หลังจากที่เล่นเครื่องเสียงชุดนี้มาได้ระยะหนึ่งแล้ว เจ้าของชุดก็เกิดต้องการอัพเกรดลำโพง และสายสัญญาณต่างๆเพิ่ม
ทางผมก็เลยบรคไว้ก่อน เพราะว่าห้องเก่านั้นเป็นการดัดแปลง เอาห้องที่ใช้ในการดูหนัง มาทำเป็นห้องฟังเพลงด้วย
ทำให้การอัพเกรดเปลี่ยนลำโพง หรืออุปกรณ์ส่วนอื่นๆนั้นไม่คุ้มค่า รีดประสิทธิภาพเสียงออกมาได้ไม่เต็มที่

ผมให้เหตุผลว่าห้องฟังเพลงแบบไฮเอนด์นั้น ส่วนประกอบที่สำคัญมากๆมองข้ามไม่ได้เป็นอันขาดคือตัวห้องครับ
เพราะเสียงที่ออกมาให้เราได้ยินนั้น มันไม่ใช่เสียงของลำโพงอย่างเดียว มันมีเสียงสะท้อนต่างๆของห้องเข้ามาประกอบด้วย
ถ้าจะรีดประสิทธิภาพเสียงของชุดฟังให้ออกมาเต็มสูบนั้น ไม่ใช่แค่การเล่นของแพงๆอย่างเดียว

แต่การทำห้องห้องขึ้นมาโดยเฉพาะ เป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ เพราะ System ที่มีอยู่เดิมนั้นดีมากแล้ว
ถ้าทำห้องฟังเพลงโดยเฉพาะขึ้นมา รับรองว่าเอา System เดิมไปใช้ เสียงก็ดีขึ้นอย่างมากมายมหาศาลแล้วครับ

ทางเจ้าของชุดนี้ไม่รอช้าครับ ทำการบ้านต่อทันที ด้วยการติดต่อยอดฝีมือด้านนี้ทันที คือทีมออกแบบห้องฟังของ Deco2000
และทีมงานก่อสร้าง และ Interire ของ Master Plan มาทำการคุยกันทันทีครับ โดยการต่อเติมโครงสร้างชั้น 2 ขึ้นมา
และออกแบบเพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ เรียกได้ว่ามีเท่าไรใส่หมด จัดเต็มแบบไม่มีกั๊กครับ

และเมื่อได้แบบมาก็เริ่มทำการคุยถึงรายละเอียดในการก่อสร้างทั้งหมดครับ เพราะมันมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆต่างๆมากมาย
ซึ่งทางที่ก่อสร้าง จะต้องเก็บรายละเอียดให้ได้แบบเป๊ะๆ เพราะถ้าผิดนิดหน่อย การออกแบบทั้งหมดอาจจะไม่มีประโยช์เลยก็ได้
และเป็นโชคดีมากๆ ที่ทีมงานของ Deco2000 และ Master Plan มีความเป็นมืออาชีพสูง ทำความเข้าใจในแบบกันได้อย่างดีครับ
รวมถึงระบบทำความเย็น และระบบไฟฟ้าด้วย ทั้งหมดนี้ต้องร่วมมือกันอย่างดีครับ

เมื่อทุกอย่างเคลียร์ชัดเจน ก็เริ่มทำการก่อสร้างเลยครับ ซึ่งนอกจากจะทำห้องฟังที่ดีที่สุดแล้ว ยังต้องสวยงาม
ประโยชน์ใช้สอยครบถ้วนด้วย เพราะเจ้าของชุดนี้ เล่น Headphone ด้วยครับ อยากทำเป็น Music Library ใช้ฟังเพลงโดยเฉพาะ
ซึ่งการก่อสร้างต้องกินเวลาราวๆ 2 ปีครับ เพราะรายละเอียดการก่อสร้างเยอะมากๆ

โดยส่วนตัวเจ้าของ System นี้ เป็นคนชอบฟังเพลงมากๆอยู่แล้วครับ บางทีเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ก่อนนอนมานั่งฟังเพลง
ก็จะรู้สึกผ่อนคลาย เข้านอนหลับสบาย แถมบางทีก็หลับคาห้องฟังเลยก็มีครับ ในจุดต่างๆรอบบ้านนั้น ก็จะมีลำโพงวางไว้อยู่เป็นจุดๆ
เลือกเสียง และการใช้งานให้เหมาะกับบริเวณที่ใช้งานด้วยครับ อย่างตัวนี้เป็น Marshall Woburn วางไว้ใกล้ๆจุดปาร์ตี้รอบสระน้ำครับ
เปิดเสียงดังฟังมันส์ ตัวเดียวเอาอยู่เลยจ้าา

ด้านนี้ก็วาง TEAC แบบ All-in-one ไว้ที่โถงทางเดิน ใช้เปิดวิทยุ แผ่นเสียง แผ่น CD หรือเล่นเทปเก่าๆที่สะสมไว้ได้ด้วยครับ

หรือห้องทำงานอดิเรก ก็จะมีลำโพง Bluetooth อย่าง Beat และ Stanmore มาฟังแก้เหงา ช่วยสร้างความรื่นรมย์ในการทำงานอย่างดี

ส่วนรายละเอียดต่างๆในการสร้างห้องนี้ เดี๋ยวผมจะทยอยมาเล่าให้ฟังกันต่อครับ ซึ่งขอบอกว่าน่าติดตาม และได้ความรู้มาก
ท่านใดที่สนใจเล่นเครื่องเสียง คอยติดตามอ่านได้เรื่อยๆนะคร้าบบบ ^^

สุดยอดครับ รอติดตามครับผม ^^

ดูจากภาพประกอบแล้ว เจ้าของห้องน่าจะเป็นระดับเจ้าสัวคนนึงเลยนะครับ 55+

ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ จะรอติดตามตอนต่อไปครับ

แจ่ม

รอติดตามครับเห็นแค่ตัวลำโพงก็หนาวแล้ว จัดเต็มอลังการจริงๆ

ห้องฟัง เหมือนยานตลุยอวกาศ STAR TREK

คอยติดตามชมสกู๊ปของคุณหมูหวานนะครับ นอกจากชุดเครื่องเสียงบ้านที่สุดอลังแล้ว ที่นี่คือคลังแสงหูฟังใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยอีกด้วย คอยติดตามชมภาพนะครับ 555

อ่านเพลินเลยครับพี่หมูหวาน ติดตามๆ ครับ

อยากออกไปแตะขอบฟ้า แต่เหมือนว่าเงินในกระเป๋าตังค์ไม่เข้าใจ

ขอบคุณทุกๆท่านที่มาติดตามอ่านครับ เดี๋ยวคืนนี้มาเล่าให้ฟังต่อ เอาภาพการออกแบบห้องมาให้ชมก่อนครับ
อันนี้เป็นการออกแบบครั้งแรกเลย โดยตั้งใจให้คล้ายๆแกแลคซี่ ประมาณ Tron Legacy ครับ

มาดูกันต่อเลยดีกว่าครับ หลังจากที่โครงสร้างห้องภายนอกเริ่มเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ทำก็คือการพ่นโฟม PU รอบตัวห้องครับ
ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งเป็นฉนวนกันความร้อนจากนอกอาคารเข้ามา เก็บความเย็นในตัวห้อง รวมทั้งป้องกันเสียงสะท้อน

แค่พ่นโฟม PU ภายในห้อง เสียงก็เงียบลงเยอะมากๆเลยครับ ตอนที่ผมเข้าไปลอง รู้สึกได้เลยว่าความก้องของเสียงหายไป
ทีมงานก่อสร้างพ่นทั่วห้องทั้งบริเวณเพดาน และกำแพงห้องทั้งหมดครับ ดูแล้วคล้ายๆถ้ำหินเหมือนกันนะ

จากนั้นก็เริ่มวางระบบท่อแอร์ ซึ่งเลือกแบบที่ส่งเสียงรบกวนน้อยที่สุด ต้องคัดสรรค์อุปกรณ์ทุกอย่างแบบใส่ใจมาก
เพราะต้องการใส่มีเสียงรบกวนต่ำกว่า 20dB เรียกได้ว่าเอาเครื่องมือไปวัดกันทุกช่องที่มีลมออกครับ ว่าผ่านมตรฐานหรือป่าว

แล้วก็ถึงขั้นตอนการวางโครงสร้างที่พื้นครับ คอนเซปท์ก็คือการสร้างห้องขึ้นมาอีกชั้นนึง โดยไม่ให้แตะกับห้องปูนภายนอกเลย
หรือถ้าแตะก็ถือว่าน้อยมากๆ ตามแบบที่ผมดูก็คือพยายามทำให้เป็นห้องลอยๆอีกชั้นนึง เพื่อการซับเสียง
และสะท้อนเสียงออกมาในสัดส่วนที่พอดี โดยประมาณของห้องฟังเพลงจะอยู่ที่ราวๆ 50:50 (ซับเสียง:สะท้อน)
ต่างจากห้องดูหนังที่จะซับเสียง 80% ขึ้นไป แต่ถ้าทำแบบนั้นกับห้องฟังเพลงเสียงมันจะเดด คือฟังแล้วด้านๆ ไม่มีชีวิตชีวา

รอยต่อไม้แต่ละจุด ก็จะไม่สัมผัสกันโดยตรง ซึ่งตรงจุดนี้จะใช้กาว และแผ่นยางเท่านั้นครับ เป็นโครงสร้างฐานที่ละเอียดอ่อนมากๆ
ตอนช่างไม้ทำโครงนี่งงกันหมดครับ ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน ทางคนคุมงานต้องควบคุมทุกขั้นตอนอย่างดี

รูปนี้คือการวางแผ่นยางเพื่อป้องกันโครงไม้ ไม่ให้แตะกับพื้นห้องโดยตรงครับ เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำโครงสร้างพื้นแล้วจ้าา

จากนั้นก็เริ่มขึ้นโครงสร้างของผนังครับ ซึ่งจะเป็นจุดที่มีรายละเอียดการก่อสร้างเยอะที่สุด เพราะเมื่อขึ้นโครงเสร็จแล้ว
ยังต้องมีการทำผนังไม้อีกสองชั้นด้วย และกรยึดผนังแต่ละจุดก็ต้องไม่สัมผัสกับโครงไม้โดยตรงเช่นเดียวกับพื้น แต่ยากกว่าเยอะ

และเราต้องอาศัยอุปกรณ์ยึดที่มีชื่อว่า Resilient Channel ซึ่งต้องสั่งตรงจากนอก เพราะในไทยแทบไม่มีใครใช้เลย
มันจะช่วยให้การสั่นของผนังไม้ กับโครงสร้างไม่มีผลถึงกัน เพราะถ้าโครงสร้างสั่นตามผนังนั่นหมายความว่าทั้งห้องโดน Efffect หมด
การออกแบบห้องลอยของเราจะเสียแรงเปล่าไปเลย โดยการใช้งาน Resilient Channel นั้นต้องยึดให้ถูกวิธีด้วย ต้องเช็คกันทุกจุดเลยครับ

ลองดูคลิปอธิบายการทำงาน และการติดตั้ง Resilient Channel กันไปพลางๆก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเหลากันต่อ มีมันส์ๆอีกเยอะจ้าา

ตายๆๆๆ เฮียมั่นลงทุนทำห้องฟังเพลงใหม่ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

แฮ่ะ แฮ่ะ พี่อ่างอ่านตั้งแต่ต้นก่อนครับ 555 จ๊ากๆๆๆๆไม่ใช่ห้องโผ้มมมม 555

ห้องฟังเพลงผมก็คือน้องนอนบวกห้องทำงานและห้องทีวีครับ (4 in 1) จะหาที่เดินยังแทบไม่มีเลยครับพี่อ่าง 555

อ่า.......ผมเข้าใจครับเฮีย เฮียบอกซ้อไปอย่างนั้น ยังไงผมจะช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ครับ

เป็นกระทู้ที่อ่านสนุกจริงๆ ครับ

โอ้โฮ หมูหวาน เปิดโลกใหม่ให้ผมเลย แต่ถ้าให้เดินตามทางแบบนี้มีหวังต้องกินมาม่าตลอดชีวิตแน่ๆ

@น้าอ่างครับ
ผมรู้ว่าน้าก็มี safe house ลึกลับอยู่ แต่ผมไม่บอกซ้อเหมือนกันครับ 555

@Think คร้าบบบ
ต้องขออภัยด้วยที่ภาพอาจจะไม่ชมชัดนัก เพราะว่าเป็นการถ่ายในห้องมืดซะส่วนใหญ่
ไม่งั้นคงน่าอ่านกว่านี้ขึ้นไปอีกครับ

@ พี่สมเกียรติครับ
ห้องนี้น้องจากเล่นเครื่องเสียงแล้ว ยังเป็นคลังแสงหูฟังด้วยครับ คอยติดตามอ่านต่อนะคร้าบบบ

มันเป็นกรรมของผมที่อยู่ฮ่องกงจริงๆเลย
ที่อยู่อาศัยทำไมมันช่างคับแคบไปโหม๊ดดดดดด
ขยับซ้ายก็ชนฝาผนัง
ขยับขวาก็ชนฝาผนัง
ลุกกระโดดก็หัวชนเพดาน
มีลำโพงตั้งโต๊ะเล็กๆเปิดดังหน่อย ชั้นบนชั้นล่างห้องซ้ายห้องขวาก็บ่นกันอุ๊บ TT

ปล. ไม่มีอะไรหรอกแค่เห็นกระทู้นี้และก็ขอเข้ามาบ่นนิสนึงจ้าาา ^^

@น้าชาครับ
แบบนี้คงต้องเล่นลำโพง Monitor ตั้งโต๊ะแทนแล้วครับ
แนะนำว่า Swans X4 เสียงแหล่มสุดๆ เหมาะกับน้าชามากๆ 555

ตอนนี้ผมใช้แค่ ATC SCM7 ขับด้วย PS Audio P200+A100 ตั้งอยู่บนโต๊ะก็น่าจะพอแล้วนะครับ ^^

โอ้โห บรรยากาศห้องฟังเพลง นี่ยิ่งกว่าไป Nacecus อีกครับ

ลงชื่อครับ

แวะมานั่งดูเงียบๆ

ถ้าเป็นวิดีโอรีวิวนี่แจ่มเลยครับ ^^

@น้าชาครับ
ผมว่ายังไม่เหมาะครับ เล่นในที่จำกัด น่าจะเล่นลำโพง Active Monitor ที่สามารถชดเชย Crossover แบบ Active ได้
เปิดดค่อยๆรายละเอียดจะได้มาเต็มๆๆ น้าชาเคยลอง Emotiva ไหมครับ

มีเงินอย่างเดียวทำแบบนี้ไม่ได้นะเนี้ย


























ภรรยาต้องน่ารักสุดๆด้วย อิอิ

มาต่อกันเลยครับ หลังจากที่ทำการติด Resilient Channel และคานยึดทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
ก็ทำการติดแผ่นไม้หนา 21mm ทำเป็นผนังห้องครับ ซึ่งต้องเก็บรอยต่อทั้งหมดให้สนิท ไม่มีรอยต่อ
โดยต้องใช้ซิลิโคนยิงปิดร่องทั้งหมดครับ ถึงกับต้องเอาไฟส่องหารูกันเลยล่ะ

จากนั้นก็เริ่มทำแบบผนังข้าง ตามธีมห้องที่ออกแบบไว้ครับ ซึ่งจะเป็นแนวกาแลคซี่ ออกแนวทันสมัยหน่อย
ทีมช่างเอาเทปกาวป่ะทำรอยคร่าวๆ แล้วก็วัดระดับน้ำของเส้นแต่ละเส้น ให้ขนานกันทั้งหมด

มีการเปลี่ยนรูปแบบผนังข้างนิดนึง คือเดิมที่ใช้โทนสีเดียว ปรับเปลี่ยนเป็น 3 โทนครับ ดำ เทา และสีทองแดง
และเส้นร่องภายในห้องทั้งหมด จะเป็น LED แบบเส้น ที่สามารถปรับสี เปิด-ปิด แยกได้ทุกเส้นแบบอิสระ
สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้ตามที่เจ้าของต้องการครับ

จากที่ได้ลายเส้นของห้องตามที่ต้องการแล้ว ก็ทำการขึ้นโครงอีกชั้นครับ ซึ่งในชั้นนี้จะมีร่องไม้ยึดแต่ละจุด
พยายามซอยให้โครงไม้เป็นร่องถี่ห่างไม่เท่ากันเป๊ะ เพื่อป้องกันการ Resonance เสียงในช่วงความถี่เดียว

และนอกจากการซอยช่องแล้ว จำเป็นต้องมีการยัดใยแก้วเข้าไปอีกชั้นด้วย เพื่อไม่ให้เกิดรูมในผนังห้อง
จะทำให้เกิดปัญหากับความถี่ต่ำๆ ที่ออกจากลำโพงได้ และยังช่วยให้ห้องเงียบลงอีกเกือบๆ 5dB ครับผม

เรียบร้อยแล้วครับสำหรับขั้นตอนการทำ Acoustic ภายในผนัง เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้วล่ะ
ตอนนี้ก็เป็นขั้นตอนเก็บงาน และรอยต่อไม้ต่างๆ เพื่อให้พร้อมกับการทำ Finishing เพื่อความสวยงามแล้วครับ

เป็นไงบ้างครับ สำหรับการทำห้องฟังแบบจัดเต็ม ขนาดผมดูแล้วยังอยากรู้เลยว่า เสร็จแล้วเสียงจะออกมาขนาดไหน?

กระทู้หลายๆ กระทู้ของพี่หมูหวานควรปักหมุดไว้ค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้มากๆ ไม่ว่ากับคนเล่นเครื่องเสียงแบบไหน

สุดยอดดดด
อลังการมากครับพี่ !!!

ไม่ใช่บ้านเฮียมั่นแต่เป็นบ้านท่านเจ้าสัวหมูหวานใช่มั้ยครับ 555+

@nan79 คร้าบบบ
ถ้ามีเรื่องน่าสนใจเพิ่มเติม จะรีบมาเขียนให้อ่านนะครับ

@Five ครับผม
ผมคงเป็นได้แค่ข้าวตังหมูหยอง ยี่ห้อเจ้าสัวครับ ระดับผมเล่น Marshall ก็เหนื่อยแล้วล่ะ 555

หลังจากทำโครงสร้างทุกอย่างตามแบบแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทำห้องให้สวยงามแล้วครับ ทำตามแบบเป๊ะๆ
ให้ออกมาดูทันสมัย และสามารถใช้ประโยช์ต่างๆภายในห้องได้อย่างครบถ้วน
ขั้นตอนนี้จะง่ายสำหรับช่างก่อสร้างขึ้นมาหน่อย หลังจากที่ทำงานหินๆกันมาตลอดหลายเดือน

เก็บงานและรายละเอียดต่างๆจนครบทั่วห้องครับ ซึ่งจะต้องมีการฝังระบบไฟแบบ LED และ Down Light ในห้อง
และมีตัวควบคุมไฟในห้องแบบปรับได้ทุกจุด ปรับอารมณ์แสงได้ตามความต้องการจ้าา

เริ่มเทสระบบไฟกันแล้วครับ ซึ่งระบบไฟส่องสว่างภายในห้อง จะแยกไฟจากตู้เมนออกมาใช้โดยเฉพาะ
แยกกันจากระบบไฟที่ใช้ต่อเครื่องเสียงแบบเด็ดขาด ไม่ให้มีการรบกวนจากระบบไฟ ไปเข้า System ฟังเพลงครับผม

ตอนนี้ก็คือขั้นตอนเก็บงาน ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหมือนแบบที่ทำไว้เปี๊ยบเลย ขั้นตอนต่อไปคงต้องรอพรมมาติดตั้งที่พื้นครับ
ซึ่งพรมตามแบบนั้นมีปัญหาในการทำนิดหน่อย เพราะในการสั่งทอนั้นไม่สามารถทำรายละเอียดของภาพได้ครับ
จึงมีการเปลี่ยนแบบของพรม ซึ่งเดี๋ยวจะเอามาให้ดูกันอีกทีคร้าบบบ

พอห้องเรียบร้อยก็มาถึงระบบไฟครับ ที่เห็นอยู่นี้คือสายไฟที่ใช้ในการเดินเข้าปลั๊กแต่ละจุด เป็นสาย Thai yazaki 6 Sq.mm.
ซึ่งต้องเดินสายแยกกันทุกจุด สมมุติว่าภายในห้องมีรูปลั๊กเสียบเครื่องเสียง 12 ชุด ก็เดินสายไฟ 6 Sq.mm. 12 เส้นไปใช้งานครับ
และตอกกราวน์แยกของห้องเครื่องเสียงนี้ด้วยแท่งทองแดงยาว 2 เมตร ลึกแบบสุดๆเลยล่ะ

นี่คือตู้เมนคอนโทรลชุดไฟครับ ซึ่งแยกกันหมดทั้งระบบไฟส่องสว่าง ช่องเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ระบบแอร์ และอื่นๆครับ

และอันนี้คือที่ผมบอกไว้ คือปลั๊กเสียบเครื่องเสียงแต่ละจุด ทั้งหมด 12 จุดตามที่วางผังห้องไว้
วางระบบไว้ขนาดนี้ รับรองว่าไฟไม่มีอั้น ดึงกระแสไฟมากขนาดไหนก็รับมืออยู่ครับ
และบ้านหลังนี้ขอหม้อไฟแยกมาไว้ใช้เองด้วยครับ เรื่องระบบไฟนี่หายห่วงสุดๆเลยล่ะ

นี่คือปลั๊ก Outlet ทั้งหมดที่จะใช้ภายในห้องครับ ส่วนที่ใช้กับเครื่องเสียงเป็นปลั๊กของ Shunyata SR-Z1 ทั้งหมด
และปลั๊กที่ใช้กับเครื่องอื่นๆจะเป็นของ Cooper ครับ และ face Plate ทั้งหมดเป็น Aluminium Anodize สีดำ
ฝีมือจาก UT Audio ของพี่อุเทนนี่เองครับ

จากนั้นก็ติดตั้งปลั๊กเข้ากับผนังครับ ในฝั่งนี้จะเป็นฝั่งที่ใช้ปลั๊กเยอะที่สุด เลยต้องติดตั้งเรียงเป็นตับครับ
ตอนนี้ก็จบเรื่องระบบไฟในห้องแล้ว ส่วนที่เหลือรอติดตามกันต่อนะคร้าบบบ ^^

อย่างน้อยผมก็ภูมิใจว่าได้ใช้ปลั๊ก Shunyata เหมือนในห้องนี้ 555

สุดติ่งจริง ๆ ห้องนี้ สงสัยต้องไปสอยปลั๊ก Shunyata สักตัวเผื่อจะกลิ่นเหมือนห้องนี้บ้างสักนิด อย่างน้อยก็ปลั๊กไฟละครับ 555+

แค่ปลั๊ก งบก็พอผมจัดชุดฟังเพลงได้แล้วค้าบ 555

ใครอยากได้อารมณ์เสียงแบบไฮเอนด์แบบห้องนี้ หาปลั๊ก Shunyata มาใช้เลยครับ
ไม่ดีจริงเจ้าของห้องคงไม่ยอมใช้แน่นอนจ้าา ^^

ทำห้องคล้ายระบบกันสะเทือนแบบเขวนลอยนะครับ
หรือได้หลักการมาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงครับ

โหหห อ่านแล้วอ้าปากค้างเลยยยย

โลโก้ส่วนตัว สวยๆ

ขอบคุณพี่อุเทนสำหรับงาน Face Plate งามๆด้วยนะครับ ถ้าทำขายอีกแจ้งด้วยเน้ออ ^^

พรมมาแล้วครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี่ ว่ามีการเปลี่ยนลายพรมนิดนึง เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการทอ
เลยได้ลายใหม่มาแทนครับ เป็นลายคล้ายๆวงแหวนดาวเสาร์ ยังคงอยู่ในธีมของแกแลคซี่อยู่จ้าา

พรมที่สั่งทอนี้มีความหนาพอสมควรครับ เพื่อช่วยลดเสียงก้อง และเสียงสะท้อนภายในห้อง
ที่อาจะทำให้ลดทอนเสียงจาก System ได้ ตรงนี้ก็ต้องใส่ใจเหมือนกันนะครับ ไหนๆห้องก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว
และทีมช่างก็ติดตั้งพรมจนเสร็จเรียบร้อยครับ ขึ้นต่อไปก็จะเป็นเรื่องการวางอุปกรณ์ Acoustic ภายในห้องแล้วล่ะ

นี่คือส่วนของแผง Acoustic ที่จะใช้ภายในห้องครับ ออกแบบจำนวนที่ใช้ไว้แบบ Minimal จำนวนไม่เยอะมาก
เพราะห้องนั้นเราออกแบบมาอย่างดีแล้ว อุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับจูนเสียงไม่ต้องเยอะเหมือนห้องทั่วๆไปที่ไม่ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะ

แผ่นจูน Acoustic ที่ใช้จะมี Diffuser ของ Arte แล้วก็แผ่นจูนเสียงของ Stillpoint ที่ทำหน้าที่ทั้ง absorber, diffuser และ resonator เลยครับ
ซึ่งเราออกแบบไว้ใช้ด้านหน้า อย่างละ 4 ชิ้น และด้านข้าง ฝั่งละ 3 ชิ้นครับ โดยทำการตีกรอบไม้ให้มีขนาดเท่าๆกัน เพื่อความสวยงามด้วย

และที่สำคัญคือการออกแบบให้แผง Acoustic เหล่านี้ สามารถปรับเลื่อนได้แบบอิสระ เอาออกได้ หรือจะเพิ่มก็ได้
เพราะการเซ็ทอัพลำโพงแต่ละคู่นั้น อาจจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งของแผ่น Acoustics ได้
ทางทีมงานออกแบบจึงซ่อนฟังก์ชั่นนี้เข้าไปที่ผนังห้องด้านหน้า และด้านข้างด้วยครับ สะดวกต่อการใช้งานมากๆ

จากนั้นก็ต้องมีเก้าอี้นั่งฟังเพลงครับ เป็นเก้าอี้ที่สั่งตรงมาจากอิตาลี เพื่อให้เข้ากับธีมกาแลคซี่ด้วย
อารมณ์ประมาณว่านั่งแล้วเหมือนเป็นกับตันขับยานอวกาศ และก็มีผู้ช่วยนั่งอยู่อีกสองคนด้านหลังด้วยครับ
ผมลองนั่งแล้วต้องขอบอกว่านั่งสบายมากๆ นั่งฟังแป๊บจะน็คหลับเอาดื้อๆเลยคร้าบบบ 555

อันนี้ส่วนของประตูห้องครับ นอกจากจะใช้ประตูเก็บเสียงอย่างดีแล้ว ยังแอบมี Gimmick สวยๆ
โดยการใช้หลอดสูญญากาศ มาประดับที่หูจับของประตูด้วยครับ เห็นว่าจะทำฟังก์ชั่นจับประตูแล้วไฟติดด้วย

หน้าจอของระบบ Automation และการควบคุมระบบไฟให้ห้องครับ เป็นจอทัชสกรีน
ซึ่งกำลังเขียนโปรแกรมเพิ่มอยู่ ให้สามารถคอนโทรลผ่านมือถือ และ Tablet ได้เลยครับ
ตอนนี้ห้องเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ต่อไปก็จะถึงการย้ายของจากห้องเก่ามาแล้วคร้าบบ ^^

ปูเสื่อรอ ของจากห้องเก่าครับ ไม่ทราบว่าเจ้าของเค้าเบื่อๆ แล้วอยากทิ้งของจากห้องเก่าบ้างหรือเปล่าครับ รถผมว่างครับ ฮี่ๆๆ

เห็นว่าแกคันๆ อยากเปลี่ยนลำโพงอยู่ครับ พี่อ่างเอาคิว 1 เลยไหมครับ จะได้แจ้งแกไว้ก่อน :P

เพิ่งสังเกตุเห็นครับ ว่าป๋า อ.แห่ง UT audio เค้าคัสต้อม CNC ชื่อย่อเจ้าของลงบนกล่องอลูมิเนียมได้ด้วย เจ๋งอ่ะ 555

สุดยอดดด ได้แต่มองตาปริบๆ

ตอนนี้ห้องห้องเพลงใหม่ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ อยู่บนเหล่าเต๊งชั้นสองจ้าา
เริ่มแรกนี่คุยกันเล่นๆว่าจะต่อเติมชั้นสองขึ้นไปเป็นห้องฟัง เหมือนคุยกันเล่นๆ
แต่สุดท้ายทีมงานออกแบบสามารถทำได้จริงๆครับ แถมออกมาสวยซะด้วยล่ะ

ถึงวันเริ่มย้ายของจากห้องเดิมแล้วครับ วันนี้เหมือนเป็นวันฤกษ์ดีสุดๆ เพราะบนท้องฟ้ายังส่งสัญญาณแจ้ง
แหงนขึ้นไปมองนั้นเกิดปรากฎการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดครับ เหมทือนกับส่งสัญญาณให้เราเริ่มขนย้ายได้วันนี้

ทางทีม Deco2000 เข้ามากันชุดใหญ่ถึง 3 คันรถ พนักงานมืออาชีพถึง 6 คน รวมผมก็อีก 1 ตัว 555
พร้อมอุปกรณ์การเคลื่อนย้ายอย่างครบครัน เพราะเครื่องเสียงเหล่านี้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษครับไม่ให้เกิดริ้วรอย
และความเสียหายในขณะเคลื้อนย้ายจ้าาา

เริ่มจากการวางแผนก่อนครับ ว่าต้องนำชิ้นไหนไปก่อนหลัง ซึ่งเริ่มจากการเซฟค่าของ Setting ต่างๆใน System ไว้
และถอดสายต่างๆออกมาให้หมดก่อนครับ ก่อนจะทำการเคลื่อนย้ายของใหญ่ๆออกไปก่อน ซึ่งก็คือลำโพง และแอมป์

ทีมงานเริ่มเคลื่อนย้ายลำโพง Wilson Audio รุ่น Alexia ออกจากห้องเดิมครับ เห็นลำโพงตัวเท่านี้ แต่น้ำหนักมากสุดๆ
น้ำหนักอยู่ที่ 116.12 kg ต่อข้างครับ เหมือนต้องอุ้มคนสองคนออกจากห้องเลยทีเดียว เล่นเอาหอบกันทั้งทีม 5555

และงานหนักชิ้นต่อไปก็คือแอมป์ VTL Siegfried Series II แบบ Mono Block ครับ ซึ่งน้ำหนักก็ไม่ใช่เล่นๆอีกเช่นกัน
หนักราวๆ 90 kg. ต่อตัวครับ พอยกสองอย่างนี้ออกมาได้ ทีมงานถึงกับต้องขอพักทานข้าว เติมพลังกันเลยทีเดียวจ้าา

ห้องดูหนังเดิม เริ่มโล่งแล้วครับ หลังจากยกยักษ์ใหญ่สองอย่างออกไปได้ ตอนนี้ก็เหลือแต่ชั้นวางเครื่องเสียง
,ชุดเล่นเพลงของ dCS Vivaldi กับปรีแอมป์, Phono Stage ของ VTL และเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Bergman ครับผม

โชคดีของทางทีมงานที่เจ้าของบ้านออกแบบลิฟท์ไว้ใช้งานด้วยครับ การขนย้ายของขึ้นไปชั้นบนเลยสะดวกอย่างมาก
ซึ่งลิฟท์นั้นออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักได้ 200kg. ทำให้ต้องเคลื่อนย้ายทีละชิ้น และเข้าไปประคองของไว้ครับ

ส่วนทีมงานสามารถติดตามขึ้นไปช่วยยกออกจากลิฟท์ ด้วยทางเข้าด้านหลังแบบ Excusive นั่นก็คือนั่งร้านแบบไฟฟ้าครับ
ซึ่งออกแบบไว้ใช้หนีออกไปเที่ยวกลางคืน เอ๊ยๆๆ ไว้ยกของขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมากๆที่ไม่สามารถเอาเข้าลิฟท์ได้

และตัวผมก็ไม่ได้นิ่งเฉยครับ ช่วยยกของเหมือนกันของหนักซะด้วย ไม่ใช่น้ำหนักเยอะนะครับ ผมหมายถึงราคาหนักหน่วง
เป็นสายสัญญาณ และสายไฟของ Nordost Valhalla ครับ เรียกได้ว่าถ้าสายไปเส้นนึง ผมอาจจะต้องไปเฉือนไตขายชดให้แน่ๆ
เลยเป็นภาระที่ใหญ่หลวงสุดๆครับ (จริงๆแล้วอู้งาน ไม่ยอมยกของหนักๆ 555)

อูยยยยยย เห็นแต่ละชิ้นแล้วจะเป็นลม

จัดเต็มสุดๆเลยครับแต่ละอย่าง ทั้งห้องทั้งอุปกรณ์เครื่องเสียงเห็นแล้วตาค้างเลย ทั้งหมดกี่ล้านครับนี่55555 แค่กองสายไฟตรงนั้นก็จะเป็นลมล่ะ อยากลองฟังมั่งจัง55
ปล.ห้องสวยมากครับ ธีมอวกาศเท่จริงๆ

คำว่าจัดเต็มไม่น่าจะพอบรรยายครับ 5555

จัดเต็มทุกอย่างเลยครับ


ส่วนงานอลูฯ พักยาวๆ ข้ามปีกันไปเลยครับ ติดงานหลวงยาวๆ

งานนี้ใครกำลังจะทำห้องฟังเพลง หรือมีคนรู้จักสนใจจะทำ สามารถดูข้อมูลได้เลยครับ
เพราะการลงทุนกับชุดหลักล้าน ถ้าลงทุนทำห้องฟังขึ้นมาโดยเฉพาะ มันถึงจะได้ใช้ System แบบคุ้มค่าจริงๆจ้าา

อ่านเพลินเลยครับพี่หมูหวาน

เท่าที่พี่หมูหวานรู้ห้องนี้ถือว่าที่สุดในประเทศหรือยังครับ หรือว่ามีเหนือกว่านี้อีก เอิ้กๆๆๆ

@Think คับ
ในไทยน่าจะมีหลายห้องนะครับ แต่จริงๆคนเล่นเครื่องเสียงชุดใหญ่ๆไม่ค่อยบอกวิธีการเล่น
หรือสูตรการทำห้องกัน ซึ่งจริงๆน่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะแนะนำกันนะ เพื่อให้เสียงออกมาคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

มาๆๆต่อกันเลยคร้าบบบ หลังจากที่ช่วยกันลำเลียงของขึ้นมาในห้องเรียบร้อยแล้ว ก็ของเต็มห้องแบบนี้แหละครับ
รอการจัดเรียง และเซ็ทอัพต่อให้เรียบร้อย ดูบรรยากาศแล้วคล้ายๆย้ายบ้านใหม่เหมือนกันนะ 555

ทำการ Setup ตำแหน่งวางของต่างๆ เริ่มจากของใหญ่ๆวางแอมป์ แล้วก็ลำโพงก่อนครับ
เน้นพิเศษเรื่องตำแหน่งลำโพงครับ เอาไว้ให้ใกล้เคียงกับตำแหน่งที่คำนวณไว้
เพราะการขยับหรือเคลื่อนย้ายนั้นไม่ได้ทำง่ายๆ เนื่องจากลำโพงมีน้ำหนักมากฝุดๆ

ที่บอกว่าตำแหน่งลำโพงที่คำนวณไว้นั้น ตอนออกแบบห้องเราสามารถรู้ตำแหน่งคร่าวๆของที่ตั้งได้ครับ จะไม่หนีจากนั้นมาก
เพราะทั้งหมดเป็นเรื่องของหลักฟิสิกส์ Room mode response ครับ ถ้าใครใช้ไสยศาสตร์มาเซ็ทให้นี่อย่าไปเชื่อเลยนะครับ 555

แล้วก็มาถึงส่วนที่ติดตั้งยากขึ้นมาหน่อย ก็คือชั้นวางเครื่องเสียงของ Stillpoint ครับ ซึ่งเจ้าของชุดสั่ง Custom มาเป็นแบบ Grid
แทนอะคริลิค ซึ่งจะช่วยให้ลดการสั่น และ Resonance ของตัวเครื่อง ทำให้คุณภาพเสียงที่ออกมาดีกว่าชั้นวางธรรมดาหลายเท่าเลยครับ

ติดตั้ง Grid เรียบร้อย ก็เริ่มลำเลียงเครื่องเข้าไปครับ ซึ่งของราคาระดับนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากเป็นพิเศษ
ทีมงานทุกคนต้องมีถุงมือและผ้าในการทำงานตลอด เพื่อป้องกันเครื่องเป็นรอย และช่วยกันเล็งหน้าหลังให้ดีๆครับ

วางเครื่องเสร็จแล้วก็ออกมาแบบนี้ครับ ซึ่งถ้าไปดูตามงานเครื่องเสียงระดับโลก ก็จะเห็นชุด dCS อยู่กับ VTL
เป็นชุด Reference อยู่ตลอด เพราะฝั่ง dCS ก็เป็นหนึ่งในผู้นำเรื่องการฟังเพลงแบบ Digital
และ VTL ก็ไม่เป็นรองใครในฝั่งของแอมป์ครับ การเอามาใช้คู่กันนี่เลยเป็นสิ่งที่ลงตัวสุดๆเลยจ้าาา

เริ่มเสียบสายสัญญาณ และสายต่อต่างๆในการใช้งานแล้วครับ สายดูอีรุงตุงนังยุ่งเหยิงพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นสาย Digital
ของทางฝั่ง DAC ครับ เพราะมันมีทั้ง Transport, DAC, Upsampler แล้วก็ Clock ครับ ต้องมีการป้อน Word clock ไปมา
ซึ่งจะดีกว่าการใช้ Clock ภายในตัวเยอะมากๆครับ

ลืมเอาภาพของ Diffuser ที่ตั้งตั้งเสร็จแล้วให้ชมเลยครับ เสร็จเรียบร้อยสวยงาม แถมประโยชน์การใช้สอยครบถ้วน
สามารถสไลด์ไปหน้าหลังได้ เพื่อให้จูนเสียงได้ง่าย และถ้าต้องการเพิ่มหรือลด ยังสามารถเอาออก เอาเพิ่มได้เลยจ้าา

หากถามว่าห้องนี้ที่สุดหรือเปล่าในเรื่องมูลค่า ผมว่าประเทศไทยน่าจะมีอีกหลายห้องครับ

แต่ถ้าถามว่าห้องฟังที่สร้างแบบพิถีพิถันที่สุดในไทย ผมว่าห้องฟังห้องนี้น่าจะใช่เลยครับ 555



ผมรอจังหวะให้เค้าหายยุ่ง จูนเสียงให้เข้าที่ เรียงอุปกรณ์ให้เข้าที่เข้าทางจริงๆ แล้วผมจะขออนุญาตเจ้าของเค้าไปฟังด้วยครับ แล้วจะมาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ 555

คืนนี้ผมติดภารกิจนิดหน่อย ขอพักหนึ่งวันนะครับ ห้องนี้ยังมีเรื่องราวอีกเยอะครับ รวมถึงหูฟังด้วย
และต่อจากนี้ก็ยังมี Story อีกเรื่อยๆ น่าจะยาวเป็นมหากาพย์ได้ครับ 5555

ตอนนี้เซ็ทอัพทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ เหลือทดสอบด้วยการเปิดฟัง เป็นขั้นตอนที่เจ้าของห้อง และทีมงานรอคอย
เพราะเสียงชุดนี้ที่ห้องเก่าทุกคนได้ฟังหมดแล้ว อยากฟังเสียงของห้องใหม่เต็มที หลังจากที่ทุ่มเททำงานกันทุกฝ่าย

เริ่มทดสอบเสียงกันเลยดีกว่าครับ เริ่มจากตำแหน่งลำโพงที่คำนวณไว้ และแผง Difusser ต่างๆวางตามมาตรฐาน
จุดนั่งฟังอยู่เกือบๆกลางห้อง วัดระยะนั่งฟัง และใช้โปรแกรมของ Wilson Audio ในการเซ็ท Position ของเสียงกลาง-แหลมครับ
เพราะตัวลำโพงเสียงกลาง และเสียงแหลมของ Wilson Alexia สามารถปรับเดินหน้า ถอยหลัง
แก้เรื่องเฟสของเสียงให้ออกมาถึงหูเราพร้อมกันได้ครับ

อันนี้คือแผ่นที่คุ้นๆหู เพื่อใช้ในการทดสอบครับ ซึ่งจะต้องเป็นเพลงที่เจ้าของ System คุ้นหูเป็นอย่างดี
เพื่อให้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างเสียงจากห้องเก่า และเสียงที่ได้จากห้องใหม่ครับผม
ยกตัวอย่างเช่นเพลง Spanish Harem ของ Rebecca Pidgeon, อัลบั้มของไท่ชิน รองเท้าแดง และ Amber Rubarth

หลังจากที่ลองฟังกันไม่กี่เพลง ทุกคนก็ลงความเห็นตรงกันเลยว่า ชุดเดิมๆ เพียงแค่ย้ายมาห้องใหม่
เสียงดีกว่าเดิมเกิน 50% เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเสียงต่ำที่มีพลังขึ้น เวทีเสียงที่ใหญ่กว่าเดิมมาก
มิติชิ้นดนตรี โฟกัสดีขึ้นทุกอย่าง มาถึงตอนนี้ทีมงาน และเจ้าของห้องก็ยิ้มกันแก้มปริเลยครับ

แล้วก็มีการลองขยับลำโพง เดินหน้า-ถอยหลัง ทดสอบความเปลี่ยนแปลงของเสียงที่ได้
เพื่อหาจุดลงตัวของ System กับตัวห้องให้มากที่สุดครับ ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเซ็ทลำโพง
นั่นก็คือการหาตำแหน่งที่ตอบสนองเสียงต่ำได้ดีที่สุดครับ เพราะถ้าได้ตำแหน่งนี้ อย่างอื่นก็ง่ายขึ้นแล้วล่ะ

การขยับลำโพงใน System และห้องที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของเสียงระดับนี้
ต้องขยับกันในระดับทีละนิ้ว หลังๆตอนใกล้ลงตัวนี่ขยับทีละเซ็นติเมตรเลยครับ ขยับทุกครั้งมีผลต่อเสียงเลย
หลายๆท่านอาจไม่เชื่อ แต่ทุกคนในห้อง รวมทั้งเพื่อนๆเจ้าของห้องนั้นหายสงสัยเลยครับ เพราะเราขยับนิดเดียว
เสียงเปลี่ยนไปแบบฟังออกได้ง่ายๆเลยว่า เปลี่ยนแปลงตรงจุดไหนบ้าง เอาแค่ถอดหน้ากากลำโพงก็ฟังออกแล้วครับ

หลังจากเซ็ทอัพลำโพงได้ตำแหน่งที่ใกล้เคียงที่สุดแล้ว เราก็เริ่มมาจูนแผง Diffuser ต่อครับ ลองขยับ ลองเลื่อนหาตำแหน่ง
ที่ให้เสียงมีโฟกัสที่ดี แยกแยะตำแหน่งได้เด็ดขาด และมิติเสียงกว้างโอบล้อมจุดนั่งฟังครับ
ซึ่งทางทีมงานเลยเอา Diffuser ที่แผงด้านหน้าออกหนึ่งชุด จากเดิม 4 แถว เหลือเพียง 3 แถว ทำใมห้มิติเสียงด้านหน้าดีชัดเจน
เป็นการเซ็ทอัพที่ต้องทดสอบจริงๆเท่านั้นครับ ถึงจะบอกได้ว่าใช้กี่ชิ้น เราเลยออกแบบไว้ให้สามารถเลื่อนได้ ถอดออกได้ตามแผน

ตอนนี้ทุกอย่างใกล้ลงตัวแล้วครับ เสียงที่ออกมาน่าพอใจมาก มีแผ่นเพลงกี่แผ่นก็ต้องเอาลองฟังกันใหม่
เพราะอยากได้ยินว่าเสียงที่เคยฟัง กับดารเซ็ทอัพใหม่นี้ แตกต่างกันมากเพียงไหน บางแผ่นที่เคยฟังแล้วเฉยๆ
แต่พอเอามาฟังใหม่ใน System นี้ ก็ได้พบรายละเอียดเสียงบางอย่างที่ไม่เคยได้ยิน ทำให้นั่งฟังได้นานขึ้น
บางอัลบั้มนี่ฟังเพลินจนจบแผ่นไม่รู้ตัวเลยครับ

ผลของเสียงที่ได้จากการเอาชุดเก่าย้ายมาห้องนี้ทั้งหมดนั้น ต้องขอบอกเลยว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆๆครับ
เสียงออกมาเหมือนกับซื้อ System ใหม่ทั้งชุด เปิดโอกาสให้เครื่อง และสายสัญญาณทุกชิ้น แผลงฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่
ซึ่งการเล่นเครื่องเสียงแบบ Super Hi-End แบบนี้ คงไม่ใช่แค่การซื้อของไปวางๆเฉยๆ มันต้องใส่ใจทุกจุด ทุกอย่างจริงๆจ้า

เดี๋ยว part หน้าจะพาไปทัวร์ห้องเล่นหูฟังกันต่อครับ รับรองว่า High-End ไม่แพ้กันเลย เป็น System ในฝันของหลายๆท่านเลยล่ะ

จบกระทู้ได้อลังการงานสร้างมากๆครับพี่หมูหวาน

ผมนี่ปูเสื่อรอชมห้องเล่นหูฟังต่อเลยครับ

มาต่อกันที่ห้องด้านนอกบ้างครับ ซึ่งทางเจ้าของบ้าน ออกแบบเป็นห้องสำหรับหูฟัง และลำโพงแบบไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะ
ขนาดประตูด้านนี้ยังออกแบบเป็นลักษณะของคลื่นเสียง และเล่นแสงเล่นไฟได้สวยงามมากๆครับ

ของชิ้นนึงที่ผมตกใจในค่าตัวของมันมากๆก็คือบันไดที่เห็นในรูปครับ เป็นของสั่งตรงมาจากเยอรมัน ซึ่งใช้เลื่อนไปมาได้
พับเก็บได้ แถมเวลาขึ้นไปเหยีบแล้วแน่นหนาแข็งแรงมากๆ ไม่มีกระดุกกระดิก ส่วนราคาของมันก็อยู่ที่ 6 หลักครับ o_O'

ภายในเก๊ะต่างๆถูกออกแบบไว้สำหรับเก็บแผ่น CD และ SACD เพลงทั้งหมด ซึ่งที่เห็นอยู่นี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยครับ
เพราะยังย้ายจากห้องเก่ามาไม่หมด ต้องค่อยๆทยอยย้ายมาเรื่อยๆ และคาดว่าต่อไปเก๊ะอาจจะไม่พอเก็บแผ่นครับ
เป็นนักเล่นอีกท่านนึงที่เน้นคุณภาพของไฟล์เพลงต้นฉบับ ไม่ได้หาโหลดตามเน็ทมาฟัง ซึ่งคุณภาพเสียงจะหายไปเยอะมากๆครับ

อันนี้เป็นลำโพงที่ใช้ในห้องนี้ครับ เป็นลำโพงเสียงดีสุดอเนกประสงค์ของ JBL รุ่น Authentics L16 ซึ่งใช้ได้ทั้ง
Wi-Fi, Bluetooth, Optic, Analog จนไปยัน Phono stage นู่นเลยครับ เอามาตั้งไว้ห้องนี้ได้ใช้งานเต็มๆเลยจ้าา

ส่วนตรงนี้เป็น Portable Player ของ Astell&Kern ที่ซื้อมาใช้ครับ มีทั้งรุ่น 380, SS, Bluenote แล้วก็ Copper มาแบบครบๆ
ซึ่งตัว AK Bluenote น่าจะเป็นชุดเดียวของประเทศไทยครับ ซื้อเครื่องแล้วได้เพลงของค่ายทั้งหมด 75 อัลบั้มมาในเครื่องเลย

ด้านนี้ก็เป็นสองพี่น้องของ Sennheiser HD800 และ HD800S ซึ่งมีหูฟังอีกเยอะเลย แต่ยังเอาขึ้นชั้นวางไม่ครบ
เพราะว่าสั่งชั้นวางไป 12 ชุด แต่ทีมช่างเข้าใจผิดเลยทำมาแค่ 6 ชุด ทำให้เพื่อนๆหูฟังทั้งหมดยังขึ้นมาเรียงไม่ครบจ้า

ตรงด้านนี้จะมีนาฬิกาหลอด Nixie Clock วางอยู่ด้วยครับ ซึ่งเจ้าของสั่งตรงมาจาก ebay มาเป็นชุดคิท
ขออวดหน่อยว่าตัวนี้ผมเป็นคนประกอบเองกะมือเลยล่ะ 555 ท่านใดสนใจจะสั่งมาเล่น สนนราคาจะอยู่แถวๆสองหมื่นบาทครับ

ทางด้านนี้เป็นม้านั่งสำรองสำหรับแอมป์ครับ เพราะ Shelf ที่วางชุดหูฟังมีพื้นที่จำกัด ถ้าผู้เล่นเครื่องไหนเหนื่อย
สามารถถอดออกมาพักที่ม้านั่งสำรองนี้ได้ครับ มีหลายช่องอยู่แต่ยังถ่ายมาไม่ครบ มีอีกหลายอัฒจันทร์เลยจ้าา

นี่ก็เป็นม้านั่งสำรองของหูฟังครับ เป็นหูฟังที่นั่งชมอยู่ริมสนาม เรียงกันอย่างเป็นระเบียบ รอเจ้าของชุดเปลี่ยนตัวเข้าสนาม
ซึ่งหูฟังทุกตัวไม่ได้ซื้อมาเก็บอย่างเดียวครับ มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาใช้ตลอด ยิ่งขิงประเภทนี้ หากวางทิ้งไว้เฉยๆ
ไม่เอามาใช้งานบ้าง มันจะเสียหายได้ครับ ทั้งฟองน้ำ หรือหนังหุ้ม headband ก็เช่นกันครับ

ก่อนจะไปดูไฮไลท์ของห้องหูฟังกัน ขอฝากภาพของขุมพลังในห้องนี้ให้ชมไว้ก่อนนะครับ เอาเป็นว่าแค่ท่อไฟเข้าก็จัดเต็มแล้ว
น่าจะเป็นชุดเล่นหูฟังที่ดีที่สุด ค่าตัวแรงในประเทศไทยเลยครับ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังเพิ่มกันอีกทีนะคร้าบบบ ^^

ไม่มีคำไหนเหมาะสมไปกว่าคำว่า "สุดติ่ง" เลยครับ

ห้องในฝันเลย สวยงามมาก

ผมว่าหลายๆ คนที่เข้ามาอ่านกระทุ็นี้ อยากจะได้แบบนี้ไว้ที่บ้านเหมือนกัน ... ได้แต่มองและก็กลืนน้ำลาย

แม่เจ้าโว้ย อยากได้สุดๆ แต่ต้องดู ฐานะเราด้วย 555
บ่นไปงั้นแหละ

เดี๋ยวเวบบอร์ดมั่นคงจะปิด 3 วัน เพื่อทำการย้ายข้อมูลไปเวบใหม่ ผมขออุปตัวชุดหูฟังไว้ ไปโพสท์ตอนขึ้นเวบใหม่เลยดีกว่าเนอะ
ระหว่างนี้ขอแอ็คติ้งกับชุดลำโพงหน่อยครับ ชีวิตนี้ไม่รู้ว่าจะได้ถ่ายกับชุด Super High-End แบบนี้กี่ครั้ง 5555

เวบใหม่เฮียยังไม่เสร็จ ไม่เป็นไร เรามาเปิดเผยโฉมหน้าของชุดหูฟังแบบ Super High-End กันเลยดีกว่าครับ
นี่คือคลังแสงที่รวมแอมป์หูฟัง และหูฟังระกับท็อปของวงวงการเลยครับ เอาแค่ Shelf Stillpoint ที่ใช้ก็ปาไป 4 แสนกว่าๆแล้วล่ะ T-T

สายด้านหลังใช้เป็นของ Nordost รุ่น Heimdall แทบทั้งหมดเลยครับ ยกเว้นสายไฟเมนที่มาเข้า จะเป็น Valhalla 2 ครับ
ส่วนปลั๊กกรองไฟที่ใช้เป็นของ Nordost รุ่น QB กับ Shunyata Cyclop ครับผม แถมเพิ่มอุปกรณ์ช่วยกรองไฟอย่าง QV และ QX อีกด้วย
เอาเป็นว่าเฉพาะสายไฟ สายสัญญาณเห็นก็จะเป็นลมแล้วครับ ผมนี่ไม่กล้าเดินเฉียดเลย กลัวเดินเกี่ยวสาย เครื่องร่วงมาช็อค 555

เห็นสายด้านหลังยุ่งเหยิงแบบนี้ แม่บ้านอาจจะไม่ชอบครับ แต่ถ้าเป็นคนเล่นเครื่องเสียงด้วยกันแล้ว ต้องร้องว่า "เค้าอยากได้แบบนี้ "

ทางทีมงานของ Deco2000 หลังจากที่ขนข้าวของเซ็ทอัพเรียบร้อยแล้ว ก็เลยขอมาทดสอบฟังเสียงกันหน่อยครับ
ใครเห็นก็อยากรู้ว่าเสียงมันจะไปได้สุดขนาดไหน เห็นนั่งกันเล่นแบบนี้ จบไปหลายเพลงแบบไม่ยอมลุกกันเลยจ้าา

คุณหลุยส์ของเราก็ไม่พลาดครับ ขอเสพเสียงจากชุดนี้ซะหน่อย แล้วบอกเลยว่า เซ็ทอัพหูฟังที่สุดแบบนี้ ยังไม่เคยเจอ
ส่วนใหญ่จะมีแค่ชุด หรือสองชุดในบ้าน แต่ที่นี่ ถ้าเอาหูฟัง กับแอมป์มาจับคู่กัน น่าจะพอๆกับที่มั่นคงเรือธงเลยครับ
ผมกับเจ้าหลุยส์แซวพี่เค้าบ่อยๆว่าสนใจเป็น Showroom มั่นคง สาขาชลบุรีไหม 555