The Raven ของ Rebecca Pidgeon ซึ่งเป็นอัลบั้มคุณภาพดีบันทึกดีจากค่าย Chesky Records แถมเล่นโกงด้วยการใช้สาย mini to mini ของค่าย DHC เติมลงในชุดซักหน่อย เราไปพิสูจน์ในแทรคเดียวกันเลยก็แล้ว กัน กับแทรค Spanish Harlem ซึ่งเป็นเพลงที่มีคนนำมา cover มากที่สุดอีกเพลง ซึ่งต้นฉบับเป็นของ Ben E King แต่วันนี้เรามาฟังในเวอร์ชั่นของ Rebecca กันครับ

หลายคนคงบ่นหรือด่าผมในใจว่าอัลบั้มนี้ ฟังด้วยหูฟังอะไรหรือเครื่องอะไรก็ดีทั้งนั้น แต่ผมจะชี้จุดที่น่าจะมีความแตกต่าง ระหว่างหูฟังทั่วไปกับ Electrostatic ของ Shure KSE1500 ว่ามีตรงไหนบ้าง เสียงที่ได้ยินจากหูฟัง Shure นั้นให้สเกลของ Rebecca ที่ใหญ่กว่า รวมถึงถ่ายทอดบรรยากาศ ambient ออกมาได้อย่างมีชั้นเชิงกว่า เสียงสะท้อนใน Studio นั้นถูกถ่ายทอดให้ได้ยินแบบมีระยะห่างและเป็นหางเสียงแบบที่มีเสน่ห์มากกว่า กลุ่มเครื่องสีให้ความต่อเนื่องและลื่น รวมถึงโชว์ให้ได้ยินน้ำหนักที่อ่อนแก่ตามน้ำหนักการเล่น

เสียง Rebecca  ดูเหมือนจะใส่ฟิลลิ่งอารมณ์ในการร้องมากขึ้น ออดอ้อนฉอเลาะมากขึ้นกว่า ซึ่งความสามารถในการเก็บรายละเอียดที่ดีและการไล่ Dynamic Contrast ที่ดีเหล่านี้ จะทำให้เรารับรู้ถึงอารมณ์เพลงต่างๆได้ดี เสียงของ Shure KSE1500 ฟังแล้วได้ความเป็นอนาลอกที่สูงกว่าหูฟังไดรเวอร์แบบ BA อาการจัดจ้านหรือตอแหลของดิจิตอลน้อยมาก อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น  Shure KSE1500 ไม่ใช่หูฟังที่ให้ความชัดเจนแบบสว่างโร่เห็นทุกอย่างหมด  เพียงแต่วิธีการเผยตัวของรายละเอียดนั้นทำได้แบบมีชั้นเชิงกว่าเท่านั้น

ส่วนสำคัญของซิสเต็มนี้ก็คือเรื่องกำลังขับ หลายท่านที่เคยมีโอกาสฟังตัว Shure KSE1500 เวอร์ชั่นแรกในงาน Canjam ที่สิงคโปร์เมื่อช่วงต้นปี อาจจะรู้สึกว่าพละกำลังนั้นยังไม่เพียงพอ ตัวผมเองก็รู้สึกว่าตอนนั้น Shure ทำภาคขยายมาเบาไปหน่อย ซึ่งวิศวกรของ Shure เก็บข้อมูลต่างๆและได้นำตัว Prototype ดังกล่าวไปปรับใหม่ทั้งหมด ซึ่งรุ่นที่ออกจำหน่ายจริงปัจจุบันนั้น ให้กำลังที่สูงจนเกินพอ ไม่ว่าท่านจะเป็นคนฟังเพลงที่ดังขนาดไหนก็ตาม และโวลุ่มใน Shure ตัวนี้ให้เกนการเร่งและดังขึ้นทีละสเตปเท่ากันจนถึงระดับ 25

จุดที่ผมถือว่าเป็นทีเด็ดทีขาดของซิสเต็มที่ผมฟังอยู่นี้ก็คือ ช่วงที่เป็นท่อนโซโล่ของกลุ่มไวโอลินในแทรค Spanish Harlem เค้าจะแทรกการเขย่าเครื่องดนตรีที่เรียกว่า มาราคัส (Maracas) หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่าลูกแซคนั่นเอง ผมไม่เคยได้ยินท่อนเขย่ามาราคัสในเพลงนี้จากชุดไหนๆ ที่แสดงให้เห็นถึงลีลาของคนเล่นได้มากเท่ากับชุดนี้ ปกติเราจะได้ยินเสียงมาราคัสเขย่าอยู่ห่างออกไกลๆไปทางแชนแนลขวาเฉียงขึ้น 45 องศา ซึ่งเรามักจะได้ยินเสียงดัง แซ๊ก แซ๊ก อยู่กับที่ ไม่เคลื่อนไหว ฟังแล้วเหมือนแค่นักดนตรีขยับแค่ข้อมือไปมา

แต่กับชุดนี้ ผมได้ยินเสียงมาราคัสนั้นมีการเหวี่ยงออกและดึงมือเข้าออกแบบมีระยะทางที่ไกลกว่าและมีนัยยะ และยังรู้สึกว่านอกจากการดึงมือเข้าออกแล้ว ยังสามารถจับเสียงได้ว่า นักดนตรีมีการวาดวงข้อมือเหวี่ยงไปหลายทิศทางทั้งซ้ายและขวา ไม่ได้อยู่กับที่ตายตัวเหมือนกับที่เคยได้ยินมา ซึ่งฟังแล้วแปลกใจตรงที่รู้สึกว่ามันให้อรรถรสในการฟังมากกว่า มีชีวิตชีวามากกว่า ถึงจะต้องนั่งฟังแบบจับผิดก็ตามที หลายท่านคงนึกในใจว่านี่คือการพรรณาที่เพ้อเจ้อหรือเปล่า ซึ่งผมก็รู้สึกหนักใจตรงที่ไม่รู้ว่าจะยื่นให้ท่านฟังไปพร้อมๆกันกับผมได้อย่างไรเช่นกัน

บทสรุป

Shure KSE1500 อาจจะไม่ใช่หูฟังที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของทุกๆคน มันเป็นหูฟังที่ต้องพ่วงแอมป์ KSA1500 ไปด้วยตลอด มันเป็นหูฟังที่เจ้าของควรจะต้องเป็นคนที่สนใจฟังเพลงจาก Source ที่หลากหลาย ทั้งการฟังแบบสตรีมมิ่งหรือฟังจากไฟล์ที่เก็บใน Source ต่างๆ และที่แน่ๆต้องเป็นคนที่ต้องการเสียงที่มีเอกลักษณ์แบบเฉพาะตัวในสไตล์แบบ Electrostatic แท้ๆ ชอบความสมจริงที่อิงเสียบแบบอนาลอก และให้ความเที่ยงตรงที่ถ่ายทอดจากการบันทึกเสียงในห้องอัด และต้องเป็นคนที่ยอมแลกคุณภาพเสียงที่เยี่ยมยอดกับการที่ต้องพกพาอุปกรณ์เพิ่มขึ้นอีก 1 ชิ้น

สนนราคาของ Shure KSE1500 ถูกวางไว้ที่ 119,000 บาท ซึ่งรีวิวข้างต้นเป็นเพียงการบอกเล่าถึงข้อมูลต่างๆและแนวทางของสินค้า สุดท้ายทุกท่านคงต้องหาเวลาทดลองฟังด้วยตัวเอง และพินิจพิจารณาโดยละเอียดก่อนตกลงปลงใจกับหูฟังเซ็ทนี้ครับ!!

ขอได้รับความขอบคุณ
นายมั่นคง
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 2
ความคิดเห็นที่ : 28

นายมั่นคง

14/09/2016 23:29:21
4,282


ซิสเต็มที่ใช้ร่วมการทดสอบ :

Shure KSE1500
Shure KSA1500
มิวสิคเพลย์เยอร์ Astell&Kern AK380 CU
มิวสิคเพลย์เยอร์ Opus#1
สาย Mini to Mini ค่าย DHC
สาย Mini to Mini ค่าย CypherLab
จุกยาง Spinfit
จุกยาง Westone
iPhone 6s + Neutron App
Tidal Streaming Music
DSD file, 24/96

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 29

ellevoid

15/09/2016 09:56:52
220
ว้าวววววววววววววววววววว
เทียบกับชุด stax ตั้งต้น (SR-L700 + Amp) ที่รวมแล้วราคาใกล้ๆ กัน เป็นอย่างไรบ้างครับเฮียมั่น 
ดูจากรีวิว KSE1500 เทียบกับ L700 ที่เคยฟัง เหมือน Shure จะกินขาดเรื่องเสียงมากกว่ารึเปล่าครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 30

Judo

15/09/2016 10:18:33
11
ประเดิมรีวิวตัวละแสนสอง T T
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 31

หลุยส์ munkonggadget

15/09/2016 11:19:33
1,057
อีกหนึ่ง hilight ของปีนี้เลยครับ สำหรับหูฟังอินเอียร์ และให้เสียงที่มีเอกลักษณ์มากๆเลยครับสำหรับ KSE1500
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 32

เชื่อผมเถอะ

15/09/2016 14:02:12
สำหรับท่านที่คิดว่าราคานี้แพง ขอให้คิดซะว่ามันคือการย่อส่วนหูฟังอีเล็คโทรสแตติกขนาดมโหฬารมาอยู่ใน in-ear ขนาดเล็กจิ๋ว รวมร่างกับ DAC/AMP อีเล็คโทรสแตติกระดับเทพที่ถูกย่อส่วนให้เล็กขนาดพกใส่ในกระเป๋าเสื้อได้ นี่มันคือนวัตกรรมแห่งวงการ audiophile เลยก็ว่าได้ คิดได้แบบนี้แล้วจะรู้สึกว่าราคานี้ถูกเหมือนได้ฟรีเลยครับ :)


ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 33

AscoGenetic5

15/09/2016 15:52:37
175
โพสต์ได้แล้วครับ คันเลย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 34

redondo16

15/09/2016 16:07:24
55
ราคาได้ใจมาก ขอไปลองฟังให้เป็นบุญหูหน่อยนะครับ ถถถ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 35

seeeee

15/09/2016 16:09:36
74
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 32

สำหรับท่านที่คิดว่าราคานี้แพง ขอให้คิดซะว่ามันคือการย่อส่วนหูฟังอีเล็คโทรสแตติกขนาดมโหฬารมาอยู่ใน in-ear ขนาดเล็กจิ๋ว รวมร่างกับ DAC/AMP อีเล็คโทรสแตติกระดับเทพที่ถูกย่อส่วนให้เล็กขนาดพกใส่ในกระเป๋าเสื้อได้ นี่มันคือนวัตกรรมแห่งวงการ audiophile เลยก็ว่าได้ คิดได้แบบนี้แล้วจะรู้สึกว่าราคานี้ถูกเหมือนได้ฟรีเลยครับ :)



ใช่เลยครับ แต่คงไม่เหมือนได้ฟรีนะครับ แหะๆ

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 36

Santa

15/09/2016 16:17:19
87
ทำราคาขายดีเลยครับ ไม่ต่างกับที่เคยซื้อจากญี่ปุ่นมากนัก
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 37

ohwownoone

15/09/2016 20:47:56
370
อ่านรีวิวเฮียทีไร บัตรเครดิตในกระเป๋าดิ้นขลุกขลิกทุกทีเลย เฮียเขียนได้ดีมากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 38

thekop41130

15/09/2016 21:38:11
10
ได้ฟังสักครั้งจะเป็นบุญหูมากครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 39

l2esurection

15/09/2016 21:49:45
62
ไว้จะเข้าไปลองฟังนะครับเฮีย แต่ไม่มีปัญญาซื้อแล้ว 5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 40

Tunkana888

15/09/2016 22:50:23
4
ก้าวใหม่จองวงการหูฟัง อยากฟังซักครั้งจังครับ(ทดสอบคอมเม้นเเรกในเวปใหม่ อิอิ)
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 41

bonus79

16/09/2016 01:16:16
1,133
รีวิวยาวระเอียดยิบเลยครับ น่าใช้จริงๆ
ขอบคุณครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 42

Five

16/09/2016 01:58:17
100
รีวิวได้อลังการมากครับเฮีย

อ่านจบแล้วสมกับชื่อ พระกาฬสุดชัวร์ จริงๆ :D
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 43

Noize

16/09/2016 06:24:02
2
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 33

โพสต์ได้แล้วครับ คันเลย 555

คิดไว้ไม่ผิด 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 44

ManPlayEar

16/09/2016 06:52:27
21
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 43


 


อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 33

โพสต์ได้แล้วครับ คันเลย 555




คิดไว้ไม่ผิด 555


 



 อ้าว.....ทำไมพี่น้อยส์คิดเหมือนกันเลย 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 45

นายมั่นคง

16/09/2016 09:52:35
4,282
555 ขอบคุณทุกๆๆท่านที่แวะมาอ่านนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 46

Reizei_Mako

16/09/2016 11:38:45
23
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับเฮีย

รีวิวงวดนี้รู้สึกว่าเฮียจะมาพร้อมกับความจริงจัง หนักแน่นเป็นพิเศษ ความฮาและออกนอกเรื่องอาจลดลงไป แต่สาระกับข้อมูลมาเต็มๆ เม็ดฮะ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 47

Kengss

16/09/2016 11:55:57
0
ตัวนี้แจ่มมากครับเฮีย  มีโอกาสต้องเข้าไปลองฟังๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 48

Tanawat Na Ja

16/09/2016 13:00:16
5
อ่านรีวิวเฮียแล้วคันทุกครั้งเหมือนเดิมเลย 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 49

PUPU

16/09/2016 13:29:42
44
ราคาโหดกิงๆ คงต้องรอแบรนด์อื่นๆทำได้ก่อน ถึงจะมีการสู้กันด้านราคา
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 50

นายมั่นคง

16/09/2016 13:49:12
4,282
รีวิว Shure 1500 ตัวนี้ ผมเขียนแบบเชิงให้ข้อมูลที่ครบถ้วนไว้ก่อน และ product มันแลดูเอาจริงเอาจัง ผมก็เลยไม่ได้เขียนจนออกนอกทางเหมือนเคย 555 เพราะหลายท่านก็ทักมาว่าเขียนเล่นจนเกินไป หาสาระไม่ค่อยได้ว่างั้น 555

ตัวนี้จะมีการแนะนำส่วนต่างๆเพิ่มเข้ามาเยอะหน่อย และมีทริคในการใช้งานเสริมเข้ามาอีก ส่วนตัว Shure KSE1500 จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 นี้ที่สาขาพารากอน ซึ่งจะมีสื่อมวลชนเข้าทดลองฟังกันเยอะพอสมควร ยังไงเดี๋ยวผมจะมาแจ้งให้ทราบว่าจะมีโปรโมชั่นเปิดตัวอะไรบ้างนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 51

simseng

16/09/2016 13:58:14
6
สำหรับผมคนชอบเล่นชอบลอง ก็คงได้แต่ชื่มชมห่างๆอย่างห่วงๆครับ 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 52

ellevoid

16/09/2016 14:14:05
220
เฮียครับ ตัวนี้เสียงเทียบกับ set Stax L700+Stax amp เป็นอย่างไรบ้างครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 53

นายมั่นคง

16/09/2016 16:16:52
4,282
เทียบกันกับ Stax L700 ผมยังมองว่าได้เปรียบเสียเปรียบคนละมุมครับ การสวมใส่ L700 น่าจะสบายกว่า ความกว้างของซาสด์เสตทและฟิลลิ่งการสวมใส่ของฟูลไซส์ยังไงก็เหนือกว่า แต่แลกกับการที่พกไม่ได้ ส่วน KSE1500 ได้เรื่องพกพาและรายละเอียดที่ได้ยินครบๆคล้ายๆกับพวก inear Hiend ทั้งหลาย จุกจิกปลีกย่อยที่หยุมหยิมครบถ้วนกว่า ทุกอย่างเงียบสงัดกว่า ถ้าไม่ขยับที่ฟังเลย การเลือกชุด desktop ยังไงก็ยังได้เปรียบครับ แต่พอตัดสินเรื่องการพกพา คราวนี้คิดยากจัง 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 54

...

16/09/2016 16:34:51
5
ขอติงเฮียซะนิดนะครับ ว่า
มันอายเขานะ ระบบราคาแสนกว่า จุกยางที่ให้มามันเป็นไงไม่ดีหรือ ถึงได้ใช้ จุกยาง Spinfit 
จุกยาง Westone ทดสอบ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 55

นายมั่นคง

16/09/2016 22:18:02
4,282


สังเกตุดูจะเห็นว่าจุกยางทางซ้ายมือสุดให้รูที่ขนาดใหญ่สุด และก็ถัดลงมา จนถึงจุกยางของค่าย Shure ที่มีขนาดเล็กสุดครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 56

นายมั่นคง

16/09/2016 22:18:58
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 54
- ...

ขอติงเฮียซะนิดนะครับ ว่า
มันอายเขานะ ระบบราคาแสนกว่า จุกยางที่ให้มามันเป็นไงไม่ดีหรือ ถึงได้ใช้ จุกยาง Spinfit 
จุกยาง Westone ทดสอบ

อันนี้ไม่แปลกเลยครับ คือเซ็ทของจุกยางชุดนี้ จะเป็นเซ็ทมาตรฐานของ Shure เค้า ซึ่งจุกยางค่าย Shure จะทำรูจุกยางที่รูเล็กกว่าค่ายอื่นๆ ซึ่งทำให้ได้ยินเสียงทุ้มที่เยอะกว่า อิ่มหนากว่า แต่เสียงแหลมอาจจะเปิดน้อยกว่า ซึ่งผมเป็นคนฟังแหลมเยอะกว่าชาวบ้านก็เลยต้องคว้าจุกยางที่มีรูออกเสียงขนาด ใหญ่กว่านั่นเองครับ 555
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 57

นายมั่นคง

17/09/2016 00:27:30
4,282
.
ให้กำลังใจ 1
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 58

นายมั่นคง

19/09/2016 22:28:30
4,282


พรุ่งนี้ (20 กันยายน) จะมีงานเปิดตัวหูฟัง Shure KSE1500 โดยบริษัทมหาจักร จัดช่วงบ่ายที่สาขาพารากอนครับ  พรุ่งนี้ช่วงบ่าย 4 โมงเป็น ที่พารากอนจะมี Shure ตัวนี้ให้ฟัง 2 เซ็ทนะครับ แล้วหลังจากนั้นจะแบ่งไปที่เรือธงอีก 1 เซ็ทในวันถัดไปจ้าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 59

ทัตเทพ บุณอำนวยสุข

20/09/2016 12:49:57
113
เฮียครับ  น่าจำนำไปให้ลองฟังกันที่งานมีตติ้ง 15 ตค 59 นี้ด้วยนะครับ........คือมัน....เอิ่ม.....อยากฟังน่นครับ.....5555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 60

ทัตเทพ บุณอำนวยสุข

20/09/2016 12:50:26
113
น่าจะครับ  ขอโทษพิมพ์ผิด
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 61

นายมั่นคง

20/09/2016 21:56:12
4,282
ในงานไม่ได้เอาไปครับคุณหมอ 555


อันนี้เป็นคลิปรีวิวของ Shure KSE1500 ครับ ยาวนิดหน่อย เหมาะสำหรับยามว๊างว่างนะครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 63

somkiatr

21/09/2016 18:49:25
182
เฮียครับอยากให้เฮียประเมินหน่อย ตัวนี้ต่อกับ AK300 + (สาย M2M DHC COM4) พอจะสู้ 380Cu + Layla II ได้ไหมครับ 555  
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 64

Ahura

21/09/2016 18:55:04
1,663


เสียงใกล้เคียงกับ Layla II + Billow เลยครับ ^ ^
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 65

somkiatr

21/09/2016 19:08:34
182
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 64
- Ahura



เสียงใกล้เคียงกับ Layla II + Billow เลยครับ ^ ^


เฮ้ย โห อาจารย์ ไวสุดๆ เร็วปานกามนิตหนุ่ม 
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 66

AscoGenetic5

21/09/2016 19:48:04
175
ผมว่ามันคนละแนวอ่ะครับ ชัวร์กับ Layla II
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 67

Ahura

21/09/2016 20:19:14
1,663


คุณหลุ่งลองฟัง Layla II + Billow ดูก่อนครับ สายน่าจะยังอยู่กับหลุยส์ได้อีกแค่ 2-3 วัน แล้วจะเปลี่ยนความคิดครับ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 68

นายมั่นคง

21/09/2016 20:31:48
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 63
- somkiatr

เฮียครับอยากให้เฮียประเมินหน่อย ตัวนี้ต่อกับ AK300 + (สาย M2M DHC COM4) พอจะสู้ 380Cu + Layla II ได้ไหมครับ 555  


ประเมินลำบาก เพราะถึงตอนนี้ผมยังใส่ Layla II ไม่เข้าเลยครับ 555  ยอมรับว่าหูผมรูเล็กเกินกว่าจะใส่ JH uiem ทุกตัวจริงๆครับ แต่เท่าที่ฟังมา การต่อกับเพลย์เยอร์ดีๆด้วยช่อง mini to mini ผมว่าโอเคดีมากครับ คุณภาพผันแปรได้ตามสายสัญญาณอีกด้วยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 1
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 69

AscoGenetic5

22/09/2016 15:21:58
175
ตัวนี้ต้องโดนก่อนสิ้นปีครับ เป็นของขวัญให้กับตัวเองซักหน่อย 555

ชอบมากๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 70

AscoGenetic5

22/09/2016 15:23:12
175
หูมันไวต่อสายมินิและต้นทางมากเลยครับ เมื่อวานเล่นหลายแบบ เสียงต่างกันชัดเจนเลย

แต่ยังคงเอกลักษณ์ของชัวร์อยู่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 71

Ahura

22/09/2016 16:10:18
1,663
ส่วนตัวคิดว่าถ้าใช้ Com 4 Hybrid มาช่วยเบส
เสียงน่าจะสุดยอดมากๆครับ ^ ^

ป.ล. Com4 Silver ผมว่ามันจ้าและเบสบางไปนิดครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 72

AscoGenetic5

22/09/2016 16:16:34
175
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 71
- Ahura

ส่วนตัวคิดว่าถ้าใช้ Com 4 Hybrid มาช่วยเบส
เสียงน่าจะสุดยอดมากๆครับ ^ ^

ป.ล. Com4 Silver ผมว่ามันจ้าและเบสบางไปนิดครับ


เมื่อวานผมลองใช้ Brimar Monarch Reference สายทองครับอาจารย์ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 73

เอกเรื่องมาก

22/09/2016 16:56:09
23
ในอนาคตมันจะมีแบรนด์อื่นทำออกมาแต่ถูกกว่านี้ไหมนี่
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 74

somkiatr

22/09/2016 19:29:05
182
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 73
- เอกเรื่องมาก

ในอนาคตมันจะมีแบรนด์อื่นทำออกมาแต่ถูกกว่านี้ไหมนี่


คิดเหมือนผมเลย ถ้ามันดีขนาดนี้ อีกหน่อยแย่งกันผลิต ราคาคงจะถูกลง
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 75

นายมั่นคง

22/09/2016 22:22:43
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 69
- AscoGenetic5

ตัวนี้ต้องโดนก่อนสิ้นปีครับ เป็นของขวัญให้กับตัวเองซักหน่อย 555

ชอบมากๆ

หมายถึง Shure 1500 เปล่าคุณหลุ่ง 555 ตัวนี้เล่นไม่ง่ายนัก คือเครื่องเคียงมีผลพอสมควร ตอนแรกๆพวกสายแถมต่างๆนี่เล่นเอาผมมึนไปหมด ต้องไปนั่งไล่กันใหม่ พวกจุกยางที่เราถนัดก็เกี่ยว ลองไปฟังให้ถนัดๆได้ตลอดนะครับ 555

ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 76

นายมั่นคง

22/09/2016 22:39:01
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 73
- เอกเรื่องมาก

ในอนาคตมันจะมีแบรนด์อื่นทำออกมาแต่ถูกกว่านี้ไหมนี่


ในอนาคตคิดว่าไม่น่าจะมีใครทำครับ เพราะของมันท่าทางทำยากเอาเรื่องครับ เพราะขนาด Shure ยังทำไปซะ 8 ปี และอีกอย่างต้องใจรักจริงๆอีกด้วยครับ เพราะต้องพกตัวไดรฟ์ไปคู่กันตลอดจ้าๆๆๆ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 77

หลุยส์ munkonggadget

02/10/2016 23:52:52
1,057
ตอนนี้เสียงของ KSE1500  พัฒนาจากวันเเรกไปเยอะมากครับ  ซึ่งฟังดูเเล้วยังไปได้อีกเรื่อยๆครับ ใครที่ได้ฟังช่วงเเรกๆเเล้วเเนะนำให้กลับมาฟังดูอีกทีครับ เสียงที่ได้นั้นนิ่งเเละมี class มากๆ ฟังเเล้วเเทบไม่อยากวางเลยครับ
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 78

AscoGenetic5

04/10/2016 02:22:19
175
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 77
- หลุยส์ munkonggadget

ตอนนี้เสียงของ KSE1500  พัฒนาจากวันเเรกไปเยอะมากครับ  ซึ่งฟังดูเเล้วยังไปได้อีกเรื่อยๆครับ ใครที่ได้ฟังช่วงเเรกๆเเล้วเเนะนำให้กลับมาฟังดูอีกทีครับ เสียงที่ได้นั้นนิ่งเเละมี class มากๆ ฟังเเล้วเเทบไม่อยากวางเลยครับ


ฟังแล้วไม่อยากวาง เมียคงเขกกะโหลกแน่นอน 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 79

bighehe

09/10/2016 23:15:39
1
ฟ้งแล้วอึ้ง อยากเลย
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 1
ความคิดเห็นที่ : 80

นายมั่นคง

09/10/2016 23:19:31
4,282
อ้างอิง : ความคิดเห็นที่ 78 - bighehe
ฟ้งแล้วอึ้ง อยากเลย


 
ถ้าว่างอย่าลืมมามีตติ้งด้วยล่ะบิ๊ก 55
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
ความคิดเห็นที่ : 81

นายมั่นคง

09/10/2016 23:21:08
4,282
ตอนนี้เริ่มมีผู้ทะยอยเข้ามอบตัวกับทางการแล้วครับ คาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะหนาแน่นแน่ๆๆ เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงต้นยกอยู่ หลายท่านยังจรดๆจ้องๆขยับฟุตเวิร์ครอเพื่อนๆกันอยู่นั่นเอง 555

ท่านใดสนใจคงต้องไวนิดนึงครับ วันฮาโลวีนเมื่อไหร่ ของแถมไม่มีแล้วเด้อๆๆๆ 555
ให้กำลังใจ 0
หยิกหู 0
แจกหู 0
"รีวิว : หูฟังอีเล็คโทรสแตติก Shure KSE1500 (พระกาฬสุดชัวร์)"